แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 899 อย่ามาดูถูก รออยู่บ้านนั่นแหละ

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 899 อย่ามาดูถูก รออยู่บ้านนั่นแหละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหมยรับโทรศัพท์ แม่แท้ๆของเธอโทรมา

 

 

“หลิวเหมยกินข้าวหรือยัง?”

 

 

“ยังค่ะ มีอะไรเหรอคะ?”

 

 

“พ่อเราน่ะสิ เมื่อวานตรวจเจอบางอย่าง อาทิตย์นี้ต้องผ่าตัดเราจะกลับมาไหม?”

 

 

“หา” หลิวเหมยช็อค

 

 

“ตรวจเจออะไรคะ? ร้ายแรงไหม?”

 

 

“ติ่งเนื้อ ไม่ร้ายแรง แค่เอาเครื่องไปจี้ติ่งเนื้อในกระเพาะออก ไม่หนักหนาหรอก จริงๆพ่อเขาก็ไม่อยากให้บอก กลัวจะทำเราเสียการเสียงาน แม่เห็นเรายังไม่เริ่มกิจการ ถึงพ่อเขาจะผ่าตัดเล็ก แต่ถ้าเรากลับมาเขาก็มีกำลังใจรักษาตัว แม่เลยโทรหานี่แหละ”

 

 

หลิวเหมยพอได้ฟังแม่พูดก็แสบจมูก อยากร้องไห้

 

 

“เดี๋ยวหนูกลับไปนะคะ”

 

 

“ถ้าฟู่กุ้ยงานไม่ยุ่งก็ให้มาด้วยกันสิ แต่ถ้าเขางานยุ่งก็ไม่เป็นไรนะ”

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยค่อนข้างเป็นที่ยอมรับของครอบครัวนี้ พ่อแม่บุญธรรมของหลิวเหมยกับพ่อแม่แท้ๆต่างชอบฟู่กุ้ย เป็นคนที่หนักแน่น ถึงจะไม่ใช่คนร่ำรวยแต่เป็นคนมั่นคง จะใช้ชีวิตคู่ก็ต้องหาคนแบบนี้นี่แหละ แต่งกับคนรวยคนชาติตระกูลดียังไม่มีความสุขเท่าแต่งกับฟู่กุ้ยที่ขยันขันแข็ง เอาใจใส่แบบนี้เลย”

 

 

พวกเขามองว่าเป็นลูกเขยไปครึ่งตัวแล้ว

 

 

“พี่เขา…ยุ่งมากค่ะ” หลิวเหมยมองขาฟู่กุ้ยแล้วปฏิเสธ

 

 

“หลิวเหมยพ่อเป็นอะไรเหรอ?” แม่อวี๋อยู่ข้างๆได้ยินเข้าจึงเดินเข้ามาถาม

 

 

หลิวเหมยจึงยื่นโทรศัพท์ให้ ส่วนตัวเองเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าในห้อง จะพูดว่าเก็บเสื้อผ้าก็ไม่ถูก เรียกว่าหยิบกระเป๋าตังค์กับบัตรสำคัญๆไปดีกว่า

 

 

“หลิวเหมย เดี๋ยวพี่ไปด้วย” ฟู่กุ้ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นพูดขึ้น

 

 

“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าพ่อกับแม่เห็นพี่บาดเจ็บจะยิ่งกังวล ฉันไปคนเดียวได้ค่ะ”

 

 

หลิวเหมยพูดเสร็จก็เดินออก เสี่ยวเชี่ยนรีบส่งสายตาให้อวี๋หมิงหลาง เขาจึงรีบตามไป

 

 

“เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง”

 

 

ฟ้ามืดแล้ว ต่อให้เป็นคนมีวิชาป้องกันตัวก็ไม่ปลอดภัย ผู้หญิงเวลาไปข้างนอกต้องคอยระวังตัว

 

 

“ไม่ต้องหรอกพี่หลาง พรุ่งนี้พี่ยังต้องทำงานอีก เดี๋ยวฉันขับรถกลับไปเอง”

 

 

“อย่าพูดมาก ไป”

 

 

อวี๋หมิงหลางเดินตามออกไป เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็อยากตามไปด้วย แต่เสี่ยวเฉียงดันเธอกลับมา

 

 

ระยะทางไปกลับตั้งหลายชั่วโมง เธอไปก็ทำอะไรไม่ได้มาก

 

 

ฟู่กุ้ยเห็นหลิวเหมยออกไปก็ร้อนใจ

 

 

เขารู้จักนิสัยของหลิวเหมยดี เธอไม่ให้เขาไปด้วย ถ้าเขาดึงดันจะไป เธอได้ถีบทั้งคนทั้งรถเข็นกลับเข้ามาแน่

 

 

แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆพิกล?

 

 

แม่อวี๋ที่วางสายไปแล้วพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับฟู่กุ้ยดูร้อนใจจึงพูดปลอบ

 

 

“ฟู่กุ้ยไม่ต้องเป็นห่วงนะ น้าถามแล้ว อาการไม่ได้ร้ายแรง หลิวเหมยแค่กลับไปให้กำลังใจพ่อ ไม่ต้องร้อนใจนะ”

 

 

ฟู่กุ้ยเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขาเป็นห่วงหลิวเหมยอยู่ดี ครั้นแล้วจึงหันไปมองเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“ช่วงสองวันมานี้หลิวเหมยอารมณ์ไม่ดี ผมคิดว่าเกี่ยวกับที่ผมบาดเจ็บด้วย ตอนนี้พ่อเขาก็มาป่วยอีก ผมเป็นห่วงว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้น่ะครับ” ฟู่กุ้ยเคยศึกษานิสัยของหลิวเหมย เธอเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมา อ่อนไหวง่าย ตอนนี้เธอยังมาเจอปัญหาในชีวิตพร้อมๆกัน ทำให้หัวใจเธออาจอ่อนล้า ช่วงเวลาแบบนี้ฟู่กุ้ยจึงไม่อยากห่างเธอเท่าไร

 

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก หลิวเหมยไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่มีทางเกิดเรื่อง วางใจเถอะ”

 

 

คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนก็ยังปลอบฟู่กุ้ยไม่ได้ แต่กลับทำให้เขายิ่งกังวล

 

 

แม่อวี๋เข้าครัวไปทำกับข้าวง่ายๆมาสองอย่างเป็นอาหารเย็น ฟ้ามืดสนิทแล้ว ท้องฟ้าเหมือนถูกสาดด้วยน้ำหมึก วุ่นวายกันมาทั้งช่วงบ่ายยังไม่ได้กินข้าว คงหิวกันหมดแล้ว

 

 

ฟู่กุ้ยกินไม่ลง ตักกินไปคำเดียวพลางคิดว่าเวลานี้หลิวเหมยจะอยู่ไหนแล้ว ใกล้ถึงบ้านหรือยัง จะโทรหาเธอดีไหม

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอาสาล้างชาม แม่อวี๋จึงคุยเป็นเพื่อนฟู่กุ้ย ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฟู่กุ้ยก็ดังขึ้น

 

 

“หลิวเหมย อยู่ที่ไหนแล้ว?” ฟู่กุ้ยรีบกดรับสายแล้วถามทันที

 

 

“เลี่ยวฟู่กุ้ย เลี่ยวหยุนฉาง”

 

 

เอ๋ ทำไมเรียกเป็นทางการแบบนั้น? ฟู่กุ้ยอึ้ง

 

 

“ฉันคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว นิสัยพวกเราไม่เหมาะกัน ห่างกันสักพักดีกว่า”

 

 

“อะไรนะ?” นี่เขาหูแว่วไปหรือเปล่า?

 

 

“ฉันพูดว่า พวกเราห่างกันสักพัก พี่จะเห็นฉันเป็นตัวสำรองก็ได้ ฉันยังไม่รู้ว่าจะกลับไปเมื่อไร”

 

 

ดูเหมือนหลิวเหมยจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที

 

 

ฟู่กุ้ยโทรกลับ แต่หลิวเหมยปิดเครื่องไปแล้ว

 

 

เขาร้อนใจดั่งมีไฟแผดเผา ไม่ใช่เพราะเธอพูดจาเหลวไหลพวกนั้น แต่เพราะเขาฟังออกว่าเธอกำลังร้องไห้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนล้างชามเสร็จเพิ่งเดินออกมาก็ได้ยินเสียงแม่อวี๋ตะโกน

 

 

“ฟู่กุ้ย ห้ามออกไปไหนนะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นฟู่กุ้ยกำลังเข็นรถไปที่ประตู

 

 

“ผมจะไปดูหน่อยครับ ผมไม่สบายใจ”

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?” เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งล้างชามเสร็จเลยไม่เข้าใจ

 

 

“หลิวเหมยต้องเกิดเรื่องแน่ พี่ต้องไปดู เหมือนเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้” ฟู่กุ้ยพูดด้วยความร้อนใจ

 

 

ถ้าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแล้วเธอจะพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง บอกว่าไม่รู้จะกลับมาเมื่อไร ให้ห่างกันสักพัก?

 

 

ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย ไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โต ตอนนี้เธอมาพูดแบบนี้แสดงว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนฟังจบก็ขมวดคิ้ว

 

 

“เดี๋ยวนะ ขอฉันโทรถามเสี่ยวเฉียงก่อน ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

เวลานี้อวี๋หมิงหลางจอดรถเรียบร้อยแล้ว หลิวเหมยเข้าบ้านไปด้วยสภาพดวงตาแดงก่ำ ร้องไห้มาตลอดทาง

 

 

เสี่ยวเฉียงกำลังเตรียมจะรายงานสถานการณ์ให้ลูกเชี่ยนฟัง แต่เธอก็โทรมาเสียก่อน

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีเรื่องสะเทือนใจเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนเข้าประเด็นทันที

 

 

“เอาแต่เงียบตั้งแต่ขึ้นรถจนโทรศัพท์ดัง ผมได้ยินเขาเรียกอาจารย์ จากนั้นก็เงียบไป นั่งนิ่งฟังปลายสายพูดแล้วน้ำตาก็หยดแหมะ คุยเสร็จผมยังไม่ทันได้ถามอะไรเขาก็โทรไปหาฟู่กุ้ยแล้ว”

 

 

เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อวี๋หมิงหลางห้ามไม่ทัน ตอนนี้หลิวเหมยเหมือนดินระเบิด ถ้าโดนไฟหน่อยก็ลุก

 

 

“อาจารย์…โว้ย” เสี่ยวเชี่ยนสบถเสียงเบา

 

 

หมอดูงี่เง่านั่นอีกแล้ว

 

 

“ทำไมอาจารย์ต้องให้หลิวเหมยเลิกกับฟู่กุ้ยด้วย?”

 

 

ถึงจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ถึงขนาดบอกว่าไม่รู้จะกลับเมื่อไร ขอเป็นตัวสำรอง แบบนี้มันเหมือนฝืนใจตัวเองไม่ใช่เหรอ?

 

 

อวี๋หมิงหลางไม่เข้าใจ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังมีความสุขกับการที่หลิวเหมยมีความรักที่ดี ทำไมถึงได้มีคนมาทำเสียเรื่องล่ะ?

 

 

“ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่คงจะเป็นความเชื่องมงายบ้าบอนั่นอีกแล้ว เห็นทีฉันคงต้องไปเยี่ยมลุงใหญ่[1]หน่อยซะแล้ว”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนโมโหจนสบถคำหยาบ

 

 

“ลุงใหญ่หลิวเหมยก็พ่อเรา คุณปล่อยพ่อไปเถอะนะ…” เสี่ยวเฉียงทำตาตี่ นี่เมียเขาโมโหจนเลอะเลือน?

 

 

“รอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปจัดการ”

 

 

“คุณขับรถมาที่ไกลแบบนี้ได้เหรอ?” อวี๋หมิงหลางเริ่มเสียใจแล้วที่เมื่อกี้ไม่ได้พาเสี่ยวเชี่ยนมาด้วย เธอเลยต้องมาเอง

 

 

“อย่ามาดูถูก รอฉันอยู่นั่นแหละ”

 

 

 

 

[1] เป็นคำสบถหยาบ เหมือนเอาผู้ใหญ่มาล้อเล่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 899 อย่ามาดูถูก รออยู่บ้านนั่นแหละ

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 899 อย่ามาดูถูก รออยู่บ้านนั่นแหละ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหมยรับโทรศัพท์ แม่แท้ๆของเธอโทรมา

 

 

“หลิวเหมยกินข้าวหรือยัง?”

 

 

“ยังค่ะ มีอะไรเหรอคะ?”

 

 

“พ่อเราน่ะสิ เมื่อวานตรวจเจอบางอย่าง อาทิตย์นี้ต้องผ่าตัดเราจะกลับมาไหม?”

 

 

“หา” หลิวเหมยช็อค

 

 

“ตรวจเจออะไรคะ? ร้ายแรงไหม?”

 

 

“ติ่งเนื้อ ไม่ร้ายแรง แค่เอาเครื่องไปจี้ติ่งเนื้อในกระเพาะออก ไม่หนักหนาหรอก จริงๆพ่อเขาก็ไม่อยากให้บอก กลัวจะทำเราเสียการเสียงาน แม่เห็นเรายังไม่เริ่มกิจการ ถึงพ่อเขาจะผ่าตัดเล็ก แต่ถ้าเรากลับมาเขาก็มีกำลังใจรักษาตัว แม่เลยโทรหานี่แหละ”

 

 

หลิวเหมยพอได้ฟังแม่พูดก็แสบจมูก อยากร้องไห้

 

 

“เดี๋ยวหนูกลับไปนะคะ”

 

 

“ถ้าฟู่กุ้ยงานไม่ยุ่งก็ให้มาด้วยกันสิ แต่ถ้าเขางานยุ่งก็ไม่เป็นไรนะ”

 

 

เลี่ยวฟู่กุ้ยค่อนข้างเป็นที่ยอมรับของครอบครัวนี้ พ่อแม่บุญธรรมของหลิวเหมยกับพ่อแม่แท้ๆต่างชอบฟู่กุ้ย เป็นคนที่หนักแน่น ถึงจะไม่ใช่คนร่ำรวยแต่เป็นคนมั่นคง จะใช้ชีวิตคู่ก็ต้องหาคนแบบนี้นี่แหละ แต่งกับคนรวยคนชาติตระกูลดียังไม่มีความสุขเท่าแต่งกับฟู่กุ้ยที่ขยันขันแข็ง เอาใจใส่แบบนี้เลย”

 

 

พวกเขามองว่าเป็นลูกเขยไปครึ่งตัวแล้ว

 

 

“พี่เขา…ยุ่งมากค่ะ” หลิวเหมยมองขาฟู่กุ้ยแล้วปฏิเสธ

 

 

“หลิวเหมยพ่อเป็นอะไรเหรอ?” แม่อวี๋อยู่ข้างๆได้ยินเข้าจึงเดินเข้ามาถาม

 

 

หลิวเหมยจึงยื่นโทรศัพท์ให้ ส่วนตัวเองเดินเข้าไปเก็บเสื้อผ้าในห้อง จะพูดว่าเก็บเสื้อผ้าก็ไม่ถูก เรียกว่าหยิบกระเป๋าตังค์กับบัตรสำคัญๆไปดีกว่า

 

 

“หลิวเหมย เดี๋ยวพี่ไปด้วย” ฟู่กุ้ยที่นั่งอยู่บนรถเข็นพูดขึ้น

 

 

“อย่าไปเลยค่ะ ถ้าพ่อกับแม่เห็นพี่บาดเจ็บจะยิ่งกังวล ฉันไปคนเดียวได้ค่ะ”

 

 

หลิวเหมยพูดเสร็จก็เดินออก เสี่ยวเชี่ยนรีบส่งสายตาให้อวี๋หมิงหลาง เขาจึงรีบตามไป

 

 

“เดี๋ยวพี่ขับรถไปส่ง”

 

 

ฟ้ามืดแล้ว ต่อให้เป็นคนมีวิชาป้องกันตัวก็ไม่ปลอดภัย ผู้หญิงเวลาไปข้างนอกต้องคอยระวังตัว

 

 

“ไม่ต้องหรอกพี่หลาง พรุ่งนี้พี่ยังต้องทำงานอีก เดี๋ยวฉันขับรถกลับไปเอง”

 

 

“อย่าพูดมาก ไป”

 

 

อวี๋หมิงหลางเดินตามออกไป เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็อยากตามไปด้วย แต่เสี่ยวเฉียงดันเธอกลับมา

 

 

ระยะทางไปกลับตั้งหลายชั่วโมง เธอไปก็ทำอะไรไม่ได้มาก

 

 

ฟู่กุ้ยเห็นหลิวเหมยออกไปก็ร้อนใจ

 

 

เขารู้จักนิสัยของหลิวเหมยดี เธอไม่ให้เขาไปด้วย ถ้าเขาดึงดันจะไป เธอได้ถีบทั้งคนทั้งรถเข็นกลับเข้ามาแน่

 

 

แต่ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆพิกล?

 

 

แม่อวี๋ที่วางสายไปแล้วพอเห็นเสี่ยวเชี่ยนกับฟู่กุ้ยดูร้อนใจจึงพูดปลอบ

 

 

“ฟู่กุ้ยไม่ต้องเป็นห่วงนะ น้าถามแล้ว อาการไม่ได้ร้ายแรง หลิวเหมยแค่กลับไปให้กำลังใจพ่อ ไม่ต้องร้อนใจนะ”

 

 

ฟู่กุ้ยเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขาเป็นห่วงหลิวเหมยอยู่ดี ครั้นแล้วจึงหันไปมองเสี่ยวเชี่ยน

 

 

“ช่วงสองวันมานี้หลิวเหมยอารมณ์ไม่ดี ผมคิดว่าเกี่ยวกับที่ผมบาดเจ็บด้วย ตอนนี้พ่อเขาก็มาป่วยอีก ผมเป็นห่วงว่าเขาจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้น่ะครับ” ฟู่กุ้ยเคยศึกษานิสัยของหลิวเหมย เธอเป็นคนที่นิสัยตรงไปตรงมา อ่อนไหวง่าย ตอนนี้เธอยังมาเจอปัญหาในชีวิตพร้อมๆกัน ทำให้หัวใจเธออาจอ่อนล้า ช่วงเวลาแบบนี้ฟู่กุ้ยจึงไม่อยากห่างเธอเท่าไร

 

 

“ไม่เป็นอะไรหรอก หลิวเหมยไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ ไม่มีทางเกิดเรื่อง วางใจเถอะ”

 

 

คำพูดของเสี่ยวเชี่ยนก็ยังปลอบฟู่กุ้ยไม่ได้ แต่กลับทำให้เขายิ่งกังวล

 

 

แม่อวี๋เข้าครัวไปทำกับข้าวง่ายๆมาสองอย่างเป็นอาหารเย็น ฟ้ามืดสนิทแล้ว ท้องฟ้าเหมือนถูกสาดด้วยน้ำหมึก วุ่นวายกันมาทั้งช่วงบ่ายยังไม่ได้กินข้าว คงหิวกันหมดแล้ว

 

 

ฟู่กุ้ยกินไม่ลง ตักกินไปคำเดียวพลางคิดว่าเวลานี้หลิวเหมยจะอยู่ไหนแล้ว ใกล้ถึงบ้านหรือยัง จะโทรหาเธอดีไหม

 

 

เสี่ยวเชี่ยนอาสาล้างชาม แม่อวี๋จึงคุยเป็นเพื่อนฟู่กุ้ย ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฟู่กุ้ยก็ดังขึ้น

 

 

“หลิวเหมย อยู่ที่ไหนแล้ว?” ฟู่กุ้ยรีบกดรับสายแล้วถามทันที

 

 

“เลี่ยวฟู่กุ้ย เลี่ยวหยุนฉาง”

 

 

เอ๋ ทำไมเรียกเป็นทางการแบบนั้น? ฟู่กุ้ยอึ้ง

 

 

“ฉันคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนดีแล้ว นิสัยพวกเราไม่เหมาะกัน ห่างกันสักพักดีกว่า”

 

 

“อะไรนะ?” นี่เขาหูแว่วไปหรือเปล่า?

 

 

“ฉันพูดว่า พวกเราห่างกันสักพัก พี่จะเห็นฉันเป็นตัวสำรองก็ได้ ฉันยังไม่รู้ว่าจะกลับไปเมื่อไร”

 

 

ดูเหมือนหลิวเหมยจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้ พูดจบก็ตัดสายทิ้งทันที

 

 

ฟู่กุ้ยโทรกลับ แต่หลิวเหมยปิดเครื่องไปแล้ว

 

 

เขาร้อนใจดั่งมีไฟแผดเผา ไม่ใช่เพราะเธอพูดจาเหลวไหลพวกนั้น แต่เพราะเขาฟังออกว่าเธอกำลังร้องไห้

 

 

เสี่ยวเชี่ยนล้างชามเสร็จเพิ่งเดินออกมาก็ได้ยินเสียงแม่อวี๋ตะโกน

 

 

“ฟู่กุ้ย ห้ามออกไปไหนนะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเห็นฟู่กุ้ยกำลังเข็นรถไปที่ประตู

 

 

“ผมจะไปดูหน่อยครับ ผมไม่สบายใจ”

 

 

“เกิดอะไรขึ้น?” เสี่ยวเชี่ยนเพิ่งล้างชามเสร็จเลยไม่เข้าใจ

 

 

“หลิวเหมยต้องเกิดเรื่องแน่ พี่ต้องไปดู เหมือนเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้” ฟู่กุ้ยพูดด้วยความร้อนใจ

 

 

ถ้าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นแล้วเธอจะพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง บอกว่าไม่รู้จะกลับมาเมื่อไร ให้ห่างกันสักพัก?

 

 

ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์กำลังไปได้สวย ไม่เคยมีปัญหาอะไรใหญ่โต ตอนนี้เธอมาพูดแบบนี้แสดงว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน

 

 

เสี่ยวเชี่ยนฟังจบก็ขมวดคิ้ว

 

 

“เดี๋ยวนะ ขอฉันโทรถามเสี่ยวเฉียงก่อน ดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

 

 

เวลานี้อวี๋หมิงหลางจอดรถเรียบร้อยแล้ว หลิวเหมยเข้าบ้านไปด้วยสภาพดวงตาแดงก่ำ ร้องไห้มาตลอดทาง

 

 

เสี่ยวเฉียงกำลังเตรียมจะรายงานสถานการณ์ให้ลูกเชี่ยนฟัง แต่เธอก็โทรมาเสียก่อน

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีเรื่องสะเทือนใจเหรอ?” เสี่ยวเชี่ยนเข้าประเด็นทันที

 

 

“เอาแต่เงียบตั้งแต่ขึ้นรถจนโทรศัพท์ดัง ผมได้ยินเขาเรียกอาจารย์ จากนั้นก็เงียบไป นั่งนิ่งฟังปลายสายพูดแล้วน้ำตาก็หยดแหมะ คุยเสร็จผมยังไม่ทันได้ถามอะไรเขาก็โทรไปหาฟู่กุ้ยแล้ว”

 

 

เรื่องเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน อวี๋หมิงหลางห้ามไม่ทัน ตอนนี้หลิวเหมยเหมือนดินระเบิด ถ้าโดนไฟหน่อยก็ลุก

 

 

“อาจารย์…โว้ย” เสี่ยวเชี่ยนสบถเสียงเบา

 

 

หมอดูงี่เง่านั่นอีกแล้ว

 

 

“ทำไมอาจารย์ต้องให้หลิวเหมยเลิกกับฟู่กุ้ยด้วย?”

 

 

ถึงจะไม่ได้พูดอย่างชัดเจน แต่ถึงขนาดบอกว่าไม่รู้จะกลับเมื่อไร ขอเป็นตัวสำรอง แบบนี้มันเหมือนฝืนใจตัวเองไม่ใช่เหรอ?

 

 

อวี๋หมิงหลางไม่เข้าใจ ในขณะที่ทุกคนในครอบครัวกำลังมีความสุขกับการที่หลิวเหมยมีความรักที่ดี ทำไมถึงได้มีคนมาทำเสียเรื่องล่ะ?

 

 

“ถึงจะไม่รู้สาเหตุ แต่คงจะเป็นความเชื่องมงายบ้าบอนั่นอีกแล้ว เห็นทีฉันคงต้องไปเยี่ยมลุงใหญ่[1]หน่อยซะแล้ว”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนโมโหจนสบถคำหยาบ

 

 

“ลุงใหญ่หลิวเหมยก็พ่อเรา คุณปล่อยพ่อไปเถอะนะ…” เสี่ยวเฉียงทำตาตี่ นี่เมียเขาโมโหจนเลอะเลือน?

 

 

“รอก่อน เดี๋ยวฉันจะไปจัดการ”

 

 

“คุณขับรถมาที่ไกลแบบนี้ได้เหรอ?” อวี๋หมิงหลางเริ่มเสียใจแล้วที่เมื่อกี้ไม่ได้พาเสี่ยวเชี่ยนมาด้วย เธอเลยต้องมาเอง

 

 

“อย่ามาดูถูก รอฉันอยู่นั่นแหละ”

 

 

 

 

[1] เป็นคำสบถหยาบ เหมือนเอาผู้ใหญ่มาล้อเล่น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+