[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 42 ชินน่ะ จับผิด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 42 ชินน่ะ จับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หากปีหน้ามีบันทึกประวัติศาสตร์โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็จะมีบันทึกไว้ว่า:ลูกผู้ดีที่ใครเห็นใครก็เกลียดผู้หนึ่งได้รับการเคารพจากคนทั้งโรงเรียนด้วยความสามารถที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คนี้ ทุกคนล้วนจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้เขาคือกัวไฮว่ กัวไฮว่แห่งเมืองอู่เฉิง

        ตั้งแต่เช้าตรู่ทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนฟู่จงล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันแตกต่าง เหล่านักเรียนหัวกะทิในห้องทบทวนบทเรียนกัน เหล่านักเรียนบ๊วยในห้องแบ่งปันเทคนิคการพลอดรักกันของหนุ่มสาว ทางห้องสมุดที่ได้ประกาศให้เป็นวันหยุด ในวันนั้นนักเรียนที่ลาเรียนก็กลับมาก่อนกำหนด สรุปแล้วก็คือนักเรียนและคุณครูทุกคนล้วนแล้วแต่รวมตัวอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนเยอะเสียกว่าคนที่มางานประมูลในครั้งก่อนเสียอีก

        “ไอ้แว่นวันนี้ไปเล่นLOLไหม”บนถนนเล็กๆในโรงเรียนเด็กหนุ่มมองนักเรียนที่ดูหน้าตาไม่น่ามองคนหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ไม่มีเงินแล้ว เอาเงินไปลงพนันของไอ้ฉินหมดแล้ว รอให้หมอนั่นที่มาจากห้องหนึ่งได้เข้ารอบที่สอบก่อนเถอะ เงินหมื่นนึงจะกลายเป็นล้านนึงแน่ ถึงเวลานั้นก็จะมีเวลาเล่นแล้ว”นักเรียนที่ใส่แว่นดันแว่นขึ้นจากนั้นก็พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆ ไอ้แว่น ดูท่าแกต้องเสียเงินหมื่นนึงให้ไอ้เจ้าฉินแล้วล่ะ”เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย

        “คนที่เด็ดสาวสวยสองคนจากห้องหกมาได้เนี่ย ฉันเชื่อว่าเขาต้องสร้างปาฏิหาริย์แน่ รอดูเถอะ”เด็กแว่นพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “ปู่หกทำไมวันนี้แต่งตัวเป็นทางการจัง”ฉื่ออวี้ไฉครูสอนประวัติศาสตร์มอสี่เห็นเริ่นเสวียนเช่อก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “วันนี้เป็นวันคัดเลือกแข่งวิชาการ พอดีมีพ่อหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้าร่วมด้วย ฉันจะไปเชียร์เขาสักหน่อย”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ“อวี้ไฉดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักเรียนของคุณนะหรือว่าคุณก็ไปเชียร์เขาด้วย”

        “คุณหมายถึงมู่หรงเวยเวยหรือว่าเฉียนตัวตัวเหรอ พวกเขาสองคนไม่เลวเลยนะ ครั้งนี้น่าจะมีความหวังผ่านเข้าไปอยู่ในรายชื่อเจ็ดคนได้”ฉื่ออวี้ไฉพูดยิ้มๆ

        “กัวไฮว่ กัวไฮว่ก็น่าจะผ่านเข้าไปเหมือนกันนะ เหล่าฉื่อเด็กนั่นจิตใจไม่เลวเลยล่ะ”เรื่อนเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ

        “อะแฮ่มๆ กัวไฮว่ ใช่เขาคือคนที่เพิ่มเข้าไปในรายชื่อคัดเลือกทีหลังแต่เขาเก่งมากเลยล่ะ”ฉื่ออวี้ไฉกระแอมไอสองสามทีแล้วพูดยิ้มๆขึ้นด้วยความจนใจ

        “ครั้งนี้ถ้าในระดับชั้นมีผ่านเข้าไปสามคน ในฐานะครูประวัติศาสตร์คุณคงภูมิใจไม่น้อยสินะ”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆเมื่อฉื่ออวี้ไฉคิดถึงกัวไฮว่ที่เอาแต่หลับในคาบประวัติศาสตร์จะยังไงก็ต่อกับคำว่าภูมิใจไม่ติด

        “เยี่ยจื่อวันนี้แต่งตัวสวยจังเลย”ภายในห้องนอนห้องนักเรียนหญิงเด็กผู้หญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งมองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงเรื่องตอบคำถามฉันจะสู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องชนะพวกเขาในด้านหน้าตาแล้วกัน”ถึงแม้ปากของซูเยี่ยจะพูดเช่นนั้นแต่ความคิดของเธอนั้นมีแต่ถังซีเท่านั้นที่จะรู้ เพราะความคิดของพวกเธอเหมือนกัน หากต้องนำความจริงมาพิสูจน์ พวกเธอไม่ได้มีดีแค่สวย สัญชาตญาณของพวกเธอใช้หน้าตาเอาชนะได้แต่พวกเธอก็ยังเลือกใช้สติปัญญา

        “เยี่ยจื่อ เสี่ยวซี สู้ๆนะ ถ้าพวกเธอสองคนได้เข้าแข่งขันในฐานะรูมเมตของพวกเธอฉันก็จะพลอยได้เกียรติไปด้วย สู้ๆนะ”เด็กสาวพูดยิ้มๆ

        ซูเยี่ยกับถังซีประสานสายตากันจากนั้นก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินไปทางหอประชุมไป

        “โยวโยวสู้ๆนะ ถ้าได้เป็นตัวแทนฟู่จงเข้าแข่งขัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้เจอกันตอนรอบตัดสินแล้วล่ะ สู้ๆนะ”หลินเซี่ยวนักเรียนคนเก่งของโรงเรียนจิ่วจงโทรคุยกับโหยวโยวโยวให้กำลังใจกันและกัน แล้วจากนั้นโหยวโยวโยวก็เดินตรงไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “จู้จื่อชุดพี่เป็นยังไงบ้าง”เฉียนตัวตัวที่ใส่ชุดสูททั้งตัวถามขึ้นยิ้มๆ

        “น้องตัวตัวชุดนายไม่เลวเลยนะแต่นายหน้าตาแย่ไปนิด นายดูคุณไฮว่สิ ซื้อแค่เสื้อแบกะดินทั้งตัวราคาไม่ถึงสองร้อยยังดูดีราวกับหิ่งห้อยในยามราตรี”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “จู้จื่อรอให้การแข่งขันจบก่อนเถอะ นายจะเลิกนับถือพี่ไฮว่แน่ นายคอยดูเถอะเรื่องอื่นฉันนับถือพี่ไฮว่นะ แต่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าพี่ไฮว่ไม่ใช่พวกหัวกะทิ”เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่ช่วงนี้พี่เอาแต่ไปห้องสมุดได้อะไรกลับมาบ้างไหม”

        “ก็ต้องได้น่ะสิสามหมื่นกว่าเล่มเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานที่ต้องสอบหมดแล้ว ยังไงก็ต้องเข้าแข่งขันให้ได้ฉันร่วมพนันไปตั้งล้านนึง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณไฮว่ คุณต้องสู้ๆนะครับ ผมพนันเข้าข้างคุณไปหนึ่งหมื่นสามพันหยวนก็คือหนึ่งต่อแสนนั่นแหละ ถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ได้เข้าแข่งขันผมต้องกินลมแทนข้าวแน่เลย”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “อยู่กับพี่ไฮว่ไม่ต้องถามเรื่องกินดื่ม ไปเถอะวันนี้ให้โรงเรียนฟู่จงได้สัมผัสออร่าของพี่ไฮว่กันสักหน่อย”กัวไฮว่พูดอวดดีอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบ แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดว่าให้โลกมนุษย์ได้เห็นออร่าของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างข้าเสียหน่อย

        “คุณครูหลินครั้งนี้มีนักเรียนห้องครูเข้าร่วมการคัดเลือกสามคนเลย สุดยอดจริงๆ เห็นว่ามีตัวเก็งตั้งสองคน”ครูหนุ่มหล่อคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “ห้องพวกเธอก็ไม่เลวเลยนะ ซูเยี่ยได้เข้าแข่งขันแน่”หลินซวงพูดยิ้มๆ ครูหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือซ่งปู้จิงครูประจำชั้นห้องหก ในสายตาคนภายนอกแล้วเขายังหนุ่มแน่น ครอบครัวก็ไม่เลว แต่หลินซวงกลับรู้ว่าชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าสี่ตัวอันตรายเสียอีก สี่ตัวอันตรายอย่างมากก็แค่อวดดีแต่ซ่งปู้จิงคนนี้ เพียงแค่มีใครพัวพันกับเขาไม่นานก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

        “แต่ว่ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับกัวไฮว่ที่อยู่ในห้องเธอน่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านักเรียนพวกนี้เลือกกันไปได้ยังไง จะให้เขาเป็นผู้เข้าแข่งขันการคัดเลือก ลูกผู้ดีมาแข่งขันแบบนี้พูดให้น่าฟังก็คือมันเป็นประชาธิปไตยของโรงเรียน แต่ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังก็คือเป็นความอัปยศของโรงเรียนแท้ๆ”

        “ครูมาพูดลับหลังนักเรียนก็เป็นความอัปยศของโรงเรียนไม่ใช่เหรอ”เมื่อกัวไฮว่ เฉียนตัวตัวและจู้จื่อบังเอิญเจอหลินซวงกับซ่งปู้จิ่งพอดี กัวไฮว่ก็หรี่ตามองซ่งปู้จิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อะแฮ่ม คุณครูหลิน ผมไปก่อนนะทางนู้นยังมีเรื่องอีกมากน่ะ”ซ่งปู้จิ้งเงยหน้ามามองกัวไฮว่ที่มองตัวเองด้วยรอยยิ้มสีหน้าเขาก็แดงเถือกแล้วรีบวิ่งออกไป

        “คุณไฮว่ทำไมไม่ให้ผมไปจัดการล่ะ”จู้จื่อพูดเสียงดัง“ครูแบบนี้เป็นความอัปยศของฟู่จง เมื่อก่อนเขายังเคยพานักเรียนหญิงไปจูบกันที่ร้านอาหารคนบ้าแล้วผมก็เห็นเข้าขยะครูขยะจริงๆ”

        “จะช้าจะเร็วก็ต้องเก็บมันอยู่ดีเหอะๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ครูหลินครูคงจะไม่ได้คิดว่าผมเป็นความอัปยศของโรงเรียนแบบขยะนั่นใช่ไหม”

        “เธอเป็นนักเรียนของฉัน สู้ๆนะ ฉันหวังว่าเธอจะเป็นความภูมิใจของฉันได้”หลินซวงมองกัวไฮว่แล้วพูดอย่างจริงจัง

        “ครูครับ ไม่งั้นก็ให้กำลังใจผมหน่อยสิ อย่างเช่นถ้าผมได้เข้าแข่งครูจะจูบผมทีนึงหรือว่าจะเลี้ยงข้าวผม ไม่แน่นะว่าผมอาจจะดีใจจนได้เข้าไปแข่งก็ได้”กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย

        “ถ้าเธอเข้าไปแข่งขันได้ด้วยความสามารถ ครูจะเลี้ยงข้าวเธอ”หลินซวงมองนักเรียนของตนแล้วพูดยิ้มๆ“เลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลย ฉันเอาทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวพนันฝั่งเธอ”หลินซวงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลงเงินห้าหมื่นหยวนในการพนันด้วย

        “ฮ่าๆ ครูหลิน ครูรอรับเงินได้เลย”กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปตบก้นหลินซวงทำเอาเฉียนตัวตัวและจู้จื่อที่อยู่ข้างๆเบิกตาโพล่ง

        “ผมไม่ได้ตั้งใจ ชินน่ะ จับผิด”กัวไฮว่เองก็รู้สึกถึงความแปลกๆจึงรีบวิ่งออกจากหอประชุมราวกับบินไป

        “ชินน่ะ จับผิด เด็กบ้าเธอคอยดูเถอะ ถ้าเข้าแข่งขันไม่ได้เธอได้เจอดีแน่”

 

                                                 ————————

                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 42 ชินน่ะ จับผิด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 42 ชินน่ะ จับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หากปีหน้ามีบันทึกประวัติศาสตร์โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็จะมีบันทึกไว้ว่า:ลูกผู้ดีที่ใครเห็นใครก็เกลียดผู้หนึ่งได้รับการเคารพจากคนทั้งโรงเรียนด้วยความสามารถที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คนี้ ทุกคนล้วนจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้เขาคือกัวไฮว่ กัวไฮว่แห่งเมืองอู่เฉิง

        ตั้งแต่เช้าตรู่ทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนฟู่จงล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันแตกต่าง เหล่านักเรียนหัวกะทิในห้องทบทวนบทเรียนกัน เหล่านักเรียนบ๊วยในห้องแบ่งปันเทคนิคการพลอดรักกันของหนุ่มสาว ทางห้องสมุดที่ได้ประกาศให้เป็นวันหยุด ในวันนั้นนักเรียนที่ลาเรียนก็กลับมาก่อนกำหนด สรุปแล้วก็คือนักเรียนและคุณครูทุกคนล้วนแล้วแต่รวมตัวอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนเยอะเสียกว่าคนที่มางานประมูลในครั้งก่อนเสียอีก

        “ไอ้แว่นวันนี้ไปเล่นLOLไหม”บนถนนเล็กๆในโรงเรียนเด็กหนุ่มมองนักเรียนที่ดูหน้าตาไม่น่ามองคนหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ไม่มีเงินแล้ว เอาเงินไปลงพนันของไอ้ฉินหมดแล้ว รอให้หมอนั่นที่มาจากห้องหนึ่งได้เข้ารอบที่สอบก่อนเถอะ เงินหมื่นนึงจะกลายเป็นล้านนึงแน่ ถึงเวลานั้นก็จะมีเวลาเล่นแล้ว”นักเรียนที่ใส่แว่นดันแว่นขึ้นจากนั้นก็พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆ ไอ้แว่น ดูท่าแกต้องเสียเงินหมื่นนึงให้ไอ้เจ้าฉินแล้วล่ะ”เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย

        “คนที่เด็ดสาวสวยสองคนจากห้องหกมาได้เนี่ย ฉันเชื่อว่าเขาต้องสร้างปาฏิหาริย์แน่ รอดูเถอะ”เด็กแว่นพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “ปู่หกทำไมวันนี้แต่งตัวเป็นทางการจัง”ฉื่ออวี้ไฉครูสอนประวัติศาสตร์มอสี่เห็นเริ่นเสวียนเช่อก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “วันนี้เป็นวันคัดเลือกแข่งวิชาการ พอดีมีพ่อหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้าร่วมด้วย ฉันจะไปเชียร์เขาสักหน่อย”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ“อวี้ไฉดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักเรียนของคุณนะหรือว่าคุณก็ไปเชียร์เขาด้วย”

        “คุณหมายถึงมู่หรงเวยเวยหรือว่าเฉียนตัวตัวเหรอ พวกเขาสองคนไม่เลวเลยนะ ครั้งนี้น่าจะมีความหวังผ่านเข้าไปอยู่ในรายชื่อเจ็ดคนได้”ฉื่ออวี้ไฉพูดยิ้มๆ

        “กัวไฮว่ กัวไฮว่ก็น่าจะผ่านเข้าไปเหมือนกันนะ เหล่าฉื่อเด็กนั่นจิตใจไม่เลวเลยล่ะ”เรื่อนเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ

        “อะแฮ่มๆ กัวไฮว่ ใช่เขาคือคนที่เพิ่มเข้าไปในรายชื่อคัดเลือกทีหลังแต่เขาเก่งมากเลยล่ะ”ฉื่ออวี้ไฉกระแอมไอสองสามทีแล้วพูดยิ้มๆขึ้นด้วยความจนใจ

        “ครั้งนี้ถ้าในระดับชั้นมีผ่านเข้าไปสามคน ในฐานะครูประวัติศาสตร์คุณคงภูมิใจไม่น้อยสินะ”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆเมื่อฉื่ออวี้ไฉคิดถึงกัวไฮว่ที่เอาแต่หลับในคาบประวัติศาสตร์จะยังไงก็ต่อกับคำว่าภูมิใจไม่ติด

        “เยี่ยจื่อวันนี้แต่งตัวสวยจังเลย”ภายในห้องนอนห้องนักเรียนหญิงเด็กผู้หญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งมองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงเรื่องตอบคำถามฉันจะสู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องชนะพวกเขาในด้านหน้าตาแล้วกัน”ถึงแม้ปากของซูเยี่ยจะพูดเช่นนั้นแต่ความคิดของเธอนั้นมีแต่ถังซีเท่านั้นที่จะรู้ เพราะความคิดของพวกเธอเหมือนกัน หากต้องนำความจริงมาพิสูจน์ พวกเธอไม่ได้มีดีแค่สวย สัญชาตญาณของพวกเธอใช้หน้าตาเอาชนะได้แต่พวกเธอก็ยังเลือกใช้สติปัญญา

        “เยี่ยจื่อ เสี่ยวซี สู้ๆนะ ถ้าพวกเธอสองคนได้เข้าแข่งขันในฐานะรูมเมตของพวกเธอฉันก็จะพลอยได้เกียรติไปด้วย สู้ๆนะ”เด็กสาวพูดยิ้มๆ

        ซูเยี่ยกับถังซีประสานสายตากันจากนั้นก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินไปทางหอประชุมไป

        “โยวโยวสู้ๆนะ ถ้าได้เป็นตัวแทนฟู่จงเข้าแข่งขัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้เจอกันตอนรอบตัดสินแล้วล่ะ สู้ๆนะ”หลินเซี่ยวนักเรียนคนเก่งของโรงเรียนจิ่วจงโทรคุยกับโหยวโยวโยวให้กำลังใจกันและกัน แล้วจากนั้นโหยวโยวโยวก็เดินตรงไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “จู้จื่อชุดพี่เป็นยังไงบ้าง”เฉียนตัวตัวที่ใส่ชุดสูททั้งตัวถามขึ้นยิ้มๆ

        “น้องตัวตัวชุดนายไม่เลวเลยนะแต่นายหน้าตาแย่ไปนิด นายดูคุณไฮว่สิ ซื้อแค่เสื้อแบกะดินทั้งตัวราคาไม่ถึงสองร้อยยังดูดีราวกับหิ่งห้อยในยามราตรี”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “จู้จื่อรอให้การแข่งขันจบก่อนเถอะ นายจะเลิกนับถือพี่ไฮว่แน่ นายคอยดูเถอะเรื่องอื่นฉันนับถือพี่ไฮว่นะ แต่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าพี่ไฮว่ไม่ใช่พวกหัวกะทิ”เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่ช่วงนี้พี่เอาแต่ไปห้องสมุดได้อะไรกลับมาบ้างไหม”

        “ก็ต้องได้น่ะสิสามหมื่นกว่าเล่มเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานที่ต้องสอบหมดแล้ว ยังไงก็ต้องเข้าแข่งขันให้ได้ฉันร่วมพนันไปตั้งล้านนึง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณไฮว่ คุณต้องสู้ๆนะครับ ผมพนันเข้าข้างคุณไปหนึ่งหมื่นสามพันหยวนก็คือหนึ่งต่อแสนนั่นแหละ ถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ได้เข้าแข่งขันผมต้องกินลมแทนข้าวแน่เลย”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “อยู่กับพี่ไฮว่ไม่ต้องถามเรื่องกินดื่ม ไปเถอะวันนี้ให้โรงเรียนฟู่จงได้สัมผัสออร่าของพี่ไฮว่กันสักหน่อย”กัวไฮว่พูดอวดดีอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบ แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดว่าให้โลกมนุษย์ได้เห็นออร่าของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างข้าเสียหน่อย

        “คุณครูหลินครั้งนี้มีนักเรียนห้องครูเข้าร่วมการคัดเลือกสามคนเลย สุดยอดจริงๆ เห็นว่ามีตัวเก็งตั้งสองคน”ครูหนุ่มหล่อคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “ห้องพวกเธอก็ไม่เลวเลยนะ ซูเยี่ยได้เข้าแข่งขันแน่”หลินซวงพูดยิ้มๆ ครูหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือซ่งปู้จิงครูประจำชั้นห้องหก ในสายตาคนภายนอกแล้วเขายังหนุ่มแน่น ครอบครัวก็ไม่เลว แต่หลินซวงกลับรู้ว่าชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าสี่ตัวอันตรายเสียอีก สี่ตัวอันตรายอย่างมากก็แค่อวดดีแต่ซ่งปู้จิงคนนี้ เพียงแค่มีใครพัวพันกับเขาไม่นานก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

        “แต่ว่ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับกัวไฮว่ที่อยู่ในห้องเธอน่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านักเรียนพวกนี้เลือกกันไปได้ยังไง จะให้เขาเป็นผู้เข้าแข่งขันการคัดเลือก ลูกผู้ดีมาแข่งขันแบบนี้พูดให้น่าฟังก็คือมันเป็นประชาธิปไตยของโรงเรียน แต่ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังก็คือเป็นความอัปยศของโรงเรียนแท้ๆ”

        “ครูมาพูดลับหลังนักเรียนก็เป็นความอัปยศของโรงเรียนไม่ใช่เหรอ”เมื่อกัวไฮว่ เฉียนตัวตัวและจู้จื่อบังเอิญเจอหลินซวงกับซ่งปู้จิ่งพอดี กัวไฮว่ก็หรี่ตามองซ่งปู้จิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อะแฮ่ม คุณครูหลิน ผมไปก่อนนะทางนู้นยังมีเรื่องอีกมากน่ะ”ซ่งปู้จิ้งเงยหน้ามามองกัวไฮว่ที่มองตัวเองด้วยรอยยิ้มสีหน้าเขาก็แดงเถือกแล้วรีบวิ่งออกไป

        “คุณไฮว่ทำไมไม่ให้ผมไปจัดการล่ะ”จู้จื่อพูดเสียงดัง“ครูแบบนี้เป็นความอัปยศของฟู่จง เมื่อก่อนเขายังเคยพานักเรียนหญิงไปจูบกันที่ร้านอาหารคนบ้าแล้วผมก็เห็นเข้าขยะครูขยะจริงๆ”

        “จะช้าจะเร็วก็ต้องเก็บมันอยู่ดีเหอะๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ครูหลินครูคงจะไม่ได้คิดว่าผมเป็นความอัปยศของโรงเรียนแบบขยะนั่นใช่ไหม”

        “เธอเป็นนักเรียนของฉัน สู้ๆนะ ฉันหวังว่าเธอจะเป็นความภูมิใจของฉันได้”หลินซวงมองกัวไฮว่แล้วพูดอย่างจริงจัง

        “ครูครับ ไม่งั้นก็ให้กำลังใจผมหน่อยสิ อย่างเช่นถ้าผมได้เข้าแข่งครูจะจูบผมทีนึงหรือว่าจะเลี้ยงข้าวผม ไม่แน่นะว่าผมอาจจะดีใจจนได้เข้าไปแข่งก็ได้”กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย

        “ถ้าเธอเข้าไปแข่งขันได้ด้วยความสามารถ ครูจะเลี้ยงข้าวเธอ”หลินซวงมองนักเรียนของตนแล้วพูดยิ้มๆ“เลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลย ฉันเอาทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวพนันฝั่งเธอ”หลินซวงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลงเงินห้าหมื่นหยวนในการพนันด้วย

        “ฮ่าๆ ครูหลิน ครูรอรับเงินได้เลย”กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปตบก้นหลินซวงทำเอาเฉียนตัวตัวและจู้จื่อที่อยู่ข้างๆเบิกตาโพล่ง

        “ผมไม่ได้ตั้งใจ ชินน่ะ จับผิด”กัวไฮว่เองก็รู้สึกถึงความแปลกๆจึงรีบวิ่งออกจากหอประชุมราวกับบินไป

        “ชินน่ะ จับผิด เด็กบ้าเธอคอยดูเถอะ ถ้าเข้าแข่งขันไม่ได้เธอได้เจอดีแน่”

 

                                                 ————————

                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 42 ชินน่ะ จับผิด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 42 ชินน่ะ จับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หากปีหน้ามีบันทึกประวัติศาสตร์โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็จะมีบันทึกไว้ว่า:ลูกผู้ดีที่ใครเห็นใครก็เกลียดผู้หนึ่งได้รับการเคารพจากคนทั้งโรงเรียนด้วยความสามารถที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คนี้ ทุกคนล้วนจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้เขาคือกัวไฮว่ กัวไฮว่แห่งเมืองอู่เฉิง

        ตั้งแต่เช้าตรู่ทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนฟู่จงล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันแตกต่าง เหล่านักเรียนหัวกะทิในห้องทบทวนบทเรียนกัน เหล่านักเรียนบ๊วยในห้องแบ่งปันเทคนิคการพลอดรักกันของหนุ่มสาว ทางห้องสมุดที่ได้ประกาศให้เป็นวันหยุด ในวันนั้นนักเรียนที่ลาเรียนก็กลับมาก่อนกำหนด สรุปแล้วก็คือนักเรียนและคุณครูทุกคนล้วนแล้วแต่รวมตัวอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนเยอะเสียกว่าคนที่มางานประมูลในครั้งก่อนเสียอีก

        “ไอ้แว่นวันนี้ไปเล่นLOLไหม”บนถนนเล็กๆในโรงเรียนเด็กหนุ่มมองนักเรียนที่ดูหน้าตาไม่น่ามองคนหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ไม่มีเงินแล้ว เอาเงินไปลงพนันของไอ้ฉินหมดแล้ว รอให้หมอนั่นที่มาจากห้องหนึ่งได้เข้ารอบที่สอบก่อนเถอะ เงินหมื่นนึงจะกลายเป็นล้านนึงแน่ ถึงเวลานั้นก็จะมีเวลาเล่นแล้ว”นักเรียนที่ใส่แว่นดันแว่นขึ้นจากนั้นก็พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆ ไอ้แว่น ดูท่าแกต้องเสียเงินหมื่นนึงให้ไอ้เจ้าฉินแล้วล่ะ”เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย

        “คนที่เด็ดสาวสวยสองคนจากห้องหกมาได้เนี่ย ฉันเชื่อว่าเขาต้องสร้างปาฏิหาริย์แน่ รอดูเถอะ”เด็กแว่นพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “ปู่หกทำไมวันนี้แต่งตัวเป็นทางการจัง”ฉื่ออวี้ไฉครูสอนประวัติศาสตร์มอสี่เห็นเริ่นเสวียนเช่อก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “วันนี้เป็นวันคัดเลือกแข่งวิชาการ พอดีมีพ่อหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้าร่วมด้วย ฉันจะไปเชียร์เขาสักหน่อย”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ“อวี้ไฉดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักเรียนของคุณนะหรือว่าคุณก็ไปเชียร์เขาด้วย”

        “คุณหมายถึงมู่หรงเวยเวยหรือว่าเฉียนตัวตัวเหรอ พวกเขาสองคนไม่เลวเลยนะ ครั้งนี้น่าจะมีความหวังผ่านเข้าไปอยู่ในรายชื่อเจ็ดคนได้”ฉื่ออวี้ไฉพูดยิ้มๆ

        “กัวไฮว่ กัวไฮว่ก็น่าจะผ่านเข้าไปเหมือนกันนะ เหล่าฉื่อเด็กนั่นจิตใจไม่เลวเลยล่ะ”เรื่อนเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ

        “อะแฮ่มๆ กัวไฮว่ ใช่เขาคือคนที่เพิ่มเข้าไปในรายชื่อคัดเลือกทีหลังแต่เขาเก่งมากเลยล่ะ”ฉื่ออวี้ไฉกระแอมไอสองสามทีแล้วพูดยิ้มๆขึ้นด้วยความจนใจ

        “ครั้งนี้ถ้าในระดับชั้นมีผ่านเข้าไปสามคน ในฐานะครูประวัติศาสตร์คุณคงภูมิใจไม่น้อยสินะ”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆเมื่อฉื่ออวี้ไฉคิดถึงกัวไฮว่ที่เอาแต่หลับในคาบประวัติศาสตร์จะยังไงก็ต่อกับคำว่าภูมิใจไม่ติด

        “เยี่ยจื่อวันนี้แต่งตัวสวยจังเลย”ภายในห้องนอนห้องนักเรียนหญิงเด็กผู้หญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งมองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงเรื่องตอบคำถามฉันจะสู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องชนะพวกเขาในด้านหน้าตาแล้วกัน”ถึงแม้ปากของซูเยี่ยจะพูดเช่นนั้นแต่ความคิดของเธอนั้นมีแต่ถังซีเท่านั้นที่จะรู้ เพราะความคิดของพวกเธอเหมือนกัน หากต้องนำความจริงมาพิสูจน์ พวกเธอไม่ได้มีดีแค่สวย สัญชาตญาณของพวกเธอใช้หน้าตาเอาชนะได้แต่พวกเธอก็ยังเลือกใช้สติปัญญา

        “เยี่ยจื่อ เสี่ยวซี สู้ๆนะ ถ้าพวกเธอสองคนได้เข้าแข่งขันในฐานะรูมเมตของพวกเธอฉันก็จะพลอยได้เกียรติไปด้วย สู้ๆนะ”เด็กสาวพูดยิ้มๆ

        ซูเยี่ยกับถังซีประสานสายตากันจากนั้นก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินไปทางหอประชุมไป

        “โยวโยวสู้ๆนะ ถ้าได้เป็นตัวแทนฟู่จงเข้าแข่งขัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้เจอกันตอนรอบตัดสินแล้วล่ะ สู้ๆนะ”หลินเซี่ยวนักเรียนคนเก่งของโรงเรียนจิ่วจงโทรคุยกับโหยวโยวโยวให้กำลังใจกันและกัน แล้วจากนั้นโหยวโยวโยวก็เดินตรงไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “จู้จื่อชุดพี่เป็นยังไงบ้าง”เฉียนตัวตัวที่ใส่ชุดสูททั้งตัวถามขึ้นยิ้มๆ

        “น้องตัวตัวชุดนายไม่เลวเลยนะแต่นายหน้าตาแย่ไปนิด นายดูคุณไฮว่สิ ซื้อแค่เสื้อแบกะดินทั้งตัวราคาไม่ถึงสองร้อยยังดูดีราวกับหิ่งห้อยในยามราตรี”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “จู้จื่อรอให้การแข่งขันจบก่อนเถอะ นายจะเลิกนับถือพี่ไฮว่แน่ นายคอยดูเถอะเรื่องอื่นฉันนับถือพี่ไฮว่นะ แต่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าพี่ไฮว่ไม่ใช่พวกหัวกะทิ”เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่ช่วงนี้พี่เอาแต่ไปห้องสมุดได้อะไรกลับมาบ้างไหม”

        “ก็ต้องได้น่ะสิสามหมื่นกว่าเล่มเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานที่ต้องสอบหมดแล้ว ยังไงก็ต้องเข้าแข่งขันให้ได้ฉันร่วมพนันไปตั้งล้านนึง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณไฮว่ คุณต้องสู้ๆนะครับ ผมพนันเข้าข้างคุณไปหนึ่งหมื่นสามพันหยวนก็คือหนึ่งต่อแสนนั่นแหละ ถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ได้เข้าแข่งขันผมต้องกินลมแทนข้าวแน่เลย”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “อยู่กับพี่ไฮว่ไม่ต้องถามเรื่องกินดื่ม ไปเถอะวันนี้ให้โรงเรียนฟู่จงได้สัมผัสออร่าของพี่ไฮว่กันสักหน่อย”กัวไฮว่พูดอวดดีอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบ แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดว่าให้โลกมนุษย์ได้เห็นออร่าของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างข้าเสียหน่อย

        “คุณครูหลินครั้งนี้มีนักเรียนห้องครูเข้าร่วมการคัดเลือกสามคนเลย สุดยอดจริงๆ เห็นว่ามีตัวเก็งตั้งสองคน”ครูหนุ่มหล่อคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “ห้องพวกเธอก็ไม่เลวเลยนะ ซูเยี่ยได้เข้าแข่งขันแน่”หลินซวงพูดยิ้มๆ ครูหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือซ่งปู้จิงครูประจำชั้นห้องหก ในสายตาคนภายนอกแล้วเขายังหนุ่มแน่น ครอบครัวก็ไม่เลว แต่หลินซวงกลับรู้ว่าชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าสี่ตัวอันตรายเสียอีก สี่ตัวอันตรายอย่างมากก็แค่อวดดีแต่ซ่งปู้จิงคนนี้ เพียงแค่มีใครพัวพันกับเขาไม่นานก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

        “แต่ว่ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับกัวไฮว่ที่อยู่ในห้องเธอน่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านักเรียนพวกนี้เลือกกันไปได้ยังไง จะให้เขาเป็นผู้เข้าแข่งขันการคัดเลือก ลูกผู้ดีมาแข่งขันแบบนี้พูดให้น่าฟังก็คือมันเป็นประชาธิปไตยของโรงเรียน แต่ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังก็คือเป็นความอัปยศของโรงเรียนแท้ๆ”

        “ครูมาพูดลับหลังนักเรียนก็เป็นความอัปยศของโรงเรียนไม่ใช่เหรอ”เมื่อกัวไฮว่ เฉียนตัวตัวและจู้จื่อบังเอิญเจอหลินซวงกับซ่งปู้จิ่งพอดี กัวไฮว่ก็หรี่ตามองซ่งปู้จิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อะแฮ่ม คุณครูหลิน ผมไปก่อนนะทางนู้นยังมีเรื่องอีกมากน่ะ”ซ่งปู้จิ้งเงยหน้ามามองกัวไฮว่ที่มองตัวเองด้วยรอยยิ้มสีหน้าเขาก็แดงเถือกแล้วรีบวิ่งออกไป

        “คุณไฮว่ทำไมไม่ให้ผมไปจัดการล่ะ”จู้จื่อพูดเสียงดัง“ครูแบบนี้เป็นความอัปยศของฟู่จง เมื่อก่อนเขายังเคยพานักเรียนหญิงไปจูบกันที่ร้านอาหารคนบ้าแล้วผมก็เห็นเข้าขยะครูขยะจริงๆ”

        “จะช้าจะเร็วก็ต้องเก็บมันอยู่ดีเหอะๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ครูหลินครูคงจะไม่ได้คิดว่าผมเป็นความอัปยศของโรงเรียนแบบขยะนั่นใช่ไหม”

        “เธอเป็นนักเรียนของฉัน สู้ๆนะ ฉันหวังว่าเธอจะเป็นความภูมิใจของฉันได้”หลินซวงมองกัวไฮว่แล้วพูดอย่างจริงจัง

        “ครูครับ ไม่งั้นก็ให้กำลังใจผมหน่อยสิ อย่างเช่นถ้าผมได้เข้าแข่งครูจะจูบผมทีนึงหรือว่าจะเลี้ยงข้าวผม ไม่แน่นะว่าผมอาจจะดีใจจนได้เข้าไปแข่งก็ได้”กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย

        “ถ้าเธอเข้าไปแข่งขันได้ด้วยความสามารถ ครูจะเลี้ยงข้าวเธอ”หลินซวงมองนักเรียนของตนแล้วพูดยิ้มๆ“เลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลย ฉันเอาทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวพนันฝั่งเธอ”หลินซวงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลงเงินห้าหมื่นหยวนในการพนันด้วย

        “ฮ่าๆ ครูหลิน ครูรอรับเงินได้เลย”กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปตบก้นหลินซวงทำเอาเฉียนตัวตัวและจู้จื่อที่อยู่ข้างๆเบิกตาโพล่ง

        “ผมไม่ได้ตั้งใจ ชินน่ะ จับผิด”กัวไฮว่เองก็รู้สึกถึงความแปลกๆจึงรีบวิ่งออกจากหอประชุมราวกับบินไป

        “ชินน่ะ จับผิด เด็กบ้าเธอคอยดูเถอะ ถ้าเข้าแข่งขันไม่ได้เธอได้เจอดีแน่”

 

                                                 ————————

                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 42 ชินน่ะ จับผิด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 42 ชินน่ะ จับผิด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        หากปีหน้ามีบันทึกประวัติศาสตร์โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็จะมีบันทึกไว้ว่า:ลูกผู้ดีที่ใครเห็นใครก็เกลียดผู้หนึ่งได้รับการเคารพจากคนทั้งโรงเรียนด้วยความสามารถที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็คนี้ ทุกคนล้วนจดจำชื่อของคนผู้นี้ได้เขาคือกัวไฮว่ กัวไฮว่แห่งเมืองอู่เฉิง

        ตั้งแต่เช้าตรู่ทุกซอกทุกมุมของโรงเรียนฟู่จงล้วนอบอวลไปด้วยกลิ่นอายอันแตกต่าง เหล่านักเรียนหัวกะทิในห้องทบทวนบทเรียนกัน เหล่านักเรียนบ๊วยในห้องแบ่งปันเทคนิคการพลอดรักกันของหนุ่มสาว ทางห้องสมุดที่ได้ประกาศให้เป็นวันหยุด ในวันนั้นนักเรียนที่ลาเรียนก็กลับมาก่อนกำหนด สรุปแล้วก็คือนักเรียนและคุณครูทุกคนล้วนแล้วแต่รวมตัวอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนเยอะเสียกว่าคนที่มางานประมูลในครั้งก่อนเสียอีก

        “ไอ้แว่นวันนี้ไปเล่นLOLไหม”บนถนนเล็กๆในโรงเรียนเด็กหนุ่มมองนักเรียนที่ดูหน้าตาไม่น่ามองคนหนึ่งแล้วก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “ไม่มีเงินแล้ว เอาเงินไปลงพนันของไอ้ฉินหมดแล้ว รอให้หมอนั่นที่มาจากห้องหนึ่งได้เข้ารอบที่สอบก่อนเถอะ เงินหมื่นนึงจะกลายเป็นล้านนึงแน่ ถึงเวลานั้นก็จะมีเวลาเล่นแล้ว”นักเรียนที่ใส่แว่นดันแว่นขึ้นจากนั้นก็พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆ ไอ้แว่น ดูท่าแกต้องเสียเงินหมื่นนึงให้ไอ้เจ้าฉินแล้วล่ะ”เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เห็นด้วย

        “คนที่เด็ดสาวสวยสองคนจากห้องหกมาได้เนี่ย ฉันเชื่อว่าเขาต้องสร้างปาฏิหาริย์แน่ รอดูเถอะ”เด็กแว่นพูดจบก็รีบวิ่งไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “ปู่หกทำไมวันนี้แต่งตัวเป็นทางการจัง”ฉื่ออวี้ไฉครูสอนประวัติศาสตร์มอสี่เห็นเริ่นเสวียนเช่อก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “วันนี้เป็นวันคัดเลือกแข่งวิชาการ พอดีมีพ่อหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่งเข้าร่วมด้วย ฉันจะไปเชียร์เขาสักหน่อย”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ“อวี้ไฉดูเหมือนว่าเขาจะเป็นนักเรียนของคุณนะหรือว่าคุณก็ไปเชียร์เขาด้วย”

        “คุณหมายถึงมู่หรงเวยเวยหรือว่าเฉียนตัวตัวเหรอ พวกเขาสองคนไม่เลวเลยนะ ครั้งนี้น่าจะมีความหวังผ่านเข้าไปอยู่ในรายชื่อเจ็ดคนได้”ฉื่ออวี้ไฉพูดยิ้มๆ

        “กัวไฮว่ กัวไฮว่ก็น่าจะผ่านเข้าไปเหมือนกันนะ เหล่าฉื่อเด็กนั่นจิตใจไม่เลวเลยล่ะ”เรื่อนเสวียนเช่อพูดยิ้มๆ

        “อะแฮ่มๆ กัวไฮว่ ใช่เขาคือคนที่เพิ่มเข้าไปในรายชื่อคัดเลือกทีหลังแต่เขาเก่งมากเลยล่ะ”ฉื่ออวี้ไฉกระแอมไอสองสามทีแล้วพูดยิ้มๆขึ้นด้วยความจนใจ

        “ครั้งนี้ถ้าในระดับชั้นมีผ่านเข้าไปสามคน ในฐานะครูประวัติศาสตร์คุณคงภูมิใจไม่น้อยสินะ”เริ่นเสวียนเช่อพูดยิ้มๆเมื่อฉื่ออวี้ไฉคิดถึงกัวไฮว่ที่เอาแต่หลับในคาบประวัติศาสตร์จะยังไงก็ต่อกับคำว่าภูมิใจไม่ติด

        “เยี่ยจื่อวันนี้แต่งตัวสวยจังเลย”ภายในห้องนอนห้องนักเรียนหญิงเด็กผู้หญิงหน้าตาไม่เลวคนหนึ่งมองซูเยี่ยแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงเรื่องตอบคำถามฉันจะสู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่อย่างน้อยก็ต้องชนะพวกเขาในด้านหน้าตาแล้วกัน”ถึงแม้ปากของซูเยี่ยจะพูดเช่นนั้นแต่ความคิดของเธอนั้นมีแต่ถังซีเท่านั้นที่จะรู้ เพราะความคิดของพวกเธอเหมือนกัน หากต้องนำความจริงมาพิสูจน์ พวกเธอไม่ได้มีดีแค่สวย สัญชาตญาณของพวกเธอใช้หน้าตาเอาชนะได้แต่พวกเธอก็ยังเลือกใช้สติปัญญา

        “เยี่ยจื่อ เสี่ยวซี สู้ๆนะ ถ้าพวกเธอสองคนได้เข้าแข่งขันในฐานะรูมเมตของพวกเธอฉันก็จะพลอยได้เกียรติไปด้วย สู้ๆนะ”เด็กสาวพูดยิ้มๆ

        ซูเยี่ยกับถังซีประสานสายตากันจากนั้นก็ผงกศีรษะเล็กน้อยแล้วเดินไปทางหอประชุมไป

        “โยวโยวสู้ๆนะ ถ้าได้เป็นตัวแทนฟู่จงเข้าแข่งขัน ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะได้เจอกันตอนรอบตัดสินแล้วล่ะ สู้ๆนะ”หลินเซี่ยวนักเรียนคนเก่งของโรงเรียนจิ่วจงโทรคุยกับโหยวโยวโยวให้กำลังใจกันและกัน แล้วจากนั้นโหยวโยวโยวก็เดินตรงไปยังหอประชุมโรงเรียน

        “จู้จื่อชุดพี่เป็นยังไงบ้าง”เฉียนตัวตัวที่ใส่ชุดสูททั้งตัวถามขึ้นยิ้มๆ

        “น้องตัวตัวชุดนายไม่เลวเลยนะแต่นายหน้าตาแย่ไปนิด นายดูคุณไฮว่สิ ซื้อแค่เสื้อแบกะดินทั้งตัวราคาไม่ถึงสองร้อยยังดูดีราวกับหิ่งห้อยในยามราตรี”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “จู้จื่อรอให้การแข่งขันจบก่อนเถอะ นายจะเลิกนับถือพี่ไฮว่แน่ นายคอยดูเถอะเรื่องอื่นฉันนับถือพี่ไฮว่นะ แต่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกว่าพี่ไฮว่ไม่ใช่พวกหัวกะทิ”เฉียนตัวตัวพูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่ช่วงนี้พี่เอาแต่ไปห้องสมุดได้อะไรกลับมาบ้างไหม”

        “ก็ต้องได้น่ะสิสามหมื่นกว่าเล่มเข้าใจเนื้อหาพื้นฐานที่ต้องสอบหมดแล้ว ยังไงก็ต้องเข้าแข่งขันให้ได้ฉันร่วมพนันไปตั้งล้านนึง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คุณไฮว่ คุณต้องสู้ๆนะครับ ผมพนันเข้าข้างคุณไปหนึ่งหมื่นสามพันหยวนก็คือหนึ่งต่อแสนนั่นแหละ ถึงตอนนั้นถ้าคุณไม่ได้เข้าแข่งขันผมต้องกินลมแทนข้าวแน่เลย”จู้จื่อพูดยิ้มๆ

        “อยู่กับพี่ไฮว่ไม่ต้องถามเรื่องกินดื่ม ไปเถอะวันนี้ให้โรงเรียนฟู่จงได้สัมผัสออร่าของพี่ไฮว่กันสักหน่อย”กัวไฮว่พูดอวดดีอย่างไม่มีสิ่งใดเทียบ แต่แท้จริงแล้วในใจกลับคิดว่าให้โลกมนุษย์ได้เห็นออร่าของเซียนผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์อย่างข้าเสียหน่อย

        “คุณครูหลินครั้งนี้มีนักเรียนห้องครูเข้าร่วมการคัดเลือกสามคนเลย สุดยอดจริงๆ เห็นว่ามีตัวเก็งตั้งสองคน”ครูหนุ่มหล่อคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “ห้องพวกเธอก็ไม่เลวเลยนะ ซูเยี่ยได้เข้าแข่งขันแน่”หลินซวงพูดยิ้มๆ ครูหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้คือซ่งปู้จิงครูประจำชั้นห้องหก ในสายตาคนภายนอกแล้วเขายังหนุ่มแน่น ครอบครัวก็ไม่เลว แต่หลินซวงกลับรู้ว่าชายผู้นี้น่ากลัวยิ่งกว่าสี่ตัวอันตรายเสียอีก สี่ตัวอันตรายอย่างมากก็แค่อวดดีแต่ซ่งปู้จิงคนนี้ เพียงแค่มีใครพัวพันกับเขาไม่นานก็ต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่

        “แต่ว่ากลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นกับกัวไฮว่ที่อยู่ในห้องเธอน่ะ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่านักเรียนพวกนี้เลือกกันไปได้ยังไง จะให้เขาเป็นผู้เข้าแข่งขันการคัดเลือก ลูกผู้ดีมาแข่งขันแบบนี้พูดให้น่าฟังก็คือมันเป็นประชาธิปไตยของโรงเรียน แต่ถ้าจะพูดให้ไม่น่าฟังก็คือเป็นความอัปยศของโรงเรียนแท้ๆ”

        “ครูมาพูดลับหลังนักเรียนก็เป็นความอัปยศของโรงเรียนไม่ใช่เหรอ”เมื่อกัวไฮว่ เฉียนตัวตัวและจู้จื่อบังเอิญเจอหลินซวงกับซ่งปู้จิ่งพอดี กัวไฮว่ก็หรี่ตามองซ่งปู้จิงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อะแฮ่ม คุณครูหลิน ผมไปก่อนนะทางนู้นยังมีเรื่องอีกมากน่ะ”ซ่งปู้จิ้งเงยหน้ามามองกัวไฮว่ที่มองตัวเองด้วยรอยยิ้มสีหน้าเขาก็แดงเถือกแล้วรีบวิ่งออกไป

        “คุณไฮว่ทำไมไม่ให้ผมไปจัดการล่ะ”จู้จื่อพูดเสียงดัง“ครูแบบนี้เป็นความอัปยศของฟู่จง เมื่อก่อนเขายังเคยพานักเรียนหญิงไปจูบกันที่ร้านอาหารคนบ้าแล้วผมก็เห็นเข้าขยะครูขยะจริงๆ”

        “จะช้าจะเร็วก็ต้องเก็บมันอยู่ดีเหอะๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ครูหลินครูคงจะไม่ได้คิดว่าผมเป็นความอัปยศของโรงเรียนแบบขยะนั่นใช่ไหม”

        “เธอเป็นนักเรียนของฉัน สู้ๆนะ ฉันหวังว่าเธอจะเป็นความภูมิใจของฉันได้”หลินซวงมองกัวไฮว่แล้วพูดอย่างจริงจัง

        “ครูครับ ไม่งั้นก็ให้กำลังใจผมหน่อยสิ อย่างเช่นถ้าผมได้เข้าแข่งครูจะจูบผมทีนึงหรือว่าจะเลี้ยงข้าวผม ไม่แน่นะว่าผมอาจจะดีใจจนได้เข้าไปแข่งก็ได้”กัวไฮว่พูดขึ้นอย่างไร้ยางอาย

        “ถ้าเธอเข้าไปแข่งขันได้ด้วยความสามารถ ครูจะเลี้ยงข้าวเธอ”หลินซวงมองนักเรียนของตนแล้วพูดยิ้มๆ“เลี้ยงเธอมื้อใหญ่เลย ฉันเอาทรัพย์สินทั้งหมดของครอบครัวพนันฝั่งเธอ”หลินซวงไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องลงเงินห้าหมื่นหยวนในการพนันด้วย

        “ฮ่าๆ ครูหลิน ครูรอรับเงินได้เลย”กัวไฮว่พูดพลางยื่นมือไปตบก้นหลินซวงทำเอาเฉียนตัวตัวและจู้จื่อที่อยู่ข้างๆเบิกตาโพล่ง

        “ผมไม่ได้ตั้งใจ ชินน่ะ จับผิด”กัวไฮว่เองก็รู้สึกถึงความแปลกๆจึงรีบวิ่งออกจากหอประชุมราวกับบินไป

        “ชินน่ะ จับผิด เด็กบ้าเธอคอยดูเถอะ ถ้าเข้าแข่งขันไม่ได้เธอได้เจอดีแน่”

 

                                                 ————————

                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+