[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 129 ปลากับอุ้งตีนหมีเอาพร้อมกันไม่ได้

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 129 ปลากับอุ้งตีนหมีเอาพร้อมกันไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “วันนี้เป็นวันแรก ทำของอร่อยให้พวกเธอหน่อยดีกว่า พวกเราไม่ไปกินข้างนอกแล้วล่ะ” ผ่านเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาไปแล้ว กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโทรหาโจวเทียนหยาง ได้ยินมาว่าเขามีวัตถุดิบชั้นดี และไม่ถึงห้านาที โจวเทียนหยางก็มาถึงคลินิกไม่

        “ในหมู่พวกเธอมีคนทำอาหารเป็นหรือเปล่า ไปเป็นลูกมือลุงโจวหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหล่านักศึกษา เห็นได้ชัดว่านักศึกษาพวกนี้ยังไม่ตื่นจากความสะดวกสบายในคลินิกไม่ จึงไม่มีใครยอมไปช่วยโจวเทียนหยาง ยกเว้นหลี่อวี้ เขาวิ่งไปล้างมือตรงก๊อกน้ำแล้วเข้าไปในครัว แต่ที่ทำให้กัวไฮว่ประหลาดใจก็คือเหอโม่เองก็ตามเข้าไปในครัวด้วย

        “กัวไฮว่ ยังมีอุ้งตีนหมีวันนั้นอีกหรือเปล่า เอามาหน่อยสิ” โจวเทียนหยางพูดถามเสียงดัง

        “อะแฮ่ม ๆ ลุงโจว ลุงคิดว่าอุ้งตีนหมีเป็นผักกาดหรือไง อุ้งตีนหมีหมดแล้ว แต่ว่าเนื้อพวกนี้ลุงลองปรุงแบบวิธีปรุงเนื้อกวางก็ได้นะ จะได้ให้ทุกคนได้ชิมกันหน่อย หูฉลามนี่เดี๋ยวผมทำเอง ผมอุตส่าห์ต้มมาทั้งวัน” กัวไฮว่พูดพลางเปิดจานจานหนึ่งที่ด้านในมีหูฉลามยาวหนึ่งเมตรกว่าอยู่

        โจวเทียนหยางอดไม่ได้ที่จะชิมไปชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เขาก็นิ่งอึ้งไป

        “หูฉลามนี่เดี๋ยวฉันทำเอง เธอทำอย่างอื่นไปเถอะ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ กัวไฮว่เองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาให้หูฉลามกับโจวเทียนหยางไป ห้องครัวมีขนาดใหญ่ ทั้งสี่คนอยู่ในนั้นถือว่ากว้างขวางมาก หลี่อวี้เริ่มจากช่วยเด็ดผัก กัวไฮว่มองเหอโม่แวบหนึ่งจากนั้นก็เรียกเธอมาตรงหน้า จากนั้นก็โยนเนื้อซี่โครงไปให้เหอโม่

        “ลองมีดนี่ดู ดูหน่อยว่าใช้ได้หรือเปล่า หั่นซี่โครงนี่เป็นท่อนๆ” ในขณะที่พูดก็มีมีดทำอาหารเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของกัวไฮว่ ในขณะที่มีดปรากฏออกมานั่นเอง โจวเทียนหยางที่กำลังหั่นหูฉลามอยู่นั้นก็รู้เหมือนกับมีอะไรอันตราย เขานิ่งอึ้งไป ก่อนจะนำสายตามองไปยังมีดที่กัวไฮว่ส่งให้เหอโม่

        “ยายหนู เธอถือให้ดี ๆ นะ มีดดีเลยล่ะ ไม่ได้แค่ใช้หั่นผักหั่นเนื้อดีนะ ใช้ฆ่าคนก็ไม่เลวเลย เฮอะๆ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ จากนั้นก็จัดการกับหูฉลามของตน

        “ขอบคุณค่ะอาจารย์” เหอโม่รับมีดมา จากนั้นก็หั่นซี่โครงไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงสามสี่นาทีซี่โครงชิ้นใหญ่ก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอ ๆ กัน

        “ยายหนู ฝีมือการใช้มีดใช้ได้เลยเนี่ย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ

        “มีดต่างหากที่ดี เมื่อกี้ฉันใช้มือคลำกระดูกแล้ว เหมือนว่าจะเป็นกระดูกวัวนะ แต่หยาบกว่ากระดูกวัวเยอะเลย แข็งกว่ากระดูกวัวสิบเท่า มีดนี่สุดยอดมากเลย” เหอโม่พูดเบา ๆ

        “ถ้าชอบก็เก็บเอาไว้ให้ดี แต่จำไว้นะว่าอย่าเอาไปทำร้ายใคร แต่จากความสามารถของเธอในตอนนี้คงควบคุมมันไม่ไหวหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ มีดทำอาหารเล่มนี้มาจากน้ำเต้าเหล่าจวิน แม้เจ้าของคนก่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของที่อยู่ในน้ำเต้านี่เลย แต่กัวไฮว่กลับรู้ที่มาของมีดทำอาหารเล่มนี้ เพราะบนมีดทำอาหารเล่มนี้แกะสลักอักษรคำว่า ‘เผา[1]’ ตัวเล็ก ๆ เอาไว้ มีดเล่มนี้เป็นมีดที่เผาติ่ง[2]เคยไว้ใช้ชำแหละวัว ทุกคนต่างรู้ว่าเผาติ่งเป็นพ่อครัว แต่มนุษย์โลกจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาเองก็ได้ขึ้นไปสวรรค์เช่นกัน เพียงแค่เขาใช้มีดชำแหละวัวเล่มเดียว ก็สามารถฆ่าผีทำลายวิญญาณได้ ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก

        “กัวไฮว่ มีดแบบนี้ยังมีอีกหรือเปล่า จะให้ฉันสักเล่มเหมือนกันใช่หรือเปล่า” โจวเทียนหยางถามยิ้ม ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ทำหูฉลามจานใหญ่เสร็จแล้ว

        “ถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมทำมีดดี ๆ สักเล่มให้ มีดแบบนั้นมีแค่เล่มเดียว และเกรงว่าทั้งโลกใบนี้จะมีแบบนั้นแค่เล่มเดียวด้วย” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ก็บอกแล้วว่าปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้[3] ไม่ทราบว่าถ้าผมให้อุ้งตีนหมีลุงชิ้นนึง ลุงจะเอามันกับหูฉลามมาทำได้ไหมครับ”

        “คิดไว้แล้วเชียวว่าเธอต้องมีอุ้งตีนหมีแบบนั้นอีก เอามาให้ฉันเร็ว ฉันเคยอ่านตำรับโบราณเขียนเกี่ยวกับวิธีทำอุ้งตีนหมีกับหูฉลาม ถ้าวันนี้พวกเธออยากกินของดี ๆ ก็รีบเอามาให้ฉันเลย” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ โยนอุ้งตีนหมีขนาดใหญ่ไปให้โจวเทียนหยาง

        “อู๋กัง อุ้งตีนหมีราดน้ำผึ้งนั่นอร่อยใช่ไหมเล่า” ภายในวังแห่งจันทรา ฉางเอ๋อมองอู๋กังที่กินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับถามยิ้ม ๆ

        “อร่อย ๆ อร่อยกว่าของกินในงานเลี้ยงดอกท้อสวรรค์เสียอีก ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าท่านจะมีฝีมือเช่นนี้ ท่านควรจะบอกก่อนหน้านี้สิ เดี๋ยวข้าจะไปเอาหัวหมีมาจากแดนมาร”

        “ฮ่า ๆ เจ้าว่าถ้าให้หยางเจี่ยนเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้ เขาคงจะมีท่าทางเอิบอิ่มมากทีเดียวใช่หรือไม่” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “นักรบสวรรค์ผู้กรีทัพสามสงครามใหญ่มาแล้วอย่างอู๋กัง กลับมานั่งบนเก้าอี้เตี้ยกินอุ้งตีนหมี ทั้งยังดูดเลียนิ้วอีก ฮ่า ๆ ตลกเสียจริง”

        “หยางเจี่ยนแล้วอย่างไร หากหยางเจี่ยนได้ทานของเช่นนี้ ก็คงไม่ได้จะสุภาพเรียบร้อยไปกว่าข้าหรอก” อู๋กังพูดยิ้ม ๆ “หลายหมื่นปีมาแล้ว อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุด ไม่พูดต่อแล้ว ไปตัดไม้ดีกว่า” อู๋กังพูดพลางแบกขวานด้ามใหญ่เตรียมจะออกไป

        “ยังมีของอร่อยกว่านี้อีกหลายอย่าง ทว่าหากจะไปจับมารวาฬที่แดนมารก็จะอันตรายไปหน่อย” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ข้าไม่ให้เจ้าไปแล้วล่ะ เจ้าให้หยางเจี่ยนมาหาข้า หวังว่าตาที่สามของเขาจะจัดการกับมารวาฬได้ดีนะ”

        “ท่านพี่ ท่านอย่าลำเอียงสิ เรื่องมารวาฬเดี๋ยวข้าไปหาหยางเจี่ยนเอง ไว้ตอนข้ากับเขากลับวังแห่งจันทรา ท่านอยากได้อะไรอีกพวกเราจะนำกลับมาด้วยกัน” อู๋กังพูดพลาง

        “ไปเอาหัวมารหมีมา” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ทว่าเมื่อสักครู่ข้าคำนวณดูแล้ว พวกเจ้าสองคนไปครานี้ จะมีอันตรายไม่น้อย ถ้าเจอจอมมาร รีบหนีกลับมา ไม่เช่นนั้นสรวงสวรรค์ได้สูญเสียนักรบไปถึงสองคนแน่ ตาแก่หงจวินนั่นได้ประจานอีก”

        “เป็นเซียนแต่เหตุใดต้องมาว่าร้ายข้าลับหลังด้วยเล่า นี่ไม่ใช่การกระทำของเซียนเลย” เสียงอันนุ่มลึกดังขึ้นในวังแห่งจันทรา

        “หงจวิน ในเมื่อท่านได้ยินแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าพูดลับหลัง เจ้าลอบดูข้าในวังแห่งจันทรา หรือว่าอยากจะดูข้าอาบน้ำด้วย ฮ่าๆ!” ฉางเอ๋อพูดพลางถอดชุดสุ่ยซิว หงจวินผู้ซึ่งกำลังเล่นหมากอยู่ไกลกว่าหมื่นเมตรก็พลันตกใจไปถึงดวงจิต ตัวหมากที่อยู่ในมือก็วางผิดที่

        “สตรีบ้า สตรีบ้าของแท้” หงจวินพูดเสียงดัง ท่านเทพแห่งดาวศุกร์ที่เล่นหมากกับเขานั้นก็มีความงุนงงเต็มใบหน้า ส่วนฉางเอ๋อก็หัวเราะลั่นอยู่ในวังแห่งจันทรา ทว่าอู๋กังถึงกับเหงื่อท่วมหัว ที่ฉางเอ๋อถอดสุ่ยซิวเมื่อสักครู่ อู๋กังก็วิ่งออกไปจากวังแห่งจันทราราวกับหลบหนีอะไรบางอย่าง ดิ่งตรงไปยังวังสิงกงของหยางเจี่ยน

        เป็นเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ทุกคนต่างนั่งล้อมโต๊ะกลมตัวใหญ่ เฉินเจี่ยตี้มองโต๊ะโดยละเอียดแวบหนึ่ง หน้าโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ แถมยังทำมาจากไม้แผ่นเดียว ไม่ได้มีรอยต่อ ทำให้เขามีความรู้สึกเคารพนับถือหัวหน้าคลินิกผู้มีอายุน้อยกว่าตนไม่กี่ปีผู้นี้เป็นอย่างมาก

        “เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะให้พวกเธอทุกคนไปซื้อยาจีน เที่ยงนี้คงไม่ให้พวกเธอดื่มเหล้าล่ะนะ มาชิมฝีมือทำอาหารของฉันกับลุงโจวกันเถอะ” พูดเสร็จ ตรงหน้าของทุกคนก็มีจานใบเล็กๆ จากนั้นก็เสิร์ฟซุปหยกขาว รสชาติหอมเข้มข้นของปลาตรงมาสู่ใบหน้า

        “นี่มันหูฉลามนี่ แต่ทำไมถึงเป็นรสชาติแบบนี้ล่ะ อร่อยมากเลย” นักศึกษาคนหนึ่งดื่มไปคำนึง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

        “ลุงโจว ข้างในเป็นเนื้ออะไรเนี่ย คุณพระ อยู่ในมหาลัยอู่เฉิงก็เคยได้ยินชื่อร้านอาหารเทียนหยาง แต่ไม่เคยไปสักครั้ง ผมพลาดของอร่อยไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เฉาเฉียนคุนพูดเสียงดัง

        “ลุงโจว ลำบากแล้วล่ะ มา บ่ายนี่ลุงไม่มีธุระอะไร เต็มแก้ว” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็เทหล้าในแก้วของโจวเทียนหยางจนเต็ม โจวเทียนหยางเห็นเด็กๆ กลุ่มหนึ่งกินกันอย่างมูมมามก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา

        “เนื้อในหูฉลามก็คืออุ้งตีนหมี ก็บอกแล้วว่าหงปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้ แต่วันนี้เหล่าโจวต้องเอามันมาอยู่ด้วยกันให้ได้” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง

 

[1] มีความหมายว่าการทำครัวทำอาหาร

[2] มีตำนานว่าเผาติ่งเป็นผู้ชำแหละวัวผู้เก่งกาจใจสมัยก่อน เขาชำแหละวัวจนสามารถจดจำอวัยวะ กระดูก จนกระทั่งถึงเส้นเลือดทุกส่วนของวัวได้

[3] เป็นสำนวนหมายความว่าไม่อาจเอาสองสิ่งมาได้ในเวลาเดียวกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 129 ปลากับอุ้งตีนหมีเอาพร้อมกันไม่ได้

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 129 ปลากับอุ้งตีนหมีเอาพร้อมกันไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “วันนี้เป็นวันแรก ทำของอร่อยให้พวกเธอหน่อยดีกว่า พวกเราไม่ไปกินข้างนอกแล้วล่ะ” ผ่านเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาไปแล้ว กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโทรหาโจวเทียนหยาง ได้ยินมาว่าเขามีวัตถุดิบชั้นดี และไม่ถึงห้านาที โจวเทียนหยางก็มาถึงคลินิกไม่

        “ในหมู่พวกเธอมีคนทำอาหารเป็นหรือเปล่า ไปเป็นลูกมือลุงโจวหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหล่านักศึกษา เห็นได้ชัดว่านักศึกษาพวกนี้ยังไม่ตื่นจากความสะดวกสบายในคลินิกไม่ จึงไม่มีใครยอมไปช่วยโจวเทียนหยาง ยกเว้นหลี่อวี้ เขาวิ่งไปล้างมือตรงก๊อกน้ำแล้วเข้าไปในครัว แต่ที่ทำให้กัวไฮว่ประหลาดใจก็คือเหอโม่เองก็ตามเข้าไปในครัวด้วย

        “กัวไฮว่ ยังมีอุ้งตีนหมีวันนั้นอีกหรือเปล่า เอามาหน่อยสิ” โจวเทียนหยางพูดถามเสียงดัง

        “อะแฮ่ม ๆ ลุงโจว ลุงคิดว่าอุ้งตีนหมีเป็นผักกาดหรือไง อุ้งตีนหมีหมดแล้ว แต่ว่าเนื้อพวกนี้ลุงลองปรุงแบบวิธีปรุงเนื้อกวางก็ได้นะ จะได้ให้ทุกคนได้ชิมกันหน่อย หูฉลามนี่เดี๋ยวผมทำเอง ผมอุตส่าห์ต้มมาทั้งวัน” กัวไฮว่พูดพลางเปิดจานจานหนึ่งที่ด้านในมีหูฉลามยาวหนึ่งเมตรกว่าอยู่

        โจวเทียนหยางอดไม่ได้ที่จะชิมไปชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เขาก็นิ่งอึ้งไป

        “หูฉลามนี่เดี๋ยวฉันทำเอง เธอทำอย่างอื่นไปเถอะ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ กัวไฮว่เองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาให้หูฉลามกับโจวเทียนหยางไป ห้องครัวมีขนาดใหญ่ ทั้งสี่คนอยู่ในนั้นถือว่ากว้างขวางมาก หลี่อวี้เริ่มจากช่วยเด็ดผัก กัวไฮว่มองเหอโม่แวบหนึ่งจากนั้นก็เรียกเธอมาตรงหน้า จากนั้นก็โยนเนื้อซี่โครงไปให้เหอโม่

        “ลองมีดนี่ดู ดูหน่อยว่าใช้ได้หรือเปล่า หั่นซี่โครงนี่เป็นท่อนๆ” ในขณะที่พูดก็มีมีดทำอาหารเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของกัวไฮว่ ในขณะที่มีดปรากฏออกมานั่นเอง โจวเทียนหยางที่กำลังหั่นหูฉลามอยู่นั้นก็รู้เหมือนกับมีอะไรอันตราย เขานิ่งอึ้งไป ก่อนจะนำสายตามองไปยังมีดที่กัวไฮว่ส่งให้เหอโม่

        “ยายหนู เธอถือให้ดี ๆ นะ มีดดีเลยล่ะ ไม่ได้แค่ใช้หั่นผักหั่นเนื้อดีนะ ใช้ฆ่าคนก็ไม่เลวเลย เฮอะๆ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ จากนั้นก็จัดการกับหูฉลามของตน

        “ขอบคุณค่ะอาจารย์” เหอโม่รับมีดมา จากนั้นก็หั่นซี่โครงไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงสามสี่นาทีซี่โครงชิ้นใหญ่ก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอ ๆ กัน

        “ยายหนู ฝีมือการใช้มีดใช้ได้เลยเนี่ย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ

        “มีดต่างหากที่ดี เมื่อกี้ฉันใช้มือคลำกระดูกแล้ว เหมือนว่าจะเป็นกระดูกวัวนะ แต่หยาบกว่ากระดูกวัวเยอะเลย แข็งกว่ากระดูกวัวสิบเท่า มีดนี่สุดยอดมากเลย” เหอโม่พูดเบา ๆ

        “ถ้าชอบก็เก็บเอาไว้ให้ดี แต่จำไว้นะว่าอย่าเอาไปทำร้ายใคร แต่จากความสามารถของเธอในตอนนี้คงควบคุมมันไม่ไหวหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ มีดทำอาหารเล่มนี้มาจากน้ำเต้าเหล่าจวิน แม้เจ้าของคนก่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของที่อยู่ในน้ำเต้านี่เลย แต่กัวไฮว่กลับรู้ที่มาของมีดทำอาหารเล่มนี้ เพราะบนมีดทำอาหารเล่มนี้แกะสลักอักษรคำว่า ‘เผา[1]’ ตัวเล็ก ๆ เอาไว้ มีดเล่มนี้เป็นมีดที่เผาติ่ง[2]เคยไว้ใช้ชำแหละวัว ทุกคนต่างรู้ว่าเผาติ่งเป็นพ่อครัว แต่มนุษย์โลกจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาเองก็ได้ขึ้นไปสวรรค์เช่นกัน เพียงแค่เขาใช้มีดชำแหละวัวเล่มเดียว ก็สามารถฆ่าผีทำลายวิญญาณได้ ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก

        “กัวไฮว่ มีดแบบนี้ยังมีอีกหรือเปล่า จะให้ฉันสักเล่มเหมือนกันใช่หรือเปล่า” โจวเทียนหยางถามยิ้ม ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ทำหูฉลามจานใหญ่เสร็จแล้ว

        “ถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมทำมีดดี ๆ สักเล่มให้ มีดแบบนั้นมีแค่เล่มเดียว และเกรงว่าทั้งโลกใบนี้จะมีแบบนั้นแค่เล่มเดียวด้วย” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ก็บอกแล้วว่าปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้[3] ไม่ทราบว่าถ้าผมให้อุ้งตีนหมีลุงชิ้นนึง ลุงจะเอามันกับหูฉลามมาทำได้ไหมครับ”

        “คิดไว้แล้วเชียวว่าเธอต้องมีอุ้งตีนหมีแบบนั้นอีก เอามาให้ฉันเร็ว ฉันเคยอ่านตำรับโบราณเขียนเกี่ยวกับวิธีทำอุ้งตีนหมีกับหูฉลาม ถ้าวันนี้พวกเธออยากกินของดี ๆ ก็รีบเอามาให้ฉันเลย” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ โยนอุ้งตีนหมีขนาดใหญ่ไปให้โจวเทียนหยาง

        “อู๋กัง อุ้งตีนหมีราดน้ำผึ้งนั่นอร่อยใช่ไหมเล่า” ภายในวังแห่งจันทรา ฉางเอ๋อมองอู๋กังที่กินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับถามยิ้ม ๆ

        “อร่อย ๆ อร่อยกว่าของกินในงานเลี้ยงดอกท้อสวรรค์เสียอีก ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าท่านจะมีฝีมือเช่นนี้ ท่านควรจะบอกก่อนหน้านี้สิ เดี๋ยวข้าจะไปเอาหัวหมีมาจากแดนมาร”

        “ฮ่า ๆ เจ้าว่าถ้าให้หยางเจี่ยนเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้ เขาคงจะมีท่าทางเอิบอิ่มมากทีเดียวใช่หรือไม่” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “นักรบสวรรค์ผู้กรีทัพสามสงครามใหญ่มาแล้วอย่างอู๋กัง กลับมานั่งบนเก้าอี้เตี้ยกินอุ้งตีนหมี ทั้งยังดูดเลียนิ้วอีก ฮ่า ๆ ตลกเสียจริง”

        “หยางเจี่ยนแล้วอย่างไร หากหยางเจี่ยนได้ทานของเช่นนี้ ก็คงไม่ได้จะสุภาพเรียบร้อยไปกว่าข้าหรอก” อู๋กังพูดยิ้ม ๆ “หลายหมื่นปีมาแล้ว อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุด ไม่พูดต่อแล้ว ไปตัดไม้ดีกว่า” อู๋กังพูดพลางแบกขวานด้ามใหญ่เตรียมจะออกไป

        “ยังมีของอร่อยกว่านี้อีกหลายอย่าง ทว่าหากจะไปจับมารวาฬที่แดนมารก็จะอันตรายไปหน่อย” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ข้าไม่ให้เจ้าไปแล้วล่ะ เจ้าให้หยางเจี่ยนมาหาข้า หวังว่าตาที่สามของเขาจะจัดการกับมารวาฬได้ดีนะ”

        “ท่านพี่ ท่านอย่าลำเอียงสิ เรื่องมารวาฬเดี๋ยวข้าไปหาหยางเจี่ยนเอง ไว้ตอนข้ากับเขากลับวังแห่งจันทรา ท่านอยากได้อะไรอีกพวกเราจะนำกลับมาด้วยกัน” อู๋กังพูดพลาง

        “ไปเอาหัวมารหมีมา” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ทว่าเมื่อสักครู่ข้าคำนวณดูแล้ว พวกเจ้าสองคนไปครานี้ จะมีอันตรายไม่น้อย ถ้าเจอจอมมาร รีบหนีกลับมา ไม่เช่นนั้นสรวงสวรรค์ได้สูญเสียนักรบไปถึงสองคนแน่ ตาแก่หงจวินนั่นได้ประจานอีก”

        “เป็นเซียนแต่เหตุใดต้องมาว่าร้ายข้าลับหลังด้วยเล่า นี่ไม่ใช่การกระทำของเซียนเลย” เสียงอันนุ่มลึกดังขึ้นในวังแห่งจันทรา

        “หงจวิน ในเมื่อท่านได้ยินแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าพูดลับหลัง เจ้าลอบดูข้าในวังแห่งจันทรา หรือว่าอยากจะดูข้าอาบน้ำด้วย ฮ่าๆ!” ฉางเอ๋อพูดพลางถอดชุดสุ่ยซิว หงจวินผู้ซึ่งกำลังเล่นหมากอยู่ไกลกว่าหมื่นเมตรก็พลันตกใจไปถึงดวงจิต ตัวหมากที่อยู่ในมือก็วางผิดที่

        “สตรีบ้า สตรีบ้าของแท้” หงจวินพูดเสียงดัง ท่านเทพแห่งดาวศุกร์ที่เล่นหมากกับเขานั้นก็มีความงุนงงเต็มใบหน้า ส่วนฉางเอ๋อก็หัวเราะลั่นอยู่ในวังแห่งจันทรา ทว่าอู๋กังถึงกับเหงื่อท่วมหัว ที่ฉางเอ๋อถอดสุ่ยซิวเมื่อสักครู่ อู๋กังก็วิ่งออกไปจากวังแห่งจันทราราวกับหลบหนีอะไรบางอย่าง ดิ่งตรงไปยังวังสิงกงของหยางเจี่ยน

        เป็นเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ทุกคนต่างนั่งล้อมโต๊ะกลมตัวใหญ่ เฉินเจี่ยตี้มองโต๊ะโดยละเอียดแวบหนึ่ง หน้าโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ แถมยังทำมาจากไม้แผ่นเดียว ไม่ได้มีรอยต่อ ทำให้เขามีความรู้สึกเคารพนับถือหัวหน้าคลินิกผู้มีอายุน้อยกว่าตนไม่กี่ปีผู้นี้เป็นอย่างมาก

        “เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะให้พวกเธอทุกคนไปซื้อยาจีน เที่ยงนี้คงไม่ให้พวกเธอดื่มเหล้าล่ะนะ มาชิมฝีมือทำอาหารของฉันกับลุงโจวกันเถอะ” พูดเสร็จ ตรงหน้าของทุกคนก็มีจานใบเล็กๆ จากนั้นก็เสิร์ฟซุปหยกขาว รสชาติหอมเข้มข้นของปลาตรงมาสู่ใบหน้า

        “นี่มันหูฉลามนี่ แต่ทำไมถึงเป็นรสชาติแบบนี้ล่ะ อร่อยมากเลย” นักศึกษาคนหนึ่งดื่มไปคำนึง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

        “ลุงโจว ข้างในเป็นเนื้ออะไรเนี่ย คุณพระ อยู่ในมหาลัยอู่เฉิงก็เคยได้ยินชื่อร้านอาหารเทียนหยาง แต่ไม่เคยไปสักครั้ง ผมพลาดของอร่อยไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เฉาเฉียนคุนพูดเสียงดัง

        “ลุงโจว ลำบากแล้วล่ะ มา บ่ายนี่ลุงไม่มีธุระอะไร เต็มแก้ว” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็เทหล้าในแก้วของโจวเทียนหยางจนเต็ม โจวเทียนหยางเห็นเด็กๆ กลุ่มหนึ่งกินกันอย่างมูมมามก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา

        “เนื้อในหูฉลามก็คืออุ้งตีนหมี ก็บอกแล้วว่าหงปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้ แต่วันนี้เหล่าโจวต้องเอามันมาอยู่ด้วยกันให้ได้” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง

 

[1] มีความหมายว่าการทำครัวทำอาหาร

[2] มีตำนานว่าเผาติ่งเป็นผู้ชำแหละวัวผู้เก่งกาจใจสมัยก่อน เขาชำแหละวัวจนสามารถจดจำอวัยวะ กระดูก จนกระทั่งถึงเส้นเลือดทุกส่วนของวัวได้

[3] เป็นสำนวนหมายความว่าไม่อาจเอาสองสิ่งมาได้ในเวลาเดียวกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 129 ปลากับอุ้งตีนหมีเอาพร้อมกันไม่ได้

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 129 ปลากับอุ้งตีนหมีเอาพร้อมกันไม่ได้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “วันนี้เป็นวันแรก ทำของอร่อยให้พวกเธอหน่อยดีกว่า พวกเราไม่ไปกินข้างนอกแล้วล่ะ” ผ่านเวลาสิบเอ็ดนาฬิกาไปแล้ว กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะโทรหาโจวเทียนหยาง ได้ยินมาว่าเขามีวัตถุดิบชั้นดี และไม่ถึงห้านาที โจวเทียนหยางก็มาถึงคลินิกไม่

        “ในหมู่พวกเธอมีคนทำอาหารเป็นหรือเปล่า ไปเป็นลูกมือลุงโจวหน่อยสิ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหล่านักศึกษา เห็นได้ชัดว่านักศึกษาพวกนี้ยังไม่ตื่นจากความสะดวกสบายในคลินิกไม่ จึงไม่มีใครยอมไปช่วยโจวเทียนหยาง ยกเว้นหลี่อวี้ เขาวิ่งไปล้างมือตรงก๊อกน้ำแล้วเข้าไปในครัว แต่ที่ทำให้กัวไฮว่ประหลาดใจก็คือเหอโม่เองก็ตามเข้าไปในครัวด้วย

        “กัวไฮว่ ยังมีอุ้งตีนหมีวันนั้นอีกหรือเปล่า เอามาหน่อยสิ” โจวเทียนหยางพูดถามเสียงดัง

        “อะแฮ่ม ๆ ลุงโจว ลุงคิดว่าอุ้งตีนหมีเป็นผักกาดหรือไง อุ้งตีนหมีหมดแล้ว แต่ว่าเนื้อพวกนี้ลุงลองปรุงแบบวิธีปรุงเนื้อกวางก็ได้นะ จะได้ให้ทุกคนได้ชิมกันหน่อย หูฉลามนี่เดี๋ยวผมทำเอง ผมอุตส่าห์ต้มมาทั้งวัน” กัวไฮว่พูดพลางเปิดจานจานหนึ่งที่ด้านในมีหูฉลามยาวหนึ่งเมตรกว่าอยู่

        โจวเทียนหยางอดไม่ได้ที่จะชิมไปชิ้นหนึ่ง จากนั้นก็เขาก็นิ่งอึ้งไป

        “หูฉลามนี่เดี๋ยวฉันทำเอง เธอทำอย่างอื่นไปเถอะ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ กัวไฮว่เองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เขาให้หูฉลามกับโจวเทียนหยางไป ห้องครัวมีขนาดใหญ่ ทั้งสี่คนอยู่ในนั้นถือว่ากว้างขวางมาก หลี่อวี้เริ่มจากช่วยเด็ดผัก กัวไฮว่มองเหอโม่แวบหนึ่งจากนั้นก็เรียกเธอมาตรงหน้า จากนั้นก็โยนเนื้อซี่โครงไปให้เหอโม่

        “ลองมีดนี่ดู ดูหน่อยว่าใช้ได้หรือเปล่า หั่นซี่โครงนี่เป็นท่อนๆ” ในขณะที่พูดก็มีมีดทำอาหารเล่มหนึ่งปรากฏอยู่ในมือของกัวไฮว่ ในขณะที่มีดปรากฏออกมานั่นเอง โจวเทียนหยางที่กำลังหั่นหูฉลามอยู่นั้นก็รู้เหมือนกับมีอะไรอันตราย เขานิ่งอึ้งไป ก่อนจะนำสายตามองไปยังมีดที่กัวไฮว่ส่งให้เหอโม่

        “ยายหนู เธอถือให้ดี ๆ นะ มีดดีเลยล่ะ ไม่ได้แค่ใช้หั่นผักหั่นเนื้อดีนะ ใช้ฆ่าคนก็ไม่เลวเลย เฮอะๆ” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ จากนั้นก็จัดการกับหูฉลามของตน

        “ขอบคุณค่ะอาจารย์” เหอโม่รับมีดมา จากนั้นก็หั่นซี่โครงไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาเพียงสามสี่นาทีซี่โครงชิ้นใหญ่ก็ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอ ๆ กัน

        “ยายหนู ฝีมือการใช้มีดใช้ได้เลยเนี่ย” โจวเทียนหยางพูดยิ้ม ๆ

        “มีดต่างหากที่ดี เมื่อกี้ฉันใช้มือคลำกระดูกแล้ว เหมือนว่าจะเป็นกระดูกวัวนะ แต่หยาบกว่ากระดูกวัวเยอะเลย แข็งกว่ากระดูกวัวสิบเท่า มีดนี่สุดยอดมากเลย” เหอโม่พูดเบา ๆ

        “ถ้าชอบก็เก็บเอาไว้ให้ดี แต่จำไว้นะว่าอย่าเอาไปทำร้ายใคร แต่จากความสามารถของเธอในตอนนี้คงควบคุมมันไม่ไหวหรอก” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ มีดทำอาหารเล่มนี้มาจากน้ำเต้าเหล่าจวิน แม้เจ้าของคนก่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับของที่อยู่ในน้ำเต้านี่เลย แต่กัวไฮว่กลับรู้ที่มาของมีดทำอาหารเล่มนี้ เพราะบนมีดทำอาหารเล่มนี้แกะสลักอักษรคำว่า ‘เผา[1]’ ตัวเล็ก ๆ เอาไว้ มีดเล่มนี้เป็นมีดที่เผาติ่ง[2]เคยไว้ใช้ชำแหละวัว ทุกคนต่างรู้ว่าเผาติ่งเป็นพ่อครัว แต่มนุษย์โลกจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาเองก็ได้ขึ้นไปสวรรค์เช่นกัน เพียงแค่เขาใช้มีดชำแหละวัวเล่มเดียว ก็สามารถฆ่าผีทำลายวิญญาณได้ ช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก

        “กัวไฮว่ มีดแบบนี้ยังมีอีกหรือเปล่า จะให้ฉันสักเล่มเหมือนกันใช่หรือเปล่า” โจวเทียนหยางถามยิ้ม ๆ ในขณะเดียวกันเขาก็ทำหูฉลามจานใหญ่เสร็จแล้ว

        “ถ้ามีเวลาเดี๋ยวผมทำมีดดี ๆ สักเล่มให้ มีดแบบนั้นมีแค่เล่มเดียว และเกรงว่าทั้งโลกใบนี้จะมีแบบนั้นแค่เล่มเดียวด้วย” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ก็บอกแล้วว่าปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้[3] ไม่ทราบว่าถ้าผมให้อุ้งตีนหมีลุงชิ้นนึง ลุงจะเอามันกับหูฉลามมาทำได้ไหมครับ”

        “คิดไว้แล้วเชียวว่าเธอต้องมีอุ้งตีนหมีแบบนั้นอีก เอามาให้ฉันเร็ว ฉันเคยอ่านตำรับโบราณเขียนเกี่ยวกับวิธีทำอุ้งตีนหมีกับหูฉลาม ถ้าวันนี้พวกเธออยากกินของดี ๆ ก็รีบเอามาให้ฉันเลย” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ โยนอุ้งตีนหมีขนาดใหญ่ไปให้โจวเทียนหยาง

        “อู๋กัง อุ้งตีนหมีราดน้ำผึ้งนั่นอร่อยใช่ไหมเล่า” ภายในวังแห่งจันทรา ฉางเอ๋อมองอู๋กังที่กินอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมกับถามยิ้ม ๆ

        “อร่อย ๆ อร่อยกว่าของกินในงานเลี้ยงดอกท้อสวรรค์เสียอีก ท่านพี่ ไม่คิดเลยว่าท่านจะมีฝีมือเช่นนี้ ท่านควรจะบอกก่อนหน้านี้สิ เดี๋ยวข้าจะไปเอาหัวหมีมาจากแดนมาร”

        “ฮ่า ๆ เจ้าว่าถ้าให้หยางเจี่ยนเห็นเจ้าในสภาพเช่นนี้ เขาคงจะมีท่าทางเอิบอิ่มมากทีเดียวใช่หรือไม่” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “นักรบสวรรค์ผู้กรีทัพสามสงครามใหญ่มาแล้วอย่างอู๋กัง กลับมานั่งบนเก้าอี้เตี้ยกินอุ้งตีนหมี ทั้งยังดูดเลียนิ้วอีก ฮ่า ๆ ตลกเสียจริง”

        “หยางเจี่ยนแล้วอย่างไร หากหยางเจี่ยนได้ทานของเช่นนี้ ก็คงไม่ได้จะสุภาพเรียบร้อยไปกว่าข้าหรอก” อู๋กังพูดยิ้ม ๆ “หลายหมื่นปีมาแล้ว อาหารมื้อนี้อร่อยที่สุด ไม่พูดต่อแล้ว ไปตัดไม้ดีกว่า” อู๋กังพูดพลางแบกขวานด้ามใหญ่เตรียมจะออกไป

        “ยังมีของอร่อยกว่านี้อีกหลายอย่าง ทว่าหากจะไปจับมารวาฬที่แดนมารก็จะอันตรายไปหน่อย” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ข้าไม่ให้เจ้าไปแล้วล่ะ เจ้าให้หยางเจี่ยนมาหาข้า หวังว่าตาที่สามของเขาจะจัดการกับมารวาฬได้ดีนะ”

        “ท่านพี่ ท่านอย่าลำเอียงสิ เรื่องมารวาฬเดี๋ยวข้าไปหาหยางเจี่ยนเอง ไว้ตอนข้ากับเขากลับวังแห่งจันทรา ท่านอยากได้อะไรอีกพวกเราจะนำกลับมาด้วยกัน” อู๋กังพูดพลาง

        “ไปเอาหัวมารหมีมา” ฉางเอ๋อพูดยิ้ม ๆ “ทว่าเมื่อสักครู่ข้าคำนวณดูแล้ว พวกเจ้าสองคนไปครานี้ จะมีอันตรายไม่น้อย ถ้าเจอจอมมาร รีบหนีกลับมา ไม่เช่นนั้นสรวงสวรรค์ได้สูญเสียนักรบไปถึงสองคนแน่ ตาแก่หงจวินนั่นได้ประจานอีก”

        “เป็นเซียนแต่เหตุใดต้องมาว่าร้ายข้าลับหลังด้วยเล่า นี่ไม่ใช่การกระทำของเซียนเลย” เสียงอันนุ่มลึกดังขึ้นในวังแห่งจันทรา

        “หงจวิน ในเมื่อท่านได้ยินแล้ว เช่นนั้นก็ไม่ถือว่าพูดลับหลัง เจ้าลอบดูข้าในวังแห่งจันทรา หรือว่าอยากจะดูข้าอาบน้ำด้วย ฮ่าๆ!” ฉางเอ๋อพูดพลางถอดชุดสุ่ยซิว หงจวินผู้ซึ่งกำลังเล่นหมากอยู่ไกลกว่าหมื่นเมตรก็พลันตกใจไปถึงดวงจิต ตัวหมากที่อยู่ในมือก็วางผิดที่

        “สตรีบ้า สตรีบ้าของแท้” หงจวินพูดเสียงดัง ท่านเทพแห่งดาวศุกร์ที่เล่นหมากกับเขานั้นก็มีความงุนงงเต็มใบหน้า ส่วนฉางเอ๋อก็หัวเราะลั่นอยู่ในวังแห่งจันทรา ทว่าอู๋กังถึงกับเหงื่อท่วมหัว ที่ฉางเอ๋อถอดสุ่ยซิวเมื่อสักครู่ อู๋กังก็วิ่งออกไปจากวังแห่งจันทราราวกับหลบหนีอะไรบางอย่าง ดิ่งตรงไปยังวังสิงกงของหยางเจี่ยน

        เป็นเวลาประมาณเที่ยงครึ่ง ทุกคนต่างนั่งล้อมโต๊ะกลมตัวใหญ่ เฉินเจี่ยตี้มองโต๊ะโดยละเอียดแวบหนึ่ง หน้าโต๊ะใหญ่ขนาดนี้ แถมยังทำมาจากไม้แผ่นเดียว ไม่ได้มีรอยต่อ ทำให้เขามีความรู้สึกเคารพนับถือหัวหน้าคลินิกผู้มีอายุน้อยกว่าตนไม่กี่ปีผู้นี้เป็นอย่างมาก

        “เดี๋ยวตอนบ่ายฉันจะให้พวกเธอทุกคนไปซื้อยาจีน เที่ยงนี้คงไม่ให้พวกเธอดื่มเหล้าล่ะนะ มาชิมฝีมือทำอาหารของฉันกับลุงโจวกันเถอะ” พูดเสร็จ ตรงหน้าของทุกคนก็มีจานใบเล็กๆ จากนั้นก็เสิร์ฟซุปหยกขาว รสชาติหอมเข้มข้นของปลาตรงมาสู่ใบหน้า

        “นี่มันหูฉลามนี่ แต่ทำไมถึงเป็นรสชาติแบบนี้ล่ะ อร่อยมากเลย” นักศึกษาคนหนึ่งดื่มไปคำนึง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

        “ลุงโจว ข้างในเป็นเนื้ออะไรเนี่ย คุณพระ อยู่ในมหาลัยอู่เฉิงก็เคยได้ยินชื่อร้านอาหารเทียนหยาง แต่ไม่เคยไปสักครั้ง ผมพลาดของอร่อยไปเท่าไหร่แล้วเนี่ย” เฉาเฉียนคุนพูดเสียงดัง

        “ลุงโจว ลำบากแล้วล่ะ มา บ่ายนี่ลุงไม่มีธุระอะไร เต็มแก้ว” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็เทหล้าในแก้วของโจวเทียนหยางจนเต็ม โจวเทียนหยางเห็นเด็กๆ กลุ่มหนึ่งกินกันอย่างมูมมามก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา

        “เนื้อในหูฉลามก็คืออุ้งตีนหมี ก็บอกแล้วว่าหงปลากับอุ้งตีนหมีจะเอาพร้อมกันไม่ได้ แต่วันนี้เหล่าโจวต้องเอามันมาอยู่ด้วยกันให้ได้” โจวเทียนหยางพูดด้วยเสียงดัง

 

[1] มีความหมายว่าการทำครัวทำอาหาร

[2] มีตำนานว่าเผาติ่งเป็นผู้ชำแหละวัวผู้เก่งกาจใจสมัยก่อน เขาชำแหละวัวจนสามารถจดจำอวัยวะ กระดูก จนกระทั่งถึงเส้นเลือดทุกส่วนของวัวได้

[3] เป็นสำนวนหมายความว่าไม่อาจเอาสองสิ่งมาได้ในเวลาเดียวกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+