[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 50 เธอมีโรคจริงๆ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 50 เธอมีโรคจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “ตาบ้า บอกฉันมานะ พลังวิเศษของนายคืออะไร” กัวไฮว่รออยู่ที่ร้านอาหารของเริ่นเสวียนเช่ออยู่พักหนึ่ง พวกถังซีก็เดินเข้ามาด้วยกัน ครั้งนี้มีคนมากหน่อย ต่อมาหนานกงหลิงโม่กับหลินซวงก็ตามเข้ามาด้วยกัน เมื่อหนานกงหลิงโม่เห็นกัวไฮว่ก็พูดโวยวายขึ้นมา

       “พลังวิเศษอะไร พวกเธอพูดเรื่องอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่กับหนานกงหลิงโม่แล้วถามขึ้น

       “ตาบ้า นายบอกฉันมาให้ชัดๆ เลยนะ ไม่งั้นฉันจะไปร้องเรียนนายที่สมาคมวิชาการ” หนานกงหลิงโม่รอให้กัวไฮว่ตอบ

       “นั่งลงกันเถอะ กินกันก่อนๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

       “กับข้าวครั้งนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง พวกเธอสามคนตัวแทนห้องหนึ่งทำออกมาได้ดีมากเลยนะ ครูประจำชั้นอย่างครูพลอยได้หน้าไปด้วย” หลินซวงมองมู่หรงเวยเวย กัวไฮว่และเฉียนตัวตัวจากนั้นก็พูดขึ้นยิ้มๆ

       “คุณครูหลิน พวกเรากินข้าวที่ร้านปู่หกไม่ต้องจ่ายเงิน” ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ “พวกเธอเด็กห้องหนึ่งสุดยอดกันจริงๆ พวกเวยเวยสามคนได้เข้าแข่งขันกันหมดเลย”

       “พวกเธอสามคนก็ได้เข้าแข่งขันด้วย” หลินซวงพูดยิ้มๆ จากนั้นเริ่นเสวียนเช่อก็นำอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง อาหารคาวอาหารหวานมาคู่กันอย่างพอเหมาะ แน่นอนว่ากัวไฮว่ก็ไม่ลืมที่จะให้เหล้าปู่หกแก้วหนึ่ง ตาแก่ก็รับมาอย่างใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกไป

       “ตาบ้า ไม่สิ พี่ไฮว่ ฉันอยากกินเหล้า ให้ฉันหน่อยสิ” หนานกงหลิงโม่เพิ่งเคยกินเหล้าแบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเหล้าลงท้อง เธอถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าอร่อย เหล้านี่เป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา

       “ฮัลโหล หลิงหลิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ” หลินซวงรับโทรศัพท์ซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

       “อืม นอกจากเจ้าเซวียนคนอื่นก็อยู่ที่นี่ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม มากินที่ร้านส่วนตัวของปู่หกสิ มากินข้าวกัน” หลินซวงพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์ 

       “คึกคักขนาดนั้นเชียว อยู่นี่กันหมดเลย บนเว็บบอร์ดมีรูปกัวไฮว่ล้อมด้วยสี่สาวสวย ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ” ไม่นาน ซุนหลิงหลิงก็ผลักประตูเดินเข้ามาในร้านอาหาร

       “เหอะๆๆ พี่หลิงหลิง พี่ก็ต้องตาพี่ไฮว่ของผมอีกคนแล้วเหรอ รอบตัวเขามีผู้หญิงเยอะพอแล้ว พี่พิจารณาผมไว้แทนได้นะ” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ

       “เฉียนตัวตัว ฉันจำได้ว่าความสัมพันธ์นายกับหูซีมอห้าไม่เลวเลยนี่ หรือว่าซ้ำชั้นแล้วจะได้ใหม่ลืมเก่า” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ซุบซิบ ต้องเป็นเรื่องซุบซิบแน่ๆ” เฉียนตัวตัวพูดอย่างจริงจัง “นี่ก็แปลก คนดังที่ไม่มีข่าวลือก็ไม่เรียกว่าคนดัง แต่พี่หลิงหลิงเนี่ยถือเป็นข้อยกเว้น มอหกแล้วยังไม่มีแฟน หรือว่าพี่มีปัญหาที่งานอดิเรกเหรอ”

       “พี่ก็เป็นนักเรียนเหรอ” กัวไฮว่ส่งเหล้าไปให้ซุนหลิงหลิงแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย

       “มอหกห้องหนึ่ง ซุนหลิงหลิง ขอรู้จักที่หนึ่งโรงเรียนฟู่จงหน่อยสิ เหอะๆ” ซุนหลิงหลิงรับแก้วเหล้ามา แล้วยื่นมือออกมา กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ จับไว้เสียแน่น

       “เหอะๆๆ ตาบ้า ปล่อยมาได้แล้ว นายไม่เห็นว่าเสี่ยวซีโกรธหรือไง” ซูเยี่ยมองทั้งสองจับมือกันอยู่หลายวินาที ยังไม่คิดจะปล่อยมืออีก เลยพูดขึ้นเสียงดัง

       “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอไม่เข้าใจเหรอ เขาไม่ได้หลอกหลิงหลิงนะ เขาแค่จับชีพจร เข้าใจแล้วหรือยัง” หลินซวงพูดขึ้นขำๆ

      ไม่นานมู่หรงเวยเวยก็หน้าแดงระเรื่อ เฉียนตัวตัวก็ทนไม่ไหวจึงหัวเราะ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา ซุนหลิงหลิงเองก็เคยอ่านเรื่องที่กัวไฮว่จับมือมู่หรงเวยเวยบนเว็บบอร์ด หน้าเลยแดงก่ำขึ้นมา

       “ครูหลิน ขนาดครูยังรู้ เดี๋ยวผมก็จับชีพจรให้ครูนะ” กัวไฮว่ไม่ได้แยแสสายตาของทุกคน ยังไม่ได้ปล่อยมือ มองตรงไปยังหน้าของซุนหลิงหลิง “พี่คนสวย พี่ป่วยจริงๆด้วย กินข้าวเสร็จเดี๋ยวผมรักษาให้พี่เอง”

       “กัวไฮว่นายบอกมาหน่อยสิว่าฉันป่วยเป็นอะไร จะว่าไปฉันก็สนใจจะให้นายมาเป็นแฟนตอนเต้นรำในงานเลี้ยงเรียนจบ” ซุนหลิงหลิงมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

       “พี่คนสวยแน่ใจเหรอว่าให้ผมพูดตอนนี้” กัวไฮว่มองไปยังซุนหลิงหลิงแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แม้จะหน้าตาสู้มู่หรงเวยเวยไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเกรดเดียวกับถังซี ซูเยี่ย ที่สำคัญที่สุดก็คือ รูปร่างของเธอเพรียวกว่าซูเยี่ยเยอะเลย

       “คนโบราณเคยบอกไว้ว่าไม่ควรปิดบังอาการเพราะกลัวการรักษา ไม่ผิดหรอกที่จะพูดในสิ่งที่คิด” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ ถึงแม้ปากจะบอกแบบนั้น ทว่าในใจยังคงเป็นกังวล หมอนี่จะบอกอะไรได้จริงๆ งั้นเหรอ 

       “อีกหลายวันข้างหน้า คุณพี่คนสวยไม่อยากลาพักหรอกเหรอ” กัวไฮว่มองซุนหลิงหลิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไม่สิ ถ้าพี่กินเหล้าแก้วนี้ อาจจะไม่ต้องลาพักแล้วก็ได้”

       “นายพูดอะไรน่ะ นายดูออกจริงๆ เหรอว่าฉัน…” ซุนหลิงหลิงลุกพรวดขึ้นมา เริ่มตั้งแต่ตอนอายุสิบสอง เป็นเวลาหกปีเต็มๆ ช่วงเวลาหลายเดือนนั้น เธอต้องลาเรียนอย่างเจ็บปวด เรื่องนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนในครอบครัวของตนเองกับหมอส่วนตัวเท่านั้นที่รู้ กัวไฮว่ไม่มีทางรู้ได้

       “ชิมเหล้าผมดูก่อนไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบสุขภาพของพี่หรอก เหล้านี่ธาตุร้อน เหมาะกับอาการของพี่พอดี”

       “กัวไฮว่ หวังว่าที่นายพูดจะจริงนะ ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันเอานายตายแน่” พูดจบ ซุนหลิงหลิงก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปคำหนึ่ง เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กินของเย็นมานานเท่าไหร่แล้ว ในช่วงขณะที่เหล้าลงท้องไปนั่นเอง ไอร้อนก็สะพัดออกมาจากบริเวณท้องระลอกหนึ่ง ความรู้สึกสบายแบบนั้น หกปีมานี้เธอไม่ได้สัมผัสมาเลย

       “พี่หลิงหลิง เป็นไง” กัวไฮว่ยิ้มร้ายพลางมองไปยังใบหน้าเมาแอ๋ของซุนหลิงหลิง

       “เสี่ยวซี โยวโยว เวยเวย พวกเธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เธอดูท่าทางโรคจิตของเขาสิ” ซูเยี่ยดึงเสื้อของถังซีเอาไว้แล้วพูดขึ้น

       “เธอสนใจหน่อยสิ เธอไม่ใช่เมียสี่ของเขาเหรอ วันนั้นเธอตกลงไปแล้วไม่ใช่เหรอไง” ถังซีมองซูเยี่ยแล้วพูดยิ้มๆ

       “เสี่ยวซี เธอพูดอะไรน่ะ เธอไม่ยุ่งก็ช่างเถอะ” พูดเสร็จ ซูเยี่ยก็ก้มหน้าเหลือบมองกัวไฮว่ด้วยความใจอ่อนเล็กน้อย ในตอนนั้นเองกัวไฮว่ก็กำลังมองเธออยู่

       “หลิงหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม” หลินซวงมองซุนหลิงหลิงด้วยความตระหนกเล็กน้อย เรื่องร่างกายของซุนหลิงหลิงนั้น เธอรู้มาเพียงหน่อยนึง เลยถามขึ้นเบาๆ

       “ครูหลิน หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” ซุนหลิงหลิงหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า “ผอ.บอกรายชื่อผู้เข้าแข่งขันแล้ว เฉียนตัวตัว เวยเวย ถังซี หลิงโม่ โยวโยว กัวไฮว่ พวกเธอหกคนผ่านเข้าแข่งขันนะ”

       “พี่หลิง แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ผ่านเข้ารอบเหรอ” ซูเยี่ยมองซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นอย่างคาดหวัง

       “ยังมีเจ้าเซวียนห้องสิบอีกคน เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอพลาดไปนิดเดียวเอง” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ฮือๆๆ พวกเธอได้เข้าแข่งกันหมด ฉันไม่ได้เข้าไปแข่ง! ฉันทบทวนบทเรียนมาตั้งนาน ยังเข้าไม่ได้อีก ฮือๆๆ” ซูเยี่ยร้องไห้เสียงดังขึ้นมา “เพราะนายเลย ตาบ้า ถ้านายไม่ย้ายโรงเรียน ฉันก็ได้แข่งแล้ว เพราะนายเลย นายเข้าแข่งคัดเลือกอะไรกัน นายได้ซีนไปหมดแล้ว นายต้องชดใช้ให้ฉัน”

       “โทษฉันเหรอ งั้นฉันจะชดใช้ให้เธอ เธอให้ฉันจูบด้านซ้ายหรือขวาดีล่ะ” กัวไฮว่มองซูเยี่ยพร้อมยิ้มร้าย “เสี่ยวเยี่ยจื่อ กินเหล้าเถอะ กินเยอะๆ จะได้มีความสุข” พูดเสร็จเขาก็เทเหล้าในแก้วซูเยี่ยจนเต็ม

      “นะ…นี่ยังไม่เยอะพอ” ซูเยี่ยหัวเราะทั้งน้ำตา เธอหยิบแก้วเหล้ามาด้วยกลัวว่าคนอื่นจะแย่งไป จากนั้นก็ค่อยๆ ดื่ม

 

                                                 ————————

                      อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                      https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 50 เธอมีโรคจริงๆ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 50 เธอมีโรคจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “ตาบ้า บอกฉันมานะ พลังวิเศษของนายคืออะไร” กัวไฮว่รออยู่ที่ร้านอาหารของเริ่นเสวียนเช่ออยู่พักหนึ่ง พวกถังซีก็เดินเข้ามาด้วยกัน ครั้งนี้มีคนมากหน่อย ต่อมาหนานกงหลิงโม่กับหลินซวงก็ตามเข้ามาด้วยกัน เมื่อหนานกงหลิงโม่เห็นกัวไฮว่ก็พูดโวยวายขึ้นมา

       “พลังวิเศษอะไร พวกเธอพูดเรื่องอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่กับหนานกงหลิงโม่แล้วถามขึ้น

       “ตาบ้า นายบอกฉันมาให้ชัดๆ เลยนะ ไม่งั้นฉันจะไปร้องเรียนนายที่สมาคมวิชาการ” หนานกงหลิงโม่รอให้กัวไฮว่ตอบ

       “นั่งลงกันเถอะ กินกันก่อนๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

       “กับข้าวครั้งนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง พวกเธอสามคนตัวแทนห้องหนึ่งทำออกมาได้ดีมากเลยนะ ครูประจำชั้นอย่างครูพลอยได้หน้าไปด้วย” หลินซวงมองมู่หรงเวยเวย กัวไฮว่และเฉียนตัวตัวจากนั้นก็พูดขึ้นยิ้มๆ

       “คุณครูหลิน พวกเรากินข้าวที่ร้านปู่หกไม่ต้องจ่ายเงิน” ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ “พวกเธอเด็กห้องหนึ่งสุดยอดกันจริงๆ พวกเวยเวยสามคนได้เข้าแข่งขันกันหมดเลย”

       “พวกเธอสามคนก็ได้เข้าแข่งขันด้วย” หลินซวงพูดยิ้มๆ จากนั้นเริ่นเสวียนเช่อก็นำอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง อาหารคาวอาหารหวานมาคู่กันอย่างพอเหมาะ แน่นอนว่ากัวไฮว่ก็ไม่ลืมที่จะให้เหล้าปู่หกแก้วหนึ่ง ตาแก่ก็รับมาอย่างใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกไป

       “ตาบ้า ไม่สิ พี่ไฮว่ ฉันอยากกินเหล้า ให้ฉันหน่อยสิ” หนานกงหลิงโม่เพิ่งเคยกินเหล้าแบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเหล้าลงท้อง เธอถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าอร่อย เหล้านี่เป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา

       “ฮัลโหล หลิงหลิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ” หลินซวงรับโทรศัพท์ซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

       “อืม นอกจากเจ้าเซวียนคนอื่นก็อยู่ที่นี่ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม มากินที่ร้านส่วนตัวของปู่หกสิ มากินข้าวกัน” หลินซวงพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์ 

       “คึกคักขนาดนั้นเชียว อยู่นี่กันหมดเลย บนเว็บบอร์ดมีรูปกัวไฮว่ล้อมด้วยสี่สาวสวย ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ” ไม่นาน ซุนหลิงหลิงก็ผลักประตูเดินเข้ามาในร้านอาหาร

       “เหอะๆๆ พี่หลิงหลิง พี่ก็ต้องตาพี่ไฮว่ของผมอีกคนแล้วเหรอ รอบตัวเขามีผู้หญิงเยอะพอแล้ว พี่พิจารณาผมไว้แทนได้นะ” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ

       “เฉียนตัวตัว ฉันจำได้ว่าความสัมพันธ์นายกับหูซีมอห้าไม่เลวเลยนี่ หรือว่าซ้ำชั้นแล้วจะได้ใหม่ลืมเก่า” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ซุบซิบ ต้องเป็นเรื่องซุบซิบแน่ๆ” เฉียนตัวตัวพูดอย่างจริงจัง “นี่ก็แปลก คนดังที่ไม่มีข่าวลือก็ไม่เรียกว่าคนดัง แต่พี่หลิงหลิงเนี่ยถือเป็นข้อยกเว้น มอหกแล้วยังไม่มีแฟน หรือว่าพี่มีปัญหาที่งานอดิเรกเหรอ”

       “พี่ก็เป็นนักเรียนเหรอ” กัวไฮว่ส่งเหล้าไปให้ซุนหลิงหลิงแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย

       “มอหกห้องหนึ่ง ซุนหลิงหลิง ขอรู้จักที่หนึ่งโรงเรียนฟู่จงหน่อยสิ เหอะๆ” ซุนหลิงหลิงรับแก้วเหล้ามา แล้วยื่นมือออกมา กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ จับไว้เสียแน่น

       “เหอะๆๆ ตาบ้า ปล่อยมาได้แล้ว นายไม่เห็นว่าเสี่ยวซีโกรธหรือไง” ซูเยี่ยมองทั้งสองจับมือกันอยู่หลายวินาที ยังไม่คิดจะปล่อยมืออีก เลยพูดขึ้นเสียงดัง

       “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอไม่เข้าใจเหรอ เขาไม่ได้หลอกหลิงหลิงนะ เขาแค่จับชีพจร เข้าใจแล้วหรือยัง” หลินซวงพูดขึ้นขำๆ

      ไม่นานมู่หรงเวยเวยก็หน้าแดงระเรื่อ เฉียนตัวตัวก็ทนไม่ไหวจึงหัวเราะ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา ซุนหลิงหลิงเองก็เคยอ่านเรื่องที่กัวไฮว่จับมือมู่หรงเวยเวยบนเว็บบอร์ด หน้าเลยแดงก่ำขึ้นมา

       “ครูหลิน ขนาดครูยังรู้ เดี๋ยวผมก็จับชีพจรให้ครูนะ” กัวไฮว่ไม่ได้แยแสสายตาของทุกคน ยังไม่ได้ปล่อยมือ มองตรงไปยังหน้าของซุนหลิงหลิง “พี่คนสวย พี่ป่วยจริงๆด้วย กินข้าวเสร็จเดี๋ยวผมรักษาให้พี่เอง”

       “กัวไฮว่นายบอกมาหน่อยสิว่าฉันป่วยเป็นอะไร จะว่าไปฉันก็สนใจจะให้นายมาเป็นแฟนตอนเต้นรำในงานเลี้ยงเรียนจบ” ซุนหลิงหลิงมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

       “พี่คนสวยแน่ใจเหรอว่าให้ผมพูดตอนนี้” กัวไฮว่มองไปยังซุนหลิงหลิงแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แม้จะหน้าตาสู้มู่หรงเวยเวยไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเกรดเดียวกับถังซี ซูเยี่ย ที่สำคัญที่สุดก็คือ รูปร่างของเธอเพรียวกว่าซูเยี่ยเยอะเลย

       “คนโบราณเคยบอกไว้ว่าไม่ควรปิดบังอาการเพราะกลัวการรักษา ไม่ผิดหรอกที่จะพูดในสิ่งที่คิด” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ ถึงแม้ปากจะบอกแบบนั้น ทว่าในใจยังคงเป็นกังวล หมอนี่จะบอกอะไรได้จริงๆ งั้นเหรอ 

       “อีกหลายวันข้างหน้า คุณพี่คนสวยไม่อยากลาพักหรอกเหรอ” กัวไฮว่มองซุนหลิงหลิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไม่สิ ถ้าพี่กินเหล้าแก้วนี้ อาจจะไม่ต้องลาพักแล้วก็ได้”

       “นายพูดอะไรน่ะ นายดูออกจริงๆ เหรอว่าฉัน…” ซุนหลิงหลิงลุกพรวดขึ้นมา เริ่มตั้งแต่ตอนอายุสิบสอง เป็นเวลาหกปีเต็มๆ ช่วงเวลาหลายเดือนนั้น เธอต้องลาเรียนอย่างเจ็บปวด เรื่องนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนในครอบครัวของตนเองกับหมอส่วนตัวเท่านั้นที่รู้ กัวไฮว่ไม่มีทางรู้ได้

       “ชิมเหล้าผมดูก่อนไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบสุขภาพของพี่หรอก เหล้านี่ธาตุร้อน เหมาะกับอาการของพี่พอดี”

       “กัวไฮว่ หวังว่าที่นายพูดจะจริงนะ ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันเอานายตายแน่” พูดจบ ซุนหลิงหลิงก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปคำหนึ่ง เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กินของเย็นมานานเท่าไหร่แล้ว ในช่วงขณะที่เหล้าลงท้องไปนั่นเอง ไอร้อนก็สะพัดออกมาจากบริเวณท้องระลอกหนึ่ง ความรู้สึกสบายแบบนั้น หกปีมานี้เธอไม่ได้สัมผัสมาเลย

       “พี่หลิงหลิง เป็นไง” กัวไฮว่ยิ้มร้ายพลางมองไปยังใบหน้าเมาแอ๋ของซุนหลิงหลิง

       “เสี่ยวซี โยวโยว เวยเวย พวกเธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เธอดูท่าทางโรคจิตของเขาสิ” ซูเยี่ยดึงเสื้อของถังซีเอาไว้แล้วพูดขึ้น

       “เธอสนใจหน่อยสิ เธอไม่ใช่เมียสี่ของเขาเหรอ วันนั้นเธอตกลงไปแล้วไม่ใช่เหรอไง” ถังซีมองซูเยี่ยแล้วพูดยิ้มๆ

       “เสี่ยวซี เธอพูดอะไรน่ะ เธอไม่ยุ่งก็ช่างเถอะ” พูดเสร็จ ซูเยี่ยก็ก้มหน้าเหลือบมองกัวไฮว่ด้วยความใจอ่อนเล็กน้อย ในตอนนั้นเองกัวไฮว่ก็กำลังมองเธออยู่

       “หลิงหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม” หลินซวงมองซุนหลิงหลิงด้วยความตระหนกเล็กน้อย เรื่องร่างกายของซุนหลิงหลิงนั้น เธอรู้มาเพียงหน่อยนึง เลยถามขึ้นเบาๆ

       “ครูหลิน หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” ซุนหลิงหลิงหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า “ผอ.บอกรายชื่อผู้เข้าแข่งขันแล้ว เฉียนตัวตัว เวยเวย ถังซี หลิงโม่ โยวโยว กัวไฮว่ พวกเธอหกคนผ่านเข้าแข่งขันนะ”

       “พี่หลิง แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ผ่านเข้ารอบเหรอ” ซูเยี่ยมองซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นอย่างคาดหวัง

       “ยังมีเจ้าเซวียนห้องสิบอีกคน เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอพลาดไปนิดเดียวเอง” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ฮือๆๆ พวกเธอได้เข้าแข่งกันหมด ฉันไม่ได้เข้าไปแข่ง! ฉันทบทวนบทเรียนมาตั้งนาน ยังเข้าไม่ได้อีก ฮือๆๆ” ซูเยี่ยร้องไห้เสียงดังขึ้นมา “เพราะนายเลย ตาบ้า ถ้านายไม่ย้ายโรงเรียน ฉันก็ได้แข่งแล้ว เพราะนายเลย นายเข้าแข่งคัดเลือกอะไรกัน นายได้ซีนไปหมดแล้ว นายต้องชดใช้ให้ฉัน”

       “โทษฉันเหรอ งั้นฉันจะชดใช้ให้เธอ เธอให้ฉันจูบด้านซ้ายหรือขวาดีล่ะ” กัวไฮว่มองซูเยี่ยพร้อมยิ้มร้าย “เสี่ยวเยี่ยจื่อ กินเหล้าเถอะ กินเยอะๆ จะได้มีความสุข” พูดเสร็จเขาก็เทเหล้าในแก้วซูเยี่ยจนเต็ม

      “นะ…นี่ยังไม่เยอะพอ” ซูเยี่ยหัวเราะทั้งน้ำตา เธอหยิบแก้วเหล้ามาด้วยกลัวว่าคนอื่นจะแย่งไป จากนั้นก็ค่อยๆ ดื่ม

 

                                                 ————————

                      อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                      https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 50 เธอมีโรคจริงๆ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 50 เธอมีโรคจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “ตาบ้า บอกฉันมานะ พลังวิเศษของนายคืออะไร” กัวไฮว่รออยู่ที่ร้านอาหารของเริ่นเสวียนเช่ออยู่พักหนึ่ง พวกถังซีก็เดินเข้ามาด้วยกัน ครั้งนี้มีคนมากหน่อย ต่อมาหนานกงหลิงโม่กับหลินซวงก็ตามเข้ามาด้วยกัน เมื่อหนานกงหลิงโม่เห็นกัวไฮว่ก็พูดโวยวายขึ้นมา

       “พลังวิเศษอะไร พวกเธอพูดเรื่องอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่กับหนานกงหลิงโม่แล้วถามขึ้น

       “ตาบ้า นายบอกฉันมาให้ชัดๆ เลยนะ ไม่งั้นฉันจะไปร้องเรียนนายที่สมาคมวิชาการ” หนานกงหลิงโม่รอให้กัวไฮว่ตอบ

       “นั่งลงกันเถอะ กินกันก่อนๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

       “กับข้าวครั้งนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง พวกเธอสามคนตัวแทนห้องหนึ่งทำออกมาได้ดีมากเลยนะ ครูประจำชั้นอย่างครูพลอยได้หน้าไปด้วย” หลินซวงมองมู่หรงเวยเวย กัวไฮว่และเฉียนตัวตัวจากนั้นก็พูดขึ้นยิ้มๆ

       “คุณครูหลิน พวกเรากินข้าวที่ร้านปู่หกไม่ต้องจ่ายเงิน” ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ “พวกเธอเด็กห้องหนึ่งสุดยอดกันจริงๆ พวกเวยเวยสามคนได้เข้าแข่งขันกันหมดเลย”

       “พวกเธอสามคนก็ได้เข้าแข่งขันด้วย” หลินซวงพูดยิ้มๆ จากนั้นเริ่นเสวียนเช่อก็นำอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง อาหารคาวอาหารหวานมาคู่กันอย่างพอเหมาะ แน่นอนว่ากัวไฮว่ก็ไม่ลืมที่จะให้เหล้าปู่หกแก้วหนึ่ง ตาแก่ก็รับมาอย่างใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกไป

       “ตาบ้า ไม่สิ พี่ไฮว่ ฉันอยากกินเหล้า ให้ฉันหน่อยสิ” หนานกงหลิงโม่เพิ่งเคยกินเหล้าแบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเหล้าลงท้อง เธอถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าอร่อย เหล้านี่เป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา

       “ฮัลโหล หลิงหลิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ” หลินซวงรับโทรศัพท์ซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

       “อืม นอกจากเจ้าเซวียนคนอื่นก็อยู่ที่นี่ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม มากินที่ร้านส่วนตัวของปู่หกสิ มากินข้าวกัน” หลินซวงพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์ 

       “คึกคักขนาดนั้นเชียว อยู่นี่กันหมดเลย บนเว็บบอร์ดมีรูปกัวไฮว่ล้อมด้วยสี่สาวสวย ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ” ไม่นาน ซุนหลิงหลิงก็ผลักประตูเดินเข้ามาในร้านอาหาร

       “เหอะๆๆ พี่หลิงหลิง พี่ก็ต้องตาพี่ไฮว่ของผมอีกคนแล้วเหรอ รอบตัวเขามีผู้หญิงเยอะพอแล้ว พี่พิจารณาผมไว้แทนได้นะ” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ

       “เฉียนตัวตัว ฉันจำได้ว่าความสัมพันธ์นายกับหูซีมอห้าไม่เลวเลยนี่ หรือว่าซ้ำชั้นแล้วจะได้ใหม่ลืมเก่า” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ซุบซิบ ต้องเป็นเรื่องซุบซิบแน่ๆ” เฉียนตัวตัวพูดอย่างจริงจัง “นี่ก็แปลก คนดังที่ไม่มีข่าวลือก็ไม่เรียกว่าคนดัง แต่พี่หลิงหลิงเนี่ยถือเป็นข้อยกเว้น มอหกแล้วยังไม่มีแฟน หรือว่าพี่มีปัญหาที่งานอดิเรกเหรอ”

       “พี่ก็เป็นนักเรียนเหรอ” กัวไฮว่ส่งเหล้าไปให้ซุนหลิงหลิงแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย

       “มอหกห้องหนึ่ง ซุนหลิงหลิง ขอรู้จักที่หนึ่งโรงเรียนฟู่จงหน่อยสิ เหอะๆ” ซุนหลิงหลิงรับแก้วเหล้ามา แล้วยื่นมือออกมา กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ จับไว้เสียแน่น

       “เหอะๆๆ ตาบ้า ปล่อยมาได้แล้ว นายไม่เห็นว่าเสี่ยวซีโกรธหรือไง” ซูเยี่ยมองทั้งสองจับมือกันอยู่หลายวินาที ยังไม่คิดจะปล่อยมืออีก เลยพูดขึ้นเสียงดัง

       “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอไม่เข้าใจเหรอ เขาไม่ได้หลอกหลิงหลิงนะ เขาแค่จับชีพจร เข้าใจแล้วหรือยัง” หลินซวงพูดขึ้นขำๆ

      ไม่นานมู่หรงเวยเวยก็หน้าแดงระเรื่อ เฉียนตัวตัวก็ทนไม่ไหวจึงหัวเราะ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา ซุนหลิงหลิงเองก็เคยอ่านเรื่องที่กัวไฮว่จับมือมู่หรงเวยเวยบนเว็บบอร์ด หน้าเลยแดงก่ำขึ้นมา

       “ครูหลิน ขนาดครูยังรู้ เดี๋ยวผมก็จับชีพจรให้ครูนะ” กัวไฮว่ไม่ได้แยแสสายตาของทุกคน ยังไม่ได้ปล่อยมือ มองตรงไปยังหน้าของซุนหลิงหลิง “พี่คนสวย พี่ป่วยจริงๆด้วย กินข้าวเสร็จเดี๋ยวผมรักษาให้พี่เอง”

       “กัวไฮว่นายบอกมาหน่อยสิว่าฉันป่วยเป็นอะไร จะว่าไปฉันก็สนใจจะให้นายมาเป็นแฟนตอนเต้นรำในงานเลี้ยงเรียนจบ” ซุนหลิงหลิงมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

       “พี่คนสวยแน่ใจเหรอว่าให้ผมพูดตอนนี้” กัวไฮว่มองไปยังซุนหลิงหลิงแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แม้จะหน้าตาสู้มู่หรงเวยเวยไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเกรดเดียวกับถังซี ซูเยี่ย ที่สำคัญที่สุดก็คือ รูปร่างของเธอเพรียวกว่าซูเยี่ยเยอะเลย

       “คนโบราณเคยบอกไว้ว่าไม่ควรปิดบังอาการเพราะกลัวการรักษา ไม่ผิดหรอกที่จะพูดในสิ่งที่คิด” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ ถึงแม้ปากจะบอกแบบนั้น ทว่าในใจยังคงเป็นกังวล หมอนี่จะบอกอะไรได้จริงๆ งั้นเหรอ 

       “อีกหลายวันข้างหน้า คุณพี่คนสวยไม่อยากลาพักหรอกเหรอ” กัวไฮว่มองซุนหลิงหลิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไม่สิ ถ้าพี่กินเหล้าแก้วนี้ อาจจะไม่ต้องลาพักแล้วก็ได้”

       “นายพูดอะไรน่ะ นายดูออกจริงๆ เหรอว่าฉัน…” ซุนหลิงหลิงลุกพรวดขึ้นมา เริ่มตั้งแต่ตอนอายุสิบสอง เป็นเวลาหกปีเต็มๆ ช่วงเวลาหลายเดือนนั้น เธอต้องลาเรียนอย่างเจ็บปวด เรื่องนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนในครอบครัวของตนเองกับหมอส่วนตัวเท่านั้นที่รู้ กัวไฮว่ไม่มีทางรู้ได้

       “ชิมเหล้าผมดูก่อนไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบสุขภาพของพี่หรอก เหล้านี่ธาตุร้อน เหมาะกับอาการของพี่พอดี”

       “กัวไฮว่ หวังว่าที่นายพูดจะจริงนะ ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันเอานายตายแน่” พูดจบ ซุนหลิงหลิงก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปคำหนึ่ง เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กินของเย็นมานานเท่าไหร่แล้ว ในช่วงขณะที่เหล้าลงท้องไปนั่นเอง ไอร้อนก็สะพัดออกมาจากบริเวณท้องระลอกหนึ่ง ความรู้สึกสบายแบบนั้น หกปีมานี้เธอไม่ได้สัมผัสมาเลย

       “พี่หลิงหลิง เป็นไง” กัวไฮว่ยิ้มร้ายพลางมองไปยังใบหน้าเมาแอ๋ของซุนหลิงหลิง

       “เสี่ยวซี โยวโยว เวยเวย พวกเธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เธอดูท่าทางโรคจิตของเขาสิ” ซูเยี่ยดึงเสื้อของถังซีเอาไว้แล้วพูดขึ้น

       “เธอสนใจหน่อยสิ เธอไม่ใช่เมียสี่ของเขาเหรอ วันนั้นเธอตกลงไปแล้วไม่ใช่เหรอไง” ถังซีมองซูเยี่ยแล้วพูดยิ้มๆ

       “เสี่ยวซี เธอพูดอะไรน่ะ เธอไม่ยุ่งก็ช่างเถอะ” พูดเสร็จ ซูเยี่ยก็ก้มหน้าเหลือบมองกัวไฮว่ด้วยความใจอ่อนเล็กน้อย ในตอนนั้นเองกัวไฮว่ก็กำลังมองเธออยู่

       “หลิงหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม” หลินซวงมองซุนหลิงหลิงด้วยความตระหนกเล็กน้อย เรื่องร่างกายของซุนหลิงหลิงนั้น เธอรู้มาเพียงหน่อยนึง เลยถามขึ้นเบาๆ

       “ครูหลิน หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” ซุนหลิงหลิงหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า “ผอ.บอกรายชื่อผู้เข้าแข่งขันแล้ว เฉียนตัวตัว เวยเวย ถังซี หลิงโม่ โยวโยว กัวไฮว่ พวกเธอหกคนผ่านเข้าแข่งขันนะ”

       “พี่หลิง แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ผ่านเข้ารอบเหรอ” ซูเยี่ยมองซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นอย่างคาดหวัง

       “ยังมีเจ้าเซวียนห้องสิบอีกคน เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอพลาดไปนิดเดียวเอง” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ฮือๆๆ พวกเธอได้เข้าแข่งกันหมด ฉันไม่ได้เข้าไปแข่ง! ฉันทบทวนบทเรียนมาตั้งนาน ยังเข้าไม่ได้อีก ฮือๆๆ” ซูเยี่ยร้องไห้เสียงดังขึ้นมา “เพราะนายเลย ตาบ้า ถ้านายไม่ย้ายโรงเรียน ฉันก็ได้แข่งแล้ว เพราะนายเลย นายเข้าแข่งคัดเลือกอะไรกัน นายได้ซีนไปหมดแล้ว นายต้องชดใช้ให้ฉัน”

       “โทษฉันเหรอ งั้นฉันจะชดใช้ให้เธอ เธอให้ฉันจูบด้านซ้ายหรือขวาดีล่ะ” กัวไฮว่มองซูเยี่ยพร้อมยิ้มร้าย “เสี่ยวเยี่ยจื่อ กินเหล้าเถอะ กินเยอะๆ จะได้มีความสุข” พูดเสร็จเขาก็เทเหล้าในแก้วซูเยี่ยจนเต็ม

      “นะ…นี่ยังไม่เยอะพอ” ซูเยี่ยหัวเราะทั้งน้ำตา เธอหยิบแก้วเหล้ามาด้วยกลัวว่าคนอื่นจะแย่งไป จากนั้นก็ค่อยๆ ดื่ม

 

                                                 ————————

                      อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                      https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 50 เธอมีโรคจริงๆ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 50 เธอมีโรคจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “ตาบ้า บอกฉันมานะ พลังวิเศษของนายคืออะไร” กัวไฮว่รออยู่ที่ร้านอาหารของเริ่นเสวียนเช่ออยู่พักหนึ่ง พวกถังซีก็เดินเข้ามาด้วยกัน ครั้งนี้มีคนมากหน่อย ต่อมาหนานกงหลิงโม่กับหลินซวงก็ตามเข้ามาด้วยกัน เมื่อหนานกงหลิงโม่เห็นกัวไฮว่ก็พูดโวยวายขึ้นมา

       “พลังวิเศษอะไร พวกเธอพูดเรื่องอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่กับหนานกงหลิงโม่แล้วถามขึ้น

       “ตาบ้า นายบอกฉันมาให้ชัดๆ เลยนะ ไม่งั้นฉันจะไปร้องเรียนนายที่สมาคมวิชาการ” หนานกงหลิงโม่รอให้กัวไฮว่ตอบ

       “นั่งลงกันเถอะ กินกันก่อนๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

       “กับข้าวครั้งนี้ฉันเลี้ยงพวกเธอเอง พวกเธอสามคนตัวแทนห้องหนึ่งทำออกมาได้ดีมากเลยนะ ครูประจำชั้นอย่างครูพลอยได้หน้าไปด้วย” หลินซวงมองมู่หรงเวยเวย กัวไฮว่และเฉียนตัวตัวจากนั้นก็พูดขึ้นยิ้มๆ

       “คุณครูหลิน พวกเรากินข้าวที่ร้านปู่หกไม่ต้องจ่ายเงิน” ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ “พวกเธอเด็กห้องหนึ่งสุดยอดกันจริงๆ พวกเวยเวยสามคนได้เข้าแข่งขันกันหมดเลย”

       “พวกเธอสามคนก็ได้เข้าแข่งขันด้วย” หลินซวงพูดยิ้มๆ จากนั้นเริ่นเสวียนเช่อก็นำอาหารมาเสิร์ฟด้วยตัวเอง อาหารคาวอาหารหวานมาคู่กันอย่างพอเหมาะ แน่นอนว่ากัวไฮว่ก็ไม่ลืมที่จะให้เหล้าปู่หกแก้วหนึ่ง ตาแก่ก็รับมาอย่างใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกไป

       “ตาบ้า ไม่สิ พี่ไฮว่ ฉันอยากกินเหล้า ให้ฉันหน่อยสิ” หนานกงหลิงโม่เพิ่งเคยกินเหล้าแบบนี้เป็นครั้งแรก เมื่อเหล้าลงท้อง เธอถึงได้รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าอร่อย เหล้านี่เป็นสิ่งที่อร่อยที่สุดเท่าที่เธอเคยกินมา

       “ฮัลโหล หลิงหลิง เกิดอะไรขึ้นเหรอ” หลินซวงรับโทรศัพท์ซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

       “อืม นอกจากเจ้าเซวียนคนอื่นก็อยู่ที่นี่ โอเค ฉันเข้าใจแล้ว เธอยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม มากินที่ร้านส่วนตัวของปู่หกสิ มากินข้าวกัน” หลินซวงพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์ 

       “คึกคักขนาดนั้นเชียว อยู่นี่กันหมดเลย บนเว็บบอร์ดมีรูปกัวไฮว่ล้อมด้วยสี่สาวสวย ดูท่าจะเป็นเรื่องจริงแฮะ” ไม่นาน ซุนหลิงหลิงก็ผลักประตูเดินเข้ามาในร้านอาหาร

       “เหอะๆๆ พี่หลิงหลิง พี่ก็ต้องตาพี่ไฮว่ของผมอีกคนแล้วเหรอ รอบตัวเขามีผู้หญิงเยอะพอแล้ว พี่พิจารณาผมไว้แทนได้นะ” เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ

       “เฉียนตัวตัว ฉันจำได้ว่าความสัมพันธ์นายกับหูซีมอห้าไม่เลวเลยนี่ หรือว่าซ้ำชั้นแล้วจะได้ใหม่ลืมเก่า” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ซุบซิบ ต้องเป็นเรื่องซุบซิบแน่ๆ” เฉียนตัวตัวพูดอย่างจริงจัง “นี่ก็แปลก คนดังที่ไม่มีข่าวลือก็ไม่เรียกว่าคนดัง แต่พี่หลิงหลิงเนี่ยถือเป็นข้อยกเว้น มอหกแล้วยังไม่มีแฟน หรือว่าพี่มีปัญหาที่งานอดิเรกเหรอ”

       “พี่ก็เป็นนักเรียนเหรอ” กัวไฮว่ส่งเหล้าไปให้ซุนหลิงหลิงแก้วหนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย

       “มอหกห้องหนึ่ง ซุนหลิงหลิง ขอรู้จักที่หนึ่งโรงเรียนฟู่จงหน่อยสิ เหอะๆ” ซุนหลิงหลิงรับแก้วเหล้ามา แล้วยื่นมือออกมา กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ จับไว้เสียแน่น

       “เหอะๆๆ ตาบ้า ปล่อยมาได้แล้ว นายไม่เห็นว่าเสี่ยวซีโกรธหรือไง” ซูเยี่ยมองทั้งสองจับมือกันอยู่หลายวินาที ยังไม่คิดจะปล่อยมืออีก เลยพูดขึ้นเสียงดัง

       “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอไม่เข้าใจเหรอ เขาไม่ได้หลอกหลิงหลิงนะ เขาแค่จับชีพจร เข้าใจแล้วหรือยัง” หลินซวงพูดขึ้นขำๆ

      ไม่นานมู่หรงเวยเวยก็หน้าแดงระเรื่อ เฉียนตัวตัวก็ทนไม่ไหวจึงหัวเราะ จากนั้นทุกคนก็หัวเราะออกมา ซุนหลิงหลิงเองก็เคยอ่านเรื่องที่กัวไฮว่จับมือมู่หรงเวยเวยบนเว็บบอร์ด หน้าเลยแดงก่ำขึ้นมา

       “ครูหลิน ขนาดครูยังรู้ เดี๋ยวผมก็จับชีพจรให้ครูนะ” กัวไฮว่ไม่ได้แยแสสายตาของทุกคน ยังไม่ได้ปล่อยมือ มองตรงไปยังหน้าของซุนหลิงหลิง “พี่คนสวย พี่ป่วยจริงๆด้วย กินข้าวเสร็จเดี๋ยวผมรักษาให้พี่เอง”

       “กัวไฮว่นายบอกมาหน่อยสิว่าฉันป่วยเป็นอะไร จะว่าไปฉันก็สนใจจะให้นายมาเป็นแฟนตอนเต้นรำในงานเลี้ยงเรียนจบ” ซุนหลิงหลิงมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

       “พี่คนสวยแน่ใจเหรอว่าให้ผมพูดตอนนี้” กัวไฮว่มองไปยังซุนหลิงหลิงแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย แม้จะหน้าตาสู้มู่หรงเวยเวยไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเกรดเดียวกับถังซี ซูเยี่ย ที่สำคัญที่สุดก็คือ รูปร่างของเธอเพรียวกว่าซูเยี่ยเยอะเลย

       “คนโบราณเคยบอกไว้ว่าไม่ควรปิดบังอาการเพราะกลัวการรักษา ไม่ผิดหรอกที่จะพูดในสิ่งที่คิด” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ ถึงแม้ปากจะบอกแบบนั้น ทว่าในใจยังคงเป็นกังวล หมอนี่จะบอกอะไรได้จริงๆ งั้นเหรอ 

       “อีกหลายวันข้างหน้า คุณพี่คนสวยไม่อยากลาพักหรอกเหรอ” กัวไฮว่มองซุนหลิงหลิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไม่สิ ถ้าพี่กินเหล้าแก้วนี้ อาจจะไม่ต้องลาพักแล้วก็ได้”

       “นายพูดอะไรน่ะ นายดูออกจริงๆ เหรอว่าฉัน…” ซุนหลิงหลิงลุกพรวดขึ้นมา เริ่มตั้งแต่ตอนอายุสิบสอง เป็นเวลาหกปีเต็มๆ ช่วงเวลาหลายเดือนนั้น เธอต้องลาเรียนอย่างเจ็บปวด เรื่องนี้มีเพียงแค่ไม่กี่คนในครอบครัวของตนเองกับหมอส่วนตัวเท่านั้นที่รู้ กัวไฮว่ไม่มีทางรู้ได้

       “ชิมเหล้าผมดูก่อนไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบสุขภาพของพี่หรอก เหล้านี่ธาตุร้อน เหมาะกับอาการของพี่พอดี”

       “กัวไฮว่ หวังว่าที่นายพูดจะจริงนะ ถ้ามีปัญหาอะไร ฉันเอานายตายแน่” พูดจบ ซุนหลิงหลิงก็ยกแก้วเหล้าขึ้นมา ดื่มไปคำหนึ่ง เธอก็ไม่รู้ว่าตัวเองไม่ได้กินของเย็นมานานเท่าไหร่แล้ว ในช่วงขณะที่เหล้าลงท้องไปนั่นเอง ไอร้อนก็สะพัดออกมาจากบริเวณท้องระลอกหนึ่ง ความรู้สึกสบายแบบนั้น หกปีมานี้เธอไม่ได้สัมผัสมาเลย

       “พี่หลิงหลิง เป็นไง” กัวไฮว่ยิ้มร้ายพลางมองไปยังใบหน้าเมาแอ๋ของซุนหลิงหลิง

       “เสี่ยวซี โยวโยว เวยเวย พวกเธอไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก เธอดูท่าทางโรคจิตของเขาสิ” ซูเยี่ยดึงเสื้อของถังซีเอาไว้แล้วพูดขึ้น

       “เธอสนใจหน่อยสิ เธอไม่ใช่เมียสี่ของเขาเหรอ วันนั้นเธอตกลงไปแล้วไม่ใช่เหรอไง” ถังซีมองซูเยี่ยแล้วพูดยิ้มๆ

       “เสี่ยวซี เธอพูดอะไรน่ะ เธอไม่ยุ่งก็ช่างเถอะ” พูดเสร็จ ซูเยี่ยก็ก้มหน้าเหลือบมองกัวไฮว่ด้วยความใจอ่อนเล็กน้อย ในตอนนั้นเองกัวไฮว่ก็กำลังมองเธออยู่

       “หลิงหลิง ไม่เป็นไรใช่ไหม” หลินซวงมองซุนหลิงหลิงด้วยความตระหนกเล็กน้อย เรื่องร่างกายของซุนหลิงหลิงนั้น เธอรู้มาเพียงหน่อยนึง เลยถามขึ้นเบาๆ

       “ครูหลิน หนูไม่เป็นอะไรค่ะ” ซุนหลิงหลิงหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นว่า “ผอ.บอกรายชื่อผู้เข้าแข่งขันแล้ว เฉียนตัวตัว เวยเวย ถังซี หลิงโม่ โยวโยว กัวไฮว่ พวกเธอหกคนผ่านเข้าแข่งขันนะ”

       “พี่หลิง แล้วฉันล่ะ ฉันไม่ผ่านเข้ารอบเหรอ” ซูเยี่ยมองซุนหลิงหลิงแล้วถามขึ้นอย่างคาดหวัง

       “ยังมีเจ้าเซวียนห้องสิบอีกคน เสี่ยวเยี่ยจื่อ เธอพลาดไปนิดเดียวเอง” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

       “ฮือๆๆ พวกเธอได้เข้าแข่งกันหมด ฉันไม่ได้เข้าไปแข่ง! ฉันทบทวนบทเรียนมาตั้งนาน ยังเข้าไม่ได้อีก ฮือๆๆ” ซูเยี่ยร้องไห้เสียงดังขึ้นมา “เพราะนายเลย ตาบ้า ถ้านายไม่ย้ายโรงเรียน ฉันก็ได้แข่งแล้ว เพราะนายเลย นายเข้าแข่งคัดเลือกอะไรกัน นายได้ซีนไปหมดแล้ว นายต้องชดใช้ให้ฉัน”

       “โทษฉันเหรอ งั้นฉันจะชดใช้ให้เธอ เธอให้ฉันจูบด้านซ้ายหรือขวาดีล่ะ” กัวไฮว่มองซูเยี่ยพร้อมยิ้มร้าย “เสี่ยวเยี่ยจื่อ กินเหล้าเถอะ กินเยอะๆ จะได้มีความสุข” พูดเสร็จเขาก็เทเหล้าในแก้วซูเยี่ยจนเต็ม

      “นะ…นี่ยังไม่เยอะพอ” ซูเยี่ยหัวเราะทั้งน้ำตา เธอหยิบแก้วเหล้ามาด้วยกลัวว่าคนอื่นจะแย่งไป จากนั้นก็ค่อยๆ ดื่ม

 

                                                 ————————

                      อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                      https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+