ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 87 แผนธุรกิจ

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 87 แผนธุรกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 87 แผนธุรกิจ

หลังจากปี 2008 ธุรกิจที่กวาดเงินได้จริงๆ นั้นมีไม่เยอะแล้ว

แม้โครงสร้างโดยรวมของทั้งสองชาติจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดยังคงพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

สิบปีต่อจากนี้ ถ้าพูดถึงธุรกิจทำเงิน ปกติคงหนีไม่พ้นอสังหาริมทรัพย์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์สมาร์ทโฟนรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกิดใหม่ตามยุคสมัย

อสังหาริมทรัพย์ ฟางผิงคงไม่มีปัญญาต่อยอดเรื่องนี้ ห่างไกลจากความจริงเกินไป

ตอนนี้กระทั่งเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ เขายังทำไม่ได้เลย ทั้งในมือฟางผิงยังมีเงินทุนแค่หนึ่งล้านหกแสนเท่านั้น

ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ จะแทรกแซงธุรกิจประเภทนี้เป็นเรื่องยาก ฟางผิงไม่มีความสามารถนั้นด้วย

การผลิตมือถือ ฟางผิงยิ่งไม่อาจทำได้ ตอนนี้เริ่มมีโครงการผลิตสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นแล้ว ฟางผิงไม่อาจเข้าไปยุ่งได้

อินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นเรื่องง่ายหน่อย ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากมาย

ส่วนปัญหาเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ ในพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้ ถ้าคนธรรมดาไม่ขยายกิจการข้ามเมืองคงไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว

ทั้งตอนนี้ฟางผิงได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ข้อจำกัดนี้เลยทำอะไรเขาไม่ได้

ต่อให้ขั้นสี่ขึ้นไปถึงจะขยายบริษัทข้ามมณฑลได้ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับฟางผิงอยู่ดี

แต่การเพิ่มมูลค่าทางอินเตอร์เน็ตต้องใช้เทคนิคอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าคุณอยากทำก็สามารถทำได้

การซื้อของออนไลน์ ตอนนี้แม้ชื่อเสียงของบริษัทอาลีบาบาจะยังไม่ดัง แต่เครือข่ายกลับไม่ใช่เล็กๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านี้เหล่าหม่ายังแพร่ข่าวเรื่องทะลวงขั้นเจ็ดไปทั่ว ตอนนี้จะทำธุรกิจซื้อของออนไลน์ นอกจากจะเป็นทางตันแล้ว ยังคงยากที่จะขยายกิจการให้ใหญ่กว่านี้

แน่นอนว่า พอปรับเปลี่ยนลู่ทางอื่นได้อยู่บ้าง อย่างบริษัทเหวยผิ่นฮุ่ยที่ให้บริการซื้อขายของยี่ห้อดังบนอินเทอร์เน็ต

แต่สำหรับฟางผิง เขาไม่อาจสู้กับธุรกิจนี้ได้ นอกจากจะไม่มีเส้นสายแล้ว เรื่องผู้แทนจำหน่ายยังค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ

อย่างอื่นเช่นบริการธนาคารออนไลน์ แอปพลิเคชันสื่อสาร เกมออนไลน์ เครื่องมือค้นหาข้อมูล รวมทั้งแพลตฟอร์มวิดีโอ…

ตอนนี้แทบไม่มีอันไหนเหมาะสมกับฟางผิงเลย

อันที่จริงฟางผิงครุ่นคิดมานานแล้ว หลังจากเขากลับมาเกิดใหม่ เขาก็เริ่มวางแผนว่าต่อไปควรจะทำอะไร

ฟางผิงพบว่าธุรกิจชั้นนำที่เจริญรุ่งเรืองหลังปี 2008 ในชาติก่อนมีน้อยจริงๆ บริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ก็คือสองบริษัทที่ให้บริการจัดส่งอาหารออนไลน์

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอ้อเลอมา หรือเหม่ยถวน ผู้ริเริ่มของบริษัทนี้ต่างดำเนินธุรกิจหลังปี 2008

ตอนแรกทั้งสองคนไม่ได้มีเงินทุนอะไร แทบจะเริ่มจากศูนย์ทั้งสิ้น

ระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี กลับสามารถสั่งสมทรัพย์สินจำนวนมหาศาล…แน่นอนว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำว่าทรัพย์สินมหาศาล

นอกจากแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่เกิดหลังปี 2008 ไม่ต้องใช้เทคนิคมากมาย บุกเบิกไม่ยาก นั่นก็คือธุรกิจส่งของ

อันที่จริงธุรกิจส่งของนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ เมื่อบุกเบิกธุรกิจส่งของ ยิ่งหนีไม่พ้นธุรกิจซื้อของบนโลกออนไลน์

ตอนนี้คนของอาลีบาบายังอยู่นิ่ง ฟางผิงรู้ว่า ไม่นานแพลตฟอร์มซื้อของออนไลน์จะมีอิทธิพลในประเทศแห่งนี้

ตอนนี้ฟางผิงยังไม่คิดจะท้าประลองกับพี่หม่า เขากลัวว่าจะถูกปรมาจารย์ฆ่าตายเสียก่อน

แต่การคว้าโอกาสเมื่อมีจังหวะ ก้าวรอยตามบุคคลสำคัญ ฟางผิงเข้าใจหลักการนี้ดี

อันดับมหาเศรษฐีในวันข้างหน้า นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอินเตอร์เน็ตแล้ว คนที่อยู่อันดับต้นๆ ยังมีบริษัทขนส่งสินค้าด้วย

โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์!

ตอนนี้เซี่ยงไฮ้มีฐานของธุรกิจขนส่งอยู่ไม่น้อย

แต่บริษัทพวกนี้ ส่วนมากจะส่งสินค้าทั่วไป บริษัทโลจิกติกส์ก็จะขนส่งสินค้าจำนวนมากเป็นหลัก

กลับยังไม่มีสักบริษัทที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์!

ฟางผิงครุ่นคิดอยู่นาน ธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มสั่งอาหารเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเขา

เข้าในวงการได้ไม่ยาก ไม่ต้องแพร่ขยายในครั้งเดียว สามารถเข้าไปอยู่ในเซี่ยงไฮ้พัฒนาไปตามจังหวะ รอเงื่อนไขเหมาะสมแล้ว ค่อยขยับขยายไปทั่วประเทศได้ทุกเวลา

ทั้งธุรกิจขนส่งและสั่งอาหารยังสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้

เขาสามารถทำธุรกิจนี้แบบออนไลน์ แพลตฟอร์มสั่งอาหารก็เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องก่อตั้งให้ใหญ่โตในครั้งเดียว

ต้องวางแผนตั้งจุดส่งของก่อน ค่อยรับพนักงานส่งของเข้ามา สร้างแพลตฟอร์มซื้อของสั่งอาหารในพื้นที่อย่างง่ายๆ

ค่าใช้จ่ายพวกนี้ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ ฟางผิงยังพอรับได้

หากทำได้จริง สามารถพูดคุยเรื่องธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์กับสำนักงานประจำเซี่ยงไฮ้ของอาลีบาบา แต่ยังไงคงไม่อาจทำตอนนี้ได้อยู่ดี

ฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ มีอำนาจตำแหน่งไม่สูงพอ เข้าไปพูดคุยธุรกิจ คนอื่นอาจจะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีฐานะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้แล้ว เข้าไปขอความร่วมมือ คาดว่าอีกฝ่ายคงยินดีที่จะร่วมธุรกิจด้วย

ตอนนี้บริษัทขนส่งแต่ละแห่งที่ร่วมมือกับอาลีบาบาต่างค่อนข้างแข็งแกร่งทั้งนั้น

ยังไงธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์ก็มีค่อนข้างน้อย ทุกคนมักจะหมางเมิน แต่ไม่นานสถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ฟางผิงต้องฉวยโอกาสปรับเปลี่ยนทิศทางก่อนที่บริษัทอื่นๆ จะร่วมมือกับอาลีบาบา กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญในเซี่ยงไฮ้ของอีกฝ่ายให้ได้

ตัดสินใจได้แล้ว ฟางผิงไม่คิดลังเลอีก

วันต่อมา ฟางผิงใช้รถของโรงแรม ไม่ได้ให้อีกฝ่ายมาบริการ เขาขับรถออกจากโรงแรมด้วยตัวเอง

แม้จะไม่มีใบขับขี่ ฟางผิงกลับไม่กังวลใจ

เขาบอกกับหลี่เฉิงเจ๋อว่าไม่มีใบขับขี่ หลี่เฉิงเจ๋อกลับบอกเขาว่า ถ้าฟางผิงถูกเรียกตรวจ ให้แสดงบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์แทน

แม้บัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์จะใช้แทนใบขับขี่ไม่ได้ แต่ขอแค่ไม่เกิดอุบติเหตุ ตำรวจคงไม่คิดสร้างความลำบากใจ

แน่นอนว่า ถ้าเกิดเรื่อง ฟางผิงต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทั้งหมด

เมื่อรู้ว่าบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์มีประโยชน์แบบนี้ ฟางผิงที่อ้างตัวเองว่าเป็นนักซิ่งเก่าคงไม่ปล่อยให้คนอื่นขับรถอยู่แล้ว

สถานที่ที่ฟางผิงไปเป็นอันดับแรกคือเมืองมหาวิทยาลัย

เมืองมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหกเขตของเซี่ยงไฮ้ มีประชากรค่อนข้างมาก อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัย ทำให้ฟางผิงดำเนินการได้สะดวก

แม้เมืองมหาวิทยาลัยจะมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งสำคัญ แต่นักศึกษาสายศิลปะต่อสู้ยังคงเป็นชนกลุ่มน้อย ทั่วทั้งเมืองมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาสายสังคมทั่วไปมากกว่า

นี่ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายของฟางผิงเหมือนกัน

สั่งอาหาร ซื้อของออนไลน์ นี่ล้วนเป็นเรื่องที่นักศึกษาชอบทำ พนักงานออฟฟิศและนักศึกษาเป็นคนสองกลุ่มที่มีความสามารถเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากธุรกิจซื้อของออนไลน์พัฒนาได้ไม่กี่ปี ก็จะไม่ใช่สิ่งใหม่ๆ ในสายตาคนอื่นอีกแล้ว

ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ ยิ่งมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยเริ่มก่อสร้างธุรกิจซื้อของออนไลน์ด้วยซ้ำ

หากฟางผิงจะทำธุรกิจแบบนี้ในหยางเฉิง แทบไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย แต่ในเซี่ยงไฮ้นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

เมืองมหาวิทยาลัยมีมหาวิทยาลัยทั้งหมดหกสิบสี่แห่ง!

มหาวิทยาลัยที่มีสาขาศิลปะการต่อสู้เหมือนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อย่างเช่นมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง มหาวิทยาลัยเจียวทงเซี่ยงไฮ้ ทั้งมีมหาวิทยาลัยที่มีแค่สายสังคมเช่นกัน

มหาวิทยาลัยสายสังคมทั่วไปมีประชากรมากที่สุด นักศึกษาทั้งสี่รุ่นเกือบสองสามหมื่นคนแล้ว รวมกับอาจารย์ ครอบครัวและพนักงาน มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแทบจะมีประชากรกว่าสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคน

น้อยหน่อยก็อย่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีเกือบหมื่นคนเท่านั้น

รวมหาวิทยาลัยทั้งหกสิบสี่แห่งเข้าด้วยกัน ประชากรทั้งหมดจึงมีเกือบสองล้าน แทบไม่ต่างจากผลรวมประชากรในเมืองระดับจังหวัดเลย

นี่เพราะเป็นแหล่งรวมของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งมีบรรยากาศธุรกิจที่ค่อนข้างคึกคัก

ธุรกิจระดับสูงไม่ได้มีมากเกินไป เพราะนักศึกษาไม่ได้มีกำลังซื้อนัก

แต่ธุรกิจร้านค้าทั่วไปแทบจะตั้งเรียงรายไปทั่ว

ทั้งเมืองมหาวิทยาลัย ตามสถิติแล้ว มีประชากรทั้งหมดสี่ล้านแปดแสนกว่าคน!

นี่เยอะกว่าหยางเฉิงเกือบสิบเท่า!

เมืองมหาวิทยาลัยแห่งเดียว มีจำนวนคนเกือบห้าล้าน สำหรับฟางผิง คงไม่มีที่ไหนจะเหมาะทำธุรกิจมากกว่าที่นี่อีกแล้ว

วันที่ 1 สิงหาคม ฟางผิงขับรถสำรวจรอบเมืองมหาวิทยาลัย

เขาพอใจเข้าใจแล้วว่า ทำไมต้องวางมหาวิทยาลัยกระจัดกระจายกัน

หากมองเมืองมหาวิทยาลัยในภาพรวม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ตั้งอยู่ทิศใต้ของเมือง ใกล้กับชายฝั่ง

ทั้งเพราะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ครองพื้นดินเกือบสามหมื่นหมู่ จึงสามารถเห็นทะเลจากด้านในมหาวิทยาลัย ตอนนี้ฟางผิงแค่ไม่รู้เท่านั้น

ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีมหาวิทยาลัยสิบกว่าแห่งกระจัดกระจายอยู่ ส่วนมากล้วนเป็นมหาวิทยาลัยสายสังคม ปกติมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะกระจุกตัวกันอยู่ค่อนข้างไกล อาจเป็นเพราะต้องการแบ่งแยกกัน

มหาวิทยาลัยกว่าสิบแห่ง รวมนักศึกษาและอาจารย์แล้วเกินสามแสนคน

อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ถือว่าสะดวกกับฟางผิงไปอีก

เพราะเงินทุนที่มีจำกัด ฟางผิงไม่คิดจะตั้งเป้ากับเมืองมหาวิทยาลัยในครั้งเดียว แต่จะเริ่มจากทางใต้ก่อนแล้วค่อยบุกเบิกไปอย่างช้าๆ

“เช่าสำนักงานขนาดพอเหมาะสักแห่ง สร้างแพลตฟอร์มขายอาหารขึ้นมา ใช้ที่นี่เป็นสำนักงานชั่วคราว มหาวิทยาลัยสิบกว่าแห่ง อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย อยากจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด อย่างน้อยต้องตั้งจุดส่งของขึ้นมาห้าแห่ง รับผิดชอบมหาวิทยาลัยสามแห่งต่อหนึ่งที่ ส่วนพนักงาน หนึ่งจุดต้องรับผิดชอบมหาวิทยาลัยสามแห่ง อย่างน้อยต้องรับพนักงานสิบคนขึ้นไป”

“สำนักงานหนึ่งแห่ง จุดกระจายสินค้าห้าแห่ง พนักงานส่งห้าสิบคน…บางทีอาจลดได้อีกหน่อย ห้าสิบคนจะเยอะเกินไปรึเปล่า?”

ฟางผิงขับรถหาสถานที่ที่เหมาะสม ทั้งวางแผนธุรกิจไปพลาง

ค่าครองชีพในเซี่ยงไฮ้นั้นสูงมาก จะจ้างเงินเดือนต่ำเกินไปไม่ได้

ในหยางเฉิง แปดร้อยหยวนก็จ้างคนได้แล้ว

ที่เซี่ยงไฮ้ แม้จะเป็นตอนนี้ งานระดับต่ำๆ ถ้าน้อยกว่าสามพันหยวน แทบไม่มีคนทำแล้ว

ถึงจะลองคำนวณจากสามพันหยวน แค่เงินเดือนพนักงานส่งของ ก็หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อเดือนแล้ว

นอกจากนี้ยังต้องจ้างฝ่ายบริการลูกค้า พนักงานต้อนรับ รวมทั้งพนักงานด้านเทคนิคพัฒนาแฟลตฟอร์ม ภายหลังยังต้องมีฝ่ายบริหารจัดการ ฝ่ายการตลาดที่รับผิดชอบบุกเบิกตลาด…

ช่วงแรกๆ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายควบคุม ฝ่ายสินค้า ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายธุรการ และฝ่ายบุคคลนั้นสามารถละไปได้

แต่รวมๆ แล้วฟางผิงคิดว่าอย่างน้อยต้องมีพนักงานประมาณยี่สิบคน ถึงจะสามารถแบกกิจการนี้ได้

เริ่มแรกบริษัทเอ้อเลอมามีแค่ไม่กี่คนยังสามารถทำได้ แต่อีกฝ่ายแค่ทดลองให้บริการในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวเท่านั้น

รวมทั้งฟางผิงเองไม่อยากจะคิดเสียเวลากับเรื่องนี้มาก เลยรับคนให้เยอะไว้ก่อน เพื่อที่จะสามารถรองรับความต้องการของเขาได้

ยี่สิบคนต้องเฉลี่ยเงินเดือนประมาณห้าพันหยวน

แค่ค่าใช้จ่ายเรื่องเงินเดือน ต้องจ่ายกว่าสองแสนห้าหมื่นต่อเดือนแล้ว

ที่จริงถือว่าเงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร แค่บริษัทไอที เงินเดือนพนักงานนั้นยังครองสัดส่วนมากกว่านี้อีก

หากฟางผิงทำธุรกิจด้านอื่น ค่าใช้จ่ายเงินเดือนนับเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือในหนึ่งเดือนเขาต้องหาเงินให้ได้มากกว่าหกแสนขึ้นไปถึงจะพอ

ทั้งช่วงแรกอาจจะต้องใช้จ่ายเยอะหน่อย มีที่เช่าน้อยนักที่จะจ่ายเดือนต่อเดือน อย่างต่ำก็จ่ายเป็นไตรมาศ รวมทั้งต้องวางเงินค่ามัดจำอีก

บางทีเดือนหน้า เงินล้านหกในมือเขาอาจจะใช้หมดด้วยซ้ำไป

ช่วงแรกธุรกิจพวกนี้จะหาเงินได้ยาก เพราะยังใหม่ในวงการ จำเป็นต้องบุกเบิกตลาด อันดับแรกล้วนอยู่ที่ผู้ลงทุน

“หรือจะเข้าร่วมแฟรนไชส์ธุรกิจขนส่งดี?”

ฟางผิงขบคิดในใจ ถ้าทำแฟรนไชส์ จะสามารถเปิดตลาดและเริ่มธุจกิจได้อย่างรวดเร็ว

แม้แฟรนไชส์จะเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่จะได้เงินทุนกลับมาเร็วเหมือนกัน

และถ้าทำแฟรนไชส์ คงจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองยาก ฟางผิงไม่อยากทำงานให้คนอื่นไปตลอด

“ไม่สนแล้ว เช่าที่ก่อนแล้วกัน หาทำเลได้แล้ว ค่อยเริ่มรับพนักงาน อีกอย่างฉันยังต้องหาคนที่ฉลาดสักคนมาคอยคุมสถานการณ์ตอนที่ฉันไม่อยู่”

คนทั่วไปนั้นหาง่าย เซี่ยงไฮ้ไม่เคยขาดคนอยู่แล้ว

ในตลาดมีอัจฉริยะให้คุณเลือกมากมาย

แต่ผู้จัดการที่มีความสามารถจริงๆ ต้องใช้โชคช่วยเท่านั้น ถ้าไม่มีโชค ฟางผิงทำได้แค่หาคนที่สามารถไว้ใจแล้วค่อยทุมเทขัดเกลาคนๆ นั้นอีกที

เวลาทั้งวัน ฟางผิงสำรวจทิศใต้ของเมืองมหาวิทยาลัยจนทั่ว

เขาพอจะหาตำแหน่งสำนักงานและจุดส่งของได้คร่าวๆ แล้ว ต่อไปก็รอรับสมัครพนักงานอย่างเป็นทางการ

“ภายในหนึ่งเดือนต้องเตรียมงานช่วงแรกให้เสร็จ เปิดเทอมก็เริ่มประกาศรับสมัคร ต้องพยายามหาทุนคืนให้เร็วที่สุด เงินหนึ่งล้านหกไม่แน่ใจว่าพอหรือเปล่า ยังไม่รู้พอจะหายืมที่ไหน…”

ตอนเย็น ฟางผิงกลับมาโรงแรม เมื่อฝึกฝนตามปกติแล้ว ก็เริ่มทำแผนขึ้นมา ร่างประกาศรับสมัครพนักงาน

ก้าวแรกนั้นยากเสมอ ฟางผิงไม่กลัวลำบากอยู่แล้ว ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย

แต่เขาไม่อยากเป็นเหมือนเหล่าหวัง เพื่อทรัพยากรเล็กน้อย กลับมาก่อเรื่องที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ทั้งยังวิ่งเต้นทำภารกิจไปทั่ว

ภารกิจนั้นทำได้อยู่แล้ว แต่เพื่อเงินไม่กี่แสน กลับต้องขึ้นเหนือล่องใต้ สิ้นเปลืองเวลาเกินไป

นี่ยังเพิ่งเริ่ม รอจนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอื่น ค่าใช้จ่ายคงมากกว่านี้

เวลานั้นแค่ภารกิจจะยังเพียงพอกับค่าใช้จ่ายเหรอ?

ตอนนี้ปรมาจารย์คนไหนไม่มีทรัพยากรทางสังคมจำนวนมากในมือบ้างล่ะ

ความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้ดูแค่พรสวรรค์ ยังต้องดูที่ความสามารถอย่างอื่น เช่นความสามารถในการหาเงิน…

หาเงินไม่ได้ คงต้องไปทำงานกับรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ได้ต้องการแค่คนที่ใช้กำลังเป็นอย่างเดียว

ผู้ว่าแต่ละแห่งเหนือชั้นเรื่องพลังก็จริง แต่ต้องเพียบพร้อมด้วยความสามารถดูแลจัดการด้วย

สามารถจัดการมณฑลได้ดี นี่ถึงเป็นเหตุผลที่แย่งชิงทรัพยากรให้พวกเขาได้ อย่างจินเค่อหมิง ขาดแคลนความสามารถด้านนี้ เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว

วิถีของผู้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ใช่เรื่องของกำลังแค่อย่างเดียว

คนต้องกินต้องใช้ ผู้ฝึกยุทธ์นั้นเหมือนกัน!

การทำทุกเรื่องควบคู่กันไป นั่นถึงจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ในอนาคตเหล่าหวังคงจะไปทำงานกับรัฐบาลสินะ?”

ฟางผิงผุดความคิดนี้ขึ้นมาในหัว เขาไม่ได้วางแผนจะทำแบบนี้ ดังนั้นจึงคิดก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง

ข้อกำจัดของการทำงานร่วมกับรัฐบาลมีเยอะเกินไป ไม่เหมาะกับคนแบบฟางผิง

—————————

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 87 แผนธุรกิจ

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 87 แผนธุรกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 87 แผนธุรกิจ

หลังจากปี 2008 ธุรกิจที่กวาดเงินได้จริงๆ นั้นมีไม่เยอะแล้ว

แม้โครงสร้างโดยรวมของทั้งสองชาติจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดยังคงพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

สิบปีต่อจากนี้ ถ้าพูดถึงธุรกิจทำเงิน ปกติคงหนีไม่พ้นอสังหาริมทรัพย์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์สมาร์ทโฟนรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกิดใหม่ตามยุคสมัย

อสังหาริมทรัพย์ ฟางผิงคงไม่มีปัญญาต่อยอดเรื่องนี้ ห่างไกลจากความจริงเกินไป

ตอนนี้กระทั่งเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ เขายังทำไม่ได้เลย ทั้งในมือฟางผิงยังมีเงินทุนแค่หนึ่งล้านหกแสนเท่านั้น

ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ จะแทรกแซงธุรกิจประเภทนี้เป็นเรื่องยาก ฟางผิงไม่มีความสามารถนั้นด้วย

การผลิตมือถือ ฟางผิงยิ่งไม่อาจทำได้ ตอนนี้เริ่มมีโครงการผลิตสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นแล้ว ฟางผิงไม่อาจเข้าไปยุ่งได้

อินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นเรื่องง่ายหน่อย ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากมาย

ส่วนปัญหาเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ ในพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้ ถ้าคนธรรมดาไม่ขยายกิจการข้ามเมืองคงไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว

ทั้งตอนนี้ฟางผิงได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ข้อจำกัดนี้เลยทำอะไรเขาไม่ได้

ต่อให้ขั้นสี่ขึ้นไปถึงจะขยายบริษัทข้ามมณฑลได้ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับฟางผิงอยู่ดี

แต่การเพิ่มมูลค่าทางอินเตอร์เน็ตต้องใช้เทคนิคอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าคุณอยากทำก็สามารถทำได้

การซื้อของออนไลน์ ตอนนี้แม้ชื่อเสียงของบริษัทอาลีบาบาจะยังไม่ดัง แต่เครือข่ายกลับไม่ใช่เล็กๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านี้เหล่าหม่ายังแพร่ข่าวเรื่องทะลวงขั้นเจ็ดไปทั่ว ตอนนี้จะทำธุรกิจซื้อของออนไลน์ นอกจากจะเป็นทางตันแล้ว ยังคงยากที่จะขยายกิจการให้ใหญ่กว่านี้

แน่นอนว่า พอปรับเปลี่ยนลู่ทางอื่นได้อยู่บ้าง อย่างบริษัทเหวยผิ่นฮุ่ยที่ให้บริการซื้อขายของยี่ห้อดังบนอินเทอร์เน็ต

แต่สำหรับฟางผิง เขาไม่อาจสู้กับธุรกิจนี้ได้ นอกจากจะไม่มีเส้นสายแล้ว เรื่องผู้แทนจำหน่ายยังค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ

อย่างอื่นเช่นบริการธนาคารออนไลน์ แอปพลิเคชันสื่อสาร เกมออนไลน์ เครื่องมือค้นหาข้อมูล รวมทั้งแพลตฟอร์มวิดีโอ…

ตอนนี้แทบไม่มีอันไหนเหมาะสมกับฟางผิงเลย

อันที่จริงฟางผิงครุ่นคิดมานานแล้ว หลังจากเขากลับมาเกิดใหม่ เขาก็เริ่มวางแผนว่าต่อไปควรจะทำอะไร

ฟางผิงพบว่าธุรกิจชั้นนำที่เจริญรุ่งเรืองหลังปี 2008 ในชาติก่อนมีน้อยจริงๆ บริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ก็คือสองบริษัทที่ให้บริการจัดส่งอาหารออนไลน์

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอ้อเลอมา หรือเหม่ยถวน ผู้ริเริ่มของบริษัทนี้ต่างดำเนินธุรกิจหลังปี 2008

ตอนแรกทั้งสองคนไม่ได้มีเงินทุนอะไร แทบจะเริ่มจากศูนย์ทั้งสิ้น

ระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี กลับสามารถสั่งสมทรัพย์สินจำนวนมหาศาล…แน่นอนว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำว่าทรัพย์สินมหาศาล

นอกจากแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่เกิดหลังปี 2008 ไม่ต้องใช้เทคนิคมากมาย บุกเบิกไม่ยาก นั่นก็คือธุรกิจส่งของ

อันที่จริงธุรกิจส่งของนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ เมื่อบุกเบิกธุรกิจส่งของ ยิ่งหนีไม่พ้นธุรกิจซื้อของบนโลกออนไลน์

ตอนนี้คนของอาลีบาบายังอยู่นิ่ง ฟางผิงรู้ว่า ไม่นานแพลตฟอร์มซื้อของออนไลน์จะมีอิทธิพลในประเทศแห่งนี้

ตอนนี้ฟางผิงยังไม่คิดจะท้าประลองกับพี่หม่า เขากลัวว่าจะถูกปรมาจารย์ฆ่าตายเสียก่อน

แต่การคว้าโอกาสเมื่อมีจังหวะ ก้าวรอยตามบุคคลสำคัญ ฟางผิงเข้าใจหลักการนี้ดี

อันดับมหาเศรษฐีในวันข้างหน้า นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอินเตอร์เน็ตแล้ว คนที่อยู่อันดับต้นๆ ยังมีบริษัทขนส่งสินค้าด้วย

โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์!

ตอนนี้เซี่ยงไฮ้มีฐานของธุรกิจขนส่งอยู่ไม่น้อย

แต่บริษัทพวกนี้ ส่วนมากจะส่งสินค้าทั่วไป บริษัทโลจิกติกส์ก็จะขนส่งสินค้าจำนวนมากเป็นหลัก

กลับยังไม่มีสักบริษัทที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์!

ฟางผิงครุ่นคิดอยู่นาน ธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มสั่งอาหารเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเขา

เข้าในวงการได้ไม่ยาก ไม่ต้องแพร่ขยายในครั้งเดียว สามารถเข้าไปอยู่ในเซี่ยงไฮ้พัฒนาไปตามจังหวะ รอเงื่อนไขเหมาะสมแล้ว ค่อยขยับขยายไปทั่วประเทศได้ทุกเวลา

ทั้งธุรกิจขนส่งและสั่งอาหารยังสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้

เขาสามารถทำธุรกิจนี้แบบออนไลน์ แพลตฟอร์มสั่งอาหารก็เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องก่อตั้งให้ใหญ่โตในครั้งเดียว

ต้องวางแผนตั้งจุดส่งของก่อน ค่อยรับพนักงานส่งของเข้ามา สร้างแพลตฟอร์มซื้อของสั่งอาหารในพื้นที่อย่างง่ายๆ

ค่าใช้จ่ายพวกนี้ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ ฟางผิงยังพอรับได้

หากทำได้จริง สามารถพูดคุยเรื่องธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์กับสำนักงานประจำเซี่ยงไฮ้ของอาลีบาบา แต่ยังไงคงไม่อาจทำตอนนี้ได้อยู่ดี

ฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ มีอำนาจตำแหน่งไม่สูงพอ เข้าไปพูดคุยธุรกิจ คนอื่นอาจจะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีฐานะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้แล้ว เข้าไปขอความร่วมมือ คาดว่าอีกฝ่ายคงยินดีที่จะร่วมธุรกิจด้วย

ตอนนี้บริษัทขนส่งแต่ละแห่งที่ร่วมมือกับอาลีบาบาต่างค่อนข้างแข็งแกร่งทั้งนั้น

ยังไงธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์ก็มีค่อนข้างน้อย ทุกคนมักจะหมางเมิน แต่ไม่นานสถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ฟางผิงต้องฉวยโอกาสปรับเปลี่ยนทิศทางก่อนที่บริษัทอื่นๆ จะร่วมมือกับอาลีบาบา กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญในเซี่ยงไฮ้ของอีกฝ่ายให้ได้

ตัดสินใจได้แล้ว ฟางผิงไม่คิดลังเลอีก

วันต่อมา ฟางผิงใช้รถของโรงแรม ไม่ได้ให้อีกฝ่ายมาบริการ เขาขับรถออกจากโรงแรมด้วยตัวเอง

แม้จะไม่มีใบขับขี่ ฟางผิงกลับไม่กังวลใจ

เขาบอกกับหลี่เฉิงเจ๋อว่าไม่มีใบขับขี่ หลี่เฉิงเจ๋อกลับบอกเขาว่า ถ้าฟางผิงถูกเรียกตรวจ ให้แสดงบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์แทน

แม้บัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์จะใช้แทนใบขับขี่ไม่ได้ แต่ขอแค่ไม่เกิดอุบติเหตุ ตำรวจคงไม่คิดสร้างความลำบากใจ

แน่นอนว่า ถ้าเกิดเรื่อง ฟางผิงต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทั้งหมด

เมื่อรู้ว่าบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์มีประโยชน์แบบนี้ ฟางผิงที่อ้างตัวเองว่าเป็นนักซิ่งเก่าคงไม่ปล่อยให้คนอื่นขับรถอยู่แล้ว

สถานที่ที่ฟางผิงไปเป็นอันดับแรกคือเมืองมหาวิทยาลัย

เมืองมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหกเขตของเซี่ยงไฮ้ มีประชากรค่อนข้างมาก อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัย ทำให้ฟางผิงดำเนินการได้สะดวก

แม้เมืองมหาวิทยาลัยจะมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งสำคัญ แต่นักศึกษาสายศิลปะต่อสู้ยังคงเป็นชนกลุ่มน้อย ทั่วทั้งเมืองมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาสายสังคมทั่วไปมากกว่า

นี่ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายของฟางผิงเหมือนกัน

สั่งอาหาร ซื้อของออนไลน์ นี่ล้วนเป็นเรื่องที่นักศึกษาชอบทำ พนักงานออฟฟิศและนักศึกษาเป็นคนสองกลุ่มที่มีความสามารถเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากธุรกิจซื้อของออนไลน์พัฒนาได้ไม่กี่ปี ก็จะไม่ใช่สิ่งใหม่ๆ ในสายตาคนอื่นอีกแล้ว

ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ ยิ่งมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยเริ่มก่อสร้างธุรกิจซื้อของออนไลน์ด้วยซ้ำ

หากฟางผิงจะทำธุรกิจแบบนี้ในหยางเฉิง แทบไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย แต่ในเซี่ยงไฮ้นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

เมืองมหาวิทยาลัยมีมหาวิทยาลัยทั้งหมดหกสิบสี่แห่ง!

มหาวิทยาลัยที่มีสาขาศิลปะการต่อสู้เหมือนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อย่างเช่นมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง มหาวิทยาลัยเจียวทงเซี่ยงไฮ้ ทั้งมีมหาวิทยาลัยที่มีแค่สายสังคมเช่นกัน

มหาวิทยาลัยสายสังคมทั่วไปมีประชากรมากที่สุด นักศึกษาทั้งสี่รุ่นเกือบสองสามหมื่นคนแล้ว รวมกับอาจารย์ ครอบครัวและพนักงาน มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแทบจะมีประชากรกว่าสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคน

น้อยหน่อยก็อย่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีเกือบหมื่นคนเท่านั้น

รวมหาวิทยาลัยทั้งหกสิบสี่แห่งเข้าด้วยกัน ประชากรทั้งหมดจึงมีเกือบสองล้าน แทบไม่ต่างจากผลรวมประชากรในเมืองระดับจังหวัดเลย

นี่เพราะเป็นแหล่งรวมของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งมีบรรยากาศธุรกิจที่ค่อนข้างคึกคัก

ธุรกิจระดับสูงไม่ได้มีมากเกินไป เพราะนักศึกษาไม่ได้มีกำลังซื้อนัก

แต่ธุรกิจร้านค้าทั่วไปแทบจะตั้งเรียงรายไปทั่ว

ทั้งเมืองมหาวิทยาลัย ตามสถิติแล้ว มีประชากรทั้งหมดสี่ล้านแปดแสนกว่าคน!

นี่เยอะกว่าหยางเฉิงเกือบสิบเท่า!

เมืองมหาวิทยาลัยแห่งเดียว มีจำนวนคนเกือบห้าล้าน สำหรับฟางผิง คงไม่มีที่ไหนจะเหมาะทำธุรกิจมากกว่าที่นี่อีกแล้ว

วันที่ 1 สิงหาคม ฟางผิงขับรถสำรวจรอบเมืองมหาวิทยาลัย

เขาพอใจเข้าใจแล้วว่า ทำไมต้องวางมหาวิทยาลัยกระจัดกระจายกัน

หากมองเมืองมหาวิทยาลัยในภาพรวม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ตั้งอยู่ทิศใต้ของเมือง ใกล้กับชายฝั่ง

ทั้งเพราะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ครองพื้นดินเกือบสามหมื่นหมู่ จึงสามารถเห็นทะเลจากด้านในมหาวิทยาลัย ตอนนี้ฟางผิงแค่ไม่รู้เท่านั้น

ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีมหาวิทยาลัยสิบกว่าแห่งกระจัดกระจายอยู่ ส่วนมากล้วนเป็นมหาวิทยาลัยสายสังคม ปกติมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะกระจุกตัวกันอยู่ค่อนข้างไกล อาจเป็นเพราะต้องการแบ่งแยกกัน

มหาวิทยาลัยกว่าสิบแห่ง รวมนักศึกษาและอาจารย์แล้วเกินสามแสนคน

อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ถือว่าสะดวกกับฟางผิงไปอีก

เพราะเงินทุนที่มีจำกัด ฟางผิงไม่คิดจะตั้งเป้ากับเมืองมหาวิทยาลัยในครั้งเดียว แต่จะเริ่มจากทางใต้ก่อนแล้วค่อยบุกเบิกไปอย่างช้าๆ

“เช่าสำนักงานขนาดพอเหมาะสักแห่ง สร้างแพลตฟอร์มขายอาหารขึ้นมา ใช้ที่นี่เป็นสำนักงานชั่วคราว มหาวิทยาลัยสิบกว่าแห่ง อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย อยากจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด อย่างน้อยต้องตั้งจุดส่งของขึ้นมาห้าแห่ง รับผิดชอบมหาวิทยาลัยสามแห่งต่อหนึ่งที่ ส่วนพนักงาน หนึ่งจุดต้องรับผิดชอบมหาวิทยาลัยสามแห่ง อย่างน้อยต้องรับพนักงานสิบคนขึ้นไป”

“สำนักงานหนึ่งแห่ง จุดกระจายสินค้าห้าแห่ง พนักงานส่งห้าสิบคน…บางทีอาจลดได้อีกหน่อย ห้าสิบคนจะเยอะเกินไปรึเปล่า?”

ฟางผิงขับรถหาสถานที่ที่เหมาะสม ทั้งวางแผนธุรกิจไปพลาง

ค่าครองชีพในเซี่ยงไฮ้นั้นสูงมาก จะจ้างเงินเดือนต่ำเกินไปไม่ได้

ในหยางเฉิง แปดร้อยหยวนก็จ้างคนได้แล้ว

ที่เซี่ยงไฮ้ แม้จะเป็นตอนนี้ งานระดับต่ำๆ ถ้าน้อยกว่าสามพันหยวน แทบไม่มีคนทำแล้ว

ถึงจะลองคำนวณจากสามพันหยวน แค่เงินเดือนพนักงานส่งของ ก็หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อเดือนแล้ว

นอกจากนี้ยังต้องจ้างฝ่ายบริการลูกค้า พนักงานต้อนรับ รวมทั้งพนักงานด้านเทคนิคพัฒนาแฟลตฟอร์ม ภายหลังยังต้องมีฝ่ายบริหารจัดการ ฝ่ายการตลาดที่รับผิดชอบบุกเบิกตลาด…

ช่วงแรกๆ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายควบคุม ฝ่ายสินค้า ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายธุรการ และฝ่ายบุคคลนั้นสามารถละไปได้

แต่รวมๆ แล้วฟางผิงคิดว่าอย่างน้อยต้องมีพนักงานประมาณยี่สิบคน ถึงจะสามารถแบกกิจการนี้ได้

เริ่มแรกบริษัทเอ้อเลอมามีแค่ไม่กี่คนยังสามารถทำได้ แต่อีกฝ่ายแค่ทดลองให้บริการในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวเท่านั้น

รวมทั้งฟางผิงเองไม่อยากจะคิดเสียเวลากับเรื่องนี้มาก เลยรับคนให้เยอะไว้ก่อน เพื่อที่จะสามารถรองรับความต้องการของเขาได้

ยี่สิบคนต้องเฉลี่ยเงินเดือนประมาณห้าพันหยวน

แค่ค่าใช้จ่ายเรื่องเงินเดือน ต้องจ่ายกว่าสองแสนห้าหมื่นต่อเดือนแล้ว

ที่จริงถือว่าเงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร แค่บริษัทไอที เงินเดือนพนักงานนั้นยังครองสัดส่วนมากกว่านี้อีก

หากฟางผิงทำธุรกิจด้านอื่น ค่าใช้จ่ายเงินเดือนนับเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือในหนึ่งเดือนเขาต้องหาเงินให้ได้มากกว่าหกแสนขึ้นไปถึงจะพอ

ทั้งช่วงแรกอาจจะต้องใช้จ่ายเยอะหน่อย มีที่เช่าน้อยนักที่จะจ่ายเดือนต่อเดือน อย่างต่ำก็จ่ายเป็นไตรมาศ รวมทั้งต้องวางเงินค่ามัดจำอีก

บางทีเดือนหน้า เงินล้านหกในมือเขาอาจจะใช้หมดด้วยซ้ำไป

ช่วงแรกธุรกิจพวกนี้จะหาเงินได้ยาก เพราะยังใหม่ในวงการ จำเป็นต้องบุกเบิกตลาด อันดับแรกล้วนอยู่ที่ผู้ลงทุน

“หรือจะเข้าร่วมแฟรนไชส์ธุรกิจขนส่งดี?”

ฟางผิงขบคิดในใจ ถ้าทำแฟรนไชส์ จะสามารถเปิดตลาดและเริ่มธุจกิจได้อย่างรวดเร็ว

แม้แฟรนไชส์จะเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่จะได้เงินทุนกลับมาเร็วเหมือนกัน

และถ้าทำแฟรนไชส์ คงจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองยาก ฟางผิงไม่อยากทำงานให้คนอื่นไปตลอด

“ไม่สนแล้ว เช่าที่ก่อนแล้วกัน หาทำเลได้แล้ว ค่อยเริ่มรับพนักงาน อีกอย่างฉันยังต้องหาคนที่ฉลาดสักคนมาคอยคุมสถานการณ์ตอนที่ฉันไม่อยู่”

คนทั่วไปนั้นหาง่าย เซี่ยงไฮ้ไม่เคยขาดคนอยู่แล้ว

ในตลาดมีอัจฉริยะให้คุณเลือกมากมาย

แต่ผู้จัดการที่มีความสามารถจริงๆ ต้องใช้โชคช่วยเท่านั้น ถ้าไม่มีโชค ฟางผิงทำได้แค่หาคนที่สามารถไว้ใจแล้วค่อยทุมเทขัดเกลาคนๆ นั้นอีกที

เวลาทั้งวัน ฟางผิงสำรวจทิศใต้ของเมืองมหาวิทยาลัยจนทั่ว

เขาพอจะหาตำแหน่งสำนักงานและจุดส่งของได้คร่าวๆ แล้ว ต่อไปก็รอรับสมัครพนักงานอย่างเป็นทางการ

“ภายในหนึ่งเดือนต้องเตรียมงานช่วงแรกให้เสร็จ เปิดเทอมก็เริ่มประกาศรับสมัคร ต้องพยายามหาทุนคืนให้เร็วที่สุด เงินหนึ่งล้านหกไม่แน่ใจว่าพอหรือเปล่า ยังไม่รู้พอจะหายืมที่ไหน…”

ตอนเย็น ฟางผิงกลับมาโรงแรม เมื่อฝึกฝนตามปกติแล้ว ก็เริ่มทำแผนขึ้นมา ร่างประกาศรับสมัครพนักงาน

ก้าวแรกนั้นยากเสมอ ฟางผิงไม่กลัวลำบากอยู่แล้ว ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย

แต่เขาไม่อยากเป็นเหมือนเหล่าหวัง เพื่อทรัพยากรเล็กน้อย กลับมาก่อเรื่องที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ทั้งยังวิ่งเต้นทำภารกิจไปทั่ว

ภารกิจนั้นทำได้อยู่แล้ว แต่เพื่อเงินไม่กี่แสน กลับต้องขึ้นเหนือล่องใต้ สิ้นเปลืองเวลาเกินไป

นี่ยังเพิ่งเริ่ม รอจนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอื่น ค่าใช้จ่ายคงมากกว่านี้

เวลานั้นแค่ภารกิจจะยังเพียงพอกับค่าใช้จ่ายเหรอ?

ตอนนี้ปรมาจารย์คนไหนไม่มีทรัพยากรทางสังคมจำนวนมากในมือบ้างล่ะ

ความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้ดูแค่พรสวรรค์ ยังต้องดูที่ความสามารถอย่างอื่น เช่นความสามารถในการหาเงิน…

หาเงินไม่ได้ คงต้องไปทำงานกับรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ได้ต้องการแค่คนที่ใช้กำลังเป็นอย่างเดียว

ผู้ว่าแต่ละแห่งเหนือชั้นเรื่องพลังก็จริง แต่ต้องเพียบพร้อมด้วยความสามารถดูแลจัดการด้วย

สามารถจัดการมณฑลได้ดี นี่ถึงเป็นเหตุผลที่แย่งชิงทรัพยากรให้พวกเขาได้ อย่างจินเค่อหมิง ขาดแคลนความสามารถด้านนี้ เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว

วิถีของผู้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ใช่เรื่องของกำลังแค่อย่างเดียว

คนต้องกินต้องใช้ ผู้ฝึกยุทธ์นั้นเหมือนกัน!

การทำทุกเรื่องควบคู่กันไป นั่นถึงจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ในอนาคตเหล่าหวังคงจะไปทำงานกับรัฐบาลสินะ?”

ฟางผิงผุดความคิดนี้ขึ้นมาในหัว เขาไม่ได้วางแผนจะทำแบบนี้ ดังนั้นจึงคิดก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง

ข้อกำจัดของการทำงานร่วมกับรัฐบาลมีเยอะเกินไป ไม่เหมาะกับคนแบบฟางผิง

—————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 87 แผนธุรกิจ

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 87 แผนธุรกิจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 87 แผนธุรกิจ

หลังจากปี 2008 ธุรกิจที่กวาดเงินได้จริงๆ นั้นมีไม่เยอะแล้ว

แม้โครงสร้างโดยรวมของทั้งสองชาติจะแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดยังคงพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน

สิบปีต่อจากนี้ ถ้าพูดถึงธุรกิจทำเงิน ปกติคงหนีไม่พ้นอสังหาริมทรัพย์ อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์สมาร์ทโฟนรวมถึงอุตสาหกรรมที่เกิดใหม่ตามยุคสมัย

อสังหาริมทรัพย์ ฟางผิงคงไม่มีปัญญาต่อยอดเรื่องนี้ ห่างไกลจากความจริงเกินไป

ตอนนี้กระทั่งเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ เขายังทำไม่ได้เลย ทั้งในมือฟางผิงยังมีเงินทุนแค่หนึ่งล้านหกแสนเท่านั้น

ในโลกของผู้ฝึกยุทธ์ จะแทรกแซงธุรกิจประเภทนี้เป็นเรื่องยาก ฟางผิงไม่มีความสามารถนั้นด้วย

การผลิตมือถือ ฟางผิงยิ่งไม่อาจทำได้ ตอนนี้เริ่มมีโครงการผลิตสมาร์ทโฟนเกิดขึ้นแล้ว ฟางผิงไม่อาจเข้าไปยุ่งได้

อินเตอร์เน็ตถือว่าเป็นเรื่องง่ายหน่อย ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขมากมาย

ส่วนปัญหาเรื่องผู้ฝึกยุทธ์ ในพื้นที่ของเซี่ยงไฮ้ ถ้าคนธรรมดาไม่ขยายกิจการข้ามเมืองคงไม่เป็นอะไรอยู่แล้ว

ทั้งตอนนี้ฟางผิงได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่ง ข้อจำกัดนี้เลยทำอะไรเขาไม่ได้

ต่อให้ขั้นสี่ขึ้นไปถึงจะขยายบริษัทข้ามมณฑลได้ ตอนนี้ยังเร็วเกินไปสำหรับฟางผิงอยู่ดี

แต่การเพิ่มมูลค่าทางอินเตอร์เน็ตต้องใช้เทคนิคอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าคุณอยากทำก็สามารถทำได้

การซื้อของออนไลน์ ตอนนี้แม้ชื่อเสียงของบริษัทอาลีบาบาจะยังไม่ดัง แต่เครือข่ายกลับไม่ใช่เล็กๆ แล้ว ยิ่งไปกว่านี้เหล่าหม่ายังแพร่ข่าวเรื่องทะลวงขั้นเจ็ดไปทั่ว ตอนนี้จะทำธุรกิจซื้อของออนไลน์ นอกจากจะเป็นทางตันแล้ว ยังคงยากที่จะขยายกิจการให้ใหญ่กว่านี้

แน่นอนว่า พอปรับเปลี่ยนลู่ทางอื่นได้อยู่บ้าง อย่างบริษัทเหวยผิ่นฮุ่ยที่ให้บริการซื้อขายของยี่ห้อดังบนอินเทอร์เน็ต

แต่สำหรับฟางผิง เขาไม่อาจสู้กับธุรกิจนี้ได้ นอกจากจะไม่มีเส้นสายแล้ว เรื่องผู้แทนจำหน่ายยังค่อนข้างยุ่งยากซับซ้อน ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ในเวลาสั้นๆ

อย่างอื่นเช่นบริการธนาคารออนไลน์ แอปพลิเคชันสื่อสาร เกมออนไลน์ เครื่องมือค้นหาข้อมูล รวมทั้งแพลตฟอร์มวิดีโอ…

ตอนนี้แทบไม่มีอันไหนเหมาะสมกับฟางผิงเลย

อันที่จริงฟางผิงครุ่นคิดมานานแล้ว หลังจากเขากลับมาเกิดใหม่ เขาก็เริ่มวางแผนว่าต่อไปควรจะทำอะไร

ฟางผิงพบว่าธุรกิจชั้นนำที่เจริญรุ่งเรืองหลังปี 2008 ในชาติก่อนมีน้อยจริงๆ บริษัทที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง ก็คือสองบริษัทที่ให้บริการจัดส่งอาหารออนไลน์

ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอ้อเลอมา หรือเหม่ยถวน ผู้ริเริ่มของบริษัทนี้ต่างดำเนินธุรกิจหลังปี 2008

ตอนแรกทั้งสองคนไม่ได้มีเงินทุนอะไร แทบจะเริ่มจากศูนย์ทั้งสิ้น

ระยะเวลาแค่ไม่กี่ปี กลับสามารถสั่งสมทรัพย์สินจำนวนมหาศาล…แน่นอนว่า ประเด็นสำคัญอยู่ที่คำว่าทรัพย์สินมหาศาล

นอกจากแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่เกิดหลังปี 2008 ไม่ต้องใช้เทคนิคมากมาย บุกเบิกไม่ยาก นั่นก็คือธุรกิจส่งของ

อันที่จริงธุรกิจส่งของนั้นมีความเกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มสั่งอาหารออนไลน์ เมื่อบุกเบิกธุรกิจส่งของ ยิ่งหนีไม่พ้นธุรกิจซื้อของบนโลกออนไลน์

ตอนนี้คนของอาลีบาบายังอยู่นิ่ง ฟางผิงรู้ว่า ไม่นานแพลตฟอร์มซื้อของออนไลน์จะมีอิทธิพลในประเทศแห่งนี้

ตอนนี้ฟางผิงยังไม่คิดจะท้าประลองกับพี่หม่า เขากลัวว่าจะถูกปรมาจารย์ฆ่าตายเสียก่อน

แต่การคว้าโอกาสเมื่อมีจังหวะ ก้าวรอยตามบุคคลสำคัญ ฟางผิงเข้าใจหลักการนี้ดี

อันดับมหาเศรษฐีในวันข้างหน้า นอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอินเตอร์เน็ตแล้ว คนที่อยู่อันดับต้นๆ ยังมีบริษัทขนส่งสินค้าด้วย

โดยเฉพาะธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์!

ตอนนี้เซี่ยงไฮ้มีฐานของธุรกิจขนส่งอยู่ไม่น้อย

แต่บริษัทพวกนี้ ส่วนมากจะส่งสินค้าทั่วไป บริษัทโลจิกติกส์ก็จะขนส่งสินค้าจำนวนมากเป็นหลัก

กลับยังไม่มีสักบริษัทที่ให้ความสำคัญกับธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์!

ฟางผิงครุ่นคิดอยู่นาน ธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์และแพลตฟอร์มสั่งอาหารเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเขา

เข้าในวงการได้ไม่ยาก ไม่ต้องแพร่ขยายในครั้งเดียว สามารถเข้าไปอยู่ในเซี่ยงไฮ้พัฒนาไปตามจังหวะ รอเงื่อนไขเหมาะสมแล้ว ค่อยขยับขยายไปทั่วประเทศได้ทุกเวลา

ทั้งธุรกิจขนส่งและสั่งอาหารยังสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้

เขาสามารถทำธุรกิจนี้แบบออนไลน์ แพลตฟอร์มสั่งอาหารก็เหมือนกัน และไม่จำเป็นต้องก่อตั้งให้ใหญ่โตในครั้งเดียว

ต้องวางแผนตั้งจุดส่งของก่อน ค่อยรับพนักงานส่งของเข้ามา สร้างแพลตฟอร์มซื้อของสั่งอาหารในพื้นที่อย่างง่ายๆ

ค่าใช้จ่ายพวกนี้ไม่ได้หนักหนาเท่าไหร่ ฟางผิงยังพอรับได้

หากทำได้จริง สามารถพูดคุยเรื่องธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์กับสำนักงานประจำเซี่ยงไฮ้ของอาลีบาบา แต่ยังไงคงไม่อาจทำตอนนี้ได้อยู่ดี

ฟางผิงยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ มีอำนาจตำแหน่งไม่สูงพอ เข้าไปพูดคุยธุรกิจ คนอื่นอาจจะไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ

แต่เมื่อเขากลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ มีฐานะเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้แล้ว เข้าไปขอความร่วมมือ คาดว่าอีกฝ่ายคงยินดีที่จะร่วมธุรกิจด้วย

ตอนนี้บริษัทขนส่งแต่ละแห่งที่ร่วมมือกับอาลีบาบาต่างค่อนข้างแข็งแกร่งทั้งนั้น

ยังไงธุรกิจขนส่งสินค้าออนไลน์ก็มีค่อนข้างน้อย ทุกคนมักจะหมางเมิน แต่ไม่นานสถานการณ์จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ฟางผิงต้องฉวยโอกาสปรับเปลี่ยนทิศทางก่อนที่บริษัทอื่นๆ จะร่วมมือกับอาลีบาบา กลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญในเซี่ยงไฮ้ของอีกฝ่ายให้ได้

ตัดสินใจได้แล้ว ฟางผิงไม่คิดลังเลอีก

วันต่อมา ฟางผิงใช้รถของโรงแรม ไม่ได้ให้อีกฝ่ายมาบริการ เขาขับรถออกจากโรงแรมด้วยตัวเอง

แม้จะไม่มีใบขับขี่ ฟางผิงกลับไม่กังวลใจ

เขาบอกกับหลี่เฉิงเจ๋อว่าไม่มีใบขับขี่ หลี่เฉิงเจ๋อกลับบอกเขาว่า ถ้าฟางผิงถูกเรียกตรวจ ให้แสดงบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์แทน

แม้บัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์จะใช้แทนใบขับขี่ไม่ได้ แต่ขอแค่ไม่เกิดอุบติเหตุ ตำรวจคงไม่คิดสร้างความลำบากใจ

แน่นอนว่า ถ้าเกิดเรื่อง ฟางผิงต้องเป็นฝ่ายรับผิดชอบเองทั้งหมด

เมื่อรู้ว่าบัตรรับรองผู้ฝึกยุทธ์มีประโยชน์แบบนี้ ฟางผิงที่อ้างตัวเองว่าเป็นนักซิ่งเก่าคงไม่ปล่อยให้คนอื่นขับรถอยู่แล้ว

สถานที่ที่ฟางผิงไปเป็นอันดับแรกคือเมืองมหาวิทยาลัย

เมืองมหาวิทยาลัยขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในหกเขตของเซี่ยงไฮ้ มีประชากรค่อนข้างมาก อยู่ไม่ห่างจากมหาวิทยาลัย ทำให้ฟางผิงดำเนินการได้สะดวก

แม้เมืองมหาวิทยาลัยจะมีมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้เป็นที่ตั้งสำคัญ แต่นักศึกษาสายศิลปะต่อสู้ยังคงเป็นชนกลุ่มน้อย ทั่วทั้งเมืองมหาวิทยาลัย มีนักศึกษาสายสังคมทั่วไปมากกว่า

นี่ก็เป็นกลุ่มเป้าหมายของฟางผิงเหมือนกัน

สั่งอาหาร ซื้อของออนไลน์ นี่ล้วนเป็นเรื่องที่นักศึกษาชอบทำ พนักงานออฟฟิศและนักศึกษาเป็นคนสองกลุ่มที่มีความสามารถเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆ ได้มากที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากธุรกิจซื้อของออนไลน์พัฒนาได้ไม่กี่ปี ก็จะไม่ใช่สิ่งใหม่ๆ ในสายตาคนอื่นอีกแล้ว

ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ ยิ่งมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยเริ่มก่อสร้างธุรกิจซื้อของออนไลน์ด้วยซ้ำ

หากฟางผิงจะทำธุรกิจแบบนี้ในหยางเฉิง แทบไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย แต่ในเซี่ยงไฮ้นับว่าเหมาะสมอย่างยิ่ง

เมืองมหาวิทยาลัยมีมหาวิทยาลัยทั้งหมดหกสิบสี่แห่ง!

มหาวิทยาลัยที่มีสาขาศิลปะการต่อสู้เหมือนมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ อย่างเช่นมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง มหาวิทยาลัยเจียวทงเซี่ยงไฮ้ ทั้งมีมหาวิทยาลัยที่มีแค่สายสังคมเช่นกัน

มหาวิทยาลัยสายสังคมทั่วไปมีประชากรมากที่สุด นักศึกษาทั้งสี่รุ่นเกือบสองสามหมื่นคนแล้ว รวมกับอาจารย์ ครอบครัวและพนักงาน มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแทบจะมีประชากรกว่าสี่หมื่นถึงห้าหมื่นคน

น้อยหน่อยก็อย่างมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีเกือบหมื่นคนเท่านั้น

รวมหาวิทยาลัยทั้งหกสิบสี่แห่งเข้าด้วยกัน ประชากรทั้งหมดจึงมีเกือบสองล้าน แทบไม่ต่างจากผลรวมประชากรในเมืองระดับจังหวัดเลย

นี่เพราะเป็นแหล่งรวมของมหาวิทยาลัย ทำให้เกิดอุตสาหกรรมใหม่ๆ ขึ้นมา ทั้งมีบรรยากาศธุรกิจที่ค่อนข้างคึกคัก

ธุรกิจระดับสูงไม่ได้มีมากเกินไป เพราะนักศึกษาไม่ได้มีกำลังซื้อนัก

แต่ธุรกิจร้านค้าทั่วไปแทบจะตั้งเรียงรายไปทั่ว

ทั้งเมืองมหาวิทยาลัย ตามสถิติแล้ว มีประชากรทั้งหมดสี่ล้านแปดแสนกว่าคน!

นี่เยอะกว่าหยางเฉิงเกือบสิบเท่า!

เมืองมหาวิทยาลัยแห่งเดียว มีจำนวนคนเกือบห้าล้าน สำหรับฟางผิง คงไม่มีที่ไหนจะเหมาะทำธุรกิจมากกว่าที่นี่อีกแล้ว

วันที่ 1 สิงหาคม ฟางผิงขับรถสำรวจรอบเมืองมหาวิทยาลัย

เขาพอใจเข้าใจแล้วว่า ทำไมต้องวางมหาวิทยาลัยกระจัดกระจายกัน

หากมองเมืองมหาวิทยาลัยในภาพรวม มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ตั้งอยู่ทิศใต้ของเมือง ใกล้กับชายฝั่ง

ทั้งเพราะมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ครองพื้นดินเกือบสามหมื่นหมู่ จึงสามารถเห็นทะเลจากด้านในมหาวิทยาลัย ตอนนี้ฟางผิงแค่ไม่รู้เท่านั้น

ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ มีมหาวิทยาลัยสิบกว่าแห่งกระจัดกระจายอยู่ ส่วนมากล้วนเป็นมหาวิทยาลัยสายสังคม ปกติมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จะกระจุกตัวกันอยู่ค่อนข้างไกล อาจเป็นเพราะต้องการแบ่งแยกกัน

มหาวิทยาลัยกว่าสิบแห่ง รวมนักศึกษาและอาจารย์แล้วเกินสามแสนคน

อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ถือว่าสะดวกกับฟางผิงไปอีก

เพราะเงินทุนที่มีจำกัด ฟางผิงไม่คิดจะตั้งเป้ากับเมืองมหาวิทยาลัยในครั้งเดียว แต่จะเริ่มจากทางใต้ก่อนแล้วค่อยบุกเบิกไปอย่างช้าๆ

“เช่าสำนักงานขนาดพอเหมาะสักแห่ง สร้างแพลตฟอร์มขายอาหารขึ้นมา ใช้ที่นี่เป็นสำนักงานชั่วคราว มหาวิทยาลัยสิบกว่าแห่ง อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย อยากจะครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด อย่างน้อยต้องตั้งจุดส่งของขึ้นมาห้าแห่ง รับผิดชอบมหาวิทยาลัยสามแห่งต่อหนึ่งที่ ส่วนพนักงาน หนึ่งจุดต้องรับผิดชอบมหาวิทยาลัยสามแห่ง อย่างน้อยต้องรับพนักงานสิบคนขึ้นไป”

“สำนักงานหนึ่งแห่ง จุดกระจายสินค้าห้าแห่ง พนักงานส่งห้าสิบคน…บางทีอาจลดได้อีกหน่อย ห้าสิบคนจะเยอะเกินไปรึเปล่า?”

ฟางผิงขับรถหาสถานที่ที่เหมาะสม ทั้งวางแผนธุรกิจไปพลาง

ค่าครองชีพในเซี่ยงไฮ้นั้นสูงมาก จะจ้างเงินเดือนต่ำเกินไปไม่ได้

ในหยางเฉิง แปดร้อยหยวนก็จ้างคนได้แล้ว

ที่เซี่ยงไฮ้ แม้จะเป็นตอนนี้ งานระดับต่ำๆ ถ้าน้อยกว่าสามพันหยวน แทบไม่มีคนทำแล้ว

ถึงจะลองคำนวณจากสามพันหยวน แค่เงินเดือนพนักงานส่งของ ก็หนึ่งแสนห้าหมื่นต่อเดือนแล้ว

นอกจากนี้ยังต้องจ้างฝ่ายบริการลูกค้า พนักงานต้อนรับ รวมทั้งพนักงานด้านเทคนิคพัฒนาแฟลตฟอร์ม ภายหลังยังต้องมีฝ่ายบริหารจัดการ ฝ่ายการตลาดที่รับผิดชอบบุกเบิกตลาด…

ช่วงแรกๆ ฝ่ายการเงิน ฝ่ายควบคุม ฝ่ายสินค้า ฝ่ายพัฒนา ฝ่ายธุรการ และฝ่ายบุคคลนั้นสามารถละไปได้

แต่รวมๆ แล้วฟางผิงคิดว่าอย่างน้อยต้องมีพนักงานประมาณยี่สิบคน ถึงจะสามารถแบกกิจการนี้ได้

เริ่มแรกบริษัทเอ้อเลอมามีแค่ไม่กี่คนยังสามารถทำได้ แต่อีกฝ่ายแค่ทดลองให้บริการในมหาวิทยาลัยแห่งเดียวเท่านั้น

รวมทั้งฟางผิงเองไม่อยากจะคิดเสียเวลากับเรื่องนี้มาก เลยรับคนให้เยอะไว้ก่อน เพื่อที่จะสามารถรองรับความต้องการของเขาได้

ยี่สิบคนต้องเฉลี่ยเงินเดือนประมาณห้าพันหยวน

แค่ค่าใช้จ่ายเรื่องเงินเดือน ต้องจ่ายกว่าสองแสนห้าหมื่นต่อเดือนแล้ว

ที่จริงถือว่าเงินเดือนไม่ได้มากมายอะไร แค่บริษัทไอที เงินเดือนพนักงานนั้นยังครองสัดส่วนมากกว่านี้อีก

หากฟางผิงทำธุรกิจด้านอื่น ค่าใช้จ่ายเงินเดือนนับเป็นสี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเงินทุนเท่านั้น อีกนัยหนึ่งก็คือในหนึ่งเดือนเขาต้องหาเงินให้ได้มากกว่าหกแสนขึ้นไปถึงจะพอ

ทั้งช่วงแรกอาจจะต้องใช้จ่ายเยอะหน่อย มีที่เช่าน้อยนักที่จะจ่ายเดือนต่อเดือน อย่างต่ำก็จ่ายเป็นไตรมาศ รวมทั้งต้องวางเงินค่ามัดจำอีก

บางทีเดือนหน้า เงินล้านหกในมือเขาอาจจะใช้หมดด้วยซ้ำไป

ช่วงแรกธุรกิจพวกนี้จะหาเงินได้ยาก เพราะยังใหม่ในวงการ จำเป็นต้องบุกเบิกตลาด อันดับแรกล้วนอยู่ที่ผู้ลงทุน

“หรือจะเข้าร่วมแฟรนไชส์ธุรกิจขนส่งดี?”

ฟางผิงขบคิดในใจ ถ้าทำแฟรนไชส์ จะสามารถเปิดตลาดและเริ่มธุจกิจได้อย่างรวดเร็ว

แม้แฟรนไชส์จะเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่จะได้เงินทุนกลับมาเร็วเหมือนกัน

และถ้าทำแฟรนไชส์ คงจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองยาก ฟางผิงไม่อยากทำงานให้คนอื่นไปตลอด

“ไม่สนแล้ว เช่าที่ก่อนแล้วกัน หาทำเลได้แล้ว ค่อยเริ่มรับพนักงาน อีกอย่างฉันยังต้องหาคนที่ฉลาดสักคนมาคอยคุมสถานการณ์ตอนที่ฉันไม่อยู่”

คนทั่วไปนั้นหาง่าย เซี่ยงไฮ้ไม่เคยขาดคนอยู่แล้ว

ในตลาดมีอัจฉริยะให้คุณเลือกมากมาย

แต่ผู้จัดการที่มีความสามารถจริงๆ ต้องใช้โชคช่วยเท่านั้น ถ้าไม่มีโชค ฟางผิงทำได้แค่หาคนที่สามารถไว้ใจแล้วค่อยทุมเทขัดเกลาคนๆ นั้นอีกที

เวลาทั้งวัน ฟางผิงสำรวจทิศใต้ของเมืองมหาวิทยาลัยจนทั่ว

เขาพอจะหาตำแหน่งสำนักงานและจุดส่งของได้คร่าวๆ แล้ว ต่อไปก็รอรับสมัครพนักงานอย่างเป็นทางการ

“ภายในหนึ่งเดือนต้องเตรียมงานช่วงแรกให้เสร็จ เปิดเทอมก็เริ่มประกาศรับสมัคร ต้องพยายามหาทุนคืนให้เร็วที่สุด เงินหนึ่งล้านหกไม่แน่ใจว่าพอหรือเปล่า ยังไม่รู้พอจะหายืมที่ไหน…”

ตอนเย็น ฟางผิงกลับมาโรงแรม เมื่อฝึกฝนตามปกติแล้ว ก็เริ่มทำแผนขึ้นมา ร่างประกาศรับสมัครพนักงาน

ก้าวแรกนั้นยากเสมอ ฟางผิงไม่กลัวลำบากอยู่แล้ว ความสำเร็จไม่ได้มาโดยง่าย

แต่เขาไม่อยากเป็นเหมือนเหล่าหวัง เพื่อทรัพยากรเล็กน้อย กลับมาก่อเรื่องที่มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้ ทั้งยังวิ่งเต้นทำภารกิจไปทั่ว

ภารกิจนั้นทำได้อยู่แล้ว แต่เพื่อเงินไม่กี่แสน กลับต้องขึ้นเหนือล่องใต้ สิ้นเปลืองเวลาเกินไป

นี่ยังเพิ่งเริ่ม รอจนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอื่น ค่าใช้จ่ายคงมากกว่านี้

เวลานั้นแค่ภารกิจจะยังเพียงพอกับค่าใช้จ่ายเหรอ?

ตอนนี้ปรมาจารย์คนไหนไม่มีทรัพยากรทางสังคมจำนวนมากในมือบ้างล่ะ

ความสามารถของผู้ฝึกยุทธ์ ไม่ได้ดูแค่พรสวรรค์ ยังต้องดูที่ความสามารถอย่างอื่น เช่นความสามารถในการหาเงิน…

หาเงินไม่ได้ คงต้องไปทำงานกับรัฐบาล แต่รัฐบาลไม่ได้ต้องการแค่คนที่ใช้กำลังเป็นอย่างเดียว

ผู้ว่าแต่ละแห่งเหนือชั้นเรื่องพลังก็จริง แต่ต้องเพียบพร้อมด้วยความสามารถดูแลจัดการด้วย

สามารถจัดการมณฑลได้ดี นี่ถึงเป็นเหตุผลที่แย่งชิงทรัพยากรให้พวกเขาได้ อย่างจินเค่อหมิง ขาดแคลนความสามารถด้านนี้ เกือบจะเอาชีวิตไปทิ้งแล้ว

วิถีของผู้ฝึกยุทธ์นั้นไม่ใช่เรื่องของกำลังแค่อย่างเดียว

คนต้องกินต้องใช้ ผู้ฝึกยุทธ์นั้นเหมือนกัน!

การทำทุกเรื่องควบคู่กันไป นั่นถึงจะเป็นพื้นฐานที่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ

“ในอนาคตเหล่าหวังคงจะไปทำงานกับรัฐบาลสินะ?”

ฟางผิงผุดความคิดนี้ขึ้นมาในหัว เขาไม่ได้วางแผนจะทำแบบนี้ ดังนั้นจึงคิดก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง

ข้อกำจัดของการทำงานร่วมกับรัฐบาลมีเยอะเกินไป ไม่เหมาะกับคนแบบฟางผิง

—————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด