[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 83 ชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 83 ชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ ผมหลิวฉ่วงนะ วันนี้ว่างหรือเปล่า ออกมาคุยกันหน่อยสิ ตระกูลฉินเคลียร์เงินที่พนันกันในเว็บบอร์ดเรียบร้อยแล้วนะ เหลือแค่พี่คนเดียว ผมอยากคุยกับพี่หน่อย” กัวไฮว่ได้รับสายจากหลิวฉ่วง ปลายสายพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “วันนี้น่าจะไม่ได้ พรุ่งนี้เถอะ พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเจอกันที่โรงอาหารตะวันตกตรงประตูโรงเรียนนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตกลง งั้นพวกเราไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ

        “พวกเธอรู้จักหลิวฉ่วงหรือว่าตระกูลหลิวมากน้อยแค่ไหนกันเหรอ” เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ กัวไฮว่ก็โทรศัพท์หาปรมาจารย์อวี้เฟิงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านเขา ส่วนตอนนี้กัวไฮว่กำลังนั่งเป็นเพื่อนคุยกับสาวๆ อยู่บนระเบียงบ้านของตน

        “พี่เคยเจอหลิวเทียนกังที่งานแข่งขันวิชาการแล้วนี่ เขาเป็นผู้กุมตระกูลหลิวเอาไว้ อำนาจหลักของตระกูลหลิวอยู่ที่ด้านการทหาร หลิวเทียนกังเป็นผู้บังคับบัญชาการเขตทหารอู่เฉิง พวกเบื้องบนต่างก็ไว้หน้าเขากันทั้งนั้น” โหยวโยวโยวพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ตาบ้า นายก็โทรถามเขาก็ได้นี่ ให้เขาแนะนำนายหน่อย” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “โทรหาใครเหรอเมียคนสวย” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “หลี่เย่าไง ราชาทหารหลี่เย่า ตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิว นายถามหลี่เย่า พี่ใหญ่นายก็ได้นี่” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “ลืมหมอนี่ไปซะแล้ว พี่เย่าอยู่อเมริกาคงลำบากน่าดู ดี ฉันจะได้โทรไปปลอบเขาพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางต่อสายโทรหาหลี่เย่า

        “พี่เย่า พี่มีชีวิตรอดมาแล้วเหรอ” กัวไฮว่ได้ยินเสียงวุ่นวายจากอีกฝ่ายก็ถามขึ้นเสียงดัง

        “เจ้าสี่ ทำไมถึงคิดจะโทรมาหาพี่ได้ล่ะ ยังไม่กลับไปเลย ตอนนี้อยู่บนเส้นทางลักลอบหลบหนี ออกจากอเมริกามาแล้วล่ะ” หลี่เย่าพูดเสียงดัง “ฉันต้องขอบคุณแกมากเลยนะ ถ้าไม่มียาเม็ดนั้นของแก ฉันน่าจะทิ้งชีวิตไว้ที่อเมริกาแล้วล่ะ แกโทรมาครั้งนี้มีอะไรเหรอ รีบพูดเร็ว โทรศัพท์ดาวเทียมฉันแบตอยู่ได้ไม่นาน”

        “จะมาสืบข่าวคนคนนึงน่ะ หลิวฉ่วง เขาเป็นยังไงบ้าง” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “ทำไม เหมือนว่ามันจะอยู่โรงเรียนเดียวกับแกนะ มันหาเรื่องแกเหรอ ถ้ามันหาเรื่องแกก็อัดมันแรงๆ ไปสักที แต่อย่าถึงชีวิตมันเชียวนะ ไม่งั้นพี่เองก็ปกป้องแกไม่ได้” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

        “เดี๋ยวผมต้องร่วมมือกับตระกูลหลิวน่ะ พี่ใหญ่มีคำแนะนำอะไรบ้างหรือเปล่า” กัวไฮว่เองก็ไม่ได้ปิดบัง เขาถามขึ้นตรงๆ

        “ถ้าเป็นไปได้ก็ไว้หน้าตระกูลหลิวหน่อย ต่อไปหัวซย่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลิวอีกเยอะ ถึงขั้นเจรจากันไว้แล้ว แกโทรหาเจ้าสองสิฉันว่ามันเต็มใจให้บริการแกนะ แค่นี้ก่อนนะ มีสายโทรเข้ามาฉันวางล่ะ” หลี่เย่าวางสายไปโดยไม่รอให้กัวไฮว่พูดอะไร

        กัวไฮว่ยิ้มพลางต่อสายโทรหาเจี่ยหยวน เจี่ยหยวนเดาสถานการณ์ออกได้เกือบหมดจึงตกลงกับกัวไฮว่ว่าจะไปหาเขาที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้

