องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!บทที่ 36 เริ่มเอาคืน

Now you are reading องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที! Chapter บทที่ 36 เริ่มเอาคืน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจว่าใครจะมองนางเช่นไร นางหันหลัง ลดเสียงลงจนกลายเป็นเสียงกระซิบ แล้วเอ่ยข้างหูชายชราว่า “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ ท่านอาจารย์ก็ต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักข้านะ” 

“ศิษย์ข้า เจ้าไม่ยอมรับข้าจริงๆ หรือ อาจารย์ปวดใจยิ่งนัก” ยิ่งชายชราพูด สีหน้าก็ยิ่งขมขื่น 

เฮ่อเหลียนเวยเวยเห็นว่าเฮ่อเหลียนเหมยขยับตัวเข้ามาใกล้ นางจึงรีบตัดบท “จำคำที่ข้าพูดเอาไว้” 

“หึ!” เฮ่อเหลียนเหมยแค่นหัวเราะอย่างเย็นชา และพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “อย่าคิดว่าเพียงเพราะท่านปรมาจารย์ยอมให้เวลากับเจ้า แล้วเจ้าจะมีโอกาสประจบเขาได้ล่ะ ท่านปรมาจารย์ไม่หลงกลเจ้าหรอก คอยดูก็แล้วกัน อีกเดี๋ยวท่านปรมาจารย์จะต้องสั่งให้เจ้าออกไปจากการประลองนี้แน่ๆ เจ้าคิดว่าที่นี่เป็นอะไร คนไร้ค่าเช่นเจ้ากล้ามาเหยียบที่นี่ด้วยหรือ” 

“ก็ต้องลองสู้กันดูถึงจะรู้ว่าใครกันแน่ที่ไร้ค่า” เมื่อเผชิญหน้ากับการพูดจายั่วยุของเฮ่อเหลียนเหมย เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เลิกคิ้วขึ้น กลิ่นอายเย่อหยิ่งและเย็นชาท่วมท้นออกมาตามการกระทำของนาง 

เฮ่อเหลียนเหมยมองร่างที่เพิ่งเดินผ่านนางไป ท่าทางที่ดูไม่ทุกข์ร้อนของอีกฝ่ายแบบนั้นทำเหมือนไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย น่ารังเกียจยิ่งนัก! 

เฮ่อเหลียนเหมยกัดฟันกรอด อยากจะฉีกเฮ่อเหลียนเวยเวยให้เป็นชิ้นๆ ไปเสียเดี๋ยวนั้น 

“มู่หรงซื่อจื่อเจ้าคะ!” นางเงยหน้าขึ้น รอยยิ้มไปถึงดวงตา “ให้ข้าทดสอบก่อนแล้วกันเจ้าค่ะ ข้าเกรงว่าพี่ใหญ่คงต้องการเวลาเตรียมตัวอีกสักพัก ดูเหมือนนางจะลืมวิธีถ่ายเทพลังปราณไปแล้ว แต่โชคดีที่ข้าสามารถแสดงให้พี่ใหญ่ดูได้” 

เสียงของเฮ่อเหลียนเหมยสูงขึ้นเล็กน้อย แม้นางนึกอยากจะปิดบัง แต่ก็ยังไม่สามารถข่มน้ำเสียงเยาะเย้ยรุนแรงเอาไว้ได้ 

จุดประสงค์ของนางนั้นชัดเจน นั่นก็คือให้ตัวนางได้ทดสอบพลังปราณก่อน แล้วจึงให้เฮ่อเหลียนเวยเวยทดสอบพลังของตน หากจะเปรียบเทียบแล้ว คนไร้ค่าเช่นเฮ่อเหลียนเวยเวยก็จะยิ่งดูไร้ค่าขึ้นไปอีก 

มีหรือที่คนฉลาดอย่างเฮ่อเหลียนเวยเวยจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากของนางคลี่ยิ้มออกมา นางไม่สนว่าใครจะได้ทดสอบก่อนหรือหลัง สำหรับนาง ไม่ว่าใครจะทดสอบก่อนก็เหมือนกัน 

เฮ่อเหลียนเหมยมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสายตาดูถูก จากนั้นจึงก้าวออกไปข้างหน้าสองสามก้าวและกระโดดขึ้นไปบนแท่นหิน 

ทุกคนตื่นเต้นและต่างก็มุ่งความสนใจไปที่นาง แม้เฮ่อเหลียนเหมยผู้นี้จะไม่ได้เป็นอัจฉริยะเหมือนอย่างเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ แต่นางก็เป็นผู้ฝึกปราณที่มีความสามารถโดดเด่นสะดุดตาคนหนึ่ง ทันทีที่เข้ามาในสำนัก นางก็คว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งของหอชั้นเยี่ยมไปครอง กล่าวได้ว่าในการประลองครั้งนี้นางเป็นผู้สมัครที่มีสิทธิ์ได้เข้าไปอยู่ในหอชั้นเลิศมากที่สุดเลยก็ว่าได้! 

ดูเหมือนว่านางจะชอบความรู้สึกที่ได้เป็นจุดสนใจของทุกคนอย่างมาก เฮ่อเหลียนเหมยเชิดหน้าขึ้นแล้วางมือลงสัมผัสกับลูกแก้วโปร่งใส ทันใดนั้น ด้านล่างของลูกแก้วก็มีบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมาราวกับมหาสมุทร และส่องแสงสว่างเจิดจ้า! 

ทุกคนส่งเสียงฮือฮา “นั่นมันธาตุน้ำระดับห้านี่นา!” 

“โอ้สวรรค์! เป็นธาตุน้ำจริงๆ ด้วย! ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ศิษย์ใหม่จะมาถึงระดับนี้ได้ สมแล้วที่นางเป็นคุณหนูจากตระกูลเฮ่อเหลียน!” 

เฮ่อเหลียนเหมยมองความแตกตื่นที่นางเป็นผู้ก่อด้วยสีหน้าพึงพอใจ แล้วจึงยกมือขึ้นจากลูกแก้วอย่างผู้ชนะพร้อมกับรอยยิ้มที่ไม่อาจปิดบังได้บนใบหน้าของนาง 

นางหันหน้าไปมองเฮ่อเหลียนเวยเวย แม้ว่าใบหน้าของนางจะยังคงมีรอยยิ้มอยู่ แต่น้ำเสียงที่นางพูดออกมากลับทำให้หลายคนรู้สึกอึดอัด “พี่ใหญ่มาลองดูสิเจ้าคะ แต่ถ้าท่านไม่อยากลองก็เลิกทดสอบได้เลยนะเจ้าคะ อย่างไรเสีย ถ้าท่านเสียหน้าต่อหน้าคนมากมายถึงเพียงนี้ ท่านก็คงไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนอยู่ดี” 

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ท่านปรมาจารย์ก็โมโหขึ้นมาทันที ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะคิดในใจอย่างชั่วร้ายว่า [ฮึ่ม แค่ธาตุน้ำระดับกระจอกๆ พรรค์นี้ นางกลับทำตัวยโสโอหังเสียจริง! ถ้านางแค่โอ้อวดต่อหน้าชาวบ้าน เขาก็คงไม่ถือสาหาความอะไร แต่นางกลับเหยียบย่ำลูกศิษย์สุดที่รักของเขา เขาจะยอมให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า! เรื่องบางเรื่องจำเป็นต้องอดทน แต่บางเรื่องก็ทนไม่ได้!] 

นาง… นาง! 

ในตอนที่ท่านปรมาจารย์กำลังจะลงมือ เขาก็เห็นลูกศิษย์ของตนส่งสายตาที่เป็นคำเตือนมาให้ 

เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจึงทำได้เพียงยอมนั่งลงแต่โดยดี แต่เขาไม่ชอบใจเลยแม้แต่นิดเดียว! 

ราวกับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของชายชรา ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชมด้านล่างหันไปมองเขา มุมปากของเขาปรากฏเป็นรอยยิ้มขึ้นมา 

เป็นอย่างที่คิด เจ้า ‘ตัวเล็ก’ รู้จักกับตาแก่นั่น… 

ท่านปรมาจารย์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์ชายที่เขามักนึกถึงอยู่เสมอกำลังมองดูเขาอยู่ท่ามกลางฝูงชน จากด้านล่างนั้นสามารถมองเห็นภาพบนเวทีประลองได้อย่างชัดเจน แต่กลับกัน หากมองลงมาจากเวทีจะเห็นเพียงแค่ทะเลมนุษย์เท่านั้น 

ดังนั้น ในใจของท่านปรมาจารย์ในเวลานี้จึงเต็มไปด้วยความคิดที่ว่า ถ้าเอาสติปัญญาและความสามารถของลูกศิษย์ของเขาเป็นเกณฑ์ เด็กสาวคนเมื่อครู่ที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจะต้องถูกไล่ลงจากเวทีอย่างแน่นอน 

คิดได้ดังนั้น ชายชราจึงสะบัดแขนเสื้อตัวเองด้วยท่าทางภาคภูมิใจ แล้วตะโกนเรียกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เฮ่อเหลียนเวยเวย ขึ้นมา!” 

เมื่อทุกคนได้ยินน้ำเสียงอันเคร่งเครียดของเขา สายตาของทุกคนที่มองเฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยิ่งเต็มไปด้วยความขบขัน คนไร้ค่าเช่นนี้ไม่มีใครชอบจริงๆ เมื่อครู่นางคงคิดที่จะประจบท่านปรมาจารย์ แต่ตอนนี้แม้กระทั่งท่านปรมาจารย์เองก็ยังมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง 

เฮ่อเหลียนเวยเวยยิ้มอย่างผ่อนคลาย แล้วบิดขี้เกียจ จากนั้นจึงเดินไปยืนตรงหน้าลูกแก้วคริสตัลช้าๆ 

ตอนที่นางเดินผ่านอาจารย์ของตัวเอง นางไม่แม้แต่จะหยุดเดินเลยด้วยซ้ำ 

เรื่องนี้ทำให้เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างเวทียิ้มออกมา นังคนชั้นต่ำนี่รนหาที่ตายเองนะ ท่านปรมาจารย์รู้ทันนางแล้ว แต่นางก็ยังทำตัวจองหองอวดดี คอยดูก็แล้วกันว่าหลังจากนี้นางจะต้องทุกข์ทรมานเพียงใด! 

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย นางยื่นฝ่ามือราวกับหยกขาวออกไปหาลูกแก้วคริสตัล 

เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยกถ้วยชาขึ้นจิบด้วยท่วงท่าสงบและงามสง่า แต่ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม ไม่ว่านางจะทำตัวจองหองอวดดีแค่ไหน แต่นางก็เป็นแค่คนไร้ค่าอยู่วันยังค่ำ… 

“แค่ยื่นมือออกไปไม่พอหรอก เจ้าต้องถ่ายเทพลังปราณของตัวเองลงไปในลูกแก้วด้วย กระทั่งเรื่องพวกนี้เจ้าก็ไม่รู้หรือ” 

คำพูดของมู่หรงฉางเฟิงที่เริ่มมีอาการหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดการพูดเยาะเย้ยขึ้น 

“อย่าบอกนะว่า กระทั่งตอนนี้นังคนไร้ค่านั่นก็ยังไม่รู้วิธีทดสอบพลังปราณของตัวเอง” 

“พวกเจ้าลืมไปแล้วหรือว่านางชอบทำให้ตัวเองขายหน้า พวกเราแค่ดูอยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว คาดหวังกับนังคนไร้ค่าคนนี้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ฮ่าๆๆ!” 

วาจาเสียดสีดังขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกระแสน้ำที่ซัดสาดเข้ามาอย่างรุนแรงจากทั่วทุกทิศทุกทาง  

เฮ่อเหลียนเวยเวยไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว นางยังมีท่าทางเกียจคร้านเหมือนอย่างเคย 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย ปกติแล้วเด็กสาวที่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะเช่นนี้คงจะก้าวลงมาจากแท่นหินทดสอบไปแล้ว หรืออย่างน้อยนางก็คงจะต้องรู้สึกอับอายขายหน้าบ้าง 

แต่เมื่อมองดูนางอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงสงบเยือกเย็นราวกับสายลมสงบนิ่ง อีกทั้งนางกำลังยิ้มอยู่ด้วย ไม่สิ ต้องบอกว่าแสยะยิ้มมากกว่า 

นางกำลังเยาะเย้ยสิ่งใดอยู่กันแน่ 

ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอยากจะมองนางใกล้ๆ แต่แล้วเขาก็เห็นว่านิ้วทั้งห้าของนางเคลื่อนไหว พร้อมกับมีพลังปราณค่อยๆ ไหลไปกลางฝ่ามือของนาง 

ลูกแก้วคริสตัลส่งเสียงซู่ แล้วหมอกก็พวยพุ่งขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง! 

สายลมลึกลับโหมกระพือเข้ามาจากทุกด้าน 

พวกมันคำรามและส่งเสียงหวีดหวิว 

อากาศรอบด้านเองก็ดูเหมือนจะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย 

ชายชราหันหน้ามองไปทางเฮ่อเหลียนเวยเวยโดยไม่รู้ตัว ความคิดอันยากเกินกว่าจะเชื่อที่อยู่ในใจแล่นปราดเข้ามาในสมองของเขา ไม่… มันเป็นไปไม่ได้ ลูกศิษย์ของเขานั้นจริงแล้วๆ เป็น… 

ลมทิศเหนือพัดเข้ามา คนที่ยืนอยู่ด้านล่างเวทีสัมผัสได้เพียงความรู้สึกเจ็บแสบที่แก้มของตน พวกเขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก กว่าจะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกแก้วลูกนั้นได้ 

เฮ่อเหลียนเวยเวยหัวเราะออกมาเล็กน้อย เส้นผมสีดำของนางพลิ้วไหวไปตามสายลม ท่วงท่าของนางสง่างามเสียจนไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้… 

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *