ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (1)

วันที่ 17 พฤศจิกายน

ทีมของฟางผิงเจอเป้าหมายของภารกิจอีกครั้ง

พวกจ้าวชิงที่ติดตามฟางผิง ยังไม่ทันกระโจนเข้าวงต่อสู้

กลับเห็นเงาของฟางผิงพลิกเปลี่ยนไปร้อยแปดพันเก้า ชั่วพริบตาปลายเท้าก็โจมตีเข้าที่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างเหมาะเจาะจนน่าเหลือเชื่อ

“ตุ้บ…”

เสี้ยวนาทีนั้นทุกคนจึงมองเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดที่อยู่ตรงหน้าล้มไปชักกระตุกกับพื้น

จ้าวชิงสีหน้าเปลี่ยน เอ่ยเสียงเบาว่า “หัวหน้า นาย…”

“ช่วงนี้พัฒนาขึ้นนิดหน่อย”

ฟางผิงพูดอย่างเรียบนิ่ง แต่ในสายตาพวกจ้าวชิงนั้น เอาอะไรมาพัฒนาขึ้นนิดหน่อย

ความสามารถของฟางผิงในคลาสพิเศษ อยู่ในประเภทที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมาโดยตลอดอยู่แล้ว

แต่ช่วงแรกเวลาที่ฟางผิงรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด ยังต้องโรมรันกันอยู่พักใหญ่ ถึงกระทั่งต้องให้พวกเขาร่วมด้วย จึงจะคลี่คลายสถานการณ์ได้

ตอนนี้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

รับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด แทบจะใช้เวลาชั่วพริบตาเดียว ทั้งอาจจะมีสาเหตุมาจากเป้าหมายไม่ค่อยมีฝีมือได้ด้วยเช่นกัน

ฟางผิงไม่พูดอะไรอีก อาจารย์ที่ติดตามพวกเขาคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

มองสำรวจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังฟางผิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยาก “ลงมืออย่างเฉียบขาด โจมตีจนตายในครั้งเดียว ฉายาดาวเด่นหน้าใหม่ ตอนนี้นับว่าคู่ควรแล้ว”

ฟางผิงไม่ปริปากพูดอะไร นี่เป็นสิ่งที่เขาใช้ชีวิตแลกมา

ตั้งแต่วันที่สองจนถึงตอนนี้เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว เขารับภารกิจทั้งหมดเจ็ดภารกิจ นอกจากจับเป็นสามครั้ง สี่ครั้งที่เหลือล้วนจับตายทั้งหมด

เวลาครึ่งเดือนฆ่าผู้ฝึกยุทธ์กับมือไปแล้วสี่คน

รวมกับครั้งก่อนที่มหาวิทยาลัย เข้าเรียนไม่ถึงสามเดือน ผู้ฝึกยุทธ์ที่ตายในน้ำมือเขามีถึงหกคนแล้ว!

ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย ฟางผิงไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย

เมื่อเกิดหลายครั้ง จิตใจของฟางผิงจึงมีการเปลี่ยนแปลง วิธีการต่อสู้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน

ตั้งแต่แรกที่หวาดกลัวจนถึงตอนนี้เปลี่ยนเป็นคุ้นชิน ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ภารกิจทุกครั้งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

อาจารย์ขั้นห้าคนนั้นเอ่ยต่อว่า “ภารกิจครั้งนี้ฟางผิงรับไปหกสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนอื่นๆ เฉลี่ยกัน”

พวกจ้าวชิงสามคนไม่เห็นต่าง ฟางผิงไม่คัดค้านเช่นกัน

แม้เขาจะเป็นคนฆ่า แต่พวกจ้าวชิงเป็นคนช่วยตามหาคนเช่นกัน

บางครั้งความยากของภารกิจไม่ได้อยู่ที่ฆ่าคน แต่เป็นการหาตัวคน

เป้าหมายของการจับกุมพวกนี้ บางคนซ่อนตัวได้อย่างลึกล้ำ บางคนรู้ตำแหน่งแบบกว้างๆ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่กว่าฟางผิงจะหาเป้าหมายในเจ็ดภารกิจเจอ ก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว

นอกจากสองภารกิจแรก ห้าภารกิจที่ทำอยู่ตอนนี้ฟางผิงแทบไม่ได้กลับไปเอาคะแนนที่มหาวิทยาลัยเลย

คำนวณในใจแล้ว ห้าภารกิจเขาจะได้ทั้งหมดสิบห้าคะแนน

นี่ยังไม่ได้นับรวมรางวัลที่มหาวิทยาลัยจะให้อีกเท่าตัว ถ้านับรวมจะกลายเป็นสามสิบคะแนน

การสะสมคะแนนเช่นนี้ถือว่าทำได้รวดเร็วแล้ว

ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ฟางผิงพาทีมออกมาจากเขตของโรงงานไปพลาง

ด้านนอกเขตโรงงาน รองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนในพื้นที่นำกำลังคนเฝ้าอยู่รอบนอก

เห็นพวกฟางผิงออกมา ชั่วขณะนั้นจึงเอ่ยอย่างดีใจ “คุณฟาง คน…”

“คนตายแล้ว”

ฟางผิงตอบกลับ อดมองรองผู้อำนวยการผู้นี้ไปทีไม่ได้

นี่เป็นแค่รองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนของเมืองระดับอำเภอเล็กๆ เพราะเป็นเมืองเล็กๆ หน่วยสืบสวนจึงไม่ได้มีฝีมือมาก

ฟางผิงไม่ได้เจอผู้อำนวยการของพวกเขา คนผู้นี้คือรองผู้อำนวยการ ทั้งยังเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดเท่านั้น

ดูจากรูปร่างแล้ว ตอนนี้จะลงมือได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้นับวันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางผิงลอบถอนหายใจเบาๆ เพราะมีชีวิตที่สงบสุขมาหลายปี ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณพวกนี้ถึงได้มีเยอะขึ้น

แต่ตอนนี้ถ้ำใต้ดินอันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เบื้องบนจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือเปล่า?

ความจริงหลายวันมานี้ฟางผิงรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้เหมือนกัน

บางทีอาจเป็นเพราะภัยของถ้ำใต้ดินอันตรายมากขึ้น ช่วงนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

สองวันนี้บนอินเทอร์เน็ตมีการถกเถียงกันอย่างร้อนระอุ

จู่ๆ ก็มีข่าวลือออกมาว่า อาจจะมีการออกนโยบายใหม่

ภายหลังการแบ่งลำดับขั้นของผู้ฝึกยุทธ์ในสังคม จะไม่ใช้แค่ปราณและการหลอมกระดูกแล้ว

ก่อนหน้านี้จะแบ่งขั้นผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมค่อนข้างง่าย ขั้นหนึ่งดูที่ปราณ ขั้นหนึ่งขึ้นไปดูที่จำนวนการหลอมกระดูก

ส่วนหลังจากหลอมกระดูกเสร็จแล้ว จะแบ่งแยกยังไง ตอนนี้ฟางผิงยังไม่รู้เช่นกัน

แต่จากที่ได้ยินเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของปราณ ไม่ใช้เรื่องประสบการณ์การต่อสู้

ปัจจุบันแต่ละฝ่ายกำลังร่วมปรึกษาหารือ เตรียมจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เริ่มต้นแบ่งลำดับขั้นผู้ฝึกยุทธ์ใหม่

หากออกนโยบายใหม่ขึ้นมาจริงๆ บางทีผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณอาจจะสูญเสียตำแหน่งและลำดับขั้นตอนนี้ไปเลยก็ได้

หลายวันนี้บนอินเทอร์เน็ตโต้แย้งกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

อันที่จริงเรื่องราวภายในนั้นไม่อาจจบลงได้จริงๆ

ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปนับวันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ได้ครองตำแหน่งใหญ่โต

หากมีการแบ่งลำดับขั้นใหม่ พวกเขายังจะสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้หรือเปล่าล่ะ?

ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้จะไม่ยินยอม ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบจริงก็มีบางส่วนที่คิดว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูงได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสามารถเรื่องอื่นของพวกเขา หากลบฐานะผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเขาออกไป นโยบายที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้บางส่วนต้องเปลี่ยนแปลงตามเหมือนกัน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก่อคลื่นกระทบค่อนข้างกว้าง ยังมีบางส่วนเสนอว่า ภายหลังให้ผู้ฝึกยุทธ์และนักวิชาการแบ่งหน้าที่กัน ผู้ฝึกยุทธ์รับตำแหน่งฝ่ายทหาร นักวิชาการรับตำแหน่งฝ่ายพลเรือน ข้อแนะนำเช่นนี้ได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน

หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ผู้ฝึกยุทธ์ที่เพียบพร้อมด้วยพลังจะยินยอมอยู่ภายใต้การปกครองของนักวิชาการที่ไร้แรงแม้แต่ฆ่าไก่พวกนั้นหรือไง?

ยินยอมที่จะรับบทนักสู้ เผชิญกับอันตรายของถ้ำใต้ดินอยู่ฝ่ายเดียว?

อาจจะมีคนยินยอม แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่จะเห็นด้วย

ช่วงนี้ข่าวพวกนี้ยังคงโหมสะพัดกันอยู่ ทั้งยังไม่ได้กระทบกับฟางผิงในตอนนี้มากมายนัก

ความคิดวาบผ่านขึ้นมาก่อนจะสลายไป ฟางผิงรับมือกับรองผู้อำนวยการที่ชวนคุยอย่างเป็นมิตร

หลังจากปฏิเสธคำเชิญไปกินข้าวเย็นอ้อมๆ แล้ว เขาก็พาพวกจ้าวชิงจากไปอย่างรวดเร็ว

โรงแรมของเมืองระดับอำเภอ

ฟางผิงโทรถามความคืบหน้าจากจ้าวเสวี่ยเหมย

ทางจ้าวเสวี่ยเหมยหลังจากแยกกับฟางผิงก็ทำภารกิจเสร็จสิ้นไปสองภารกิจ

น้อยกว่าทีมฟางผิงไปหนึ่งภารกิจ ทั้งในทีมยังมีคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

จ้าวเสวี่ยเหมยตอบกลับมาสองสามประโยค ก่อนฟางผิงจะได้ยินถงซงถิงสอดแทรกเข้ามา “ฉันไปสืบข่าวมา ทีมของฟู่ชางติ่ง ตอนนี้สะสมได้เก้าสิบคะแนนแล้ว ยังไม่นับรวมกับที่มหาวิทยาลัยให้! พวกเฉินอวิ๋นซีน้อยกว่าอยู่นิดหน่อย สะสมได้เจ็ดสิบคะแนน ทีมจ้าวเหล่ยได้เยอะสุด แม้จะมีคนตาย แต่หลังจากรักษาร่างกายหายดีแล้ว พวกเขายังคงรับภารกิจขั้นสองต่อ ตอนนี้สะสมได้หนึ่งร้อยคะแนน! ทางหยางเสี่ยวม่านพอๆ กับฟู่ชางติ่ง…ส่วนพวกเรารวมกันทั้งสองฝั่ง สะสมได้เก้าสิบสี่คะแนน นี่เพราะรวมกับรางวัลสามสิบคะแนนที่ให้ในภารกิจสือเฟิงครั้งก่อน ไม่งั้นพวกเราคงจะได้เยอะกว่าเฉินอวิ๋นซีไปนิดเดียวเท่านั้น…”

ภารกิจของสือเฟิงครั้งก่อน คำนวณเพิ่มเท่าตัวแล้วจึงได้หกสิบคะแนน คะแนนนี้ห่างไกลจากรางวัลภารกิจขั้นสองอยู่มาก

แม้จะเป็นสามสิบคะแนน กลับทำให้ลำดับห่างไกลขึ้นมา

หากไม่มีสิบห้าคะแนนนี้ พวกฟางผิงอาจมีไม่ถึงแปดสิบคะแนนด้วยซ้ำ

เทียบกับในห้าทีมไม่ถือว่าสูงเลย

ตนนี้ถงซงถิงร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด

ระยะห่างจากสิ้นเดือน เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะถูกทีมหลังๆ นำเอาได้

ฟางผิงเงียบไปพักใหญ่ “งั้นความหมายของนายคือ…”

“ฉันคิดว่า พวกเราแบ่งเป็นสองทีม แต่ไม่ใช่แบ่งเหมือนตอนนี้ นาย ฉัน จ้าวเสวี่ยเหมยรวมทีมสามคน ไปทำภารกิจขั้นสอง ส่วนพวกจ้าวชิงแบ่งเป็นอีกทีม ไปทำภารกิจขั้นหนึ่ง ตอนนี้ความสามารถของพวกเราเพิ่มขึ้นไม่น้อย แบ่งทีมตามรูปแบบเดิม พาพวกจ้าวชิงไปทำภารกิจขั้นสอง อาจจะเสียเวลาเปล่า หรือจะจัดการให้ละเอียดกว่านั้น แบ่งเป็นสามทีม พวกโจวเยวี่ยหงรับผิดชอบข้อมูลเป็นหลักอยู่แล้ว ต้องติดต่อกับหน่วยสืบสวนช่วยพวกเราหาตัวคน ส่วนพวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ รอแค่พวกเขาส่งข่าวมา ก็ตรงดิ่งไปหาเป้าหมายภารกิจเลย นายคิดว่ายังไง?”

———————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 137 นักศึกษาศิลปะการต่อสู้มหาวิทยาลัยอื่น (1)

วันที่ 17 พฤศจิกายน

ทีมของฟางผิงเจอเป้าหมายของภารกิจอีกครั้ง

พวกจ้าวชิงที่ติดตามฟางผิง ยังไม่ทันกระโจนเข้าวงต่อสู้

กลับเห็นเงาของฟางผิงพลิกเปลี่ยนไปร้อยแปดพันเก้า ชั่วพริบตาปลายเท้าก็โจมตีเข้าที่ลำคอของอีกฝ่ายอย่างเหมาะเจาะจนน่าเหลือเชื่อ

“ตุ้บ…”

เสี้ยวนาทีนั้นทุกคนจึงมองเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดที่อยู่ตรงหน้าล้มไปชักกระตุกกับพื้น

จ้าวชิงสีหน้าเปลี่ยน เอ่ยเสียงเบาว่า “หัวหน้า นาย…”

“ช่วงนี้พัฒนาขึ้นนิดหน่อย”

ฟางผิงพูดอย่างเรียบนิ่ง แต่ในสายตาพวกจ้าวชิงนั้น เอาอะไรมาพัฒนาขึ้นนิดหน่อย

ความสามารถของฟางผิงในคลาสพิเศษ อยู่ในประเภทที่ค่อนข้างแข็งแกร่งมาโดยตลอดอยู่แล้ว

แต่ช่วงแรกเวลาที่ฟางผิงรับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด ยังต้องโรมรันกันอยู่พักใหญ่ ถึงกระทั่งต้องให้พวกเขาร่วมด้วย จึงจะคลี่คลายสถานการณ์ได้

ตอนนี้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

รับมือกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด แทบจะใช้เวลาชั่วพริบตาเดียว ทั้งอาจจะมีสาเหตุมาจากเป้าหมายไม่ค่อยมีฝีมือได้ด้วยเช่นกัน

ฟางผิงไม่พูดอะไรอีก อาจารย์ที่ติดตามพวกเขาคนนั้นปรากฏตัวขึ้นในสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

มองสำรวจอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะมองไปยังฟางผิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มที่พบเห็นได้ยาก “ลงมืออย่างเฉียบขาด โจมตีจนตายในครั้งเดียว ฉายาดาวเด่นหน้าใหม่ ตอนนี้นับว่าคู่ควรแล้ว”

ฟางผิงไม่ปริปากพูดอะไร นี่เป็นสิ่งที่เขาใช้ชีวิตแลกมา

ตั้งแต่วันที่สองจนถึงตอนนี้เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้ว เขารับภารกิจทั้งหมดเจ็ดภารกิจ นอกจากจับเป็นสามครั้ง สี่ครั้งที่เหลือล้วนจับตายทั้งหมด

เวลาครึ่งเดือนฆ่าผู้ฝึกยุทธ์กับมือไปแล้วสี่คน

รวมกับครั้งก่อนที่มหาวิทยาลัย เข้าเรียนไม่ถึงสามเดือน ผู้ฝึกยุทธ์ที่ตายในน้ำมือเขามีถึงหกคนแล้ว!

ก่อนจะเข้ามหาวิทยาลัย ฟางผิงไม่เคยนึกถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย

เมื่อเกิดหลายครั้ง จิตใจของฟางผิงจึงมีการเปลี่ยนแปลง วิธีการต่อสู้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดหย่อนเช่นกัน

ตั้งแต่แรกที่หวาดกลัวจนถึงตอนนี้เปลี่ยนเป็นคุ้นชิน ลงมืออย่างโหดเหี้ยม ภารกิจทุกครั้งล้วนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

อาจารย์ขั้นห้าคนนั้นเอ่ยต่อว่า “ภารกิจครั้งนี้ฟางผิงรับไปหกสิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนคนอื่นๆ เฉลี่ยกัน”

พวกจ้าวชิงสามคนไม่เห็นต่าง ฟางผิงไม่คัดค้านเช่นกัน

แม้เขาจะเป็นคนฆ่า แต่พวกจ้าวชิงเป็นคนช่วยตามหาคนเช่นกัน

บางครั้งความยากของภารกิจไม่ได้อยู่ที่ฆ่าคน แต่เป็นการหาตัวคน

เป้าหมายของการจับกุมพวกนี้ บางคนซ่อนตัวได้อย่างลึกล้ำ บางคนรู้ตำแหน่งแบบกว้างๆ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่กว่าฟางผิงจะหาเป้าหมายในเจ็ดภารกิจเจอ ก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งเดือนแล้ว

นอกจากสองภารกิจแรก ห้าภารกิจที่ทำอยู่ตอนนี้ฟางผิงแทบไม่ได้กลับไปเอาคะแนนที่มหาวิทยาลัยเลย

คำนวณในใจแล้ว ห้าภารกิจเขาจะได้ทั้งหมดสิบห้าคะแนน

นี่ยังไม่ได้นับรวมรางวัลที่มหาวิทยาลัยจะให้อีกเท่าตัว ถ้านับรวมจะกลายเป็นสามสิบคะแนน

การสะสมคะแนนเช่นนี้ถือว่าทำได้รวดเร็วแล้ว

ในใจครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ ฟางผิงพาทีมออกมาจากเขตของโรงงานไปพลาง

ด้านนอกเขตโรงงาน รองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนในพื้นที่นำกำลังคนเฝ้าอยู่รอบนอก

เห็นพวกฟางผิงออกมา ชั่วขณะนั้นจึงเอ่ยอย่างดีใจ “คุณฟาง คน…”

“คนตายแล้ว”

ฟางผิงตอบกลับ อดมองรองผู้อำนวยการผู้นี้ไปทีไม่ได้

นี่เป็นแค่รองผู้อำนวยการหน่วยสืบสวนของเมืองระดับอำเภอเล็กๆ เพราะเป็นเมืองเล็กๆ หน่วยสืบสวนจึงไม่ได้มีฝีมือมาก

ฟางผิงไม่ได้เจอผู้อำนวยการของพวกเขา คนผู้นี้คือรองผู้อำนวยการ ทั้งยังเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดเท่านั้น

ดูจากรูปร่างแล้ว ตอนนี้จะลงมือได้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ

ผู้ฝึกยุทธ์แบบนี้นับวันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ

ฟางผิงลอบถอนหายใจเบาๆ เพราะมีชีวิตที่สงบสุขมาหลายปี ผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณพวกนี้ถึงได้มีเยอะขึ้น

แต่ตอนนี้ถ้ำใต้ดินอันตรายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เบื้องบนจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหรือเปล่า?

ความจริงหลายวันมานี้ฟางผิงรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้เหมือนกัน

บางทีอาจเป็นเพราะภัยของถ้ำใต้ดินอันตรายมากขึ้น ช่วงนี้จึงมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย

สองวันนี้บนอินเทอร์เน็ตมีการถกเถียงกันอย่างร้อนระอุ

จู่ๆ ก็มีข่าวลือออกมาว่า อาจจะมีการออกนโยบายใหม่

ภายหลังการแบ่งลำดับขั้นของผู้ฝึกยุทธ์ในสังคม จะไม่ใช้แค่ปราณและการหลอมกระดูกแล้ว

ก่อนหน้านี้จะแบ่งขั้นผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมค่อนข้างง่าย ขั้นหนึ่งดูที่ปราณ ขั้นหนึ่งขึ้นไปดูที่จำนวนการหลอมกระดูก

ส่วนหลังจากหลอมกระดูกเสร็จแล้ว จะแบ่งแยกยังไง ตอนนี้ฟางผิงยังไม่รู้เช่นกัน

แต่จากที่ได้ยินเหมือนจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของปราณ ไม่ใช้เรื่องประสบการณ์การต่อสู้

ปัจจุบันแต่ละฝ่ายกำลังร่วมปรึกษาหารือ เตรียมจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เริ่มต้นแบ่งลำดับขั้นผู้ฝึกยุทธ์ใหม่

หากออกนโยบายใหม่ขึ้นมาจริงๆ บางทีผู้ฝึกยุทธ์ที่มีดีแค่ปราณอาจจะสูญเสียตำแหน่งและลำดับขั้นตอนนี้ไปเลยก็ได้

หลายวันนี้บนอินเทอร์เน็ตโต้แย้งกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

อันที่จริงเรื่องราวภายในนั้นไม่อาจจบลงได้จริงๆ

ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปนับวันก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้ได้ครองตำแหน่งใหญ่โต

หากมีการแบ่งลำดับขั้นใหม่ พวกเขายังจะสามารถรักษาตำแหน่งนี้ไว้ได้หรือเปล่าล่ะ?

ไม่ใช่แค่ผู้ฝึกยุทธ์พวกนี้จะไม่ยินยอม ผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มสู้รบจริงก็มีบางส่วนที่คิดว่าไม่เหมาะสมเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไปปีนขึ้นไปอยู่ตำแหน่งสูงได้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับความสามารถเรื่องอื่นของพวกเขา หากลบฐานะผู้ฝึกยุทธ์ของพวกเขาออกไป นโยบายที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้บางส่วนต้องเปลี่ยนแปลงตามเหมือนกัน การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ก่อคลื่นกระทบค่อนข้างกว้าง ยังมีบางส่วนเสนอว่า ภายหลังให้ผู้ฝึกยุทธ์และนักวิชาการแบ่งหน้าที่กัน ผู้ฝึกยุทธ์รับตำแหน่งฝ่ายทหาร นักวิชาการรับตำแหน่งฝ่ายพลเรือน ข้อแนะนำเช่นนี้ได้รับการปฏิเสธเช่นเดียวกัน

หากเป็นแบบนั้นจริงๆ ผู้ฝึกยุทธ์ที่เพียบพร้อมด้วยพลังจะยินยอมอยู่ภายใต้การปกครองของนักวิชาการที่ไร้แรงแม้แต่ฆ่าไก่พวกนั้นหรือไง?

ยินยอมที่จะรับบทนักสู้ เผชิญกับอันตรายของถ้ำใต้ดินอยู่ฝ่ายเดียว?

อาจจะมีคนยินยอม แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ฝึกยุทธ์ส่วนใหญ่จะเห็นด้วย

ช่วงนี้ข่าวพวกนี้ยังคงโหมสะพัดกันอยู่ ทั้งยังไม่ได้กระทบกับฟางผิงในตอนนี้มากมายนัก

ความคิดวาบผ่านขึ้นมาก่อนจะสลายไป ฟางผิงรับมือกับรองผู้อำนวยการที่ชวนคุยอย่างเป็นมิตร

หลังจากปฏิเสธคำเชิญไปกินข้าวเย็นอ้อมๆ แล้ว เขาก็พาพวกจ้าวชิงจากไปอย่างรวดเร็ว

โรงแรมของเมืองระดับอำเภอ

ฟางผิงโทรถามความคืบหน้าจากจ้าวเสวี่ยเหมย

ทางจ้าวเสวี่ยเหมยหลังจากแยกกับฟางผิงก็ทำภารกิจเสร็จสิ้นไปสองภารกิจ

น้อยกว่าทีมฟางผิงไปหนึ่งภารกิจ ทั้งในทีมยังมีคนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย

จ้าวเสวี่ยเหมยตอบกลับมาสองสามประโยค ก่อนฟางผิงจะได้ยินถงซงถิงสอดแทรกเข้ามา “ฉันไปสืบข่าวมา ทีมของฟู่ชางติ่ง ตอนนี้สะสมได้เก้าสิบคะแนนแล้ว ยังไม่นับรวมกับที่มหาวิทยาลัยให้! พวกเฉินอวิ๋นซีน้อยกว่าอยู่นิดหน่อย สะสมได้เจ็ดสิบคะแนน ทีมจ้าวเหล่ยได้เยอะสุด แม้จะมีคนตาย แต่หลังจากรักษาร่างกายหายดีแล้ว พวกเขายังคงรับภารกิจขั้นสองต่อ ตอนนี้สะสมได้หนึ่งร้อยคะแนน! ทางหยางเสี่ยวม่านพอๆ กับฟู่ชางติ่ง…ส่วนพวกเรารวมกันทั้งสองฝั่ง สะสมได้เก้าสิบสี่คะแนน นี่เพราะรวมกับรางวัลสามสิบคะแนนที่ให้ในภารกิจสือเฟิงครั้งก่อน ไม่งั้นพวกเราคงจะได้เยอะกว่าเฉินอวิ๋นซีไปนิดเดียวเท่านั้น…”

ภารกิจของสือเฟิงครั้งก่อน คำนวณเพิ่มเท่าตัวแล้วจึงได้หกสิบคะแนน คะแนนนี้ห่างไกลจากรางวัลภารกิจขั้นสองอยู่มาก

แม้จะเป็นสามสิบคะแนน กลับทำให้ลำดับห่างไกลขึ้นมา

หากไม่มีสิบห้าคะแนนนี้ พวกฟางผิงอาจมีไม่ถึงแปดสิบคะแนนด้วยซ้ำ

เทียบกับในห้าทีมไม่ถือว่าสูงเลย

ตนนี้ถงซงถิงร้อนใจอย่างเห็นได้ชัด

ระยะห่างจากสิ้นเดือน เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะถูกทีมหลังๆ นำเอาได้

ฟางผิงเงียบไปพักใหญ่ “งั้นความหมายของนายคือ…”

“ฉันคิดว่า พวกเราแบ่งเป็นสองทีม แต่ไม่ใช่แบ่งเหมือนตอนนี้ นาย ฉัน จ้าวเสวี่ยเหมยรวมทีมสามคน ไปทำภารกิจขั้นสอง ส่วนพวกจ้าวชิงแบ่งเป็นอีกทีม ไปทำภารกิจขั้นหนึ่ง ตอนนี้ความสามารถของพวกเราเพิ่มขึ้นไม่น้อย แบ่งทีมตามรูปแบบเดิม พาพวกจ้าวชิงไปทำภารกิจขั้นสอง อาจจะเสียเวลาเปล่า หรือจะจัดการให้ละเอียดกว่านั้น แบ่งเป็นสามทีม พวกโจวเยวี่ยหงรับผิดชอบข้อมูลเป็นหลักอยู่แล้ว ต้องติดต่อกับหน่วยสืบสวนช่วยพวกเราหาตัวคน ส่วนพวกเราไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ รอแค่พวกเขาส่งข่าวมา ก็ตรงดิ่งไปหาเป้าหมายภารกิจเลย นายคิดว่ายังไง?”

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+