[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ เวยเวยมาหาพี่แล้วนะ” มู่หรงเวยเวยมองมู่หรงหลงที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งตัวเต็มไปด้วยท่อ น้ำตาก็อดไหลออกมาไม่ได้

        “ขอฉันดูเขาหน่อย” กัวไฮว่เดินก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปทาบบนข้อมือของเขา

        “เสี่ยวหลงเป็นยังไงบ้าง เธอพอมีวิธีไหม” มู่หรงกูเห็นกัวไฮว่เก็บมือกลับมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “เวยเวย เธอเอายานี่ให้พี่เขาอมไว้ในปาก ฉันขอคุยกับเขาหน่อย” กัวไฮว่ส่งยาลูกกลอนให้มู่หรงเวยเวยเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่มู่หรงกูแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณหนู คุณหมอชิวบอกแล้วว่าจะให้เสี่ยวหลงกินยามั่วซั่วไม่ได้” มู่หรงเหยียนพูดเตือน

        “ฉันเชื่อพี่ไฮว่” พูดเสร็จ มู่หรงเวยเวยก็เอายาลูกกลอนเข้าไปในปากของมู่หรงหลงอย่างระมัดระวัง

        “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พูดมาตรงๆ เถอะ” มู่หรงกูตามกัวไฮว่ออกมาแล้วถามขึ้น

        “เรื่องที่ผมจะบอกอย่าไปบอกใครนะ ช่วยตามหมอส่วนตัวของมู่หรงหลงมาตอนนี้เลย ให้คนที่คุณเชื่อใจที่สุดไปตามเขามา ตอนแรกก็นึกว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไร คุณเป็นพ่อแต่ไม่ได้เรื่องเลย ลูกชายถูกวางยายังไม่รู้อีก” กัวไฮว่มองมู่หรงกูแล้วพูดขึ้น

        “ฉันจะให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” มู่หรงกูพูดเบาๆ “ยังดี ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะ” มู่หรงกูเข้าใจที่กัวไฮว่บอกให้ตนออกมาแล้ว ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงเวยเวยรู้เรื่อง ถ้ามู่หรงเวยเวยรู้ว่าพี่ชายของตนเองถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวยเวยก็คงจะยิ่งตึงขึ้นไปอีก

        “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมจะรักษามู่หรงหลงให้หายดี แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มาก ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะมีบุญคุณหรือความแค้นกับใคร แต่ผมไม่อยากให้เรื่องนี้พัวพันไปถึงเวยเวย”

        “พี่ไฮว่ ยาที่พี่ให้เมื่อกี้เอาให้พี่หลงกินไปแล้ว แล้วนี่จะช่วยชีวิตพี่ชายได้ไหม” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “รอฉันอยู่ข้างนอก ให้เสี่ยวเฟยเข้ามา แล้วบอกกับพ่อเธอนะว่าเดี๋ยวพอหมอมาถึงก็ห้ามพูดอะไร คุมเขาให้ได้ก่อนก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันจะรักษาพี่เขยฉันให้ดีเอง หลังจากรักษาหายจะให้รางวัลอะไรเธอก็คิดดีๆ แล้วกัน ฮ่าๆ”

        “พี่ไฮว่ มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม” เมื่อมู่หรงเฟยได้ยินกัวไฮว่พูดชื่อตัวเอง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่มีอะไร แค่ตามให้นายมาอยู่คุยด้วยกันหน่อย ฉันว่างน่ะ อึดอัดไปหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อกี้ให้นายกินยาลูกกลอนไป เดี๋ยวฉันจะบอกกระบวนการฝึกจิตสักชุดหนึ่ง นายฝึกอยู่ในนี้แล้วกัน”

        “พี่ไฮว่ พี่แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี เมื่อกี้ผมคิดอยู่ตลอดเลยนะว่าพี่ฝึกมายังไงกัน ผมเริ่มฝึกการต่อสู้กับอาจารย์มาตั้งแต่ห้าขวบ ตามหลักแล้วไม่น่าจะต่างกับพี่มากขนาดนี้นะ” มู่หรงเฟยมองกัวไฮว่แล้วพูดเบาๆ

        “เพราะฉันเป็นเทพไงล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ตั้งใจฟังกระบวนการฝึกไว้ แล้วตั้งใจฝึก ฉันไปรักษาให้มู่หรงหลงก่อนล่ะ ฮ่าๆ”

        มู่หรงเฟยยิ้มพลางผงกศีรษะ เป็นเทพเหรอ คุณพี่ เห็นผมเป็นเด็กหรือไง ผมจะบอกอะไรให้ ผมเคยเรียนประถมมาแล้วนะ มาหลอกผมได้อย่างไรกัน

        “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน นายก็อย่าหลุดสมาธิ ถ้านายทำได้ นายก็จะรู้ข้อดีของมันเอง” กัวไฮว่บอกวิธีฝึกจิตกับมู่หหรงเฟยไป

        “ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็จะไม่สน” เมื่อมู่หรงเฟยพูดจบ เขาก็ไปทำสมาธิ

        “ฮ่าๆ เด็กบ้า ไม่เลวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นมามองไปยังมู่หรงหลงที่มีท่อพันเต็มตัว แล้วใช้สองมือดึงท่อพวกนั้นออก

        “พี่เขย ผมรู้ว่าสติของพี่ยังอยู่ครบ เดี๋ยวผมจะถอนพิษในร่างพี่ให้ แล้วพี่จะรู้ความลับของผม ผมเชื่อนะว่าพี่จะรักษาความลับของผมเอาไว้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับมู่หรงหลง

        “แรงเหมือนกันนะ พิษเข้าไขกระดูกไปแล้ว แถมยังแพร่ไปเรื่อยๆ อีก” กัวไฮว่เอาเข็มเงินออกมา แล้วฝังไปบนร่างของมู่หรงหลงแปดสิบเล่ม ถ้าหมอทั่วไปเห็นเข้าต้องตกใจเป็นแน่ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีฝังไปแล้วกว่าแปดสิบเอ็ดเข็ม

        “พลังในร่างกายยังแกร่งเช่นนี้ สลบไปนานแล้วยังจะบำเพ็ญตนอีก ฮ่าๆ น่าสนใจดี ในเมื่อพี่เองยังไม่ล้มเลิก ผมก็จะเก็บความสามารถของพี่เอาไว้ ใครใช้ให้ผมเป็นแฟนน้องสาวพี่ล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น กัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าหมอที่รักษามู่หรงหลงน่าจะถูกนำตัวมาแล้ว “ฉันไปถามหน่อยว่าพิษเก้าแมลงเก้าหญ้านี่ใช้ของอะไรกันแน่ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก”

        “เหล่าชิว เชิญนั่ง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ กับชายชราที่ใส่ชุดฉางเผา อายุราวหกสิบปี ท่าทางดูกระฉับเฉงผู้หนึ่ง

        “อากู แกให้คนรีบตามฉันมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอ อาการป่วยของเสี่ยวหลงแย่ลงเหรอ” ชายชรามองมู่หรงกูแล้วถามขึ้นเบาๆ “เด็กนี่น่าสงสารมากเลยที่ต้องมาเป็นโรคแบบนี้”

        “น่าสงสารจริงๆ เดิมยังพอมีหวังว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่กลับถูกหมอของตัวเองวางยา” กัวไฮว่เดินออกมาจากในห้องก็เห็นชิวอี้เจิน หมอส่วนตัวของมู่หรงหลง ผอ.โรงพยาบาลมหาลัยอู่เฉิงผู้มีชื่อเสียงทั้งยังเป็นรองหัวหน้าสมาคมการแพทย์จีน

        “อากู พ่อหนุ่มนี่ไม่คุ้นหน้าเลย แขกของแกเหรอ” ชิวอี้เจินมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังจะทำเป็นนิ่งอีก” กัวไฮว่เองก็ไม่เท่าไหร่ นั่งเผชิญหน้ากับชิวอี้เจิน “คุณเป็นหมอชาวเหมียว[1]ใช่ไหม”

        “ฉันเป็นชาวเหมียว ฉันอยากรู้ว่าที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร” ชิวอี้เจินเงยศีรษะมองกัวไฮว่พลางถามขึ้น

        “ถ้าคุณเป็นชาวเหมียว งั้นผมก็มั่นใจแล้วว่าเป็นพิษเก้าแมลงเก้าหญ้า คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ บอกมาเถอะ เก้าแมลงมีอะไรบ้าง ไม่ต้องมาพยายามหลอกผมนะ” กัวไฮว่เอาปืนพกมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นการประกัน

        “อากู แกเชื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ แต่ไม่เชื่อฉันเหรอ” ชิวอี้เจินถามอย่างไม่ตระหนกเลยแม้แต่นิด

        “เขาเป็นคนที่เวยเวยพามารักษาเสี่ยวหลง” มู่หรงกูพูดเบาๆ

        เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ลูกกระสุนยิงทะลุน่องของชิวอี้เจิน “เหนี่ยวไกไปแล้ว ครั้งนี้แค่น่อง ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีขนาดนี้อีก” มู่หรงกูเบิกตาโพล่ง เมื่อสักครู่เขาไม่ทันดูว่ากัวไฮว่หยิบปืนขึ้นมายิงได้อย่างไร

        “แกแน่ใจเหรอว่าฉันเป็นคนวางยา” ชิวอี้เจินกัดฟันพลางเบิกตาโพล่งแล้วถามขึ้น

        “อย่ามาถามผม ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคุณไหม คุณก็ไม่ต้องมายื้อเวลา มู่หรงหลงไม่ตายหรอก” กัวไฮว่หรี่ตาพูดพลางยื่นมือมาปิดรูกระสุนบนน่อง เลือดที่ไหลบนน่องจึงหยุดไหล

        “แกเป็นใคร!” ชิวอี้เจินมองไปยังน่องตนเองแล้วพูดขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ความสามารถในการใช้หนึ่งมือห้ามเลือดนั้น อยู่เหนือกว่าตนเองนัก

        “ไปตามพ่อครัวบ้านนี้มา” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของชิวอี้เจิน เขาพูดยิ้มๆ กับมู่หรงกู

        “คุณยังมีโอกาสสุดท้ายอยู่นะ ถ้าคุณไม่พูดแต่เขาพูด คุณได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ” กัวไฮว่มองชิวอี้เจินพลางพูดขึ้น

        “บอกฉันมาว่าแกเป็นใคร แล้วฉันจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าให้” ชิวอี้เจินกัดฟันพูดเบาๆ

        “ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ตายซะเถอะ ปัง!” ปืนถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ชิวอี้เจินไม่เข้าใจว่าตนกำลังจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าแล้ว ทำไมเขายังฆ่าตัวเองอีก แถมยังยิงเข้าที่หัว ที่ที่ยังคงเต็มไปด้วยความคิดสงสัยอีกด้วย

         

[1] ชนเผ่าเหมียวหรือชนเผ่าแม้ว เป็นชนกลุ่มน้อยในจีน มีถิ่นฐานในหลายบริเวณ เช่น กุ้ยโจว ยูนนาน หูหนาน เป็นต้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ เวยเวยมาหาพี่แล้วนะ” มู่หรงเวยเวยมองมู่หรงหลงที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งตัวเต็มไปด้วยท่อ น้ำตาก็อดไหลออกมาไม่ได้

        “ขอฉันดูเขาหน่อย” กัวไฮว่เดินก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปทาบบนข้อมือของเขา

        “เสี่ยวหลงเป็นยังไงบ้าง เธอพอมีวิธีไหม” มู่หรงกูเห็นกัวไฮว่เก็บมือกลับมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “เวยเวย เธอเอายานี่ให้พี่เขาอมไว้ในปาก ฉันขอคุยกับเขาหน่อย” กัวไฮว่ส่งยาลูกกลอนให้มู่หรงเวยเวยเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่มู่หรงกูแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณหนู คุณหมอชิวบอกแล้วว่าจะให้เสี่ยวหลงกินยามั่วซั่วไม่ได้” มู่หรงเหยียนพูดเตือน

        “ฉันเชื่อพี่ไฮว่” พูดเสร็จ มู่หรงเวยเวยก็เอายาลูกกลอนเข้าไปในปากของมู่หรงหลงอย่างระมัดระวัง

        “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พูดมาตรงๆ เถอะ” มู่หรงกูตามกัวไฮว่ออกมาแล้วถามขึ้น

        “เรื่องที่ผมจะบอกอย่าไปบอกใครนะ ช่วยตามหมอส่วนตัวของมู่หรงหลงมาตอนนี้เลย ให้คนที่คุณเชื่อใจที่สุดไปตามเขามา ตอนแรกก็นึกว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไร คุณเป็นพ่อแต่ไม่ได้เรื่องเลย ลูกชายถูกวางยายังไม่รู้อีก” กัวไฮว่มองมู่หรงกูแล้วพูดขึ้น

        “ฉันจะให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” มู่หรงกูพูดเบาๆ “ยังดี ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะ” มู่หรงกูเข้าใจที่กัวไฮว่บอกให้ตนออกมาแล้ว ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงเวยเวยรู้เรื่อง ถ้ามู่หรงเวยเวยรู้ว่าพี่ชายของตนเองถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวยเวยก็คงจะยิ่งตึงขึ้นไปอีก

        “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมจะรักษามู่หรงหลงให้หายดี แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มาก ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะมีบุญคุณหรือความแค้นกับใคร แต่ผมไม่อยากให้เรื่องนี้พัวพันไปถึงเวยเวย”

        “พี่ไฮว่ ยาที่พี่ให้เมื่อกี้เอาให้พี่หลงกินไปแล้ว แล้วนี่จะช่วยชีวิตพี่ชายได้ไหม” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “รอฉันอยู่ข้างนอก ให้เสี่ยวเฟยเข้ามา แล้วบอกกับพ่อเธอนะว่าเดี๋ยวพอหมอมาถึงก็ห้ามพูดอะไร คุมเขาให้ได้ก่อนก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันจะรักษาพี่เขยฉันให้ดีเอง หลังจากรักษาหายจะให้รางวัลอะไรเธอก็คิดดีๆ แล้วกัน ฮ่าๆ”

        “พี่ไฮว่ มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม” เมื่อมู่หรงเฟยได้ยินกัวไฮว่พูดชื่อตัวเอง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่มีอะไร แค่ตามให้นายมาอยู่คุยด้วยกันหน่อย ฉันว่างน่ะ อึดอัดไปหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อกี้ให้นายกินยาลูกกลอนไป เดี๋ยวฉันจะบอกกระบวนการฝึกจิตสักชุดหนึ่ง นายฝึกอยู่ในนี้แล้วกัน”

        “พี่ไฮว่ พี่แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี เมื่อกี้ผมคิดอยู่ตลอดเลยนะว่าพี่ฝึกมายังไงกัน ผมเริ่มฝึกการต่อสู้กับอาจารย์มาตั้งแต่ห้าขวบ ตามหลักแล้วไม่น่าจะต่างกับพี่มากขนาดนี้นะ” มู่หรงเฟยมองกัวไฮว่แล้วพูดเบาๆ

        “เพราะฉันเป็นเทพไงล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ตั้งใจฟังกระบวนการฝึกไว้ แล้วตั้งใจฝึก ฉันไปรักษาให้มู่หรงหลงก่อนล่ะ ฮ่าๆ”

        มู่หรงเฟยยิ้มพลางผงกศีรษะ เป็นเทพเหรอ คุณพี่ เห็นผมเป็นเด็กหรือไง ผมจะบอกอะไรให้ ผมเคยเรียนประถมมาแล้วนะ มาหลอกผมได้อย่างไรกัน

        “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน นายก็อย่าหลุดสมาธิ ถ้านายทำได้ นายก็จะรู้ข้อดีของมันเอง” กัวไฮว่บอกวิธีฝึกจิตกับมู่หหรงเฟยไป

        “ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็จะไม่สน” เมื่อมู่หรงเฟยพูดจบ เขาก็ไปทำสมาธิ

        “ฮ่าๆ เด็กบ้า ไม่เลวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นมามองไปยังมู่หรงหลงที่มีท่อพันเต็มตัว แล้วใช้สองมือดึงท่อพวกนั้นออก

        “พี่เขย ผมรู้ว่าสติของพี่ยังอยู่ครบ เดี๋ยวผมจะถอนพิษในร่างพี่ให้ แล้วพี่จะรู้ความลับของผม ผมเชื่อนะว่าพี่จะรักษาความลับของผมเอาไว้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับมู่หรงหลง

        “แรงเหมือนกันนะ พิษเข้าไขกระดูกไปแล้ว แถมยังแพร่ไปเรื่อยๆ อีก” กัวไฮว่เอาเข็มเงินออกมา แล้วฝังไปบนร่างของมู่หรงหลงแปดสิบเล่ม ถ้าหมอทั่วไปเห็นเข้าต้องตกใจเป็นแน่ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีฝังไปแล้วกว่าแปดสิบเอ็ดเข็ม

        “พลังในร่างกายยังแกร่งเช่นนี้ สลบไปนานแล้วยังจะบำเพ็ญตนอีก ฮ่าๆ น่าสนใจดี ในเมื่อพี่เองยังไม่ล้มเลิก ผมก็จะเก็บความสามารถของพี่เอาไว้ ใครใช้ให้ผมเป็นแฟนน้องสาวพี่ล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น กัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าหมอที่รักษามู่หรงหลงน่าจะถูกนำตัวมาแล้ว “ฉันไปถามหน่อยว่าพิษเก้าแมลงเก้าหญ้านี่ใช้ของอะไรกันแน่ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก”

        “เหล่าชิว เชิญนั่ง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ กับชายชราที่ใส่ชุดฉางเผา อายุราวหกสิบปี ท่าทางดูกระฉับเฉงผู้หนึ่ง

        “อากู แกให้คนรีบตามฉันมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอ อาการป่วยของเสี่ยวหลงแย่ลงเหรอ” ชายชรามองมู่หรงกูแล้วถามขึ้นเบาๆ “เด็กนี่น่าสงสารมากเลยที่ต้องมาเป็นโรคแบบนี้”

        “น่าสงสารจริงๆ เดิมยังพอมีหวังว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่กลับถูกหมอของตัวเองวางยา” กัวไฮว่เดินออกมาจากในห้องก็เห็นชิวอี้เจิน หมอส่วนตัวของมู่หรงหลง ผอ.โรงพยาบาลมหาลัยอู่เฉิงผู้มีชื่อเสียงทั้งยังเป็นรองหัวหน้าสมาคมการแพทย์จีน

        “อากู พ่อหนุ่มนี่ไม่คุ้นหน้าเลย แขกของแกเหรอ” ชิวอี้เจินมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังจะทำเป็นนิ่งอีก” กัวไฮว่เองก็ไม่เท่าไหร่ นั่งเผชิญหน้ากับชิวอี้เจิน “คุณเป็นหมอชาวเหมียว[1]ใช่ไหม”

        “ฉันเป็นชาวเหมียว ฉันอยากรู้ว่าที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร” ชิวอี้เจินเงยศีรษะมองกัวไฮว่พลางถามขึ้น

        “ถ้าคุณเป็นชาวเหมียว งั้นผมก็มั่นใจแล้วว่าเป็นพิษเก้าแมลงเก้าหญ้า คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ บอกมาเถอะ เก้าแมลงมีอะไรบ้าง ไม่ต้องมาพยายามหลอกผมนะ” กัวไฮว่เอาปืนพกมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นการประกัน

        “อากู แกเชื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ แต่ไม่เชื่อฉันเหรอ” ชิวอี้เจินถามอย่างไม่ตระหนกเลยแม้แต่นิด

        “เขาเป็นคนที่เวยเวยพามารักษาเสี่ยวหลง” มู่หรงกูพูดเบาๆ

        เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ลูกกระสุนยิงทะลุน่องของชิวอี้เจิน “เหนี่ยวไกไปแล้ว ครั้งนี้แค่น่อง ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีขนาดนี้อีก” มู่หรงกูเบิกตาโพล่ง เมื่อสักครู่เขาไม่ทันดูว่ากัวไฮว่หยิบปืนขึ้นมายิงได้อย่างไร

        “แกแน่ใจเหรอว่าฉันเป็นคนวางยา” ชิวอี้เจินกัดฟันพลางเบิกตาโพล่งแล้วถามขึ้น

        “อย่ามาถามผม ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคุณไหม คุณก็ไม่ต้องมายื้อเวลา มู่หรงหลงไม่ตายหรอก” กัวไฮว่หรี่ตาพูดพลางยื่นมือมาปิดรูกระสุนบนน่อง เลือดที่ไหลบนน่องจึงหยุดไหล

        “แกเป็นใคร!” ชิวอี้เจินมองไปยังน่องตนเองแล้วพูดขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ความสามารถในการใช้หนึ่งมือห้ามเลือดนั้น อยู่เหนือกว่าตนเองนัก

        “ไปตามพ่อครัวบ้านนี้มา” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของชิวอี้เจิน เขาพูดยิ้มๆ กับมู่หรงกู

        “คุณยังมีโอกาสสุดท้ายอยู่นะ ถ้าคุณไม่พูดแต่เขาพูด คุณได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ” กัวไฮว่มองชิวอี้เจินพลางพูดขึ้น

        “บอกฉันมาว่าแกเป็นใคร แล้วฉันจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าให้” ชิวอี้เจินกัดฟันพูดเบาๆ

        “ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ตายซะเถอะ ปัง!” ปืนถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ชิวอี้เจินไม่เข้าใจว่าตนกำลังจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าแล้ว ทำไมเขายังฆ่าตัวเองอีก แถมยังยิงเข้าที่หัว ที่ที่ยังคงเต็มไปด้วยความคิดสงสัยอีกด้วย

         

[1] ชนเผ่าเหมียวหรือชนเผ่าแม้ว เป็นชนกลุ่มน้อยในจีน มีถิ่นฐานในหลายบริเวณ เช่น กุ้ยโจว ยูนนาน หูหนาน เป็นต้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ เวยเวยมาหาพี่แล้วนะ” มู่หรงเวยเวยมองมู่หรงหลงที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งตัวเต็มไปด้วยท่อ น้ำตาก็อดไหลออกมาไม่ได้

        “ขอฉันดูเขาหน่อย” กัวไฮว่เดินก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปทาบบนข้อมือของเขา

        “เสี่ยวหลงเป็นยังไงบ้าง เธอพอมีวิธีไหม” มู่หรงกูเห็นกัวไฮว่เก็บมือกลับมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “เวยเวย เธอเอายานี่ให้พี่เขาอมไว้ในปาก ฉันขอคุยกับเขาหน่อย” กัวไฮว่ส่งยาลูกกลอนให้มู่หรงเวยเวยเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่มู่หรงกูแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณหนู คุณหมอชิวบอกแล้วว่าจะให้เสี่ยวหลงกินยามั่วซั่วไม่ได้” มู่หรงเหยียนพูดเตือน

        “ฉันเชื่อพี่ไฮว่” พูดเสร็จ มู่หรงเวยเวยก็เอายาลูกกลอนเข้าไปในปากของมู่หรงหลงอย่างระมัดระวัง

        “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พูดมาตรงๆ เถอะ” มู่หรงกูตามกัวไฮว่ออกมาแล้วถามขึ้น

        “เรื่องที่ผมจะบอกอย่าไปบอกใครนะ ช่วยตามหมอส่วนตัวของมู่หรงหลงมาตอนนี้เลย ให้คนที่คุณเชื่อใจที่สุดไปตามเขามา ตอนแรกก็นึกว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไร คุณเป็นพ่อแต่ไม่ได้เรื่องเลย ลูกชายถูกวางยายังไม่รู้อีก” กัวไฮว่มองมู่หรงกูแล้วพูดขึ้น

        “ฉันจะให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” มู่หรงกูพูดเบาๆ “ยังดี ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะ” มู่หรงกูเข้าใจที่กัวไฮว่บอกให้ตนออกมาแล้ว ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงเวยเวยรู้เรื่อง ถ้ามู่หรงเวยเวยรู้ว่าพี่ชายของตนเองถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวยเวยก็คงจะยิ่งตึงขึ้นไปอีก

        “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมจะรักษามู่หรงหลงให้หายดี แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มาก ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะมีบุญคุณหรือความแค้นกับใคร แต่ผมไม่อยากให้เรื่องนี้พัวพันไปถึงเวยเวย”

        “พี่ไฮว่ ยาที่พี่ให้เมื่อกี้เอาให้พี่หลงกินไปแล้ว แล้วนี่จะช่วยชีวิตพี่ชายได้ไหม” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “รอฉันอยู่ข้างนอก ให้เสี่ยวเฟยเข้ามา แล้วบอกกับพ่อเธอนะว่าเดี๋ยวพอหมอมาถึงก็ห้ามพูดอะไร คุมเขาให้ได้ก่อนก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันจะรักษาพี่เขยฉันให้ดีเอง หลังจากรักษาหายจะให้รางวัลอะไรเธอก็คิดดีๆ แล้วกัน ฮ่าๆ”

        “พี่ไฮว่ มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม” เมื่อมู่หรงเฟยได้ยินกัวไฮว่พูดชื่อตัวเอง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่มีอะไร แค่ตามให้นายมาอยู่คุยด้วยกันหน่อย ฉันว่างน่ะ อึดอัดไปหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อกี้ให้นายกินยาลูกกลอนไป เดี๋ยวฉันจะบอกกระบวนการฝึกจิตสักชุดหนึ่ง นายฝึกอยู่ในนี้แล้วกัน”

        “พี่ไฮว่ พี่แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี เมื่อกี้ผมคิดอยู่ตลอดเลยนะว่าพี่ฝึกมายังไงกัน ผมเริ่มฝึกการต่อสู้กับอาจารย์มาตั้งแต่ห้าขวบ ตามหลักแล้วไม่น่าจะต่างกับพี่มากขนาดนี้นะ” มู่หรงเฟยมองกัวไฮว่แล้วพูดเบาๆ

        “เพราะฉันเป็นเทพไงล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ตั้งใจฟังกระบวนการฝึกไว้ แล้วตั้งใจฝึก ฉันไปรักษาให้มู่หรงหลงก่อนล่ะ ฮ่าๆ”

        มู่หรงเฟยยิ้มพลางผงกศีรษะ เป็นเทพเหรอ คุณพี่ เห็นผมเป็นเด็กหรือไง ผมจะบอกอะไรให้ ผมเคยเรียนประถมมาแล้วนะ มาหลอกผมได้อย่างไรกัน

        “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน นายก็อย่าหลุดสมาธิ ถ้านายทำได้ นายก็จะรู้ข้อดีของมันเอง” กัวไฮว่บอกวิธีฝึกจิตกับมู่หหรงเฟยไป

        “ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็จะไม่สน” เมื่อมู่หรงเฟยพูดจบ เขาก็ไปทำสมาธิ

        “ฮ่าๆ เด็กบ้า ไม่เลวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นมามองไปยังมู่หรงหลงที่มีท่อพันเต็มตัว แล้วใช้สองมือดึงท่อพวกนั้นออก

        “พี่เขย ผมรู้ว่าสติของพี่ยังอยู่ครบ เดี๋ยวผมจะถอนพิษในร่างพี่ให้ แล้วพี่จะรู้ความลับของผม ผมเชื่อนะว่าพี่จะรักษาความลับของผมเอาไว้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับมู่หรงหลง

        “แรงเหมือนกันนะ พิษเข้าไขกระดูกไปแล้ว แถมยังแพร่ไปเรื่อยๆ อีก” กัวไฮว่เอาเข็มเงินออกมา แล้วฝังไปบนร่างของมู่หรงหลงแปดสิบเล่ม ถ้าหมอทั่วไปเห็นเข้าต้องตกใจเป็นแน่ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีฝังไปแล้วกว่าแปดสิบเอ็ดเข็ม

        “พลังในร่างกายยังแกร่งเช่นนี้ สลบไปนานแล้วยังจะบำเพ็ญตนอีก ฮ่าๆ น่าสนใจดี ในเมื่อพี่เองยังไม่ล้มเลิก ผมก็จะเก็บความสามารถของพี่เอาไว้ ใครใช้ให้ผมเป็นแฟนน้องสาวพี่ล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น กัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าหมอที่รักษามู่หรงหลงน่าจะถูกนำตัวมาแล้ว “ฉันไปถามหน่อยว่าพิษเก้าแมลงเก้าหญ้านี่ใช้ของอะไรกันแน่ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก”

        “เหล่าชิว เชิญนั่ง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ กับชายชราที่ใส่ชุดฉางเผา อายุราวหกสิบปี ท่าทางดูกระฉับเฉงผู้หนึ่ง

        “อากู แกให้คนรีบตามฉันมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอ อาการป่วยของเสี่ยวหลงแย่ลงเหรอ” ชายชรามองมู่หรงกูแล้วถามขึ้นเบาๆ “เด็กนี่น่าสงสารมากเลยที่ต้องมาเป็นโรคแบบนี้”

        “น่าสงสารจริงๆ เดิมยังพอมีหวังว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่กลับถูกหมอของตัวเองวางยา” กัวไฮว่เดินออกมาจากในห้องก็เห็นชิวอี้เจิน หมอส่วนตัวของมู่หรงหลง ผอ.โรงพยาบาลมหาลัยอู่เฉิงผู้มีชื่อเสียงทั้งยังเป็นรองหัวหน้าสมาคมการแพทย์จีน

        “อากู พ่อหนุ่มนี่ไม่คุ้นหน้าเลย แขกของแกเหรอ” ชิวอี้เจินมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังจะทำเป็นนิ่งอีก” กัวไฮว่เองก็ไม่เท่าไหร่ นั่งเผชิญหน้ากับชิวอี้เจิน “คุณเป็นหมอชาวเหมียว[1]ใช่ไหม”

        “ฉันเป็นชาวเหมียว ฉันอยากรู้ว่าที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร” ชิวอี้เจินเงยศีรษะมองกัวไฮว่พลางถามขึ้น

        “ถ้าคุณเป็นชาวเหมียว งั้นผมก็มั่นใจแล้วว่าเป็นพิษเก้าแมลงเก้าหญ้า คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ บอกมาเถอะ เก้าแมลงมีอะไรบ้าง ไม่ต้องมาพยายามหลอกผมนะ” กัวไฮว่เอาปืนพกมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นการประกัน

        “อากู แกเชื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ แต่ไม่เชื่อฉันเหรอ” ชิวอี้เจินถามอย่างไม่ตระหนกเลยแม้แต่นิด

        “เขาเป็นคนที่เวยเวยพามารักษาเสี่ยวหลง” มู่หรงกูพูดเบาๆ

        เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ลูกกระสุนยิงทะลุน่องของชิวอี้เจิน “เหนี่ยวไกไปแล้ว ครั้งนี้แค่น่อง ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีขนาดนี้อีก” มู่หรงกูเบิกตาโพล่ง เมื่อสักครู่เขาไม่ทันดูว่ากัวไฮว่หยิบปืนขึ้นมายิงได้อย่างไร

        “แกแน่ใจเหรอว่าฉันเป็นคนวางยา” ชิวอี้เจินกัดฟันพลางเบิกตาโพล่งแล้วถามขึ้น

        “อย่ามาถามผม ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคุณไหม คุณก็ไม่ต้องมายื้อเวลา มู่หรงหลงไม่ตายหรอก” กัวไฮว่หรี่ตาพูดพลางยื่นมือมาปิดรูกระสุนบนน่อง เลือดที่ไหลบนน่องจึงหยุดไหล

        “แกเป็นใคร!” ชิวอี้เจินมองไปยังน่องตนเองแล้วพูดขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ความสามารถในการใช้หนึ่งมือห้ามเลือดนั้น อยู่เหนือกว่าตนเองนัก

        “ไปตามพ่อครัวบ้านนี้มา” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของชิวอี้เจิน เขาพูดยิ้มๆ กับมู่หรงกู

        “คุณยังมีโอกาสสุดท้ายอยู่นะ ถ้าคุณไม่พูดแต่เขาพูด คุณได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ” กัวไฮว่มองชิวอี้เจินพลางพูดขึ้น

        “บอกฉันมาว่าแกเป็นใคร แล้วฉันจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าให้” ชิวอี้เจินกัดฟันพูดเบาๆ

        “ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ตายซะเถอะ ปัง!” ปืนถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ชิวอี้เจินไม่เข้าใจว่าตนกำลังจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าแล้ว ทำไมเขายังฆ่าตัวเองอีก แถมยังยิงเข้าที่หัว ที่ที่ยังคงเต็มไปด้วยความคิดสงสัยอีกด้วย

         

[1] ชนเผ่าเหมียวหรือชนเผ่าแม้ว เป็นชนกลุ่มน้อยในจีน มีถิ่นฐานในหลายบริเวณ เช่น กุ้ยโจว ยูนนาน หูหนาน เป็นต้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 60 พิษเก้าแมลงเก้าหญ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ เวยเวยมาหาพี่แล้วนะ” มู่หรงเวยเวยมองมู่หรงหลงที่นอนอยู่บนเตียง ทั้งตัวเต็มไปด้วยท่อ น้ำตาก็อดไหลออกมาไม่ได้

        “ขอฉันดูเขาหน่อย” กัวไฮว่เดินก้าวไปข้างหน้า ยื่นมือไปทาบบนข้อมือของเขา

        “เสี่ยวหลงเป็นยังไงบ้าง เธอพอมีวิธีไหม” มู่หรงกูเห็นกัวไฮว่เก็บมือกลับมาก็ถามขึ้นเบาๆ

        “เวยเวย เธอเอายานี่ให้พี่เขาอมไว้ในปาก ฉันขอคุยกับเขาหน่อย” กัวไฮว่ส่งยาลูกกลอนให้มู่หรงเวยเวยเม็ดหนึ่ง จากนั้นก็ชี้ไปที่มู่หรงกูแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “คุณหนู คุณหมอชิวบอกแล้วว่าจะให้เสี่ยวหลงกินยามั่วซั่วไม่ได้” มู่หรงเหยียนพูดเตือน

        “ฉันเชื่อพี่ไฮว่” พูดเสร็จ มู่หรงเวยเวยก็เอายาลูกกลอนเข้าไปในปากของมู่หรงหลงอย่างระมัดระวัง

        “มีเรื่องอะไรหรือเปล่า พูดมาตรงๆ เถอะ” มู่หรงกูตามกัวไฮว่ออกมาแล้วถามขึ้น

        “เรื่องที่ผมจะบอกอย่าไปบอกใครนะ ช่วยตามหมอส่วนตัวของมู่หรงหลงมาตอนนี้เลย ให้คนที่คุณเชื่อใจที่สุดไปตามเขามา ตอนแรกก็นึกว่าเป็นโรคร้ายแรงอะไร คุณเป็นพ่อแต่ไม่ได้เรื่องเลย ลูกชายถูกวางยายังไม่รู้อีก” กัวไฮว่มองมู่หรงกูแล้วพูดขึ้น

        “ฉันจะให้คนไปตามหมอมาเดี๋ยวนี้” มู่หรงกูพูดเบาๆ “ยังดี ครั้งนี้ขอบคุณเธอมากนะ” มู่หรงกูเข้าใจที่กัวไฮว่บอกให้ตนออกมาแล้ว ว่าเพื่อป้องกันไม่ให้มู่หรงเวยเวยรู้เรื่อง ถ้ามู่หรงเวยเวยรู้ว่าพี่ชายของตนเองถูกคนวางยาต่อหน้าต่อตา ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวยเวยก็คงจะยิ่งตึงขึ้นไปอีก

        “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอก ผมจะรักษามู่หรงหลงให้หายดี แต่ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้มาก ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะมีบุญคุณหรือความแค้นกับใคร แต่ผมไม่อยากให้เรื่องนี้พัวพันไปถึงเวยเวย”

        “พี่ไฮว่ ยาที่พี่ให้เมื่อกี้เอาให้พี่หลงกินไปแล้ว แล้วนี่จะช่วยชีวิตพี่ชายได้ไหม” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “รอฉันอยู่ข้างนอก ให้เสี่ยวเฟยเข้ามา แล้วบอกกับพ่อเธอนะว่าเดี๋ยวพอหมอมาถึงก็ห้ามพูดอะไร คุมเขาให้ได้ก่อนก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ฉันจะรักษาพี่เขยฉันให้ดีเอง หลังจากรักษาหายจะให้รางวัลอะไรเธอก็คิดดีๆ แล้วกัน ฮ่าๆ”

        “พี่ไฮว่ มีอะไรให้ผมช่วยบ้างไหม” เมื่อมู่หรงเฟยได้ยินกัวไฮว่พูดชื่อตัวเอง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามา แล้วถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่มีอะไร แค่ตามให้นายมาอยู่คุยด้วยกันหน่อย ฉันว่างน่ะ อึดอัดไปหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เมื่อกี้ให้นายกินยาลูกกลอนไป เดี๋ยวฉันจะบอกกระบวนการฝึกจิตสักชุดหนึ่ง นายฝึกอยู่ในนี้แล้วกัน”

        “พี่ไฮว่ พี่แก่กว่าผมแค่ไม่กี่ปี เมื่อกี้ผมคิดอยู่ตลอดเลยนะว่าพี่ฝึกมายังไงกัน ผมเริ่มฝึกการต่อสู้กับอาจารย์มาตั้งแต่ห้าขวบ ตามหลักแล้วไม่น่าจะต่างกับพี่มากขนาดนี้นะ” มู่หรงเฟยมองกัวไฮว่แล้วพูดเบาๆ

        “เพราะฉันเป็นเทพไงล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ตั้งใจฟังกระบวนการฝึกไว้ แล้วตั้งใจฝึก ฉันไปรักษาให้มู่หรงหลงก่อนล่ะ ฮ่าๆ”

        มู่หรงเฟยยิ้มพลางผงกศีรษะ เป็นเทพเหรอ คุณพี่ เห็นผมเป็นเด็กหรือไง ผมจะบอกอะไรให้ ผมเคยเรียนประถมมาแล้วนะ มาหลอกผมได้อย่างไรกัน

        “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉัน นายก็อย่าหลุดสมาธิ ถ้านายทำได้ นายก็จะรู้ข้อดีของมันเอง” กัวไฮว่บอกวิธีฝึกจิตกับมู่หหรงเฟยไป

        “ต่อให้ฟ้าถล่มลงมาผมก็จะไม่สน” เมื่อมู่หรงเฟยพูดจบ เขาก็ไปทำสมาธิ

        “ฮ่าๆ เด็กบ้า ไม่เลวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาลุกขึ้นมามองไปยังมู่หรงหลงที่มีท่อพันเต็มตัว แล้วใช้สองมือดึงท่อพวกนั้นออก

        “พี่เขย ผมรู้ว่าสติของพี่ยังอยู่ครบ เดี๋ยวผมจะถอนพิษในร่างพี่ให้ แล้วพี่จะรู้ความลับของผม ผมเชื่อนะว่าพี่จะรักษาความลับของผมเอาไว้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ กับมู่หรงหลง

        “แรงเหมือนกันนะ พิษเข้าไขกระดูกไปแล้ว แถมยังแพร่ไปเรื่อยๆ อีก” กัวไฮว่เอาเข็มเงินออกมา แล้วฝังไปบนร่างของมู่หรงหลงแปดสิบเล่ม ถ้าหมอทั่วไปเห็นเข้าต้องตกใจเป็นแน่ ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีฝังไปแล้วกว่าแปดสิบเอ็ดเข็ม

        “พลังในร่างกายยังแกร่งเช่นนี้ สลบไปนานแล้วยังจะบำเพ็ญตนอีก ฮ่าๆ น่าสนใจดี ในเมื่อพี่เองยังไม่ล้มเลิก ผมก็จะเก็บความสามารถของพี่เอาไว้ ใครใช้ให้ผมเป็นแฟนน้องสาวพี่ล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” เสียงเคาะประตูเบาๆ ดังขึ้น กัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าหมอที่รักษามู่หรงหลงน่าจะถูกนำตัวมาแล้ว “ฉันไปถามหน่อยว่าพิษเก้าแมลงเก้าหญ้านี่ใช้ของอะไรกันแน่ ความปลอดภัยต้องมาเป็นอันดับแรก”

        “เหล่าชิว เชิญนั่ง” มู่หรงกูพูดยิ้มๆ กับชายชราที่ใส่ชุดฉางเผา อายุราวหกสิบปี ท่าทางดูกระฉับเฉงผู้หนึ่ง

        “อากู แกให้คนรีบตามฉันมาขนาดนี้มีเรื่องอะไรเหรอ อาการป่วยของเสี่ยวหลงแย่ลงเหรอ” ชายชรามองมู่หรงกูแล้วถามขึ้นเบาๆ “เด็กนี่น่าสงสารมากเลยที่ต้องมาเป็นโรคแบบนี้”

        “น่าสงสารจริงๆ เดิมยังพอมีหวังว่าจะฟื้นขึ้นมาได้ แต่กลับถูกหมอของตัวเองวางยา” กัวไฮว่เดินออกมาจากในห้องก็เห็นชิวอี้เจิน หมอส่วนตัวของมู่หรงหลง ผอ.โรงพยาบาลมหาลัยอู่เฉิงผู้มีชื่อเสียงทั้งยังเป็นรองหัวหน้าสมาคมการแพทย์จีน

        “อากู พ่อหนุ่มนี่ไม่คุ้นหน้าเลย แขกของแกเหรอ” ชิวอี้เจินมองกัวไฮว่แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “เผชิญหน้ากับความตายแล้วยังจะทำเป็นนิ่งอีก” กัวไฮว่เองก็ไม่เท่าไหร่ นั่งเผชิญหน้ากับชิวอี้เจิน “คุณเป็นหมอชาวเหมียว[1]ใช่ไหม”

        “ฉันเป็นชาวเหมียว ฉันอยากรู้ว่าที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไร” ชิวอี้เจินเงยศีรษะมองกัวไฮว่พลางถามขึ้น

        “ถ้าคุณเป็นชาวเหมียว งั้นผมก็มั่นใจแล้วว่าเป็นพิษเก้าแมลงเก้าหญ้า คุณน่าจะรู้ดีกว่าผมนะ บอกมาเถอะ เก้าแมลงมีอะไรบ้าง ไม่ต้องมาพยายามหลอกผมนะ” กัวไฮว่เอาปืนพกมาวางไว้บนโต๊ะเพื่อเป็นการประกัน

        “อากู แกเชื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ แต่ไม่เชื่อฉันเหรอ” ชิวอี้เจินถามอย่างไม่ตระหนกเลยแม้แต่นิด

        “เขาเป็นคนที่เวยเวยพามารักษาเสี่ยวหลง” มู่หรงกูพูดเบาๆ

        เสียง “ปัง!” ดังขึ้น ลูกกระสุนยิงทะลุน่องของชิวอี้เจิน “เหนี่ยวไกไปแล้ว ครั้งนี้แค่น่อง ครั้งหน้าอาจจะไม่โชคดีขนาดนี้อีก” มู่หรงกูเบิกตาโพล่ง เมื่อสักครู่เขาไม่ทันดูว่ากัวไฮว่หยิบปืนขึ้นมายิงได้อย่างไร

        “แกแน่ใจเหรอว่าฉันเป็นคนวางยา” ชิวอี้เจินกัดฟันพลางเบิกตาโพล่งแล้วถามขึ้น

        “อย่ามาถามผม ผมไม่แน่ใจว่าเป็นคุณไหม คุณก็ไม่ต้องมายื้อเวลา มู่หรงหลงไม่ตายหรอก” กัวไฮว่หรี่ตาพูดพลางยื่นมือมาปิดรูกระสุนบนน่อง เลือดที่ไหลบนน่องจึงหยุดไหล

        “แกเป็นใคร!” ชิวอี้เจินมองไปยังน่องตนเองแล้วพูดขึ้นเบาๆ เด็กหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ไม่ธรรมดาเลย แต่ความสามารถในการใช้หนึ่งมือห้ามเลือดนั้น อยู่เหนือกว่าตนเองนัก

        “ไปตามพ่อครัวบ้านนี้มา” กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของชิวอี้เจิน เขาพูดยิ้มๆ กับมู่หรงกู

        “คุณยังมีโอกาสสุดท้ายอยู่นะ ถ้าคุณไม่พูดแต่เขาพูด คุณได้ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลยล่ะ” กัวไฮว่มองชิวอี้เจินพลางพูดขึ้น

        “บอกฉันมาว่าแกเป็นใคร แล้วฉันจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าให้” ชิวอี้เจินกัดฟันพูดเบาๆ

        “ในเมื่อสารภาพแล้ว ก็ตายซะเถอะ ปัง!” ปืนถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ชิวอี้เจินไม่เข้าใจว่าตนกำลังจะบอกตำรับยาแก้พิษเก้าแมลงเก้าหญ้าแล้ว ทำไมเขายังฆ่าตัวเองอีก แถมยังยิงเข้าที่หัว ที่ที่ยังคงเต็มไปด้วยความคิดสงสัยอีกด้วย

         

[1] ชนเผ่าเหมียวหรือชนเผ่าแม้ว เป็นชนกลุ่มน้อยในจีน มีถิ่นฐานในหลายบริเวณ เช่น กุ้ยโจว ยูนนาน หูหนาน เป็นต้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+