ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

ด้านนอกร้านอินเตอร์เน็ต

ฟางผิงใบหน้าเด็ดเดี่ยว แววตาแฝงความแข็งกร้าว

ไม่แข็งกร้าวก็คงไม่ได้!

หลังจากท่องอินเตอร์เน็ตมาหนึ่งชั่วโมง ฟางผิงก็สรุปเรื่องบางอย่างได้

อย่างเช่นว่า ผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร?

ผู้ฝึกยุทธ์ในโลกปัจจุบันนั้นไม่แตกต่างกับนิยายกำลังภายในหรือภาพยนตร์จอมยุทธ์ในชาติก่อนนัก

แค่เปลี่ยนสถานการณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น อาชีพผู้ฝึกยุทธ์กำลังรุ่งเรืองโชติช่วงในยุคนี้

แม้อาชีพผู้ฝึกยุทธ์จะเป็นอาชีพที่ใช้ทักษะสูง แต่ก็ใช่ว่าฟางผิงจะต้องสนใจ

แต่ในชาตินี้ ผู้ฝึกยุทธ์กลับไม่ใช่อาชีพที่ใช้ทักษะสูงเท่านั้น สิ่งที่มากกว่านั้นคืออำนาจและตำแหน่ง!

หลักการปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล

ก่อนกลับชาติมาเกิด ความแตกต่างเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏชัดเจนมากนัก ทุกคนก็เป็นคนธรรมดาที่ถูกปืนยิงล้มได้

แต่ในโลกที่เขากลับมาเกิดนี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ ความแตกต่างจึงเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้ที่หยางเจี้ยนพูดเรื่องขีดจำกัดของการเมืองและการทำธุรกิจ ตอนนี้ฟางผิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว

คนทั่วไปจะทำอาชีพอะไร ล้วนไม่มีข้อจำกัด

แต่ตามกฎหมาย…ใช่แล้ว มีกฎหมายที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร!

ถ้าบริษัทอยากจะขยายธุรกิจออกนอกเมือง ฝ่ายกฎหมายของบริษัทจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์

และถ้าจะขยายข้ามมณฑลอื่น ฝ่ายกฎหมายของบริษัทก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ต่ำกว่าขั้นสี่!

จากข้อมูลที่ฟางผิงค้นเจอในอินเตอร์เน็ต การฝึกยุทธ์ในปัจจุบันแบ่งเป็นเก้าขั้น ขั้นหนึ่งต่ำสุดและขั้นเก้าสูงที่สุด

ขั้นสี่ลงไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่าง ขั้นเจ็ดขึ้นไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง และคนกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์

อยากจะขยับขยายบริษัทไปเมืองอื่น อันดับแรกฝ่ายกฎหมายของบริษัทต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์อันดับสี่ขึ้นไป

ทั้งหากเป็นบริษัทข้ามชาติ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายที่แน่ชัด แต่ฟางผิงก็หาในเน็ตอย่างลวกๆ แล้ว หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะดีแค่ไหน ได้รับความนิยมขนาดไหน ผลีผลามเข้าไปอยู่ในประเทศอื่น ภูมิภาคอื่น นั่นแทบไม่ต่างจากการส่งคนไปตาย

แม้ว่าในบริษัทจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด ก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองก่อน

อย่างเช่น ปรมาจารย์หม่าในตอนนี้!

ผลิตภัณฑ์ของเพนกวินกรุ๊ป ไม่แตกต่างจากชาติก่อนมากนัก เน้นไปที่การสื่อสาร ปัจจุบัน QQ[1] ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในโลกออนไลน์ของประเทศจีน

แต่ก็จำกัดแค่ในประเทศจีน!

เพนกวินกรุ๊ปไม่อาจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียได้ แม้ก่อนหน้านี้หม่าฮั่วเถิงจะบรรลุขั้นเจ็ด แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลก็ปล่อยแอปพลิเคชั่นสื่อสารออกมาเช่นเดียวกัน มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดนั่งรักษาการณ์ในภูมิภาคเอเชีย

ยามนี้หม่าฮั่วเถิงไม่อาจพิสูจน์พละกำลังของตัวเองได้ เมื่อไม่สามารถใช้เรื่องนี้แย่งชิงทรัพยากรกับกูเกิล ก็อย่าได้คิดจะขยับขยายไปด้านนอกเลย

เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ คนที่คุณส่งไปขยับขยาย อาจจะหายไปไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืน

มีเพียงการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองให้โลกภายนอกและสหายร่วมวงการเป็นที่ประจักษ์เท่านั้น คุณถึงจะสามารถขยับขยายได้อย่างสบายใจ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่หม่าฮั่วเถิงบรรลุขั้นแปด ก็เลือกท้าประลองกับแทมทันที

การประลองครั้งนี้ แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือพิสูจน์ว่ายามนี้หม่าฮั่วเถิงได้บรรลุถึงขั้นแปด มีคุณสมบัติจะแย่งชิงผลประโยชน์กับกูเกิลได้แล้ว

นี่เป็นกฎเกณฑ์ของแวดวงธุรกิจ แวดวงอื่นๆ ก็คงไม่แตกต่างจากนี้เท่าไหร่

ทรัพยากรน้อยหรือมาก ตัดสินจากความแข็งแกร่งที่สั่งสมของผู้ฝึกยุทธ์อีกฝ่าย

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือ เล็ดลอดออกมาว่า ผู้ว่าหนานเจียงใกล้จะทะลวงด่านสำเร็จแล้ว หยางเจี้ยนพูดเรื่องนี้ด้วยความตื่นเต้น สาเหตุก็คงเป็นเช่นนี้

ผู้ว่าระดับปรมาจารย์ย่อมสามารถแย่งชิงทรัพยากรที่มากกว่าให้กับหนานเจียงได้

แวดวงการเมือง ธุรกิจ ทหารก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งวงการบันเทิงและอาชีพอื่นย่อมไม่ต่าง

พวกศิลปินที่มีชื่อเสียง นอกจากต้องมีฝีมือ หน้าตาโดดเด่น ยังจำเป็นต้องมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา

เพราะหากคุณไม่แข็งแกร่ง คุณกอบโกยเงินไปเท่าใด ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้

เว้นเสียแต่ว่า จะมีพ่อแม่ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง

ทายาทเศรษฐีในยามนี้ แทบจะเรียกรวมกันว่า…ทายาทผู้ฝึกยุทธ์!

เพราะคนที่มีเงินมีอำนาจ ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น

คนธรรมดาทั่วไปส่วนหนึ่งก็ก้าวเดินไปไกลได้เช่นกัน แต่เบื้องหลังคนพวกนี้กลับมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่

ทั้งต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองออกมา มีเงื่อนไขเข้มงวดยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์เสียอีก

ถ้าไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็จะถูกจดให้เป็นพวกปลายแถว ไม่มีตำแหน่งอำนาจในสังคม

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ใครๆ ก็อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์

แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยื่นสมัครงานในบริษัทเล็กๆ อย่างน้อยที่สุดทุกปีก็มีรายรับเป็นล้านแล้ว

ในความเป็นจริงคนที่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งต่างก็เป็นหัวกะทิในสังคมทั้งนั้น

เว้นเสียแต่คนพวกนี้จะยอมศิโรราบให้คนที่แข็งแกร่งกว่า การปล่อยกิจการให้รัฐจัดการนับว่าพบเห็นได้น้อย ส่วนมากมักจะก่อตั้งบริษัทขึ้นเอง

เทียบกับคนทั่วไปแล้ว พวกเขามีอำนาจกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้เงินทองมากเท่าไหร่ ก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่นอยู่ดี”

ฟางผิงลอบพึมพำกับตัวเอง นี่นับเป็นเรื่องจริงที่เจ็บปวด

จากที่ค้นหาข้อมูลเจอในอินเตอร์เน็ต นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต่างจากชาติก่อนมาก

นั่นหมายความว่า หากฟางผิงอยากจะเริ่มต้นธุรกิจ เรื่องความคิด ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่ปัญหา

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟางผิงไม่มีความสามารถปกป้องตัวเอง ถ้าอยากหาเงินเล็กๆ น้อยๆ คงพอได้ แต่อยากจะทำกิจการใหญ่โตคงเป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ

ขยับขยายบริษัทข้ามเขตเพียงเล็กน้อยย่อมเป็นไปได้ว่าจะถูกแย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากระบบกฎหมายของประเทศจีนยังนับว่าไม่สมบูรณ์แบบ

ทางการก็มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากนั่งรักษาการณ์เช่นกัน

อย่างเช่นตอนนี้ ในยุคนี้ยังไม่มีแอปพลิเคชั่นวีแชท

หากฟางผิงทำขึ้นมา ก็มีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง หนึ่งคือกลายเป็นของคนอื่น

สองคือ ถูกใช้แพร่หลายในเมือง กลายเป็นของเล่นบันเทิงใจให้กับกลุ่มคนเล็กๆ หากแพร่หลายออกจากนอกเมือง แม้ว่าจะมีกำไรมากเท่าไร นั่นก็ไม่ใช่ของเขา ส่วนใครจะเป็นเจ้าของ ก็ต้องดูความสามารถของแต่ละฝ่าย

คนทั่วไปใช้ชีวิตอยู่กับการตอกบัตรเข้างานสบายๆ หากเก่งขึ้นมาหน่อย ก็เปิดบริษัทเล็กๆ อยู่ในเมืองอย่างคลอนแคลน

แม้จะอยู่ในเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย

การใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงและอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้ นับว่ามีข้อจำกัดกับคนทั่วไปมากกกว่าชาติก่อนเสียอีก

หากฟางผิงไม่อยากเป็นคนธรรมดา ก็ต้องกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์

แม้ว่าเขาอยากจะกลายเป็นคนธรรมดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องหรือความปลอดภัย?

ดีที่โลกนี้ยังมีคนธรรมดาอาศัยอยู่มาก สังคมไม่ได้ละทิ้งหรือ ตัดขาดความหวังในการลืมตาอ้าปากพวกเขาเสียทีเดียว

เกาเข่านับว่าเป็นความหวังในการพลิกชะตาของคนทั่วไปจำนวนมาก

ในปัจจุบันโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งก็เปิดสอนวิชาวรยุทธ์ขึ้นมา เพื่อให้ศึกษาเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ ไม่ถึงกับดับความหวังของคนธรรมดาทั่วไปไปซะหมด

ทั้งยังมีโรงเรียนสอนวรยุทธ์โดยเฉพาะ จะเปิดรับนักเรียนยามที่สอบเกาเข่าเช่นกัน

แต่คำพูดโบราณกล่าวไว้ได้ดี คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

ผู้ฝึกยุทธ์มีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายย่อมต่างจากคนทั่วไปอยู่มากโข เลี้ยงลูกผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งต้องเสียเงินทองนับไม่ถ้วน

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากสอบเข้าสายวรยุทธ์ได้ ได้รับทรัพยากรการดูแลจากประเทศ ย่อมเป็นเรื่องที่มีเกียรติน่าภาคภูมิ

ดังนั้นการสอบของนักเรียนสายวรยุทธ์จึงยากยิ่งกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในชาติที่แล้ว!

ปี 2007 มีนักเรียนเข้าร่วมสอบเกาเข่าจำนวนทั้งหมดเก้าล้านคน

แต่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศนั้นรับนักเรียนสายวรยุทธ์เข้าไม่ถึงสองหมื่นคนเท่านั้น นี่เป็นผลรวมจากจำนวนโรงเรียนทั้งหมด

ชาติก่อนแม้ว่าพวกมหาวิทยาลัยชิงหวาเป่ยต้า จะรับนักเรียนไม่กี่พันคน แต่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ก็รับจำนวนไม่น้อยเช่นกัน รวมกับโรงเรียนมัธยมปลายเก้าร้อยแปดสิบห้าแห่ง ทุกปีจึงมีการรับนักเรียนกว่าหนึ่งแสนคน

แต่ในชาตินี้ทั่วประเทศมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยสายวรยุทธ์และโรงเรียนสายวรยุทธ์โดยเฉพาะเกินกว่าหนึ่งร้อยแห่ง มหาวิทยาลัยหนึ่งร้อยแห่ง รับนักเรียนสองหมื่น คิดค่าเฉลี่ยออกมานับว่าเป็นจำนวนที่น้อยอย่างยิ่ง

ไม่นานมานี้สัดส่วนการรับอยู่ที่หนึ่งส่วนห้าร้อย ดูเหมือนไม่น้อย ในความเป็นจริงนั่นเป็นเมืองหลวง เทียบกับสัดส่วนในเมืองเล็กๆ ต้องเพิ่มไปอีกสิบเท่าตัว!

นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเฉินฝานเกิดความท้อแท้ใจ

นอกจากนี้การสอบเข้าสายวรยุทธ์ ยังมีช่องทางอีกมากมาย

ก่อนหน้านี้เฉินฝานพูดว่าค่าสมัครหนึ่งหมื่นหยวน นี่เป็นเงื่อนไขต่ำสุดเท่านั้น

ยามนี้ยังไม่พูดถึงเงื่อนไขอย่างอื่น แต่ค่าสมัครสอบสายวรยุทธ์ ก็เพียงพอให้ฟางผิงปวดหัวแล้ว

การสมัครสอบวรยุทธ์ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า ยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาสมัครสอบมาเกี่ยวข้องด้วย

“ค่าสมัครสอบหมื่นหยวน…”

ฟางผิงที่ฮึกเหิมเมื่อครู่ ห่อเหี่ยวลงในทันใด แค่เริ่มคิดก็ทำให้ไฟในใจมอดดับไปกว่าครึ่ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขมากมายก่ายกองที่รออยู่อีก

“ปวดหัวชะมัด!”

ฟางผิงถอนหายใจ จะมีใครได้เกิดใหม่แล้วน่าอนาถแบบเขาอีกไหม

ฟางผิงกินข้าวเสร็จก็กลับมาที่โรงเรียน เหลือเงินติดตัวเพียงสิบห้าหยวนเท่านั้น

คาบเรียนช่วงบ่ายยังไม่เริ่ม นักเรียนในห้องส่วนหนึ่งเตรียมตัวสำหรับเกาเข่า อีกส่วนกำลังคุยเล่นกัน หัวข้อสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องการท้าประลองของปรมาจารย์ที่จางเฮ่าเอ่ยถึงเมื่อเช้า

เฉินฝานเห็นฟางผิงกลับมา ก็วางมือที่กำลังฝึกทำข้อสอบทันที เอ่ยถาม “ไปเล่นเกมมา?”

ฟางผิงกลอกตา ตอบอย่างหมดคำพูด “เวลาแบบนี้จะไปเล่นเกม นายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเกาเข่าต่างหาก” ขณะที่พูดฟางผิงก็ถูมือ เอ่ยด้วยยิ้มตาหยี “เสี่ยวฝานฝาน พอจะมีเงินบ้างหรือเปล่า?”

เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปพักใหญ่ค่อยเอ่ยว่า “มีประมาณสิบหยวน…”

“แค่กๆ ไม่ล้อเล่นกันสิ ถ้ามีเงิน ก็ให้ฉันยืมสักหมื่น วันหลังรวยแล้ว จะคืนนายร้อยเท่าเลย!”

“ฮ่าๆ!”

เฉินฝานหัวเราะแห้งๆ ดันแว่นกลับไปทำข้อสอบต่อ ฟางผิงขัดสนจนเป็นบ้าไปแล้ว!

ฟางผิงถอนหายใจ ใช้วิธีนี้ไม่ได้ซะแล้ว

ทุกคนต่างก็เป็นนักเรียน ต่อให้ทางบ้านจะพอมีพอกินอยู่บ้าง แต่ใครจะโง่ให้คนอื่นยืมเงินตั้งหมื่นหยวนกัน

หรือฟางผิงจะต้องเอ่ยปากกับพ่อแม่?

แต่ครอบครัวตัวเองก็ฐานะธรรมดา เงินหมื่นหยวนในยามนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ดูจากความสามารถของเขาแล้ว การสมัครสอบวรยุทธ์แทบจะไม่มีหวัง หากพูดออกไป พ่อแม่จะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?

วันนี้เป็นวันเสาร์ มีเพียงนักเรียนมัธยมปลายปีสามที่เข้าเรียน อาจารย์บอกว่าการสมัครมีในสัปดาห์หน้า แต่อีกไม่ถึงสองวันก็วันจันทร์แล้ว

ถ้ามีเวลามากกว่านี้หน่อย เขาคงสามารถคิดวิธีหาเงินค่าสมัครสอบได้แล้ว

แต่เวลาไม่ถึงสองวัน แม้เขาจะมีความสามารถขนาดไหนก็หาเงินได้ไม่ถึงหมื่นอยู่ดี

นี่นับว่าเป็นก้าวแรกในการสมัครสอบ ต่อจากนี้หากอยากสอบวรยุทธ์ยังจำเป็นต้องหาเงินต่อ

ในชาตินี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีโอกาสใช้ทรัพยากร ประกอบอาชีพอย่างมั่นคงร่ำรวยได้

ไม่อย่างนั้น พวกผู้ฝึกยุทธ์คงไม่คิดเปิดกิจการ สร้างบริษัทให้ก้าวหน้าไปไกลอย่างนี้หรอก

หรือถ้าไม่เปิดบริษัท ส่วนใหญ่ก็จะทำงานกับภาครัฐ

ผู้ฝึกยุทธ์ในนิยายโทรทัศน์พวกนั้น เดินลอยชายไปมา ชั่วพริบตาก็เลื่อนขั้นได้แล้ว

หากเป็นเมื่อก่อนตอนเด็ก ฟางผิงคงไม่คิดอะไร

แต่ตอนนี้ ฟางผิงเชื่อเรื่องเหลวไหลนี้จนหมดเปลือกแล้ว!

ตอนกลางวันอ่านผ่านๆ ในอินเตอร์เน็ตก็มีข่าวซุบซิบบางอย่าง แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่ระดับต่ำที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู อย่างต่ำที่สุดก็หนึ่งล้าน!

แค่ขั้นหนึ่ง ในสายตาของฟางผิงคือผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอที่สุด ไม่อยู่ในสายตาสุด

แต่แค่นี้ก็สิ้นเปลืองเป็นล้านแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งก้าวหน้า ก็ยิ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เงินทองจำนวนมากมาย ถ้าไม่มีทรัพย์สินมรดกคอยจุนเจือก็เป็นไปไม่ได้!

คนธรรมดาหากสอบวรยุทธ์ไม่ได้ อาศัยระดับเงินเดือนของคนทั่วไป จะมีสักกี่คนที่พึ่งพากำลังตัวเองจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้?

ทุกคนถึงได้กระตือรือร้นกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนวรยุทธ์ ประเด็นสำคัญอยู่ที่สายวรยุทธ์ในมหาวิทยาลัย มีการจัดหาทรัพยากรส่วนใหญ่ให้นักเรียน นี่นับเป็นการดูแลจากภาคส่วนของรัฐ

แม้ว่าจะขาดแคลนอยู่บ้าง เมื่อสอบสายวรยุทธ์ได้แล้ว ประตูใหญ่ของธนาคารก็จะเปิดอ้าต้อนรับคุณอย่างใจกว้าง กู้ยืมเงินย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

หรืออีกทางเลือกก็เซ็นสัญญากับบริษัทใหญ่ๆ ล่วงหน้า นักเรียนสายวรยุทธ์นั้นเนื้อหอม องค์กรต่างๆ จึงยินดีที่จะช่วยเหลือเงินทองในการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ชั้นยอดเหล่านี้

แต่ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นล้วนต้องสอบเข้าสายวรยุทธ์ให้ได้เป็นอันดับแรก

อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์โดยไม่เสียเงิน นับว่าเป็นฝันลมๆ แล้งๆ

ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง วันนี้แทบไม่รู้ว่าถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว ทำไมการเกิดใหม่ครั้งนี้จึงน่าหดหู่ขนาดนี้!

———————

[1] แอปพลิเคชั่นข้อความด่วน (instant messaging: IM) จากประเทศจีน ก่อตั้งโดยโดยหม่าฮั่วเถิง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

ด้านนอกร้านอินเตอร์เน็ต

ฟางผิงใบหน้าเด็ดเดี่ยว แววตาแฝงความแข็งกร้าว

ไม่แข็งกร้าวก็คงไม่ได้!

หลังจากท่องอินเตอร์เน็ตมาหนึ่งชั่วโมง ฟางผิงก็สรุปเรื่องบางอย่างได้

อย่างเช่นว่า ผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร?

ผู้ฝึกยุทธ์ในโลกปัจจุบันนั้นไม่แตกต่างกับนิยายกำลังภายในหรือภาพยนตร์จอมยุทธ์ในชาติก่อนนัก

แค่เปลี่ยนสถานการณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น อาชีพผู้ฝึกยุทธ์กำลังรุ่งเรืองโชติช่วงในยุคนี้

แม้อาชีพผู้ฝึกยุทธ์จะเป็นอาชีพที่ใช้ทักษะสูง แต่ก็ใช่ว่าฟางผิงจะต้องสนใจ

แต่ในชาตินี้ ผู้ฝึกยุทธ์กลับไม่ใช่อาชีพที่ใช้ทักษะสูงเท่านั้น สิ่งที่มากกว่านั้นคืออำนาจและตำแหน่ง!

หลักการปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล

ก่อนกลับชาติมาเกิด ความแตกต่างเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏชัดเจนมากนัก ทุกคนก็เป็นคนธรรมดาที่ถูกปืนยิงล้มได้

แต่ในโลกที่เขากลับมาเกิดนี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ ความแตกต่างจึงเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้ที่หยางเจี้ยนพูดเรื่องขีดจำกัดของการเมืองและการทำธุรกิจ ตอนนี้ฟางผิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว

คนทั่วไปจะทำอาชีพอะไร ล้วนไม่มีข้อจำกัด

แต่ตามกฎหมาย…ใช่แล้ว มีกฎหมายที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร!

ถ้าบริษัทอยากจะขยายธุรกิจออกนอกเมือง ฝ่ายกฎหมายของบริษัทจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์

และถ้าจะขยายข้ามมณฑลอื่น ฝ่ายกฎหมายของบริษัทก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ต่ำกว่าขั้นสี่!

จากข้อมูลที่ฟางผิงค้นเจอในอินเตอร์เน็ต การฝึกยุทธ์ในปัจจุบันแบ่งเป็นเก้าขั้น ขั้นหนึ่งต่ำสุดและขั้นเก้าสูงที่สุด

ขั้นสี่ลงไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่าง ขั้นเจ็ดขึ้นไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง และคนกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์

อยากจะขยับขยายบริษัทไปเมืองอื่น อันดับแรกฝ่ายกฎหมายของบริษัทต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์อันดับสี่ขึ้นไป

ทั้งหากเป็นบริษัทข้ามชาติ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายที่แน่ชัด แต่ฟางผิงก็หาในเน็ตอย่างลวกๆ แล้ว หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะดีแค่ไหน ได้รับความนิยมขนาดไหน ผลีผลามเข้าไปอยู่ในประเทศอื่น ภูมิภาคอื่น นั่นแทบไม่ต่างจากการส่งคนไปตาย

แม้ว่าในบริษัทจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด ก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองก่อน

อย่างเช่น ปรมาจารย์หม่าในตอนนี้!

ผลิตภัณฑ์ของเพนกวินกรุ๊ป ไม่แตกต่างจากชาติก่อนมากนัก เน้นไปที่การสื่อสาร ปัจจุบัน QQ[1] ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในโลกออนไลน์ของประเทศจีน

แต่ก็จำกัดแค่ในประเทศจีน!

เพนกวินกรุ๊ปไม่อาจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียได้ แม้ก่อนหน้านี้หม่าฮั่วเถิงจะบรรลุขั้นเจ็ด แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลก็ปล่อยแอปพลิเคชั่นสื่อสารออกมาเช่นเดียวกัน มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดนั่งรักษาการณ์ในภูมิภาคเอเชีย

ยามนี้หม่าฮั่วเถิงไม่อาจพิสูจน์พละกำลังของตัวเองได้ เมื่อไม่สามารถใช้เรื่องนี้แย่งชิงทรัพยากรกับกูเกิล ก็อย่าได้คิดจะขยับขยายไปด้านนอกเลย

เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ คนที่คุณส่งไปขยับขยาย อาจจะหายไปไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืน

มีเพียงการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองให้โลกภายนอกและสหายร่วมวงการเป็นที่ประจักษ์เท่านั้น คุณถึงจะสามารถขยับขยายได้อย่างสบายใจ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่หม่าฮั่วเถิงบรรลุขั้นแปด ก็เลือกท้าประลองกับแทมทันที

การประลองครั้งนี้ แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือพิสูจน์ว่ายามนี้หม่าฮั่วเถิงได้บรรลุถึงขั้นแปด มีคุณสมบัติจะแย่งชิงผลประโยชน์กับกูเกิลได้แล้ว

นี่เป็นกฎเกณฑ์ของแวดวงธุรกิจ แวดวงอื่นๆ ก็คงไม่แตกต่างจากนี้เท่าไหร่

ทรัพยากรน้อยหรือมาก ตัดสินจากความแข็งแกร่งที่สั่งสมของผู้ฝึกยุทธ์อีกฝ่าย

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือ เล็ดลอดออกมาว่า ผู้ว่าหนานเจียงใกล้จะทะลวงด่านสำเร็จแล้ว หยางเจี้ยนพูดเรื่องนี้ด้วยความตื่นเต้น สาเหตุก็คงเป็นเช่นนี้

ผู้ว่าระดับปรมาจารย์ย่อมสามารถแย่งชิงทรัพยากรที่มากกว่าให้กับหนานเจียงได้

แวดวงการเมือง ธุรกิจ ทหารก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งวงการบันเทิงและอาชีพอื่นย่อมไม่ต่าง

พวกศิลปินที่มีชื่อเสียง นอกจากต้องมีฝีมือ หน้าตาโดดเด่น ยังจำเป็นต้องมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา

เพราะหากคุณไม่แข็งแกร่ง คุณกอบโกยเงินไปเท่าใด ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้

เว้นเสียแต่ว่า จะมีพ่อแม่ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง

ทายาทเศรษฐีในยามนี้ แทบจะเรียกรวมกันว่า…ทายาทผู้ฝึกยุทธ์!

เพราะคนที่มีเงินมีอำนาจ ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น

คนธรรมดาทั่วไปส่วนหนึ่งก็ก้าวเดินไปไกลได้เช่นกัน แต่เบื้องหลังคนพวกนี้กลับมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่

ทั้งต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองออกมา มีเงื่อนไขเข้มงวดยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์เสียอีก

ถ้าไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็จะถูกจดให้เป็นพวกปลายแถว ไม่มีตำแหน่งอำนาจในสังคม

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ใครๆ ก็อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์

แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยื่นสมัครงานในบริษัทเล็กๆ อย่างน้อยที่สุดทุกปีก็มีรายรับเป็นล้านแล้ว

ในความเป็นจริงคนที่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งต่างก็เป็นหัวกะทิในสังคมทั้งนั้น

เว้นเสียแต่คนพวกนี้จะยอมศิโรราบให้คนที่แข็งแกร่งกว่า การปล่อยกิจการให้รัฐจัดการนับว่าพบเห็นได้น้อย ส่วนมากมักจะก่อตั้งบริษัทขึ้นเอง

เทียบกับคนทั่วไปแล้ว พวกเขามีอำนาจกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้เงินทองมากเท่าไหร่ ก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่นอยู่ดี”

ฟางผิงลอบพึมพำกับตัวเอง นี่นับเป็นเรื่องจริงที่เจ็บปวด

จากที่ค้นหาข้อมูลเจอในอินเตอร์เน็ต นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต่างจากชาติก่อนมาก

นั่นหมายความว่า หากฟางผิงอยากจะเริ่มต้นธุรกิจ เรื่องความคิด ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่ปัญหา

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟางผิงไม่มีความสามารถปกป้องตัวเอง ถ้าอยากหาเงินเล็กๆ น้อยๆ คงพอได้ แต่อยากจะทำกิจการใหญ่โตคงเป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ

ขยับขยายบริษัทข้ามเขตเพียงเล็กน้อยย่อมเป็นไปได้ว่าจะถูกแย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากระบบกฎหมายของประเทศจีนยังนับว่าไม่สมบูรณ์แบบ

ทางการก็มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากนั่งรักษาการณ์เช่นกัน

อย่างเช่นตอนนี้ ในยุคนี้ยังไม่มีแอปพลิเคชั่นวีแชท

หากฟางผิงทำขึ้นมา ก็มีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง หนึ่งคือกลายเป็นของคนอื่น

สองคือ ถูกใช้แพร่หลายในเมือง กลายเป็นของเล่นบันเทิงใจให้กับกลุ่มคนเล็กๆ หากแพร่หลายออกจากนอกเมือง แม้ว่าจะมีกำไรมากเท่าไร นั่นก็ไม่ใช่ของเขา ส่วนใครจะเป็นเจ้าของ ก็ต้องดูความสามารถของแต่ละฝ่าย

คนทั่วไปใช้ชีวิตอยู่กับการตอกบัตรเข้างานสบายๆ หากเก่งขึ้นมาหน่อย ก็เปิดบริษัทเล็กๆ อยู่ในเมืองอย่างคลอนแคลน

แม้จะอยู่ในเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย

การใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงและอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้ นับว่ามีข้อจำกัดกับคนทั่วไปมากกกว่าชาติก่อนเสียอีก

หากฟางผิงไม่อยากเป็นคนธรรมดา ก็ต้องกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์

แม้ว่าเขาอยากจะกลายเป็นคนธรรมดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องหรือความปลอดภัย?

ดีที่โลกนี้ยังมีคนธรรมดาอาศัยอยู่มาก สังคมไม่ได้ละทิ้งหรือ ตัดขาดความหวังในการลืมตาอ้าปากพวกเขาเสียทีเดียว

เกาเข่านับว่าเป็นความหวังในการพลิกชะตาของคนทั่วไปจำนวนมาก

ในปัจจุบันโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งก็เปิดสอนวิชาวรยุทธ์ขึ้นมา เพื่อให้ศึกษาเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ ไม่ถึงกับดับความหวังของคนธรรมดาทั่วไปไปซะหมด

ทั้งยังมีโรงเรียนสอนวรยุทธ์โดยเฉพาะ จะเปิดรับนักเรียนยามที่สอบเกาเข่าเช่นกัน

แต่คำพูดโบราณกล่าวไว้ได้ดี คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

ผู้ฝึกยุทธ์มีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายย่อมต่างจากคนทั่วไปอยู่มากโข เลี้ยงลูกผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งต้องเสียเงินทองนับไม่ถ้วน

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากสอบเข้าสายวรยุทธ์ได้ ได้รับทรัพยากรการดูแลจากประเทศ ย่อมเป็นเรื่องที่มีเกียรติน่าภาคภูมิ

ดังนั้นการสอบของนักเรียนสายวรยุทธ์จึงยากยิ่งกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในชาติที่แล้ว!

ปี 2007 มีนักเรียนเข้าร่วมสอบเกาเข่าจำนวนทั้งหมดเก้าล้านคน

แต่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศนั้นรับนักเรียนสายวรยุทธ์เข้าไม่ถึงสองหมื่นคนเท่านั้น นี่เป็นผลรวมจากจำนวนโรงเรียนทั้งหมด

ชาติก่อนแม้ว่าพวกมหาวิทยาลัยชิงหวาเป่ยต้า จะรับนักเรียนไม่กี่พันคน แต่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ก็รับจำนวนไม่น้อยเช่นกัน รวมกับโรงเรียนมัธยมปลายเก้าร้อยแปดสิบห้าแห่ง ทุกปีจึงมีการรับนักเรียนกว่าหนึ่งแสนคน

แต่ในชาตินี้ทั่วประเทศมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยสายวรยุทธ์และโรงเรียนสายวรยุทธ์โดยเฉพาะเกินกว่าหนึ่งร้อยแห่ง มหาวิทยาลัยหนึ่งร้อยแห่ง รับนักเรียนสองหมื่น คิดค่าเฉลี่ยออกมานับว่าเป็นจำนวนที่น้อยอย่างยิ่ง

ไม่นานมานี้สัดส่วนการรับอยู่ที่หนึ่งส่วนห้าร้อย ดูเหมือนไม่น้อย ในความเป็นจริงนั่นเป็นเมืองหลวง เทียบกับสัดส่วนในเมืองเล็กๆ ต้องเพิ่มไปอีกสิบเท่าตัว!

นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเฉินฝานเกิดความท้อแท้ใจ

นอกจากนี้การสอบเข้าสายวรยุทธ์ ยังมีช่องทางอีกมากมาย

ก่อนหน้านี้เฉินฝานพูดว่าค่าสมัครหนึ่งหมื่นหยวน นี่เป็นเงื่อนไขต่ำสุดเท่านั้น

ยามนี้ยังไม่พูดถึงเงื่อนไขอย่างอื่น แต่ค่าสมัครสอบสายวรยุทธ์ ก็เพียงพอให้ฟางผิงปวดหัวแล้ว

การสมัครสอบวรยุทธ์ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า ยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาสมัครสอบมาเกี่ยวข้องด้วย

“ค่าสมัครสอบหมื่นหยวน…”

ฟางผิงที่ฮึกเหิมเมื่อครู่ ห่อเหี่ยวลงในทันใด แค่เริ่มคิดก็ทำให้ไฟในใจมอดดับไปกว่าครึ่ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขมากมายก่ายกองที่รออยู่อีก

“ปวดหัวชะมัด!”

ฟางผิงถอนหายใจ จะมีใครได้เกิดใหม่แล้วน่าอนาถแบบเขาอีกไหม

ฟางผิงกินข้าวเสร็จก็กลับมาที่โรงเรียน เหลือเงินติดตัวเพียงสิบห้าหยวนเท่านั้น

คาบเรียนช่วงบ่ายยังไม่เริ่ม นักเรียนในห้องส่วนหนึ่งเตรียมตัวสำหรับเกาเข่า อีกส่วนกำลังคุยเล่นกัน หัวข้อสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องการท้าประลองของปรมาจารย์ที่จางเฮ่าเอ่ยถึงเมื่อเช้า

เฉินฝานเห็นฟางผิงกลับมา ก็วางมือที่กำลังฝึกทำข้อสอบทันที เอ่ยถาม “ไปเล่นเกมมา?”

ฟางผิงกลอกตา ตอบอย่างหมดคำพูด “เวลาแบบนี้จะไปเล่นเกม นายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเกาเข่าต่างหาก” ขณะที่พูดฟางผิงก็ถูมือ เอ่ยด้วยยิ้มตาหยี “เสี่ยวฝานฝาน พอจะมีเงินบ้างหรือเปล่า?”

เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปพักใหญ่ค่อยเอ่ยว่า “มีประมาณสิบหยวน…”

“แค่กๆ ไม่ล้อเล่นกันสิ ถ้ามีเงิน ก็ให้ฉันยืมสักหมื่น วันหลังรวยแล้ว จะคืนนายร้อยเท่าเลย!”

“ฮ่าๆ!”

เฉินฝานหัวเราะแห้งๆ ดันแว่นกลับไปทำข้อสอบต่อ ฟางผิงขัดสนจนเป็นบ้าไปแล้ว!

ฟางผิงถอนหายใจ ใช้วิธีนี้ไม่ได้ซะแล้ว

ทุกคนต่างก็เป็นนักเรียน ต่อให้ทางบ้านจะพอมีพอกินอยู่บ้าง แต่ใครจะโง่ให้คนอื่นยืมเงินตั้งหมื่นหยวนกัน

หรือฟางผิงจะต้องเอ่ยปากกับพ่อแม่?

แต่ครอบครัวตัวเองก็ฐานะธรรมดา เงินหมื่นหยวนในยามนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ดูจากความสามารถของเขาแล้ว การสมัครสอบวรยุทธ์แทบจะไม่มีหวัง หากพูดออกไป พ่อแม่จะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?

วันนี้เป็นวันเสาร์ มีเพียงนักเรียนมัธยมปลายปีสามที่เข้าเรียน อาจารย์บอกว่าการสมัครมีในสัปดาห์หน้า แต่อีกไม่ถึงสองวันก็วันจันทร์แล้ว

ถ้ามีเวลามากกว่านี้หน่อย เขาคงสามารถคิดวิธีหาเงินค่าสมัครสอบได้แล้ว

แต่เวลาไม่ถึงสองวัน แม้เขาจะมีความสามารถขนาดไหนก็หาเงินได้ไม่ถึงหมื่นอยู่ดี

นี่นับว่าเป็นก้าวแรกในการสมัครสอบ ต่อจากนี้หากอยากสอบวรยุทธ์ยังจำเป็นต้องหาเงินต่อ

ในชาตินี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีโอกาสใช้ทรัพยากร ประกอบอาชีพอย่างมั่นคงร่ำรวยได้

ไม่อย่างนั้น พวกผู้ฝึกยุทธ์คงไม่คิดเปิดกิจการ สร้างบริษัทให้ก้าวหน้าไปไกลอย่างนี้หรอก

หรือถ้าไม่เปิดบริษัท ส่วนใหญ่ก็จะทำงานกับภาครัฐ

ผู้ฝึกยุทธ์ในนิยายโทรทัศน์พวกนั้น เดินลอยชายไปมา ชั่วพริบตาก็เลื่อนขั้นได้แล้ว

หากเป็นเมื่อก่อนตอนเด็ก ฟางผิงคงไม่คิดอะไร

แต่ตอนนี้ ฟางผิงเชื่อเรื่องเหลวไหลนี้จนหมดเปลือกแล้ว!

ตอนกลางวันอ่านผ่านๆ ในอินเตอร์เน็ตก็มีข่าวซุบซิบบางอย่าง แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่ระดับต่ำที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู อย่างต่ำที่สุดก็หนึ่งล้าน!

แค่ขั้นหนึ่ง ในสายตาของฟางผิงคือผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอที่สุด ไม่อยู่ในสายตาสุด

แต่แค่นี้ก็สิ้นเปลืองเป็นล้านแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งก้าวหน้า ก็ยิ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เงินทองจำนวนมากมาย ถ้าไม่มีทรัพย์สินมรดกคอยจุนเจือก็เป็นไปไม่ได้!

คนธรรมดาหากสอบวรยุทธ์ไม่ได้ อาศัยระดับเงินเดือนของคนทั่วไป จะมีสักกี่คนที่พึ่งพากำลังตัวเองจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้?

ทุกคนถึงได้กระตือรือร้นกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนวรยุทธ์ ประเด็นสำคัญอยู่ที่สายวรยุทธ์ในมหาวิทยาลัย มีการจัดหาทรัพยากรส่วนใหญ่ให้นักเรียน นี่นับเป็นการดูแลจากภาคส่วนของรัฐ

แม้ว่าจะขาดแคลนอยู่บ้าง เมื่อสอบสายวรยุทธ์ได้แล้ว ประตูใหญ่ของธนาคารก็จะเปิดอ้าต้อนรับคุณอย่างใจกว้าง กู้ยืมเงินย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

หรืออีกทางเลือกก็เซ็นสัญญากับบริษัทใหญ่ๆ ล่วงหน้า นักเรียนสายวรยุทธ์นั้นเนื้อหอม องค์กรต่างๆ จึงยินดีที่จะช่วยเหลือเงินทองในการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ชั้นยอดเหล่านี้

แต่ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นล้วนต้องสอบเข้าสายวรยุทธ์ให้ได้เป็นอันดับแรก

อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์โดยไม่เสียเงิน นับว่าเป็นฝันลมๆ แล้งๆ

ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง วันนี้แทบไม่รู้ว่าถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว ทำไมการเกิดใหม่ครั้งนี้จึงน่าหดหู่ขนาดนี้!

———————

[1] แอปพลิเคชั่นข้อความด่วน (instant messaging: IM) จากประเทศจีน ก่อตั้งโดยโดยหม่าฮั่วเถิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 3 คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

ด้านนอกร้านอินเตอร์เน็ต

ฟางผิงใบหน้าเด็ดเดี่ยว แววตาแฝงความแข็งกร้าว

ไม่แข็งกร้าวก็คงไม่ได้!

หลังจากท่องอินเตอร์เน็ตมาหนึ่งชั่วโมง ฟางผิงก็สรุปเรื่องบางอย่างได้

อย่างเช่นว่า ผู้ฝึกยุทธ์คืออะไร?

ผู้ฝึกยุทธ์ในโลกปัจจุบันนั้นไม่แตกต่างกับนิยายกำลังภายในหรือภาพยนตร์จอมยุทธ์ในชาติก่อนนัก

แค่เปลี่ยนสถานการณ์เป็นปัจจุบันเท่านั้น อาชีพผู้ฝึกยุทธ์กำลังรุ่งเรืองโชติช่วงในยุคนี้

แม้อาชีพผู้ฝึกยุทธ์จะเป็นอาชีพที่ใช้ทักษะสูง แต่ก็ใช่ว่าฟางผิงจะต้องสนใจ

แต่ในชาตินี้ ผู้ฝึกยุทธ์กลับไม่ใช่อาชีพที่ใช้ทักษะสูงเท่านั้น สิ่งที่มากกว่านั้นคืออำนาจและตำแหน่ง!

หลักการปลาใหญ่กินปลาเล็กนั้นมีมาตั้งแต่โบราณกาล

ก่อนกลับชาติมาเกิด ความแตกต่างเช่นนี้ไม่ได้ปรากฏชัดเจนมากนัก ทุกคนก็เป็นคนธรรมดาที่ถูกปืนยิงล้มได้

แต่ในโลกที่เขากลับมาเกิดนี้เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ ความแตกต่างจึงเห็นได้ชัด

ก่อนหน้านี้ที่หยางเจี้ยนพูดเรื่องขีดจำกัดของการเมืองและการทำธุรกิจ ตอนนี้ฟางผิงเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้ว

คนทั่วไปจะทำอาชีพอะไร ล้วนไม่มีข้อจำกัด

แต่ตามกฎหมาย…ใช่แล้ว มีกฎหมายที่บัญญัติเป็นลายลักษณ์อักษร!

ถ้าบริษัทอยากจะขยายธุรกิจออกนอกเมือง ฝ่ายกฎหมายของบริษัทจะต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์

และถ้าจะขยายข้ามมณฑลอื่น ฝ่ายกฎหมายของบริษัทก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่ไม่ต่ำกว่าขั้นสี่!

จากข้อมูลที่ฟางผิงค้นเจอในอินเตอร์เน็ต การฝึกยุทธ์ในปัจจุบันแบ่งเป็นเก้าขั้น ขั้นหนึ่งต่ำสุดและขั้นเก้าสูงที่สุด

ขั้นสี่ลงไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับล่าง ขั้นเจ็ดขึ้นไปนับเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูง และคนกลุ่มนี้จะถูกเรียกว่าระดับปรมาจารย์

อยากจะขยับขยายบริษัทไปเมืองอื่น อันดับแรกฝ่ายกฎหมายของบริษัทต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์อันดับสี่ขึ้นไป

ทั้งหากเป็นบริษัทข้ามชาติ แม้ว่าจะไม่มีกฎหมายที่แน่ชัด แต่ฟางผิงก็หาในเน็ตอย่างลวกๆ แล้ว หากไม่มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทจะดีแค่ไหน ได้รับความนิยมขนาดไหน ผลีผลามเข้าไปอยู่ในประเทศอื่น ภูมิภาคอื่น นั่นแทบไม่ต่างจากการส่งคนไปตาย

แม้ว่าในบริษัทจะมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ด ก็ต้องพิสูจน์ความสามารถของตัวเองก่อน

อย่างเช่น ปรมาจารย์หม่าในตอนนี้!

ผลิตภัณฑ์ของเพนกวินกรุ๊ป ไม่แตกต่างจากชาติก่อนมากนัก เน้นไปที่การสื่อสาร ปัจจุบัน QQ[1] ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารหลักในโลกออนไลน์ของประเทศจีน

แต่ก็จำกัดแค่ในประเทศจีน!

เพนกวินกรุ๊ปไม่อาจเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียได้ แม้ก่อนหน้านี้หม่าฮั่วเถิงจะบรรลุขั้นเจ็ด แต่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างกูเกิลก็ปล่อยแอปพลิเคชั่นสื่อสารออกมาเช่นเดียวกัน มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นแปดนั่งรักษาการณ์ในภูมิภาคเอเชีย

ยามนี้หม่าฮั่วเถิงไม่อาจพิสูจน์พละกำลังของตัวเองได้ เมื่อไม่สามารถใช้เรื่องนี้แย่งชิงทรัพยากรกับกูเกิล ก็อย่าได้คิดจะขยับขยายไปด้านนอกเลย

เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศ คนที่คุณส่งไปขยับขยาย อาจจะหายไปไร้ร่องรอยในชั่วข้ามคืน

มีเพียงการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของตัวเองให้โลกภายนอกและสหายร่วมวงการเป็นที่ประจักษ์เท่านั้น คุณถึงจะสามารถขยับขยายได้อย่างสบายใจ

นี่จึงเป็นสาเหตุที่หม่าฮั่วเถิงบรรลุขั้นแปด ก็เลือกท้าประลองกับแทมทันที

การประลองครั้งนี้ แพ้ชนะไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือพิสูจน์ว่ายามนี้หม่าฮั่วเถิงได้บรรลุถึงขั้นแปด มีคุณสมบัติจะแย่งชิงผลประโยชน์กับกูเกิลได้แล้ว

นี่เป็นกฎเกณฑ์ของแวดวงธุรกิจ แวดวงอื่นๆ ก็คงไม่แตกต่างจากนี้เท่าไหร่

ทรัพยากรน้อยหรือมาก ตัดสินจากความแข็งแกร่งที่สั่งสมของผู้ฝึกยุทธ์อีกฝ่าย

ก่อนหน้านี้มีข่าวลือ เล็ดลอดออกมาว่า ผู้ว่าหนานเจียงใกล้จะทะลวงด่านสำเร็จแล้ว หยางเจี้ยนพูดเรื่องนี้ด้วยความตื่นเต้น สาเหตุก็คงเป็นเช่นนี้

ผู้ว่าระดับปรมาจารย์ย่อมสามารถแย่งชิงทรัพยากรที่มากกว่าให้กับหนานเจียงได้

แวดวงการเมือง ธุรกิจ ทหารก็เป็นเช่นนี้ กระทั่งวงการบันเทิงและอาชีพอื่นย่อมไม่ต่าง

พวกศิลปินที่มีชื่อเสียง นอกจากต้องมีฝีมือ หน้าตาโดดเด่น ยังจำเป็นต้องมีวรยุทธ์ที่ไม่ธรรมดา

เพราะหากคุณไม่แข็งแกร่ง คุณกอบโกยเงินไปเท่าใด ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้

เว้นเสียแต่ว่า จะมีพ่อแม่ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลัง

ทายาทเศรษฐีในยามนี้ แทบจะเรียกรวมกันว่า…ทายาทผู้ฝึกยุทธ์!

เพราะคนที่มีเงินมีอำนาจ ล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธ์กันทั้งนั้น

คนธรรมดาทั่วไปส่วนหนึ่งก็ก้าวเดินไปไกลได้เช่นกัน แต่เบื้องหลังคนพวกนี้กลับมีผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งคอยหนุนหลังอยู่

ทั้งต้องพิสูจน์คุณค่าของตัวเองออกมา มีเงื่อนไขเข้มงวดยิ่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์เสียอีก

ถ้าไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็จะถูกจดให้เป็นพวกปลายแถว ไม่มีตำแหน่งอำนาจในสังคม

เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ใครๆ ก็อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์

แม้จะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอ ไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ยื่นสมัครงานในบริษัทเล็กๆ อย่างน้อยที่สุดทุกปีก็มีรายรับเป็นล้านแล้ว

ในความเป็นจริงคนที่สามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งต่างก็เป็นหัวกะทิในสังคมทั้งนั้น

เว้นเสียแต่คนพวกนี้จะยอมศิโรราบให้คนที่แข็งแกร่งกว่า การปล่อยกิจการให้รัฐจัดการนับว่าพบเห็นได้น้อย ส่วนมากมักจะก่อตั้งบริษัทขึ้นเอง

เทียบกับคนทั่วไปแล้ว พวกเขามีอำนาจกว่าอย่างเห็นได้ชัด

“ไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ต่อให้เงินทองมากเท่าไหร่ ก็ตกไปอยู่ในมือคนอื่นอยู่ดี”

ฟางผิงลอบพึมพำกับตัวเอง นี่นับเป็นเรื่องจริงที่เจ็บปวด

จากที่ค้นหาข้อมูลเจอในอินเตอร์เน็ต นอกจากเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ฝึกยุทธ์แล้ว เรื่องอื่นก็ไม่ต่างจากชาติก่อนมาก

นั่นหมายความว่า หากฟางผิงอยากจะเริ่มต้นธุรกิจ เรื่องความคิด ผลิตภัณฑ์นั้นไม่ใช่ปัญหา

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ ฟางผิงไม่มีความสามารถปกป้องตัวเอง ถ้าอยากหาเงินเล็กๆ น้อยๆ คงพอได้ แต่อยากจะทำกิจการใหญ่โตคงเป็นได้แค่ฝันลมๆ แล้งๆ

ขยับขยายบริษัทข้ามเขตเพียงเล็กน้อยย่อมเป็นไปได้ว่าจะถูกแย่งชิงทรัพยากร เนื่องจากระบบกฎหมายของประเทศจีนยังนับว่าไม่สมบูรณ์แบบ

ทางการก็มีผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากนั่งรักษาการณ์เช่นกัน

อย่างเช่นตอนนี้ ในยุคนี้ยังไม่มีแอปพลิเคชั่นวีแชท

หากฟางผิงทำขึ้นมา ก็มีผลลัพธ์เพียงสองอย่าง หนึ่งคือกลายเป็นของคนอื่น

สองคือ ถูกใช้แพร่หลายในเมือง กลายเป็นของเล่นบันเทิงใจให้กับกลุ่มคนเล็กๆ หากแพร่หลายออกจากนอกเมือง แม้ว่าจะมีกำไรมากเท่าไร นั่นก็ไม่ใช่ของเขา ส่วนใครจะเป็นเจ้าของ ก็ต้องดูความสามารถของแต่ละฝ่าย

คนทั่วไปใช้ชีวิตอยู่กับการตอกบัตรเข้างานสบายๆ หากเก่งขึ้นมาหน่อย ก็เปิดบริษัทเล็กๆ อยู่ในเมืองอย่างคลอนแคลน

แม้จะอยู่ในเมือง ก็ไม่ใช่ว่าจะปลอดภัย

การใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงและอกสั่นขวัญแขวนแบบนี้ นับว่ามีข้อจำกัดกับคนทั่วไปมากกกว่าชาติก่อนเสียอีก

หากฟางผิงไม่อยากเป็นคนธรรมดา ก็ต้องกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์

แม้ว่าเขาอยากจะกลายเป็นคนธรรมดา แต่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคนธรรมดาที่ไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องหรือความปลอดภัย?

ดีที่โลกนี้ยังมีคนธรรมดาอาศัยอยู่มาก สังคมไม่ได้ละทิ้งหรือ ตัดขาดความหวังในการลืมตาอ้าปากพวกเขาเสียทีเดียว

เกาเข่านับว่าเป็นความหวังในการพลิกชะตาของคนทั่วไปจำนวนมาก

ในปัจจุบันโรงเรียนที่มีชื่อเสียงจำนวนหนึ่งก็เปิดสอนวิชาวรยุทธ์ขึ้นมา เพื่อให้ศึกษาเรียนรู้เรื่องพวกนี้ได้ ไม่ถึงกับดับความหวังของคนธรรมดาทั่วไปไปซะหมด

ทั้งยังมีโรงเรียนสอนวรยุทธ์โดยเฉพาะ จะเปิดรับนักเรียนยามที่สอบเกาเข่าเช่นกัน

แต่คำพูดโบราณกล่าวไว้ได้ดี คนจนเรียนหนังสือ คนรวยเรียนวรยุทธ์

ผู้ฝึกยุทธ์มีพละกำลังที่แข็งแกร่ง ค่าใช้จ่ายย่อมต่างจากคนทั่วไปอยู่มากโข เลี้ยงลูกผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งต้องเสียเงินทองนับไม่ถ้วน

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากสอบเข้าสายวรยุทธ์ได้ ได้รับทรัพยากรการดูแลจากประเทศ ย่อมเป็นเรื่องที่มีเกียรติน่าภาคภูมิ

ดังนั้นการสอบของนักเรียนสายวรยุทธ์จึงยากยิ่งกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในชาติที่แล้ว!

ปี 2007 มีนักเรียนเข้าร่วมสอบเกาเข่าจำนวนทั้งหมดเก้าล้านคน

แต่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศนั้นรับนักเรียนสายวรยุทธ์เข้าไม่ถึงสองหมื่นคนเท่านั้น นี่เป็นผลรวมจากจำนวนโรงเรียนทั้งหมด

ชาติก่อนแม้ว่าพวกมหาวิทยาลัยชิงหวาเป่ยต้า จะรับนักเรียนไม่กี่พันคน แต่มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอื่นๆ ก็รับจำนวนไม่น้อยเช่นกัน รวมกับโรงเรียนมัธยมปลายเก้าร้อยแปดสิบห้าแห่ง ทุกปีจึงมีการรับนักเรียนกว่าหนึ่งแสนคน

แต่ในชาตินี้ทั่วประเทศมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยสายวรยุทธ์และโรงเรียนสายวรยุทธ์โดยเฉพาะเกินกว่าหนึ่งร้อยแห่ง มหาวิทยาลัยหนึ่งร้อยแห่ง รับนักเรียนสองหมื่น คิดค่าเฉลี่ยออกมานับว่าเป็นจำนวนที่น้อยอย่างยิ่ง

ไม่นานมานี้สัดส่วนการรับอยู่ที่หนึ่งส่วนห้าร้อย ดูเหมือนไม่น้อย ในความเป็นจริงนั่นเป็นเมืองหลวง เทียบกับสัดส่วนในเมืองเล็กๆ ต้องเพิ่มไปอีกสิบเท่าตัว!

นี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเฉินฝานเกิดความท้อแท้ใจ

นอกจากนี้การสอบเข้าสายวรยุทธ์ ยังมีช่องทางอีกมากมาย

ก่อนหน้านี้เฉินฝานพูดว่าค่าสมัครหนึ่งหมื่นหยวน นี่เป็นเงื่อนไขต่ำสุดเท่านั้น

ยามนี้ยังไม่พูดถึงเงื่อนไขอย่างอื่น แต่ค่าสมัครสอบสายวรยุทธ์ ก็เพียงพอให้ฟางผิงปวดหัวแล้ว

การสมัครสอบวรยุทธ์ที่จะเริ่มในสัปดาห์หน้า ยังมีข้อจำกัดเรื่องเวลาสมัครสอบมาเกี่ยวข้องด้วย

“ค่าสมัครสอบหมื่นหยวน…”

ฟางผิงที่ฮึกเหิมเมื่อครู่ ห่อเหี่ยวลงในทันใด แค่เริ่มคิดก็ทำให้ไฟในใจมอดดับไปกว่าครึ่ง

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขมากมายก่ายกองที่รออยู่อีก

“ปวดหัวชะมัด!”

ฟางผิงถอนหายใจ จะมีใครได้เกิดใหม่แล้วน่าอนาถแบบเขาอีกไหม

ฟางผิงกินข้าวเสร็จก็กลับมาที่โรงเรียน เหลือเงินติดตัวเพียงสิบห้าหยวนเท่านั้น

คาบเรียนช่วงบ่ายยังไม่เริ่ม นักเรียนในห้องส่วนหนึ่งเตรียมตัวสำหรับเกาเข่า อีกส่วนกำลังคุยเล่นกัน หัวข้อสนทนาก็หนีไม่พ้นเรื่องการท้าประลองของปรมาจารย์ที่จางเฮ่าเอ่ยถึงเมื่อเช้า

เฉินฝานเห็นฟางผิงกลับมา ก็วางมือที่กำลังฝึกทำข้อสอบทันที เอ่ยถาม “ไปเล่นเกมมา?”

ฟางผิงกลอกตา ตอบอย่างหมดคำพูด “เวลาแบบนี้จะไปเล่นเกม นายเห็นฉันเป็นคนโง่หรือไง? ไปค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเกาเข่าต่างหาก” ขณะที่พูดฟางผิงก็ถูมือ เอ่ยด้วยยิ้มตาหยี “เสี่ยวฝานฝาน พอจะมีเงินบ้างหรือเปล่า?”

เฉินฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย เงียบไปพักใหญ่ค่อยเอ่ยว่า “มีประมาณสิบหยวน…”

“แค่กๆ ไม่ล้อเล่นกันสิ ถ้ามีเงิน ก็ให้ฉันยืมสักหมื่น วันหลังรวยแล้ว จะคืนนายร้อยเท่าเลย!”

“ฮ่าๆ!”

เฉินฝานหัวเราะแห้งๆ ดันแว่นกลับไปทำข้อสอบต่อ ฟางผิงขัดสนจนเป็นบ้าไปแล้ว!

ฟางผิงถอนหายใจ ใช้วิธีนี้ไม่ได้ซะแล้ว

ทุกคนต่างก็เป็นนักเรียน ต่อให้ทางบ้านจะพอมีพอกินอยู่บ้าง แต่ใครจะโง่ให้คนอื่นยืมเงินตั้งหมื่นหยวนกัน

หรือฟางผิงจะต้องเอ่ยปากกับพ่อแม่?

แต่ครอบครัวตัวเองก็ฐานะธรรมดา เงินหมื่นหยวนในยามนี้ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ดูจากความสามารถของเขาแล้ว การสมัครสอบวรยุทธ์แทบจะไม่มีหวัง หากพูดออกไป พ่อแม่จะเห็นด้วยอย่างนั้นหรือ?

วันนี้เป็นวันเสาร์ มีเพียงนักเรียนมัธยมปลายปีสามที่เข้าเรียน อาจารย์บอกว่าการสมัครมีในสัปดาห์หน้า แต่อีกไม่ถึงสองวันก็วันจันทร์แล้ว

ถ้ามีเวลามากกว่านี้หน่อย เขาคงสามารถคิดวิธีหาเงินค่าสมัครสอบได้แล้ว

แต่เวลาไม่ถึงสองวัน แม้เขาจะมีความสามารถขนาดไหนก็หาเงินได้ไม่ถึงหมื่นอยู่ดี

นี่นับว่าเป็นก้าวแรกในการสมัครสอบ ต่อจากนี้หากอยากสอบวรยุทธ์ยังจำเป็นต้องหาเงินต่อ

ในชาตินี้ ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะมีโอกาสใช้ทรัพยากร ประกอบอาชีพอย่างมั่นคงร่ำรวยได้

ไม่อย่างนั้น พวกผู้ฝึกยุทธ์คงไม่คิดเปิดกิจการ สร้างบริษัทให้ก้าวหน้าไปไกลอย่างนี้หรอก

หรือถ้าไม่เปิดบริษัท ส่วนใหญ่ก็จะทำงานกับภาครัฐ

ผู้ฝึกยุทธ์ในนิยายโทรทัศน์พวกนั้น เดินลอยชายไปมา ชั่วพริบตาก็เลื่อนขั้นได้แล้ว

หากเป็นเมื่อก่อนตอนเด็ก ฟางผิงคงไม่คิดอะไร

แต่ตอนนี้ ฟางผิงเชื่อเรื่องเหลวไหลนี้จนหมดเปลือกแล้ว!

ตอนกลางวันอ่านผ่านๆ ในอินเตอร์เน็ตก็มีข่าวซุบซิบบางอย่าง แม้ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งที่ระดับต่ำที่สุด แต่ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู อย่างต่ำที่สุดก็หนึ่งล้าน!

แค่ขั้นหนึ่ง ในสายตาของฟางผิงคือผู้ฝึกยุทธ์ที่อ่อนแอที่สุด ไม่อยู่ในสายตาสุด

แต่แค่นี้ก็สิ้นเปลืองเป็นล้านแล้ว

ผู้ฝึกยุทธ์ยิ่งก้าวหน้า ก็ยิ่งต้องเสียค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น เงินทองจำนวนมากมาย ถ้าไม่มีทรัพย์สินมรดกคอยจุนเจือก็เป็นไปไม่ได้!

คนธรรมดาหากสอบวรยุทธ์ไม่ได้ อาศัยระดับเงินเดือนของคนทั่วไป จะมีสักกี่คนที่พึ่งพากำลังตัวเองจนกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้?

ทุกคนถึงได้กระตือรือร้นกับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่สอนวรยุทธ์ ประเด็นสำคัญอยู่ที่สายวรยุทธ์ในมหาวิทยาลัย มีการจัดหาทรัพยากรส่วนใหญ่ให้นักเรียน นี่นับเป็นการดูแลจากภาคส่วนของรัฐ

แม้ว่าจะขาดแคลนอยู่บ้าง เมื่อสอบสายวรยุทธ์ได้แล้ว ประตูใหญ่ของธนาคารก็จะเปิดอ้าต้อนรับคุณอย่างใจกว้าง กู้ยืมเงินย่อมไม่ใช่เรื่องยาก

หรืออีกทางเลือกก็เซ็นสัญญากับบริษัทใหญ่ๆ ล่วงหน้า นักเรียนสายวรยุทธ์นั้นเนื้อหอม องค์กรต่างๆ จึงยินดีที่จะช่วยเหลือเงินทองในการบ่มเพาะเมล็ดพันธ์ชั้นยอดเหล่านี้

แต่ก่อนที่เรื่องทั้งหมดจะเกิดขึ้นล้วนต้องสอบเข้าสายวรยุทธ์ให้ได้เป็นอันดับแรก

อยากจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์โดยไม่เสียเงิน นับว่าเป็นฝันลมๆ แล้งๆ

ฟางผิงถอนหายใจอีกครั้ง วันนี้แทบไม่รู้ว่าถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้ว ทำไมการเกิดใหม่ครั้งนี้จึงน่าหดหู่ขนาดนี้!

———————

[1] แอปพลิเคชั่นข้อความด่วน (instant messaging: IM) จากประเทศจีน ก่อตั้งโดยโดยหม่าฮั่วเถิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+