ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 181-2 การรวมทีมครั้งแรก (2)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 181-2 การรวมทีมครั้งแรก (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 181 การรวมทีมครั้งแรก (2)

“เธอจินตนาการไว้ยังไง?”

หยางเสี่ยวม่านไม่ตอบ ควักผ้ามาเช็ดสนับมือแทน ตอนนี้เธอและจ้าวเหล่ยใช้สนับมือเป็นอาวุธ

เฉินอวิ๋นซีพกกระบี่ยาว ดูแล้วคล้ายของประดับมากกว่า

ระหว่างที่ทุกคนจมอยู่ในความเงียบ รถก็เคลื่อนมาถึงด้านหน้าสิ่งก่อสร้างแห่งหนึ่ง

หวังเฉิงที่ขับรถเอ่ยว่า “ที่นี่แหละ ที่พักในซู่เฉิงเป็นแบบนี้ค่อนข้างเยอะ เลือกที่นี่สะดวกให้พวกเขาดำเนินเรื่อง”

ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย มองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเปิดประตูรถพลางเอ่ยว่า “นายขับไปรอพวกเราตรงปากทางที่เพิ่งผ่านเข้ามา รถต้องอยู่ในสภาพที่พร้อมเดินทางตลอดเวลา”

“ได้”

รอหวังเฉิงออกไปแล้ว ฟางผิงจึงส่งสายตาเป็นนัยให้หยางเสี่ยวม่านและถังซงถิงอ้อมไปทางประตูหลัง

พวกฟางผิงที่เหลือมองอยู่ด้านนอกประตูใหญ่อยู่สักพัก ครุ่นคิดก่อนฟางผิงจะมองไปทางกำแพง กระซิบว่า “ปีนข้ามกำแพงเข้าไป”

พวกเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองทั้งหมด ข้ามกำแพงไม่ใช่เรื่องยาก ฟางผิงกระโดดปีนข้ามกำแพงเป็นคนแรก

มองสำรวจเข้าไปด้านใน ในห้องมีแสงไฟส่องอยู่สลัว ได้ยินเสียงคนอย่างเลือนราง ก็ไม่รู้ว่ามีกี่คน

ฟางผิงกวาดสายตามองตรงลานบ้านอีกครั้ง ก่อนจะเห็นมีคนหนึ่งยืนงีบหลับอยู่ข้างประตู

“ยังมียามอยู่…”

ฟางผิงพึมพำเสียงเบา ในใจมีเสียงร้องเตือนขึ้นมา นี่ถือเป็นบทเรียน ครั้งต่อไปต้องระวังกว่านี้

ไม่ใช่ว่าต้องระวังยาม แต่ครั้งหน้าต้องสำรวจว่ามีกล้องวงจรปิดหรือเปล่า

เขาแทบจะลืมเรื่องนี้ไปเลย หากมีกล้องวงจรปิด การเคลื่อนไหวของพวกเขาคงถูกเปิดเผยแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่เคยเจอประสบการณ์แบบนี้มาก่อน เขาจึงนึกไม่ถึง ตอนนี้จำไว้เป็นบทเรียนแล้ว

ยกมือห้ามไปทางด้านนอก ก่อนฟางผิงจะกระโดดเบาๆ คนลงจากกำแพงมาแล้ว

คนที่เฝ้าประตูเป็นแค่คนธรรมดา ฟางผิงเคลื่อนไหวเล็กน้อย เขาก็มาอยู่ข้างหลังคนๆ นั้นแล้ว

จ้องท้ายทอยของเขาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนฟางผิงจะรู้สึกลำบากใจขึ้นมา

เขาทำให้คนสลบไม่เป็น อีกอย่างเคาะหัวแค่ครั้งเดียว ไม่ได้ทำให้คนสลบง่ายๆ!

แม้จะคิดอย่างนั้น การเคลื่อนไหวของฟางผิงกลับไม่ช้าเลย!

ครู่ต่อมา ฟางผิงก็ใช้มือปิดปากของอีกฝ่าย มืออีกข้างกำหมัดโจมตีเข้าที่หัวของเขาอย่างแรง!

“ตุ้บ…”

เสียงดังขึ้นแผ่วเบา คนที่อยู่ด้านหน้าทรุดกายลงไปทันที

ไม่นานพวกฟู่ชางติ่งก็กระโดดข้ามกำแพงมา

เห็นคนล้มอยู่ที่พื้น เฉินอวิ๋นซีกระซิบว่า “ทำให้สลบเหรอ?”

“ตายแล้ว”

ฟางผิงกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง ทุกคนตะลึงไปเล็กน้อย ก่อนจะอยากหัวเราะขึ้นมา

เรื่องที่คนตายแทบไม่มีใครสนใจ ก่อนหน้านี้ที่เคยทำภารกิจก็มีคนตายไม่น้อยเช่นกัน

ฟางผิงพูดจบ ฟู่ชางติ่งเอ่ยอย่างอึดอัดอยู่บ้าง “พวกเราเข้ามาอย่างลับๆ ล่อๆ ไม่จำเป็นสินะ? ตอนนี้จะทำยังไง? ลอบฆ่า? นี่ไม่ใช่ทำเรื่องเกินความจำเป็นหรอกเหรอ? ฉันว่าเข้าประตูไปตรงๆ เลยจะง่ายกว่ากันเยอะ”

“อย่าพูดไร้สาระ…”

ฟางผิงยังไม่ทันพูดจบ เสียงในห้องเมื่อครู่จู่ๆ ก็เงียบลง

ก่อนด้านในประตูใหญ่จะเปิดโพล่งออกมา มีเงาพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ปีนกำแพงเตรียมจะกระโดดหนี!

“สกัดเขาไว้!”

ฟางผิงตะโกนบอกจ้าวเหล่ย จ้าวเหล่ยรีบขึ้นไปข้างหน้าทันที พุ่งหมัดโจมตีหลังของอีกฝ่าย!

เวลานี้ในห้องมีคนวิ่งออกมาอีกครั้ง พุ่งไปทางกำแพงเตรียมจะหนีเหมือนกัน

ฟางผิงยังไม่ทันพูด ฟู่ชางติ่งก็ไล่ตามไปอย่างรวดเร็วแล้ว

เสี้ยวนาทีต่อมาในห้องมีคนพุ่งตัวออกมาอีกครั้ง

เวลานี้เฉินอวิ๋นซีตามไปเช่นกัน

ฟางผิงไม่ได้เอาแต่มองอย่างเดียว รีบวิ่งไปดักตรงปากประตู

เขาเพิ่งถลามาหน้าประตู ก็มีดาบปรากฏขึ้นมา เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

ฟางผิงไม่ชักช้าเช่นกัน เหวี่ยงดาบออกไปปัดป้อง

ก่อนครู่ต่อมาจะถอยหลังออกมาเล็กน้อย ตะโกนว่า “เป็นเหมือนที่พูดเป็นลางไว้ ข้างในมีขั้นสองสองคน รีบจัดการข้างนอกให้เร็วๆ!”

อันดับแรกให้คนพวกนี้วิ่งหนีเพื่อกระจายความสนใจของทุกคน

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองสองคนข้างใน เตรียมกระบวนท่าไม้ตายเพื่อจัดการกับพวกฟางผิง

แต่อีกฝ่ายมีฝีมือจำกัด จวงกงของฟางผิงถึงขั้นสภาวะว่างเปล่าแล้ว ระหว่างที่ปัดป้องและถอยหลังก็หักล้างท่าไม้ตายของพวกเขาไปถึงเจ็ดแปดส่วน

รอฟางผิงตะโกนแล้ว ทั้งสองคนที่อยู่ข้างในก็พุ่งออกมาทันที

พวกเขาไม่ปริปากอะไร จู่โจมเข้ามาหาฟางผิงอย่างเงียบๆ

ฟางผิงน้อยครั้งที่จะมีประสบการณ์เผชิญหน้ากับศัตรูทั้งสองคนในเวลาเดียวกัน ชั่วขณะนั้นมือไม้จึงยุ่งวุ่นวายอยู่บ้าง

คนอื่นๆ ก็ไม่ต่างกัน แต่คนเหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา คนที่เพิ่งจะหนีออกมาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั้งหมด

แต่คนพวกนี้ ประเด็นหลักคือต้องการถ่วงรั้งพวกเขา ทั้งถือโอกาสหนีไปด้วย

เมื่อก่อนทำภารกิจ ส่วนมากจะเป็นภารกิจที่ทำร่วมกัน ทุกคนล้อมโจมตี เป้าหมายต่างตายในสนามรบ น้อยครั้งที่จะวิ่งหนี

ทั้งบนสังเวียนต่อสู้ก็ไม่มีใครเป็นฝ่ายหนีก่อนเช่นกัน

ตอนนี้ข้อเสียการเป็นมือใหม่ของทุกคนเผยให้เห็นชัดเจนทันที

ฟางผิงป้องกันการจู่โจม พลางมองไปรอบๆ ก่อนจะถอนหายใจเล็กน้อย

วางแผนกันมาอย่างดี พอถึงเวลาสำคัญจริงๆ กลับยุ่งวุ่นวายไปหมด

“ประสบการณ์ยังน้อยเกินไป…”

“ไหวพริบในการต่อสู้เป็นทีมแย่อยู่บ้าง ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างเป็นหัวหน้าทีม…”

ฟางผิงค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับการจู่โจมของทั้งสองคน ไม่ได้มีแรงกดดันนัก มองไปรอบๆ ก่อนจะตระหนักได้ถึงปัญหา

ทุกคนชินกับการต่อสู้แบบเดี่ยวเกินไป!

คนที่จ้าวเหล่ยตามฆ่าวิ่งไปถึงด้านหน้าฟู่ชางติ่ง

นึกไม่ถึงว่าฟู่ชางติ่งจะหลบให้เล็กน้อย ปล่อยให้จ้าวเหล่ยแก้ไขปัญหาเอง ส่วนเขาให้ความสนใจกับคนที่ต้องตามต่อ

คนอื่นๆ ไม่ต่างกันมาก อัจฉริยะขั้นสองสามคน เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งธรรมดา กลับถูกถ่วงรั้งอยู่พักใหญ่

“แม่งเล่นอะไรอยู่!” ฟางผิงอดด่าไม่ได้ เอ่ยอย่างโมโห “อย่าสนใจว่าใครเป็นเป้าหมายของใคร จัดการด้วยกัน ทำให้มันเร็วหน่อยได้หรือเปล่า!”

เจ้าสามคนนี้ไม่เห็นเหรอว่าตัวเองกำลังต้านผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองถึงสองคนอยู่?

แม้พวกเขาอาจจะไม่แข็งแกร่งเท่าตัวเอง แต่หากออกกระบวนท่าจริงๆ คงจะสิ้นเปลืองปราณอย่างหนัก

แทนที่จะเสียค่าทรัพย์สินที่เหลือไม่เยอะของตัวเอง ฟางผิงอยากให้ล้อมฆ่าพวกเขามากกว่า

ฟางผิงมีโทสะขึ้นมาแล้ว พวกจ้าวเหล่ยเหมือนเพิ่งจะนึกออกว่าเขายังถูกล้อมโจมตีอยู่

ชั่วขณะนั้นทุกคนจึงไม่สนใจเป้าหมายของตัวเองแล้ว

ถัดจากนั้นไม่นาน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งทั้งสามคนก็ทยอยล้มลงไป ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย

สองคนที่ล้อมโจมตีฟางผิง หนึ่งในนั้นทุ่มโจมตีสุดกำลัง บีบให้ฟางผิงถอย ก่อนจะหมุนกายเตรียมหนี

ฟางผิงไม่สนใจเขา ตะโกนว่า “พวกนายจัดการคนนั้น ฉันจะจัดการคนนี้ ฝีมือธรรมดา ฆ่าให้จบเรื่องซะ!”

พูดจบ ฟางผิงที่เป็นฝ่ายป้องกันมาโดยตลอด ฉวยช่องว่างที่อีกคนวิ่งหนี ฟันดาบออกไปทันที!

“เคร้งๆๆ!”

เกิดประกายไฟออกมาติดต่อกัน ก่อนกลางลานบ้านที่ค่อนข้างมืดสลัวจะปรากฏเสียง ‘ฉับ’ ดังขึ้น

ฟางผิงออกสามดาบต่อเนื่องในครั้งแรก นอกจากจะตัดอาวุธของอีกฝ่าย กระทั่งคนยังถูกหั่นกลางเอวไปด้วย

ไม่สนใจคนที่ถูกหั่นเป็นสองท่อนอีก ฟางผิงมองไปทางพวกจ้าวเหล่ย เอ่ยอย่างปวดหัวอยู่บ้าง “ฉันว่าแล้ว พวกท่าดีทีเหลว!”

จ้าวเหล่ยออกหมัด พลางเอ่ยอย่างเห็นด้วย “ใช่ ท่าดีทีเหลว ฝีมืออ่อนด้อยสุดๆ”

“ฉันหมายถึงพวกเรา!”

ฟางผิงโมโหขึ้นหน้า เอ่ยอย่างหงุดหงิด “พวกนายสามคนล้อฉันเล่นหรือไง? ทำงานเป็นทีมหน่อยได้หรือเปล่า? หรือคิดว่าสู้ตัวต่อตัวบนเวที? ช่วยกันสู้สิ!”

ให้ตายเถอะ มีตั้งสามคน สองคนเอาแต่เป็นผู้ชม ให้คนเดียวออกแรง

นี่เตรียมจะต่อสู้ตัวต่อตัวอย่างเห็นได้ชัด ว่างกันมากสินะ!

ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธ์ลัทธินอกรีตมีไม่กี่คน ฝีมือไม่ได้แข็งแกร่ง อย่างมากก็มีความสามารถเหมือนทุกคนตอนอยู่ขั้นหนึ่งสูงสุดเท่านั้น

ในนี้มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่หลอมกระดูกสองครั้ง

ส่วนเรื่องปราณ ไม่ได้แย่ไปกว่าทั้งสองคนนี้เท่าไหร่

แต่สามคนสู้หนึ่งคน เกือบจะปล่อยให้คนหนีไปได้หลายรอบแล้ว

รอจนฟางผิงด่ากราดออกมา ทั้งสามคนจึงค่อยร่วมแรงกัน ไม่นานผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสองที่หนีไปก่อนก็แน่นิ่งอยู่ที่กลางลาน

ฟางผิงกวาดสายตามองทั้งสามคน ก่อนจะมองพวกหยางเสี่ยวม่านที่เพิ่งตามมา เอ่ยอย่างจนใจว่า “ภารกิจสำเร็จ แต่ครั้งนี้เผยข้อบกพร่องออกมาเยอะเกินไป ถ้าพวกเรารับภารกิจขั้นสาม อย่างน้อยคงจะมีคนตาย หาของกันก่อน หาเสร็จแล้วก็ส่งมอบภารกิจ ไปประชุมกัน!”

ภารกิจขั้นสองครั้งนี้ ฟางผิงวางแผนจะให้เป็นประสบการณ์สำหรับภารกิจขั้นสาม ผลลัพธ์กลับไม่เหมือนที่คิด รวมทั้งตัวเองยังมีปัญหาเล็กน้อยเช่นกัน

อัจฉริยะกลุ่มหนึ่งรวมตัวกัน ต่างยึดมั่นว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษ นี่ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่

————-

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *