ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 245 ขอหนังจากเสือ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 245 ขอหนังจากเสือ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 245 ขอหนังจากเสือ (1)

พอรู้ว่าตัวเองอยู่ในป่าราชันเจี่ยว รู้ว่าเจี่ยวอยู่ในส่วนลึกของป่า ตอนนี้สมองของฟางผิงก็แล่นปราดขึ้นมาทันที ทางตรงข้ามนั้นถึงจะเป็นทางออก

ภายใต้การเร่งความเร็วอย่างเต็มกำลัง รู้ทิศทางที่แน่ชัดแล้ว ฟางผิงที่เข้ามาลึกกว่าร้อยลี้ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็พบว่าต้นไม้เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ แล้ว

“จะออกไปแล้ว!”

ฟางผิงกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

สองวันนี้เจอกับเรื่องหนักมามากเกินไปแล้ว ตอนนี้เขาอยากกลับเมืองความหวังให้เร็วที่สุดเท่านั้น!

ในตอนที่ฟางผิงใกล้จะออกมาจากป่าราชันเจี่ยว จู่ๆ สีหน้ากลับเปลี่ยนอีกครั้ง “ตกลงฉันไปทำอะไรมากันแน่!”

ด้านนอกป่ามีผู้ฝึกยุทธ์ผมยาวอาวุธครบมือนับสิบคนเดินผ่านมาพอดี

รอจนเห็นฟางผิง หนึ่งคนในนั้นก็ทะยานขึ้นกลางอากาศ ทำเอาฟางผิงตกใจยกใหญ่ อย่างน้อยคงอยู่ขั้นห้าสูงสุด!

แน่นอนว่าเขาแยกแยะจากระดับอนุภาคพลังงานที่เข้มข้น

ฟางผิงจะกล้ารั้งตัวอยู่นานได้ยังไง หันหลังโกยแน่บทันที!

ไม่กล้าออกไปข้างนอกแล้ว มีผู้ฝึกยุทธ์ตั้งหลายสิบคน ทั้งตอนนี้ฟางผิงแทบไม่รู้ว่าตัวเองเดินไปใกล้กับประตูทางออกไหนของเมืองเทียนหนานหรือเปล่า

ฟางผิงวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ระเบิดความเร็วจนถึงขีดสุด

ส่วนยอดฝีมือขั้นห้าคนนั้นยังเร็วกว่าเขามาก หากไม่ใช่ว่ามีต้นไม้กีดขวาง ฟางผิงคงถูกตามทันไปนานแล้ว!

“แม่งเอ้ย ฉันต้องกลับไปอีกเหรอเนี่ย?”

ฟางผิงลังเลในใจอยู่เล็กน้อย ครู่ต่อมาก็ตัดสินใจกลับไปหาเจี่ยวตัวนั้น

“ฉันพาตัวเบิ้มมาส่งให้นายแล้ว!”

ฟางผิงมั่นใจว่าเจี่ยวนั้นขี้เกียจ ไม่ยอมออกหาอาหารเอง ต้องให้คนไปส่งถึงหน้าประตู

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ฉันจะหาอาหารไปส่งให้นายละกัน

ยอดฝีมือขั้นห้าด้านหลังเห็นฟางผิงวิ่งเข้าไปในป่าลึกก็ลังเลเล็กน้อย

ฟางผิงรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจึงหันกลับมาตะโกนว่า “น่าย่ากู่ข่าหลี่!”

ตอนที่ตะโกนยังทำหน้ายั่วยุใส่อีกฝ่าย

“มาสิ ฆ่าฉันให้ตายไปเลย!”

เขาใช้ไม้นี้มาหลายครั้งแล้ว คิดว่าประสิทธิภาพไม่แย่เลย

ผู้ฝึกยุทธ์ผมยาวขั้นห้าขมวดคิ้วเล็กน้อย รอจนเห็นสายตายั่วยุของฟางผิง เขาคล้ายจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายขึ้นมา ฉันกำลังยั่วโมโหนายอยู่ นายกล้าตามมาฆ่าฉันไหมล่ะ?

ครู่ต่อมาอีกฝ่ายไม่คิดลังเลอีก ไล่ตามไปอย่างว่องไว

ด้านฟางผิงยังคงสับขาไม่หยุด ระเบิดปราณครั้งแล้วครั้งเล่า เนื้อตัวเต็มไปด้วยแผลปริแตก เสื้อผ้านั้นชุ่มไปด้วยเลือดตั้งนานแล้ว

ฟางผิงที่ระเบิดปราณอย่างไม่คิดชีวิต ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงจึงกลับมาถึงที่ก่อนหน้านี้อีกครั้ง

ส่วนยอดฝีมือขั้นห้าข้างหลัง บางทีอาจจะสัมผัสไม่ได้ถึงลมหายใจของผู้แข็งแกร่ง จึงไล่ตามมาตลอดทาง

ในสถานการณ์ทั่วไป เมื่ออาณาเขตของผู้แข็งแกร่งถูกรุกล้ำจะแสดงอำนาจทันที

แต่เจี่ยวตัวนี้บางทีอาจจะขี้เกียจคิดเล็กคิดน้อย ไม่ว่าจะเป็นหวงจิ่ง หรือคนอื่นๆ ที่เข้ามา อีกฝ่ายล้วนไม่เปิดเผยลมหายใจออกมา

หากรู้ว่าในนี้มีเจี่ยว ยอดฝีมือขั้นห้าอาจจะไม่ประมาทขนาดนี้เสมอไป แต่ในสถานการณ์ที่รู้แล้ว เจี่ยวไม่เผยลมหายใจออกมา ก็ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำคิดไปว่าอีกฝ่ายอาจจะออกมาหาอาหารกินข้างนอก

ในตอนที่ฟางผิงวิ่งมาถึงสถานที่ที่เจี่ยวนอนอยู่ก่อนหน้านี้ เจ้าสัตว์ประหลาดสีทองก็ลืมตาขึ้น

ฟางผิงรีบชี้ไปด้านหลัง “ฉันพาตัวเบิ้มๆ มาให้นายแล้ว!”

เจี่ยวเหมือนจะรับรู้ได้ถึงลมหายใจเช่นกัน ไม่มองฟางผิงอีก ยอดฝีมือขั้นห้าเพิ่งจะวิ่งตามเข้ามา กลับถูกเจี่ยวใช้ขาตะปบกดไว้ข้างล่างแล้ว!

ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย ทั้งแปลกใจอยู่บ้าง ตอนที่ฉันเพิ่งมา ทำไมนายไม่เห็นตะปบฉัน?

“ฉัน…อ่อนแอเกินไป ไม่คุ้มค่าพอ?”

ฟางผิงเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางอย่าง มุมปากกระตุกขึ้นมา

เห็นผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำถูกกดอยู่ด้านล่างด้วยใบหน้าชื้นเหงื่อ ไม่สามารถขยับไปไหนได้ จู่ๆ ฟางผิงก็เข้าใจความคาดหวังที่อยากเป็นปรมาจารย์ของพวกตาเฒ่าหลี่ขึ้นมา

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นห้าสูงสุดถือว่าไม่อ่อนแอแล้ว

แต่เผชิญหน้ากับเจี่ยวตัวนี้แทบจะไร้แรงต่อต้านโดยสิ้นเชิง ถูกควบคุมจนกระดิกตัวไม่ได้

ผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำเผยสีหน้าหวาดกลัวและไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง

ทำไมผู้ฝึกยุทธ์ที่มาจากเมืองแห่ง ‘ความหวัง’ ถึงไม่เป็นอะไร?

ฟางผิงไม่สนใจเขา เพราะไม่รู้ว่าเจี่ยวจะจัดการกับเขายังไงเหมือนกัน ตัวเองไม่สามารถสื่อสารกับผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ สอนอีกฝ่ายไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคงจะสอนให้อีกฝ่ายเอาชีวิตรอดไม่ได้หรอก

เจี่ยวไม่ได้สาธิตวิธีเหมือนที่สอนตัวเองออกมา กลับมองมาทางฟางผิงแทน

ฟางผิงมุมปากกระตุกเล็กน้อย ทำได้เพียงรวบรวมปราณให้เจี่ยวกลืนไปคำหนึ่ง จากนั้นก็มองไปยังผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำ

เวลานี้อีกฝ่ายเข้าใจแล้ว

ถลึงตามองฟางผิงอย่างโกรธแค้น อีกฝ่ายเริ่มรวบรวมปราณดึงออกมาจากร่างกายไปหาเจี่ยว สิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเจอกับวิกฤตการณ์ย่อมฉลาดขึ้นมาอยู่แล้ว ฟางผิงเห็นว่าเจี่ยวมีพ่อครัวคนใหม่ จึงแสดงท่าทางว่าตัวเองจะออกไปข้างนอก จับคนมาเพิ่มอีก

เจี่ยวไม่ได้สนใจเขา ฟางผิงเห็นแบบนั้นก็ดีใจ ออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวังทันที

รอจนมาถึงเขตรอยต่อของป่า

ฟางผิงสีหน้าเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก!

กองทัพใหญ่!

เขาเห็นข้างนอกกำลังมีการเคลื่อนไหวกำลังทหาร

เป็นไปได้ยังไง?

ที่นี่คือป่าราชันเจี่ยว ป่าราชันเจี่ยวไม่ได้อยู่ในแนวเคลื่อนทัพของสงครามทั้งสองฝ่าย ป่าราชันเจี่ยวอยู่ค่อนไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ…

“เป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

“ยอดฝีมือสามารถลาดตระเวนบนอากาศได้ ปรมาจารย์มีประโยชน์กว่าหน่วยสอดแนมอยู่แล้ว…อ้อมไปโจมตีไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย?”

ฟางผิงหลบตัวอยู่ในป่า มองอย่างระแวดระวัง

เขาไม่ค่อยเข้าใจอยู่บ้าง กองทัพพวกนี้อ้อมมาเพื่ออะไรกัน?

“เพิ่มระยะทางขึ้นมาหน่อยมีประโยชน์หรือไง?”

แต่ไม่นานฟางผิงก็ต้องวิ่งหนี หน่วยสอดแนมของอีกฝ่ายเข้ามาในป่าแล้ว

เขาวิ่งเข้าไปข้างในระยะหนึ่ง ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง ตอนนี้จะทำยังไงดี?

ด้านนอกมีกองทัพใหญ่เคลื่อนไหวอยู่ ข้างในก็มีตัวเบิ้มอีกตัว แม้จะไม่ได้กินตัวเอง แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะอารมณ์ไม่ดีจัดการเขาเมื่อไหร่

“ออกไปทางอื่น?”

ฟางผิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่ตอนนี้หาทางออกเจอแล้ว หากเปลี่ยนทางอีก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะหลงทางจนหาทางออกไม่เจอแล้ว

“ทำยังไงดี?”

ตอนนี้ฟางผิงปวดหัวแทบระเบิด ทางนี้ไปไม่ได้ ทัพใหญ่กำลังเคลื่อนไหว ด้านในยังมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงครองอาณาเขตอยู่ หากตัวเองออกไปถูกเจอ นอกจากตายก็มีกับตายเท่านั้น

“หากไม่ไหวค่อยเปลี่ยนทาง ป่าราชันเจี่ยวพูดดูเหมือนกว้าง แต่…ครอบคลุมแค่ไม่กี่ร้อยลี้ ไม่ได้ใหญ่มากมาย”

นึกมาถึงตรงนี้ ฟางผิงจึงเข้าไปในป่าลึก หากไม่ไหวค่อยไปฝั่งตรงข้าม แต่ถ้าบังเอิญผ่านไปหาเจี่ยว เจ้านั่นหลอกง่าย บอกว่าตัวเองจะไปหาอาหารทางนั้นมาให้มันกินก็แล้วกัน

ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ฟางผิงมาถึงที่ที่เจี่ยวอยู่อีกครั้ง

เขาเห็นเพียงผู้ฝึกยุทธ์ถ้ำขั้นห้าก่อนหน้านี้ร่างกายเหือดแห้งจนแทบไม่เห็นเป็นร่างคน

เจี่ยวยังคงสูบปราณของอีกฝ่ายอย่างไม่หยุดหย่อน แม้ฟางผิงจะแทบสัมผัสอนุภาคพลังงานจากตัวอีกฝ่ายไม่ได้แล้วก็ตาม

เวลาชั่วพริบตาผู้ฝึกยุท์ขั้นห้าคนนี้กลับเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ทรุดลงไปกับพื้น ไม่มีชีวิตอีกต่อไปแล้ว

ฟางผิงตะลึงไปเล็กน้อย!

“นี่…นี่คือปราณเกลี้ยงแล้ว?”

ก่อนหน้านี้ฟางผิงเคยได้ยินจากหลู่เฟิ่งโหรว ร่างกายมนุษย์ต้องรักษาปราณไว้ระดับหนึ่งเพื่อพยุงให้มีชีวิตรอดต่อไป หากปราณถูกใช้จนเกลี้ยง นั่นเท่ากับกลายเป็นศพแห้ง

เรื่องแบบนี้ทุกคนต่างเข้าใจดี ดังนั้นฟางผิงจึงไม่เคยเห็นฉากแบบนี้มาก่อน

แต่วันนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาแล้ว!

————————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด