ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 291 ยุ่งตัวเป็นเกลียว (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 291 ยุ่งตัวเป็นเกลียว (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 291 ยุ่งตัวเป็นเกลียว (1)

สุดท้ายก็ได้แค่แซวเล่นเท่านั้น การแบ่งสาขาที่ตึกฝึกซ้อมใกล้จะสิ้นสุดแล้ว

ถังเหวิน หลัวเซิง กู้หลงเฟย คนพวกนี้ฝีมือแข็งแกร่งจริงๆ ทั้งสามคนเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลายทั้งสิ้น การแบ่งสาขาเป็นแค่เรื่องเล็ก ไม่มีใครกล้าหาเรื่องพวกเขาอยู่แล้ว

แน่นอนว่าคึกคักน้อยกว่าปีก่อนอยู่บ้าง

ปีก่อนฟางผิงและฟู่ชางติ่งเสียสละตัวเองเล่นละครเสียยกใหญ่

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งตอนปลาย ฟางผิงไม่ได้สนใจมากมาย มองอยู่สักพักก็หันไปหาอู๋ขุยซาน “อธิการ ก่อนหน้านี้ผมยื่นคำร้องยกเลิกคำสั่งห้ามไป มหาวิทยาลัยยังไม่ อาจารย์หลู่เฟิ่งโหรวเป็นอาจารย์ของผม ทั้งถือเป็นกำลังหลักของมหาวิทยาลัยในตอนนี้ด้วย ถูกห้ามไม่ให้เข้าห้องคุมอานุภาพ ในสถานการณ์ที่ไม่มีความผิดแบบนี้ ผมคิดว่าพวกเราน่าจะพูดคุยกันสักหน่อย”

หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างไม่ปริปากพูดอะไร ราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาพูด

อู๋ขุยซานไม่มากความเช่นกัน เอ่ยว่า “ใช้โอกาสที่ทุกคนอยู่ตรงนี้พูดคุยสักหน่อยแล้วกัน”

“เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ให้ตัดสินโดยการยกมือ ขั้นหกและสูงกว่าขั้นหกรวมถึงประธานสมาคมมีสิทธิ์โหวตได้”

ฟางผิงเผยรอยยิ้มเอ่ยรับบทสนทนาว่า “ผมว่าโหวตในกระดาษดีกว่า อธิการ ผมเตรียมอุปกรณ์มาเรียบร้อยแล้ว เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยแค่เขียนเครื่องหมายถูกก็พอแล้ว”

ระหว่างที่พูด ฟางผิงก็ยกกล่องเล็กๆ ใบหนึ่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ก่อนจะเริ่มแจกบัตรลงคะแนนให้พวกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหก

“ลำบากอาจารย์ทุกคนแล้ว แค่เขียนเครื่องหมายถูกก็พอครับ รบกวนด้วย”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม อู๋ขุยซานเห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอีก

พวกหวงจิ่งไร้คำพูดอยู่บ้าง ฟางผิงเจ้าเด็กคนนี้เตรียมพร้อมอย่างไม่มีตกหล่น

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีปรมาจารย์สามคน ตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยสองคน

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดเจ็ดคน ตอนนี้อยู่ในมหาวิทยาลัยหกคน อีกหนึ่งคนนั่งรักษาการณ์ในถ้ำใต้ดิน

ผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นหกสูงสุดลงไปมียี่สิบสองคน อยู่ตรงนี้สิบสี่คน รวมฟางผิงแล้ว มีทั้งหมดยี่สิบสามโหวต

นับฟางผิงกับหลู่เฟิ่งโหรว นี่เป็นสองโหวตแล้ว หากได้รับอีกสิบโหวต การยกเลิกก็จะถูกอนุมัติ

ทุกคนไม่ลังเลเช่นกัน รีบเขียนโหวตในบัตรลงคะแนนก่อนจะหย่อนลงไปในกล่อง ไม่นานก็สิ้นสุดลง

รอทุกคนเขียนกันเสร็จแล้ว ฟางผิงก็แกะกล่องออก ตรวจสอบดูเล็กน้อย หัวเราะว่า “เห็นด้วยสิบหกโหวต อธิการ จะตรวจสอบหรือเปล่าครับ?”

“ไม่จำเป็น”

อู๋ขุยซานไม่แปลกใจเช่นกัน ตอนนี้เกรงว่าคนส่วนใหญ่ต่างหวังให้เซี่ยงไฮ้สามารถมีปรมาจารย์อีกคนได้

ส่วนหลู่เฟิ่งโหรวจะบ้าคลั่งขึ้นมาหรือเปล่า ทุกคนคิดว่าตอนนี้มีความเป็นไปได้ไม่สูงเท่าไหร่

หากเมืองเทียนเหมินและเมืองตงขุยรวมเข้าด้วยกัน นั่นก็เท่ากับว่ามีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเก้าสองคนแล้ว

แม้หลู่เฟิ่งโหรวจะบ้าคลั่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าโง่ เธอที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเจ็ดคิดจะล้างแค้นขั้นเก้าสองคน นอกจากตายแล้วก็คงไม่มีอย่างอื่นอีก

“ห้องคุมอานุภาพอนุมัติให้เข้าได้”

อู๋ขุยซานพูดขึ้นหนึ่งประโยค จู่ๆ ก็มองไปทางฟางผิง “ชั้นสองของห้องฝึกเคล็ดวิชาต่อสู้มีข้อมูลความลับบางอย่างของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ รวมถึงแผนที่การกระจายแหล่งแร่ของถ้ำใต้ดินบางส่วน ฟางผิง ขึ้นชื่อว่าเป็นประธานสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ เธอเข้าไปดูได้ แต่ห้ามเผยแพร่ให้ใครทั้งนั้น! ไม่งั้นต้องใคร่ครวญให้ดี ยอดฝีมือระดับสูงสามคน เธอต้านไหวหรือเปล่า? อีกอย่าง ตำแหน่งแร่พลังงานนั้นมีอยู่แล้ว แต่อย่าไปดีกว่า ไปก็มีแต่ตาย! แหล่งแร่พลังงานมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงครองอาณาเขตอยู่ ขั้นหกสูงสุดไปก็มีแต่ตาย ขั้นหกสูงสุดบางคนอาจจะไม่คำนึงถึงสิ่งใด ดึงดันฝ่าเข้าไปรนทางที่ตายเอง ฟางผิง เข้าใจความหมายของฉันหรือเปล่า?”

ฟางผิงเข้าใจความหมายของเขาทันที เอ่ยอย่างกระอักกระอ่วนว่า “อธิการ ไม่อยู่แล้ว แม้ผมจะเห็นก็ไม่แพร่งพรายอย่างแน่นอน ปรมาจารย์ใหญ่สามคน ผมไม่กล้าทำเรื่องผิดต่อมหาวิทยาลัยอยู่แล้ว”

หลู่เฟิ่งโหรวที่อยู่ด้านข้างเผยแววตาลึกล้ำ ชำเลืองมองทุกคน ไม่พูดอะไรอีก

“นอกจากนี้เรื่องของคลาสหัวกะทิและการจัดอันดับของนักศึกษาใหม่สามารถดำเนินการได้”

อู๋ขุยซานทราบเรื่องพวกนี้เช่นกัน ตอนนี้นับว่าให้คำตอบที่แน่นอนแล้ว ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนเอ่ยว่า “คัดพวกรั้งท้ายออกนั้น…ฉันคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาสามเดือน ทุกเดือนสิบคนสุดท้ายให้คัดออกไปเลย!”

หวงจิ่งเอ่ยทันที “สามเดือนนั้นเพราะมอบโอกาสให้พวกนักศึกษา เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่เพื่อการคัดออก อธิการ สามเดือนฉันคิดว่าเหมาะสมแล้ว”

“ใช่แล้ว อธิการ อันที่จริงคัดคนรั้งท้ายออกไม่ได้สอดคล้องกับเกณฑ์การสอนของมหาวิทยาลัย หากไม่มอบโอกาสให้แม้แต่น้อย นั่นก็โหดร้ายเกินไปแล้ว”

“ฉันคิดว่าควรคัดออกไปเลย นักศึกษาใหม่รุ่นนี้เพิ่มขึ้นมากว่าร้อยคน แม้ว่าจะได้รับทุนบางส่วนจากปักกิ่งมา แต่ตอนนี้คนยังเยอะไปจริงๆ คัดออกหน่อยก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”

“…”

พวกอาจารย์และคณบดีต่างทยอยพูดขึ้น

เวลานี้ฟางผิงไม่แทรกบทสนทนาอีกแล้ว มองอย่างเงียบๆ แทน

ตอนนี้สถานการณ์ของมหาวิทยาลัยวุ่นวายอยู่บ้าง

แม้อู๋ขุยซานจะเป็นยอดฝีมือร่างทองขั้นแปด แต่ตอนนี้ดูแล้ว ไม่มีความน่าเกรงขามเท่ากับอธิการเฒ่า คนที่สนับสนุนหวงจิ่งก็มีจำนวนไม่น้อย

ฟางผิงทำท่าราวกับเรื่องไม่เกี่ยวกับตัวเอง จ้องมองจอขนาดใหญ่ต่อ

ผ่านไปสักพัก จู่ๆ ฟางผิงก็หยิบไมโครโฟนขึ้นพูดว่า “นักศึกษาทั้งหมดฟังให้ดี โจมตีถังเหวิน กู้หลงเฟยและหลัวเซิง เอาชนะสามคนนี้ได้ ผู้ที่เข้าร่วมทุกคนจะได้รับรางวัลหนึ่งถึงสิบคะแนน พวกถังเหวินทั้งสามคนยืนหยัดไม่แพ้ในสามชั่วโมง จะได้รางวัลหนึ่งร้อยคะแนน! ผู้ที่แสดงความสามารถโดดเด่นจะได้สิทธิ์เลือกอาจารย์ขั้นหกก่อน รวมถึงคนที่ยังไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์ด้วย! ตอนนี้เริ่มได้!”

สิ้นเสียงของฟางผิง ตึกฝึกซ้อมชั้นล่างๆ ก็วุ่นวายขึ้นมาทันที

ถังเฟิงใบหน้าดำคล้ำ ไม่สนใจจะโต้แย้งอะไรกับอธิการทั้งสองคนแล้ว กัดฟันว่า “ฟางผิง ทำเกินหน้าที่ไปแล้ว!”

พวกอธิการอยู่ที่นี่กันหมด ฟางผิงเห็นตัวเองเป็นผู้นำไปจริงๆ แล้วหรือไง?

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ถัง คุณไม่รู้สึกว่าการแบ่งสาขาปีนี้น่าเบื่อหรือไง? ปีก่อนพวกเราไม่ได้น่าเบื่อขนาดนี้ พวกนักศึกษาก็สงบสุขกันเกินไป เป็นเรื่องดีจริงๆ เหรอครับ? ตั้งคู่ต่อสู้ให้ทุกคนสักหน่อย มีเป้าหมาย นี่เป็นเรื่องดี คุณลองคิดดู รุ่นก่อนนั้นใครไม่อยากเอาชนะผมบ้าง? ไม่มีผม พวกจ้าวเหล่ยอาจจะไม่สามารถทะลวงขั้นสามได้เร็วขนาดนี้ เรื่องนี้อาจารย์ถังคงไม่ปฏิเสธหรอกนะครับ? ยิ่งไปกว่านั้นผมก็ช่วงชิงสิทธิพิเศษให้พวกรุ่นน้องถังเหมือนกัน หนึ่งร้อยคะแนน บางทีอาจารย์ถังอาจไม่สนใจ แค่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ตัวเองช่วงชิงมาได้จะให้ความรู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่า หรืออาจารย์ถังคิดจะให้รุ่นน้องถังพึ่งพาอาศัยพ่อตลอด?”

หวงจิ่งเห็นถังเฟิงยังจะพูดอะไรสักอย่างเลยเอ่ยว่า “ทำตามความคิดของฟางผิงละกัน”

อู๋ขุยซานไม่ปฏิเสธเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเห็นด้วย

ฟางผิงส่งสายตาโอ้อวดให้ถังเฟิง ปรากฏว่าถังเฟิงไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไร ตบเข้าที่ไหล่ของฟางผิงอย่างแรง

ยิ้มอย่างน่ากลัวว่า “พูดได้ดี แต่ครั้งหน้าฉันแนะนำให้เธอปรึกษามหาวิทยาลัยก่อนแล้วค่อยตัดสินใจจะดีที่สุด! ฟางผิง โทสะของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหกสูงสุดนั้นน่ากลัวมากๆ เหมือนกัน!”

ฟางผิงทำหน้าจนใจ ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางหลู่เฟิ่งโหรวและหลี่ฉางเซิง ปรากฏว่าทั้งสองต่างไม่มีใครสนใจเขา

หลัวอี้ชวนที่เพิ่งจะรับตำแหน่งคณบดีสาขายุทธศาตร์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “ถังเฟิงพูดมีเหตุผลอยู่บ้าง ฟางผิง ครั้งนี้ควรจะปรึกษากันสักหน่อย…”

เจ้าเด็กนี่หรือไม่รู้ว่าหลัวเซิงเป็นลูกชายของเขากัน!

เมื่อก่อนอาจารย์ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ชอบส่งลูกๆ ไปเรียนต่างมหาวิทยาลัยมากกว่า

แต่ตอนนี้สถานการณ์เลวร้ายลงแล้ว แทนที่จะส่งไปที่อื่น ให้รั้งตัวอยู่ที่มหาวิทยาลัยตัวเองจะดีกว่า

ฟางผิงไม่ทันได้ตระหนักถึงจุดนี้จริงๆ รู้ตัวตนที่แท้จริงของถังเหวินเพราะจ้าวเหล่ยเป็นคนบอกว่าเขารู้จัก

ส่วนหลัวเซิง เจ้าฟู่ชางติ่งแทบไม่สนใจเรื่องอะไร ไม่เคยเจอกับหลัวเซิงมาก่อนจริงๆ

ชั้นบนสุดของตึกฝึกซ้อม ฟางผิงถูกถังเฟิงตบไหล่แทบจะหลุด

ด้านล่างพวกถังเหวินก็หมดเรี่ยวหมดแรง ถูกไล่ตามจนไร้ทางหนีแล้วเช่นกัน

เรื่องแบ่งสาขาและแบ่งอาจารยของนักศึกษาใหม่ หลังจากนั้นฟางผิงก็ไม่ได้สอดมือยุ่งอีกแล้ว

วันแรกเพลิดเพลินอย่างเต็มที่แล้ว เขามีเวลาว่างมาสนใจเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน

การแบ่งสาขาสิ้นสุดลง ฟางผิงก็ส่งมอบเรื่องให้คนของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์จัดการ ก่อนจะเริ่มการฝึกวิชาของตัวเอง

จะฝึกวิชาต้องมีเงินเป็นอันดับแรก

ฟางผิงนั้นมีรางวัลหลายอย่างรอให้เขาเก็บเกี่ยวเช่นกัน

————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด