แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 938 ราชาไม่เจอราชา

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 938 ราชาไม่เจอราชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหมยอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นที่สุด เขาคิดว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะตัวสูง แต่ก็ผอมทีเดียว น่าจะลงมือง่าย!

เขาเล็งหาช่วง แล้วยกกระเป๋าหมายจะฟาดหลิวเหมย จากนั้นก็จะฉวยโอกาสผลักหลิวเหมยออกแล้ววิ่งหนีไป

เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันได้กระพริบตาก็เห็นหลิวเหมยก้มหลบอย่างสบายๆ จากนั้นก็เตะกลับไปหนึ่งที!

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบออกไปยังไม่ทันได้รู้สึกตัว มีคนตัวอ่อนขนาดนี้ด้วยเหรอ?

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า แล้วจิบกาแฟ

“เลือกเล่นงานแชมป์ศิลปะป้องกันตัวระดับประเทศ สมองกลวงหรือเปล่านะ?”

วันนี้หลิวเหมยไม่ใส่กระโปรงเพื่อสะดวกต่อการมาเป็นตัวประกอบ ชุดออกกำลังกายตัวใหญ่ทำให้เธอดูบอบบาง แต่เสี่ยวเชี่ยนเคยทำสปากับหลิวเหมยเลยรู้ว่าพอถอดเสื้อออกหลิวเหมยมีแต่กล้ามหน้าท้องที่เห็นได้ชัด ผู้หญิงที่ออกกำลังกายจนได้ขนาดนี้มีไม่มาก หุ่นของหลิวเหมยคงมาจากการที่เคยฝึกกับคนจริงแล้วรักษาให้เป็นอย่างทุกวันนี้ หุ่นคนที่ออกกำลังกายในฟิตเนสก็ยังสู้ไม่ได้

“ปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อนชัวร์” สืออวี้เสริม

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบจนเบลอ ฉิวฉิวเห็นหลิวเหมยลงมือแล้วเขาจึงถอยไปอยู่ด้านข้าง สองมือกอดอกยืนดูอย่างสนุกสนาน

ท่าทางของฉิวฉิวแอบเท่ห์ ไป๋จิ่นที่เดิมอยากถ่ายหลิวเหมยเผลอเอากล้องเบนไปที่ฉิวฉิว แชะ ฉิวฉิวในกล้องดูหล่อจัง ไป๋จิ่นคิดไว้ว่ารูปนี้ต้องล้างออกมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์…

สายตาผู้ชายคนนั้นเหลือบไปเห็นไป๋จิ่นที่กำลังถือกล้องถ่ายอยู่ เขาพยายามฝืนหิ้วกระเป๋าเอกสารหมายตาจะไปลงมือกับไป๋จิ่น ไป๋จิ่นรู้สึกว่าหน้าคนในกล้องเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เคยฝึกศิลปะป้องกันตัวจึงรู้สึกตัวช้า เธอกำลังจะเสียเปรียบ แต่แล้วใบหน้านั้นก็ถอยห่างออกไป

เอ๊ะ…?

ไป๋จิ่นเอากล้องลง เธอเห็นฉิวฉิวจิกหัวผู้ชายคนนั้นด้วยความโกรธแล้วลากออกไป ยกขายาวๆถีบไปหนึ่งที ฝากรอยเท้ารองเท้าผ้าใบเอาไว้ที่บั้นท้ายผู้ชายคนนั้น

“แกกล้ารังแกผู้หญิงเหรอ?!” แถมยังเป็นลิลลี่น้อยที่น่ารักที่สุดในบรรดาผู้หญิงด้วย!

แบบนี้มันทนไม่ได้

พายุลงฉิวฉิวกระหน่ำซัดเข้าไป

เสี่ยวเชี่ยนมองหลิวเหมยกับฉิวฉิวผลัดกันลงมือ ปากก็ส่งเสียงจึ๊ๆ แถมยังไม่วายพูดถึงคนในบ้านให้สืออวี้ฟัง

“เสี่ยวเฉียงของฉันไม่มีบุญได้ดูละครสนุกๆ เมื่อเช้าฉันถามเขาแล้วว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า น่าเสียดายที่เขาติดประชุม เธอต้องเป็นพยานให้ฉันนะ ไม่ใช่ฉันมีเรื่องสนุกแล้วเก็บไว้ดูคนเดียว เขานั่นแหละที่ไม่ว่าง ต่อไปถ้ากินข้าวด้วยกันแล้วตานี่บ่นเรื่องนี้ไม่เลิกเธอต้องช่วยฉันนะเข้าใจไหม?”

ต่อไป…ยังจะมีต่อไปอีกเหรอ? สืออวี้ดวงตาหม่นลง

ตอนนี้ทุกอย่างมันควรจะเป็นฉากขอบคุณตอนละครจบแล้ว

เธอใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองควบคุมได้ปกป้องมิตรภาพเอาไว้ ไม่ทำให้ประธานเชี่ยนที่ดูแลเธออย่างดีมาตลอดต้องผิดหวัง ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่เกินความจำเป็นอีก

“เสี่ยวเฉียงจอมทึ่มของฉันวันๆชอบหึงไร้สาระ แถมช่วงนี้ยังชอบทำตัวเป็นเด็ก แม้แต่เธอก็ยังจะหึง เอางี้ไหมเดี๋ยวไปเลี้ยงฉลองให้เขาเอาเงินค่าขนมเลี้ยงพวกเราเป็นไง? ปอกลอกให้หมดตัวไปเลย!” เสี่ยวเชี่ยนเสนอไอเดียอย่างตื่นเต้น

เงินค่าขนมของเสี่ยวเฉียงมีอยู่อย่างจำกัด ประธานเชี่ยนที่คราวก่อนแอบถ่ายไม่สำเร็จแถมยังถูกเขาจัดการเธอยังเก็บความแค้นนี้เอาไว้ รอโอกาสที่จะได้เอาคืน

ข้างหน้ามะรุมมะตุ้มกันอย่างสนุกสนาน ส่วนทางนี้เสี่ยวเชี่ยนก็นั่งคุยอย่างสบายอารมณ์ สืออวี้สะอื้นไห้ เรื่องร่วมมือกับเพื่อนทำลายศัตรูเมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้น เธอยังจำมันได้ชัดเจนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

“เราไปกินแกะย่างทั้งตัวกันไหม ไม่ได้ เงินค่าขนมของเขาน่าจะเหลือไม่เยอะแล้ว หรือกินอาหารทะเลดี? กินให้เขาล้มละลายไปเลย—เอ๊ะ? เป็นอะไรไป?”

ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นสืออวี้สะอื้น เหมือนกำลังกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“ประธานเชี่ยน ไม่ต้องหลอกฉันอีกแล้ว ฉันรู้ตัว เมื่อวานเสี่ยวเฉียงร่วมมือกับเธอถึงได้ทำแบบนั้นใช่ไหม? พวกเธอนี่จริงๆเลย…มีคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันที่อยากพูด แต่ฉันขอพูดสั้นๆ ได้รู้จักเธอมันดีมากๆ ฉันอยากให้พวกเรา—” ต่อไปยังจะมีโอกาสได้สนุกด้วยกันแบบนี้อีก

สืออวี้กอดเสี่ยวเชี่ยน คำพูดจุกอยู่ที่คอพูดไม่ออก

“เด็กโง่ มีอะไรต้องเสียใจ อยากพูดอะไรค่อยพูดตอนกินข้าวก็ได้” เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าสืออวี้เป็นห่วงเรื่องที่บ้าน แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาพูดถึง ครั้นแล้วเธอจึงยกมือตบบ่าปลอบใจ

วันเวลาเปลี่ยนแปลงพวกเธอทั้งสองคน แต่ไม่อาจสั่นคลอนมิตรภาพของพวกเธอได้ เวลาเป็นเหมือนมีดแกะสลักที่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ไม่อาจถูกทำลายไปได้ อย่างเช่นมิตรภาพของสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน

สืออวี้ไม่เสียใจเลยสักนิดที่เธอปฏิเสธความโลภในช่วงที่บ้านเธอเกิดปัญหา

เธอไม่ทำผิดต่อตระกูลเธอ และไม่ทำผิดต่อมิตรภาพที่มีค่าของตัวเอง

มิตรภาพนี้เธอไม่มีทางขายมัน เพราะถ้าขายแล้วไม่ใช่แค่ขายประธานเชี่ยน ยังเหมือนได้ทำลายช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองด้วย ความทรงจำอันล้ำค่าที่ให้เท่าไรก็ไม่ยอมขาย เพราะมันไม่อาจประเมินราคาได้ ไม่ทำผิดต่อประธานเชี่ยนก็เท่ากับไม่ทำผิดต่อตัวเอง

บางทีช่วงชีวิตที่เหลือเธออาจจะต้องอยู่อย่างลำบากเพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่ช่วงเวลาดีๆที่เคยได้ใช้กับเพื่อนๆอาจเป็นพลังที่ช่วยให้เธอยืนหยัดได้ต่อไป

แก๊งค์รุมกระทืบยังคงทำงานต่อไป เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองอย่างพอใจพลางถามสืออวี้

“ตอนนี้ในสมองเธอยังมีความคิดแปลกประหลาดอยู่อีกไหม?” เธออยากถามมาตลอดเพื่อคลายข้อสงสัยว่าอาการของสืออวี้เป็นโรคจิตเวชแบบไหนกันแน่ นึกอาการของโรคต่างๆมาก็หลายชนิดแต่ก็ยังไม่มีโรคไหนตรง

“ไม่มีแล้ว หลังจากที่ฉันออกจากบ้านคนแซ่หวางนั่นสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลย”

ไม่มีเสียงประหลาดแบบนั้นแล้ว บวกกับใส่สร้อยข้อมือลูกประคำของประธานเชี่ยนไว้ มันช่วยฉุดเธอให้มีสติขึ้นมาได้ ตอนนี้สืออวี้รู้สึกดีมาก ในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

“งั้นก็ยิ่งประหลาด…หรือจะเป็นอาการอ่อนไหวหลังจากเจอเรื่องร้ายแรง? อันที่จริงตอนนั้นฉันคิดว่าอาการเธอเหมือนถูกคนสะกดจิต มันเหมือนคนที่อยู่ในสภาวะจิตใต้สำนึกสั่งการ แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้เจอคนแปลกๆเลย ไม่ได้ถูกล้างสมองเป็นเวลานานด้วย แล้วเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

ประธานเชี่ยนนวดขมับ ดูเหมือนเธอจะมองข้ามอะไรที่สำคัญไป?

ด้านนอกร้านกาแฟมีรถจอดอยู่คันหนึ่ง ชายชุดขาวใช้กล้องส่องทางไกลแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดในร้าน แล้วก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้

สามหมื่นเท่าของเขาถูกทำลายลงแล้วจริงๆ จึ๊ๆ เฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เด็กอมมือ นี่เธอใช้วิธีอะไรทำลายการสะกดจิตของเขากันแน่นะ?

ผู้หญิงคนนี้แอบน่าสนใจ ดูจากรูปถ่ายก็งั้นๆ แต่บุคลิกตัวจริงองอาจไม่เบา—แถมยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยด้วยหน่อยๆ อ้อ ท่าทางเวลาใช้ความคิดที่ดูสุขุมแต่ก็น่าหมั่นไส้นั่น แอบคล้ายกับสาดตาจานชีเลยไหม?

มู่ฮวาหลีเล่นลูกประคำในมือพลางคิดอย่างจริงจัง

พวกฉิวฉิวในเวลานี้กระทืบผู้ชายคนนั้นจนสภาพดูไม่ได้แล้ว เสี่ยวเชี่ยนล้วงเอามือถือของผู้ชายคนนั้นออกมาแล้วโทรเบอร์ที่ชื่อว่าบอส

“เรียบร้อยหรือยัง?” น้ำเสียงแก่แต่ดุดังลอดออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนคนหยิ่งยโส

“เรียบร้อยแล้ว พวกแกตายอย่างเขียดแน่” เสี่ยวเชี่ยนตอบ

ปลายสายเงียบไปสักพัก “แกเป็นใคร?”

“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คนที่เป็นเจ้าของสมุดโน้ตที่พวกแกอยากได้ไง คนของแกหักหลังแกแล้ว แกถูกพวกเราเล่นงานกลับ รวมถึงเรื่องแกเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว รอวันตายได้เลยตาแก่ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 938 ราชาไม่เจอราชา

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 938 ราชาไม่เจอราชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหมยอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นที่สุด เขาคิดว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะตัวสูง แต่ก็ผอมทีเดียว น่าจะลงมือง่าย!

เขาเล็งหาช่วง แล้วยกกระเป๋าหมายจะฟาดหลิวเหมย จากนั้นก็จะฉวยโอกาสผลักหลิวเหมยออกแล้ววิ่งหนีไป

เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันได้กระพริบตาก็เห็นหลิวเหมยก้มหลบอย่างสบายๆ จากนั้นก็เตะกลับไปหนึ่งที!

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบออกไปยังไม่ทันได้รู้สึกตัว มีคนตัวอ่อนขนาดนี้ด้วยเหรอ?

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า แล้วจิบกาแฟ

“เลือกเล่นงานแชมป์ศิลปะป้องกันตัวระดับประเทศ สมองกลวงหรือเปล่านะ?”

วันนี้หลิวเหมยไม่ใส่กระโปรงเพื่อสะดวกต่อการมาเป็นตัวประกอบ ชุดออกกำลังกายตัวใหญ่ทำให้เธอดูบอบบาง แต่เสี่ยวเชี่ยนเคยทำสปากับหลิวเหมยเลยรู้ว่าพอถอดเสื้อออกหลิวเหมยมีแต่กล้ามหน้าท้องที่เห็นได้ชัด ผู้หญิงที่ออกกำลังกายจนได้ขนาดนี้มีไม่มาก หุ่นของหลิวเหมยคงมาจากการที่เคยฝึกกับคนจริงแล้วรักษาให้เป็นอย่างทุกวันนี้ หุ่นคนที่ออกกำลังกายในฟิตเนสก็ยังสู้ไม่ได้

“ปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อนชัวร์” สืออวี้เสริม

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบจนเบลอ ฉิวฉิวเห็นหลิวเหมยลงมือแล้วเขาจึงถอยไปอยู่ด้านข้าง สองมือกอดอกยืนดูอย่างสนุกสนาน

ท่าทางของฉิวฉิวแอบเท่ห์ ไป๋จิ่นที่เดิมอยากถ่ายหลิวเหมยเผลอเอากล้องเบนไปที่ฉิวฉิว แชะ ฉิวฉิวในกล้องดูหล่อจัง ไป๋จิ่นคิดไว้ว่ารูปนี้ต้องล้างออกมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์…

สายตาผู้ชายคนนั้นเหลือบไปเห็นไป๋จิ่นที่กำลังถือกล้องถ่ายอยู่ เขาพยายามฝืนหิ้วกระเป๋าเอกสารหมายตาจะไปลงมือกับไป๋จิ่น ไป๋จิ่นรู้สึกว่าหน้าคนในกล้องเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เคยฝึกศิลปะป้องกันตัวจึงรู้สึกตัวช้า เธอกำลังจะเสียเปรียบ แต่แล้วใบหน้านั้นก็ถอยห่างออกไป

เอ๊ะ…?

ไป๋จิ่นเอากล้องลง เธอเห็นฉิวฉิวจิกหัวผู้ชายคนนั้นด้วยความโกรธแล้วลากออกไป ยกขายาวๆถีบไปหนึ่งที ฝากรอยเท้ารองเท้าผ้าใบเอาไว้ที่บั้นท้ายผู้ชายคนนั้น

“แกกล้ารังแกผู้หญิงเหรอ?!” แถมยังเป็นลิลลี่น้อยที่น่ารักที่สุดในบรรดาผู้หญิงด้วย!

แบบนี้มันทนไม่ได้

พายุลงฉิวฉิวกระหน่ำซัดเข้าไป

เสี่ยวเชี่ยนมองหลิวเหมยกับฉิวฉิวผลัดกันลงมือ ปากก็ส่งเสียงจึ๊ๆ แถมยังไม่วายพูดถึงคนในบ้านให้สืออวี้ฟัง

“เสี่ยวเฉียงของฉันไม่มีบุญได้ดูละครสนุกๆ เมื่อเช้าฉันถามเขาแล้วว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า น่าเสียดายที่เขาติดประชุม เธอต้องเป็นพยานให้ฉันนะ ไม่ใช่ฉันมีเรื่องสนุกแล้วเก็บไว้ดูคนเดียว เขานั่นแหละที่ไม่ว่าง ต่อไปถ้ากินข้าวด้วยกันแล้วตานี่บ่นเรื่องนี้ไม่เลิกเธอต้องช่วยฉันนะเข้าใจไหม?”

ต่อไป…ยังจะมีต่อไปอีกเหรอ? สืออวี้ดวงตาหม่นลง

ตอนนี้ทุกอย่างมันควรจะเป็นฉากขอบคุณตอนละครจบแล้ว

เธอใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองควบคุมได้ปกป้องมิตรภาพเอาไว้ ไม่ทำให้ประธานเชี่ยนที่ดูแลเธออย่างดีมาตลอดต้องผิดหวัง ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่เกินความจำเป็นอีก

“เสี่ยวเฉียงจอมทึ่มของฉันวันๆชอบหึงไร้สาระ แถมช่วงนี้ยังชอบทำตัวเป็นเด็ก แม้แต่เธอก็ยังจะหึง เอางี้ไหมเดี๋ยวไปเลี้ยงฉลองให้เขาเอาเงินค่าขนมเลี้ยงพวกเราเป็นไง? ปอกลอกให้หมดตัวไปเลย!” เสี่ยวเชี่ยนเสนอไอเดียอย่างตื่นเต้น

เงินค่าขนมของเสี่ยวเฉียงมีอยู่อย่างจำกัด ประธานเชี่ยนที่คราวก่อนแอบถ่ายไม่สำเร็จแถมยังถูกเขาจัดการเธอยังเก็บความแค้นนี้เอาไว้ รอโอกาสที่จะได้เอาคืน

ข้างหน้ามะรุมมะตุ้มกันอย่างสนุกสนาน ส่วนทางนี้เสี่ยวเชี่ยนก็นั่งคุยอย่างสบายอารมณ์ สืออวี้สะอื้นไห้ เรื่องร่วมมือกับเพื่อนทำลายศัตรูเมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้น เธอยังจำมันได้ชัดเจนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

“เราไปกินแกะย่างทั้งตัวกันไหม ไม่ได้ เงินค่าขนมของเขาน่าจะเหลือไม่เยอะแล้ว หรือกินอาหารทะเลดี? กินให้เขาล้มละลายไปเลย—เอ๊ะ? เป็นอะไรไป?”

ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นสืออวี้สะอื้น เหมือนกำลังกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“ประธานเชี่ยน ไม่ต้องหลอกฉันอีกแล้ว ฉันรู้ตัว เมื่อวานเสี่ยวเฉียงร่วมมือกับเธอถึงได้ทำแบบนั้นใช่ไหม? พวกเธอนี่จริงๆเลย…มีคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันที่อยากพูด แต่ฉันขอพูดสั้นๆ ได้รู้จักเธอมันดีมากๆ ฉันอยากให้พวกเรา—” ต่อไปยังจะมีโอกาสได้สนุกด้วยกันแบบนี้อีก

สืออวี้กอดเสี่ยวเชี่ยน คำพูดจุกอยู่ที่คอพูดไม่ออก

“เด็กโง่ มีอะไรต้องเสียใจ อยากพูดอะไรค่อยพูดตอนกินข้าวก็ได้” เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าสืออวี้เป็นห่วงเรื่องที่บ้าน แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาพูดถึง ครั้นแล้วเธอจึงยกมือตบบ่าปลอบใจ

วันเวลาเปลี่ยนแปลงพวกเธอทั้งสองคน แต่ไม่อาจสั่นคลอนมิตรภาพของพวกเธอได้ เวลาเป็นเหมือนมีดแกะสลักที่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ไม่อาจถูกทำลายไปได้ อย่างเช่นมิตรภาพของสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน

สืออวี้ไม่เสียใจเลยสักนิดที่เธอปฏิเสธความโลภในช่วงที่บ้านเธอเกิดปัญหา

เธอไม่ทำผิดต่อตระกูลเธอ และไม่ทำผิดต่อมิตรภาพที่มีค่าของตัวเอง

มิตรภาพนี้เธอไม่มีทางขายมัน เพราะถ้าขายแล้วไม่ใช่แค่ขายประธานเชี่ยน ยังเหมือนได้ทำลายช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองด้วย ความทรงจำอันล้ำค่าที่ให้เท่าไรก็ไม่ยอมขาย เพราะมันไม่อาจประเมินราคาได้ ไม่ทำผิดต่อประธานเชี่ยนก็เท่ากับไม่ทำผิดต่อตัวเอง

บางทีช่วงชีวิตที่เหลือเธออาจจะต้องอยู่อย่างลำบากเพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่ช่วงเวลาดีๆที่เคยได้ใช้กับเพื่อนๆอาจเป็นพลังที่ช่วยให้เธอยืนหยัดได้ต่อไป

แก๊งค์รุมกระทืบยังคงทำงานต่อไป เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองอย่างพอใจพลางถามสืออวี้

“ตอนนี้ในสมองเธอยังมีความคิดแปลกประหลาดอยู่อีกไหม?” เธออยากถามมาตลอดเพื่อคลายข้อสงสัยว่าอาการของสืออวี้เป็นโรคจิตเวชแบบไหนกันแน่ นึกอาการของโรคต่างๆมาก็หลายชนิดแต่ก็ยังไม่มีโรคไหนตรง

“ไม่มีแล้ว หลังจากที่ฉันออกจากบ้านคนแซ่หวางนั่นสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลย”

ไม่มีเสียงประหลาดแบบนั้นแล้ว บวกกับใส่สร้อยข้อมือลูกประคำของประธานเชี่ยนไว้ มันช่วยฉุดเธอให้มีสติขึ้นมาได้ ตอนนี้สืออวี้รู้สึกดีมาก ในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

“งั้นก็ยิ่งประหลาด…หรือจะเป็นอาการอ่อนไหวหลังจากเจอเรื่องร้ายแรง? อันที่จริงตอนนั้นฉันคิดว่าอาการเธอเหมือนถูกคนสะกดจิต มันเหมือนคนที่อยู่ในสภาวะจิตใต้สำนึกสั่งการ แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้เจอคนแปลกๆเลย ไม่ได้ถูกล้างสมองเป็นเวลานานด้วย แล้วเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

ประธานเชี่ยนนวดขมับ ดูเหมือนเธอจะมองข้ามอะไรที่สำคัญไป?

ด้านนอกร้านกาแฟมีรถจอดอยู่คันหนึ่ง ชายชุดขาวใช้กล้องส่องทางไกลแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดในร้าน แล้วก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้

สามหมื่นเท่าของเขาถูกทำลายลงแล้วจริงๆ จึ๊ๆ เฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เด็กอมมือ นี่เธอใช้วิธีอะไรทำลายการสะกดจิตของเขากันแน่นะ?

ผู้หญิงคนนี้แอบน่าสนใจ ดูจากรูปถ่ายก็งั้นๆ แต่บุคลิกตัวจริงองอาจไม่เบา—แถมยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยด้วยหน่อยๆ อ้อ ท่าทางเวลาใช้ความคิดที่ดูสุขุมแต่ก็น่าหมั่นไส้นั่น แอบคล้ายกับสาดตาจานชีเลยไหม?

มู่ฮวาหลีเล่นลูกประคำในมือพลางคิดอย่างจริงจัง

พวกฉิวฉิวในเวลานี้กระทืบผู้ชายคนนั้นจนสภาพดูไม่ได้แล้ว เสี่ยวเชี่ยนล้วงเอามือถือของผู้ชายคนนั้นออกมาแล้วโทรเบอร์ที่ชื่อว่าบอส

“เรียบร้อยหรือยัง?” น้ำเสียงแก่แต่ดุดังลอดออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนคนหยิ่งยโส

“เรียบร้อยแล้ว พวกแกตายอย่างเขียดแน่” เสี่ยวเชี่ยนตอบ

ปลายสายเงียบไปสักพัก “แกเป็นใคร?”

“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คนที่เป็นเจ้าของสมุดโน้ตที่พวกแกอยากได้ไง คนของแกหักหลังแกแล้ว แกถูกพวกเราเล่นงานกลับ รวมถึงเรื่องแกเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว รอวันตายได้เลยตาแก่ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 938 ราชาไม่เจอราชา

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 938 ราชาไม่เจอราชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหมยอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นที่สุด เขาคิดว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะตัวสูง แต่ก็ผอมทีเดียว น่าจะลงมือง่าย!

เขาเล็งหาช่วง แล้วยกกระเป๋าหมายจะฟาดหลิวเหมย จากนั้นก็จะฉวยโอกาสผลักหลิวเหมยออกแล้ววิ่งหนีไป

เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันได้กระพริบตาก็เห็นหลิวเหมยก้มหลบอย่างสบายๆ จากนั้นก็เตะกลับไปหนึ่งที!

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบออกไปยังไม่ทันได้รู้สึกตัว มีคนตัวอ่อนขนาดนี้ด้วยเหรอ?

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า แล้วจิบกาแฟ

“เลือกเล่นงานแชมป์ศิลปะป้องกันตัวระดับประเทศ สมองกลวงหรือเปล่านะ?”

วันนี้หลิวเหมยไม่ใส่กระโปรงเพื่อสะดวกต่อการมาเป็นตัวประกอบ ชุดออกกำลังกายตัวใหญ่ทำให้เธอดูบอบบาง แต่เสี่ยวเชี่ยนเคยทำสปากับหลิวเหมยเลยรู้ว่าพอถอดเสื้อออกหลิวเหมยมีแต่กล้ามหน้าท้องที่เห็นได้ชัด ผู้หญิงที่ออกกำลังกายจนได้ขนาดนี้มีไม่มาก หุ่นของหลิวเหมยคงมาจากการที่เคยฝึกกับคนจริงแล้วรักษาให้เป็นอย่างทุกวันนี้ หุ่นคนที่ออกกำลังกายในฟิตเนสก็ยังสู้ไม่ได้

“ปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อนชัวร์” สืออวี้เสริม

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบจนเบลอ ฉิวฉิวเห็นหลิวเหมยลงมือแล้วเขาจึงถอยไปอยู่ด้านข้าง สองมือกอดอกยืนดูอย่างสนุกสนาน

ท่าทางของฉิวฉิวแอบเท่ห์ ไป๋จิ่นที่เดิมอยากถ่ายหลิวเหมยเผลอเอากล้องเบนไปที่ฉิวฉิว แชะ ฉิวฉิวในกล้องดูหล่อจัง ไป๋จิ่นคิดไว้ว่ารูปนี้ต้องล้างออกมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์…

สายตาผู้ชายคนนั้นเหลือบไปเห็นไป๋จิ่นที่กำลังถือกล้องถ่ายอยู่ เขาพยายามฝืนหิ้วกระเป๋าเอกสารหมายตาจะไปลงมือกับไป๋จิ่น ไป๋จิ่นรู้สึกว่าหน้าคนในกล้องเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เคยฝึกศิลปะป้องกันตัวจึงรู้สึกตัวช้า เธอกำลังจะเสียเปรียบ แต่แล้วใบหน้านั้นก็ถอยห่างออกไป

เอ๊ะ…?

ไป๋จิ่นเอากล้องลง เธอเห็นฉิวฉิวจิกหัวผู้ชายคนนั้นด้วยความโกรธแล้วลากออกไป ยกขายาวๆถีบไปหนึ่งที ฝากรอยเท้ารองเท้าผ้าใบเอาไว้ที่บั้นท้ายผู้ชายคนนั้น

“แกกล้ารังแกผู้หญิงเหรอ?!” แถมยังเป็นลิลลี่น้อยที่น่ารักที่สุดในบรรดาผู้หญิงด้วย!

แบบนี้มันทนไม่ได้

พายุลงฉิวฉิวกระหน่ำซัดเข้าไป

เสี่ยวเชี่ยนมองหลิวเหมยกับฉิวฉิวผลัดกันลงมือ ปากก็ส่งเสียงจึ๊ๆ แถมยังไม่วายพูดถึงคนในบ้านให้สืออวี้ฟัง

“เสี่ยวเฉียงของฉันไม่มีบุญได้ดูละครสนุกๆ เมื่อเช้าฉันถามเขาแล้วว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า น่าเสียดายที่เขาติดประชุม เธอต้องเป็นพยานให้ฉันนะ ไม่ใช่ฉันมีเรื่องสนุกแล้วเก็บไว้ดูคนเดียว เขานั่นแหละที่ไม่ว่าง ต่อไปถ้ากินข้าวด้วยกันแล้วตานี่บ่นเรื่องนี้ไม่เลิกเธอต้องช่วยฉันนะเข้าใจไหม?”

ต่อไป…ยังจะมีต่อไปอีกเหรอ? สืออวี้ดวงตาหม่นลง

ตอนนี้ทุกอย่างมันควรจะเป็นฉากขอบคุณตอนละครจบแล้ว

เธอใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองควบคุมได้ปกป้องมิตรภาพเอาไว้ ไม่ทำให้ประธานเชี่ยนที่ดูแลเธออย่างดีมาตลอดต้องผิดหวัง ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่เกินความจำเป็นอีก

“เสี่ยวเฉียงจอมทึ่มของฉันวันๆชอบหึงไร้สาระ แถมช่วงนี้ยังชอบทำตัวเป็นเด็ก แม้แต่เธอก็ยังจะหึง เอางี้ไหมเดี๋ยวไปเลี้ยงฉลองให้เขาเอาเงินค่าขนมเลี้ยงพวกเราเป็นไง? ปอกลอกให้หมดตัวไปเลย!” เสี่ยวเชี่ยนเสนอไอเดียอย่างตื่นเต้น

เงินค่าขนมของเสี่ยวเฉียงมีอยู่อย่างจำกัด ประธานเชี่ยนที่คราวก่อนแอบถ่ายไม่สำเร็จแถมยังถูกเขาจัดการเธอยังเก็บความแค้นนี้เอาไว้ รอโอกาสที่จะได้เอาคืน

ข้างหน้ามะรุมมะตุ้มกันอย่างสนุกสนาน ส่วนทางนี้เสี่ยวเชี่ยนก็นั่งคุยอย่างสบายอารมณ์ สืออวี้สะอื้นไห้ เรื่องร่วมมือกับเพื่อนทำลายศัตรูเมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้น เธอยังจำมันได้ชัดเจนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

“เราไปกินแกะย่างทั้งตัวกันไหม ไม่ได้ เงินค่าขนมของเขาน่าจะเหลือไม่เยอะแล้ว หรือกินอาหารทะเลดี? กินให้เขาล้มละลายไปเลย—เอ๊ะ? เป็นอะไรไป?”

ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นสืออวี้สะอื้น เหมือนกำลังกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“ประธานเชี่ยน ไม่ต้องหลอกฉันอีกแล้ว ฉันรู้ตัว เมื่อวานเสี่ยวเฉียงร่วมมือกับเธอถึงได้ทำแบบนั้นใช่ไหม? พวกเธอนี่จริงๆเลย…มีคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันที่อยากพูด แต่ฉันขอพูดสั้นๆ ได้รู้จักเธอมันดีมากๆ ฉันอยากให้พวกเรา—” ต่อไปยังจะมีโอกาสได้สนุกด้วยกันแบบนี้อีก

สืออวี้กอดเสี่ยวเชี่ยน คำพูดจุกอยู่ที่คอพูดไม่ออก

“เด็กโง่ มีอะไรต้องเสียใจ อยากพูดอะไรค่อยพูดตอนกินข้าวก็ได้” เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าสืออวี้เป็นห่วงเรื่องที่บ้าน แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาพูดถึง ครั้นแล้วเธอจึงยกมือตบบ่าปลอบใจ

วันเวลาเปลี่ยนแปลงพวกเธอทั้งสองคน แต่ไม่อาจสั่นคลอนมิตรภาพของพวกเธอได้ เวลาเป็นเหมือนมีดแกะสลักที่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ไม่อาจถูกทำลายไปได้ อย่างเช่นมิตรภาพของสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน

สืออวี้ไม่เสียใจเลยสักนิดที่เธอปฏิเสธความโลภในช่วงที่บ้านเธอเกิดปัญหา

เธอไม่ทำผิดต่อตระกูลเธอ และไม่ทำผิดต่อมิตรภาพที่มีค่าของตัวเอง

มิตรภาพนี้เธอไม่มีทางขายมัน เพราะถ้าขายแล้วไม่ใช่แค่ขายประธานเชี่ยน ยังเหมือนได้ทำลายช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองด้วย ความทรงจำอันล้ำค่าที่ให้เท่าไรก็ไม่ยอมขาย เพราะมันไม่อาจประเมินราคาได้ ไม่ทำผิดต่อประธานเชี่ยนก็เท่ากับไม่ทำผิดต่อตัวเอง

บางทีช่วงชีวิตที่เหลือเธออาจจะต้องอยู่อย่างลำบากเพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่ช่วงเวลาดีๆที่เคยได้ใช้กับเพื่อนๆอาจเป็นพลังที่ช่วยให้เธอยืนหยัดได้ต่อไป

แก๊งค์รุมกระทืบยังคงทำงานต่อไป เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองอย่างพอใจพลางถามสืออวี้

“ตอนนี้ในสมองเธอยังมีความคิดแปลกประหลาดอยู่อีกไหม?” เธออยากถามมาตลอดเพื่อคลายข้อสงสัยว่าอาการของสืออวี้เป็นโรคจิตเวชแบบไหนกันแน่ นึกอาการของโรคต่างๆมาก็หลายชนิดแต่ก็ยังไม่มีโรคไหนตรง

“ไม่มีแล้ว หลังจากที่ฉันออกจากบ้านคนแซ่หวางนั่นสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลย”

ไม่มีเสียงประหลาดแบบนั้นแล้ว บวกกับใส่สร้อยข้อมือลูกประคำของประธานเชี่ยนไว้ มันช่วยฉุดเธอให้มีสติขึ้นมาได้ ตอนนี้สืออวี้รู้สึกดีมาก ในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

“งั้นก็ยิ่งประหลาด…หรือจะเป็นอาการอ่อนไหวหลังจากเจอเรื่องร้ายแรง? อันที่จริงตอนนั้นฉันคิดว่าอาการเธอเหมือนถูกคนสะกดจิต มันเหมือนคนที่อยู่ในสภาวะจิตใต้สำนึกสั่งการ แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้เจอคนแปลกๆเลย ไม่ได้ถูกล้างสมองเป็นเวลานานด้วย แล้วเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

ประธานเชี่ยนนวดขมับ ดูเหมือนเธอจะมองข้ามอะไรที่สำคัญไป?

ด้านนอกร้านกาแฟมีรถจอดอยู่คันหนึ่ง ชายชุดขาวใช้กล้องส่องทางไกลแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดในร้าน แล้วก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้

สามหมื่นเท่าของเขาถูกทำลายลงแล้วจริงๆ จึ๊ๆ เฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เด็กอมมือ นี่เธอใช้วิธีอะไรทำลายการสะกดจิตของเขากันแน่นะ?

ผู้หญิงคนนี้แอบน่าสนใจ ดูจากรูปถ่ายก็งั้นๆ แต่บุคลิกตัวจริงองอาจไม่เบา—แถมยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยด้วยหน่อยๆ อ้อ ท่าทางเวลาใช้ความคิดที่ดูสุขุมแต่ก็น่าหมั่นไส้นั่น แอบคล้ายกับสาดตาจานชีเลยไหม?

มู่ฮวาหลีเล่นลูกประคำในมือพลางคิดอย่างจริงจัง

พวกฉิวฉิวในเวลานี้กระทืบผู้ชายคนนั้นจนสภาพดูไม่ได้แล้ว เสี่ยวเชี่ยนล้วงเอามือถือของผู้ชายคนนั้นออกมาแล้วโทรเบอร์ที่ชื่อว่าบอส

“เรียบร้อยหรือยัง?” น้ำเสียงแก่แต่ดุดังลอดออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนคนหยิ่งยโส

“เรียบร้อยแล้ว พวกแกตายอย่างเขียดแน่” เสี่ยวเชี่ยนตอบ

ปลายสายเงียบไปสักพัก “แกเป็นใคร?”

“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คนที่เป็นเจ้าของสมุดโน้ตที่พวกแกอยากได้ไง คนของแกหักหลังแกแล้ว แกถูกพวกเราเล่นงานกลับ รวมถึงเรื่องแกเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว รอวันตายได้เลยตาแก่ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย 938 ราชาไม่เจอราชา

Now you are reading แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย Chapter 938 ราชาไม่เจอราชา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิวเหมยอยู่ใกล้ผู้ชายคนนั้นที่สุด เขาคิดว่าถึงผู้หญิงคนนี้จะตัวสูง แต่ก็ผอมทีเดียว น่าจะลงมือง่าย!

เขาเล็งหาช่วง แล้วยกกระเป๋าหมายจะฟาดหลิวเหมย จากนั้นก็จะฉวยโอกาสผลักหลิวเหมยออกแล้ววิ่งหนีไป

เสี่ยวเชี่ยนยังไม่ทันได้กระพริบตาก็เห็นหลิวเหมยก้มหลบอย่างสบายๆ จากนั้นก็เตะกลับไปหนึ่งที!

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบออกไปยังไม่ทันได้รู้สึกตัว มีคนตัวอ่อนขนาดนี้ด้วยเหรอ?

เสี่ยวเชี่ยนส่ายหน้า แล้วจิบกาแฟ

“เลือกเล่นงานแชมป์ศิลปะป้องกันตัวระดับประเทศ สมองกลวงหรือเปล่านะ?”

วันนี้หลิวเหมยไม่ใส่กระโปรงเพื่อสะดวกต่อการมาเป็นตัวประกอบ ชุดออกกำลังกายตัวใหญ่ทำให้เธอดูบอบบาง แต่เสี่ยวเชี่ยนเคยทำสปากับหลิวเหมยเลยรู้ว่าพอถอดเสื้อออกหลิวเหมยมีแต่กล้ามหน้าท้องที่เห็นได้ชัด ผู้หญิงที่ออกกำลังกายจนได้ขนาดนี้มีไม่มาก หุ่นของหลิวเหมยคงมาจากการที่เคยฝึกกับคนจริงแล้วรักษาให้เป็นอย่างทุกวันนี้ หุ่นคนที่ออกกำลังกายในฟิตเนสก็ยังสู้ไม่ได้

“ปัญญาอ่อน ปัญญาอ่อนชัวร์” สืออวี้เสริม

ผู้ชายคนนั้นถูกถีบจนเบลอ ฉิวฉิวเห็นหลิวเหมยลงมือแล้วเขาจึงถอยไปอยู่ด้านข้าง สองมือกอดอกยืนดูอย่างสนุกสนาน

ท่าทางของฉิวฉิวแอบเท่ห์ ไป๋จิ่นที่เดิมอยากถ่ายหลิวเหมยเผลอเอากล้องเบนไปที่ฉิวฉิว แชะ ฉิวฉิวในกล้องดูหล่อจัง ไป๋จิ่นคิดไว้ว่ารูปนี้ต้องล้างออกมาแล้วใส่ไว้ในกระเป๋าตังค์…

สายตาผู้ชายคนนั้นเหลือบไปเห็นไป๋จิ่นที่กำลังถือกล้องถ่ายอยู่ เขาพยายามฝืนหิ้วกระเป๋าเอกสารหมายตาจะไปลงมือกับไป๋จิ่น ไป๋จิ่นรู้สึกว่าหน้าคนในกล้องเข้าใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ เธอไม่เคยฝึกศิลปะป้องกันตัวจึงรู้สึกตัวช้า เธอกำลังจะเสียเปรียบ แต่แล้วใบหน้านั้นก็ถอยห่างออกไป

เอ๊ะ…?

ไป๋จิ่นเอากล้องลง เธอเห็นฉิวฉิวจิกหัวผู้ชายคนนั้นด้วยความโกรธแล้วลากออกไป ยกขายาวๆถีบไปหนึ่งที ฝากรอยเท้ารองเท้าผ้าใบเอาไว้ที่บั้นท้ายผู้ชายคนนั้น

“แกกล้ารังแกผู้หญิงเหรอ?!” แถมยังเป็นลิลลี่น้อยที่น่ารักที่สุดในบรรดาผู้หญิงด้วย!

แบบนี้มันทนไม่ได้

พายุลงฉิวฉิวกระหน่ำซัดเข้าไป

เสี่ยวเชี่ยนมองหลิวเหมยกับฉิวฉิวผลัดกันลงมือ ปากก็ส่งเสียงจึ๊ๆ แถมยังไม่วายพูดถึงคนในบ้านให้สืออวี้ฟัง

“เสี่ยวเฉียงของฉันไม่มีบุญได้ดูละครสนุกๆ เมื่อเช้าฉันถามเขาแล้วว่าวันนี้ว่างหรือเปล่า น่าเสียดายที่เขาติดประชุม เธอต้องเป็นพยานให้ฉันนะ ไม่ใช่ฉันมีเรื่องสนุกแล้วเก็บไว้ดูคนเดียว เขานั่นแหละที่ไม่ว่าง ต่อไปถ้ากินข้าวด้วยกันแล้วตานี่บ่นเรื่องนี้ไม่เลิกเธอต้องช่วยฉันนะเข้าใจไหม?”

ต่อไป…ยังจะมีต่อไปอีกเหรอ? สืออวี้ดวงตาหม่นลง

ตอนนี้ทุกอย่างมันควรจะเป็นฉากขอบคุณตอนละครจบแล้ว

เธอใช้พลังทั้งหมดที่ตัวเองควบคุมได้ปกป้องมิตรภาพเอาไว้ ไม่ทำให้ประธานเชี่ยนที่ดูแลเธออย่างดีมาตลอดต้องผิดหวัง ทั้งหมดนี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรที่เกินความจำเป็นอีก

“เสี่ยวเฉียงจอมทึ่มของฉันวันๆชอบหึงไร้สาระ แถมช่วงนี้ยังชอบทำตัวเป็นเด็ก แม้แต่เธอก็ยังจะหึง เอางี้ไหมเดี๋ยวไปเลี้ยงฉลองให้เขาเอาเงินค่าขนมเลี้ยงพวกเราเป็นไง? ปอกลอกให้หมดตัวไปเลย!” เสี่ยวเชี่ยนเสนอไอเดียอย่างตื่นเต้น

เงินค่าขนมของเสี่ยวเฉียงมีอยู่อย่างจำกัด ประธานเชี่ยนที่คราวก่อนแอบถ่ายไม่สำเร็จแถมยังถูกเขาจัดการเธอยังเก็บความแค้นนี้เอาไว้ รอโอกาสที่จะได้เอาคืน

ข้างหน้ามะรุมมะตุ้มกันอย่างสนุกสนาน ส่วนทางนี้เสี่ยวเชี่ยนก็นั่งคุยอย่างสบายอารมณ์ สืออวี้สะอื้นไห้ เรื่องร่วมมือกับเพื่อนทำลายศัตรูเมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้น เธอยังจำมันได้ชัดเจนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว

“เราไปกินแกะย่างทั้งตัวกันไหม ไม่ได้ เงินค่าขนมของเขาน่าจะเหลือไม่เยอะแล้ว หรือกินอาหารทะเลดี? กินให้เขาล้มละลายไปเลย—เอ๊ะ? เป็นอะไรไป?”

ในที่สุดเสี่ยวเชี่ยนก็เห็นสืออวี้สะอื้น เหมือนกำลังกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้

“ประธานเชี่ยน ไม่ต้องหลอกฉันอีกแล้ว ฉันรู้ตัว เมื่อวานเสี่ยวเฉียงร่วมมือกับเธอถึงได้ทำแบบนั้นใช่ไหม? พวกเธอนี่จริงๆเลย…มีคำพูดเป็นหมื่นเป็นพันที่อยากพูด แต่ฉันขอพูดสั้นๆ ได้รู้จักเธอมันดีมากๆ ฉันอยากให้พวกเรา—” ต่อไปยังจะมีโอกาสได้สนุกด้วยกันแบบนี้อีก

สืออวี้กอดเสี่ยวเชี่ยน คำพูดจุกอยู่ที่คอพูดไม่ออก

“เด็กโง่ มีอะไรต้องเสียใจ อยากพูดอะไรค่อยพูดตอนกินข้าวก็ได้” เสี่ยวเชี่ยนรู้ว่าสืออวี้เป็นห่วงเรื่องที่บ้าน แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาพูดถึง ครั้นแล้วเธอจึงยกมือตบบ่าปลอบใจ

วันเวลาเปลี่ยนแปลงพวกเธอทั้งสองคน แต่ไม่อาจสั่นคลอนมิตรภาพของพวกเธอได้ เวลาเป็นเหมือนมีดแกะสลักที่เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆมากมาย แต่ก็มีสิ่งที่ไม่อาจถูกทำลายไปได้ อย่างเช่นมิตรภาพของสืออวี้กับเสี่ยวเชี่ยน

สืออวี้ไม่เสียใจเลยสักนิดที่เธอปฏิเสธความโลภในช่วงที่บ้านเธอเกิดปัญหา

เธอไม่ทำผิดต่อตระกูลเธอ และไม่ทำผิดต่อมิตรภาพที่มีค่าของตัวเอง

มิตรภาพนี้เธอไม่มีทางขายมัน เพราะถ้าขายแล้วไม่ใช่แค่ขายประธานเชี่ยน ยังเหมือนได้ทำลายช่วงเวลาที่ดีที่สุดของตัวเองด้วย ความทรงจำอันล้ำค่าที่ให้เท่าไรก็ไม่ยอมขาย เพราะมันไม่อาจประเมินราคาได้ ไม่ทำผิดต่อประธานเชี่ยนก็เท่ากับไม่ทำผิดต่อตัวเอง

บางทีช่วงชีวิตที่เหลือเธออาจจะต้องอยู่อย่างลำบากเพื่อหาเงินใช้หนี้ แต่ช่วงเวลาดีๆที่เคยได้ใช้กับเพื่อนๆอาจเป็นพลังที่ช่วยให้เธอยืนหยัดได้ต่อไป

แก๊งค์รุมกระทืบยังคงทำงานต่อไป เสี่ยวเชี่ยนนั่งมองอย่างพอใจพลางถามสืออวี้

“ตอนนี้ในสมองเธอยังมีความคิดแปลกประหลาดอยู่อีกไหม?” เธออยากถามมาตลอดเพื่อคลายข้อสงสัยว่าอาการของสืออวี้เป็นโรคจิตเวชแบบไหนกันแน่ นึกอาการของโรคต่างๆมาก็หลายชนิดแต่ก็ยังไม่มีโรคไหนตรง

“ไม่มีแล้ว หลังจากที่ฉันออกจากบ้านคนแซ่หวางนั่นสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นเยอะเลย”

ไม่มีเสียงประหลาดแบบนั้นแล้ว บวกกับใส่สร้อยข้อมือลูกประคำของประธานเชี่ยนไว้ มันช่วยฉุดเธอให้มีสติขึ้นมาได้ ตอนนี้สืออวี้รู้สึกดีมาก ในที่สุดก็กลับมาเป็นปกติแล้ว

“งั้นก็ยิ่งประหลาด…หรือจะเป็นอาการอ่อนไหวหลังจากเจอเรื่องร้ายแรง? อันที่จริงตอนนั้นฉันคิดว่าอาการเธอเหมือนถูกคนสะกดจิต มันเหมือนคนที่อยู่ในสภาวะจิตใต้สำนึกสั่งการ แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้เจอคนแปลกๆเลย ไม่ได้ถูกล้างสมองเป็นเวลานานด้วย แล้วเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

ประธานเชี่ยนนวดขมับ ดูเหมือนเธอจะมองข้ามอะไรที่สำคัญไป?

ด้านนอกร้านกาแฟมีรถจอดอยู่คันหนึ่ง ชายชุดขาวใช้กล้องส่องทางไกลแอบมองเหตุการณ์ที่เกิดในร้าน แล้วก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้

สามหมื่นเท่าของเขาถูกทำลายลงแล้วจริงๆ จึ๊ๆ เฉินเสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เด็กอมมือ นี่เธอใช้วิธีอะไรทำลายการสะกดจิตของเขากันแน่นะ?

ผู้หญิงคนนี้แอบน่าสนใจ ดูจากรูปถ่ายก็งั้นๆ แต่บุคลิกตัวจริงองอาจไม่เบา—แถมยังให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยด้วยหน่อยๆ อ้อ ท่าทางเวลาใช้ความคิดที่ดูสุขุมแต่ก็น่าหมั่นไส้นั่น แอบคล้ายกับสาดตาจานชีเลยไหม?

มู่ฮวาหลีเล่นลูกประคำในมือพลางคิดอย่างจริงจัง

พวกฉิวฉิวในเวลานี้กระทืบผู้ชายคนนั้นจนสภาพดูไม่ได้แล้ว เสี่ยวเชี่ยนล้วงเอามือถือของผู้ชายคนนั้นออกมาแล้วโทรเบอร์ที่ชื่อว่าบอส

“เรียบร้อยหรือยัง?” น้ำเสียงแก่แต่ดุดังลอดออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนคนหยิ่งยโส

“เรียบร้อยแล้ว พวกแกตายอย่างเขียดแน่” เสี่ยวเชี่ยนตอบ

ปลายสายเงียบไปสักพัก “แกเป็นใคร?”

“เฉินเสี่ยวเชี่ยน คนที่เป็นเจ้าของสมุดโน้ตที่พวกแกอยากได้ไง คนของแกหักหลังแกแล้ว แกถูกพวกเราเล่นงานกลับ รวมถึงเรื่องแกเป็นใคร อยู่ที่ไหน ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว รอวันตายได้เลยตาแก่ ฉันไม่ปล่อยแกไว้แน่”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+