[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 101 อวี้เอ๋อร์คนโหด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 101 อวี้เอ๋อร์คนโหด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ปี๊น!” รถจี๊ปคันที่เคยชนปอร์เช่ 911 คันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านกัวไฮว่ หลี่เย่ากลับมาแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว

        “เจ้าสอง ที่นี่ไม่เลวเลยนะ เจ้าสี่ซื้อบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” หลี่เย่ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับถามยิ้มๆ

        “ปู่มันทิ้งไว้ให้มันน่ะ มันเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานนี่เอง” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “ไปกันเถอะ พี่ไม่อยู่เดือนนี้เจ้าสี่ได้หน้าในเมืองอู่เฉิงไปไม่น้อยเลย ตอนนี้สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงเปลี่ยนเป็นสามตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าสี่มันเป็นดาวเด่นเมืองอู่เฉิงไปแล้ว”

        “ให้ตาย จริงหรือเปล่าเนี่ย เมื่อก่อนพวกเราถูกเรียกว่าสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ไม่ใช่เพราะอยู่ทำเรื่องบ้าๆ กับหมอนี่หรือไง” หลี่เย่าพูดเสียงดัง “หรือว่าเจ้าสี่จะพบกับบุคคลชั้นสูงจริงๆ ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”

        “พี่ใหญ่ ไปเถอะ ถึงหน้าประตูแล้ว พี่ไปแล้วก็จะรู้เอง ระหว่างนี้ก็เล่ามาด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นที่อเมริกากันแน่ ผมได้ยินมาว่าพี่หนีตายมา” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ พลางก้าวไปยังประตูใหญ่หนึ่งก้าว “เจ้าสี่ เปิดประตู เที่ยงแล้วยังจะปิดประตูทำไมอีก รีบเปิดประตูเร็ว ฉันกับพี่ใหญ่มาหาแก”

        “ให้ตาย ทำไมวันนี้ตาขวาฉันกระตุกเนี่ย สงสัยเหล้าฉันจะต้องน้อยลงอีกแน่เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้ววาดมือในอากาศ จากนั้นประตูใหญ่คฤหาสน์ก็เปิดออก หลี่เย่าผู้สูงเกือบสองเมตรกับเจ้าอ้วนเจี่ยหยวนยืนอยู่หน้าประตู ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่เข้ากัน

        “ให้ตาย เจ้าสี่ แกได้เด็กนี่มาจากไหนเหรอ ขอพี่ยืมไปควงสองสามวันได้ไหม ถ้ามีเงื่อนไขแกตั้งเองเลย” ในขณะที่หลี่เย่าเปิดประตูใหญ่เข้ามา สายตาเขาก็ตกไปอยู่บนร่างของอวี้เอ๋อร์ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยเสียงดัง

        “พี่เย่าใช่ไหมคะ ฉันเป็นเมียของกัวไฮว่ พี่มาหยอกน้องสะใภ้ตัวเองแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องโดนสามมีดหกรู[1]แน่ มีดเล่มนี้ไม่เลวเลยนะ พี่จะแทงเองหรือจะให้ฉันแทงให้ดีล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองหลี่เย่าพร้อมกับพูดยิ้มๆ เพียงแค่กวัดแกว่งมีดสั้นในมือไม้จันทน์สูงเกือบหนึ่งเมตรก็ถูกหักออกเป็นท่อน ทำเอาหลี่เย่ามีเหงื่อผุดอยู่บริเวณหน้าผาก

        “อะแฮ่มๆๆ น้องสะใภ้ เข้าใจผิด เข้าใจผิดกันแน่เลย” หลี่เย่าพูดขึ้นพร้อมกับมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ถึงเขาจะไม่รู้ว่ามีดสั้นเล่มนั้นจะเป็นของดีมาจากไหน ทว่าแค่ท่าที่อวี้เอ๋อร์โบกมีดเมื่อสักครู่ เป็นเขาเขาคงทำไม่ได้แน่ ราชาทหาร ถ้าสู้ชนะคนอื่นผู้คนก็จะเรียกว่าราชาทหารหลี่เย่า แต่ถ้าสู้ไม่ชนะ คนอื่นเขาก็ไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเป็นราชาทหารหรือราชาโจร

        “พี่หยวน พี่ไม่ได้จะมาแซวฉันกับพี่เย่าเหรอ ช่วงนี้พี่อยากจะลดน้ำหนักหรือเปล่า มีดฉันคมมากเลยนะ ถ้าช่วยเอาไขมันออกให้พี่คงไม่มีปัญหาอะไร” ขณะที่พูด มีดสั้นในมืออวี้เอ๋อร์ก็บินลอยไปปีกเข้าบนกำแพงตรงประตูหน้า เจี่ยหยวนตกใจจนสองขาสั่นฉี่ราดกางเกง

        “น้องอวี้เอ๋อร์ ใจเย็นนะ เรื่องนี้พี่ผิดเอง ใจเย็น ช่วงนี้พี่ยุ่งเรื่องตกแต่งห้องให้เจ้าสี่จนเบลอ น้องอวี้เอ๋อร์ กระบี่ไม่มีตานะ ใจเย็นก่อน ใจเย็น” เจี่ยหยวนพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

        “พอได้แล้วอวี้เอ๋อร์ อย่าไปทำให้พวกพี่ๆ ตกใจเลย เข้ามาพักผ่อนด้วยกันสิ” กัวไฮว่พูดพลางจูงอวี้เอ๋อร์เข้าไปในห้องรับแขก

        “เจ้าสอง เมียเจ้าสี่เก่งขนาดนี้ หามาจากไหนวะ” หลี่เย่าถามขึ้นเบาๆ พลางเช็ดเหงื่อที่ผุดอยู่บนหน้าผาก

        “ผมก็ไม่รู้พี่ เหมือนว่าจะเป็นนักเรียนฟู่จง เป็นทายาทตระกูลใหญ่ในอเมริกา เป็นศิษย์น้องของเจ้าสี่มัน ใครจะไปรู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ทางที่ดีพี่อย่าไปหาเรื่องเธอนะ ผมเห็นฝีมือเธอเมื่อกี้แล้วผมกลัวเลย เธอกับเจ้าสี่น่าจะเป็นศิษย์ของบุคคลชั้นสูงนะ” เจี่ยหยวนพูดเบาๆ

        อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ในห้องได้ยินอย่างชัดเจนก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา

        “พี่เย่า พี่ดูของนี่สิ เป็นไม้การบูรจื่อจิน ของพรรค์นี้ในเมืองอู่เฉิงไม่มีเลยเถอะ แต่เจ้าสี่กลับหามาได้เยอะขนาดนี้” สายตาของเจี่ยหยวนตกไปอยู่ที่ไม้จันทน์จื่อจินที่ถูกอวี้เอ๋อร์หักออกท่อนนั้นพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “ทางนู้นคือไม้หวงฮวาหลี เหมือนว่าจะเป็นวัสดุเก่าแก่นมนาน ของแบบนี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้หรอก หรือว่าเจ้าสี่จะถูกบุคคลชั้นสูงรับเป็นศิษย์จริงๆ” หลี่เย่าพูดเบาๆ

        “พี่ใหญ่ พี่สอง ไม่เข้ามาดื่มอะไรหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดังจากในห้อง หลี่เย่ากับเจี่ยหยวนจึงเดินกระแทกก้นเข้ามาในห้อง

        “เจ้าสี่ ถึงพวกพี่จะไม่ต้องการคำขอบคุณจากแก แต่ว่าพี่ก็ต้องขอบคุณแกนะ ขอบคุณยาลูกกลอนของแก ไม่งั้นพี่คงไม่มีชีวิตรอดกลับมาได้” หลี่เย่าพูดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง

        “กับน้องตัวเองยังจะมาพูดห่างเหินแบบนี้อีก แต่ว่าที่พี่เย่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่อเมริกาหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจอแล้วหรือยัง” กัวไฮว่ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ตระกูลกู่ ฉันเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลลับตระกูลหนึ่งจะสนใจในตัวฉันมากขนาดนี้” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ “มีเจ้าเด็กตระกูลกู่คนหนึ่งอยู่ที่เขตทหารอู่เฉิง ครั้งก่อนประลองต่อสู้กันถูกฉันจัดการไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าที่ฉันไปอเมริกาอย่างเปิดเผยในครั้งนี้ตระกูลกู่จะส่งคนที่ไม่น่ารู้จักมาให้ฉัน ทำฉันตกอยู่ในอันตราย”

        “ตระกูลกู่? ฮ่าๆ พี่เย่า ใช่ตระกูลกู่แห่งเมืองหลวงนั่นหรือเปล่า” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “ถ้าไม่ใช่ตระกูลกู่นั่นแล้วจะเป็นใครที่จะมีฝีมือมากขนาดนั้น จัดการเขตทหารเมืองอู่เฉิงได้ แถมยังให้เขตทหารอู่เฉิงบอกพิกัดฉันให้กับพวกเขาอีก” หลี่เย่าพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ “นายใหญ่เขตทหารไม่ซักไซ้เรื่องนี้กับฉันด้วย แม่มันเถอะ แต่ถ้าจะให้ซักไซ้อันที่จริงก็ซักไซ้ไม่ได้ ตระกูลลับแบบนั้นหาเรื่องด้วยไม่ได้หรอก”

        “จะมาหาเรื่องไม่ได้อะไรกัน ดันมาหาเรื่องพวกเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนของเมืองหลวงหรือจะคนของเมืองอู่เฉิง ต่อให้เป็นราชาสวรรค์พวกเราก็ต้องลากคอมันกลับมาให้ได้” กัวไฮว่ไม่ได้ปริปาก แต่เป็นเจี่ยหยวนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นเสียงดัง “ตระกูลกู่ใช่ไหม ฉันจะยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างลูกศิษย์ตระกูลกู่กับบริษัทของเราทั้งหมด ฉันอยากจะดูนักว่าตระกูลลับนี่ถ้าไม่มีเงินแล้วจะกินอยู่ยังไง”

        “ฮ่าๆ พี่เย่า ช่วงนี่พี่หยวนไม่ได้ทำเรื่องสนุกตื่นเต้นมานานแล้ว แต่ว่าผมรู้สึกว่าที่พี่หยวนพูดวันนี้ก็ใช้ได้อยู่นะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รอให้เรื่องคลินิกไม่ของผมจัดการเรียบร้อยก่อนแล้วพวกเราไปหาตระกูลกู่กัน อยากจะดูนักว่าใครมันอยากจะฆ่าพี่ผม”

        “เจ้าสี่ พูดจริงๆ เลยนะ แกเองก็เป็นคนของตระกูลลับด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นศิษย์ของสำนักสันโดษ ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เหมือนกับเป็นคนละคนกับกัวไฮว่ ตัวอสรพิษที่พวกเรารู้จักเมื่อก่อนเลยนะ” หลี่เย่าถามยิ้มๆ

        “จริงสิ ที่นี่ไม่มีคนนอก มีแค่พวกเราสามพี่น้องกับน้องสะใภ้ อันที่จริงฉันอดกลั้นไม่พูดเรื่องนี้มานานแล้ว ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าบุคคลชั้นสูงคนไหนกันที่ทำแกกลายเป็นแบบนี้ สุดยอดไปเลย” เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยความกล้า

        “พี่ไฮว่ พี่ทำไม่ถูกนะ พี่ไม่ได้บอกพี่หยวนเรื่องสำนักของพวกเราเหรอ สำนักเราก็ไม่ใช่สำนักลี้ลับอะไรสักหน่อย บอกพวกเขาไปก็ไม่เป็นไรหรอก” อวี้เอ๋อร์มองทั้งสองพร้อมกับพูดยิ้มๆ “พวกเราเองก็นับว่าเป็นสำนักลึกลับ สำนักเราไม่ไปมาหาสู่กับคนอื่น แต่ถ้าใครมารังแกพวกเรา หลักการของพวกเราก็แค่ คนอื่นไม่รังแกเรา เราก็ไม่รังแกคนอื่น คนอื่นมารังแกเรา ให้จัดการทั้งโคตร ร้อยปีแดนมนุษย์ อยากทำอะไรก็ทำ ต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ แม่มันเถอะ”

        “แค่กๆ น้องสะใภ้นี่หัวร้อนจริงๆ เลยนะ” เมื่อหลี่เย่าได้ยินที่อวี้เอ๋อร์พูดเสร็จก็พลันหน้าถอดสี เด็กสาวหน้าตาดีที่อยู่ตรงหน้าคนนี้โหดจริงๆ

         

[1] กฎในการลงโทษผู้คนในประเทศจีนสมัยโบราณ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 101 อวี้เอ๋อร์คนโหด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 101 อวี้เอ๋อร์คนโหด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ปี๊น!” รถจี๊ปคันที่เคยชนปอร์เช่ 911 คันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านกัวไฮว่ หลี่เย่ากลับมาแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว

        “เจ้าสอง ที่นี่ไม่เลวเลยนะ เจ้าสี่ซื้อบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” หลี่เย่ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับถามยิ้มๆ

        “ปู่มันทิ้งไว้ให้มันน่ะ มันเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานนี่เอง” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “ไปกันเถอะ พี่ไม่อยู่เดือนนี้เจ้าสี่ได้หน้าในเมืองอู่เฉิงไปไม่น้อยเลย ตอนนี้สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงเปลี่ยนเป็นสามตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าสี่มันเป็นดาวเด่นเมืองอู่เฉิงไปแล้ว”

        “ให้ตาย จริงหรือเปล่าเนี่ย เมื่อก่อนพวกเราถูกเรียกว่าสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ไม่ใช่เพราะอยู่ทำเรื่องบ้าๆ กับหมอนี่หรือไง” หลี่เย่าพูดเสียงดัง “หรือว่าเจ้าสี่จะพบกับบุคคลชั้นสูงจริงๆ ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”

        “พี่ใหญ่ ไปเถอะ ถึงหน้าประตูแล้ว พี่ไปแล้วก็จะรู้เอง ระหว่างนี้ก็เล่ามาด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นที่อเมริกากันแน่ ผมได้ยินมาว่าพี่หนีตายมา” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ พลางก้าวไปยังประตูใหญ่หนึ่งก้าว “เจ้าสี่ เปิดประตู เที่ยงแล้วยังจะปิดประตูทำไมอีก รีบเปิดประตูเร็ว ฉันกับพี่ใหญ่มาหาแก”

        “ให้ตาย ทำไมวันนี้ตาขวาฉันกระตุกเนี่ย สงสัยเหล้าฉันจะต้องน้อยลงอีกแน่เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้ววาดมือในอากาศ จากนั้นประตูใหญ่คฤหาสน์ก็เปิดออก หลี่เย่าผู้สูงเกือบสองเมตรกับเจ้าอ้วนเจี่ยหยวนยืนอยู่หน้าประตู ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่เข้ากัน

        “ให้ตาย เจ้าสี่ แกได้เด็กนี่มาจากไหนเหรอ ขอพี่ยืมไปควงสองสามวันได้ไหม ถ้ามีเงื่อนไขแกตั้งเองเลย” ในขณะที่หลี่เย่าเปิดประตูใหญ่เข้ามา สายตาเขาก็ตกไปอยู่บนร่างของอวี้เอ๋อร์ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยเสียงดัง

        “พี่เย่าใช่ไหมคะ ฉันเป็นเมียของกัวไฮว่ พี่มาหยอกน้องสะใภ้ตัวเองแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องโดนสามมีดหกรู[1]แน่ มีดเล่มนี้ไม่เลวเลยนะ พี่จะแทงเองหรือจะให้ฉันแทงให้ดีล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองหลี่เย่าพร้อมกับพูดยิ้มๆ เพียงแค่กวัดแกว่งมีดสั้นในมือไม้จันทน์สูงเกือบหนึ่งเมตรก็ถูกหักออกเป็นท่อน ทำเอาหลี่เย่ามีเหงื่อผุดอยู่บริเวณหน้าผาก

        “อะแฮ่มๆๆ น้องสะใภ้ เข้าใจผิด เข้าใจผิดกันแน่เลย” หลี่เย่าพูดขึ้นพร้อมกับมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ถึงเขาจะไม่รู้ว่ามีดสั้นเล่มนั้นจะเป็นของดีมาจากไหน ทว่าแค่ท่าที่อวี้เอ๋อร์โบกมีดเมื่อสักครู่ เป็นเขาเขาคงทำไม่ได้แน่ ราชาทหาร ถ้าสู้ชนะคนอื่นผู้คนก็จะเรียกว่าราชาทหารหลี่เย่า แต่ถ้าสู้ไม่ชนะ คนอื่นเขาก็ไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเป็นราชาทหารหรือราชาโจร

        “พี่หยวน พี่ไม่ได้จะมาแซวฉันกับพี่เย่าเหรอ ช่วงนี้พี่อยากจะลดน้ำหนักหรือเปล่า มีดฉันคมมากเลยนะ ถ้าช่วยเอาไขมันออกให้พี่คงไม่มีปัญหาอะไร” ขณะที่พูด มีดสั้นในมืออวี้เอ๋อร์ก็บินลอยไปปีกเข้าบนกำแพงตรงประตูหน้า เจี่ยหยวนตกใจจนสองขาสั่นฉี่ราดกางเกง

        “น้องอวี้เอ๋อร์ ใจเย็นนะ เรื่องนี้พี่ผิดเอง ใจเย็น ช่วงนี้พี่ยุ่งเรื่องตกแต่งห้องให้เจ้าสี่จนเบลอ น้องอวี้เอ๋อร์ กระบี่ไม่มีตานะ ใจเย็นก่อน ใจเย็น” เจี่ยหยวนพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

        “พอได้แล้วอวี้เอ๋อร์ อย่าไปทำให้พวกพี่ๆ ตกใจเลย เข้ามาพักผ่อนด้วยกันสิ” กัวไฮว่พูดพลางจูงอวี้เอ๋อร์เข้าไปในห้องรับแขก

        “เจ้าสอง เมียเจ้าสี่เก่งขนาดนี้ หามาจากไหนวะ” หลี่เย่าถามขึ้นเบาๆ พลางเช็ดเหงื่อที่ผุดอยู่บนหน้าผาก

        “ผมก็ไม่รู้พี่ เหมือนว่าจะเป็นนักเรียนฟู่จง เป็นทายาทตระกูลใหญ่ในอเมริกา เป็นศิษย์น้องของเจ้าสี่มัน ใครจะไปรู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ทางที่ดีพี่อย่าไปหาเรื่องเธอนะ ผมเห็นฝีมือเธอเมื่อกี้แล้วผมกลัวเลย เธอกับเจ้าสี่น่าจะเป็นศิษย์ของบุคคลชั้นสูงนะ” เจี่ยหยวนพูดเบาๆ

        อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ในห้องได้ยินอย่างชัดเจนก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา

        “พี่เย่า พี่ดูของนี่สิ เป็นไม้การบูรจื่อจิน ของพรรค์นี้ในเมืองอู่เฉิงไม่มีเลยเถอะ แต่เจ้าสี่กลับหามาได้เยอะขนาดนี้” สายตาของเจี่ยหยวนตกไปอยู่ที่ไม้จันทน์จื่อจินที่ถูกอวี้เอ๋อร์หักออกท่อนนั้นพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “ทางนู้นคือไม้หวงฮวาหลี เหมือนว่าจะเป็นวัสดุเก่าแก่นมนาน ของแบบนี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้หรอก หรือว่าเจ้าสี่จะถูกบุคคลชั้นสูงรับเป็นศิษย์จริงๆ” หลี่เย่าพูดเบาๆ

        “พี่ใหญ่ พี่สอง ไม่เข้ามาดื่มอะไรหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดังจากในห้อง หลี่เย่ากับเจี่ยหยวนจึงเดินกระแทกก้นเข้ามาในห้อง

        “เจ้าสี่ ถึงพวกพี่จะไม่ต้องการคำขอบคุณจากแก แต่ว่าพี่ก็ต้องขอบคุณแกนะ ขอบคุณยาลูกกลอนของแก ไม่งั้นพี่คงไม่มีชีวิตรอดกลับมาได้” หลี่เย่าพูดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง

        “กับน้องตัวเองยังจะมาพูดห่างเหินแบบนี้อีก แต่ว่าที่พี่เย่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่อเมริกาหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจอแล้วหรือยัง” กัวไฮว่ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ตระกูลกู่ ฉันเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลลับตระกูลหนึ่งจะสนใจในตัวฉันมากขนาดนี้” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ “มีเจ้าเด็กตระกูลกู่คนหนึ่งอยู่ที่เขตทหารอู่เฉิง ครั้งก่อนประลองต่อสู้กันถูกฉันจัดการไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าที่ฉันไปอเมริกาอย่างเปิดเผยในครั้งนี้ตระกูลกู่จะส่งคนที่ไม่น่ารู้จักมาให้ฉัน ทำฉันตกอยู่ในอันตราย”

        “ตระกูลกู่? ฮ่าๆ พี่เย่า ใช่ตระกูลกู่แห่งเมืองหลวงนั่นหรือเปล่า” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “ถ้าไม่ใช่ตระกูลกู่นั่นแล้วจะเป็นใครที่จะมีฝีมือมากขนาดนั้น จัดการเขตทหารเมืองอู่เฉิงได้ แถมยังให้เขตทหารอู่เฉิงบอกพิกัดฉันให้กับพวกเขาอีก” หลี่เย่าพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ “นายใหญ่เขตทหารไม่ซักไซ้เรื่องนี้กับฉันด้วย แม่มันเถอะ แต่ถ้าจะให้ซักไซ้อันที่จริงก็ซักไซ้ไม่ได้ ตระกูลลับแบบนั้นหาเรื่องด้วยไม่ได้หรอก”

        “จะมาหาเรื่องไม่ได้อะไรกัน ดันมาหาเรื่องพวกเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนของเมืองหลวงหรือจะคนของเมืองอู่เฉิง ต่อให้เป็นราชาสวรรค์พวกเราก็ต้องลากคอมันกลับมาให้ได้” กัวไฮว่ไม่ได้ปริปาก แต่เป็นเจี่ยหยวนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นเสียงดัง “ตระกูลกู่ใช่ไหม ฉันจะยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างลูกศิษย์ตระกูลกู่กับบริษัทของเราทั้งหมด ฉันอยากจะดูนักว่าตระกูลลับนี่ถ้าไม่มีเงินแล้วจะกินอยู่ยังไง”

        “ฮ่าๆ พี่เย่า ช่วงนี่พี่หยวนไม่ได้ทำเรื่องสนุกตื่นเต้นมานานแล้ว แต่ว่าผมรู้สึกว่าที่พี่หยวนพูดวันนี้ก็ใช้ได้อยู่นะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รอให้เรื่องคลินิกไม่ของผมจัดการเรียบร้อยก่อนแล้วพวกเราไปหาตระกูลกู่กัน อยากจะดูนักว่าใครมันอยากจะฆ่าพี่ผม”

        “เจ้าสี่ พูดจริงๆ เลยนะ แกเองก็เป็นคนของตระกูลลับด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นศิษย์ของสำนักสันโดษ ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เหมือนกับเป็นคนละคนกับกัวไฮว่ ตัวอสรพิษที่พวกเรารู้จักเมื่อก่อนเลยนะ” หลี่เย่าถามยิ้มๆ

        “จริงสิ ที่นี่ไม่มีคนนอก มีแค่พวกเราสามพี่น้องกับน้องสะใภ้ อันที่จริงฉันอดกลั้นไม่พูดเรื่องนี้มานานแล้ว ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าบุคคลชั้นสูงคนไหนกันที่ทำแกกลายเป็นแบบนี้ สุดยอดไปเลย” เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยความกล้า

        “พี่ไฮว่ พี่ทำไม่ถูกนะ พี่ไม่ได้บอกพี่หยวนเรื่องสำนักของพวกเราเหรอ สำนักเราก็ไม่ใช่สำนักลี้ลับอะไรสักหน่อย บอกพวกเขาไปก็ไม่เป็นไรหรอก” อวี้เอ๋อร์มองทั้งสองพร้อมกับพูดยิ้มๆ “พวกเราเองก็นับว่าเป็นสำนักลึกลับ สำนักเราไม่ไปมาหาสู่กับคนอื่น แต่ถ้าใครมารังแกพวกเรา หลักการของพวกเราก็แค่ คนอื่นไม่รังแกเรา เราก็ไม่รังแกคนอื่น คนอื่นมารังแกเรา ให้จัดการทั้งโคตร ร้อยปีแดนมนุษย์ อยากทำอะไรก็ทำ ต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ แม่มันเถอะ”

        “แค่กๆ น้องสะใภ้นี่หัวร้อนจริงๆ เลยนะ” เมื่อหลี่เย่าได้ยินที่อวี้เอ๋อร์พูดเสร็จก็พลันหน้าถอดสี เด็กสาวหน้าตาดีที่อยู่ตรงหน้าคนนี้โหดจริงๆ

         

[1] กฎในการลงโทษผู้คนในประเทศจีนสมัยโบราณ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 101 อวี้เอ๋อร์คนโหด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 101 อวี้เอ๋อร์คนโหด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ปี๊น!” รถจี๊ปคันที่เคยชนปอร์เช่ 911 คันนั้นจอดอยู่หน้าบ้านกัวไฮว่ หลี่เย่ากลับมาแล้ว หรือจะพูดให้ถูกก็คือ มีชีวิตรอดกลับมาแล้ว

        “เจ้าสอง ที่นี่ไม่เลวเลยนะ เจ้าสี่ซื้อบ้านนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” หลี่เย่ายืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับถามยิ้มๆ

        “ปู่มันทิ้งไว้ให้มันน่ะ มันเพิ่งมาอยู่ได้ไม่นานนี่เอง” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “ไปกันเถอะ พี่ไม่อยู่เดือนนี้เจ้าสี่ได้หน้าในเมืองอู่เฉิงไปไม่น้อยเลย ตอนนี้สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงเปลี่ยนเป็นสามตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงแล้วล่ะ ตอนนี้เจ้าสี่มันเป็นดาวเด่นเมืองอู่เฉิงไปแล้ว”

        “ให้ตาย จริงหรือเปล่าเนี่ย เมื่อก่อนพวกเราถูกเรียกว่าสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ไม่ใช่เพราะอยู่ทำเรื่องบ้าๆ กับหมอนี่หรือไง” หลี่เย่าพูดเสียงดัง “หรือว่าเจ้าสี่จะพบกับบุคคลชั้นสูงจริงๆ ถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้”

        “พี่ใหญ่ ไปเถอะ ถึงหน้าประตูแล้ว พี่ไปแล้วก็จะรู้เอง ระหว่างนี้ก็เล่ามาด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นที่อเมริกากันแน่ ผมได้ยินมาว่าพี่หนีตายมา” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ พลางก้าวไปยังประตูใหญ่หนึ่งก้าว “เจ้าสี่ เปิดประตู เที่ยงแล้วยังจะปิดประตูทำไมอีก รีบเปิดประตูเร็ว ฉันกับพี่ใหญ่มาหาแก”

        “ให้ตาย ทำไมวันนี้ตาขวาฉันกระตุกเนี่ย สงสัยเหล้าฉันจะต้องน้อยลงอีกแน่เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้ววาดมือในอากาศ จากนั้นประตูใหญ่คฤหาสน์ก็เปิดออก หลี่เย่าผู้สูงเกือบสองเมตรกับเจ้าอ้วนเจี่ยหยวนยืนอยู่หน้าประตู ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ไม่เข้ากัน

        “ให้ตาย เจ้าสี่ แกได้เด็กนี่มาจากไหนเหรอ ขอพี่ยืมไปควงสองสามวันได้ไหม ถ้ามีเงื่อนไขแกตั้งเองเลย” ในขณะที่หลี่เย่าเปิดประตูใหญ่เข้ามา สายตาเขาก็ตกไปอยู่บนร่างของอวี้เอ๋อร์ จึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยเสียงดัง

        “พี่เย่าใช่ไหมคะ ฉันเป็นเมียของกัวไฮว่ พี่มาหยอกน้องสะใภ้ตัวเองแบบนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องโดนสามมีดหกรู[1]แน่ มีดเล่มนี้ไม่เลวเลยนะ พี่จะแทงเองหรือจะให้ฉันแทงให้ดีล่ะ” อวี้เอ๋อร์มองหลี่เย่าพร้อมกับพูดยิ้มๆ เพียงแค่กวัดแกว่งมีดสั้นในมือไม้จันทน์สูงเกือบหนึ่งเมตรก็ถูกหักออกเป็นท่อน ทำเอาหลี่เย่ามีเหงื่อผุดอยู่บริเวณหน้าผาก

        “อะแฮ่มๆๆ น้องสะใภ้ เข้าใจผิด เข้าใจผิดกันแน่เลย” หลี่เย่าพูดขึ้นพร้อมกับมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ถึงเขาจะไม่รู้ว่ามีดสั้นเล่มนั้นจะเป็นของดีมาจากไหน ทว่าแค่ท่าที่อวี้เอ๋อร์โบกมีดเมื่อสักครู่ เป็นเขาเขาคงทำไม่ได้แน่ ราชาทหาร ถ้าสู้ชนะคนอื่นผู้คนก็จะเรียกว่าราชาทหารหลี่เย่า แต่ถ้าสู้ไม่ชนะ คนอื่นเขาก็ไม่สนหรอกนะว่าคุณจะเป็นราชาทหารหรือราชาโจร

        “พี่หยวน พี่ไม่ได้จะมาแซวฉันกับพี่เย่าเหรอ ช่วงนี้พี่อยากจะลดน้ำหนักหรือเปล่า มีดฉันคมมากเลยนะ ถ้าช่วยเอาไขมันออกให้พี่คงไม่มีปัญหาอะไร” ขณะที่พูด มีดสั้นในมืออวี้เอ๋อร์ก็บินลอยไปปีกเข้าบนกำแพงตรงประตูหน้า เจี่ยหยวนตกใจจนสองขาสั่นฉี่ราดกางเกง

        “น้องอวี้เอ๋อร์ ใจเย็นนะ เรื่องนี้พี่ผิดเอง ใจเย็น ช่วงนี้พี่ยุ่งเรื่องตกแต่งห้องให้เจ้าสี่จนเบลอ น้องอวี้เอ๋อร์ กระบี่ไม่มีตานะ ใจเย็นก่อน ใจเย็น” เจี่ยหยวนพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

        “พอได้แล้วอวี้เอ๋อร์ อย่าไปทำให้พวกพี่ๆ ตกใจเลย เข้ามาพักผ่อนด้วยกันสิ” กัวไฮว่พูดพลางจูงอวี้เอ๋อร์เข้าไปในห้องรับแขก

        “เจ้าสอง เมียเจ้าสี่เก่งขนาดนี้ หามาจากไหนวะ” หลี่เย่าถามขึ้นเบาๆ พลางเช็ดเหงื่อที่ผุดอยู่บนหน้าผาก

        “ผมก็ไม่รู้พี่ เหมือนว่าจะเป็นนักเรียนฟู่จง เป็นทายาทตระกูลใหญ่ในอเมริกา เป็นศิษย์น้องของเจ้าสี่มัน ใครจะไปรู้ว่าจริงหรือเปล่า แต่ทางที่ดีพี่อย่าไปหาเรื่องเธอนะ ผมเห็นฝีมือเธอเมื่อกี้แล้วผมกลัวเลย เธอกับเจ้าสี่น่าจะเป็นศิษย์ของบุคคลชั้นสูงนะ” เจี่ยหยวนพูดเบาๆ

        อวี้เอ๋อร์ที่อยู่ในห้องได้ยินอย่างชัดเจนก็หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้นมา

        “พี่เย่า พี่ดูของนี่สิ เป็นไม้การบูรจื่อจิน ของพรรค์นี้ในเมืองอู่เฉิงไม่มีเลยเถอะ แต่เจ้าสี่กลับหามาได้เยอะขนาดนี้” สายตาของเจี่ยหยวนตกไปอยู่ที่ไม้จันทน์จื่อจินที่ถูกอวี้เอ๋อร์หักออกท่อนนั้นพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “ทางนู้นคือไม้หวงฮวาหลี เหมือนว่าจะเป็นวัสดุเก่าแก่นมนาน ของแบบนี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้หรอก หรือว่าเจ้าสี่จะถูกบุคคลชั้นสูงรับเป็นศิษย์จริงๆ” หลี่เย่าพูดเบาๆ

        “พี่ใหญ่ พี่สอง ไม่เข้ามาดื่มอะไรหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดังจากในห้อง หลี่เย่ากับเจี่ยหยวนจึงเดินกระแทกก้นเข้ามาในห้อง

        “เจ้าสี่ ถึงพวกพี่จะไม่ต้องการคำขอบคุณจากแก แต่ว่าพี่ก็ต้องขอบคุณแกนะ ขอบคุณยาลูกกลอนของแก ไม่งั้นพี่คงไม่มีชีวิตรอดกลับมาได้” หลี่เย่าพูดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง

        “กับน้องตัวเองยังจะมาพูดห่างเหินแบบนี้อีก แต่ว่าที่พี่เย่าเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ที่อเมริกาหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังเจอแล้วหรือยัง” กัวไฮว่ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ตระกูลกู่ ฉันเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าตระกูลลับตระกูลหนึ่งจะสนใจในตัวฉันมากขนาดนี้” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ “มีเจ้าเด็กตระกูลกู่คนหนึ่งอยู่ที่เขตทหารอู่เฉิง ครั้งก่อนประลองต่อสู้กันถูกฉันจัดการไปเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าที่ฉันไปอเมริกาอย่างเปิดเผยในครั้งนี้ตระกูลกู่จะส่งคนที่ไม่น่ารู้จักมาให้ฉัน ทำฉันตกอยู่ในอันตราย”

        “ตระกูลกู่? ฮ่าๆ พี่เย่า ใช่ตระกูลกู่แห่งเมืองหลวงนั่นหรือเปล่า” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “ถ้าไม่ใช่ตระกูลกู่นั่นแล้วจะเป็นใครที่จะมีฝีมือมากขนาดนั้น จัดการเขตทหารเมืองอู่เฉิงได้ แถมยังให้เขตทหารอู่เฉิงบอกพิกัดฉันให้กับพวกเขาอีก” หลี่เย่าพูดขึ้นด้วยความไม่สบายใจ “นายใหญ่เขตทหารไม่ซักไซ้เรื่องนี้กับฉันด้วย แม่มันเถอะ แต่ถ้าจะให้ซักไซ้อันที่จริงก็ซักไซ้ไม่ได้ ตระกูลลับแบบนั้นหาเรื่องด้วยไม่ได้หรอก”

        “จะมาหาเรื่องไม่ได้อะไรกัน ดันมาหาเรื่องพวกเรา ไม่ว่าเขาจะเป็นคนของเมืองหลวงหรือจะคนของเมืองอู่เฉิง ต่อให้เป็นราชาสวรรค์พวกเราก็ต้องลากคอมันกลับมาให้ได้” กัวไฮว่ไม่ได้ปริปาก แต่เป็นเจี่ยหยวนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้นเสียงดัง “ตระกูลกู่ใช่ไหม ฉันจะยุติความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างลูกศิษย์ตระกูลกู่กับบริษัทของเราทั้งหมด ฉันอยากจะดูนักว่าตระกูลลับนี่ถ้าไม่มีเงินแล้วจะกินอยู่ยังไง”

        “ฮ่าๆ พี่เย่า ช่วงนี่พี่หยวนไม่ได้ทำเรื่องสนุกตื่นเต้นมานานแล้ว แต่ว่าผมรู้สึกว่าที่พี่หยวนพูดวันนี้ก็ใช้ได้อยู่นะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รอให้เรื่องคลินิกไม่ของผมจัดการเรียบร้อยก่อนแล้วพวกเราไปหาตระกูลกู่กัน อยากจะดูนักว่าใครมันอยากจะฆ่าพี่ผม”

        “เจ้าสี่ พูดจริงๆ เลยนะ แกเองก็เป็นคนของตระกูลลับด้วยหรือเปล่า หรือว่าเป็นศิษย์ของสำนักสันโดษ ที่แกเป็นอยู่ตอนนี้เหมือนกับเป็นคนละคนกับกัวไฮว่ ตัวอสรพิษที่พวกเรารู้จักเมื่อก่อนเลยนะ” หลี่เย่าถามยิ้มๆ

        “จริงสิ ที่นี่ไม่มีคนนอก มีแค่พวกเราสามพี่น้องกับน้องสะใภ้ อันที่จริงฉันอดกลั้นไม่พูดเรื่องนี้มานานแล้ว ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าบุคคลชั้นสูงคนไหนกันที่ทำแกกลายเป็นแบบนี้ สุดยอดไปเลย” เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยความกล้า

        “พี่ไฮว่ พี่ทำไม่ถูกนะ พี่ไม่ได้บอกพี่หยวนเรื่องสำนักของพวกเราเหรอ สำนักเราก็ไม่ใช่สำนักลี้ลับอะไรสักหน่อย บอกพวกเขาไปก็ไม่เป็นไรหรอก” อวี้เอ๋อร์มองทั้งสองพร้อมกับพูดยิ้มๆ “พวกเราเองก็นับว่าเป็นสำนักลึกลับ สำนักเราไม่ไปมาหาสู่กับคนอื่น แต่ถ้าใครมารังแกพวกเรา หลักการของพวกเราก็แค่ คนอื่นไม่รังแกเรา เราก็ไม่รังแกคนอื่น คนอื่นมารังแกเรา ให้จัดการทั้งโคตร ร้อยปีแดนมนุษย์ อยากทำอะไรก็ทำ ต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ แม่มันเถอะ”

        “แค่กๆ น้องสะใภ้นี่หัวร้อนจริงๆ เลยนะ” เมื่อหลี่เย่าได้ยินที่อวี้เอ๋อร์พูดเสร็จก็พลันหน้าถอดสี เด็กสาวหน้าตาดีที่อยู่ตรงหน้าคนนี้โหดจริงๆ

         

[1] กฎในการลงโทษผู้คนในประเทศจีนสมัยโบราณ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+