ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 215-2 เตรียมเก็บเกี่ยว (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 215-2 เตรียมเก็บเกี่ยว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215 เตรียมเก็บเกี่ยว (2)

หลี่เฉิงเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจความหมายของเขาเท่าไหร่ ฟางผิงกลับคิดว่าตอนนี้ยังอยู่ในช่วงที่สงบอยู่

ภายในช่วงเวลาสั้นๆ สถานการณ์ในถ้ำเลวร้ายลง ก็คงไม่ถึงกับเด่นชัดมากมาย

พวกปรมาจารย์ยังคงยุ่งวุ่นวายกับธุระของตัวเอง นี่หมายความว่าสถานการณ์ยังอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้

รอวันไหนพวกปรมาจารย์ไม่มีจิตใจทำมาค้าขาย ไปรวมตัวกันที่ถ้ำใต้ดิน นั่นถึงจะเลวร้ายอย่างแท้จริง

“บริษัทไหนที่ประเมินราคาให้พวกเราร้อยล้านขึ้นไป นั่นค่อยคุยกันต่อได้ ต่ำกว่าร้อยล้านไม่ต้องสนใจ!”

ระหว่างที่ฟางผิงพูด ยังเสริมต่อว่า “อีกอย่างตอนนี้ในประเทศพัฒนาระบบสามจีเป็นที่เรียบร้อย! มือถือสามจีบางส่วนเริ่มวางขายแล้ว ลงทุนเกี่ยวกับสมาร์ทโฟนให้มากหน่อย”

“เข้าใจแล้วครับ”

“แล้วคุณเป็นยังไงบ้าง ปราณเท่าไหร่แล้ว?”

“หนึ่งร้อยสี่สิบห้าแคลแล้วครับ อีกไม่นานน่าจะแตะถึงด่านของผู้ฝึกยุทธ์”

“อืม พยายามเป็นผู้ฝึกยุทธ์ให้เร็วๆ หน่อย ตอนนี้ต้นเดือนพฤษภาคม ผมหวังว่าจะสามารถหาเงินทุนสำเร็จในเดือนมิถุนายน เว้นเสียจากบริษัทเราจะมีกระแสเอามากๆ ต้องใส่ใจด้านนี้หน่อย หาจุดขายให้ได้ อย่างธุรกิจที่ผสมผสานออนไลน์และออฟไลน์แห่งแรก แพลตฟอร์มอาหารออนไลน์ที่ผู้ฝึกยุทธ์ยอมรับเป็นแห่งแรก…”

ฟางผิงแทบอยากจะพูดว่าธุรกิจส่งอาหารถึงถ้ำใต้ดินแห่งแรก!

เชื่อไหมว่าหลังจากนี้ฉันจะไปส่งอาหารให้ผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกวิชาในถ้ำใต้ดิน

ผู้ฝึกยุทธ์น่าสงสารจะตายไป ในถ้ำใต้ดินกินอาหารยังเป็นเรื่องยาก ส่วนใหญ่มักจะอัดยาบำรุง หากบริษัทฉันไปส่งถึงถ้ำใต้ดินได้ สถานการณ์เลวร้ายแล้วยังไง เขาจะยังได้เปรียบอยู่ดี

น่าเสียดายที่ทำได้แค่เพียงคิด

ฟางผิงนึกถึงภาพผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับสิ่งมีชีวิตใต้ดิน จู่ๆ ก็มีไรเดอร์มาตะโกนว่า “พักก่อน อาหารที่คุณสั่งมาถึงแล้ว กินอิ่มแล้วค่อยสู้กันใหม่…”

ฉากนี้แค่คิดก็ยอดเยี่ยมแล้ว

เห็นได้ชัดว่าหลี่เฉิงเจ๋อไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดฟางผิงถึงยิ้มอย่างนี้ เขางุนงงอยู่บ้าง

ฟางผิงไม่สนใจเขาเช่นกัน กำชับไม่กี่ประโยคก็เอ่ยเตือนเรื่องสุดท้ายอีกครั้ง ก่อนเดือนมิถุนายนต้องพยายามหาผู้ร่วมลงทุนรอบแรกให้สำเร็จ

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

ตอนนี้มหาวิทยาลัยดูเงียบเหงาลงไม่น้อย

ความเป็นจริงเป็นแค่ฟางผิงที่คิดไปเอง

มหาวิทยาลัยยังคงเหมือนเดิม แต่ตอนนี้คนส่วนมากที่เขารู้จักไม่อยู่ที่นี่ ดังนั้นจึงเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด

เดินมาถึงหอพัก มองประตูห้องใกล้ๆ ที่ปิดสนิท ฟางผิงยิ่งรู้สึกเหงาเข้าไปใหญ่

“เงียบเหงาของจริง”

ฟางผิงพึมพำ ผู้ฝึกยุทธ์ต้องอยู่ตัวคนเดียวให้ได้ คำพูดนี้ไม่รู้ว่าใครเคยพูดกับเขา

เขาและฟู่ชางติ่งคุยกันว่าระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ไม่จำเป็นต้องสนิทชิดเชื้อจนเกินไป

รอจนอยู่คนเดียวจริงๆ ฟางผิงกลับรู้สึกเหงาขึ้นมาอยู่บ้าง

ความรู้สึกอ้างว้างเช่นนี้ พอฟางหยวนโทรเข้ามาก็เลือนหายไปไม่น้อย

“ฟางผิง ช่วงนี้ไปไหนมา? ทำไมโทรหาไม่ติดเลย?”

“มือถือพังเพิ่งจะเปลี่ยนเครื่องใหม่”

“อ๋อ ใช่สิ แม่ให้มาถามนายว่าเดือนหน้าจะกลับบ้านหรือเปล่า?”

“เดือนหน้า?”

“ใช่ นายลืมหรือไง?”

“อะไร?”

“ฉันจะสอบเข้ามัธยมปลายแล้ว!” ฟางหยวนเอ่ยอย่างแง่งอน “นายไม่แม้แต่จะเอ่ยปากกลับมาส่งฉันสอบเลย ไม่มีความรับผิดชอบสักนิด!”

ฟางผิงหลุดขำ เวลานี้เพิ่งจะนึกได้ เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ให้เธอมาถามฉันอะไรกัน เธอน่าจะถามเองมากกว่า สอบเข้ามัธยมปลายเมื่อไหร่?”

“กลางเดือนมิถุนายน วันที่สิบเจ็ดและสิบแปดสองวัน”

“ล่วงหน้าบอกเป็นเดือน เธอนี่เอาเรื่องจริงๆ”

ฟางผิงเอ่ยอย่างขำๆ “ดูสถานการณ์ก่อน อาจจะได้กลับไป”

จำเป็นต้องดูเวลาที่เข้าไปในถ้ำ หากเป็นช่วงหลังออกมาจากถ้ำ ฟางผิงกลับบ้านได้อยู่แล้ว

แต่ถ้าก่อนลงถ้ำ ฟางผิงเกรงว่าคงต้องพลาดแล้ว

ได้ยินคำตอบที่ไม่แน่นอนของฟางผิง ฟางหยวนผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด แต่ฟางผิงไม่ได้ปฏิเสธออกมา ฟางหยวนจึงไม่คิดซักไซ้เรื่องนี้อีก

“ฟางผิง ปราณฉันแตะถึงหนึ่งร้อยสามสิบแคลแล้ว เก่งหรือเปล่า?” ฟางหยวนออดอ้อนอีกครั้ง

การสอบศิลปะการต่อสู้ของปีนี้ ด่านตรวจร่างกายเพิ่งจบไปไม่นาน ตอนนี้มีการประกาศเกณฑ์ขั้นต่ำของปราณแล้ว เทียบกับปีก่อน ปีนี้มีผู้สมัครสอบเยอะกว่ามาก เมื่อก่อนทั่วประเทศแต่ละปีมีคนสมัครสอบหนึ่งล้านคนถือว่าเยอะแล้ว ปีนี้แตะถึงสามล้านคน แต่ละมหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ต่างเพิ่มจำนวนรับนักศึกษา

ดังนั้นมาตรฐานจึงสูงขึ้นเช่นเดียวกัน

ปีนี้เกณฑ์การตรวจร่างกายสูงถึงหนึ่งร้อยสิบห้าแคล หากจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้จริงๆ เกรงว่าต้องใช้ปราณถึงหนึ่งร้อยยี่สิบแคล เทียบกับปีก่อนสูงขึ้นมาหลายแคล

ฟางหยวนเพิ่งจะอยู่มอต้นปีสาม ปราณสูงถึงหนึ่งร้อยสามสิบแคล สาวน้อยจึงภาคภูมิใจอยู่หลายวัน ถือโอกาสนี้โอ้อวดกับฟางผิงด้วย

“หนึ่งร้อยสามสิบแคล?”

ฟางผิงนิ่งไปเล็กน้อย ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยว่า “ฉันเพิ่งไปเจอพวกผู้ฝึกยุทธ์นักเรียนมา กระทั่งพวกเขายังไม่เตะตาฉัน เธอเอาหนึ่งร้อยสามสิบแคลมาอวดฉันเนี่ยนะ? ยัยหน้ากลม เธอฝันกลางวันเกินไปแล้ว?”

“เหอะ!”

“ไม่ต้องมาเหอะ พี่เธอตอนนี้อยู่ขั้นสามแล้ว บางทีไม่นานอาจจะได้เป็นปรมาจารย์ พยายามหน่อย อย่าให้ฉันขายขี้หน้าคนอื่น สาวน้อย…โลกใบนี้อันตรายกว่าที่เธอจินตนาการไว้เยอะ ปลายปีนี้หรือปีหน้ากลัวว่าหนานเจียงจะไม่สงบสุขอีกแล้ว…”

ฟางผิงเอ่ยเตือนประโยคหนึ่ง คิดไปคิดมากลับพูดว่า “ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ถึงเวลานั้นค่อยว่ากัน”

หากปากทางเข้าถ้ำปรากฏขึ้นที่หนานเจียง มีโอกาสจะเกิดที่เมืองหยางเฉิงเช่นกัน

“ช่วงเวลานั้นต้องหาข้ออ้างรับพ่อแม่และน้องสาวมาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้”

ฟางผิงเงียบไปพักหนึ่ง เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งน่าจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว สองเมืองนี้มีปรมาจารย์เยอะ

เอ่ยปากตอนนี้พ่อแม่คงไม่ยินยอมแน่

คนรุ่นก่อนให้พวกเขาออกห่างจากบ้านเกิดไปทำงานต่างเมืองคงไม่คุ้นชินอยู่แล้ว

“บางทีฉันอาจต้องซื้อบ้านที่เซี่ยงไฮ้ แม้วิกฤตจากถ้ำใต้ดินจะมาถึง อสังหาริมทรัพย์ของเซี่ยงไฮ้คงไม่อาจเสื่อมค่า กลับกันในเวลานั้นเซี่ยงไฮ้ขึ้นชื่อว่าเป็นฐานทัพใหญ่ รวมถึงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ หากคนจากเมืองอื่นอยากหนีตายจริงๆ คงเลือกเซี่ยงไฮ้เป็นอันดับแรกๆ”

“ถ้าเวลานั้นมาถึงจริงๆ มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ของเซี่ยงไฮ้คงจะสูงพรวดขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระทั่งต้องดำเนินมาตราควบคุม”

ฟางผิงครุ่นคิดเรื่องพวกนี้ในใจ ทั้งนึกได้ว่ายังจำเป็นต้องใช้เงินอีกมากก็ปวดหัวอยู่บ้าง

มีเรื่องต้องใช้เงินเยอะ ค่าทรัพย์สินยังต้องเก็บไว้ให้ระบบอัปเกรด ทั้งอยากพัฒนาเคล็ดวิชาต่อสู้อีก…

จะไปเอาเงินที่ไหนมาจ่าย!

“อยากจะปล้นปรมาจารย์สักคนจริงๆ…บางทีปล้นหลู่เฟิ่งโหรว ฉันอาจจะรวยก็ได้…”

ฟางผิงคิดฟุ้งซ่าน ก่อนจะกำชับน้องสาวอีกครั้ง “อย่าทระนงตัวเกินไป ฉันจะหาเวลากลับไปตอนสอบเข้ามัธยมปลาย วางล่ะ”

“อืม”

ฟางหยวนยังนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของพี่ชายจึงใจลอยอยู่บ้าง

อันตราย?

อันตรายอะไร?

งั้นต้องเพิ่มกำลังคนอีกหน่อยหรือเปล่า ให้สมาคมหยวนผิงมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีก คนเยอะกำลังก็จะเยอะตาม!

ฟางผิงไม่รู้ถึงความคิดของฟางหยวนอยู่แล้ว

วางสายจากโทรศัพท์ ฟางผิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตรงดิ่งไปยังฝ่ายบริการ

จนถึงตอนนี้มหาวิทยาลัยและนักศึกษายังคงใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มของเขา ถึงเวลาที่ตัวเองต้องเก็บเกี่ยวแล้วเช่นกัน

ไข่ไก่ไม่อาจวางไว้ในตะกร้าใบเดียว เขาไม่อาจคาดหวังกับกิจการหยวนฟางเพียงอย่างเดียวได้เหมือนกัน ต้องเป็นฝ่ายช่วงชิงผลประโยชน์คืนมาสักหน่อย

—————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด