จอมศาสตราพลิกดารา 73 ล่าเจียว

Now you are reading จอมศาสตราพลิกดารา Chapter 73 ล่าเจียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ช่วงเวลาเดียวกัน

ภายในคฤหาสน์แห่งหนึ่งในเมือง

‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์ที่ร่างเปลือยเปล่ายืนอยู่ริมหน้าต่าง มองไปยังเขาด้านหลังที่ว่าการด้วยสีหน้าตื่นตกใจ

เส้นโค้งเว้างดงามบนร่างโปร่งระหงเผยชัดอยู่ใต้แสงจันทร์

‘ใจมาร’ หลิงลี่ลงจากเตียง คลุมเสื้อตัวบางให้นางจากข้างหลัง

“น่าสนใจ…ในเมืองเล็กๆ เช่นนี้มีเรื่องน่าสนุกซ่อนอยู่มากมาย พี่ชาย ท่านสัมผัสได้หรือไม่?” ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์จัดแต่งผมที่เปียกชื้นหลังจากออกแรง พูดด้วยอารมณ์หลากหลาย

หลิงลี่พยักหน้า “จันทร์ทอแสง มีสัตว์บำเพ็ญสำเร็จ อาละวาดทั่วฟากฟ้า หากไม่ใช่เจียวก็เป็นมังกร”

“น่าจะเป็นเจียว” โจวเข่อเอ๋อร์กลับมายังเตียง และสวมเสื้อผ้าทีละชิ้นๆ

ท่าทางการสวมเสื้อของนางงดงามเป็นอย่างยิ่ง

หน้าขาวครึ่งดำครึ่งของหลิงลี่ สีขาวดำที่แบ่งฝั่งชัดเจนดูแล้วน่าตกใจนัก อัปลักษณ์เป็นที่สุด

ตอนนี้มองหญิงคนรักสวมใส่เสื้อผ้า สีหน้าที่แต่เดิมเคร่งขรึมฉายแววอ่อนโยนและหลงใหล

ถึงแม้จะดูมาเป็นพันหมื่นรอบ แต่เมื่อได้มองอีกครั้งก็ยังคงงดงามสมบูรณ์เช่นเทพธิดาในดวงใจ

“หากเป็นเจียวปรากฏขึ้นจริง เกรงว่าพวกสำนักเทพทั้งเก้าคงแตกตื่น พวกเราอยู่ใกล้ย่อมได้เปรียบ ไปดูสักหน่อยเถิด” ‘หน้าเซียน’ โจวเข่อเอ๋อร์มองค้อนญาติผู้พี่ “ท่านยังจะดูอีก ดูไม่พอหรือไร…มังกรที่แท้จริงบินร่อนสู่สวรรค์ ว่ากันว่าสามารถทำลายโซ่ตรวนแห่งฟ้าดิน ทำลายท้องฟ้า หากได้อาบเลือดมังกรจะทำให้ร่างกายไม่บาดเจ็บเสียหาย กินเนื้อมังกรจะยืดอายุขัยได้อีกหกสิบปี ต่อให้เป็นเจียวที่ยังไม่ได้แปลงเป็นมังกรก็ล้ำค่าไปเสียทุกส่วน จะพลาดโอกาสไปไม่ได้เด็ดขาด”

“ได้ ต่อให้ต้องสู้สุดชีวิต ก็จะต้องชิงเลือดมังกรเนื้อมังกรมาให้น้องหญิงให้ได้” หลิงลี่กล่าวยิ้มๆ

“ห้ามตาย ชีวิตท่านเป็นของข้า”

…………

ในยามที่เจียวโมโหอ้าปากเหี้ยมโหด หลี่มู่รู้ว่าคราวนี้ได้สนุกกันครั้งใหญ่แน่แล้ว

เขาลากหมิงเยวี่ยออกมาสามสิบกว่าจั้งทันทีโดยไม่ต้องคิด

ตูม!

แสงสีเงินพ่นออกมาจากปากของเจียว ตรงไปยังตำแหน่งที่แต่เดิมขอทานเฒ่ายืนอยู่

ท่ามกลางเสียงสุนัขเห่า หลุมยักษ์เส้นผ่านศูนย์กลางเกือบหนึ่งจั้งปรากฏขึ้น

น้ำเย็นเยียบทะลักเข้าไปภายใน

“เอ่อ…เหมือนว่าจะไม่ได้โจมตีข้า” หลี่มู่เพิ่งพบว่าตนคิดไปเอง ปฏิกิริยาตอบสนองเกินเหตุไปหน่อย

การโจมตีนั้นสังหารขอทานเฒ่าไม่ได้

เขามาปรากฏกายห่างออกไปอีกสามสิบจั้ง พยุงตัวขึ้นมาจากกองหินอย่างตกใจลนลาน

ฟู่!

เจียวอ้าปากกว้าง พ่นแสงสีเงินที่ราวกับเปลวเพลิงออกมาอีก

ขอทานเฒ่ากลิ้งหลบอุตลุตอีกครั้ง

ท่าทางของเขาดูเหมือนเงอะงะ แต่กลับหลบพลังเพลิงสีเงินได้อย่างน่าอัศจรรย์และไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แค่หน้าตามอมแมมไปบ้างเท่านั้น

เจียวคำรามอย่างโมโหโกรธา

มันพ่นแสงจันทร์สีเงินออกมาติดๆ กัน

หลี่มู่ซ่อนตัวดูละครอยู่อีกฝั่งหนึ่ง

เห็นได้ชัดมากว่าเจียวมองขอทานเฒ่ากับนักพรตตาบอดเป็นพวกเดียวกัน

แต่ว่าแสงเงินที่พ่นออกมาจากปากเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นไอมังกร…อ้อ ไม่ใช่สิ ไอเจียว?

ขอทานเฒ่าทั้งกลิ้งทั้งคลาน หนีหัวซุกหัวซุนอยู่ริมสระน้ำตก หลบพลางตะโกนว่า “เดี๋ยวก่อน…เอ๋? หยุดเสีย เจ้ามองให้มันดีๆ หน่อย เมื่อครู่คนที่โจมตีเจ้าคือตาเฒ่าบอด ไม่ใช่ข้าสักหน่อย…”

และในตอนนี้ ท่ามกลางท้องฟ้า แสงสีเงินอีกสายหนึ่งกะพริบวาบขึ้นอีกครั้ง

นักพรตตาบอดยังไม่ตาย เขาคล้ายกับเสียสติไปแล้ว ประสานปางมือท่องอาคม กระตุ้นวิชาเวทลึกลับบางอย่าง แล้วแปลงเป็นกระบี่แสงสีเงินโจมตีพลีชีพไปยังเจียวอีกรอบ

“ก๊าซ…”

เจียวโมโหเดือดดาล ตวัดกรงเล็บต้านรับแสงดาบนั้น

ครืน บึ้ม!

วงแสงสีเงินแผ่ขยายออกเป็นชั้นๆ

ทั่วทั้งหุบเขาสั่นสะเทือน

ร่างมหึมาของเจียวสั่นสะท้านขณะถอยหลังลงไปในบึงน้ำตกเล็กน้อย

ส่วนนักพรตตาบอดโดนเจียวตบลอยไปดุจดาวตก กระแทกกับผาฝั่งตรงข้ามอย่างแรงจนเป็นโพรงใหญ่ ราวกับตะปูโดนตอกเข้าไป ไม่รู้ว่าลึกกี่ฉื่อ…

‘แม่เจ้า อนาถสุด…คราวนี้น่าจะตายแหงแก๋แล้วล่ะมั้ง’

หลี่มู่อดไม่ได้ที่จะยืนไว้อาลัยให้นักพรตตาบอดในใจหนึ่งวินาที

นี่ก็นับว่ารับกรรมที่ทำไว้แล้วกระมัง

หลี่มู่ที่ไม่ใช่เป้าโจมตียังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล จึงพอจะรู้ได้ว่าขอทานเฒ่าตอนนี้สะบักสะบอมเพียงใด

ไหนจะสุนัขอ้วนลายน้ำตาลขาวนั่นอีก มันรู้มากสุดๆ จึงออกห่างจากขอทานเฒ่าไปไกลลิบ ทั้งยังเห่าใส่ขอทานเฒ่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำท่าทางเหมือนข้าสุนัขตัวนี้ไม่รู้จักเจ้า อย่าได้เข้ามาใกล้เป็นอันขาด

“รีบมาช่วยเร็วเข้า” ขอทานเฒ่าตะโกน

หลี่มู่มองไปรอบๆ ไม่มีใครอื่นอีก เขาชี้หน้าตัวเองอย่างตกใจ “ข้า? ช่วยเจ้า?”

ขอทานเฒ่ากล่าว “อย่างน้อยพวกเราก็มีวาสนาได้มาพบกัน…”

หลี่มู่ได้ยินแล้วไม่เพียงไม่ช่วยเหลือ แต่กลับถอยหลังไปทันที

ชิ ประสาทรึเปล่า

อย่าว่าแต่มีวาสนาได้พบกันหลายครั้งเลย ต่อให้ดื่มเหล้าด้วยกัน ข้าก็ไม่มีทางไปช่วยเจ้าท้าทายเจียวที่อยู่ในอารมณ์โกรธหรอก อีกทั้งก่อนหน้านี้เจ้ายังบอกว่าคิดจะพาตัวหมิงเยวี่ยไป สนิทสนมกับนักพรตตาบอดปานนั้นได้ ท่าทางจะไม่ใช่คนดีอะไร ภาวนาให้ตัวเองเข้าก็แล้วกัน

หลี่มู่ลากหมิงเยวี่ยถอยไปข้างหลังต่อ

แม้แต่สุนัขอ้วนสีน้ำตาลในตอนนี้ยังตัดความสัมพันธ์กับขอทานเฒ่า สติปัญญาของเขาย่อมไม่ด้อยไปกว่าสุนัขตัวหนึ่งแน่

“มารดามันเถอะ เจ้าเด็กนี่…” ขอทานเฒ่าโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง

ตูม!

ไอมังกรสีเงินอีกกลุ่มหนึ่งยิงเข้ามา

ขอทานเฒ่ายังไม่ทันได้พูดคำข้างหลังออกมาก็ต้องรีบหนีหัวซุกหัวซุนอีก

ในบึงน้ำ เจียวคำรามลั่น ร่างกายดุจสันเขาก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ กลิ่นอายน่าหวาดกลัวลอยอวล ดวงตาที่เป็นดั่งสระน้ำสีเลือดฉายประกายสีแดงสด ภายในบริเวณสามร้อยจั้งราวกับกลายเป็นเขตนรกอสุรภูมิ

สิ่งมีชีวิตใดที่อยู่ในเขตแดนสีแดงล้วนสัมผัสได้ถึงความสั่นสะท้านจากดวงวิญญาณ

หลี่มู่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนตัดสินใจจากไปก่อน

แต่ในตอนนี้เอง…

“เจ้าสัตว์ร้าย รับกระบี่นี่ไป”

ได้ยินเสียงตะโกนลั่น

ประกายกระบี่ฟันลงมาจากหุบเหวหน้าผา ดุจดั่งน้ำตกที่ไหลรินมาจากลำธารสีเงิน

ครืน!

กระบี่นี้ฟันโดนเจียว

เขาของเจียวมีสะเก็ดไฟปะทุออกมา ร่างมหึมาของมันโอนเอน ร้องอย่างโมโหเป็นระลอก

หืม?

มีผู้แข็งแกร่งปรากฏตัวอีกแล้ว?

เขาเงยหน้าขึ้นมอง

เห็นระหว่างหุบเหวมีร่างร่างหนึ่งเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็วดั่งดาวตก

ผมยาวถึงเอวที่ขาวราวหิมะเป็นประกายอยู่ท่ามกลางท้องฟ้าราตรี

อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มหน้าขาวกระจ่างงามสง่า ร่างราวสายฟ้าเหยียบลงบนชะง่อนผาที่ยืนออกมา จากนั้นเข้าใกล้มาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพุ่งไปยังเจียวทันที

“กลิ่นอายแข็งแกร่งมาก”

หลี่มู่หวาดหวั่น

เขาไม่เคยพบชายหนุ่มผมขาวผู้นี้มาก่อน

เห็นได้ชัดว่าการกวาดล้างชาวยุทธ์ในอำเภอขาวพิสุทธิ์ครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อชายหนุ่มคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นเฝิงหยวนซิงหรือในผลการสืบค้นของชิงเฟิง ล้วนไม่มีการกล่าวถึงว่าในเมืองอำเภอมียอดฝีมือหนุ่มผมขาวเช่นนี้อยู่ด้วย

แต่มองจากทิศที่เขามา เห็นชัดว่ามาจากทางที่ว่าการที่อยู่ข้างบนหุบเหวลึก

“ดูจากท่าทางเขา มาล่าเจียวอย่างนั้นหรือ?”

หลี่มู่มองอย่างตกใจ ชายหนุ่มคนนั้นพุ่งไปยังเจียวกำลังโกรธราวกับแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

หลังจากถูกชายหนุ่มผมขาวโจมตี ความโกรธของเจียวก็พุ่งมาลงที่เขาทันที ไม่ไปไล่สังหารขอทานเฒ่าอีก

แสงจากไอมังกรที่เสมือนแสงจันทร์กระจ่างหลายสายพุ่งไปยังชายหนุ่มผมขาว

ขอทานเฒ่าได้พักหายใจแล้ว

เขาตะโกนลั่น “ท่าร่างหมาป่าสวรรค์ครวญจันทร์? หรือจะเป็นจอมยุทธ์น้อยไป๋หรูซวงผู้สืบทอด ‘สำนักหมาป่าสวรรค์’ ข้าน้อยจั่วลู่อี้ผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งใต้สุริยันจันทราทั้งสองคู่…”

แต่ทว่าชายหนุ่มผมขาวไม่ได้สนใจเขาเลย

ไม่มองขอทานเฒ่าเลยนักนิด

ผมยาวสีขาวพลิ้วไหวท่ามกลางท้องฟ้าราตรีดุจเปลวเพลิงสีขาว

ท่าร่างของชายหนุ่มผมขาวสูงส่งนัก เดี๋ยวส่องสว่างเดี๋ยวหม่นแสง กะพริบไม่หยุด หลบไอมังกรกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า สุดท้ายก็กระโดดมายังหัวของเจียว มือทั้งสองจับเขาของมันเอาไว้

“เป็นอีกคนที่มีความแค้นกับเจียว?”

หลี่มู่พูดไม่ออก

นี่ก็จะพยายามเกินไปแล้ว

“เจ้าจะไปรู้อะไร” ขอทานเฒ่าปรากฏตัวข้างกายหลี่มู่ราวกับวิญญาณ “เจียวที่ใกล้แปลงเป็นมังกร ทั่วทั้งร่างล้วนเป็นของล้ำค่า เลือดหนึ่งหยดสามารถเพิ่มพลังปราณ เนื้อหนึ่งคำเพิ่มอายุขัย ขจัดโรคภัย…แม้แต่เทพเซียนยังตาลุกวาว เจ้าผมขาวน้อยแห่งสำนักหมาป่าสวรรค์นี่คิดจะมาฆ่าเจียวชิงสมบัติ”

หลี่มู่ได้ฟังก็ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เจ้าคงไม่ได้หลอกข้าหรอกใช่ไหม?”

ขอทานเฒ่าพูดอย่างโมโห “ข้าจะหลอกเจ้าทำไม ไม่อย่างนั้น เจ้าว่าทำไมเมื่อครู่ข้าจึงไม่หนี แต่สู้กับเจ้าสัตว์ร้ายนี้เล่า”

นั่นเป็นเพราะหนีไม่พ้นหรือเปล่า?

ยังจะมาบอกว่าผู้แข็งแกร่งที่สุดใต้สุริยันจันทราทั้งสองคู่อีก?

คำขี้โม้แบบนี้ยังจะพูดออกมาได้

หลี่มู่บ่นเหน็บแนม

ในใจของเขากำลังชั่งผลได้ผลเสีย

มี ‘พลังก่อนกำเนิด’ และ ‘หมัดยุทธ์แท้’ อยู่ในมือ เขาไม่ต้องกังวลเรื่องอายุขัย และไม่ต้องกังวลว่าพลังไม่อาจจะยกระดับได้ ดังนั้นหากพูดจากมุมมองของการลงทุนเรียน ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงล่าเจียวเลย

แต่หากพลังปราณที่ขอทานเฒ่าพูดหมายถึงกำลังภายในแล้วละก็ เช่นนั้นหลี่มู่สามารถดูไปสักครู่หนึ่งก่อนได้ หากผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์เป็นบุคคลเยี่ยมยอดจริงและฆ่าเจียวตัวนี้ตาย เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะรอแบ่งผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ อยู่ด้านข้าง

แต่ไม่นานหลี่มู่ก็ต้องผิดหวัง

เพราะผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงยืนหยัดอยู่ได้ไม่นานก็ร่วงลงมาจากหัวของเจียว กระแทกไปในบึงน้ำตกเต็มแรง น้ำสาดกระจายเป็นคลื่น

แต่ว่าการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอีกครั้ง

ไม่รู้ว่าเมื่อใด กลางท้องฟ้ามีร่างเงาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

บัณฑิตวัยกลางคนสวมชุดบัณฑิตสีดำ หน้าตาพื้นๆ ประสานปางมือทั้งสองแต่ไม่ได้ร่ายคาถา มีคลื่นวนกระแสอากาศสีดำหมุนวนทั่วร่าง ข้างหลังมีปีกยักษ์สีดำคู่หนึ่งที่ก่อขึ้นจากคมวายุทับซ้อนเป็นชั้นๆ

ระหว่างที่โบกกระพือ ปีกคมวายุคู่นี้ก็หอบม้วนกระแสอากาศ ทำให้เขาลอยนิ่งอยู่กลางท้องฟ้าได้

เขาเป็นจอมเวทคนหนึ่ง

เป็นจอมเวทที่ไม่ด้อยไปกว่านักพรตตาบอดเลยแม้แต่น้อย

“เต๋าไม่แน่นอน สายลมไม่สิ้นสุด…สังหาร!”

ทางเลือกของบัณฑิตวัยกลางคนเหมือนกับไป๋หรูซวงทุกประการ เลือกโจมตีในทันที

คมวายุไร้รูปร่างรวมไปข้างกายเขา จากนั้นหมุนวนราวพายุคมดาบทั่วท้องฟ้า หอบม้วนโจมตีไปยังเจียว

“มารดามันเถอะ มีคนมาชิงของล้ำค่าจากเจียวอีกคนหนึ่งแล้ว…ทำไมเมืองอำเภอเล็กจ้อยของเจ้าถึงซ่อนยอดฝีมือเอาไว้มากถึงขนาดนี้” ขอทานเฒ่ายืนอยู่ข้างหลี่มู่ เอ่ยสบถโหวกเหวก

หลี่มู่เกาหัว

ใช่แล้ว นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย

อำเภอขาวพิสุทธิ์ขึ้นชื่อว่าเป็นอำเภอเล็กๆ ที่กันดาร ทำไมจึงมีผู้แข็งแกร่งมารวมตัวมากมายขนาดนี้?

เห็นได้ชัดว่าหน้าตาไม่คุ้น ไม่ใช่คนในพื้นที่กันทั้งสิ้น

ทำไมเมื่อมีความเคลื่อนไหว เสือสิงห์กระทิงแรดอะไรก็โผล่มากันหมด?

ซ่า!

เกลียวน้ำพุ่งขึ้นมาจากใต้บึงน้ำตกอีกครั้ง

ผู้สืบทอดสำนักหมาป่าสวรรค์ไป๋หรูซวงทะยานขึ้นจากผิวน้ำ โจมตีกลับอีกครั้ง

ในมือของเขากุมกระบี่โบราณแปลกพิลึก แต่ไม่ชักออกจากฝัก ปราณกระบี่ถาโถมท่ามกลางการกวัดแกว่ง ได้ยินเสียงคล้ายหมาป่าสวรรค์เห่าหอนในคืนจันทร์เต็มดวงอยู่รางๆ ชวนให้รู้สึกขวัญผวา

นี่คือปราณกระบี่หมาป่าสวรรค์ของสำนักหมาป่าสวรรค์

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด