ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 152 ดูเหมือนจะผอมไปแล้วนะ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 152 ดูเหมือนจะผอมไปแล้วนะ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 152 ดูเหมือนจะผอมไปแล้วนะ (1)

การแข่งขันในมหาวิทยาลัยครุศาสตร์หวาตง สุดท้ายแล้วเซี่ยงไฮ้ชนะสี่แพ้หนึ่ง

นอกจากการแข่งของจินเหล่ย คนอื่นๆ สี่คนล้วนชนะกันหมด แน่นอนว่าหลี่จ้าวซวี่และสวีอี้ข่ายไม่ได้ชนะขาดลอยเท่าไหร่

ส่วนทางครุศาสตร์หวาตง คนที่แสดงฝีมือได้ดีมีแค่เฉินหงเหว่ยเพียงคนเดียว

ยังมีนักศึกษาฝีมือดีซ่อนไว้อีกหรือไม่ ตอนนี้ไม่อาจมีใครรู้ได้

แต่เซี่ยงไฮ้ไม่สนใจเช่นกัน ทีมพันธมิตรแปดมหาวิทยาลัยมีทั้งหมดสิบคน สุดท้ายแล้วคนของครุศาสตร์หวาตงที่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้มีแค่คนกลุ่มนี้เท่านั้น

หากเฉินหงเหว่ยไม่ได้เข้าร่วม นั่นหมายความว่าครุศาสตร์หวาตงยังมีสมาชิกที่แข็งแกร่งกว่านี้ซ่อนอยู่

แต่ถ้าเขาได้เข้าร่วม ก็หมายความว่าครุศาสตร์หวาตงมีความสามารถแค่นี้

และในเมื่อเฉินหงเหว่ยซ่อนความสามารถเอาไว้ หมายความว่ามีโอกาสที่จะเข้าร่วมการแข่งขันสูง ไม่งั้นคงไม่มีความจำเป็นต้องทำอย่างนี้ จากจุดนี้ก็สามารถคาดเดาบางอย่างได้แล้ว

การแข่งขันที่ครุศาสตร์หวาตงนอกจากฟู่ชางติ่งที่อยู่ทีมหลัก คนอื่นๆ ล้วนไม่ได้ลงมือ

ทั้งฟู่ชางติ่งเองก็ไม่ได้แสดงพลังอย่างเต็มที่ ทุกคนไม่กลัวเช่นกันว่าความสามารถของเซี่ยงไฮ้จะถูกเปิดเผย

วันที่ 3 มกราคม นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้ไม่ได้ลงสนามแข่งขัน

วันที่ 4 มกราคม ครั้งนี้เปลี่ยนหลัวอี้ชวนเป็นผู้นำทีม พาทุกคนมุ่งหน้าไปยังมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน

การแข่งขันที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน เฉินอวิ๋นซียังคงไม่ได้ขึ้นประลอง

ครั้งนี้จ้าวเสวี่ยเหมยที่เป็นทีมหลักได้ลงสู่สนาม แม้จะเป็นแค่การแข่งอุ่นเครื่อง แต่จ้าวเสวี่ยเหมยก็ต่อสู้อย่างตั้งอกตั้งใจ

เด็กใหม่ของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนานคนนั้นเกือบถูกเธอใช้เท้าแทงทะลุลำคอแล้ว ทำเอานักศึกษาธรรมดาหลายคนตกใจจนกรีดร้องเสียยกใหญ่

เฉินอวิ๋นซีเผยใบหน้าซีดเผือดตลอดการแข่ง ขบริมฝีปากจนปริแตก!

หยางเสี่ยวม่านและจ้าวเสี่ยวเหมยรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเธออยู่บ้าง ฟางผิงกลับมองออกว่า มหาวิทยาลัยนั้นจงใจกระตุ้นสาวน้อยคนนี้

เฉินอวิ๋นซีฝีมือไม่อ่อนด้อย แม้จะเป็นจ้าวเสวี่ยเหมยหรือถังซงถิง ต่างสู้เธอไม่ได้เช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุดที่หลอมกระดูกสองครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเคล็ดวิชาต่อสู้เป็นยังไง แต่มองจากท่าทีมั่นใจของไป๋รั่วซีแล้ว คงไม่อาจอ่อนด้อยได้หรอก

ไป๋รั่วซีเป็นอาจารย์ของเฉินอวิ๋นซี หากลูกศิษย์ของตัวเองไร้ความสามารถจริงๆ เธอคงไม่อาจทนมองมหาวิทยาลัยบีบบังคับเฉินอวิ๋นซีไปตายได้หรอก

ตอนนี้บีบเค้นเฉินอวิ๋นซี เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะรู้ถึงความสามารถของเธอ

การแข่งขันของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน เซี่ยงไฮ้เอาชนะสามในห้า แพ้ในรอบของหลี่จ้าวซวี่และจ้าวเหล่ย

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนานและครุศาสตร์หวาตงมีฝีมือใกล้เคียงกัน พวกฟางผิงนั้นทำหน้าที่เป็นแค่ผู้ชมอีกครั้ง

แข่งขันรอบอุ่นเครื่องไปสองครั้ง ทางมหาวิทยาลัยก็ไม่คิดให้นักศึกษาประลองต่อแล้ว

หลายวันต่อจากนั้นควรจะใช้เวลาไปกับการพักผ่อน ผ่อนคลายจิตใจ

ฟางผิงกลับมามหาวิทยาลัย หลังจากดูการแข่งขันสิบรอบนี้ รู้สึกว่าได้อะไรไม่น้อยเหมือนกัน

บางทีคนพวกนี้อาจฝีมือสู้เขาไม่ได้ แต่ฟางผิงเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นหนึ่งสูงสุด ความรู้ไม่ได้กว้างไกล ดูการต่อสู้ของคนอื่น สำหรับเขายังพอชี้ทางได้บ้าง

สามารถเข้ามหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้ ทั้งยังเป็นนักศึกษาระดับหัวกะทิ นับได้ว่าเป็นเรื่องยากที่คนทั่วไปจะทำได้

การแข่งขันที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหวาหนาน นักศึกษาที่เอาชนะหลี่จ้าวซวี่คนนั้นทำให้ฟางผิงเรียนรู้อะไรบางอย่าง

อีกฝ่ายไม่ได้แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยก็ยังไม่ถึงขั้นหนึ่งสูงสุด

แต่เขาสามารถเอาชนะหลี่จ้าวซวี่อย่างสบายๆ เพราะอีกฝ่ายมีการเก็บรวบรวมพลังก่อนต่อสู้ หลังลงสนามใช้เทคนิคหลอกโจมตีทีเผลอ

หลบหลีกหลี่จ้าวซวี่อยู่ค่อนวัน รวบรวมพลังเต็มเปี่ยมแล้ว ก็ฟันออกมาดาบหนึ่งจนหลี่จ้าวซวี่กระอักเลือด ลอยกระเด็นไปไกล

เห็นได้ชัดว่าเป็นกระบวนท่าที่ระเบิดปราณแค่ยี่สิบแคลเท่านั้น แต่เพราะเขารวบรวมพลังที่ดาบ จึงสามารถระเบิดปราณได้กว่ายี่สิบห้าแคลเป็นอย่างต่ำ

หลี่จ้าวซวี่คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายที่เอาแต่หลบหลีก จู่ๆ จะออกกระบวนท่าเดียวจนเอาชนะได้เช่นนี้

สองวันหลังจากนั้น ฟางผิงไปสอบถามเรื่องพวกนี้กับหลู่เฟิ่งโหรว ทั้งไปขอคำชี้แนะจากพวกอาจารย์ที่ชำนาญเคล็ดวิชาดาบเช่นกัน

แม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ใช่อาจารย์ของตัวเอง และไม่ได้อยู่ในขั้นหก ยังคงทำให้ฟางผิงได้รับประโยชน์ไม่น้อยอยู่ดี

วันที่ 8 มกราคม

ฟางผิงได้รับโทรศัพท์จากฟางหยวน

“ฟางผิง ฉันสอบเสร็จแล้ว!”

“เร็วขนาดนี้เลย?”

“เร็วที่ไหนกัน จะปีใหม่อยู่แล้ว อีกอย่างวันมะรืนยังเป็นวันเริ่มต้นการแข่งขัน มีตั้งหลายคนอยากจะไปดู จัดสอบเร็วนั้นถูกแล้ว”

“คะแนนจะออกเมื่อไหร่?”

“ยังอีกนาน ฟางผิง นายคงไม่ได้จะรอคะแนนออกแล้วค่อยให้ฉันไปเซี่ยงไฮ้จริงๆ หรอกนะ? คงพลาดโอกาสไปแล้ว!”

ฟางผิงปวดหัวอยู่บ้าง “พ่อแม่ไม่มา เธอจะมาคนเดียวได้ยังไง? อีกอย่าง ฉันไม่วางใจ…”

“เชอะ เดาไว้แล้วว่านายจะพูดแบบนี้!”

ฟางหยวนเอ่ยประชด ก่อนจะยิ้มอย่างเบิกบาน “ลุงถานบอกว่าเขาจะไปเหมือนกัน ให้ฉันไปกับเขาได้”

“ผู้อำนวยการถาน?”

“อืม พ่อแม่รับปากแล้วด้วย มีลุงถานอยู่ ไม่จำเป็นต้องกลัวใครแล้ว!”

เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยค่อยข้างมั่นใจในตัวถานเจิ้นผิง

เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาวุโส ทั้งยังเป็นรองผู้อำนวยกองการศึกษาของหยางเฉิง

ฟางผิงเบะปาก แม้เขาจะไม่อยากดูแคลนถานเจิ้นผิง แต่เหล่าถานเป็นผู้ฝึกยุทธ์ในสังคมทั่วไป น่าจะสามารถจับขโมยทั่วไปได้เท่านั้น

แต่ถานเจิ้นผิงมีตำแหน่งทางราชการ นั่นเป็นองค์กรผู้ฝึกยุทธ์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ

มีฐานะทางการติดตัว ค่อนข้างปลอดภัยอยู่จริงๆ

“ผู้อำนวยการถานจะขับรถหรือนั่งรถไฟมา?”

“นั่งรถไฟ ครั้งนี้มีคนไปค่อนข้างเยอะ ใช่แล้ว พวกเพื่อนๆ ของนายก็ไปด้วยเหมือนกัน…”

“พวกเขาปิดเทอมเหรอ?”

“นายไม่รู้หรือไง? กลับมาหลายวันแล้ว”

ฟางผิงถูขมับ หลายวันมานี้เขายุ่งเกินไป ไม่ทันได้ดูแชทกลุ่ม คนพวกนี้น่าจะคุยกันในกลุ่มแล้ว

จนถึงตอนนี้เซี่ยงไฮ้ยังไม่มีการปิดเทอม ไม่รู้ว่าปิดเทอมช้ากว่าคนอื่น หรือเป็นเพราะการแข่งขันแลกเปลี่ยนจึงยืดเวลาปิดเทอมออกไป

นักศึกษาของเซี่ยงไฮ้มีไม่เยอะ มหาวิทยาลัยไม่ปิดเทอม ไม่แน่ว่าอาจจะอยากให้มหาวิทยาลัยดูคึกคัก คราคร่ำไปด้วยผู้คนหน่อย

ไม่อย่างนั้นเซี่ยงไฮ้คงเงียบเหงาอย่างยิ่ง!

นักศึกษาปีสี่แทบจะไม่อยู่ติดมหาวิทยาลัย ปีสามอยู่แค่ครึ่งเดียว ส่วนปีสองมีหลายคนที่ไม่อยู่ในมหาวิทยาลัยเช่นกัน…

คำนวณดูแล้ว มหาวิทยาลัยน่าจะมีนักศึกษาอยู่ประมาณสามพันคนเท่านั้น

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้กว้างเกินไป!

กว้างจนแบ่งสามพันคนเดินกระจัดกระจายในมหาวิทยาลัยแล้ว บางครั้งเดินหลายนาทียังแทบไม่เห็นเงาคนด้วยกัน คนที่ขี้ขลาดตาขาวเกรงว่าคงไม่กล้าเดินตอนกลางคืนคนเดียว

“ปีนี้ยังไม่ได้สอบวิชาวัฒนธรรม…”

ฟางผิงนึกถึงเรื่องหนึ่งได้ จนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้สอบเลย ไม่รู้ว่าจะยืดเวลาออกไปหรือเปล่า

“งั้นเธอจะมาถึงเมื่อไหร่?”

เด็กสาวพูดแล้วว่าจะมาพร้อมถานเจิ้นผิง เห็นได้ชัดว่าห้ามไม่อยู่แล้ว ฟางผิงไม่คิดจะขัดขวางอีก

“ออกเดินทางพรุ่งนี้แล้ว ฟางผิงอย่าลืมมารับฉันด้วย!”

“เหลวไหล ฉันไม่ไปรับเธอ เธอคงหลงทางจนกลับบ้านไม่ถูกน่ะสิ”

พูดคุยกับฟางหยวนอยู่พักใหญ่ ก่อนจะคุยกับพ่อแม่ สองสามีภรรยาฟางหมิงหรงไม่ได้กังวลเท่าไหร่นัก

ลูกสาวไปกับรองผู้อำนวยกองการศึกษา ที่เซี่ยงไฮ้ยังมีลูกชายรอรับ หากยังไม่วางใจ งั้นข้างนอกคงอันตรายอย่างยิ่งแล้ว

วันที่ 9 มกราคม

หยางเฉิง

ทุกคนอาศัยฐานะของถานเจิ้นผิง จึงได้แยกมานั่งในตู้รถเดียวกัน ถานเจิ้นผิงเป็นแค่รองผู้อำนวยกองการศึกษาในเมืองเล็กๆ แน่นอนว่าไม่มีหน้าตาใหญ่โตอะไร

แต่ครั้งนี้เขาไปในนามตัวแทนของทางการเมืองหยางเฉิง เพื่อประชุมหารือที่เซี่ยงไฮ้

แม้หยางเฉิงจะไมใช่เมืองใหญ่อะไร แต่ก็เป็นเมืองระดับอำเภอ พูดคุยกับทางสถานีแล้ว จึงได้ตู้โดยสารว่างมาที่หนึ่ง

ตอนนี้รถไฟฟ้าความเร็วสูงยังไม่มาถึงหยางเฉิง ทุกคนจึงนั่งรถไฟไปกัน

ภายในตู้รถไฟ

ฟางหยวนเผยสีหน้าลิงโลด จับมือเพื่อนพูดคุยด้วยรอยยิ้ม “รอถึงเซี่ยงไฮ้ พี่ชายฉันก็จะมารับพวกเรา ไม่ได้เจอเขาซะนาน ครั้งก่อนกลับมาตั้งแต่วันชาติจีนแล้ว พี่ชายฉันยังมีบัตรฟรีอยู่ เสี่ยวหลิง วางใจเถอะ ครั้งนี้ฉันจะให้เธอฟรีไม่คิดเงิน!”

เพื่อนที่เธอจับมือ อายุไล่เลี่ยกับฟางหยวน

ฟังจบแล้วก็เผยสีหน้าดีใจ ทั้งไม่แน่ใจอยู่บ้าง “ไม่เก็บเงินจริงๆ เหรอ?”

“เธอเห็นฉันเป็นคนยังไงกัน!”

ฟางหยวนทำหน้าขุ่นเคือง แค่นเสียงว่า “พวกเราเป็นเพื่อนสนิทกัน ทั้งเธอยังเป็นรองประธานของสมาคมหยวนผิง อย่างมากครั้งหน้า ก็ลดส่วนแบ่งของเธอน้อยลงหน่อย…”

“หยวนหยวน!”

เสี่ยวหลิงตำหนิ ก่อนจะหัวเราะขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าไม่สนใจปัญหาแบ่งน้อยแบ่งมากเท่าไหร่

พวกอู๋จื้อหาวที่นั่งอยู่ด้านข้างต่างหัวเราะอย่างอดไม่ได้ ถานเจิ้นผิงก็เผยยิ้มเช่นกัน

———————-

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *