ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน 288 เหิมเกริมทำให้คนตายได้ (1)

Now you are reading ระบบจอมยุทธ์สุดโกงแห่งโลกคู่ขนาน Chapter 288 เหิมเกริมทำให้คนตายได้ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 288 เหิมเกริมทำให้คนตายได้ (1)

การปฏิรูปของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้ บอกว่าจะเริ่มก็เริ่มทันที!

ไม่นาน นักศึกษาปี 2009 ทั้งหมดก็ได้รับประกาศจากมหาวิทยาลัย…(แผนการแบ่งหอพักนักศึกษาใหม่ปี 2009)

ตอนที่แผนฉบับนี้ถูกเด็กนักศึกษาใหม่บางส่วนเผยแพร่ออกมาก็เกิดประเด็นร้อนขึ้นมาในสังคมชั่วพริบตา!

“หนึ่งปีห้าแสน นี่เซี่ยงไฮ้จะปล้นกันหรือไง!”

“ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้พยายามอย่างหนักที่จะขูดรีดขูดเนื้อจากการแบ่งหอพัก แทนที่จะทำแบบนั้น ให้ความสำคัญกับการเรียนการสอนไม่ดีกว่าเหรอ!”

“อย่าหลงกลจ่ายเงินเข้าพักเลย คนโง่เท่านั้นที่จะเสียเงินห้าแสนเช่าหอพักหนึ่งปี!”

ในสังคมหลายคนต่างเรียกร้องนักศึกษาใหม่พวกนั้น อย่าได้เป็นคนโง่เด็ดขาด

เงินห้าแสนสามารถซื้อห้องในเมืองระดับที่สองได้ด้วยซ้ำ

แต่คนพวกนี้ประเมินกำลังใช้จ่ายของผู้ฝึกยุทธ์ต่ำเกินไป

ตอนที่คนบางส่วนเห็นหอพักรวมที่สกปรกพวกนั้น…ในความเป็นจริงศิษย์เก่าบางคนที่จบการศึกษาไปแล้วต่างออกมาตำหนิคนในอินเทอร์เน็ตว่าสร้างข่าวลือ หอพักรวมของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้มีสภาพแวดล้อมที่ดีเหมือนกัน เป็นเตียงเดี่ยวทั้งนั้น ไม่ได้เอาเตียงมาต่อกันอย่างที่เห็น!

แน่นอนว่านักศึกษาใหม่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั่นเป็นเรื่องของพวกเขา รูปภาพที่มหาวิทยาลัยส่งมา ยังจะเป็นเรื่องโกหกได้หรือไง?

ดังนั้นยังไม่ทันเปิดเรียน ฝ่ายรับนักศึกษาก็ได้รับคำถามมากมายจากผู้ปกครองแล้ว

นักศึกษาปี 2009 สองพันคน มาจากครอบครัวผู้ฝึกยุทธ์และนักธุรกิจกว่าครึ่งใหญ่

เงินห้าแสนจะว่าเยอะก็เยอะ แต่เพื่อให้ลูกหลานของตัวเองมีสภาพแวดล้อมที่พักดีๆ เหมาะสมกับการฝึกวิชา คนที่จ่ายเงินจึงมีจำนวนไม่น้อย

ไม่นานโควต้าสองร้อยห้องก็เต็มหมด!

แน่นอนว่าเต็มก็ไม่เป็นไร

ฟางผิงไม่คิดปฏิเสธใครอยู่แล้ว ไม่นานจึงให้คนไปเก็บกวาดหอพักบางส่วนที่ปิดไว้ เปิดให้ข้างนอกเช่าต่อ

มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้จะขาดแคลนเรื่องไหนก็ได้ แต่ไม่ใช่เรื่องสถานที่อย่างแน่นอน

ก่อนหน้านี้ที่ให้คนพวกนั้นอยู่หอพักรวม อันที่จริงเพราะอยากกระตุ้นทุกคน

แน่นอนว่าภายหลังก็ไม่ควบคุมเข้มงวดแล้ว

พวกอาจารย์ไม่ได้มีเป้าหมายในเรื่องนี้ พวกนักศึกษาไม่มีใจจะพัฒนา ก็จะเป็นแค่สระน้ำเรียบนิ่ง

บนอินเทอร์เน็ตหลายคนไม่ค่อยพอใจกับสถานการณ์ของเซี่ยงไฮ้ กรมสามัญศึกษาและกระทรวงการศึกษาของเซี่ยงไฮ้ต่างได้รับการร้องเรียน

แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ฟางผิงไม่สนใจแม้แต่น้อย

พวกอู๋ขุยซานและหวงจิ่งต่างก็ปิดปากเงียบ ปล่อยให้ฟางผิงทำตามเรื่องตามราวไป

ฟางผิงเพิ่งรับตำแหน่ง ตอนนี้เข้าไปแทรกแซงเรื่องของสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป

รอฟางผิงทำเละเทะจนไม่อาจเก็บกวาดได้แล้ว มีปรมาจารย์ออกหน้า ต่อให้ภายในมหาวิทยาลัยจะมีปัญหาแค่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ฟางผิงต้องถูกไล่ออกไปเช่นกัน กำลังจะเปิดภาคเรียน ทุกคนต่างมีเรื่องมากมายต้องจัดการ สมาคมผู้ฝึกยุทธ์แทบจะตกเป็นสิทธิ์ของฟางผิงคนเดียว

มหาวิทยาลัยศิลปะการต่อสู้เซี่ยงไฮ้

“ฟางผิง หอพักมหาวิทยาลัยพวกนายแพงขนาดนี้เลยเหรอ น่าตกใจชะมัด!”

ในโทรศัพท์มีเสียงของน้องสาวลอบชมออกมา ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว แผนนโยบายนี้พี่เธอเป็นคนตั้งขึ้นเอง”

ฟางหยวนเงียบกริบไปทันที

ผ่านไปสักพักค่อยเอ่ยอย่างยากจะเชื่ออยู่บ้าง “นายเป็นคนตั้ง?”

“ใช่ ตอนนี้พี่เธอเป็นผู้นำของนักศึกษามหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว รู้จักความหมายของผู้นำหรือเปล่า? สมาคมหยวนผิงอะไรนั่นของเธอแทบไม่มีอนาคตแม้แต่น้อย ตอนนี้ฉันกำลังควบคุมนักศึกษากว่าเจ็ดพัน ทั้งยังเกือบจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมด เทียบกับฉัน เธอจะอ่อนเกินไปแล้ว!”

ฟางผิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงโอ้อวด เธอจะรวมเด็กผู้หญิงที่เป็นวรยุทธ์สามพันคนไม่ใช่หรือไง?

ดูเอาไว้ซะ!

อย่าพูดว่าไม่เป็นวรยุทธ์เลย ถ้าเป็นแล้วจะยังไง ตอนนี้พี่เธอควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ตั้งเจ็ดพันคน ตกใจแล้วล่ะสิ!

“นาย…เพิ่งจะปีสองไม่ใช่หรือไง?”

“ปีสองแล้วทำไม?”

ฟางผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ปีนี้มองที่ความสามารถเป็นหลัก พี่เธอแข็งแกร่ง ฉันเลยได้เป็นผู้ตัดสินใจ”

“งั้นนายเก็บค่าสมาชิกหรือเปล่า?” ฟางหยวนละล่ำละลักถาม “พี่ ผู้ฝึกยุทธ์อย่างพวกนายมีเงินขนาดนั้น คนหนึ่งเก็บหนึ่งหมื่น นั่นก็เป็นเจ็ดสิบล้านแล้ว หากเก็บหนึ่งแสน…”

ฟางหยวนราวกับตกตะลึงไป พึมพำว่า “เจ็ดร้อยล้าน! พี่ งั้นนายก็เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของหยางเฉิงแล้ว!”

“ปีหนึ่งเก็บหนึ่งครั้ง ผ่านไปหลายปีนายก็จะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของรุ่ยหยาง ถึงกระทั่งหนานเจียงเลยด้วยซ้ำ!”

“พี่ นายจะหาเงินเก่งไปแล้ว!”

“เจ๋งจริงๆ”

“ฉันเก็บคนหนึ่งแค่สิบหยวนเท่านั้น หนึ่งปีได้แค่ห้าหมื่น…”

“เดี๋ยวก่อน!”

ฟางผิงตัดบท “เด็กน้อย ต้องเป็นสามหมื่นไม่ใช่หรือไง?”

“ฮ่าๆ อะไรล่ะ ก็แค่ประมาณไป…”

ฟางหยวนเอ่ยอย่างไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ รีบเบี่ยงไปประเด็นอื่น “พี่ งั้นค่าหอพัก นายได้ส่วนแบ่งคนเดียวเหรอ?”

“คิดอะไรอยู่ เงินก็เป็นของมหาวิทยาลัยสิ”

ฟางผิงเอ่ยอย่างขำขัน “แต่ตอนนี้พี่เธอได้บริหารคนแล้ว เดือนหนึ่งได้เงินเดือนสิบห้าล้าน…จุๆ นึกไม่ถึงล่ะสิ”

แบ่งปันเรื่องน่ายินดีกับน้องสาวแล้ว ไม่นานฟางผิงก็ถามว่า “เธอล่ะ หลอมกระดูกครั้งแรกหรือยัง?”

“ยังเลย” ฟางหยวนเสียงแผ่วลง “แต่ใกล้แล้ว ฉันรู้สึกอีกเดือนสองเดือนน่าจะได้แล้ว…”

“ยัยบื้อ!”

ฟางผิงด่าราวกับเจ็บใจที่น้องสาวไม่เป็นไปตามที่หวัง “ทำไมฉันถึงมีน้องสาวซื้อบื้ออย่างเธอนะ ตอนนี้ฉันอยู่ขั้นสี่ตอนกลาง ใกล้จะทะลวงขั้นห้าแล้ว เธอยังหลอมกระดูกครั้งแรกไม่สำเร็จเลย งั้นเดือนไหนปีไหนถึงจะหลอมกระดูกครั้งที่สองสำเร็จกัน? เมื่อไหร่ถึงจะกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์? เดี๋ยวฉันจะให้คนไปส่งยาบำรุงกับเธอ ครั้งหน้าฉันกลับไป ถ้าเธอยังไม่หลอมกระดูกครั้งแรก ฉันจะตัดขาเธอซะ!”

ฟางหยวนรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างยิ่ง ฉันคิดว่าฉันเก่งมากแล้วเถอะ!

ตอนนี้กวาดเรียบทั่วหยางเฉิงจนไร้คู่ต่อสู้แล้ว

แต่พี่ก็เก่งจริงๆ ปีนขึ้นไปถึงตำแหน่งลูกพี่ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้แล้ว

หากเก็บค่าสมาชิกก็จะได้ไม่กี่สิบล้าน เทียบกับพี่แล้ว ตัวเองนั้นน่าอนาถจริงๆ

สองพี่น้องต่างแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเป็นลูกพี่ใหญ่กัน ฟางผิงสั่งสอนน้องสาวอย่างใจเย็นอยู่ค่อนวัน

มีพี่ชายที่ยอดเยี่ยมอย่างเขา คนเป็นน้องไม่อาจทำขายหน้าได้

ไม่พูดถึงหนึ่งปีทะลวงสามสี่ขั้น ยังมีเวลาอีกตั้งสามปี ก่อนสอบเกาเข่าต้องหลอมกระดูกสองครั้งสำเร็จ ทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ์ให้ได้

หลานสาวของครอบครัวปรมาจารย์ ลูกของครอบครัวผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสามขั้นสี่ อันที่จริงไม่ได้มีความแตกต่างมากมาย ยังไม่เป็นผู้ฝึกยุทธ์ ทุกคนดูดซับยาบำรุงได้พอๆ กันเท่านั้น

ฟางผิงจัดสรรทรัพยากรให้ตลอด ฟางหยวนควรจะเป็นเหมือนลูกหลานของขั้นเจ็ดขั้นแปดขั้นเก้าพวกนั้นได้เช่นกัน ความเร็วเดียวกันถึงจะถูก

แน่นอนว่ายกเว้นยอดฝีมือที่ใช้หินพลังงานสร้างห้องเอาให้ทายาทฝึกวิชา คนประเภทที่มีหินพลังงานในบ้านนั้น ฟางผิงยังเทียบไม่ได้จริงๆ

หลายวันต่อมา หน้าที่ของประธานอย่างฟางผิงยุ่งวุ่นวายไม่น้อย

ด้านหนึ่งต้องดูแลสมาคมผู้ฝึกยุทธ์ อีกด้านหนึ่งต้องจัดการสมาคมผิงหยวน

ทั้งเหล่าหวังยังโทรศัพท์มา มหาวิทยาลัยหนานเจียงสามารถร่วมมือบนแพลตฟอร์มได้ ทั้งสามารถมอบให้บริษัทฟางผิงมาให้บริการ แต่ว่าหนานเจียงต้องเข้ามาจัดการด้วย รวมถึงติดตามอำนาจความรับผิดชอบของฟางผิง

สำหรับเรื่องนี้ฟางผิงตอบรับอย่างว่องไว ถือโอกาสแจ้งด้วยว่า “พี่หวัง ผมขั้นสี่ตอนกลางแล้ว แต่ช่วงนี้พบว่าทะลวงขั้นสี่ตอนปลาย การหลอมหัวใจเป็นปัญหาอยู่บ้าง มีอะไรดีๆ แนะนำหรือเปล่า?”

หวังจินหยางที่อยู่ปลายสายเงียบไปเจ็ดแปดวินาที สุดท้ายค่อยเอ่ยอย่างแฝงไปด้วยความหมายว่า “ระดับขั้นสูงต่ำ อันที่จริงไม่ได้สำคัญอะไร พยายามให้มาก กลายเป็นยอดฝีมือในระดับเดียวกันดีกว่า!”

ฟางผิงเอ่ยไปตรงๆ “น่าจะพอได้ ตอนประลองกับจางอวี่ ผมคิดว่าใช้ห้าหกกระบวนท่าก็เพียงพอแล้ว”

“อืม ไม่เลว ก่อนหน้าฉันเคยเจอเขาครั้งหนึ่ง ใช้ไปสามกระบวนท่า”

“พี่หวังเก่งจริงๆ!”

ฟางผิงเอ่ยประจบ ก่อนจะพูดว่า “อันที่จริงผมใช้สามกระบวนท่าได้เหมือนกัน แต่อยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน ต้องไว้หน้าบ้าง…”

เหล่าหวังเอ่ยราวกับครุ่นคิดว่า “ฉันเพิ่งจะขั้นสี่สูงสุดเหมือนกัน ไม่อาจจะคิดเล็กคิดน้อยกับจางอวี่ได้ ฟางผิง มีเวลามาแลกเปลี่ยนความรู้กันหน่อยสิ?”

“ขั้นสี่สูงสุด งั้นรออีกหน่อยละกัน”

ฟางผิงตัดสายโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้ม วางแล้วก็ถุ้ยน้ำลาย เหล่าหวังหน้าไม่อายจริงๆ ขั้นสี่สูงสุดยังมีหน้ามาแลกเปลี่ยนความรู้กับตัวเอง ?

หารู้ไม่ว่าปลายสายอีกฝั่ง หวังจินหยางก็ด่าออกมาอย่างหาได้ยากเหมือนกัน!

ไอ้เด็กเวรนี้ ตอนนี้ปีกกล้าขาแข็งขึ้นมาแล้วสินะ แต่จะว่าไปแล้ว เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ของเขายังเป็นตัวเองที่ชี้แนะให้ ตอนนี้นึกไม่ถึงว่าจะตามทันแล้ว แม่งน่าอายจริงๆ!

เหล่าหวังคิดว่าตัวเองขายหน้าเหลือเกิน หากถูกไล่ทันจริงๆ หน้าตาคงไม่มีเหลือแล้ว!

ลอบเปรียบเทียบตัวเองกับเหล่าหวังแล้ว ฟางผิงก็ไม่คิดถ่วงรั้งการฝึกวิชาของตัวเองอีก

หากเป็นคนอื่น ควบตำแหน่งประธานสองสมาคมรวมถึงบริษัทอีกแห่ง เกรงว่าคงไม่มีเวลาฝึกวิชาแล้ว แต่ฟางผิงกลับไม่มีความสะทกสะท้านแม้แต่น้อย

รอถึงวันที่ 31 สิงหาคม ความสามารถของฟางผิงก็พัฒนาขึ้นทุกวัน ระดับกลางนั้นมั่นคงขึ้นเรื่อยๆ

ทรัพย์สิน : 37,000,000

ปราณ : 1500 แคล (1620 แคล+)

จิตใจ : 400 เฮิรตซ์ (629 เฮิรตซ์+)

หลอมกระดูก : 177 ชิ้น (100%) , 29 ชิ้น (30%+)

ในห้องทำงานประธาน

ฟางผิงตรวจดูค่าปราณและจิตใจของตัวเอง

พึมพำว่า “ยังไม่ได้หลอมกะโหลก ตอนนี้ทิ้งไว้ก่อน ยังไม่มีเงินจริงๆ เรื่องปราณฉันคิดว่าแตะสองพันแคลคงไม่มีปัญหา อันที่จริงยังคงคุ้มค่า สามสิบแปดล้านก็เพียงพอแล้ว พลังจิตใจ…ไม่เคยเพิ่ม ไม่รู้ว่าจะเหมือนปราณหรือเปล่า ใช้ค่าทรัพย์สินหนึ่งหมื่นเพิ่มขึ้นแค่เล็กน้อย”

การเพิ่มพลังจิตใจยากกว่าการเพิ่มปราณเยอะเลย

ตอนแรกพลังจิตใจและปราณของฟางผิงไล่ตามกันมา แต่ตอนนี้ความแตกต่างมากขึ้นแล้ว

การเพิ่มปราณ สามารถเสริมสร้างด้วยพื้นฐานร่างกายได้

งั้นพลังจิตใจ ต้องเสริมสร้างอะไรกันแน่?

แกนสมอง?

จากที่หลู่เฟิ่งโหรวพูด แกนสมองของระดับสูงควบคู่กับหัวใจสามารถจำลองการถูกกดดันของพลังจิตใจจากระดับสูงได้ งั้นพลังจิตใจมาจากแกนสมองใช่หรือเปล่า?

แต่พวกนักวิทยาศาสตร์เคยทำการทดลอง ฝืนใจชำแหละแกนสมองและหัวใจของยอดฝีมือระดับสูง กลับไม่พบความพิเศษอะไร

ยังคงเป็นการรวมกลุ่มของพลังงาน!

แต่สองอย่างรวมเข้าด้วยกัน กลับจำลองการกดดันของพลังจิตใจออกมาได้

ตอนนี้ประเทศจีนยังวิจัยลึกลงไปอย่างไม่หยุดหย่อน แต่สถานการณ์ของยอดฝีมือระดับสูง ยากที่จะวิจัยผลลัพธ์ออกมาจริงๆ

——————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด