ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 212 อีกด้านของบทเรียน (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 212 อีกด้านของบทเรียน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 212 อีกด้านของบทเรียน (1)

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

พวกกู้สยงเดินเข้ามาอย่างอ่อนล้า

“เก็บกวาดสักหน่อย ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตทั้งหมดสองร้อยสิบสี่คน ขั้นหนึ่งหนึ่งร้อยสี่สิบคน ขั้นสองหกสิบห้าคน ขั้นสามเก้าคน”

เทียบกับทุกคนแล้ว ความสามารถเช่นนี้ห่างชั้นกันอย่างมาก

ทางมหาวิทยาลัยมีเกือบสามร้อยคน ฝีมือต่ำสุดคือขั้นสอง

แต่การต่อสู้ขนาดใหญ่ที่ความสามารถเหนือกว่าเช่นนี้กลับทำให้ทุกคนเสียเปรียบอย่างหนัก

ระหว่างที่กู้สยงพูด ยังถอนหายใจว่า “ทางมหาวิทยาลัยมีคนตายทั้งหมดหกคน ขั้นสามบาดเจ็บทุกคน!”

ทั้งยังไม่ได้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย พวกอวี๋ซั่งหวา จ้าวเหล่ยต่างได้รับบาดเจ็บค่อนข้างหนัก

ตอนนี้จ้าวเหล่ยเผยใบหน้าซีดเซียว กลับยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โชคดีที่มีฟางผิง”

หากฟางผิงไม่สกัดขั้นสามสูงสุดเอาไว้ ครั้งนี้อย่างน้อยต้องมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามตายหลายคน

ฟางผิงกลับนอนบนพื้นไม่ปริปากอะไร

เมื่อกี้เขาดูค่าทรัพย์สินของตัวเอง ตอนนี้เหลือแค่สิบสองล้านเท่านั้น

ทั้งก่อนหน้านี้เขาได้รับยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามจากทุกคนมาสิบเม็ด ค่าทรัพย์สินแตะที่ยี่สิบห้าล้าน!

เพื่อฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดคนนี้ ฟางผิงสิ้นเปลืองค่าทรัพย์สินไปสิบสามล้าน รวมถึงยารักษาชีวิตอีกหนึ่งเม็ด

ยาบำรุงนี้ฟางผิงยืมมา จึงไม่ได้เพิ่มค่าทรัพย์สินให้เขา

ดาบเฟิ่งจุ่ยยุบลงไป รองเท้าโลหะผสมได้รับความเสียหาย ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล อวัยวะภายในยังปลอดภัย ใช้ยารักษาชีวิตจึงกำลังฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง

ไม่สนใจคนอื่นอีก เห็นเฉินอวิ๋นซีเดินมา ฟางผิงหอบหายใจว่า “กลับไปจะคืนให้เธอ”

“ไม่ต้องหรอก…”

“คืนสิ ฉันไม่เกาะผู้หญิงกินหรอก!”

ฟางผิงแค่นเสียง เผยสีหน้าไม่พอใจก่อนจะเอ่ยว่า “ขายยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามให้เธอสิบเม็ดสิบเอ็ดล้าน จ่ายให้ฉันห้าล้านก็พอแล้ว”

ทุกคนทำหน้างุนงง เจ้าหมอนี่ยังมีใจจะขายยาบำรุงอีก?

เฉินอวิ๋นซีตะลึงไปเล็กน้อยเช่นกัน ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “ทำไม? ยาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามสิบเม็ดเท่ากับสี่ร้อยคะแนน ยารักษาชีวิตของเธอสองร้อยคะแนน คิดเธอแค่ห้าล้านไม่แพงหรอกมั้ง?”

“ไม่ใช่ นาย…”

“งั้นก็ตกลงกันตามนี้”

ทิ้งคำพูดนี้ไว้ ก่อนฟางผิงจะหยัดกายขึ้น ยื่นยาบำรุงขวดหนึ่งให้เธอ เอ่ยว่า “กลับไปค่อยโอนให้ฉันห้าล้าน”

ท่ามกลางความงุนงงเฉินอวิ๋นซีหยิบยาบำรุงมาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

ตอนนี้ฟางผิงสาวเท้าเดินไปข้างนอกแล้ว

ฟู่ชางติ่งเดินเข้ามาหา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นายเจ๋งชะมัด แทบจะฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดด้วยตัวคนเดียว”

“ฮ่าๆ นายคิดว่าฉันอยากทำหรือไง?”

ฟางผิงมีความคิดอยากจะตายด้วยซ้ำไป เพื่อฆ่าหมอนั่นต้องสูญเสียเงินไปกว่ายี่สิบล้าน!

ฟู่ชางติ่งไม่เอ่ยอะไรต่อ ทุกคนต่างเห็นตำตา ครั้งนี้เพื่อฆ่าอีกฝ่ายแทบไม่รู้ว่าฟางผิงฟันดาบออกไปกี่ครั้งกันแน่

ส่วนเรื่องที่ฟางผิงเหมือนจะไม่ได้ใช้ยา ทุกคนไม่รู้ว่าสถานการณ์เป็นมายังไงเช่นกัน

อาจจะใช้ก่อนหน้านั้น หรืออาจจะเป็นสาเหตุอื่น ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาซักถามอย่างละเอียด

ระหว่างที่พูดฟู่ชางติ่งเอ่ยเสียงเบาว่า “นายชอบเอาเปรียบคนอื่นตลอดไม่ใช่หรือไง? เฉินอวิ๋นซีไม่ให้ชดใช้ ทำไมยังเป็นฝ่ายขอคืนอีก?”

“ไอ้เวร ฉันเอาเปรียบนายหรือไง? ฉันแค่ไม่ชอบติดหนี้ใคร ชอบแลกเปลี่ยนมากกว่า…”

ฟู่ชางติ่งถอนหายใจเบาๆ “มองออกแล้ว นายมองทุกอย่างเป็นการแลกเปลี่ยนสินะ อันที่จริงแบบนี้อาจไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เฉินอวิ๋นซีให้นายยืมยาบำรุง นายกลับจะคืนเป็นเงินแทน ไม่มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมรบสักนิด ทำร้ายจิตใจคนยิ่งกว่า”

“ถ้าฉันเป็นนาย ครั้งนี้คงไม่คืน อย่างมากครั้งหน้าเธอเจอกับอันตราย นายค่อยชดใช้คืนให้ ตอนนี้กลับทำเหมือนว่าเงินก็คือเงิน การแลกเปลี่ยนก็คือการแลกเปลี่ยน…”

ฟางผิงขมวดคิ้ว “แบบนี้ไม่ดีหรือไง?”

“บางทีนายอาจคิดว่าดี แต่สำหรับพวกเราค่ามิตรภาพจะติดลบ…”

“ฉันคิดว่าดีออก ผู้ฝึกยุทธ์ใครจะรู้ว่าตายวันไหน”

ฟางผิงเอ่ยอย่างเรียบนิ่ง “อาจารย์ฉันบอกว่าระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทความรู้สึกให้กันมากมาย เมื่อก่อนฉันคิดว่าใจร้ายไปหน่อย ตอนนี้คิดดูแล้วกลับดีไม่น้อย แค่ทำภารกิจเดียว มีคนตายตั้งหกคน เพื่อนของพวกเขาจะปวดใจกันขนาดไหน? แทนที่จะต้องเสียใจในภายหลัง ยังไม่สู้ทำแบบนี้ หากมีวันหนึ่งใครตาย ทุกคนจะได้ไม่ต้องเสียใจขนาดนั้น”

“จำเป็นต้องทำอย่างนั้นหรือไง” ฟู่ชางติ่งส่ายหัว กลับไม่พูดอะไรอีก

ฟางผิงไม่สนใจเขาเช่นกัน ไม่เข้าร่วมการค้นหาต่อ เดินไปด้านนอกหมู่บ้าน หาที่นั่งเริ่มพันแผลของตัวเอง

สองชั่วโมงต่อมา การค้นหาก็สิ้นสุดลง

“สรุปแล้วหายาบำรุงได้ทั้งหมดหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเม็ด ส่วนใหญ่เป็นยาบำรุงเลือดและปราณธรรมดา…มูลค่าทั้งหมดไม่ถึงสามสิบล้าน”

กวาดล้างฐานที่มั่นของผู้ฝึกยุทธ์นับร้อยคน ค้นเจอยาบำรุงมูลค่าไม่ถึงสามสิบล้าน ภารกิจเช่นนี้ถือว่าขาดทุนอย่างหนัก

“อาวุธห้าสิบสี่ชิ้น ระดับ F สามสิบชิ้น ระดับ E สิบแปดชิ้น ระดับ D หกชิ้น ระดับ F มูลค่าค่อนข้างต่ำ รวมทั้งหมดประมาณยี่สิบล้าน”

ทุกคนคำนวณเล็กน้อย มูลค่าทั้งหมดประมาณห้าสิบล้าน

ส่วนคนที่เข้าร่วมมีเกือบสามร้อยคน เฉลี่ยแล้วก็คนละแสนกว่าเท่านั้น

ในความเป็นจริงแทบไม่ได้อะไร

“นายเอายาบำรุงเลือดและปราณขั้นสามไปสิบเม็ด มูลค่าสิบสองล้าน หักออกไปก่อน”

“อีกอย่างพวกเราตัดสินใจว่า นักศึกษาที่ตายในสนามรบหกคน จะชดเชยให้คนละสามล้าน ฟางผิง นายไม่คัดค้านอะไรสินะ?”

พวกจ้าวหยางมองไปทางฟางผิง ในการรบครั้งนี้ฟางผิงเป็นคนสังหารผู้นำลัทธิ

แม้ว่าฝีมือจะไม่ถึงขั้นสามสูงสุด แต่ฆ่าขั้นสามสูงสุดตายได้ นั่นก็พิสูจน์ความสามารถของเขาแล้ว

ตอนนี้ยังจำเป็นต้องถามความเห็นจากฟางผิง

“ไม่คัดค้าน”

“ดังนั้นของที่เหลืออยู่ มูลค่าประมาณยี่สิบล้าน ในความคิดของพวกเราคือเฉลี่ยกันได้แค่ไม่กี่แสนเท่านั้น สำหรับพวกเราไม่มีความหมายอะไร ครั้งนี้หลายคนได้รับบาดเจ็บ ส่วนหนึ่งจะใช้รักษาอาการบาดเจ็บให้ทุกคน ให้นายเอาไปหนึ่งล้าน ส่วนที่เหลือก็แบ่งให้คนที่ออกแรงมาก”

เงินที่เหลือก็จะประมาณสิบล้าน แบ่งให้ฟางผิงหนึ่งล้านถือว่าเยอะแล้ว แทบจะครองอัตราส่วนหนึ่งในสิบ

แต่ฟางผิงได้ยินกลับกลัดกลุ้มอยู่บ้าง รู้นานแล้วว่าจะขาดทุน แต่ไม่คิดว่าจะขาดทุนขนาดนี้!

“ได้ ตามใจพวกนายเลย ตอนนี้จะจัดการยังไง?”

“รอ รอมหาวิทยาลัยมาตรวจสอบ”

ทุกคนไม่พูดอะไรอีก นั่งขัดสมาธิ พากันจมดิ่งในความเงียบ

ผ่านไปพักหนึ่ง อวี๋ซั่งหวาถอนหายใจว่า “เดิมทีคิดว่าพวกเราเป็นแนวหน้าของแนวหน้าแล้ว ทุกคนก็ทำภารกิจมาไม่น้อยเหมือนกัน สำเร็จไปด้วยดี แต่ครั้งนี้เพิ่งเข้าใจว่าพวกเรายังขาดอะไรอีกเยอะ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ประเมินคู่ต่อสู้ต่ำครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายถ้าไม่ได้ฟางผิงสกัดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดคนนั้นเอาไว้ เกรงว่าพวกเราจะสูญเสียคนไปกว่ายี่สิบคน”

ทุกคนต่างถอนหายใจ เวลานี้จู่ๆ ก็มีคนเอ่ยว่า “เห็นจุดบกพร่องก็ดี!”

ไม่ไกลมาก ถังเฟิงและพวกอาจารย์สาวเท้าเข้ามา

ถังเฟิงไม่ชายตามองหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ นั่นแม้แต่น้อย เอ่ยปากว่า “ลุกขึ้นให้หมด จะพาพวกเธอไปดูอะไรบางอย่าง”

ทุกคนทยอยหยัดกายขึ้น เวลานี้ด้านข้างมีรถทหารมาจอดหลายคัน

“ขึ้นรถ!”

ถังเฟิงออกคำสั่ง ทุกคนพากันขึ้นไปทันที

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถหยุดอยู่ที่ปากทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง

ตอนนี้ที่นี่กำลังต่อสู้กันอยู่

ระหว่างสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งสวมชุดเครื่องแบบทหาร อีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ฝึกยุทธ์นอกรีต

“ขว้าง!”

พวกฟางผิงเพิ่งมาถึง ก็มีเสียงตะโกนขึ้นดังลั่น ด้านหลังทหารที่กำลังเข้าร่วมการต่อสู้ คนกลุ่มหนึ่งถือหอกที่ทำจากไม้ไผ่ พากันขว้างออกไป!

ผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตอยู่ตรงข้าม ผู้ที่แข็งแกร่งต่างปัดป้อง ส่วนคนอ่อนแอกลับถูกเสียบทะลุ

“แทง!”

คล้อยหลังจากคำสั่ง ทหารแถวหน้าก็เริ่มสาวเท้าขึ้นไปพร้อมกัน ในมือถือหอกยาว แทงออกไปอย่างเป็นระเบียบ!

แม้อีกฝ่ายจะมีผู้แข็งแกร่งไม่น้อย ตอนนี้กลับถอยหลังไปไม่หยุด เหลือแค่คนอ่อนแอที่หลบช้าจึงถูกแทงตาย

“ขว้าง!”

คำสั่งถูกถ่ายทอดวนไปมา ทหารด้านหลังพุ่งหอกไม้ออกไปสลับกันไม่หยุดหย่อน กำจัดผู้ฝึกยุทธ์ตรงข้ามจนลดหลั่นไปเรื่อยๆ

มีผู้ฝึกยุทธ์นอกรีตคิดจะโจมตีขบวนทหาร ไม่นานก็ถูกคนสกัดเอาไว้

คนอื่นๆ ยังคงสังหารผู้ที่อ่อนแอพวกนั้นต่อ

สิบกว่านาทีหลังจากนั้น ผู้อ่อนแอก็ถูกฆ่าตายจนเกลี้ยง ผู้แข็งแกร่งในทัพทหารค่อยๆ ถอยหลัง เริ่มขว้างหอกสลับกันไปมาอีกครั้ง

“นี่คือกำลังผลาญปราณของพวกเขา?”

ถังเฟิงเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “นี่ก็เป็นกลุ่มทหารใหม่ ไม่เคยทำสงครามมาก่อน แต่ยังมีดีนิดหน่อย เชื่อฟังคำสั่ง ผู้ฝึกยุทธ์ที่โอบล้อมที่นี่ฝีมือไม่ห่างชั้นจากทางพวกเธอมาก แต่ผู้ฝึกยุทธ์ทหารมีไม่เยอะ ไม่ถึงห้าสิบคน ภารกิจของห้าสิบคนนี้คือสกัดพวกที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่เปิดโอกาสให้พวกเขาทำลายขบวนทหาร สังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งขั้นสองทั้งหมดแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามพวกนี้แค่ผลาญปราณพวกเขาอย่างต่อเนื่อง เผชิญหน้ากับคนเยอะเช่นนี้ ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี”

ฟางผิงขมวดคิ้วว่า “พวกเราไม่เหมือนกับทหาร พวกเราไม่มีสัญชาตญาณเคลื่อนไหวเป็นทีมเหมือนพวกเขา ทั้งทำตามกฎเกณฑ์อย่างไร้ข้อบกพร่องไม่ไหวหรอก พวกเราเป็นผู้ฝึกยุทธ์อิสระ…”

ถังเฟิงตำหนิ “โง่เขลา! ฉันให้พวกเธอเลียนแบบหรือไง? ฉันแค่ให้พวกเธอเรียนรู้การใช้พลังทั้งหมดที่มี ผู้ฝึกยุทธ์สองร้อยกว่าคน พวกเธอใช้การกันยังไง สุดท้ายเอาแต่ล้อมอยู่นอกวงเฉยๆ! ตอนนั้นหากพวกเธอให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองพวกนี้ถืออาวุธยาวแถวละยี่สิบคน แบ่งเป็นสิบทีมผลัดเปลี่ยนล้อมฆ่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสูงสุดคนนั้น ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขัดขวางไม่ให้เขาหนี เขาทำได้เพียงตั้งรับ เขาจะต้านได้กี่สิบรอบกัน? ด้านนอกขอเพียงแค่ให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามสี่ห้าคนจับตามอง ขัดขวางไม่ให้เขาหนีอยู่ตลอด เขาคงหนีไม่ได้หรอก!”

ฟางผิงเอ่ยอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก “นี่ก็ช้าเกินไป”

——————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด