[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 97 ประลองความรู้ (3)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 97 ประลองความรู้ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พ่อหนุ่ม ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือเธอแล้วล่ะ” ฉินหลงพูดยิ้มๆ เขาสัมผัสได้ว่ายาลูกกลอนเม็ดที่กัวไฮว่เอาออกมานั้นจะได้ผลดี จึงไม่ได้กังวลใจอะไร

        “เหล่าฉิน หวังว่าพ่อหนุ่มนี่จะรักษาแกให้หายดีได้นะ ไม่งั้นถ้าเกิดมีอาการแทรกซ้อนอะไรฉันไม่รับผิดชอบด้วยล่ะ” จางเทียนเจิงพูดยิ้มๆ “ดื่มเถอะ พิษนี่กระจายในร่างกายช้า แต่ถ้าถอนหรือกำจัดพิษไม่ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็จะส่งผลต่อร่างกายไม่น้อยเลย” จางเทียนเจิงหยิบขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “คุณฉิน คุณน่าจะกินพิษเป็นครั้งแรกเลยใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่รอดเดี๋ยวผมเป็นคนแกะสลักป้ายหน้าหลุมศพให้เอง ไว้ผมจะเขียนให้คุณว่าสละชีวิตเพื่อการแพทย์ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โดยไม่รู้ว่าถือน้ำเต้าอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่

        “เจ้าสี่ นี่แกกินเหล้าเพิ่มความกล้าเข้าไปหรือเปล่าเนี่ย” หวังเซิงพูดขึ้นเบาๆ น้องชายของเขาคนนี้เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะแพ้หรือจะชนะ ชื่อของกัวไฮว่ก็จะโด่งดังไปทั่วสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งนี้แล้วล่ะ

        “เหล่าฉิน กินพิษเถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนฉินหลงก็กรอกของเหลวในขวดเข้าไปในปากด้วยสีหน้ากังวลใจ

        “เหล่าจาง อย่าเพิ่งพูด พิษแกนี่รสชาติไม่เลวเลยนะ มีกลิ่นหอมของชาเจือจางอยู่ด้วย” ฉินหลงพูดยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่ม รีบรักษาเขาเร็วเข้า ถ้าแกทำไม่ได้ก็รีบบอกไม่งั้นถ้าช่วยช้าไป ถึงเหล่าฉินจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้เอาไว้ได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่เกินห้าปีหรอกนะ” จางเทียนเจิงพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ เขาเกลือกกลั้วกับฉินหลงมาตั้งยี่สิบปี จึงค่อนข้างเป็นห่วงชายแก่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาเต็มตัวผู้นี้นัก

        “ไม่ได้งั้นเหรอ เกิดเป็นผู้ชายพูดว่าไม่ได้ได้ยังไงกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางทาบนิ้วทั้งสามไปตรงบริเวณข้อมือของฉินหลง

        “คุณหมอจาง เล่นใหญ่เหมือนกันนะ ระดับพิษนี่ไม่ต่ำเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นเดินมายังโต๊ะที่เขาเขียนพู่กันเมื่อสักครู่ จากนั้นก็ตวัดแปรงเขียนลงไป

        “คุณหมอหลิน ในเมื่อคุณไม่มีอะไรแล้วก็ช่วยไปเอายาตามนี่มาหน่อยสิ แล้วให้คนต้มน้ำสามถ้วย ส่งมาตอนร้อนๆ เลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พร้อมกับส่งกระดาษไปให้หลินฉางเทียน

        “น้องซาง ช่วยไปเอาสมุนไพรตามที่เขียนไว้หน่อย แล้วก็ต้มน้ำมาสามถ้วย” หลินฉางเทียนไม่ได้มองใบสั่งยา เขาพูดเสียงดังกับเจ้าซางที่กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างอยู่ด้านนอก

        “เหล่าหลิน เป็นพิษหมดเลยนี่นา จะให้จัดยามาตามใบสั่งยานี่จริงเหรอ” เจ้าซางเดินไปแล้วประมาณยี่สิบเมตร เขาอ่านใบสั่งยาแวบหนึ่ง แล้วจึงวกกลับมาพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “เอามาตามใบสั่งยานี่แหละ ห้ามไม่ให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว ถ้าผิดละก็คงจะรักษาชีวิตน้อยๆ ของฉินเหล่าไม่ได้หรอกนะครับ” หลินฉางเทียนไม่ได้พูดอะไร มีเพียงกัวไฮว่ที่พูดยิ้มๆ

        “ให้ตาย พวกคุณเล่นใหญ่กันขนาดนี้เลยเหรอ” เจ้าเทียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งแจ้นออกไป “เจ้าเทียน ไปบอกข้างหลังนะว่าให้เตรียมหม้อดินเอาไว้ เดี๋ยวจะต้มยา”

        “พวกคุณมองผมแบบนั้นทำไม คุณจางบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องรีบ” กัวไฮว่พูดๆ ยิ้มพลางมองไปยังชายแก่ที่เอาแต่มองตน

        “พ่อหนุ่ม ช่วยชีวิตคนเหมือนช่วยไฟ ยิ่งพิษอยู่ในร่างกายเหล่าฉินนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอันตรายต่อร่างกายของเหล่าฉินเท่านั้น ถ้าเธอมีวิธีจริงๆ ละก็รีบหน่อยเถอะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันทำเอง” จางเทียนเจิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป

        “งั้นผมช่วยคุมหลอดเลือดก่อนแล้วกันครับ เขาจะได้ไม่ตาย จากนั้นก็เอาพิษในเส้นเลือดออกมานิดนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ทั้งสองท่าน ผมเห็นว่าพวกคุณมีเข็ม ผมเองก็มีเข็ม”

        “พ่อหนุ่ม เข็มเธอดูบางไปหน่อยมั้ง” ในขณะที่กัวไฮว่หยิบเข็มออกมาจากตัวนั่นเอง อู๋ซู่ซานก็พูดขึ้นมาเบาๆ เข็มที่ตนใช้ก็บางพออยู่แล้ว เขาใช้กำลังภายในในการรักษาจึงสามารถรักษาได้อย่างใจนึก แต่ไม่คาดคิดว่าเข็มของกัวไฮว่ผู้นี้จะบางกว่าของตนเสียอีก

        “นี่ไม่ใช่ไอ้จ้อยสักหน่อยที่ยิ่งใหญ่ยิ่งให้แรงเยอะน่ะ ต้องดูที่ฝีมือเป็นสำคัญต่างหาก” กัวไฮว่พูดพลางหยิบเข็มขึ้นมา เพียงแค่เข็มเล่มแรกก็ทำเอาทุกคนตกใจจนเหงื่อตก จุดตาย เข็มเล่มแรกฝังไปที่จุดตาย

        “พ่อหนุ่ม เธอตั้งใจฝังเข็มไปก่อนนะ ขอพวกเราคุยกันหน่อย” ซุนเซิงพูดขึ้นเบาๆ

        “การแพทย์แผนโบราณไม่ได้ตกต่ำลง แค่พวกเราไปมาหาสู่กันน้อยไปเท่านั้นเอง พวกคุณว่าถ้าผมเอาพิษออกมาจากตัวของฉินเหล่าได้ จะฝังที่ตรงไหนดีนะ” กัวไฮว่ถือเข็มเงินเอาไว้พลางถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่ม เธอคิดเอาเองเถอะ ฉันล่ะไม่เข้าใจการฝังเข็มของเธอจริงๆ” อู๋ซู่ซานพูดขึ้นเบาๆ

        “งั้นก็ปิดเส้นเลือดพวกนี้ไว้ก่อน ให้เหลือแค่เส้นเดียว ไหลได้แค่ทางนี้เท่านั้น” บนร่างฉินเหล่ามีเข็มเล่มบางๆ ฝังอยู่สิบกว่าเล่ม

        “เหล่าซุน พ่อหนุ่มนี่ฝังเข็มเร็วขนาดนี้ ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม” จางเทียนเจิงสัมผัสได้ว่าพิษของตนได้เข้าไปในเส้นเลือดของฉินหลงเรียบร้อยแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเบาๆ

        “แกถามฉันแล้วจะให้ฉันถามใคร แกเป็นคนวางพิษ ฉันไม่รู้หรอกว่ามีปัญหาหรือเปล่า” ซุนเซิงพูดขึ้นเบาๆ “ถ้าเหล่าฉินตายจากยาพิษของแก งั้นชื่อเสียงหมอผีอย่างแกได้ดังระเบิดจริงๆ แน่”

        “เหล่าฉิน สบายๆ เดี๋ยวจะได้สบายกว่านี้เยอะ” เป็นเวลาประมาณสามนาที ในที่สุดทุกคนก็เบาใจลง สีหน้าของเหล่าฉิน ทำให้ให้สมองของกรรมการทั้งสามคนผุดคำขึ้นมาคำหนึ่งว่า กวนส้นเท้า

        “เหล่าจาง คุณเอาขวดเมื่อสักครู่นี้มาให้ผมเถอะ พิษที่คุณประกอบเมื่อกี้ไม่ธรรมดาเลย ผมจะคืนให้คุณ” กัวไฮว่ยื่นมือไปเอาขวดใบนั้นมาไว้ในมือโดยไม่รอให้จางเทียนเจิงได้มีปฏิกิริยาตอบรับ จากนั้นก็ฝังเข็มไปบนตัวของฉินหลงอีกครั้ง นอกจากนั้นเขายังเปลี่ยนคำเรียกจางเทียนเจิงจากคุณหมอจางเป็นเหล่าจางอีกด้วย

        “พ่อหนุ่ม เธอทำได้ยังไงกัน” จางเทียนเจิงไม่ได้กล่าวอะไรเพราะเขาไม่เชี่ยวชาญในด้านการฝังเข็ม คนที่กล่าวคืออู๋ซู่ซานที่ตะลึงพรึงเพริดอยู่นานแล้ว

        “ถ้าปิดเส้นเลือดให้ไหลได้แค่ทางเดียว ยังไงเขาก็ต้องตาย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณหมออู๋ ไม่ทราบว่าการฝังเข็มของผมเข้าตาคุณไหมครับ”

        “แพ้แล้ว ฉันแพ้แล้ว” อู๋ซู่ซานพูดขึ้นเบาๆ ฝีมือที่กัวไฮว่แสดงออกมานั้น เขาไม่อาจทำได้จริงๆ

        “ในเมื่อเหล่าอู๋ยอมแพ้แล้ว งั้นก็ไม่ถอนพิษนี่แล้วนะ” ภายในชั่วขณะเดียว เข็มที่อยู่บนตัวของฉินหลงก็กลับมาอยู่ในมือของกัวไฮว่อีกครั้ง

        “พ่อหนุ่ม เหล่าอู๋ยอมแพ้แล้ว งั้นเธอก็ถอนพิษที่อยู่ในตัวเหล่าฉินเถอะ” จางเทียนเจิงพูดขึ้นเบาๆ เขาเป็นคนวางพิษเขาย่อมรู้ดีว่าถ้าอยู่ในเส้นเลือดนาน ไม่ช้าไม่นานก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้

        “รีบทำไมกัน พี่สาม ถอดเสื้อเหล่าฉินให้หน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้ตาย ทำไมรสนิยมพี่แรงแบบนี้เนี่ย ถอดแต่เสื้อ ไม่ถอดกางเกง” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ หวังเซิงผู้ที่เลื่อมใสกัวไฮว่อย่างเต็มเปี่ยมก็วิ่งเข้ามาจะถอดกางเกงของฉินหลง เลยถูกกัวไฮว่พูดขวางเอาไว้ด้วยเสียงดัง

        “เจ้าสี่ แกไม่พูดให้ชัดยังจะมาโทษฉันอีก ชุดฉางเผามีท่อนบนที่ไหนกันล่ะ” หวังเซิงพูดเสียงดัง

        กัวไฮว่วาดมือไปในอากาศ จากนั้นกระบี่เฟยเจี้ยนในมือก็ลอยพุ่งตรงไปวนรอบตัวฉินหลงรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอยู่ในมือของกัวไฮว่อีกครั้ง จากนั้นชุดเผาบนตัวฉินหลงก็ขาดเป็นชิ้นๆ

        “เหล่าฉิน อายุปูนนี้แล้ว ดูแลตัวเองได้ไม่เลวเลยนะ ดูผิวพรรณกับร่างกายนี่สิ น่าอิจฉาจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ คราวนี้ฉินหลงจำต้องมุดหน้าหนี เขาทำยามากว่าเจ็ดสิบปี ไม่สิ เขาดูแลตัวเองได้ดีเพราะกินสมุนไพรบำรุงอยู่ทุกวัน ร่างกายของตนจึงไม่เลวเลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 97 ประลองความรู้ (3)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 97 ประลองความรู้ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พ่อหนุ่ม ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือเธอแล้วล่ะ” ฉินหลงพูดยิ้มๆ เขาสัมผัสได้ว่ายาลูกกลอนเม็ดที่กัวไฮว่เอาออกมานั้นจะได้ผลดี จึงไม่ได้กังวลใจอะไร

        “เหล่าฉิน หวังว่าพ่อหนุ่มนี่จะรักษาแกให้หายดีได้นะ ไม่งั้นถ้าเกิดมีอาการแทรกซ้อนอะไรฉันไม่รับผิดชอบด้วยล่ะ” จางเทียนเจิงพูดยิ้มๆ “ดื่มเถอะ พิษนี่กระจายในร่างกายช้า แต่ถ้าถอนหรือกำจัดพิษไม่ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็จะส่งผลต่อร่างกายไม่น้อยเลย” จางเทียนเจิงหยิบขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “คุณฉิน คุณน่าจะกินพิษเป็นครั้งแรกเลยใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่รอดเดี๋ยวผมเป็นคนแกะสลักป้ายหน้าหลุมศพให้เอง ไว้ผมจะเขียนให้คุณว่าสละชีวิตเพื่อการแพทย์ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โดยไม่รู้ว่าถือน้ำเต้าอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่

        “เจ้าสี่ นี่แกกินเหล้าเพิ่มความกล้าเข้าไปหรือเปล่าเนี่ย” หวังเซิงพูดขึ้นเบาๆ น้องชายของเขาคนนี้เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะแพ้หรือจะชนะ ชื่อของกัวไฮว่ก็จะโด่งดังไปทั่วสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งนี้แล้วล่ะ

        “เหล่าฉิน กินพิษเถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนฉินหลงก็กรอกของเหลวในขวดเข้าไปในปากด้วยสีหน้ากังวลใจ

        “เหล่าจาง อย่าเพิ่งพูด พิษแกนี่รสชาติไม่เลวเลยนะ มีกลิ่นหอมของชาเจือจางอยู่ด้วย” ฉินหลงพูดยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่ม รีบรักษาเขาเร็วเข้า ถ้าแกทำไม่ได้ก็รีบบอกไม่งั้นถ้าช่วยช้าไป ถึงเหล่าฉินจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้เอาไว้ได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่เกินห้าปีหรอกนะ” จางเทียนเจิงพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ เขาเกลือกกลั้วกับฉินหลงมาตั้งยี่สิบปี จึงค่อนข้างเป็นห่วงชายแก่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาเต็มตัวผู้นี้นัก

        “ไม่ได้งั้นเหรอ เกิดเป็นผู้ชายพูดว่าไม่ได้ได้ยังไงกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางทาบนิ้วทั้งสามไปตรงบริเวณข้อมือของฉินหลง

        “คุณหมอจาง เล่นใหญ่เหมือนกันนะ ระดับพิษนี่ไม่ต่ำเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นเดินมายังโต๊ะที่เขาเขียนพู่กันเมื่อสักครู่ จากนั้นก็ตวัดแปรงเขียนลงไป

        “คุณหมอหลิน ในเมื่อคุณไม่มีอะไรแล้วก็ช่วยไปเอายาตามนี่มาหน่อยสิ แล้วให้คนต้มน้ำสามถ้วย ส่งมาตอนร้อนๆ เลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พร้อมกับส่งกระดาษไปให้หลินฉางเทียน

        “น้องซาง ช่วยไปเอาสมุนไพรตามที่เขียนไว้หน่อย แล้วก็ต้มน้ำมาสามถ้วย” หลินฉางเทียนไม่ได้มองใบสั่งยา เขาพูดเสียงดังกับเจ้าซางที่กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างอยู่ด้านนอก

        “เหล่าหลิน เป็นพิษหมดเลยนี่นา จะให้จัดยามาตามใบสั่งยานี่จริงเหรอ” เจ้าซางเดินไปแล้วประมาณยี่สิบเมตร เขาอ่านใบสั่งยาแวบหนึ่ง แล้วจึงวกกลับมาพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “เอามาตามใบสั่งยานี่แหละ ห้ามไม่ให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว ถ้าผิดละก็คงจะรักษาชีวิตน้อยๆ ของฉินเหล่าไม่ได้หรอกนะครับ” หลินฉางเทียนไม่ได้พูดอะไร มีเพียงกัวไฮว่ที่พูดยิ้มๆ

        “ให้ตาย พวกคุณเล่นใหญ่กันขนาดนี้เลยเหรอ” เจ้าเทียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งแจ้นออกไป “เจ้าเทียน ไปบอกข้างหลังนะว่าให้เตรียมหม้อดินเอาไว้ เดี๋ยวจะต้มยา”

        “พวกคุณมองผมแบบนั้นทำไม คุณจางบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องรีบ” กัวไฮว่พูดๆ ยิ้มพลางมองไปยังชายแก่ที่เอาแต่มองตน

        “พ่อหนุ่ม ช่วยชีวิตคนเหมือนช่วยไฟ ยิ่งพิษอยู่ในร่างกายเหล่าฉินนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอันตรายต่อร่างกายของเหล่าฉินเท่านั้น ถ้าเธอมีวิธีจริงๆ ละก็รีบหน่อยเถอะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันทำเอง” จางเทียนเจิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป

        “งั้นผมช่วยคุมหลอดเลือดก่อนแล้วกันครับ เขาจะได้ไม่ตาย จากนั้นก็เอาพิษในเส้นเลือดออกมานิดนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ทั้งสองท่าน ผมเห็นว่าพวกคุณมีเข็ม ผมเองก็มีเข็ม”

        “พ่อหนุ่ม เข็มเธอดูบางไปหน่อยมั้ง” ในขณะที่กัวไฮว่หยิบเข็มออกมาจากตัวนั่นเอง อู๋ซู่ซานก็พูดขึ้นมาเบาๆ เข็มที่ตนใช้ก็บางพออยู่แล้ว เขาใช้กำลังภายในในการรักษาจึงสามารถรักษาได้อย่างใจนึก แต่ไม่คาดคิดว่าเข็มของกัวไฮว่ผู้นี้จะบางกว่าของตนเสียอีก

        “นี่ไม่ใช่ไอ้จ้อยสักหน่อยที่ยิ่งใหญ่ยิ่งให้แรงเยอะน่ะ ต้องดูที่ฝีมือเป็นสำคัญต่างหาก” กัวไฮว่พูดพลางหยิบเข็มขึ้นมา เพียงแค่เข็มเล่มแรกก็ทำเอาทุกคนตกใจจนเหงื่อตก จุดตาย เข็มเล่มแรกฝังไปที่จุดตาย

        “พ่อหนุ่ม เธอตั้งใจฝังเข็มไปก่อนนะ ขอพวกเราคุยกันหน่อย” ซุนเซิงพูดขึ้นเบาๆ

        “การแพทย์แผนโบราณไม่ได้ตกต่ำลง แค่พวกเราไปมาหาสู่กันน้อยไปเท่านั้นเอง พวกคุณว่าถ้าผมเอาพิษออกมาจากตัวของฉินเหล่าได้ จะฝังที่ตรงไหนดีนะ” กัวไฮว่ถือเข็มเงินเอาไว้พลางถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่ม เธอคิดเอาเองเถอะ ฉันล่ะไม่เข้าใจการฝังเข็มของเธอจริงๆ” อู๋ซู่ซานพูดขึ้นเบาๆ

        “งั้นก็ปิดเส้นเลือดพวกนี้ไว้ก่อน ให้เหลือแค่เส้นเดียว ไหลได้แค่ทางนี้เท่านั้น” บนร่างฉินเหล่ามีเข็มเล่มบางๆ ฝังอยู่สิบกว่าเล่ม

        “เหล่าซุน พ่อหนุ่มนี่ฝังเข็มเร็วขนาดนี้ ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม” จางเทียนเจิงสัมผัสได้ว่าพิษของตนได้เข้าไปในเส้นเลือดของฉินหลงเรียบร้อยแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเบาๆ

        “แกถามฉันแล้วจะให้ฉันถามใคร แกเป็นคนวางพิษ ฉันไม่รู้หรอกว่ามีปัญหาหรือเปล่า” ซุนเซิงพูดขึ้นเบาๆ “ถ้าเหล่าฉินตายจากยาพิษของแก งั้นชื่อเสียงหมอผีอย่างแกได้ดังระเบิดจริงๆ แน่”

        “เหล่าฉิน สบายๆ เดี๋ยวจะได้สบายกว่านี้เยอะ” เป็นเวลาประมาณสามนาที ในที่สุดทุกคนก็เบาใจลง สีหน้าของเหล่าฉิน ทำให้ให้สมองของกรรมการทั้งสามคนผุดคำขึ้นมาคำหนึ่งว่า กวนส้นเท้า

        “เหล่าจาง คุณเอาขวดเมื่อสักครู่นี้มาให้ผมเถอะ พิษที่คุณประกอบเมื่อกี้ไม่ธรรมดาเลย ผมจะคืนให้คุณ” กัวไฮว่ยื่นมือไปเอาขวดใบนั้นมาไว้ในมือโดยไม่รอให้จางเทียนเจิงได้มีปฏิกิริยาตอบรับ จากนั้นก็ฝังเข็มไปบนตัวของฉินหลงอีกครั้ง นอกจากนั้นเขายังเปลี่ยนคำเรียกจางเทียนเจิงจากคุณหมอจางเป็นเหล่าจางอีกด้วย

        “พ่อหนุ่ม เธอทำได้ยังไงกัน” จางเทียนเจิงไม่ได้กล่าวอะไรเพราะเขาไม่เชี่ยวชาญในด้านการฝังเข็ม คนที่กล่าวคืออู๋ซู่ซานที่ตะลึงพรึงเพริดอยู่นานแล้ว

        “ถ้าปิดเส้นเลือดให้ไหลได้แค่ทางเดียว ยังไงเขาก็ต้องตาย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณหมออู๋ ไม่ทราบว่าการฝังเข็มของผมเข้าตาคุณไหมครับ”

        “แพ้แล้ว ฉันแพ้แล้ว” อู๋ซู่ซานพูดขึ้นเบาๆ ฝีมือที่กัวไฮว่แสดงออกมานั้น เขาไม่อาจทำได้จริงๆ

        “ในเมื่อเหล่าอู๋ยอมแพ้แล้ว งั้นก็ไม่ถอนพิษนี่แล้วนะ” ภายในชั่วขณะเดียว เข็มที่อยู่บนตัวของฉินหลงก็กลับมาอยู่ในมือของกัวไฮว่อีกครั้ง

        “พ่อหนุ่ม เหล่าอู๋ยอมแพ้แล้ว งั้นเธอก็ถอนพิษที่อยู่ในตัวเหล่าฉินเถอะ” จางเทียนเจิงพูดขึ้นเบาๆ เขาเป็นคนวางพิษเขาย่อมรู้ดีว่าถ้าอยู่ในเส้นเลือดนาน ไม่ช้าไม่นานก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้

        “รีบทำไมกัน พี่สาม ถอดเสื้อเหล่าฉินให้หน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้ตาย ทำไมรสนิยมพี่แรงแบบนี้เนี่ย ถอดแต่เสื้อ ไม่ถอดกางเกง” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ หวังเซิงผู้ที่เลื่อมใสกัวไฮว่อย่างเต็มเปี่ยมก็วิ่งเข้ามาจะถอดกางเกงของฉินหลง เลยถูกกัวไฮว่พูดขวางเอาไว้ด้วยเสียงดัง

        “เจ้าสี่ แกไม่พูดให้ชัดยังจะมาโทษฉันอีก ชุดฉางเผามีท่อนบนที่ไหนกันล่ะ” หวังเซิงพูดเสียงดัง

        กัวไฮว่วาดมือไปในอากาศ จากนั้นกระบี่เฟยเจี้ยนในมือก็ลอยพุ่งตรงไปวนรอบตัวฉินหลงรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอยู่ในมือของกัวไฮว่อีกครั้ง จากนั้นชุดเผาบนตัวฉินหลงก็ขาดเป็นชิ้นๆ

        “เหล่าฉิน อายุปูนนี้แล้ว ดูแลตัวเองได้ไม่เลวเลยนะ ดูผิวพรรณกับร่างกายนี่สิ น่าอิจฉาจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ คราวนี้ฉินหลงจำต้องมุดหน้าหนี เขาทำยามากว่าเจ็ดสิบปี ไม่สิ เขาดูแลตัวเองได้ดีเพราะกินสมุนไพรบำรุงอยู่ทุกวัน ร่างกายของตนจึงไม่เลวเลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 97 ประลองความรู้ (3)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 97 ประลองความรู้ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พ่อหนุ่ม ชีวิตของฉันอยู่ในกำมือเธอแล้วล่ะ” ฉินหลงพูดยิ้มๆ เขาสัมผัสได้ว่ายาลูกกลอนเม็ดที่กัวไฮว่เอาออกมานั้นจะได้ผลดี จึงไม่ได้กังวลใจอะไร

        “เหล่าฉิน หวังว่าพ่อหนุ่มนี่จะรักษาแกให้หายดีได้นะ ไม่งั้นถ้าเกิดมีอาการแทรกซ้อนอะไรฉันไม่รับผิดชอบด้วยล่ะ” จางเทียนเจิงพูดยิ้มๆ “ดื่มเถอะ พิษนี่กระจายในร่างกายช้า แต่ถ้าถอนหรือกำจัดพิษไม่ได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ก็จะส่งผลต่อร่างกายไม่น้อยเลย” จางเทียนเจิงหยิบขวดเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “คุณฉิน คุณน่าจะกินพิษเป็นครั้งแรกเลยใช่ไหมครับ ถ้าคุณไม่รอดเดี๋ยวผมเป็นคนแกะสลักป้ายหน้าหลุมศพให้เอง ไว้ผมจะเขียนให้คุณว่าสละชีวิตเพื่อการแพทย์ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ โดยไม่รู้ว่าถือน้ำเต้าอยู่ในมือตั้งแต่เมื่อไหร่

        “เจ้าสี่ นี่แกกินเหล้าเพิ่มความกล้าเข้าไปหรือเปล่าเนี่ย” หวังเซิงพูดขึ้นเบาๆ น้องชายของเขาคนนี้เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะแพ้หรือจะชนะ ชื่อของกัวไฮว่ก็จะโด่งดังไปทั่วสมาคมแพทย์แผนโบราณแห่งนี้แล้วล่ะ

        “เหล่าฉิน กินพิษเถอะครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ส่วนฉินหลงก็กรอกของเหลวในขวดเข้าไปในปากด้วยสีหน้ากังวลใจ

        “เหล่าจาง อย่าเพิ่งพูด พิษแกนี่รสชาติไม่เลวเลยนะ มีกลิ่นหอมของชาเจือจางอยู่ด้วย” ฉินหลงพูดยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่ม รีบรักษาเขาเร็วเข้า ถ้าแกทำไม่ได้ก็รีบบอกไม่งั้นถ้าช่วยช้าไป ถึงเหล่าฉินจะรักษาชีวิตน้อยๆ นี้เอาไว้ได้ แต่ก็อยู่ได้ไม่เกินห้าปีหรอกนะ” จางเทียนเจิงพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายใจ เขาเกลือกกลั้วกับฉินหลงมาตั้งยี่สิบปี จึงค่อนข้างเป็นห่วงชายแก่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นยาเต็มตัวผู้นี้นัก

        “ไม่ได้งั้นเหรอ เกิดเป็นผู้ชายพูดว่าไม่ได้ได้ยังไงกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางทาบนิ้วทั้งสามไปตรงบริเวณข้อมือของฉินหลง

        “คุณหมอจาง เล่นใหญ่เหมือนกันนะ ระดับพิษนี่ไม่ต่ำเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นเดินมายังโต๊ะที่เขาเขียนพู่กันเมื่อสักครู่ จากนั้นก็ตวัดแปรงเขียนลงไป

        “คุณหมอหลิน ในเมื่อคุณไม่มีอะไรแล้วก็ช่วยไปเอายาตามนี่มาหน่อยสิ แล้วให้คนต้มน้ำสามถ้วย ส่งมาตอนร้อนๆ เลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พร้อมกับส่งกระดาษไปให้หลินฉางเทียน

        “น้องซาง ช่วยไปเอาสมุนไพรตามที่เขียนไว้หน่อย แล้วก็ต้มน้ำมาสามถ้วย” หลินฉางเทียนไม่ได้มองใบสั่งยา เขาพูดเสียงดังกับเจ้าซางที่กำลังพูดคุยอะไรบางอย่างอยู่ด้านนอก

        “เหล่าหลิน เป็นพิษหมดเลยนี่นา จะให้จัดยามาตามใบสั่งยานี่จริงเหรอ” เจ้าซางเดินไปแล้วประมาณยี่สิบเมตร เขาอ่านใบสั่งยาแวบหนึ่ง แล้วจึงวกกลับมาพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “เอามาตามใบสั่งยานี่แหละ ห้ามไม่ให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว ถ้าผิดละก็คงจะรักษาชีวิตน้อยๆ ของฉินเหล่าไม่ได้หรอกนะครับ” หลินฉางเทียนไม่ได้พูดอะไร มีเพียงกัวไฮว่ที่พูดยิ้มๆ

        “ให้ตาย พวกคุณเล่นใหญ่กันขนาดนี้เลยเหรอ” เจ้าเทียนชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งแจ้นออกไป “เจ้าเทียน ไปบอกข้างหลังนะว่าให้เตรียมหม้อดินเอาไว้ เดี๋ยวจะต้มยา”

        “พวกคุณมองผมแบบนั้นทำไม คุณจางบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าหนึ่งชั่วโมง ไม่ต้องรีบ” กัวไฮว่พูดๆ ยิ้มพลางมองไปยังชายแก่ที่เอาแต่มองตน

        “พ่อหนุ่ม ช่วยชีวิตคนเหมือนช่วยไฟ ยิ่งพิษอยู่ในร่างกายเหล่าฉินนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอันตรายต่อร่างกายของเหล่าฉินเท่านั้น ถ้าเธอมีวิธีจริงๆ ละก็รีบหน่อยเถอะ ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวฉันทำเอง” จางเทียนเจิงอดไม่ได้ที่จะพูดออกไป

        “งั้นผมช่วยคุมหลอดเลือดก่อนแล้วกันครับ เขาจะได้ไม่ตาย จากนั้นก็เอาพิษในเส้นเลือดออกมานิดนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ทั้งสองท่าน ผมเห็นว่าพวกคุณมีเข็ม ผมเองก็มีเข็ม”

        “พ่อหนุ่ม เข็มเธอดูบางไปหน่อยมั้ง” ในขณะที่กัวไฮว่หยิบเข็มออกมาจากตัวนั่นเอง อู๋ซู่ซานก็พูดขึ้นมาเบาๆ เข็มที่ตนใช้ก็บางพออยู่แล้ว เขาใช้กำลังภายในในการรักษาจึงสามารถรักษาได้อย่างใจนึก แต่ไม่คาดคิดว่าเข็มของกัวไฮว่ผู้นี้จะบางกว่าของตนเสียอีก

        “นี่ไม่ใช่ไอ้จ้อยสักหน่อยที่ยิ่งใหญ่ยิ่งให้แรงเยอะน่ะ ต้องดูที่ฝีมือเป็นสำคัญต่างหาก” กัวไฮว่พูดพลางหยิบเข็มขึ้นมา เพียงแค่เข็มเล่มแรกก็ทำเอาทุกคนตกใจจนเหงื่อตก จุดตาย เข็มเล่มแรกฝังไปที่จุดตาย

        “พ่อหนุ่ม เธอตั้งใจฝังเข็มไปก่อนนะ ขอพวกเราคุยกันหน่อย” ซุนเซิงพูดขึ้นเบาๆ

        “การแพทย์แผนโบราณไม่ได้ตกต่ำลง แค่พวกเราไปมาหาสู่กันน้อยไปเท่านั้นเอง พวกคุณว่าถ้าผมเอาพิษออกมาจากตัวของฉินเหล่าได้ จะฝังที่ตรงไหนดีนะ” กัวไฮว่ถือเข็มเงินเอาไว้พลางถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่ม เธอคิดเอาเองเถอะ ฉันล่ะไม่เข้าใจการฝังเข็มของเธอจริงๆ” อู๋ซู่ซานพูดขึ้นเบาๆ

        “งั้นก็ปิดเส้นเลือดพวกนี้ไว้ก่อน ให้เหลือแค่เส้นเดียว ไหลได้แค่ทางนี้เท่านั้น” บนร่างฉินเหล่ามีเข็มเล่มบางๆ ฝังอยู่สิบกว่าเล่ม

        “เหล่าซุน พ่อหนุ่มนี่ฝังเข็มเร็วขนาดนี้ ไม่เป็นไรหรอกใช่ไหม” จางเทียนเจิงสัมผัสได้ว่าพิษของตนได้เข้าไปในเส้นเลือดของฉินหลงเรียบร้อยแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นเบาๆ

        “แกถามฉันแล้วจะให้ฉันถามใคร แกเป็นคนวางพิษ ฉันไม่รู้หรอกว่ามีปัญหาหรือเปล่า” ซุนเซิงพูดขึ้นเบาๆ “ถ้าเหล่าฉินตายจากยาพิษของแก งั้นชื่อเสียงหมอผีอย่างแกได้ดังระเบิดจริงๆ แน่”

        “เหล่าฉิน สบายๆ เดี๋ยวจะได้สบายกว่านี้เยอะ” เป็นเวลาประมาณสามนาที ในที่สุดทุกคนก็เบาใจลง สีหน้าของเหล่าฉิน ทำให้ให้สมองของกรรมการทั้งสามคนผุดคำขึ้นมาคำหนึ่งว่า กวนส้นเท้า

        “เหล่าจาง คุณเอาขวดเมื่อสักครู่นี้มาให้ผมเถอะ พิษที่คุณประกอบเมื่อกี้ไม่ธรรมดาเลย ผมจะคืนให้คุณ” กัวไฮว่ยื่นมือไปเอาขวดใบนั้นมาไว้ในมือโดยไม่รอให้จางเทียนเจิงได้มีปฏิกิริยาตอบรับ จากนั้นก็ฝังเข็มไปบนตัวของฉินหลงอีกครั้ง นอกจากนั้นเขายังเปลี่ยนคำเรียกจางเทียนเจิงจากคุณหมอจางเป็นเหล่าจางอีกด้วย

        “พ่อหนุ่ม เธอทำได้ยังไงกัน” จางเทียนเจิงไม่ได้กล่าวอะไรเพราะเขาไม่เชี่ยวชาญในด้านการฝังเข็ม คนที่กล่าวคืออู๋ซู่ซานที่ตะลึงพรึงเพริดอยู่นานแล้ว

        “ถ้าปิดเส้นเลือดให้ไหลได้แค่ทางเดียว ยังไงเขาก็ต้องตาย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณหมออู๋ ไม่ทราบว่าการฝังเข็มของผมเข้าตาคุณไหมครับ”

        “แพ้แล้ว ฉันแพ้แล้ว” อู๋ซู่ซานพูดขึ้นเบาๆ ฝีมือที่กัวไฮว่แสดงออกมานั้น เขาไม่อาจทำได้จริงๆ

        “ในเมื่อเหล่าอู๋ยอมแพ้แล้ว งั้นก็ไม่ถอนพิษนี่แล้วนะ” ภายในชั่วขณะเดียว เข็มที่อยู่บนตัวของฉินหลงก็กลับมาอยู่ในมือของกัวไฮว่อีกครั้ง

        “พ่อหนุ่ม เหล่าอู๋ยอมแพ้แล้ว งั้นเธอก็ถอนพิษที่อยู่ในตัวเหล่าฉินเถอะ” จางเทียนเจิงพูดขึ้นเบาๆ เขาเป็นคนวางพิษเขาย่อมรู้ดีว่าถ้าอยู่ในเส้นเลือดนาน ไม่ช้าไม่นานก็อาจจะเกิดเรื่องขึ้นได้

        “รีบทำไมกัน พี่สาม ถอดเสื้อเหล่าฉินให้หน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้ตาย ทำไมรสนิยมพี่แรงแบบนี้เนี่ย ถอดแต่เสื้อ ไม่ถอดกางเกง” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ หวังเซิงผู้ที่เลื่อมใสกัวไฮว่อย่างเต็มเปี่ยมก็วิ่งเข้ามาจะถอดกางเกงของฉินหลง เลยถูกกัวไฮว่พูดขวางเอาไว้ด้วยเสียงดัง

        “เจ้าสี่ แกไม่พูดให้ชัดยังจะมาโทษฉันอีก ชุดฉางเผามีท่อนบนที่ไหนกันล่ะ” หวังเซิงพูดเสียงดัง

        กัวไฮว่วาดมือไปในอากาศ จากนั้นกระบี่เฟยเจี้ยนในมือก็ลอยพุ่งตรงไปวนรอบตัวฉินหลงรอบหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอยู่ในมือของกัวไฮว่อีกครั้ง จากนั้นชุดเผาบนตัวฉินหลงก็ขาดเป็นชิ้นๆ

        “เหล่าฉิน อายุปูนนี้แล้ว ดูแลตัวเองได้ไม่เลวเลยนะ ดูผิวพรรณกับร่างกายนี่สิ น่าอิจฉาจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ คราวนี้ฉินหลงจำต้องมุดหน้าหนี เขาทำยามากว่าเจ็ดสิบปี ไม่สิ เขาดูแลตัวเองได้ดีเพราะกินสมุนไพรบำรุงอยู่ทุกวัน ร่างกายของตนจึงไม่เลวเลยทีเดียว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+