        “พี่เย่า พรุ่งนี้ผมจะร่วมงานกับเจ้าสี่ของพวกพี่น่ะ พี่ช่วยแนะนำผมหน่อยสิ คือนายท่านให้ผมโทรหาพี่น่ะ พี่อย่าได้ดูถูกผมเลยนะ” หลี่เย่าวางสายกัวไฮว่แล้วรับสายหลิวฉ่วงที่ใช้สายทหารโทรมาหาเขา

        “จะร่วมมือก็ร่วมมือกันให้ดีๆ บอกปู่หลิวนะว่าน้องฉันคนนี้ไม่เลวเลย ถ้าพวกเธอร่วมมือกันด้วยใจจริง ภายหลังก็จะได้ผลประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุด อย่างน้อยๆ เหล้าที่ปู่หลิวกับนายท่านบ้านฉันกินกันที่บ้านฉัน ครั้งหน้าจะกินกี่รอบก็ได้ ส่วนเรื่องของพวกแกก็จัดการกันเองเถอะ แบตหมดแล้ว วางนะ” หลี่เย่าวางสายโทรศัพท์โดยทันที

        “ปู่ครับ พรุ่งนี้จะเอาไงดี” หลิวฉ่วงวางโทรศัพท์ลง เขามองไปยังนายท่านของตนที่เอาแต่หลับตาอยู่ตลอดแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “หลี่เย่าเจ้าบ้านี่ รอให้มันกลับมาก่อนฉันจะจัดการมัน” หลิวเทียนกังลืมตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ “แกไปเรียกลุงสี่แกนะ บอกให้ลุงสี่แกช่วยโอนกิจการตระกูลฉินไปให้กัวไฮว่”

        “คุณปู่ ที่นายท่านตระกูลฉินมาที่บ้านเราวันนั้น ปู่ตกลงจะช่วยพวกเขาปกป้องกิจการพื้นฐานของตระกูลฉินไว้ไม่ใช่เหรอครับ” หลิวฉ่วงถามขึ้นอย่างงุนงง

        “ปู่แกอยากเหล้า เหตุผลนี้ใช้ได้ไหม รีบไสหัวไปเลย” หลินเทียนกังพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องไป ปล่อยให้หลิวฉ่วงมึนงงอยู่ตรงนั้น

        “ให้ตาย อะไรกันเนี่ย ผมเป็นคนเจอกัวไฮว่ก่อนนะ ถีบหัวส่งกันทั้งนั้น” หลิวฉ่วงพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห “อยากเหล้าเหรอ ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน”

        “เด็กบ้า พรุ่งนี้เจรจากับกัวไฮว่เสร็จแกไปที่ค่ายเหล่าเอนะ ปู่ว่าที่แกเรียนมันน่าเบื่อ ไปพูดคุยกับเหล่าเอเสียสิ” เสียงของหลิวเทียนกังดังขึ้นมา หลิวฉ่วงก็ตะโกนขึ้นเสียงดังว่าผมไม่ไป จากนั้นก็วิ่งหนีไป

        ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้า เจี่ยหยวนคนอวบอ้วนก็ปรากฏตัวอยู่ที่โรงเรียนฟู่จง เป็นเพราะกัวไฮว่บอกหลี่เวยไว้แล้วล่วงหน้า ลี่เวยเลยไม่ได้ขวางชายตัวอ้วนผู้ที่ดูอย่างไรก็ดูไม่ใช่คนดีผู้นี้ หลี่เวยเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของกัวไฮว่ บวกกับที่ตอนนี้กัวไฮว่เป็นคนดังของโรงเรียนฟู่จง หลี่เวยจึงพออกพอใจที่ตนเองเคยมีเรื่องบาดหมางกับกัวไฮว่อยู่ครั้งหนึ่ง

        “เจ้าสี่ ไม่แปลกเลยที่แกอยู่โรงเรียนได้นานขนาดนี้ เพราะที่นี่มีคนสวยเยอะจริงๆ ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนไม่ได้แล้ว งั้นฉันต้องไปถามสักหน่อยแล้วว่าที่นี่ขาดครูหรือเปล่า ฉันอยากเป็นครูที่ฟู่จงจัง” เจี่ยหยวนพูดพลางทอดถอนหายใจ

        “พี่สอง ที่นี่เหลือแค่คนทำความสะอาดสองสามคน พี่อย่ามาวุ่นวายจะได้ไหม” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง

        “ให้ตาย ขนาดตัวอสรพิษแบบแกยังกลับตัวกลับใจกลายมาเป็นฮีโร่ได้ แล้วชายหนุ่มแบบฉันจะมาเป็นครูที่ฟู่จงบ้างไม่ได้หรือไง จะว่าไปอังกฤษกับคณิตฉันไม่เลวเลยนะ สอนได้หมดเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆ ไปเถอะพี่สอง ไปจัดการเรื่องกันดีกว่า” กัวไฮว่ลากเจี่ยหยวนออกไปจากโรงเรียน ทั้งสองได้สั่งอาหารที่ร้านอาหารฝั่งตะวันตกมานิดหน่อย เพื่อรอหลิวฉ่วงมา

        “พี่ไฮว่ พี่หยวน ทำไมมากันเร็วขนาดนี้ พวกเรามาซะสายเลย” หลิวฉ่วงอยู่หน้าสุด ด้านหลังมีชายวันกลางคนหนึ่งเดินตามเข้ามาในร้านอาหารแล้วก็เห็นกัวไฮว่กับเจี่ยหยวนนั่งอยู่ในโถงใหญ่

        “เราไม่ไปห้องส่วนตัวเหรอ” ชายที่อยู่ด้านหลังหลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ หลิวชิงซง เป็นลุงของเสี่ยวฉ่วง

        “ที่แท้ก็ลุงสี่ตระกูลหลิวนี่เอง เรื่องเล็กน้อยพูดในโถงใหญ่ก็ได้ครับ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        เงินเกือบพันร้อยล้านแต่เจี่ยหยวนบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คนผ่านไปผ่านมาถึงกับหาโต๊ะใหม่นั่ง

        “พี่ไฮว่ ตระกูลฉินชดเชยเงินส่วนอื่นไว้หมดแล้ว เหลือแค่พี่กับฉันเนี่ยแหละ ของพี่พันร้อยล้าน ของผมห้าสิบร้อยล้าน นี่คือรายการธุรกิจที่เหลือทั้งหมดของตระกูลฉิน น่าจะมีอีกประมาณเจ็ดร้อยสามสิบร้อยล้าน พี่ดูหน่อยสิ” หลิวฉ่วงพูดพลางวางแฟ้มเอกสารไว้ตรงเบื้องหน้าของกัวไฮว่

        “พี่หยวน พี่คุยกับลุงสี่ของเสี่ยวฉ่วงไปเถอะ ผมกับเสี่ยวฉ่วงจะคุยกันส่วนตัวหน่อย” กัวไฉว่พูดพลางลากหลิวฉ่วงไปยังอีกฟากหนึ่ง

        “พี่ไฮว่ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้ม

        “ไม่มีอะไร ได้ยินพี่เย่าพูดเรื่องนายมานิดหน่อย คุณสมบัติร่างกายนายไม่เลวเลย แต่ถ้าอยากไปถึงเขตแดนเซียนเทียนล่ะก็ต้องถูกจังหวะหน่อย”

        “ลุงสี่ เอาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลฉินให้พี่ไฮว่เลยก็ได้ครับ ตอนแรกที่พี่ไฮว่ชนะไปพันร้อยล้าน แค่นี้ยังไม่พอด้วยซ้ำ” หลิวฉ่วงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังกับหลิวชิงซง

        “ฮ่าๆ ฉลาด ฉันชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 83 ชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 83 ชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ ผมหลิวฉ่วงนะ วันนี้ว่างหรือเปล่า ออกมาคุยกันหน่อยสิ ตระกูลฉินเคลียร์เงินที่พนันกันในเว็บบอร์ดเรียบร้อยแล้วนะ เหลือแค่พี่คนเดียว ผมอยากคุยกับพี่หน่อย” กัวไฮว่ได้รับสายจากหลิวฉ่วง ปลายสายพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “วันนี้น่าจะไม่ได้ พรุ่งนี้เถอะ พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเจอกันที่โรงอาหารตะวันตกตรงประตูโรงเรียนนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตกลง งั้นพวกเราไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ

        “พวกเธอรู้จักหลิวฉ่วงหรือว่าตระกูลหลิวมากน้อยแค่ไหนกันเหรอ” เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ กัวไฮว่ก็โทรศัพท์หาปรมาจารย์อวี้เฟิงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านเขา ส่วนตอนนี้กัวไฮว่กำลังนั่งเป็นเพื่อนคุยกับสาวๆ อยู่บนระเบียงบ้านของตน

        “พี่เคยเจอหลิวเทียนกังที่งานแข่งขันวิชาการแล้วนี่ เขาเป็นผู้กุมตระกูลหลิวเอาไว้ อำนาจหลักของตระกูลหลิวอยู่ที่ด้านการทหาร หลิวเทียนกังเป็นผู้บังคับบัญชาการเขตทหารอู่เฉิง พวกเบื้องบนต่างก็ไว้หน้าเขากันทั้งนั้น” โหยวโยวโยวพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ตาบ้า นายก็โทรถามเขาก็ได้นี่ ให้เขาแนะนำนายหน่อย” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “โทรหาใครเหรอเมียคนสวย” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “หลี่เย่าไง ราชาทหารหลี่เย่า ตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิว นายถามหลี่เย่า พี่ใหญ่นายก็ได้นี่” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “ลืมหมอนี่ไปซะแล้ว พี่เย่าอยู่อเมริกาคงลำบากน่าดู ดี ฉันจะได้โทรไปปลอบเขาพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางต่อสายโทรหาหลี่เย่า

        “พี่เย่า พี่มีชีวิตรอดมาแล้วเหรอ” กัวไฮว่ได้ยินเสียงวุ่นวายจากอีกฝ่ายก็ถามขึ้นเสียงดัง

        “เจ้าสี่ ทำไมถึงคิดจะโทรมาหาพี่ได้ล่ะ ยังไม่กลับไปเลย ตอนนี้อยู่บนเส้นทางลักลอบหลบหนี ออกจากอเมริกามาแล้วล่ะ” หลี่เย่าพูดเสียงดัง “ฉันต้องขอบคุณแกมากเลยนะ ถ้าไม่มียาเม็ดนั้นของแก ฉันน่าจะทิ้งชีวิตไว้ที่อเมริกาแล้วล่ะ แกโทรมาครั้งนี้มีอะไรเหรอ รีบพูดเร็ว โทรศัพท์ดาวเทียมฉันแบตอยู่ได้ไม่นาน”

        “จะมาสืบข่าวคนคนนึงน่ะ หลิวฉ่วง เขาเป็นยังไงบ้าง” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “ทำไม เหมือนว่ามันจะอยู่โรงเรียนเดียวกับแกนะ มันหาเรื่องแกเหรอ ถ้ามันหาเรื่องแกก็อัดมันแรงๆ ไปสักที แต่อย่าถึงชีวิตมันเชียวนะ ไม่งั้นพี่เองก็ปกป้องแกไม่ได้” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

        “เดี๋ยวผมต้องร่วมมือกับตระกูลหลิวน่ะ พี่ใหญ่มีคำแนะนำอะไรบ้างหรือเปล่า” กัวไฮว่เองก็ไม่ได้ปิดบัง เขาถามขึ้นตรงๆ

        “ถ้าเป็นไปได้ก็ไว้หน้าตระกูลหลิวหน่อย ต่อไปหัวซย่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลิวอีกเยอะ ถึงขั้นเจรจากันไว้แล้ว แกโทรหาเจ้าสองสิฉันว่ามันเต็มใจให้บริการแกนะ แค่นี้ก่อนนะ มีสายโทรเข้ามาฉันวางล่ะ” หลี่เย่าวางสายไปโดยไม่รอให้กัวไฮว่พูดอะไร

        กัวไฮว่ยิ้มพลางต่อสายโทรหาเจี่ยหยวน เจี่ยหยวนเดาสถานการณ์ออกได้เกือบหมดจึงตกลงกับกัวไฮว่ว่าจะไปหาเขาที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้

        “พี่เย่า พรุ่งนี้ผมจะร่วมงานกับเจ้าสี่ของพวกพี่น่ะ พี่ช่วยแนะนำผมหน่อยสิ คือนายท่านให้ผมโทรหาพี่น่ะ พี่อย่าได้ดูถูกผมเลยนะ” หลี่เย่าวางสายกัวไฮว่แล้วรับสายหลิวฉ่วงที่ใช้สายทหารโทรมาหาเขา

        “จะร่วมมือก็ร่วมมือกันให้ดีๆ บอกปู่หลิวนะว่าน้องฉันคนนี้ไม่เลวเลย ถ้าพวกเธอร่วมมือกันด้วยใจจริง ภายหลังก็จะได้ผลประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุด อย่างน้อยๆ เหล้าที่ปู่หลิวกับนายท่านบ้านฉันกินกันที่บ้านฉัน ครั้งหน้าจะกินกี่รอบก็ได้ ส่วนเรื่องของพวกแกก็จัดการกันเองเถอะ แบตหมดแล้ว วางนะ” หลี่เย่าวางสายโทรศัพท์โดยทันที

        “ปู่ครับ พรุ่งนี้จะเอาไงดี” หลิวฉ่วงวางโทรศัพท์ลง เขามองไปยังนายท่านของตนที่เอาแต่หลับตาอยู่ตลอดแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “หลี่เย่าเจ้าบ้านี่ รอให้มันกลับมาก่อนฉันจะจัดการมัน” หลิวเทียนกังลืมตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ “แกไปเรียกลุงสี่แกนะ บอกให้ลุงสี่แกช่วยโอนกิจการตระกูลฉินไปให้กัวไฮว่”

        “คุณปู่ ที่นายท่านตระกูลฉินมาที่บ้านเราวันนั้น ปู่ตกลงจะช่วยพวกเขาปกป้องกิจการพื้นฐานของตระกูลฉินไว้ไม่ใช่เหรอครับ” หลิวฉ่วงถามขึ้นอย่างงุนงง

        “ปู่แกอยากเหล้า เหตุผลนี้ใช้ได้ไหม รีบไสหัวไปเลย” หลินเทียนกังพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องไป ปล่อยให้หลิวฉ่วงมึนงงอยู่ตรงนั้น

        “ให้ตาย อะไรกันเนี่ย ผมเป็นคนเจอกัวไฮว่ก่อนนะ ถีบหัวส่งกันทั้งนั้น” หลิวฉ่วงพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห “อยากเหล้าเหรอ ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน”

        “เด็กบ้า พรุ่งนี้เจรจากับกัวไฮว่เสร็จแกไปที่ค่ายเหล่าเอนะ ปู่ว่าที่แกเรียนมันน่าเบื่อ ไปพูดคุยกับเหล่าเอเสียสิ” เสียงของหลิวเทียนกังดังขึ้นมา หลิวฉ่วงก็ตะโกนขึ้นเสียงดังว่าผมไม่ไป จากนั้นก็วิ่งหนีไป

        ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้า เจี่ยหยวนคนอวบอ้วนก็ปรากฏตัวอยู่ที่โรงเรียนฟู่จง เป็นเพราะกัวไฮว่บอกหลี่เวยไว้แล้วล่วงหน้า ลี่เวยเลยไม่ได้ขวางชายตัวอ้วนผู้ที่ดูอย่างไรก็ดูไม่ใช่คนดีผู้นี้ หลี่เวยเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของกัวไฮว่ บวกกับที่ตอนนี้กัวไฮว่เป็นคนดังของโรงเรียนฟู่จง หลี่เวยจึงพออกพอใจที่ตนเองเคยมีเรื่องบาดหมางกับกัวไฮว่อยู่ครั้งหนึ่ง

        “เจ้าสี่ ไม่แปลกเลยที่แกอยู่โรงเรียนได้นานขนาดนี้ เพราะที่นี่มีคนสวยเยอะจริงๆ ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนไม่ได้แล้ว งั้นฉันต้องไปถามสักหน่อยแล้วว่าที่นี่ขาดครูหรือเปล่า ฉันอยากเป็นครูที่ฟู่จงจัง” เจี่ยหยวนพูดพลางทอดถอนหายใจ

        “พี่สอง ที่นี่เหลือแค่คนทำความสะอาดสองสามคน พี่อย่ามาวุ่นวายจะได้ไหม” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง

        “ให้ตาย ขนาดตัวอสรพิษแบบแกยังกลับตัวกลับใจกลายมาเป็นฮีโร่ได้ แล้วชายหนุ่มแบบฉันจะมาเป็นครูที่ฟู่จงบ้างไม่ได้หรือไง จะว่าไปอังกฤษกับคณิตฉันไม่เลวเลยนะ สอนได้หมดเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆ ไปเถอะพี่สอง ไปจัดการเรื่องกันดีกว่า” กัวไฮว่ลากเจี่ยหยวนออกไปจากโรงเรียน ทั้งสองได้สั่งอาหารที่ร้านอาหารฝั่งตะวันตกมานิดหน่อย เพื่อรอหลิวฉ่วงมา

        “พี่ไฮว่ พี่หยวน ทำไมมากันเร็วขนาดนี้ พวกเรามาซะสายเลย” หลิวฉ่วงอยู่หน้าสุด ด้านหลังมีชายวันกลางคนหนึ่งเดินตามเข้ามาในร้านอาหารแล้วก็เห็นกัวไฮว่กับเจี่ยหยวนนั่งอยู่ในโถงใหญ่

        “เราไม่ไปห้องส่วนตัวเหรอ” ชายที่อยู่ด้านหลังหลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ หลิวชิงซง เป็นลุงของเสี่ยวฉ่วง

        “ที่แท้ก็ลุงสี่ตระกูลหลิวนี่เอง เรื่องเล็กน้อยพูดในโถงใหญ่ก็ได้ครับ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        เงินเกือบพันร้อยล้านแต่เจี่ยหยวนบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คนผ่านไปผ่านมาถึงกับหาโต๊ะใหม่นั่ง

        “พี่ไฮว่ ตระกูลฉินชดเชยเงินส่วนอื่นไว้หมดแล้ว เหลือแค่พี่กับฉันเนี่ยแหละ ของพี่พันร้อยล้าน ของผมห้าสิบร้อยล้าน นี่คือรายการธุรกิจที่เหลือทั้งหมดของตระกูลฉิน น่าจะมีอีกประมาณเจ็ดร้อยสามสิบร้อยล้าน พี่ดูหน่อยสิ” หลิวฉ่วงพูดพลางวางแฟ้มเอกสารไว้ตรงเบื้องหน้าของกัวไฮว่

        “พี่หยวน พี่คุยกับลุงสี่ของเสี่ยวฉ่วงไปเถอะ ผมกับเสี่ยวฉ่วงจะคุยกันส่วนตัวหน่อย” กัวไฉว่พูดพลางลากหลิวฉ่วงไปยังอีกฟากหนึ่ง

        “พี่ไฮว่ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้ม

        “ไม่มีอะไร ได้ยินพี่เย่าพูดเรื่องนายมานิดหน่อย คุณสมบัติร่างกายนายไม่เลวเลย แต่ถ้าอยากไปถึงเขตแดนเซียนเทียนล่ะก็ต้องถูกจังหวะหน่อย”

        “ลุงสี่ เอาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลฉินให้พี่ไฮว่เลยก็ได้ครับ ตอนแรกที่พี่ไฮว่ชนะไปพันร้อยล้าน แค่นี้ยังไม่พอด้วยซ้ำ” หลิวฉ่วงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังกับหลิวชิงซง

        “ฮ่าๆ ฉลาด ฉันชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 83 ชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 83 ชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ ผมหลิวฉ่วงนะ วันนี้ว่างหรือเปล่า ออกมาคุยกันหน่อยสิ ตระกูลฉินเคลียร์เงินที่พนันกันในเว็บบอร์ดเรียบร้อยแล้วนะ เหลือแค่พี่คนเดียว ผมอยากคุยกับพี่หน่อย” กัวไฮว่ได้รับสายจากหลิวฉ่วง ปลายสายพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “วันนี้น่าจะไม่ได้ พรุ่งนี้เถอะ พรุ่งนี้สิบโมงเช้าเจอกันที่โรงอาหารตะวันตกตรงประตูโรงเรียนนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตกลง งั้นพวกเราไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ

        “พวกเธอรู้จักหลิวฉ่วงหรือว่าตระกูลหลิวมากน้อยแค่ไหนกันเหรอ” เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ กัวไฮว่ก็โทรศัพท์หาปรมาจารย์อวี้เฟิงบอกว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่บ้านเขา ส่วนตอนนี้กัวไฮว่กำลังนั่งเป็นเพื่อนคุยกับสาวๆ อยู่บนระเบียงบ้านของตน

        “พี่เคยเจอหลิวเทียนกังที่งานแข่งขันวิชาการแล้วนี่ เขาเป็นผู้กุมตระกูลหลิวเอาไว้ อำนาจหลักของตระกูลหลิวอยู่ที่ด้านการทหาร หลิวเทียนกังเป็นผู้บังคับบัญชาการเขตทหารอู่เฉิง พวกเบื้องบนต่างก็ไว้หน้าเขากันทั้งนั้น” โหยวโยวโยวพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ตาบ้า นายก็โทรถามเขาก็ได้นี่ ให้เขาแนะนำนายหน่อย” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “โทรหาใครเหรอเมียคนสวย” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “หลี่เย่าไง ราชาทหารหลี่เย่า ตระกูลหลี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหลิว นายถามหลี่เย่า พี่ใหญ่นายก็ได้นี่” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “ลืมหมอนี่ไปซะแล้ว พี่เย่าอยู่อเมริกาคงลำบากน่าดู ดี ฉันจะได้โทรไปปลอบเขาพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พลางต่อสายโทรหาหลี่เย่า

        “พี่เย่า พี่มีชีวิตรอดมาแล้วเหรอ” กัวไฮว่ได้ยินเสียงวุ่นวายจากอีกฝ่ายก็ถามขึ้นเสียงดัง

        “เจ้าสี่ ทำไมถึงคิดจะโทรมาหาพี่ได้ล่ะ ยังไม่กลับไปเลย ตอนนี้อยู่บนเส้นทางลักลอบหลบหนี ออกจากอเมริกามาแล้วล่ะ” หลี่เย่าพูดเสียงดัง “ฉันต้องขอบคุณแกมากเลยนะ ถ้าไม่มียาเม็ดนั้นของแก ฉันน่าจะทิ้งชีวิตไว้ที่อเมริกาแล้วล่ะ แกโทรมาครั้งนี้มีอะไรเหรอ รีบพูดเร็ว โทรศัพท์ดาวเทียมฉันแบตอยู่ได้ไม่นาน”

        “จะมาสืบข่าวคนคนนึงน่ะ หลิวฉ่วง เขาเป็นยังไงบ้าง” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “ทำไม เหมือนว่ามันจะอยู่โรงเรียนเดียวกับแกนะ มันหาเรื่องแกเหรอ ถ้ามันหาเรื่องแกก็อัดมันแรงๆ ไปสักที แต่อย่าถึงชีวิตมันเชียวนะ ไม่งั้นพี่เองก็ปกป้องแกไม่ได้” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

        “เดี๋ยวผมต้องร่วมมือกับตระกูลหลิวน่ะ พี่ใหญ่มีคำแนะนำอะไรบ้างหรือเปล่า” กัวไฮว่เองก็ไม่ได้ปิดบัง เขาถามขึ้นตรงๆ

        “ถ้าเป็นไปได้ก็ไว้หน้าตระกูลหลิวหน่อย ต่อไปหัวซย่าจะใช้ประโยชน์จากตระกูลหลิวอีกเยอะ ถึงขั้นเจรจากันไว้แล้ว แกโทรหาเจ้าสองสิฉันว่ามันเต็มใจให้บริการแกนะ แค่นี้ก่อนนะ มีสายโทรเข้ามาฉันวางล่ะ” หลี่เย่าวางสายไปโดยไม่รอให้กัวไฮว่พูดอะไร

        กัวไฮว่ยิ้มพลางต่อสายโทรหาเจี่ยหยวน เจี่ยหยวนเดาสถานการณ์ออกได้เกือบหมดจึงตกลงกับกัวไฮว่ว่าจะไปหาเขาที่โรงเรียนในวันพรุ่งนี้

        “พี่เย่า พรุ่งนี้ผมจะร่วมงานกับเจ้าสี่ของพวกพี่น่ะ พี่ช่วยแนะนำผมหน่อยสิ คือนายท่านให้ผมโทรหาพี่น่ะ พี่อย่าได้ดูถูกผมเลยนะ” หลี่เย่าวางสายกัวไฮว่แล้วรับสายหลิวฉ่วงที่ใช้สายทหารโทรมาหาเขา

        “จะร่วมมือก็ร่วมมือกันให้ดีๆ บอกปู่หลิวนะว่าน้องฉันคนนี้ไม่เลวเลย ถ้าพวกเธอร่วมมือกันด้วยใจจริง ภายหลังก็จะได้ผลประโยชน์อย่างไม่มีสิ้นสุด อย่างน้อยๆ เหล้าที่ปู่หลิวกับนายท่านบ้านฉันกินกันที่บ้านฉัน ครั้งหน้าจะกินกี่รอบก็ได้ ส่วนเรื่องของพวกแกก็จัดการกันเองเถอะ แบตหมดแล้ว วางนะ” หลี่เย่าวางสายโทรศัพท์โดยทันที

        “ปู่ครับ พรุ่งนี้จะเอาไงดี” หลิวฉ่วงวางโทรศัพท์ลง เขามองไปยังนายท่านของตนที่เอาแต่หลับตาอยู่ตลอดแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “หลี่เย่าเจ้าบ้านี่ รอให้มันกลับมาก่อนฉันจะจัดการมัน” หลิวเทียนกังลืมตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ “แกไปเรียกลุงสี่แกนะ บอกให้ลุงสี่แกช่วยโอนกิจการตระกูลฉินไปให้กัวไฮว่”

        “คุณปู่ ที่นายท่านตระกูลฉินมาที่บ้านเราวันนั้น ปู่ตกลงจะช่วยพวกเขาปกป้องกิจการพื้นฐานของตระกูลฉินไว้ไม่ใช่เหรอครับ” หลิวฉ่วงถามขึ้นอย่างงุนงง

        “ปู่แกอยากเหล้า เหตุผลนี้ใช้ได้ไหม รีบไสหัวไปเลย” หลินเทียนกังพูดเสร็จก็เดินเข้าห้องไป ปล่อยให้หลิวฉ่วงมึนงงอยู่ตรงนั้น

        “ให้ตาย อะไรกันเนี่ย ผมเป็นคนเจอกัวไฮว่ก่อนนะ ถีบหัวส่งกันทั้งนั้น” หลิวฉ่วงพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห “อยากเหล้าเหรอ ยิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือน”

        “เด็กบ้า พรุ่งนี้เจรจากับกัวไฮว่เสร็จแกไปที่ค่ายเหล่าเอนะ ปู่ว่าที่แกเรียนมันน่าเบื่อ ไปพูดคุยกับเหล่าเอเสียสิ” เสียงของหลิวเทียนกังดังขึ้นมา หลิวฉ่วงก็ตะโกนขึ้นเสียงดังว่าผมไม่ไป จากนั้นก็วิ่งหนีไป

        ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้า เจี่ยหยวนคนอวบอ้วนก็ปรากฏตัวอยู่ที่โรงเรียนฟู่จง เป็นเพราะกัวไฮว่บอกหลี่เวยไว้แล้วล่วงหน้า ลี่เวยเลยไม่ได้ขวางชายตัวอ้วนผู้ที่ดูอย่างไรก็ดูไม่ใช่คนดีผู้นี้ หลี่เวยเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของกัวไฮว่ บวกกับที่ตอนนี้กัวไฮว่เป็นคนดังของโรงเรียนฟู่จง หลี่เวยจึงพออกพอใจที่ตนเองเคยมีเรื่องบาดหมางกับกัวไฮว่อยู่ครั้งหนึ่ง

        “เจ้าสี่ ไม่แปลกเลยที่แกอยู่โรงเรียนได้นานขนาดนี้ เพราะที่นี่มีคนสวยเยอะจริงๆ ตอนนี้ฉันเป็นนักเรียนไม่ได้แล้ว งั้นฉันต้องไปถามสักหน่อยแล้วว่าที่นี่ขาดครูหรือเปล่า ฉันอยากเป็นครูที่ฟู่จงจัง” เจี่ยหยวนพูดพลางทอดถอนหายใจ

        “พี่สอง ที่นี่เหลือแค่คนทำความสะอาดสองสามคน พี่อย่ามาวุ่นวายจะได้ไหม” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง

        “ให้ตาย ขนาดตัวอสรพิษแบบแกยังกลับตัวกลับใจกลายมาเป็นฮีโร่ได้ แล้วชายหนุ่มแบบฉันจะมาเป็นครูที่ฟู่จงบ้างไม่ได้หรือไง จะว่าไปอังกฤษกับคณิตฉันไม่เลวเลยนะ สอนได้หมดเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆ ไปเถอะพี่สอง ไปจัดการเรื่องกันดีกว่า” กัวไฮว่ลากเจี่ยหยวนออกไปจากโรงเรียน ทั้งสองได้สั่งอาหารที่ร้านอาหารฝั่งตะวันตกมานิดหน่อย เพื่อรอหลิวฉ่วงมา

        “พี่ไฮว่ พี่หยวน ทำไมมากันเร็วขนาดนี้ พวกเรามาซะสายเลย” หลิวฉ่วงอยู่หน้าสุด ด้านหลังมีชายวันกลางคนหนึ่งเดินตามเข้ามาในร้านอาหารแล้วก็เห็นกัวไฮว่กับเจี่ยหยวนนั่งอยู่ในโถงใหญ่

        “เราไม่ไปห้องส่วนตัวเหรอ” ชายที่อยู่ด้านหลังหลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ หลิวชิงซง เป็นลุงของเสี่ยวฉ่วง

        “ที่แท้ก็ลุงสี่ตระกูลหลิวนี่เอง เรื่องเล็กน้อยพูดในโถงใหญ่ก็ได้ครับ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        เงินเกือบพันร้อยล้านแต่เจี่ยหยวนบอกว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย คนผ่านไปผ่านมาถึงกับหาโต๊ะใหม่นั่ง

        “พี่ไฮว่ ตระกูลฉินชดเชยเงินส่วนอื่นไว้หมดแล้ว เหลือแค่พี่กับฉันเนี่ยแหละ ของพี่พันร้อยล้าน ของผมห้าสิบร้อยล้าน นี่คือรายการธุรกิจที่เหลือทั้งหมดของตระกูลฉิน น่าจะมีอีกประมาณเจ็ดร้อยสามสิบร้อยล้าน พี่ดูหน่อยสิ” หลิวฉ่วงพูดพลางวางแฟ้มเอกสารไว้ตรงเบื้องหน้าของกัวไฮว่

        “พี่หยวน พี่คุยกับลุงสี่ของเสี่ยวฉ่วงไปเถอะ ผมกับเสี่ยวฉ่วงจะคุยกันส่วนตัวหน่อย” กัวไฉว่พูดพลางลากหลิวฉ่วงไปยังอีกฟากหนึ่ง

        “พี่ไฮว่ มีอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้ม

        “ไม่มีอะไร ได้ยินพี่เย่าพูดเรื่องนายมานิดหน่อย คุณสมบัติร่างกายนายไม่เลวเลย แต่ถ้าอยากไปถึงเขตแดนเซียนเทียนล่ะก็ต้องถูกจังหวะหน่อย”

        “ลุงสี่ เอาธุรกิจทั้งหมดของตระกูลฉินให้พี่ไฮว่เลยก็ได้ครับ ตอนแรกที่พี่ไฮว่ชนะไปพันร้อยล้าน แค่นี้ยังไม่พอด้วยซ้ำ” หลิวฉ่วงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดเสียงดังกับหลิวชิงซง

        “ฮ่าๆ ฉลาด ฉันชอบเป็นเพื่อนกับคนฉลาด”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+