ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 277-2 อันดับหนึ่งของขั้นสาม (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 277-2 อันดับหนึ่งของขั้นสาม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 277 อันดับหนึ่งของขั้นสาม (2)

ตอนที่เจ้าหน้าที่ทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานั้นเตรียมจะสอดมือ มือซ้ายที่ฟางผิงเพิ่งตบหอกออกไปเมื่อครู่ราวกับถูกทุกคนลืมไปแล้ว จู่ๆ ก็ปรากฏรูปร่างของดาบขึ้น ระเบิดปราณอย่างรุนแรง ฟาดไปที่หมัดทั้งสองของเฉินชิวเฟิง!

เกิดเสียงก้องกังวาน มือซ้ายของฟางผิงซัดหมัดของเฉินชิวเฟิงที่ประสานกันจนเลือดกระเซ็นซัด เบี่ยงทิศทางออกจากลำคอไป

ด้านดาบยาวกลับฟันลงมาค้างที่หัวของเฉินชิวเฟิง พาให้เส้นผมลุกชันขึ้นมาด้วยแรงกดดัน ชั่วพริบตานั้นเลือดของเฉินชิวเฟิงก็ไหลพรั่งพรูออกมา ใบหน้ามีแต่คราบเลือดเต็มไปหมด

“นายแพ้แล้ว!”

ฟางผิงหอบหายใจ ดาบยาวยังไม่เคลื่อนไปไหน

เฉินชิวเฟิงเช็ดเลือดที่หน้า ไม่ได้ผิดหวังมากมายนัก เอ่ยอย่างเยือกเย็นว่า “ปราณนายแข็งแกร่งจริงๆ มือขวาถือดาบปะทุปราณ นึกไม่ถึงว่ามือซ้ายยังมีแรงเหลือระเบิดปราณอีก บอกฉันได้หรือเปล่า ตกลงนายมีปราณเท่าไหร่กัน?”

ไม่ใช่แค่เหตุผลเรื่องปราณ แต่ฟางผิงยังสามารถแบ่งสมาธิมาทำสองเรื่องพร้อมกันได้ สองมือใช้กระบวนท่าคนละอย่าง

แน่นอนว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังจิตใจเช่นกัน ฟางผิงมีพลังเหลือเพียงพอเพื่อใช้ควบคุม จุดนี้เฉินชิวเฟิงคาดเดาได้ ไม่ได้เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

“สูงกว่าหนึ่งพันสี่ร้อยแคล…”

จู่ๆ เฉินชิวเฟิงก็เงียบไป เดินผ่านเขาไปตรงๆ ก้มเก็บหอกยาวขึ้นมา “นายโหดเหี้ยมไม่พอ หากทำได้ คงไม่จำเป็นต้องสู้กับฉันมาจนถึงตอนนี้ ความเร็วไล่ตามฉันได้ สามารถฆ่าฉันในดาบเดียว”

“ฉันอยากแลกเปลี่ยนความรู้เท่านั้น ไม่ได้อยากฆ่าคน”

“ดังนั้นฉันถึงบอกว่าแลกเปลี่ยนความรู้กับมนุษย์ไม่มีความหมายยังไงล่ะ ฉันชอบประมือกับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำมากกว่า หากเขาไม่ตาย ก็ฉันตาย”

ฟางผิงยักไหล่ ไม่พูดอะไรอีก เฉินชิวเฟิงมีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ได้เยอะกว่าหลิงอีอีเท่าไหร่

ทำได้แค่พูดว่าวิธีการต่อสู้ของเขาโหดเหี้ยม ลงมือเพื่อหมายจะเอาชีวิตไอรีนโนเวล

คนที่อ่อนแอกว่าเขาหรือแข็งแกร่งกว่าเขาเล็กน้อย หากประลองกันจริงๆ อาจจะมือไม้พันกันอยู่บ้าง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ยากยิ่งที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา

อันที่จริงหลิงอีอีฆ่าคนมามากเช่นกัน แต่หลิงอีอีไม่ใช่แค่พยายามฆ่าเพียงอย่างเดียว ยังคงคิดปกป้องชีวิตตัวเองด้วย เจอกับอันตรายที่ถึงชีวิต หลิงอีอีจะตั้งรับและป้องกัน

แต่เฉินชิวเฟิง ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้แทบไม่เคยป้องกันตัวเองเลยสักครั้ง

หากเขาประมือกับหลิงอีอี ในสถานการณ์ที่ฝีมือเท่ากัน หลิงอีอีอาจจะถูกโจมตีตาย แต่เฉินชิวเฟิงคงจะออกจากสนามด้วยอาการบาดเจ็บหนักเช่นกัน

ส่วนฟางผิง ปราณแข็งแกร่งกว่าเขามาก พลังจิตใจก็แข็งแกร่งกว่า ดังนั้นจึงชนะได้อย่างรวดเร็ว

แพ้หรือชนะ อันที่จริงเกิดแค่ชั่วพริบตาเท่านั้นไอรีนโนเวล

ทั้งสองคนประลองกันสิ้นสุดแล้ว เจ้าหน้าที่ทหารที่ดูมีอายุหน่อยก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฟางผิง คิดอยากจะมาขัดเกลาที่หน่วยทหารเป่ยเจียงบ้างหรือเปล่า? เธอฝีมือไม่อ่อนด้อย แต่มองออกว่าเห็นคาวเลือดมาไม่เยอะ…”

ฟางผิงหัวเราะ ความจริงเขาฆ่าคนมาไม่น้อย

แต่เทียบกับคนของหน่วยทหารพวกนี้คงจะน้อยจริงๆ

“ขอบคุณครับ แต่ผมยังต้องกลับมหาวิทยาลัย คงต้องเอาไว้ก่อน”

ฟางผิงส่ายหัว หากอยากเจอกับคาวเลือดจริงๆ โอกาสยังมีเยอะ

ถ้ำใต้ดินเซี่ยงไฮ้ก็อยู่ที่มหาวิทยาลัย หากเขาอยากจะฆ่า เข้าไปในถ้ำตรงๆ ดีกว่า ช่วงนี้มีหลายคนกำลังลงมือเช่นกัน

“น่าเสียดาย”

เจ้าหน้าที่ทหารเสียดายอยู่บ้าง หน่วยทหารรับอัจฉริยะยากกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เล็กน้อย

ยังไงในสายตาของหลายคน มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ก็ได้รับความนิยมมากกว่า เข้ามหาวิทยาลัยเรียนจบแล้วมีตัวเลือกให้มากมาย

ไปหน่วยทหาร แวดวงการเมือง หน่วยสืบสวน ทำธุรกิจ…ล้วนทำได้ทั้งนั้น

หน่วยทหารล่ะ?

นั่นมีข้อจำกัดมากกว่า!

ผู้ฝึกยุทธ์รุ่นหลัง นอกจากคนที่อยากเป็นทหารแล้ว คนอื่นๆ ที่เลือกเข้าหน่วยทหารถือว่ามีจำนวนน้อย หน่วยทหารมีโอกาสตายมากกว่ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งล้วนต้องลงสนามรบแล้ว

ทางมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ บ่มเพาะถึงขั้นสามถึงค่อยให้เข้าร่วมสงคราม

หน่วยทหารบ่มเพาะยอดฝีมือ…ค่อนข้างมีแนวคิดเหมือนอู๋ขุยซานมากกว่า ทิ้งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งหลายพันในถ้ำใต้ดิน ผู้ที่รอดชีวิตก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น

สำหรับความคิดของหน่วยทหาร ไม่มีใครตั้งคำถามอยู่แล้ว ไม่เหมือนกับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ภารกิจหลักของหน่วยทหารคือเฝ้าระวังและสังหารอยู่แล้ว ส่วนหากมหาวิทยาลัยจะทำแบบนี้ คำโต้แย้งคงมีไม่น้อย

ประมือเสร็จแล้ว ซุนหมิงอวี่ก็เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม “นึกไม่ถึงว่านายจะชนะได้สบายๆ ขนาดนี้”

“ไม่ถือว่าสบาย”

ฟางผิงส่ายหัว “ใช้เวลาต่อสู้นาน สู้จนเนื้อตัวมีแต่บาดแผล นั่นเป็นเพราะว่าเป้าหมายของทุกคนอยู่ที่การแลกเปลี่ยนความรู้ เป้าหมายของพวกเขาอยู่ที่การฆ่าคน เมื่อเป็นแบบนี้ฆ่าฉันไม่ได้ ฉันย่อมสามารถฆ่าเขาได้ เขาไม่มีความคิดที่จะทำร้ายฉัน ต่อให้เจ็บหนักเท่าไหร่ก็มีโอกาสพลิกฟื้นได้ ยังไม่สู้โจมตีให้ตายในกระบวนท่าเดียว”

“ไม่ว่าจะพูดยังไง นายก็เป็นฝ่ายชนะอยู่ดี ปราณนายแข็งแกร่งจนน่ากลัวจริงๆ”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ปราณหนึ่งพันแคลและปราณหนึ่งพันสี่ร้อยแคล อานุภาพระหว่างพลังนั้นยังคงเท่ากัน หากแข็งแกร่งกว่าหน่อย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงด้านคุณภาพ นั่นถึงจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริง”

พวกเขาพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ฟางผิงไม่คิดจะรบกวนต่อ กำลังเตรียมตัวจะออกไป

เวลานี้กัวซวนที่เงียบมาโดยตลอดกลับเอ่ยปากว่า “ฟางผิง รบกวนช่วยดูแลน้องชายฉันด้วย เขานับถือนายมาก”

“หา?”

“กัวเซิ่ง”

ฟางผิงตกตะลึงไป!

หมอนี่เป็นพี่ชายของเจ้าอ้วนนั่น?

กัวซวนไม่มากความ เอ่ยรวบรัดว่า “อันที่จริงฉันไม่อยากให้เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์เท่าไหร่ แต่เขาเลือกเอง ฉันไม่อาจไปขัดขวางได้ เซี่ยงไฮ้เหมาะสมกับเขามากกว่าหน่วยทหาร ฉันมักจะอยู่ข้างนอก ไม่สามารถดูแลเขาได้ หวังว่านายจะช่วยดูแลเขาให้หน่อย คนอย่างพวกเรา หวังแค่ว่าให้ครอบครัวได้อยู่อย่างปลอดภัย”

ฟางผิงมองรูปร่างที่ได้สัดส่วนนั้น ถือว่าเป็นเด็กหนุ่มที่เท่หล่อเหลา ย้อนกลับไปนึกถึงเจ้าอ้วนกัวเซิ่ง ผ่านไปพักหนึ่งจึงเอ่ยอย่างสับสนว่า “น้องชายแท้ๆ?”

กัวซวนมองเขาครู่ใหญ่ ก่อนจะพยักหน้า ไม่พูดมากอีก สาวเท้าเดินจากไป

เฉินชิวเฟิงที่อยู่ด้านข้างเช็ดคราบเลือดบนร่างจนสะอาด สวมเสื้อคลุมตัวนอกเสร็จแล้วก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ช่วยฉันดูแลเฉินอวิ๋นซีด้วย”

ฟางผิงเอ่ยราวกับทุกสิ่งพังทลาย “น้องสาวนาย?”

“อืม”

“น้องแท้ๆ?”

“ลูกพี่ลูกน้อง”

ฟางผิงหมดคำพูดอย่างถึงที่สุด ฉันจะพูดอะไรได้?

งานเลี้ยงนับญาติหรือไง?

“ก่อนหน้านี้ทำไมไม่เห็นมีใครบอกฉัน?”

เฉินชิวเฟิงมองเขาแปลกๆ ทำไมต้องบอกนายล่วงหน้าล่ะ?

ตอนนี้แค่ถือโอกาสบอกไปเท่านั้น ดูแลหรือไม่ดูแลก็แล้วแต่นาย ไม่มีใครบังคับ ยิ่งไปกว่านั้นไม่ดูแลอาจจะดีกว่า ใครจะรู้ว่านายจะพาคนไปเตร็ดเตร่ ถูกคนอื่นเขาฆ่าฟันเมื่อไหร่

ฟางผิงยิ้มเจื่อนๆ ท้ายที่สุดมองไปยังเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังจะสาวเท้าจากไปคนนั้น “พี่ชาย นายมีญาติที่อยากให้ผมดูแลหรือเปล่า?”

เจ้าหน้าที่ทหารดูมีอายุคนนั้นหลุดขำ ส่ายหัวว่า “ไม่จำเป็น ดูแลตัวเองให้ดีก็พอแล้ว กลายเป็นปรมาจารย์สำคัญกว่าเรื่องอะไรทั้งนั้น”

ปรมาจารย์หนึ่งคนเท่ากับทหารทั้งกองทัพ กองทัพทหารของผู้ฝึกยุทธ์!

ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นสามที่รวมทีมเป็นทัพทหาร ต่ำกว่าหมื่นคนเจอกับปรมาจารย์ หากอยากจะฆ่าจริงๆ ก็สามารถฆ่าจนเกลี้ยงได้

มีปรมาจารย์เพิ่มมาอีกหนึ่งคน นั่นหมายความว่ามีหวังจะชนะขึ้นมาอีกหนึ่งเปอร์เซ็นต์

ฟางผิงโล่งใจเป็นอย่างแรก ก่อนจะพยักหน้าว่า “ผมเชื่อว่าอีกไม่นานหรอก”

คนที่อยู่ตรงนั้นพากันหัวเราะ ไม่มีใครพูดอะไร ทั้งไม่คิดจะทำร้ายความมั่นใจของฟางผิง

หากปรมาจารย์เป็นกันง่ายแบบนั้นจริงๆ ประเทศจีนคงไม่มีปรมาจารย์แค่นี้หรอก

อย่ามองว่าหลายร้อยคนมีเยอะแล้ว แต่นี่เป็นผลจากการสั่งสมมาหลายสิบหลายร้อยปี ในปรมาจารย์กว่าสามร้อยคน ครึ่งหนึ่งอายุเกินแปดสิบปีไปแล้ว คนที่ยังอายุน้อยมีไม่เยอะ ส่วนมากจะอายุราวๆ นั้น

ฟางผิงที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบ แม้ว่าจะมีโอกาสเป็นปรมาจารย์ แต่ต้องใช้เวลากี่ปีกัน?

เจ้าหน้าที่ทหารคนนั้นไม่พูดอะไรเช่นกัน แยกย้ายไปพร้อมกับคนอื่นๆ ชนะก็ดี แพ้ก็ช่าง แพ้ให้กับมนุษยชาติ ดีกว่าแพ้ให้กับพวกถ้ำเป็นไหนๆ ในถ้ำใต้ดิน ถ้าพวกเขาแพ้ มีแค่ต้องรอตายอย่างเดียว

วันที่ 8 สิงหาคม การจัดอันดับพลังต่อสู้ขั้นสามมีการเปลี่ยนแปลงใหม่อีกครั้ง

ฟางผิงจากมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ถูกจัดในอันดับหนึ่ง!

การจัดอันดับออกมา โลกข้างนอกต่างรู้ว่าฟางผิงต้องไปท้าประลองผู้ฝึกยุทธ์หน่วยทหารอย่างแน่นอน สิ่งที่น่าเสียดายคือไม่ได้เห็นคลิปวิดีโอ

ความจริงหากเห็นแล้ว อาจจะผิดหวังไม่น้อย

การต่อสู้สิ้นสุดอย่างรวดเร็ว แทบไม่มีกระบวนท่าที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีแค่กระบวนท่าไม้ตายที่หมายจะเอาชีวิตเท่านั้น

———————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด