[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 38 ตระกูลข่งโกลาหล

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 38 ตระกูลข่งโกลาหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยจำไว้นะไปร้านเสื้อผ้าที่เราผ่านมาเมื่อกี้แล้วซื้อชุดกีฬาตัวนั้น จากนั้นก็ออกไปจากห้างด้วยอีกทางออกหนึ่ง รีบเรียกรถกลับโรงเรียนไป”กัวไฮว่พูดเบาๆด้วยความตระหนก“ฉันจะไปหาหมอนั่นที่ยิงปืนใส่พวกเรา”

        “เรา..เราไปด้วยกันเถอะ เขาอาจจะอยากทำฉันก็ได้”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“ขอฉันโทรศัพท์ก่อนแล้วเราไปด้วยกัน”

        “ยายหนูเรื่องแค่นี้คุณหนูตระกูลมู่หรงไม่ต้องตกใจหรอกเธอโทรไปก็ไม่ต้องซีเรียสหรอก ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาไปทำข่าวหรือเปล่าเชื่อฉันเถอะให้ฉันไปจัดการเองดีกว่า”พูดจบกัวไฮว่ก็จูบที่หน้าผากมู่หรงเวยเวยทีหนึ่ง

        “รับปากฉันนะ อย่าบาดเจ็บ”มู่หรงเวยเวยพูดกับกัวไฮว่เบาๆ

        “วางใจเถอะมือปืนเมื่อกี้หลบไปแล้วล่ะ อย่าลืมสิแฟนของเธอมีพลังพิเศษนะ“พูดจบกัวไฮว่ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “ตระกูลข่ง ดี ดีมาก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ชั้นไหน”กัวไฮว่พูดยิ้มๆกับชายวัยกลางคนใส่ชุดไปรเวทที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ไป

        “ชั้นเจ็ด ขอบใจ”ชายผู้นั้นมองกัวไฮว่แล้วยิ้มตอบ

        “ถึงชั้นเจ็ดแล้ว”ลิฟต์ลงมาไวมากจากชั้นสิบแปดมาถึงชั้นเจ็ดประมาณไม่กี่วินาที ในขณะที่ลิฟต์เปิดนั่นเองชายวัยกลางคนก็หันหน้ามามองกัวไฮว่อีกรอบ

        “ทำไมเป็นคุณอีกแล้วล่ะ ทำไมไม่ขึ้นลิฟต์ออกกำลังกายเหรอ”หน้าประตูลิฟต์ชั้นสี่กัวไฮว่ยืนหันหลังกับชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“ไม่ลองอีกเหรอ เอาปืนพกที่เอวคุณมาลองอีกสักช็อตสิ เมื่อกี้แม่นมากเลยนะ”

        “นี่ไอ้น้องแกหมายความว่าไง จำคนผิดหรือเปล่า”ชายวัยกลางคนพูดยิ้มๆมือสัมผัสเข้าที่ปืนพกของตัวเองตามสัญชาตญาณ

        “ปัง!”ในขณะที่เอาปืนพกออกมานั่นเองกระบี่เฟยเจี้ยนอันประณีตในมือของกัวไฮว่ก็ปัดปืนพกอินทรีลอยออกไป

        “หลิวเฟยนามแฝงจื่อต้านจากสมาพันธ์กุ่ยซื่อ อายุยี่สิบสามปี ลงมือมาแล้วเจ็ดสิบสองครั้ง ความผิดพลาดเป็นศูนย์ คราวนี้แกทำพลาดแล้วล่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แก..แกเป็นใครกันแน่ รู้ข้อมูลของฉันได้ยังไง”มือปืนพูดเสียงดัง ข้อมูลนักฆ่าของสมาพันธ์กุ่ยซื่อทุกคนล้วนแต่เป็นความลับ สองคนที่ร่วมมือกันก็รู้แค่รหัสของอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีคนรู้ชื่อแซ่จริงๆของพวกเขาได้

        “แกเตรียมจะฆ่าฉันแล้ว หรือว่าฉันจะรู้ชื่อแกหน่อยไม่ได้ แต่พวกแกนี่มันน่าผิดหวังจริงๆเลย ในสายตาของพวกแกชีวิตฉันมีค่าแค่สิบล้านเอง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “บอกมาเถอะแกจะเอายังไง ฉันยอมแพ้”มือปืนพูดเสียงดัง

        “หวังเฟยเฟย อายุยี่สิบเอ็ดปี สมาชิกทีมเต้นเยาวชนเมืองอู่เฉิง แกรู้จักใช่ไหม”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ไอ้หนูจะทำอะไรก็บอกมาตรงๆอย่าเอาเรื่องผู้หญิงมาพูด”จื่อต้านแทบจะเป็นบ้าในฐานะมือปืนเขารู้ว่าเขาอาจตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาทำผิดในสิ่งที่นักฆ่าไม่ควรทำ สะเทือนใจจริงๆ

        “ไปบอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะว่าชีวิตแกติดค้างหนี้ฉันอยู่ ให้พวกเขาเอาเงินในบัตรนี่ไปสิบล้าน อีกอย่างให้เขาไปบอกคนตระกูลข่งด้วยว่าต่อได้แต่บัญชี ครั้งหน้าไม่คิดง่ายแบบนี้แล้วนะ”พูดจบกัวไฮว่ก็โบกมือกระบี่เฟยเจี้ยนกลับเข้ามาในมืออีกครั้ง ตัวเองเดินออกไปนอกลิฟต์อย่างไม่สนใจใยดี

        ประมาณสิบนาทีกัวไฮว่ขวางเด็กผู้หญิงแต่งตัวตามกระแสคนหนึ่งอยู่ในตรอก

        “นามแฝงเลี่ยโก่ว ชื่อหลิงซวง อายุสิบเจ็ดปี สมาพันธ์ซื่อกุ่ย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เด็กสาวดูเหมือนว่าไม่ได้ฟังว่ากัวไฮว่พูดอะไรเพราะเธอใส่หูฟังอันใหญ่ไว้ในหู“ทำอะไรน่ะจะจีบฉันเหรอ”

        “หลินปิง อายุสิบห้าปี นักเรียนมอต้นโรงเรียนอู่เฉิง ถ้าเธออยากให้ใช้ชีวิตแลกอีกชีวิตก็เชิญเดินต่อได้เลย”กัวไฮว่พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “นาย..นายรู้ได้ยังไงว่าคนคนนั้นคือฉัน”เด็กสาวหยุดฝีเท้าแล้วพูดด้วยเสียงดัง“ขอร้องล่ะอย่าทำร้ายน้องสาวฉัน ถ้านายอยากจะแก้แค้นชีวิตนี้ฉันให้นาย”

        “สามสิบล้าน บอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะชีวิตเธอมีค่าสามสิบล้านเตรียมเงินมาก็พอแล้ว”พูดจบกัวไฮว่ก็หายตัวไปกลางตรอก

        “คุณหนูคุณแน่ใจนะคะว่าคนที่จะลงมือกับคุณคือคนที่ตระกูลข่งส่งมา”มู่หรงเวยเวยยืนอยู่กลางบ้านแบบโบราณแห่งหนึ่งผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

        “วันนี้ฉันเจอแค่ข่งอี้ฟูคนเดียว เรื่องของข่งเสวียนฉันไม่อยากจะพูดอะไรอีก พวกเธอไปจัดการเถอะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบก่อนจะหมุนตัวออกจากบ้านไป

        “คุณปู่สามทำยังไงดี”ผู้อาวุโสกลับไปในห้องแล้วพูดขึ้นกับเงามืดด้วยเสียงเบาๆ

        “การสังหารเมื่อสิบปีก่อนเบาไปหน่อย ลุงเฮยไปบอกมู่หรงเวยว่าฉันไม่อยากถามเรื่องของตระกูลมู่หรงอะไรมากมายแต่ถ้าใครลงมือกับลูกสาวฉันอีก ฉันว่าให้ฉันรับช่วงตระกูลมู่หรงต่อจะดีกว่า”เมื่อเสียงทุ้มต่ำลอยออกมาผู้อาวุโสก็หายตัวไปในบ้านหลังนั้น

        “บอกตระกูลข่งว่าพวกเราจะร่วมมือกับพวกเขาถึงแค่ตรงนี้ ความร่วมมือทั้งหมดสิ้นสุดตรงนี้”ชายวันกลางคนพูดกับโทรศัพท์เสียงดัง

        “ใช่เลิกเปิดท่าเรือให้ตระกูลข่ง ถ้าพวกเขาจะฟ้องก็ให้พวกเขาฟ้องไปยังไงซะศาลก็เข้าข้างพวกเราอยู่แล้ว”

        “รีบเปิดการประชุมสมาชิกทุกคน ยกเว้นตระกูลข่ง ต้องเข้าร่วมเพื่อปรึกษากันเรื่องถอดถอนตระกูงข่ง”

         

        “บอกมา ใครไปหาเรื่องยายหนูนั่นอีก พวกแกบอกมาเป็นใครกันแน่”ในคฤหาสน์ตระกูลข่ง ผู้อาวุโสผมหงอกผู้หนึ่งตะคอกเสียงดังลั่น เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหัวหน้าตระกูลข่ง ข่งต้าเจียง

        “คุณปู่ตั้งแต่ท่านสั่งไม่ให้พวกเราไปหาเรื่องยายเด็กนั่นพวกเราก็หยุดการกระทำทุกอย่าง เรื่องในวันนี้พวกเราไม่ได้ให้ใครไปทำจริงๆนะ”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดเสียงเบา

        “อี้ฟู วันนี้มีแค่แกที่เห็นยายเด็กนั่น ใช่แกไหม”ข่งต้าเจียงถลึงตามองลูกชายตนเองแล้วถามขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ผมติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อแต่เป้าหมายไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ข่งอี้ฟูหลบตาแล้วพูดเบาๆ“วันนี้ที่บ้านท่านอาจารย์ เธอพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปไหว้อาจารย์ ท่านอาจารย์ชอบใจมาก ผมไม่พอใจว่ามันมีสิทธิ์อะไรกัน เสี่ยวเสวียนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าประตูใหญ่บ้านท่านอาจารย์ แต่เด็กบ้านั่นกลับทำได้”ข่งอี้ฟูพูดอย่างโหดเหี้ยม

        “แกเลยไปหาสมาพันธ์กุ่ยซื่อเพื่อจัดการเด็กนั่น?”ข่งต้าเจียงพูดเสียงดัง“จัดการเด็กนั่นต่อหน้ายายนั่น ยายเด็กนั่นเลยเข้าใจผิดว่าพวกเราจัดการเธอ? อี้ฟูอย่าหุนหันพลันแล่นไป”ข่งต้าเจียงส่ายศีรษะพร้อมกับพูด

        “พ่อครับยังมีวิธีแก้ไขอีกไหม บอกตระกูลมู่หรงได้ไหมว่าแม้วันนี้ผมจะติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อ แต่คนที่จะฆ่าไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ลูกชายหัวหน้าตระกูลข่งคนปัจจุบันพูดขึ้น

        “อะไรนะแกบอกว่านักฆ่าที่พวกแกส่งไปทำพลาดเหรอสิบล้าน? ทำไมถึงได้คิดว่าฉันจะเอาเงินของพวกแก พวกแกอยากได้เงินจนบ้าไปแล้วหรือเปล่า”ข่งอี้ฟูรับโทรศัพท์จู่ๆก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

        “อี้ฟูเกิดอะไรขึ้น”ข่งต้าเจียงเห็นลูกชายคนโปรดในใจตะโกนลั่นราวกับคนบ้าก็ถามขึ้นเบาๆ

        “บอกคนในตระกูลข่งทุกคนนะว่ายกเลิกกิจกรรมในช่วงนี้ทั้งหมด ทุกฝ่ายอยู่ในบ้านให้ดีๆ อี้ฟูแกไปติดต่อตระกูลกัวนะจัดการเรื่องให้เรียบร้อย เงินสิบล้านนี่พวกเราจ่ายเงินวันนี้ยกให้สมาพันธ์กุ่ยซื่อ”ข่งต้าเจียงส่ายพูดพลางศีรษะ

         

 

                                                                ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 38 ตระกูลข่งโกลาหล

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 38 ตระกูลข่งโกลาหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยจำไว้นะไปร้านเสื้อผ้าที่เราผ่านมาเมื่อกี้แล้วซื้อชุดกีฬาตัวนั้น จากนั้นก็ออกไปจากห้างด้วยอีกทางออกหนึ่ง รีบเรียกรถกลับโรงเรียนไป”กัวไฮว่พูดเบาๆด้วยความตระหนก“ฉันจะไปหาหมอนั่นที่ยิงปืนใส่พวกเรา”

        “เรา..เราไปด้วยกันเถอะ เขาอาจจะอยากทำฉันก็ได้”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“ขอฉันโทรศัพท์ก่อนแล้วเราไปด้วยกัน”

        “ยายหนูเรื่องแค่นี้คุณหนูตระกูลมู่หรงไม่ต้องตกใจหรอกเธอโทรไปก็ไม่ต้องซีเรียสหรอก ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาไปทำข่าวหรือเปล่าเชื่อฉันเถอะให้ฉันไปจัดการเองดีกว่า”พูดจบกัวไฮว่ก็จูบที่หน้าผากมู่หรงเวยเวยทีหนึ่ง

        “รับปากฉันนะ อย่าบาดเจ็บ”มู่หรงเวยเวยพูดกับกัวไฮว่เบาๆ

        “วางใจเถอะมือปืนเมื่อกี้หลบไปแล้วล่ะ อย่าลืมสิแฟนของเธอมีพลังพิเศษนะ“พูดจบกัวไฮว่ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “ตระกูลข่ง ดี ดีมาก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ชั้นไหน”กัวไฮว่พูดยิ้มๆกับชายวัยกลางคนใส่ชุดไปรเวทที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ไป

        “ชั้นเจ็ด ขอบใจ”ชายผู้นั้นมองกัวไฮว่แล้วยิ้มตอบ

        “ถึงชั้นเจ็ดแล้ว”ลิฟต์ลงมาไวมากจากชั้นสิบแปดมาถึงชั้นเจ็ดประมาณไม่กี่วินาที ในขณะที่ลิฟต์เปิดนั่นเองชายวัยกลางคนก็หันหน้ามามองกัวไฮว่อีกรอบ

        “ทำไมเป็นคุณอีกแล้วล่ะ ทำไมไม่ขึ้นลิฟต์ออกกำลังกายเหรอ”หน้าประตูลิฟต์ชั้นสี่กัวไฮว่ยืนหันหลังกับชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“ไม่ลองอีกเหรอ เอาปืนพกที่เอวคุณมาลองอีกสักช็อตสิ เมื่อกี้แม่นมากเลยนะ”

        “นี่ไอ้น้องแกหมายความว่าไง จำคนผิดหรือเปล่า”ชายวัยกลางคนพูดยิ้มๆมือสัมผัสเข้าที่ปืนพกของตัวเองตามสัญชาตญาณ

        “ปัง!”ในขณะที่เอาปืนพกออกมานั่นเองกระบี่เฟยเจี้ยนอันประณีตในมือของกัวไฮว่ก็ปัดปืนพกอินทรีลอยออกไป

        “หลิวเฟยนามแฝงจื่อต้านจากสมาพันธ์กุ่ยซื่อ อายุยี่สิบสามปี ลงมือมาแล้วเจ็ดสิบสองครั้ง ความผิดพลาดเป็นศูนย์ คราวนี้แกทำพลาดแล้วล่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แก..แกเป็นใครกันแน่ รู้ข้อมูลของฉันได้ยังไง”มือปืนพูดเสียงดัง ข้อมูลนักฆ่าของสมาพันธ์กุ่ยซื่อทุกคนล้วนแต่เป็นความลับ สองคนที่ร่วมมือกันก็รู้แค่รหัสของอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีคนรู้ชื่อแซ่จริงๆของพวกเขาได้

        “แกเตรียมจะฆ่าฉันแล้ว หรือว่าฉันจะรู้ชื่อแกหน่อยไม่ได้ แต่พวกแกนี่มันน่าผิดหวังจริงๆเลย ในสายตาของพวกแกชีวิตฉันมีค่าแค่สิบล้านเอง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “บอกมาเถอะแกจะเอายังไง ฉันยอมแพ้”มือปืนพูดเสียงดัง

        “หวังเฟยเฟย อายุยี่สิบเอ็ดปี สมาชิกทีมเต้นเยาวชนเมืองอู่เฉิง แกรู้จักใช่ไหม”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ไอ้หนูจะทำอะไรก็บอกมาตรงๆอย่าเอาเรื่องผู้หญิงมาพูด”จื่อต้านแทบจะเป็นบ้าในฐานะมือปืนเขารู้ว่าเขาอาจตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาทำผิดในสิ่งที่นักฆ่าไม่ควรทำ สะเทือนใจจริงๆ

        “ไปบอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะว่าชีวิตแกติดค้างหนี้ฉันอยู่ ให้พวกเขาเอาเงินในบัตรนี่ไปสิบล้าน อีกอย่างให้เขาไปบอกคนตระกูลข่งด้วยว่าต่อได้แต่บัญชี ครั้งหน้าไม่คิดง่ายแบบนี้แล้วนะ”พูดจบกัวไฮว่ก็โบกมือกระบี่เฟยเจี้ยนกลับเข้ามาในมืออีกครั้ง ตัวเองเดินออกไปนอกลิฟต์อย่างไม่สนใจใยดี

        ประมาณสิบนาทีกัวไฮว่ขวางเด็กผู้หญิงแต่งตัวตามกระแสคนหนึ่งอยู่ในตรอก

        “นามแฝงเลี่ยโก่ว ชื่อหลิงซวง อายุสิบเจ็ดปี สมาพันธ์ซื่อกุ่ย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เด็กสาวดูเหมือนว่าไม่ได้ฟังว่ากัวไฮว่พูดอะไรเพราะเธอใส่หูฟังอันใหญ่ไว้ในหู“ทำอะไรน่ะจะจีบฉันเหรอ”

        “หลินปิง อายุสิบห้าปี นักเรียนมอต้นโรงเรียนอู่เฉิง ถ้าเธออยากให้ใช้ชีวิตแลกอีกชีวิตก็เชิญเดินต่อได้เลย”กัวไฮว่พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “นาย..นายรู้ได้ยังไงว่าคนคนนั้นคือฉัน”เด็กสาวหยุดฝีเท้าแล้วพูดด้วยเสียงดัง“ขอร้องล่ะอย่าทำร้ายน้องสาวฉัน ถ้านายอยากจะแก้แค้นชีวิตนี้ฉันให้นาย”

        “สามสิบล้าน บอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะชีวิตเธอมีค่าสามสิบล้านเตรียมเงินมาก็พอแล้ว”พูดจบกัวไฮว่ก็หายตัวไปกลางตรอก

        “คุณหนูคุณแน่ใจนะคะว่าคนที่จะลงมือกับคุณคือคนที่ตระกูลข่งส่งมา”มู่หรงเวยเวยยืนอยู่กลางบ้านแบบโบราณแห่งหนึ่งผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

        “วันนี้ฉันเจอแค่ข่งอี้ฟูคนเดียว เรื่องของข่งเสวียนฉันไม่อยากจะพูดอะไรอีก พวกเธอไปจัดการเถอะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบก่อนจะหมุนตัวออกจากบ้านไป

        “คุณปู่สามทำยังไงดี”ผู้อาวุโสกลับไปในห้องแล้วพูดขึ้นกับเงามืดด้วยเสียงเบาๆ

        “การสังหารเมื่อสิบปีก่อนเบาไปหน่อย ลุงเฮยไปบอกมู่หรงเวยว่าฉันไม่อยากถามเรื่องของตระกูลมู่หรงอะไรมากมายแต่ถ้าใครลงมือกับลูกสาวฉันอีก ฉันว่าให้ฉันรับช่วงตระกูลมู่หรงต่อจะดีกว่า”เมื่อเสียงทุ้มต่ำลอยออกมาผู้อาวุโสก็หายตัวไปในบ้านหลังนั้น

        “บอกตระกูลข่งว่าพวกเราจะร่วมมือกับพวกเขาถึงแค่ตรงนี้ ความร่วมมือทั้งหมดสิ้นสุดตรงนี้”ชายวันกลางคนพูดกับโทรศัพท์เสียงดัง

        “ใช่เลิกเปิดท่าเรือให้ตระกูลข่ง ถ้าพวกเขาจะฟ้องก็ให้พวกเขาฟ้องไปยังไงซะศาลก็เข้าข้างพวกเราอยู่แล้ว”

        “รีบเปิดการประชุมสมาชิกทุกคน ยกเว้นตระกูลข่ง ต้องเข้าร่วมเพื่อปรึกษากันเรื่องถอดถอนตระกูงข่ง”

         

        “บอกมา ใครไปหาเรื่องยายหนูนั่นอีก พวกแกบอกมาเป็นใครกันแน่”ในคฤหาสน์ตระกูลข่ง ผู้อาวุโสผมหงอกผู้หนึ่งตะคอกเสียงดังลั่น เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหัวหน้าตระกูลข่ง ข่งต้าเจียง

        “คุณปู่ตั้งแต่ท่านสั่งไม่ให้พวกเราไปหาเรื่องยายเด็กนั่นพวกเราก็หยุดการกระทำทุกอย่าง เรื่องในวันนี้พวกเราไม่ได้ให้ใครไปทำจริงๆนะ”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดเสียงเบา

        “อี้ฟู วันนี้มีแค่แกที่เห็นยายเด็กนั่น ใช่แกไหม”ข่งต้าเจียงถลึงตามองลูกชายตนเองแล้วถามขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ผมติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อแต่เป้าหมายไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ข่งอี้ฟูหลบตาแล้วพูดเบาๆ“วันนี้ที่บ้านท่านอาจารย์ เธอพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปไหว้อาจารย์ ท่านอาจารย์ชอบใจมาก ผมไม่พอใจว่ามันมีสิทธิ์อะไรกัน เสี่ยวเสวียนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าประตูใหญ่บ้านท่านอาจารย์ แต่เด็กบ้านั่นกลับทำได้”ข่งอี้ฟูพูดอย่างโหดเหี้ยม

        “แกเลยไปหาสมาพันธ์กุ่ยซื่อเพื่อจัดการเด็กนั่น?”ข่งต้าเจียงพูดเสียงดัง“จัดการเด็กนั่นต่อหน้ายายนั่น ยายเด็กนั่นเลยเข้าใจผิดว่าพวกเราจัดการเธอ? อี้ฟูอย่าหุนหันพลันแล่นไป”ข่งต้าเจียงส่ายศีรษะพร้อมกับพูด

        “พ่อครับยังมีวิธีแก้ไขอีกไหม บอกตระกูลมู่หรงได้ไหมว่าแม้วันนี้ผมจะติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อ แต่คนที่จะฆ่าไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ลูกชายหัวหน้าตระกูลข่งคนปัจจุบันพูดขึ้น

        “อะไรนะแกบอกว่านักฆ่าที่พวกแกส่งไปทำพลาดเหรอสิบล้าน? ทำไมถึงได้คิดว่าฉันจะเอาเงินของพวกแก พวกแกอยากได้เงินจนบ้าไปแล้วหรือเปล่า”ข่งอี้ฟูรับโทรศัพท์จู่ๆก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

        “อี้ฟูเกิดอะไรขึ้น”ข่งต้าเจียงเห็นลูกชายคนโปรดในใจตะโกนลั่นราวกับคนบ้าก็ถามขึ้นเบาๆ

        “บอกคนในตระกูลข่งทุกคนนะว่ายกเลิกกิจกรรมในช่วงนี้ทั้งหมด ทุกฝ่ายอยู่ในบ้านให้ดีๆ อี้ฟูแกไปติดต่อตระกูลกัวนะจัดการเรื่องให้เรียบร้อย เงินสิบล้านนี่พวกเราจ่ายเงินวันนี้ยกให้สมาพันธ์กุ่ยซื่อ”ข่งต้าเจียงส่ายพูดพลางศีรษะ

         

 

                                                                ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 38 ตระกูลข่งโกลาหล

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 38 ตระกูลข่งโกลาหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยจำไว้นะไปร้านเสื้อผ้าที่เราผ่านมาเมื่อกี้แล้วซื้อชุดกีฬาตัวนั้น จากนั้นก็ออกไปจากห้างด้วยอีกทางออกหนึ่ง รีบเรียกรถกลับโรงเรียนไป”กัวไฮว่พูดเบาๆด้วยความตระหนก“ฉันจะไปหาหมอนั่นที่ยิงปืนใส่พวกเรา”

        “เรา..เราไปด้วยกันเถอะ เขาอาจจะอยากทำฉันก็ได้”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“ขอฉันโทรศัพท์ก่อนแล้วเราไปด้วยกัน”

        “ยายหนูเรื่องแค่นี้คุณหนูตระกูลมู่หรงไม่ต้องตกใจหรอกเธอโทรไปก็ไม่ต้องซีเรียสหรอก ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาไปทำข่าวหรือเปล่าเชื่อฉันเถอะให้ฉันไปจัดการเองดีกว่า”พูดจบกัวไฮว่ก็จูบที่หน้าผากมู่หรงเวยเวยทีหนึ่ง

        “รับปากฉันนะ อย่าบาดเจ็บ”มู่หรงเวยเวยพูดกับกัวไฮว่เบาๆ

        “วางใจเถอะมือปืนเมื่อกี้หลบไปแล้วล่ะ อย่าลืมสิแฟนของเธอมีพลังพิเศษนะ“พูดจบกัวไฮว่ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “ตระกูลข่ง ดี ดีมาก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ชั้นไหน”กัวไฮว่พูดยิ้มๆกับชายวัยกลางคนใส่ชุดไปรเวทที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ไป

        “ชั้นเจ็ด ขอบใจ”ชายผู้นั้นมองกัวไฮว่แล้วยิ้มตอบ

        “ถึงชั้นเจ็ดแล้ว”ลิฟต์ลงมาไวมากจากชั้นสิบแปดมาถึงชั้นเจ็ดประมาณไม่กี่วินาที ในขณะที่ลิฟต์เปิดนั่นเองชายวัยกลางคนก็หันหน้ามามองกัวไฮว่อีกรอบ

        “ทำไมเป็นคุณอีกแล้วล่ะ ทำไมไม่ขึ้นลิฟต์ออกกำลังกายเหรอ”หน้าประตูลิฟต์ชั้นสี่กัวไฮว่ยืนหันหลังกับชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“ไม่ลองอีกเหรอ เอาปืนพกที่เอวคุณมาลองอีกสักช็อตสิ เมื่อกี้แม่นมากเลยนะ”

        “นี่ไอ้น้องแกหมายความว่าไง จำคนผิดหรือเปล่า”ชายวัยกลางคนพูดยิ้มๆมือสัมผัสเข้าที่ปืนพกของตัวเองตามสัญชาตญาณ

        “ปัง!”ในขณะที่เอาปืนพกออกมานั่นเองกระบี่เฟยเจี้ยนอันประณีตในมือของกัวไฮว่ก็ปัดปืนพกอินทรีลอยออกไป

        “หลิวเฟยนามแฝงจื่อต้านจากสมาพันธ์กุ่ยซื่อ อายุยี่สิบสามปี ลงมือมาแล้วเจ็ดสิบสองครั้ง ความผิดพลาดเป็นศูนย์ คราวนี้แกทำพลาดแล้วล่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แก..แกเป็นใครกันแน่ รู้ข้อมูลของฉันได้ยังไง”มือปืนพูดเสียงดัง ข้อมูลนักฆ่าของสมาพันธ์กุ่ยซื่อทุกคนล้วนแต่เป็นความลับ สองคนที่ร่วมมือกันก็รู้แค่รหัสของอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีคนรู้ชื่อแซ่จริงๆของพวกเขาได้

        “แกเตรียมจะฆ่าฉันแล้ว หรือว่าฉันจะรู้ชื่อแกหน่อยไม่ได้ แต่พวกแกนี่มันน่าผิดหวังจริงๆเลย ในสายตาของพวกแกชีวิตฉันมีค่าแค่สิบล้านเอง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “บอกมาเถอะแกจะเอายังไง ฉันยอมแพ้”มือปืนพูดเสียงดัง

        “หวังเฟยเฟย อายุยี่สิบเอ็ดปี สมาชิกทีมเต้นเยาวชนเมืองอู่เฉิง แกรู้จักใช่ไหม”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ไอ้หนูจะทำอะไรก็บอกมาตรงๆอย่าเอาเรื่องผู้หญิงมาพูด”จื่อต้านแทบจะเป็นบ้าในฐานะมือปืนเขารู้ว่าเขาอาจตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาทำผิดในสิ่งที่นักฆ่าไม่ควรทำ สะเทือนใจจริงๆ

        “ไปบอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะว่าชีวิตแกติดค้างหนี้ฉันอยู่ ให้พวกเขาเอาเงินในบัตรนี่ไปสิบล้าน อีกอย่างให้เขาไปบอกคนตระกูลข่งด้วยว่าต่อได้แต่บัญชี ครั้งหน้าไม่คิดง่ายแบบนี้แล้วนะ”พูดจบกัวไฮว่ก็โบกมือกระบี่เฟยเจี้ยนกลับเข้ามาในมืออีกครั้ง ตัวเองเดินออกไปนอกลิฟต์อย่างไม่สนใจใยดี

        ประมาณสิบนาทีกัวไฮว่ขวางเด็กผู้หญิงแต่งตัวตามกระแสคนหนึ่งอยู่ในตรอก

        “นามแฝงเลี่ยโก่ว ชื่อหลิงซวง อายุสิบเจ็ดปี สมาพันธ์ซื่อกุ่ย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เด็กสาวดูเหมือนว่าไม่ได้ฟังว่ากัวไฮว่พูดอะไรเพราะเธอใส่หูฟังอันใหญ่ไว้ในหู“ทำอะไรน่ะจะจีบฉันเหรอ”

        “หลินปิง อายุสิบห้าปี นักเรียนมอต้นโรงเรียนอู่เฉิง ถ้าเธออยากให้ใช้ชีวิตแลกอีกชีวิตก็เชิญเดินต่อได้เลย”กัวไฮว่พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “นาย..นายรู้ได้ยังไงว่าคนคนนั้นคือฉัน”เด็กสาวหยุดฝีเท้าแล้วพูดด้วยเสียงดัง“ขอร้องล่ะอย่าทำร้ายน้องสาวฉัน ถ้านายอยากจะแก้แค้นชีวิตนี้ฉันให้นาย”

        “สามสิบล้าน บอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะชีวิตเธอมีค่าสามสิบล้านเตรียมเงินมาก็พอแล้ว”พูดจบกัวไฮว่ก็หายตัวไปกลางตรอก

        “คุณหนูคุณแน่ใจนะคะว่าคนที่จะลงมือกับคุณคือคนที่ตระกูลข่งส่งมา”มู่หรงเวยเวยยืนอยู่กลางบ้านแบบโบราณแห่งหนึ่งผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

        “วันนี้ฉันเจอแค่ข่งอี้ฟูคนเดียว เรื่องของข่งเสวียนฉันไม่อยากจะพูดอะไรอีก พวกเธอไปจัดการเถอะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบก่อนจะหมุนตัวออกจากบ้านไป

        “คุณปู่สามทำยังไงดี”ผู้อาวุโสกลับไปในห้องแล้วพูดขึ้นกับเงามืดด้วยเสียงเบาๆ

        “การสังหารเมื่อสิบปีก่อนเบาไปหน่อย ลุงเฮยไปบอกมู่หรงเวยว่าฉันไม่อยากถามเรื่องของตระกูลมู่หรงอะไรมากมายแต่ถ้าใครลงมือกับลูกสาวฉันอีก ฉันว่าให้ฉันรับช่วงตระกูลมู่หรงต่อจะดีกว่า”เมื่อเสียงทุ้มต่ำลอยออกมาผู้อาวุโสก็หายตัวไปในบ้านหลังนั้น

        “บอกตระกูลข่งว่าพวกเราจะร่วมมือกับพวกเขาถึงแค่ตรงนี้ ความร่วมมือทั้งหมดสิ้นสุดตรงนี้”ชายวันกลางคนพูดกับโทรศัพท์เสียงดัง

        “ใช่เลิกเปิดท่าเรือให้ตระกูลข่ง ถ้าพวกเขาจะฟ้องก็ให้พวกเขาฟ้องไปยังไงซะศาลก็เข้าข้างพวกเราอยู่แล้ว”

        “รีบเปิดการประชุมสมาชิกทุกคน ยกเว้นตระกูลข่ง ต้องเข้าร่วมเพื่อปรึกษากันเรื่องถอดถอนตระกูงข่ง”

         

        “บอกมา ใครไปหาเรื่องยายหนูนั่นอีก พวกแกบอกมาเป็นใครกันแน่”ในคฤหาสน์ตระกูลข่ง ผู้อาวุโสผมหงอกผู้หนึ่งตะคอกเสียงดังลั่น เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหัวหน้าตระกูลข่ง ข่งต้าเจียง

        “คุณปู่ตั้งแต่ท่านสั่งไม่ให้พวกเราไปหาเรื่องยายเด็กนั่นพวกเราก็หยุดการกระทำทุกอย่าง เรื่องในวันนี้พวกเราไม่ได้ให้ใครไปทำจริงๆนะ”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดเสียงเบา

        “อี้ฟู วันนี้มีแค่แกที่เห็นยายเด็กนั่น ใช่แกไหม”ข่งต้าเจียงถลึงตามองลูกชายตนเองแล้วถามขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ผมติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อแต่เป้าหมายไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ข่งอี้ฟูหลบตาแล้วพูดเบาๆ“วันนี้ที่บ้านท่านอาจารย์ เธอพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปไหว้อาจารย์ ท่านอาจารย์ชอบใจมาก ผมไม่พอใจว่ามันมีสิทธิ์อะไรกัน เสี่ยวเสวียนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าประตูใหญ่บ้านท่านอาจารย์ แต่เด็กบ้านั่นกลับทำได้”ข่งอี้ฟูพูดอย่างโหดเหี้ยม

        “แกเลยไปหาสมาพันธ์กุ่ยซื่อเพื่อจัดการเด็กนั่น?”ข่งต้าเจียงพูดเสียงดัง“จัดการเด็กนั่นต่อหน้ายายนั่น ยายเด็กนั่นเลยเข้าใจผิดว่าพวกเราจัดการเธอ? อี้ฟูอย่าหุนหันพลันแล่นไป”ข่งต้าเจียงส่ายศีรษะพร้อมกับพูด

        “พ่อครับยังมีวิธีแก้ไขอีกไหม บอกตระกูลมู่หรงได้ไหมว่าแม้วันนี้ผมจะติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อ แต่คนที่จะฆ่าไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ลูกชายหัวหน้าตระกูลข่งคนปัจจุบันพูดขึ้น

        “อะไรนะแกบอกว่านักฆ่าที่พวกแกส่งไปทำพลาดเหรอสิบล้าน? ทำไมถึงได้คิดว่าฉันจะเอาเงินของพวกแก พวกแกอยากได้เงินจนบ้าไปแล้วหรือเปล่า”ข่งอี้ฟูรับโทรศัพท์จู่ๆก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

        “อี้ฟูเกิดอะไรขึ้น”ข่งต้าเจียงเห็นลูกชายคนโปรดในใจตะโกนลั่นราวกับคนบ้าก็ถามขึ้นเบาๆ

        “บอกคนในตระกูลข่งทุกคนนะว่ายกเลิกกิจกรรมในช่วงนี้ทั้งหมด ทุกฝ่ายอยู่ในบ้านให้ดีๆ อี้ฟูแกไปติดต่อตระกูลกัวนะจัดการเรื่องให้เรียบร้อย เงินสิบล้านนี่พวกเราจ่ายเงินวันนี้ยกให้สมาพันธ์กุ่ยซื่อ”ข่งต้าเจียงส่ายพูดพลางศีรษะ

         

 

                                                                ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 38 ตระกูลข่งโกลาหล

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 38 ตระกูลข่งโกลาหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยจำไว้นะไปร้านเสื้อผ้าที่เราผ่านมาเมื่อกี้แล้วซื้อชุดกีฬาตัวนั้น จากนั้นก็ออกไปจากห้างด้วยอีกทางออกหนึ่ง รีบเรียกรถกลับโรงเรียนไป”กัวไฮว่พูดเบาๆด้วยความตระหนก“ฉันจะไปหาหมอนั่นที่ยิงปืนใส่พวกเรา”

        “เรา..เราไปด้วยกันเถอะ เขาอาจจะอยากทำฉันก็ได้”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก“ขอฉันโทรศัพท์ก่อนแล้วเราไปด้วยกัน”

        “ยายหนูเรื่องแค่นี้คุณหนูตระกูลมู่หรงไม่ต้องตกใจหรอกเธอโทรไปก็ไม่ต้องซีเรียสหรอก ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาไปทำข่าวหรือเปล่าเชื่อฉันเถอะให้ฉันไปจัดการเองดีกว่า”พูดจบกัวไฮว่ก็จูบที่หน้าผากมู่หรงเวยเวยทีหนึ่ง

        “รับปากฉันนะ อย่าบาดเจ็บ”มู่หรงเวยเวยพูดกับกัวไฮว่เบาๆ

        “วางใจเถอะมือปืนเมื่อกี้หลบไปแล้วล่ะ อย่าลืมสิแฟนของเธอมีพลังพิเศษนะ“พูดจบกัวไฮว่ก็หมุนตัวเดินเข้าไปในศูนย์การค้า

        “ตระกูลข่ง ดี ดีมาก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ชั้นไหน”กัวไฮว่พูดยิ้มๆกับชายวัยกลางคนใส่ชุดไปรเวทที่เพิ่งขึ้นลิฟต์ไป

        “ชั้นเจ็ด ขอบใจ”ชายผู้นั้นมองกัวไฮว่แล้วยิ้มตอบ

        “ถึงชั้นเจ็ดแล้ว”ลิฟต์ลงมาไวมากจากชั้นสิบแปดมาถึงชั้นเจ็ดประมาณไม่กี่วินาที ในขณะที่ลิฟต์เปิดนั่นเองชายวัยกลางคนก็หันหน้ามามองกัวไฮว่อีกรอบ

        “ทำไมเป็นคุณอีกแล้วล่ะ ทำไมไม่ขึ้นลิฟต์ออกกำลังกายเหรอ”หน้าประตูลิฟต์ชั้นสี่กัวไฮว่ยืนหันหลังกับชายวัยกลางคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“ไม่ลองอีกเหรอ เอาปืนพกที่เอวคุณมาลองอีกสักช็อตสิ เมื่อกี้แม่นมากเลยนะ”

        “นี่ไอ้น้องแกหมายความว่าไง จำคนผิดหรือเปล่า”ชายวัยกลางคนพูดยิ้มๆมือสัมผัสเข้าที่ปืนพกของตัวเองตามสัญชาตญาณ

        “ปัง!”ในขณะที่เอาปืนพกออกมานั่นเองกระบี่เฟยเจี้ยนอันประณีตในมือของกัวไฮว่ก็ปัดปืนพกอินทรีลอยออกไป

        “หลิวเฟยนามแฝงจื่อต้านจากสมาพันธ์กุ่ยซื่อ อายุยี่สิบสามปี ลงมือมาแล้วเจ็ดสิบสองครั้ง ความผิดพลาดเป็นศูนย์ คราวนี้แกทำพลาดแล้วล่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แก..แกเป็นใครกันแน่ รู้ข้อมูลของฉันได้ยังไง”มือปืนพูดเสียงดัง ข้อมูลนักฆ่าของสมาพันธ์กุ่ยซื่อทุกคนล้วนแต่เป็นความลับ สองคนที่ร่วมมือกันก็รู้แค่รหัสของอีกฝ่ายเท่านั้น ไม่มีทางที่จะมีคนรู้ชื่อแซ่จริงๆของพวกเขาได้

        “แกเตรียมจะฆ่าฉันแล้ว หรือว่าฉันจะรู้ชื่อแกหน่อยไม่ได้ แต่พวกแกนี่มันน่าผิดหวังจริงๆเลย ในสายตาของพวกแกชีวิตฉันมีค่าแค่สิบล้านเอง”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “บอกมาเถอะแกจะเอายังไง ฉันยอมแพ้”มือปืนพูดเสียงดัง

        “หวังเฟยเฟย อายุยี่สิบเอ็ดปี สมาชิกทีมเต้นเยาวชนเมืองอู่เฉิง แกรู้จักใช่ไหม”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ไอ้หนูจะทำอะไรก็บอกมาตรงๆอย่าเอาเรื่องผู้หญิงมาพูด”จื่อต้านแทบจะเป็นบ้าในฐานะมือปืนเขารู้ว่าเขาอาจตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เขาทำผิดในสิ่งที่นักฆ่าไม่ควรทำ สะเทือนใจจริงๆ

        “ไปบอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะว่าชีวิตแกติดค้างหนี้ฉันอยู่ ให้พวกเขาเอาเงินในบัตรนี่ไปสิบล้าน อีกอย่างให้เขาไปบอกคนตระกูลข่งด้วยว่าต่อได้แต่บัญชี ครั้งหน้าไม่คิดง่ายแบบนี้แล้วนะ”พูดจบกัวไฮว่ก็โบกมือกระบี่เฟยเจี้ยนกลับเข้ามาในมืออีกครั้ง ตัวเองเดินออกไปนอกลิฟต์อย่างไม่สนใจใยดี

        ประมาณสิบนาทีกัวไฮว่ขวางเด็กผู้หญิงแต่งตัวตามกระแสคนหนึ่งอยู่ในตรอก

        “นามแฝงเลี่ยโก่ว ชื่อหลิงซวง อายุสิบเจ็ดปี สมาพันธ์ซื่อกุ่ย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เด็กสาวดูเหมือนว่าไม่ได้ฟังว่ากัวไฮว่พูดอะไรเพราะเธอใส่หูฟังอันใหญ่ไว้ในหู“ทำอะไรน่ะจะจีบฉันเหรอ”

        “หลินปิง อายุสิบห้าปี นักเรียนมอต้นโรงเรียนอู่เฉิง ถ้าเธออยากให้ใช้ชีวิตแลกอีกชีวิตก็เชิญเดินต่อได้เลย”กัวไฮว่พูดจบก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “นาย..นายรู้ได้ยังไงว่าคนคนนั้นคือฉัน”เด็กสาวหยุดฝีเท้าแล้วพูดด้วยเสียงดัง“ขอร้องล่ะอย่าทำร้ายน้องสาวฉัน ถ้านายอยากจะแก้แค้นชีวิตนี้ฉันให้นาย”

        “สามสิบล้าน บอกบอสใหญ่สมาพันธ์กุ่ยซื่อนะชีวิตเธอมีค่าสามสิบล้านเตรียมเงินมาก็พอแล้ว”พูดจบกัวไฮว่ก็หายตัวไปกลางตรอก

        “คุณหนูคุณแน่ใจนะคะว่าคนที่จะลงมือกับคุณคือคนที่ตระกูลข่งส่งมา”มู่หรงเวยเวยยืนอยู่กลางบ้านแบบโบราณแห่งหนึ่งผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

        “วันนี้ฉันเจอแค่ข่งอี้ฟูคนเดียว เรื่องของข่งเสวียนฉันไม่อยากจะพูดอะไรอีก พวกเธอไปจัดการเถอะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบก่อนจะหมุนตัวออกจากบ้านไป

        “คุณปู่สามทำยังไงดี”ผู้อาวุโสกลับไปในห้องแล้วพูดขึ้นกับเงามืดด้วยเสียงเบาๆ

        “การสังหารเมื่อสิบปีก่อนเบาไปหน่อย ลุงเฮยไปบอกมู่หรงเวยว่าฉันไม่อยากถามเรื่องของตระกูลมู่หรงอะไรมากมายแต่ถ้าใครลงมือกับลูกสาวฉันอีก ฉันว่าให้ฉันรับช่วงตระกูลมู่หรงต่อจะดีกว่า”เมื่อเสียงทุ้มต่ำลอยออกมาผู้อาวุโสก็หายตัวไปในบ้านหลังนั้น

        “บอกตระกูลข่งว่าพวกเราจะร่วมมือกับพวกเขาถึงแค่ตรงนี้ ความร่วมมือทั้งหมดสิ้นสุดตรงนี้”ชายวันกลางคนพูดกับโทรศัพท์เสียงดัง

        “ใช่เลิกเปิดท่าเรือให้ตระกูลข่ง ถ้าพวกเขาจะฟ้องก็ให้พวกเขาฟ้องไปยังไงซะศาลก็เข้าข้างพวกเราอยู่แล้ว”

        “รีบเปิดการประชุมสมาชิกทุกคน ยกเว้นตระกูลข่ง ต้องเข้าร่วมเพื่อปรึกษากันเรื่องถอดถอนตระกูงข่ง”

         

        “บอกมา ใครไปหาเรื่องยายหนูนั่นอีก พวกแกบอกมาเป็นใครกันแน่”ในคฤหาสน์ตระกูลข่ง ผู้อาวุโสผมหงอกผู้หนึ่งตะคอกเสียงดังลั่น เขาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นหัวหน้าตระกูลข่ง ข่งต้าเจียง

        “คุณปู่ตั้งแต่ท่านสั่งไม่ให้พวกเราไปหาเรื่องยายเด็กนั่นพวกเราก็หยุดการกระทำทุกอย่าง เรื่องในวันนี้พวกเราไม่ได้ให้ใครไปทำจริงๆนะ”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งพูดเสียงเบา

        “อี้ฟู วันนี้มีแค่แกที่เห็นยายเด็กนั่น ใช่แกไหม”ข่งต้าเจียงถลึงตามองลูกชายตนเองแล้วถามขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ผมติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อแต่เป้าหมายไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ข่งอี้ฟูหลบตาแล้วพูดเบาๆ“วันนี้ที่บ้านท่านอาจารย์ เธอพาเด็กหนุ่มคนหนึ่งไปไหว้อาจารย์ ท่านอาจารย์ชอบใจมาก ผมไม่พอใจว่ามันมีสิทธิ์อะไรกัน เสี่ยวเสวียนไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเข้าประตูใหญ่บ้านท่านอาจารย์ แต่เด็กบ้านั่นกลับทำได้”ข่งอี้ฟูพูดอย่างโหดเหี้ยม

        “แกเลยไปหาสมาพันธ์กุ่ยซื่อเพื่อจัดการเด็กนั่น?”ข่งต้าเจียงพูดเสียงดัง“จัดการเด็กนั่นต่อหน้ายายนั่น ยายเด็กนั่นเลยเข้าใจผิดว่าพวกเราจัดการเธอ? อี้ฟูอย่าหุนหันพลันแล่นไป”ข่งต้าเจียงส่ายศีรษะพร้อมกับพูด

        “พ่อครับยังมีวิธีแก้ไขอีกไหม บอกตระกูลมู่หรงได้ไหมว่าแม้วันนี้ผมจะติดต่อสมาพันธ์กุ่ยซื่อ แต่คนที่จะฆ่าไม่ใช่ยายเด็กนั่น”ลูกชายหัวหน้าตระกูลข่งคนปัจจุบันพูดขึ้น

        “อะไรนะแกบอกว่านักฆ่าที่พวกแกส่งไปทำพลาดเหรอสิบล้าน? ทำไมถึงได้คิดว่าฉันจะเอาเงินของพวกแก พวกแกอยากได้เงินจนบ้าไปแล้วหรือเปล่า”ข่งอี้ฟูรับโทรศัพท์จู่ๆก็ตะโกนเสียงดังขึ้นมา

        “อี้ฟูเกิดอะไรขึ้น”ข่งต้าเจียงเห็นลูกชายคนโปรดในใจตะโกนลั่นราวกับคนบ้าก็ถามขึ้นเบาๆ

        “บอกคนในตระกูลข่งทุกคนนะว่ายกเลิกกิจกรรมในช่วงนี้ทั้งหมด ทุกฝ่ายอยู่ในบ้านให้ดีๆ อี้ฟูแกไปติดต่อตระกูลกัวนะจัดการเรื่องให้เรียบร้อย เงินสิบล้านนี่พวกเราจ่ายเงินวันนี้ยกให้สมาพันธ์กุ่ยซื่อ”ข่งต้าเจียงส่ายพูดพลางศีรษะ

         

 

                                                                ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+