[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 132 ทำยาผิวหิมะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 132 ทำยาผิวหิมะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เธอถูกหลอกแล้ว คำง่ายๆ เพียงแค่สี่คำทำเอาเฉินเจี่ยตี้หน้าแดงเถือกขึ้นมา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เงินหนึ่งหมื่นสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ก็คือที่เขาถูกหลอกมา

        “นักศึกษาแพทย์โบราณที่อยู่กลุ่มเดียวกับเฉินเจี่ยตี้ยืนขึ้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พวกเธอดูออกไหมว่าโสมสามสิบปีนี่ทำเป็นของปลอมได้ยังไง”

        “ผอ. ครับ ตอนที่รุ่นพี่เฉินซื้อโสม ผมเองก็อยู่ข้างๆ ผมเห็นโสมนี่แล้วล่ะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าทำปลอมออกมาได้ยังไง แต่ผมรู้แค่ว่าราคาโสมป่าสามสิบปีแบบนี้ไม่มีทางหมื่นหยวนแน่” อู่จ้านพูดยิ้มๆ

        “นักศึกษาคนอื่นมาดูเร็ว มาดูหน่อยว่ามีใครดูออกหรือเปล่า” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ

        “โสมนี่เป็นโสมบำรุงอายุหนึ่งปีค่ะ” เหอโม่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับพูดเบาๆ “ส่วนที่อยู่ข้างบนเอาโสมบำรุงหนึ่งปีต้นอื่นไปปัก”

        หลังจากที่กัวไฮว่ได้ฟังก็ผงกศีรษะ ส่วนโจวเทียนหยางยิ้มตรงมุมปาก เขาหยิบโสมขึ้นมา บี้เบาๆ ทำให้ส่วนบนของโสมแตกออกเป็นซี่เล็กๆ สิบซี่ ทำเอาสีหน้าของเฉินเจี่ยตี้ซีดยิ่งกว่าเดิม

        “ผมจะไปหาพวกมัน” เฉินเจี่ยตี้ตะโกนเสียงดังเตรียมจะวิ่งออกไป

        “เจี่ยตี้ กลับมาเถอะ เธอไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อซื้อของนี่มาแล้ว งั้นก็ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน หมื่นเดียวไม่แพงหรอก” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ “ฉันไปทำกับข้าวล่ะ พวกเธออยู่คุยกันไปก่อน” พูดเสร็จเขาก็เอาสมุนไพรในถุงไปจำนวนหนึ่งจากนั้นก็เดินเข้าไปในครัว

        “วันแรกฉันก็ผิดหวังแล้วนะ” กัวไฮว่มองนักเรียนทั้งสิบแปดคนพร้อมกับพูดขึ้น “ที่ผิดหวังไม่ใช่เพราะเฉินเจี่ยตี้ซื้อโสมปลอมมาหรอก ของประมาณครึ่งหนึ่งในถุงนี้ก็ใช้ไม่ได้ ในถุงใบแรกเป็นหมาหวง ในถุงใบที่สองเป็นกุ้ยจือ ในถุงใบที่สามเป็นใบจื่อซู ในถุงใบที่ห้าเป็นจิงเจี้ย ในถุงใบที่เจ็ดเป็นตู๋หัว ในถุงใบที่แปดเป็นซินอี๋ ในถุงใบที่สิบเป็นสือหู ในถุงใบที่สิบเอ็ดเป็นไกว้หลิ่ว ในถุงใบที่สิบสองเป็นฉีเกิน ในถุงใบที่สิบสี่เป็นหญ้าลู่เสียนกับหนิวซี ในถุงใบที่สิบห้าเป็นเถาวัลย์เหลยเฟิง สวินกู่เฟิง ในถุงใบที่สิบหกมีโก่วจี่ เสวียนชาน ในถุงใบที่สิบเจ็ดมีชิงมู่เซียง ซานโต้วเกิน”

        ในขณะที่กัวไฮว่พูดอยู่นั้นเหล่านักศึกษาต่างก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง ส่วนนักศึกษาที่กัวไฮว่ไม่ได้พูดถึงในถุงใบที่สี่ หก เจ็ด สิบสามและสิบเจ็ดก็แอบดีใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่กัวไฮว่กำลังจะพูดตามมาทำเอานักศึกษาห้าคนนี้แทบจะมุดดินหนี

        “ห้าถุงที่เหลือของดีครึ่งไม่ดีครึ่ง ถ้าจะใช้ก็ต้องเอายาคุณภาพไม่ดีออกไปหมดก่อน ไม่งั้นถ้าใช้ยาพวกนี้ไปรักษา คนอาจตายได้” กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “ฉันหวังว่าพวกเธอจะจำเอาไว้นะว่าพวกเธอไม่ใช่นักศึกษาแพทย์โบราณกับแพทย์ปัจจุบันมหาลัยอู่เฉิงน่ะ แต่พวกเธอเป็นพนักงานคลินิกไม่ เป็นหมอของคลินิกไม่ เป็นหมอชั้นยอดของหัวซย่าในอนาคต เป็นความหวังและความภาคภูมิใจของการแพทย์แผนโบราณ” กัวไฮว่กล่าวด้วยเสียงดัง “พวกเธอสามกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มก็มีนักศึกษาที่รู้ด้านการแพทย์แผนโบราณอยู่ด้วย พวกเธอสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้ แต่พวกเธออยากเอาชนะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะเห็น วันนี้กินข้าวเสร็จแล้วไว้ฉันจะบอกพวกเธอว่าจะแยกแยะสมุนไพรที่พวกเธอซื้อมานี่ยังไง ไว้พรุ่งนี้เราจะไปที่ตลาดสมุนไพรอีกรอบ เอาให้พวกเถ้าแก่ที่ดูถูกพวกเธอแล้วก็เห็นพวกเธอเป็นแหล่งเงินช็อกไปเลย”

        คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของกัวไฮว่ทำเอานักศึกษาทั้งสิบแปดรายวุ่นวายกันไปหมด เวลาผ่านไปประมาณสามสิบนาทีก็มีกลิ่นหอมฉุยลอยมาจากห้องครัว ทว่ากัวไฮว่กลับเดินเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ในคลินิกไม่ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำไท่ซุ่ยหกสิบห้ากิโลกรัมไปวางไว้ภายในสระขนาดใหญ่ในห้องเล็ก ๆ นั่น

        “ดูทรงสองวันนี้ต้องให้ต้าจู้มาแล้วล่ะ เลือดลมนักเวท ฮ่า ๆ ใช้เลือดนักเวทมาเลี้ยงราชาไท่ซุ่ยนี่ซะ ในสวรรค์ยังไม่มีใหญ่ขนาดนี้เลยมั้ง แบบนี้ฉันทำยาลูกกลอนที่แดนมนุษย์เขาใช้กันได้แล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ

        กัวไฮว่เดินออกมาจากห้องแล้วมองอวี้เอ๋อร์แวบหนึ่ง ในร่างกายของอวี้เอ๋อร์ก็มีเลือดลมนักเวท ทว่าอวี้เอ๋อร์มองเขายิ้ม ๆ แวบหนึ่ง ทำให้เขาลบความคิดนั้นทิ้งไป เพราะดูเหมือนว่าอวี้เอ๋อร์จะเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ มีดเล็กในมือเล่มนั้นโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ หากกัวไฮว่บังอาจพูดออกไปเขาต้องเลือดออกเป็นแน่

        “กินข้าว หลังกินข้าวเสร็จไว้เรามาจัดประเภทยากัน แล้วก็เก็บยาไว้ในตู้ อันไหนที่ใช้ไม่ได้ไว้ฉันคิดวิธีอื่น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ มื้อดึกไม่ได้อลังการเท่ามื้อกลางวัน และเป็นเพราะเรื่องที่ซื้อยามาทำให้นักศึกษาทั้งสิบแปดคนก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่นัก แต่กัวไฮว่กับโจวเทียนหยางทานเหล้ากันสองคนอย่างสำราญใจ

        “มีความสุขหน่อยสิ วันนี้ยังเป็นวันแรก ต่อไปยังเวลาอีกเยอะเลย มาเถอะ ย้ายยาที่พวกเธอซื้อมาวันนี้ไปไว้ในห้องกัน” เมื่อทานข้าวกับเหล้าอิ่มแล้ว กัวไฮว่ก็ให้นักศึกษาย้ายยาไปไว้ในห้อง จากนั้นก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับยาพวกนี้ให้พวกเขาฟัง

        “ยาที่ใช้บ่อย ๆ มีหลายชนิด รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนกัน เวลาพวกเราแยกยาว่าจริงหรือปลอมจะลำบากหน่อย ในคลินิกธรรมดา ๆ แบบพวกเราเนี่ย ไม่ได้ใช้วิธีการทดสอบทางเคมีในปัจจุบันมาตรวจสอบยา และไม่ได้ส่งยาไปตรวจสอบที่ฝ่ายตรวจยาด้วย แต่ให้ใช้วิธีการเก่าแก่อย่างการใช้ตามอง มือจับ จมูกดม ปากชิม ทดลองกับน้ำ และเผากับไฟในการตรวจสอบขั้นต้นอย่างเดียว”

        “นอกจากการแยกแบบเก่าแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีในการแยกยา ส่วนยาที่ไม่ใช่เนี่ยก็มีวิธีแยกยาไม่เหมือนกัน เช่นดอกฉางหงเนี่ยพวกเธอสามารถเด็ดเอาไปไว้ในน้ำกลีบหนึ่ง น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแต่ดอกไม้จะไม่ซีดลง เปลือกไม้ให้นำไปต้ม น้ำที่ต้มก็จะมีแสงสะท้อนสีน้ำเงินหยก ผงถุงน้ำดีหมีให้เทลงไปในน้ำสะอาดแล้วมันจะหมุนตัวอยู่บนผิวน้ำก่อนจะจมรวมเป็นเส้นสีเหลืองไม่กระจัดกระจาย”

        เป็นเวลาตั้งแต่เจ็ดนาฬิกาจนถึงเก้านาฬิกา เริ่มแรกนักศึกษาต่างยังระมัดระวังตัว จากนั้นทุกคนก็ผ่อนคลายลง หากมีข้อสงสัยก็ถามขึ้นมา ถ้าเป็นคำถามธรรมดา ๆ กัวไฮว่จะให้นักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณถกกัน ความรู้ทางด้านการแพทย์โบราณของเหอโม่ทำเอานักศึกษาจากทั้งสองคณะตกอกตกใจไป

