[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 158 เซวียนหยวนเถิงเฟย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 158 เซวียนหยวนเถิงเฟย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ครั้งนี้คงไม่ได้ครับ ผมมีธุระที่เมืองหลวง รอผมทำธุระเสร็จจะหาเวลาไปหาคุณที่เขาซู่ซานนะครับ ว่าแต่คุณไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีธุระอะไรเหรอครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่เมืองหลวงน่ะ เดี๋ยวลงจอดที่ตงซานแล้วพวกเราไปเมืองหลวงด้วยกันเถอะ ฮ่าๆ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ

        “เครื่องบินกำลังจะลงจอดแล้ว อาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย โปรดทุกท่านอย่ากังวลใจไปนะคะ” เสียงของหวังเสวี่ยดังขึ้นในเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง กัวไฮว่สูดลมหายในลึก ในที่สุดก็ลงจอดเสียที ต่อไปจะนั่งเจ้าเครื่องบ้านี่ไม่ได้อีกแล้ว

        ยังไม่ทันจะลงจากเครื่องบิน กัวไฮว่ก็เห็นว่าทั้งสนามบินมีคนยืนอยู่เต็ม ทหารราวหนึ่งกองทัพต่างก็ถืออาวุธหลากชนิดเข้ามาประชิดเครื่องบิน ดูท่าทางทุกคนยังไม่วางใจกัน

        “หัวหน้าแอร์คนสวยครับ คุณลงจากเครื่องไปก่อนเถอะ ให้ทหารด้านล่างถอยไปก่อน คนบนเครื่องพวกนี้วุ่นวายกันมากแล้วล่ะครับ อย่าให้ปืนพวกนั้นมาทำให้ตกใจอีกเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หวังเสวี่ยปลอบใจพนักงานบนเครื่องบินอีกครั้งจากนั้นเธอก็เดินออกจากเครื่องบินไปเป็นคนแรก

        “เสี่ยวเสวี่ย ไม่เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินใช่ไหม พวกเราได้เตรียมมือสไนเปอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว” ชายชราผู้หนึ่งจำหวังเสวี่ยได้ ชื่อของหวังต้าจวินยังคงโด่งดังมากในหมู่กองทัพ หวังต้าจวินผู้มีน้ำเสียงแหบแห้ง ใครพูดถึงก็เป็นอันหัวเราะลั่นขึ้นมา แต่ใครจะไปคิดว่ายีนส์เจ้ากรรมแบบนี้จะมีหลานสาวที่สวยสะพรั่งได้ขนาดนี้

        “พวกโจรถูกยิงตายแล้วเหรอ” ชายชราพูดเบาๆ “ดูท่าทางเหล่าฉางพูดถูกนะเนี่ยว่าบนเครื่องบินมียอดฝีมืออยู่” ชายชราก็ทำมือให้ทหารที่อยู่รอบเครื่องบินสลายตัวออก จากนั้นคนบนเครื่องบินก็ค่อยๆ เดินออกมาจากเครื่องบิน ในที่สุดเส้นทางแห่งอันตรายในครั้งนี้ก็ได้สิ้นสุดลง

        “ไอ้น้อง นี่นามบัตรฉันนะ ถ้าถึงเมืองหลวงแล้วมีปัญหาอะไรมาหาฉันได้นะ ถ้าต้องการเงินนายแค่ปริปากบอก ฉันจะออกเงินห้าร้อยล้านให้นายเอง ฉันขอบคุณเธอสำหรับเรื่องในวันนี้มากเลยนะ” ทันทีที่เครื่องบินลงจด เจ้าปิ่งกัง เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีปิ่งกังในเมืองหลวงก็เดินเข้ามาใกล้กัวไฮว่โดยทันที ได้ผูกสัมพันธ์กับเด็กวัยรุ่นแบบนี้จะอย่างไรเขาก็ไม่เสียเปรียบ

        กัวไฮว่ยิ้มพลางรับนามบัตรเอาไว้ มาเมืองหลวงในครั้งนี้รู้จักเพื่อนเอาไว้เยอะหน่อยก็ไม่เลว จากนั้นคนอื่นๆ ต่างก็ยื่นนามบัตรพร้อมทั้งแสดงความขอบคุณให้เขาเช่นเดียวกับเจ้าปิ่งกัง และแน่นอนว่าปู๋เอ้อร์เต้าเหรินก็รับนามบัตรมากองหนึ่งเช่นเดียวกัน ทว่าไม่รู้ว่าด้วยวิธีการใด นามบัตรทั้งหมดก็หายไป

        “ฮ่าๆ พ่อหนุ่ม เธอนี่วาสนาดีกว่าฉันอีกนะ พวกเราลงไปกันเถอะ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ

        “คุณเดินไปก่อน เดี๋ยวผมอุ้มพี่เซวียนลงไป สภาพเธอตอนนี้จะเคลื่อนตัวไม่ได้ เดี๋ยวเจอกันนะครับ” กัวไฮว่พูดพลางเดินไปยังด้านหน้าของเซวียนตั่วที่อยู่แถวหน้าสุด หูเม่ยเอ๋อร์อุ้มทารกชายพลางมองไปยังกัวไฮว่ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “กัวไฮว่ พี่ฉันขยับตัวไม่สะดวกน่ะ นายช่วยอุ้มเธอลงไปหน่อยสิ”

        กัวไฮว่ยิ้มพลางผงกศีรษะ เขามองทารกทั้งสองแวบหนึ่ง ทั้งคู่มีโหงวเฮ้งบุญวาสนาห้าประการ เมื่อผ่านเหตุการณ์จี้ในวันนี้ จากนี้ไปชีวิตก็จะสงบสุขราบรื่น

        “เธออุ้มเด็กไว้ให้ดีนะ ถ้าไม่ไหวก็รอเดี๋ยว เดี๋ยวฉันขึ้นมาอุ้มอีกรอบ” กัวไฮว่อุ้มยิ้มๆ พลางอุ้มเซวียนตั่วขึ้นแล้วเดินลงเครื่องบินไป

        “อาตั่ว ไม่เป็นไรใช่ไหม นายเป็นใครกัน ปล่อยอาตั่วนะ” ชายหน้าตากลางๆ รูปร่างบึกบึนผู้หนึ่งเดินไปยังเบื้องหน้ากัวไฮว่พร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง กัวไฮว่ก็สัมผัสได้โดยทันทีว่าคนคนนี้เป็นยอดฝีมือเซียนเทียนระยะกลาง ทว่าด้วยศักยภาพเช่นนี้ก็นับว่าอ่อนเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้ากัวไฮว่ ทว่ากัวไฮว่ก็เดาออกว่าคนผู้นี้เป็นใคร ภรรยาเขาถูกกัวไฮว่อุ้มอยู่ ก็ต้องขู่เป็นธรรมดา

        “ไปหาเปลหามมาหน่อย พี่เซวียนเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอมาก ถ้าคุณไม่อยากให้เธอมีอาการข้างเคียงอะไรล่ะก็รีบไปหาเปลกับผ้าห่มมาด่วนเลย ถ้าคุณอยากได้ภรรยาคุณตอนนี้ก็เอาไป” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็ส่งเซวียนตั่วให้เซวียนหยวนเถิงเฟย

        “ไอ้น้อง ขอโทษด้วยนะ ฉะ…ฉันจะไปหาเปลก่อน รบกวนนายอุ้มอีกรอบหน่อยสิ” เซวียนหยวนก็รีบวิ่งไปยังกองทัพด้วยความไว “อาตั่วคลอดลูก? เด็กกะ…เกิดแล้วเหรอ ทำไมยังไม่เห็นเด็กล่ะ” เซวียนหยวนเถิงเฟยวิ่งพลางพูดพึมพำในใจ

        ทว่าไม่ถึงสามนาทีเซวียนหยวนเถิงเฟยก็นำเปลเข็นมาคันหนึ่ง ด้านหลังยังมีหมออีกสามคนตามมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล กัวไฮว่ผงกศีรษะเบาๆ จะวิตกไปทำไม ถ้าเรื่องนี้เทพเซียนยังจัดการไม่ได้ พวกเธอมากันกี่คนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ ไม่ใช่เทพเซียนสิ เทพที่ถูกเนรเทศต่างหาก

        “นี่ พวกคุณสามคนฟังให้ดีนะ ไม่ต้องให้ยาแผนปัจจุบันพี่เซวียนหรอก เดี๋ยวผมจะเขียนใบสั่งยาให้แล้วคุณไปเอายาจีนมานะ แบบนี้พี่เซวียนจะฟื้นฟูไวมากกว่า” กัวไฮว่พูดกับหมอทั้งสามคน “ถ้าคุณอยากเจอลูกคุณก็ขึ้นไปบนเครื่องบินเองเลย น้องภรรยาคุณดูแลเด็กๆ อยู่น่ะ ฮ่าๆ” เมื่อพูดเสร็จกัวไฮว่ก็เดินออกไปทางออกชั่วคราวของกองทัพ

        เซวียนหยวนเถิงเฟยมองภรรยาที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่งก่อนจะมองไปยังเครื่องบิน จะไปก็ไม่ใช่ ไม่ไปก็ไม่ใช่

        “เถิงเฟย มัวอึ้งอะไรอยู่ ไปอุ้มเด็กลงมาสิ หมอจู้อยู่นี่คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” เซวียนตั่วมองสามีของตนท่าทางซื่อบื้อก็พูดยิ้มๆ จากนั้นเซวียนหยวนเถิงเฟยก็ขึ้นเครื่องบินไปอย่างเร่งรีบ

        “เป็นพี่ได้ไง แล้วกัวไฮว่ล่ะ” เมื่อหูเม่ยเอ๋อร์ได้ยินเสียงฝีเท้าก็คิดว่ากัวไฮว่มาแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสามีพี่ของตนเอง เฮ้อ คิดจะเข้าใกล้กัวไฮว่เสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าสามีพี่ของตัวเองจะขึ้นมา

        “เด็กล่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย” เซวียนหยวนเถิงเฟยถามด้วยความตื่นเต้น

        “ดูแล้วก็รู้เองแหละ” ในขณะที่พูดหูเม่ยเอ๋อร์ก็ส่งทารกทั้งสองให้เซวียนหยวนเถิงเฟย จากนั้นก็เห็นว่าเซวียนหยวนเถิงเฟยรับทารกทั้งสองมาอย่างระมัดระวังราวกับได้รับแก้วแหวนอันล้ำค่า จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

        “คะ…คนไหนลูกฉันเหรอ” เซวียนหยวนเถิงเฟยถามขึ้นเบาๆ

        “พี่บ้า ทั้งสอง ทั้งสองคนเลย ไม่รู้ว่าเมียตัวเองท้องใครเหรอ พี่เป็นสามีประสาอะไรเนี่ย แปลกจริงๆ เลย พี่ฉันนี่ตาถั่วแท้ๆ ทำไมถึงได้ชอบคนบ้าแบบพี่ได้” หูเม่ยเอ๋อร์พูดด้วยความโมโห

        “หลายวันก่อนตรวจดูแล้วล่ะว่าเด็กใหญ่มาก แต่ก็คนเดียว ไม่ได้บอกว่าเป็นแฝดสักหน่อย” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดด้วยความรู้สึกผิด เขามองหูเม่ยเอ๋อร์เดินลงจากเครื่องบินไปจากนั้นก็ตัวเองเดินไปอย่างระมัดระวังทีละก้าวๆ

        “สองคน? เป็นไปไม่ได้ ตรวจครรภ์เมื่อคราวก่อนเราก็ดูกันชัดแล้วนี่นาว่าเป็นเด็กคนเดียว” คุณหมอจู้เห็นเซวียนหยวนเถิงเฟยอุ้มเด็กมาสองคนก็พูดขึ้นด้วยความตกอกตกใจ

        “เหล่าจู้ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เถอะ ไปห้องพักกันก่อน หมอที่ทำคลอดให้อาตั่วไปไหนแล้วล่ะ เราไปถามเขาหน่อย เขาต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น” การตัดสินใจของเซวียนหยวนเถิงเฟยในครั้งนี้ถือว่าน่าเชื่อถือเลยทีเดียว จากนั้นทุกคนก็มุ่งเดินไปยังห้องพัก

        “พ่อหนุ่ม เธอจะไปหาตระกูลกู่เหรอ ไอ้เด็กตระกูลกู่คนนั้นไม่ใช่คู่ปรับที่ต่อกรได้ง่ายเลยนะ เรื่องนี้ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ “เด็กนั่นมีคนปกป้องอยู่ เธอไปหาตระกูลกู่คราวนี้ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดีนะ ฮ่าๆ”

        “เหอะๆ เตรียมตัวให้ดี ใครไม่ยอมผมก็จะจัดการมันจนกว่าจะยอม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 158 เซวียนหยวนเถิงเฟย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 158 เซวียนหยวนเถิงเฟย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ครั้งนี้คงไม่ได้ครับ ผมมีธุระที่เมืองหลวง รอผมทำธุระเสร็จจะหาเวลาไปหาคุณที่เขาซู่ซานนะครับ ว่าแต่คุณไปเมืองหลวงในครั้งนี้มีธุระอะไรเหรอครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ไม่มีอะไรสำคัญหรอก ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่เมืองหลวงน่ะ เดี๋ยวลงจอดที่ตงซานแล้วพวกเราไปเมืองหลวงด้วยกันเถอะ ฮ่าๆ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ

        “เครื่องบินกำลังจะลงจอดแล้ว อาจจะรู้สึกไม่สะดวกสบาย โปรดทุกท่านอย่ากังวลใจไปนะคะ” เสียงของหวังเสวี่ยดังขึ้นในเครื่องบินอีกครั้งหนึ่ง กัวไฮว่สูดลมหายในลึก ในที่สุดก็ลงจอดเสียที ต่อไปจะนั่งเจ้าเครื่องบ้านี่ไม่ได้อีกแล้ว

        ยังไม่ทันจะลงจากเครื่องบิน กัวไฮว่ก็เห็นว่าทั้งสนามบินมีคนยืนอยู่เต็ม ทหารราวหนึ่งกองทัพต่างก็ถืออาวุธหลากชนิดเข้ามาประชิดเครื่องบิน ดูท่าทางทุกคนยังไม่วางใจกัน

        “หัวหน้าแอร์คนสวยครับ คุณลงจากเครื่องไปก่อนเถอะ ให้ทหารด้านล่างถอยไปก่อน คนบนเครื่องพวกนี้วุ่นวายกันมากแล้วล่ะครับ อย่าให้ปืนพวกนั้นมาทำให้ตกใจอีกเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หวังเสวี่ยปลอบใจพนักงานบนเครื่องบินอีกครั้งจากนั้นเธอก็เดินออกจากเครื่องบินไปเป็นคนแรก

        “เสี่ยวเสวี่ย ไม่เกิดอะไรขึ้นบนเครื่องบินใช่ไหม พวกเราได้เตรียมมือสไนเปอร์ไว้เรียบร้อยแล้ว” ชายชราผู้หนึ่งจำหวังเสวี่ยได้ ชื่อของหวังต้าจวินยังคงโด่งดังมากในหมู่กองทัพ หวังต้าจวินผู้มีน้ำเสียงแหบแห้ง ใครพูดถึงก็เป็นอันหัวเราะลั่นขึ้นมา แต่ใครจะไปคิดว่ายีนส์เจ้ากรรมแบบนี้จะมีหลานสาวที่สวยสะพรั่งได้ขนาดนี้

        “พวกโจรถูกยิงตายแล้วเหรอ” ชายชราพูดเบาๆ “ดูท่าทางเหล่าฉางพูดถูกนะเนี่ยว่าบนเครื่องบินมียอดฝีมืออยู่” ชายชราก็ทำมือให้ทหารที่อยู่รอบเครื่องบินสลายตัวออก จากนั้นคนบนเครื่องบินก็ค่อยๆ เดินออกมาจากเครื่องบิน ในที่สุดเส้นทางแห่งอันตรายในครั้งนี้ก็ได้สิ้นสุดลง

        “ไอ้น้อง นี่นามบัตรฉันนะ ถ้าถึงเมืองหลวงแล้วมีปัญหาอะไรมาหาฉันได้นะ ถ้าต้องการเงินนายแค่ปริปากบอก ฉันจะออกเงินห้าร้อยล้านให้นายเอง ฉันขอบคุณเธอสำหรับเรื่องในวันนี้มากเลยนะ” ทันทีที่เครื่องบินลงจด เจ้าปิ่งกัง เจ้าของบริษัทเทคโนโลยีปิ่งกังในเมืองหลวงก็เดินเข้ามาใกล้กัวไฮว่โดยทันที ได้ผูกสัมพันธ์กับเด็กวัยรุ่นแบบนี้จะอย่างไรเขาก็ไม่เสียเปรียบ

        กัวไฮว่ยิ้มพลางรับนามบัตรเอาไว้ มาเมืองหลวงในครั้งนี้รู้จักเพื่อนเอาไว้เยอะหน่อยก็ไม่เลว จากนั้นคนอื่นๆ ต่างก็ยื่นนามบัตรพร้อมทั้งแสดงความขอบคุณให้เขาเช่นเดียวกับเจ้าปิ่งกัง และแน่นอนว่าปู๋เอ้อร์เต้าเหรินก็รับนามบัตรมากองหนึ่งเช่นเดียวกัน ทว่าไม่รู้ว่าด้วยวิธีการใด นามบัตรทั้งหมดก็หายไป

        “ฮ่าๆ พ่อหนุ่ม เธอนี่วาสนาดีกว่าฉันอีกนะ พวกเราลงไปกันเถอะ” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ

        “คุณเดินไปก่อน เดี๋ยวผมอุ้มพี่เซวียนลงไป สภาพเธอตอนนี้จะเคลื่อนตัวไม่ได้ เดี๋ยวเจอกันนะครับ” กัวไฮว่พูดพลางเดินไปยังด้านหน้าของเซวียนตั่วที่อยู่แถวหน้าสุด หูเม่ยเอ๋อร์อุ้มทารกชายพลางมองไปยังกัวไฮว่ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ “กัวไฮว่ พี่ฉันขยับตัวไม่สะดวกน่ะ นายช่วยอุ้มเธอลงไปหน่อยสิ”

        กัวไฮว่ยิ้มพลางผงกศีรษะ เขามองทารกทั้งสองแวบหนึ่ง ทั้งคู่มีโหงวเฮ้งบุญวาสนาห้าประการ เมื่อผ่านเหตุการณ์จี้ในวันนี้ จากนี้ไปชีวิตก็จะสงบสุขราบรื่น

        “เธออุ้มเด็กไว้ให้ดีนะ ถ้าไม่ไหวก็รอเดี๋ยว เดี๋ยวฉันขึ้นมาอุ้มอีกรอบ” กัวไฮว่อุ้มยิ้มๆ พลางอุ้มเซวียนตั่วขึ้นแล้วเดินลงเครื่องบินไป

        “อาตั่ว ไม่เป็นไรใช่ไหม นายเป็นใครกัน ปล่อยอาตั่วนะ” ชายหน้าตากลางๆ รูปร่างบึกบึนผู้หนึ่งเดินไปยังเบื้องหน้ากัวไฮว่พร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง กัวไฮว่ก็สัมผัสได้โดยทันทีว่าคนคนนี้เป็นยอดฝีมือเซียนเทียนระยะกลาง ทว่าด้วยศักยภาพเช่นนี้ก็นับว่าอ่อนเหลือเกินเมื่ออยู่ต่อหน้ากัวไฮว่ ทว่ากัวไฮว่ก็เดาออกว่าคนผู้นี้เป็นใคร ภรรยาเขาถูกกัวไฮว่อุ้มอยู่ ก็ต้องขู่เป็นธรรมดา

        “ไปหาเปลหามมาหน่อย พี่เซวียนเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอมาก ถ้าคุณไม่อยากให้เธอมีอาการข้างเคียงอะไรล่ะก็รีบไปหาเปลกับผ้าห่มมาด่วนเลย ถ้าคุณอยากได้ภรรยาคุณตอนนี้ก็เอาไป” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็ส่งเซวียนตั่วให้เซวียนหยวนเถิงเฟย

        “ไอ้น้อง ขอโทษด้วยนะ ฉะ…ฉันจะไปหาเปลก่อน รบกวนนายอุ้มอีกรอบหน่อยสิ” เซวียนหยวนก็รีบวิ่งไปยังกองทัพด้วยความไว “อาตั่วคลอดลูก? เด็กกะ…เกิดแล้วเหรอ ทำไมยังไม่เห็นเด็กล่ะ” เซวียนหยวนเถิงเฟยวิ่งพลางพูดพึมพำในใจ

        ทว่าไม่ถึงสามนาทีเซวียนหยวนเถิงเฟยก็นำเปลเข็นมาคันหนึ่ง ด้านหลังยังมีหมออีกสามคนตามมาด้วยสีหน้าวิตกกังวล กัวไฮว่ผงกศีรษะเบาๆ จะวิตกไปทำไม ถ้าเรื่องนี้เทพเซียนยังจัดการไม่ได้ พวกเธอมากันกี่คนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่ ไม่ใช่เทพเซียนสิ เทพที่ถูกเนรเทศต่างหาก

        “นี่ พวกคุณสามคนฟังให้ดีนะ ไม่ต้องให้ยาแผนปัจจุบันพี่เซวียนหรอก เดี๋ยวผมจะเขียนใบสั่งยาให้แล้วคุณไปเอายาจีนมานะ แบบนี้พี่เซวียนจะฟื้นฟูไวมากกว่า” กัวไฮว่พูดกับหมอทั้งสามคน “ถ้าคุณอยากเจอลูกคุณก็ขึ้นไปบนเครื่องบินเองเลย น้องภรรยาคุณดูแลเด็กๆ อยู่น่ะ ฮ่าๆ” เมื่อพูดเสร็จกัวไฮว่ก็เดินออกไปทางออกชั่วคราวของกองทัพ

        เซวียนหยวนเถิงเฟยมองภรรยาที่อยู่บนเตียงแวบหนึ่งก่อนจะมองไปยังเครื่องบิน จะไปก็ไม่ใช่ ไม่ไปก็ไม่ใช่

        “เถิงเฟย มัวอึ้งอะไรอยู่ ไปอุ้มเด็กลงมาสิ หมอจู้อยู่นี่คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” เซวียนตั่วมองสามีของตนท่าทางซื่อบื้อก็พูดยิ้มๆ จากนั้นเซวียนหยวนเถิงเฟยก็ขึ้นเครื่องบินไปอย่างเร่งรีบ

        “เป็นพี่ได้ไง แล้วกัวไฮว่ล่ะ” เมื่อหูเม่ยเอ๋อร์ได้ยินเสียงฝีเท้าก็คิดว่ากัวไฮว่มาแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะเป็นสามีพี่ของตนเอง เฮ้อ คิดจะเข้าใกล้กัวไฮว่เสียหน่อย ไม่คิดเลยว่าสามีพี่ของตัวเองจะขึ้นมา

        “เด็กล่ะ ผู้หญิงหรือผู้ชาย” เซวียนหยวนเถิงเฟยถามด้วยความตื่นเต้น

        “ดูแล้วก็รู้เองแหละ” ในขณะที่พูดหูเม่ยเอ๋อร์ก็ส่งทารกทั้งสองให้เซวียนหยวนเถิงเฟย จากนั้นก็เห็นว่าเซวียนหยวนเถิงเฟยรับทารกทั้งสองมาอย่างระมัดระวังราวกับได้รับแก้วแหวนอันล้ำค่า จึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

        “คะ…คนไหนลูกฉันเหรอ” เซวียนหยวนเถิงเฟยถามขึ้นเบาๆ

        “พี่บ้า ทั้งสอง ทั้งสองคนเลย ไม่รู้ว่าเมียตัวเองท้องใครเหรอ พี่เป็นสามีประสาอะไรเนี่ย แปลกจริงๆ เลย พี่ฉันนี่ตาถั่วแท้ๆ ทำไมถึงได้ชอบคนบ้าแบบพี่ได้” หูเม่ยเอ๋อร์พูดด้วยความโมโห

        “หลายวันก่อนตรวจดูแล้วล่ะว่าเด็กใหญ่มาก แต่ก็คนเดียว ไม่ได้บอกว่าเป็นแฝดสักหน่อย” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดด้วยความรู้สึกผิด เขามองหูเม่ยเอ๋อร์เดินลงจากเครื่องบินไปจากนั้นก็ตัวเองเดินไปอย่างระมัดระวังทีละก้าวๆ

        “สองคน? เป็นไปไม่ได้ ตรวจครรภ์เมื่อคราวก่อนเราก็ดูกันชัดแล้วนี่นาว่าเป็นเด็กคนเดียว” คุณหมอจู้เห็นเซวียนหยวนเถิงเฟยอุ้มเด็กมาสองคนก็พูดขึ้นด้วยความตกอกตกใจ

        “เหล่าจู้ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เถอะ ไปห้องพักกันก่อน หมอที่ทำคลอดให้อาตั่วไปไหนแล้วล่ะ เราไปถามเขาหน่อย เขาต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น” การตัดสินใจของเซวียนหยวนเถิงเฟยในครั้งนี้ถือว่าน่าเชื่อถือเลยทีเดียว จากนั้นทุกคนก็มุ่งเดินไปยังห้องพัก

        “พ่อหนุ่ม เธอจะไปหาตระกูลกู่เหรอ ไอ้เด็กตระกูลกู่คนนั้นไม่ใช่คู่ปรับที่ต่อกรได้ง่ายเลยนะ เรื่องนี้ฉันช่วยเธอไม่ได้หรอก” ปู๋เอ้อร์เต้าเหรินพูดยิ้มๆ “เด็กนั่นมีคนปกป้องอยู่ เธอไปหาตระกูลกู่คราวนี้ต้องเตรียมตัวไว้ให้ดีนะ ฮ่าๆ”

        “เหอะๆ เตรียมตัวให้ดี ใครไม่ยอมผมก็จะจัดการมันจนกว่าจะยอม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+