        “โสมแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท มีโสมแดง โสมตากแดด โสมป่า โสมเกาหลีและอื่น ๆ โสมคุณภาพต่ำมีสิบกว่าชนิด เวลาแยกเลยตาลาย คนเลยมักจะสังเกตโสมที่รากกับลำต้น โสมทุกชนิดจะมีรากกับลำต้น แต่ต้นของโสมสวนจะโตตรงรากหนึ่งถึงสองด้าน และโสมป่าจะมีต้นงอกออกมาตรงรากสี่ด้าน โสมที่ดีเช่นโสมเกาหลีจะลำต้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่า ๆ กัน เจี๋ยเกิ่งกับโสมตากแดดคล้ายกัน แต่เจี๋ยเกิ่งจะมีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเลยแยกได้ โสมของปลอมมักจะไม่มีส่วนต้น” เหอโม่พูดกับนักศึกษาคณะแพทย์แผนตะวันตกคนหนึ่งที่ซื้อโสมมา

        กัวไฮว่พยักหน้าด้วยความพอใจ ศิษย์ของเขาคนนี้ไม่เลวเลย ก่อนเปิดกิจการต้องทำยาผิวหิมะสักหน่อย รักษาหน้าของเหอโม่ให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน

        เมื่อรอให้นักศึกษาทุกคนกลับไปนอนที่โรงแรมกันหมดแล้ว กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องเล็กที่เก็บไท่ซุ่ยเอาไว้ จากนั้นก็ใช้กระบี่หั่นไท่ซุ่ยชิ้นนั้นให้เหลือขนาดเท่าฝ่ามือ

        “พอไม่มีติ่งยา[1] แล้วเปลืองแรงมากเลย ตอนนั้นตั้งหลายคนบินขึ้นสวรรค์ไป ไม่น่าจะเอาติ่งยากันไปหมดนะ ไว้ค่อยหาเวลาทำติ่งยาสักหน่อยดีกว่า ไม่งั้นอัตราในการทำยาสำเร็จต้องต่ำมากแน่” กัวไฮว่พูดเบาๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องทำยาของคลินิกไม่ เขาเลือกยาเป็นลำดับๆ ยาผิวหิมะนั้นดีกว่ายาที่ให้มู่หรงเวยเวยไปในครั้งแรกเยอะ ทำง่ายกว่ายากันแก่เสียอีก และสามารถช่วยให้ในวันเปิดกิจการคลินิกไม่เปิดตัวได้อย่างสวยงาม

        คิดไปคิดมา กัวไฮว่ก็ยิ้มยกตรงมุมปาก ยาที่อยู่บนโต๊ะก็ลอยอยู่บนอากาศ จากนั้นก็มีไฟลุกรั่วไหลออกมาข้างนอก ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ไม่สำเร็จไปแล้วแปดครั้ง ก็มียาลูกกลอนสีขาวจำนวนแปดเม็ดลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ…ในที่สุดก็สำเร็จ

         

[1] ภาชนะหุงต้มชนิดมีขาตั้งสามขาและมีหูจับ นิยมใช้มากในสมัยก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 132 ทำยาผิวหิมะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 132 ทำยาผิวหิมะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เธอถูกหลอกแล้ว คำง่ายๆ เพียงแค่สี่คำทำเอาเฉินเจี่ยตี้หน้าแดงเถือกขึ้นมา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เงินหนึ่งหมื่นสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ก็คือที่เขาถูกหลอกมา

        “นักศึกษาแพทย์โบราณที่อยู่กลุ่มเดียวกับเฉินเจี่ยตี้ยืนขึ้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พวกเธอดูออกไหมว่าโสมสามสิบปีนี่ทำเป็นของปลอมได้ยังไง”

        “ผอ. ครับ ตอนที่รุ่นพี่เฉินซื้อโสม ผมเองก็อยู่ข้างๆ ผมเห็นโสมนี่แล้วล่ะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าทำปลอมออกมาได้ยังไง แต่ผมรู้แค่ว่าราคาโสมป่าสามสิบปีแบบนี้ไม่มีทางหมื่นหยวนแน่” อู่จ้านพูดยิ้มๆ

        “นักศึกษาคนอื่นมาดูเร็ว มาดูหน่อยว่ามีใครดูออกหรือเปล่า” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ

        “โสมนี่เป็นโสมบำรุงอายุหนึ่งปีค่ะ” เหอโม่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับพูดเบาๆ “ส่วนที่อยู่ข้างบนเอาโสมบำรุงหนึ่งปีต้นอื่นไปปัก”

        หลังจากที่กัวไฮว่ได้ฟังก็ผงกศีรษะ ส่วนโจวเทียนหยางยิ้มตรงมุมปาก เขาหยิบโสมขึ้นมา บี้เบาๆ ทำให้ส่วนบนของโสมแตกออกเป็นซี่เล็กๆ สิบซี่ ทำเอาสีหน้าของเฉินเจี่ยตี้ซีดยิ่งกว่าเดิม

        “ผมจะไปหาพวกมัน” เฉินเจี่ยตี้ตะโกนเสียงดังเตรียมจะวิ่งออกไป

        “เจี่ยตี้ กลับมาเถอะ เธอไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อซื้อของนี่มาแล้ว งั้นก็ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน หมื่นเดียวไม่แพงหรอก” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ “ฉันไปทำกับข้าวล่ะ พวกเธออยู่คุยกันไปก่อน” พูดเสร็จเขาก็เอาสมุนไพรในถุงไปจำนวนหนึ่งจากนั้นก็เดินเข้าไปในครัว

        “วันแรกฉันก็ผิดหวังแล้วนะ” กัวไฮว่มองนักเรียนทั้งสิบแปดคนพร้อมกับพูดขึ้น “ที่ผิดหวังไม่ใช่เพราะเฉินเจี่ยตี้ซื้อโสมปลอมมาหรอก ของประมาณครึ่งหนึ่งในถุงนี้ก็ใช้ไม่ได้ ในถุงใบแรกเป็นหมาหวง ในถุงใบที่สองเป็นกุ้ยจือ ในถุงใบที่สามเป็นใบจื่อซู ในถุงใบที่ห้าเป็นจิงเจี้ย ในถุงใบที่เจ็ดเป็นตู๋หัว ในถุงใบที่แปดเป็นซินอี๋ ในถุงใบที่สิบเป็นสือหู ในถุงใบที่สิบเอ็ดเป็นไกว้หลิ่ว ในถุงใบที่สิบสองเป็นฉีเกิน ในถุงใบที่สิบสี่เป็นหญ้าลู่เสียนกับหนิวซี ในถุงใบที่สิบห้าเป็นเถาวัลย์เหลยเฟิง สวินกู่เฟิง ในถุงใบที่สิบหกมีโก่วจี่ เสวียนชาน ในถุงใบที่สิบเจ็ดมีชิงมู่เซียง ซานโต้วเกิน”

        ในขณะที่กัวไฮว่พูดอยู่นั้นเหล่านักศึกษาต่างก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง ส่วนนักศึกษาที่กัวไฮว่ไม่ได้พูดถึงในถุงใบที่สี่ หก เจ็ด สิบสามและสิบเจ็ดก็แอบดีใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่กัวไฮว่กำลังจะพูดตามมาทำเอานักศึกษาห้าคนนี้แทบจะมุดดินหนี

        “ห้าถุงที่เหลือของดีครึ่งไม่ดีครึ่ง ถ้าจะใช้ก็ต้องเอายาคุณภาพไม่ดีออกไปหมดก่อน ไม่งั้นถ้าใช้ยาพวกนี้ไปรักษา คนอาจตายได้” กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “ฉันหวังว่าพวกเธอจะจำเอาไว้นะว่าพวกเธอไม่ใช่นักศึกษาแพทย์โบราณกับแพทย์ปัจจุบันมหาลัยอู่เฉิงน่ะ แต่พวกเธอเป็นพนักงานคลินิกไม่ เป็นหมอของคลินิกไม่ เป็นหมอชั้นยอดของหัวซย่าในอนาคต เป็นความหวังและความภาคภูมิใจของการแพทย์แผนโบราณ” กัวไฮว่กล่าวด้วยเสียงดัง “พวกเธอสามกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มก็มีนักศึกษาที่รู้ด้านการแพทย์แผนโบราณอยู่ด้วย พวกเธอสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้ แต่พวกเธออยากเอาชนะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะเห็น วันนี้กินข้าวเสร็จแล้วไว้ฉันจะบอกพวกเธอว่าจะแยกแยะสมุนไพรที่พวกเธอซื้อมานี่ยังไง ไว้พรุ่งนี้เราจะไปที่ตลาดสมุนไพรอีกรอบ เอาให้พวกเถ้าแก่ที่ดูถูกพวกเธอแล้วก็เห็นพวกเธอเป็นแหล่งเงินช็อกไปเลย”

        คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของกัวไฮว่ทำเอานักศึกษาทั้งสิบแปดรายวุ่นวายกันไปหมด เวลาผ่านไปประมาณสามสิบนาทีก็มีกลิ่นหอมฉุยลอยมาจากห้องครัว ทว่ากัวไฮว่กลับเดินเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ในคลินิกไม่ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำไท่ซุ่ยหกสิบห้ากิโลกรัมไปวางไว้ภายในสระขนาดใหญ่ในห้องเล็ก ๆ นั่น

        “ดูทรงสองวันนี้ต้องให้ต้าจู้มาแล้วล่ะ เลือดลมนักเวท ฮ่า ๆ ใช้เลือดนักเวทมาเลี้ยงราชาไท่ซุ่ยนี่ซะ ในสวรรค์ยังไม่มีใหญ่ขนาดนี้เลยมั้ง แบบนี้ฉันทำยาลูกกลอนที่แดนมนุษย์เขาใช้กันได้แล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ

        กัวไฮว่เดินออกมาจากห้องแล้วมองอวี้เอ๋อร์แวบหนึ่ง ในร่างกายของอวี้เอ๋อร์ก็มีเลือดลมนักเวท ทว่าอวี้เอ๋อร์มองเขายิ้ม ๆ แวบหนึ่ง ทำให้เขาลบความคิดนั้นทิ้งไป เพราะดูเหมือนว่าอวี้เอ๋อร์จะเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ มีดเล็กในมือเล่มนั้นโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ หากกัวไฮว่บังอาจพูดออกไปเขาต้องเลือดออกเป็นแน่

        “กินข้าว หลังกินข้าวเสร็จไว้เรามาจัดประเภทยากัน แล้วก็เก็บยาไว้ในตู้ อันไหนที่ใช้ไม่ได้ไว้ฉันคิดวิธีอื่น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ มื้อดึกไม่ได้อลังการเท่ามื้อกลางวัน และเป็นเพราะเรื่องที่ซื้อยามาทำให้นักศึกษาทั้งสิบแปดคนก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่นัก แต่กัวไฮว่กับโจวเทียนหยางทานเหล้ากันสองคนอย่างสำราญใจ

        “มีความสุขหน่อยสิ วันนี้ยังเป็นวันแรก ต่อไปยังเวลาอีกเยอะเลย มาเถอะ ย้ายยาที่พวกเธอซื้อมาวันนี้ไปไว้ในห้องกัน” เมื่อทานข้าวกับเหล้าอิ่มแล้ว กัวไฮว่ก็ให้นักศึกษาย้ายยาไปไว้ในห้อง จากนั้นก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับยาพวกนี้ให้พวกเขาฟัง

        “ยาที่ใช้บ่อย ๆ มีหลายชนิด รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนกัน เวลาพวกเราแยกยาว่าจริงหรือปลอมจะลำบากหน่อย ในคลินิกธรรมดา ๆ แบบพวกเราเนี่ย ไม่ได้ใช้วิธีการทดสอบทางเคมีในปัจจุบันมาตรวจสอบยา และไม่ได้ส่งยาไปตรวจสอบที่ฝ่ายตรวจยาด้วย แต่ให้ใช้วิธีการเก่าแก่อย่างการใช้ตามอง มือจับ จมูกดม ปากชิม ทดลองกับน้ำ และเผากับไฟในการตรวจสอบขั้นต้นอย่างเดียว”

        “นอกจากการแยกแบบเก่าแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีในการแยกยา ส่วนยาที่ไม่ใช่เนี่ยก็มีวิธีแยกยาไม่เหมือนกัน เช่นดอกฉางหงเนี่ยพวกเธอสามารถเด็ดเอาไปไว้ในน้ำกลีบหนึ่ง น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแต่ดอกไม้จะไม่ซีดลง เปลือกไม้ให้นำไปต้ม น้ำที่ต้มก็จะมีแสงสะท้อนสีน้ำเงินหยก ผงถุงน้ำดีหมีให้เทลงไปในน้ำสะอาดแล้วมันจะหมุนตัวอยู่บนผิวน้ำก่อนจะจมรวมเป็นเส้นสีเหลืองไม่กระจัดกระจาย”

        เป็นเวลาตั้งแต่เจ็ดนาฬิกาจนถึงเก้านาฬิกา เริ่มแรกนักศึกษาต่างยังระมัดระวังตัว จากนั้นทุกคนก็ผ่อนคลายลง หากมีข้อสงสัยก็ถามขึ้นมา ถ้าเป็นคำถามธรรมดา ๆ กัวไฮว่จะให้นักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณถกกัน ความรู้ทางด้านการแพทย์โบราณของเหอโม่ทำเอานักศึกษาจากทั้งสองคณะตกอกตกใจไป

        “โสมแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท มีโสมแดง โสมตากแดด โสมป่า โสมเกาหลีและอื่น ๆ โสมคุณภาพต่ำมีสิบกว่าชนิด เวลาแยกเลยตาลาย คนเลยมักจะสังเกตโสมที่รากกับลำต้น โสมทุกชนิดจะมีรากกับลำต้น แต่ต้นของโสมสวนจะโตตรงรากหนึ่งถึงสองด้าน และโสมป่าจะมีต้นงอกออกมาตรงรากสี่ด้าน โสมที่ดีเช่นโสมเกาหลีจะลำต้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่า ๆ กัน เจี๋ยเกิ่งกับโสมตากแดดคล้ายกัน แต่เจี๋ยเกิ่งจะมีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเลยแยกได้ โสมของปลอมมักจะไม่มีส่วนต้น” เหอโม่พูดกับนักศึกษาคณะแพทย์แผนตะวันตกคนหนึ่งที่ซื้อโสมมา

        กัวไฮว่พยักหน้าด้วยความพอใจ ศิษย์ของเขาคนนี้ไม่เลวเลย ก่อนเปิดกิจการต้องทำยาผิวหิมะสักหน่อย รักษาหน้าของเหอโม่ให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน

        เมื่อรอให้นักศึกษาทุกคนกลับไปนอนที่โรงแรมกันหมดแล้ว กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องเล็กที่เก็บไท่ซุ่ยเอาไว้ จากนั้นก็ใช้กระบี่หั่นไท่ซุ่ยชิ้นนั้นให้เหลือขนาดเท่าฝ่ามือ

        “พอไม่มีติ่งยา[1] แล้วเปลืองแรงมากเลย ตอนนั้นตั้งหลายคนบินขึ้นสวรรค์ไป ไม่น่าจะเอาติ่งยากันไปหมดนะ ไว้ค่อยหาเวลาทำติ่งยาสักหน่อยดีกว่า ไม่งั้นอัตราในการทำยาสำเร็จต้องต่ำมากแน่” กัวไฮว่พูดเบาๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องทำยาของคลินิกไม่ เขาเลือกยาเป็นลำดับๆ ยาผิวหิมะนั้นดีกว่ายาที่ให้มู่หรงเวยเวยไปในครั้งแรกเยอะ ทำง่ายกว่ายากันแก่เสียอีก และสามารถช่วยให้ในวันเปิดกิจการคลินิกไม่เปิดตัวได้อย่างสวยงาม

        คิดไปคิดมา กัวไฮว่ก็ยิ้มยกตรงมุมปาก ยาที่อยู่บนโต๊ะก็ลอยอยู่บนอากาศ จากนั้นก็มีไฟลุกรั่วไหลออกมาข้างนอก ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ไม่สำเร็จไปแล้วแปดครั้ง ก็มียาลูกกลอนสีขาวจำนวนแปดเม็ดลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ…ในที่สุดก็สำเร็จ

         

[1] ภาชนะหุงต้มชนิดมีขาตั้งสามขาและมีหูจับ นิยมใช้มากในสมัยก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 132 ทำยาผิวหิมะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 132 ทำยาผิวหิมะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เธอถูกหลอกแล้ว คำง่ายๆ เพียงแค่สี่คำทำเอาเฉินเจี่ยตี้หน้าแดงเถือกขึ้นมา จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือด เงินหนึ่งหมื่นสำหรับเขาแล้วก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่สิ่งที่เขาทนไม่ได้ก็คือที่เขาถูกหลอกมา

        “นักศึกษาแพทย์โบราณที่อยู่กลุ่มเดียวกับเฉินเจี่ยตี้ยืนขึ้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พวกเธอดูออกไหมว่าโสมสามสิบปีนี่ทำเป็นของปลอมได้ยังไง”

        “ผอ. ครับ ตอนที่รุ่นพี่เฉินซื้อโสม ผมเองก็อยู่ข้างๆ ผมเห็นโสมนี่แล้วล่ะ ถึงผมจะไม่รู้ว่าทำปลอมออกมาได้ยังไง แต่ผมรู้แค่ว่าราคาโสมป่าสามสิบปีแบบนี้ไม่มีทางหมื่นหยวนแน่” อู่จ้านพูดยิ้มๆ

        “นักศึกษาคนอื่นมาดูเร็ว มาดูหน่อยว่ามีใครดูออกหรือเปล่า” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ

        “โสมนี่เป็นโสมบำรุงอายุหนึ่งปีค่ะ” เหอโม่ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับพูดเบาๆ “ส่วนที่อยู่ข้างบนเอาโสมบำรุงหนึ่งปีต้นอื่นไปปัก”

        หลังจากที่กัวไฮว่ได้ฟังก็ผงกศีรษะ ส่วนโจวเทียนหยางยิ้มตรงมุมปาก เขาหยิบโสมขึ้นมา บี้เบาๆ ทำให้ส่วนบนของโสมแตกออกเป็นซี่เล็กๆ สิบซี่ ทำเอาสีหน้าของเฉินเจี่ยตี้ซีดยิ่งกว่าเดิม

        “ผมจะไปหาพวกมัน” เฉินเจี่ยตี้ตะโกนเสียงดังเตรียมจะวิ่งออกไป

        “เจี่ยตี้ กลับมาเถอะ เธอไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในเมื่อซื้อของนี่มาแล้ว งั้นก็ถือว่าเป็นบทเรียนก็แล้วกัน หมื่นเดียวไม่แพงหรอก” โจวเทียนหยางพูดยิ้มๆ “ฉันไปทำกับข้าวล่ะ พวกเธออยู่คุยกันไปก่อน” พูดเสร็จเขาก็เอาสมุนไพรในถุงไปจำนวนหนึ่งจากนั้นก็เดินเข้าไปในครัว

        “วันแรกฉันก็ผิดหวังแล้วนะ” กัวไฮว่มองนักเรียนทั้งสิบแปดคนพร้อมกับพูดขึ้น “ที่ผิดหวังไม่ใช่เพราะเฉินเจี่ยตี้ซื้อโสมปลอมมาหรอก ของประมาณครึ่งหนึ่งในถุงนี้ก็ใช้ไม่ได้ ในถุงใบแรกเป็นหมาหวง ในถุงใบที่สองเป็นกุ้ยจือ ในถุงใบที่สามเป็นใบจื่อซู ในถุงใบที่ห้าเป็นจิงเจี้ย ในถุงใบที่เจ็ดเป็นตู๋หัว ในถุงใบที่แปดเป็นซินอี๋ ในถุงใบที่สิบเป็นสือหู ในถุงใบที่สิบเอ็ดเป็นไกว้หลิ่ว ในถุงใบที่สิบสองเป็นฉีเกิน ในถุงใบที่สิบสี่เป็นหญ้าลู่เสียนกับหนิวซี ในถุงใบที่สิบห้าเป็นเถาวัลย์เหลยเฟิง สวินกู่เฟิง ในถุงใบที่สิบหกมีโก่วจี่ เสวียนชาน ในถุงใบที่สิบเจ็ดมีชิงมู่เซียง ซานโต้วเกิน”

        ในขณะที่กัวไฮว่พูดอยู่นั้นเหล่านักศึกษาต่างก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง ส่วนนักศึกษาที่กัวไฮว่ไม่ได้พูดถึงในถุงใบที่สี่ หก เจ็ด สิบสามและสิบเจ็ดก็แอบดีใจเล็กน้อย แต่สิ่งที่กัวไฮว่กำลังจะพูดตามมาทำเอานักศึกษาห้าคนนี้แทบจะมุดดินหนี

        “ห้าถุงที่เหลือของดีครึ่งไม่ดีครึ่ง ถ้าจะใช้ก็ต้องเอายาคุณภาพไม่ดีออกไปหมดก่อน ไม่งั้นถ้าใช้ยาพวกนี้ไปรักษา คนอาจตายได้” กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “ฉันหวังว่าพวกเธอจะจำเอาไว้นะว่าพวกเธอไม่ใช่นักศึกษาแพทย์โบราณกับแพทย์ปัจจุบันมหาลัยอู่เฉิงน่ะ แต่พวกเธอเป็นพนักงานคลินิกไม่ เป็นหมอของคลินิกไม่ เป็นหมอชั้นยอดของหัวซย่าในอนาคต เป็นความหวังและความภาคภูมิใจของการแพทย์แผนโบราณ” กัวไฮว่กล่าวด้วยเสียงดัง “พวกเธอสามกลุ่ม ในแต่ละกลุ่มก็มีนักศึกษาที่รู้ด้านการแพทย์แผนโบราณอยู่ด้วย พวกเธอสามารถหลีกเลี่ยงความผิดพลาดได้ แต่พวกเธออยากเอาชนะ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะเห็น วันนี้กินข้าวเสร็จแล้วไว้ฉันจะบอกพวกเธอว่าจะแยกแยะสมุนไพรที่พวกเธอซื้อมานี่ยังไง ไว้พรุ่งนี้เราจะไปที่ตลาดสมุนไพรอีกรอบ เอาให้พวกเถ้าแก่ที่ดูถูกพวกเธอแล้วก็เห็นพวกเธอเป็นแหล่งเงินช็อกไปเลย”

        คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของกัวไฮว่ทำเอานักศึกษาทั้งสิบแปดรายวุ่นวายกันไปหมด เวลาผ่านไปประมาณสามสิบนาทีก็มีกลิ่นหอมฉุยลอยมาจากห้องครัว ทว่ากัวไฮว่กลับเดินเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ในคลินิกไม่ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำไท่ซุ่ยหกสิบห้ากิโลกรัมไปวางไว้ภายในสระขนาดใหญ่ในห้องเล็ก ๆ นั่น

        “ดูทรงสองวันนี้ต้องให้ต้าจู้มาแล้วล่ะ เลือดลมนักเวท ฮ่า ๆ ใช้เลือดนักเวทมาเลี้ยงราชาไท่ซุ่ยนี่ซะ ในสวรรค์ยังไม่มีใหญ่ขนาดนี้เลยมั้ง แบบนี้ฉันทำยาลูกกลอนที่แดนมนุษย์เขาใช้กันได้แล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ

        กัวไฮว่เดินออกมาจากห้องแล้วมองอวี้เอ๋อร์แวบหนึ่ง ในร่างกายของอวี้เอ๋อร์ก็มีเลือดลมนักเวท ทว่าอวี้เอ๋อร์มองเขายิ้ม ๆ แวบหนึ่ง ทำให้เขาลบความคิดนั้นทิ้งไป เพราะดูเหมือนว่าอวี้เอ๋อร์จะเดาออกว่าเขาคิดอะไรอยู่ มีดเล็กในมือเล่มนั้นโผล่ออกมาจากแขนเสื้อ หากกัวไฮว่บังอาจพูดออกไปเขาต้องเลือดออกเป็นแน่

        “กินข้าว หลังกินข้าวเสร็จไว้เรามาจัดประเภทยากัน แล้วก็เก็บยาไว้ในตู้ อันไหนที่ใช้ไม่ได้ไว้ฉันคิดวิธีอื่น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ มื้อดึกไม่ได้อลังการเท่ามื้อกลางวัน และเป็นเพราะเรื่องที่ซื้อยามาทำให้นักศึกษาทั้งสิบแปดคนก็ไม่ได้ตื่นเต้นมากเท่าไหร่นัก แต่กัวไฮว่กับโจวเทียนหยางทานเหล้ากันสองคนอย่างสำราญใจ

        “มีความสุขหน่อยสิ วันนี้ยังเป็นวันแรก ต่อไปยังเวลาอีกเยอะเลย มาเถอะ ย้ายยาที่พวกเธอซื้อมาวันนี้ไปไว้ในห้องกัน” เมื่อทานข้าวกับเหล้าอิ่มแล้ว กัวไฮว่ก็ให้นักศึกษาย้ายยาไปไว้ในห้อง จากนั้นก็เริ่มอธิบายเกี่ยวกับยาพวกนี้ให้พวกเขาฟัง

        “ยาที่ใช้บ่อย ๆ มีหลายชนิด รูปร่างหน้าตาก็ไม่เหมือนกัน เวลาพวกเราแยกยาว่าจริงหรือปลอมจะลำบากหน่อย ในคลินิกธรรมดา ๆ แบบพวกเราเนี่ย ไม่ได้ใช้วิธีการทดสอบทางเคมีในปัจจุบันมาตรวจสอบยา และไม่ได้ส่งยาไปตรวจสอบที่ฝ่ายตรวจยาด้วย แต่ให้ใช้วิธีการเก่าแก่อย่างการใช้ตามอง มือจับ จมูกดม ปากชิม ทดลองกับน้ำ และเผากับไฟในการตรวจสอบขั้นต้นอย่างเดียว”

        “นอกจากการแยกแบบเก่าแล้ว ยังมีอีกหลายวิธีในการแยกยา ส่วนยาที่ไม่ใช่เนี่ยก็มีวิธีแยกยาไม่เหมือนกัน เช่นดอกฉางหงเนี่ยพวกเธอสามารถเด็ดเอาไปไว้ในน้ำกลีบหนึ่ง น้ำจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองแต่ดอกไม้จะไม่ซีดลง เปลือกไม้ให้นำไปต้ม น้ำที่ต้มก็จะมีแสงสะท้อนสีน้ำเงินหยก ผงถุงน้ำดีหมีให้เทลงไปในน้ำสะอาดแล้วมันจะหมุนตัวอยู่บนผิวน้ำก่อนจะจมรวมเป็นเส้นสีเหลืองไม่กระจัดกระจาย”

        เป็นเวลาตั้งแต่เจ็ดนาฬิกาจนถึงเก้านาฬิกา เริ่มแรกนักศึกษาต่างยังระมัดระวังตัว จากนั้นทุกคนก็ผ่อนคลายลง หากมีข้อสงสัยก็ถามขึ้นมา ถ้าเป็นคำถามธรรมดา ๆ กัวไฮว่จะให้นักศึกษาคณะแพทย์แผนโบราณถกกัน ความรู้ทางด้านการแพทย์โบราณของเหอโม่ทำเอานักศึกษาจากทั้งสองคณะตกอกตกใจไป

        “โสมแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท มีโสมแดง โสมตากแดด โสมป่า โสมเกาหลีและอื่น ๆ โสมคุณภาพต่ำมีสิบกว่าชนิด เวลาแยกเลยตาลาย คนเลยมักจะสังเกตโสมที่รากกับลำต้น โสมทุกชนิดจะมีรากกับลำต้น แต่ต้นของโสมสวนจะโตตรงรากหนึ่งถึงสองด้าน และโสมป่าจะมีต้นงอกออกมาตรงรากสี่ด้าน โสมที่ดีเช่นโสมเกาหลีจะลำต้นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางเท่า ๆ กัน เจี๋ยเกิ่งกับโสมตากแดดคล้ายกัน แต่เจี๋ยเกิ่งจะมีลักษณะเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวเลยแยกได้ โสมของปลอมมักจะไม่มีส่วนต้น” เหอโม่พูดกับนักศึกษาคณะแพทย์แผนตะวันตกคนหนึ่งที่ซื้อโสมมา

        กัวไฮว่พยักหน้าด้วยความพอใจ ศิษย์ของเขาคนนี้ไม่เลวเลย ก่อนเปิดกิจการต้องทำยาผิวหิมะสักหน่อย รักษาหน้าของเหอโม่ให้หายดีก่อนค่อยว่ากัน

        เมื่อรอให้นักศึกษาทุกคนกลับไปนอนที่โรงแรมกันหมดแล้ว กัวไฮว่ก็เดินเข้าไปในห้องเล็กที่เก็บไท่ซุ่ยเอาไว้ จากนั้นก็ใช้กระบี่หั่นไท่ซุ่ยชิ้นนั้นให้เหลือขนาดเท่าฝ่ามือ

        “พอไม่มีติ่งยา[1] แล้วเปลืองแรงมากเลย ตอนนั้นตั้งหลายคนบินขึ้นสวรรค์ไป ไม่น่าจะเอาติ่งยากันไปหมดนะ ไว้ค่อยหาเวลาทำติ่งยาสักหน่อยดีกว่า ไม่งั้นอัตราในการทำยาสำเร็จต้องต่ำมากแน่” กัวไฮว่พูดเบาๆ จากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องทำยาของคลินิกไม่ เขาเลือกยาเป็นลำดับๆ ยาผิวหิมะนั้นดีกว่ายาที่ให้มู่หรงเวยเวยไปในครั้งแรกเยอะ ทำง่ายกว่ายากันแก่เสียอีก และสามารถช่วยให้ในวันเปิดกิจการคลินิกไม่เปิดตัวได้อย่างสวยงาม

        คิดไปคิดมา กัวไฮว่ก็ยิ้มยกตรงมุมปาก ยาที่อยู่บนโต๊ะก็ลอยอยู่บนอากาศ จากนั้นก็มีไฟลุกรั่วไหลออกมาข้างนอก ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง หลังจากที่ไม่สำเร็จไปแล้วแปดครั้ง ก็มียาลูกกลอนสีขาวจำนวนแปดเม็ดลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ…ในที่สุดก็สำเร็จ

         

[1] ภาชนะหุงต้มชนิดมีขาตั้งสามขาและมีหูจับ นิยมใช้มากในสมัยก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+