[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 166 ยากระตุ้นปราณ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 166 ยากระตุ้นปราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่กัวไฮว่กับหลิ่วเยียนหรือแม้แต่หลายคนในหัวซย่าต่างก็ไม่รู้ ว่าตระกูลใหญ่พวกนี้ยังคงสืบทอดกฎเก่าๆ ไว้อยู่หลายอย่าง อย่างเช่นมีเมียหลายคน เป็นต้น แม้จะบอกว่านับตั้งแต่รุ่นของเซวียนหยวนซยงเฟิง กฎมีเมียหลายคนนี่ต้องให้หัวหน้าตระกูลตกลงก่อน ทว่าในตระกูลเซวียนหยวนก็มีเมียหลายคนกันเยอะ

        “ฉันกับกัวไฮว่ไม่ได้ เป็นอะไรกันจริงๆ ฉันแต่มาเพราะธุระกับเขาน่ะ” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “เมียจ๋า คุยอะไรกันน่ะ ทำไมหน้าแดงเชียว” กัวไฮว่เดินเข้ามา คนใช้ที่อยู่ด้านหลังสามคนก็ยกจานใบใหญ่สามจานเดินตามเข้ามาอยู่ด้านหลัง “นายท่าน ผมไม่ได้เอาเนื้อแห้งมาเยอะ ผมเลยทำให้พวกคุณได้แค่สามจาน ชิมดูสิ”

        “พ่อหนุ่ม เธออย่ามาหลอกฉันนะ เมื่อวานฉันกินมันไปแล้ว” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ จากนั้นก็คีบเนื้อชิ้นหนาๆ เข้าไปในปาก ทางเซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่ตื่นเต้นเป็นที่สุด ทั้งสองคนไม่ได้เป็นผู้ดิบผู้ดีขนาดนั้น พวกเขาหยิบถ้วยใบเล็กขึ้นมา จากนั้นก็ตักเนื้อเกินครึ่งถ้วยเข้าไปในถ้วยของตน

        “เด็กเวร เด็กเวรกันทั้งหมด นี่มันของฉันนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงเคี้ยวไปได้แค่คำเดียวก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าสาม ฉันเห็นแกยังจะกล้าคีบอีก”

        “คุณปู่ ก็ไม่ใช่ของดีอะไรสักหน่อย ปู่กินเนื้อไป พวกเราก็กินอย่างอื่นกัน ไม่เห็นต้องไล่พวกเราไปนี่นา” หูเม่ยเอ๋อร์มองเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับพูดขึ้น

        “ใช่ พวกแกห้ามแตะสามจานนี้แล้ว ของฉันทั้งนั้น พวกแกค่อยๆ กินไปนะ ฉันจะกลับห้องใต้หลังคาแล้ว” ในขณะที่พูด เซวียนหยวนซยงเฟิงก็รวบรวมอาหารทั้งสามจานไว้ในจานเดียว จากนั้นก็ยกจานวิ่งกลับไปยังห้องใต้หลังคาด้วยตัวเอง

        “เสี่ยวเหว่ย อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ชิมหน่อยสิ” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดพลางคีบเนื้อจากในถ้วยของเซวียนหยวนเวยมาชิ้นหนึ่ง

        “พวกแกกินไปเถอะ ฉันมีธุระ ไปก่อนล่ะ” เซวียนหยวนหู่เห็นว่าอาสามมองถ้วยของตนตาไม่กระพริบ ก็หยิบถ้วยของตนเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก

        “วางถ้วยไว้นี่” เซวียนหยวนเผิงพูดเสียงดังพร้อมกับจับเซวียนหยวนหู่เอาไว้ พ่อรังแกลูก ลูกก็รังแกหลาน เป็นดั่งสัจธรรม เซวียนหยวนเผิงพูดพลางแย่งถ้วยกลับ และเดินก้าวออกไปจากโถงรับแขกโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องไห้ดังลั่นของเซวียนหยวนหู่

        “เสี่ยวเหว่ย มองอะไรอีก ในนี้ฉันใหญ่สุด เอาถ้วยมาให้ฉัน” เซวียนหยวนเถิงเฟยแย่งถ้วยใบเล็กมาโดยไม่ได้สนใจว่าเซวียนหยวนเหว่ยตกลงหรือไม่ “เสี่ยวเหว่ย ฉันไม่กินหรอก ฉันจะเอาไปให้พี่สะใภ้แก พี่สะใภ้แกเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอ ขอบคุณแกมากนะ” พูดเสร็จเซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งออกจากโถงรับแขกไปอย่างรวดเร็ว

        “เฮ้อ โทษฉันแล้วกัน กินข้าวกันอยู่ดีๆ ก็เป็นแบบนี้” กัวไฮว่เห็นว่าแต่ละคนมีท่าทีที่แตกต่างกันไป แต่ก็ไม่ได้กระทบกับที่ตัวเองทานอาหารเลยสักนิด ในขณะที่ทุกคนต่างก็แย่งเนื้อกันอยู่นั่นเอง ก็ไม่รู้ว่ามีเนื้ออยู่ในจานเล็กๆ สี่จานตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยภายในจานมีชิ้นเนื้อขนาดพอๆ กันวางเรียงรายอยู่อย่างประณีต

        “พี่ไฮว่ เมื่อกี้ผมช่วยพี่พาพี่สะใภ้มา พี่ว่าควรให้เนื้อผมกินหน่อยไหม ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงเติบโตนะ แบ่งให้ผมหน่อยสิ” เซวียนหยวนหู่มองจานใบเล็กที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ด้วยสายตาเป็นประกาย

        “อยากกินพวกนายก็บอกมาสิ ไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าพวกนายอยากกิน” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็นำเนื้อไปให้ในจานรองที่อยู่ตรงหน้าทุกคน ทำเอาทุกคนรีบกินกันราวกับได้รับสมบัติล้ำค่ามาอย่างไรอย่างนั้น

        “คนบ้า แต่งกับนายแล้วจะได้กินของอร่อยๆ แบบนี้ทุกวันหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะแต่งกับนาย จะเป็นคนที่เท่าไหร่ก็ตามแต่” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนพูดไปกินไป

        “เด็กผู้หญิงเมืองหลวงนี่เปิดกว้างกันดีจริงๆ เลย” กัวไฮว่กับหลิ่วเยียนมองตาแล้วก็พูดขึ้นพร้อมกัน ทว่าหลิ่วเยียนเองก็มีความคิดอยากที่จะแต่งงานกับเด็กบ้านี่เหมือนกัน ของกินดีๆเพียบ นิสัยก็ไม่เลว นอกจากว่าจะเจ้าชู้ไปนิด อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร อันที่จริงแต่งกับเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว

        มื้อเช้าทานกันไปอย่างไม่เลวเลย กัวไฮว่คุยกับหลิ่วเยียนไปอย่างง่ายๆ บนโต๊ะอาหาร หลิ่วเยียนได้ครองสิทธิ์ในการดำเนินงานประมูลหัวซย่าในเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานประมูลหัวซย่าจะมีหลิ่วเยียนซึ่งเป็นผู้ดำเนินที่อู่เฉิง ให้เธอมีสิทธิ์รับผิดชอบกิจกรรมประมูลในเมืองหลวงของกัวไฮว่

        “ตาบ้า สามวันหลังจากนี้ห้างประมูลของพวกเราจะมีงานประมูลขนาดใหญ่ที่หอประชุมเฉินเฟิงในเมืองหลวง งานประมูลครั้งนี้เตรียมการมานานแล้วล่ะ ไม่เพียงแต่จะมีตระกูลใหญ่หลายตระกูลของเมืองหลวงมานะ คนจากที่อื่นๆ ในหัวซย่าก็มากันเยอะ ของที่นายจะเอามาประมูล น่าจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำเลยล่ะ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆ

        “ยากันแก่สามเม็ด ยากระตุ้นปราณสามเม็ด ยาผิวหิมะสามเม็ด จะประมูลได้เท่าไหร่ก็ช่าง ฉันต้องการเส้นสาย เมียจ๋า เรื่องนี้เธอช่วยฉันจัดการหน่อยเถอะ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม

        “ยาผิวหิมะนี่ฉันรู้จัก ยากันแก่นายก็เคยพูดถึง แต่ยากระตุ้นปราณนี่ช่วยอะไรเหรอ” หลิ่วเยียนถามเบาๆ

        “ทำให้คนที่อายุต่ำกว่าสิบแปดปีที่อยู่ขั้นสุดยอดของขั้นโฮ่วเทียน[1] ได้ สำหรับการบำเพ็ญเพียรแล้ว ผมว่าในงานประมูลของพวกคุณน่าจะมีคนรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “อะแฮ่มๆๆ พี่ใหญ่ พี่รัก ยากระตุ้นปราณที่พี่พูดกับพี่สะใภ้นั่นจริงเหรอ ถ้ามีจริงๆ พี่บอกมาเลยว่าราคาเท่าไหร่ ผมซื้อ ผมซื้อเม็ดนึง” เซวียนหยวนหู่พูดด้วยเสียงดัง

        “หู่จื่อ ไม่เลวเลยนะ ฉันรู้ว่าร่างกายนายไม่ค่อยดี แต่ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ขั้นสุดยอดโฮ่วเทียนแล้ว ฮ่าๆ” กัวไฮว่มองเด็กหนุ่มท่าทางอ้อนแอ้นที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ไม่พูดกับพี่แล้ว ผมจะไปหาคุณปู่ ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ต้องประมูลมาให้ได้” เซวียนหยวนหู่พูดพลางวิ่งออกไป

        “น้องไฮว่ นายพูดจริงเหรอ” เซวียนหยวนเถิงเฟยมีแรงกล้ายิ่งกว่าเซวียนหยวนหู่ และรู้เกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรมาหน่อยนึง เพราะเขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งเหมือนกัน อยู่ขั้นโฮ่วเทียนระยะกลาง เขาย่อมรู้ค่าของยากระตุ้นปราณนี้ดี ถ้าเอายากระตุ้นปราณสามเม็ดนี่มาได้จริง และหากตระกูลเซวียนหยวนปะทะกับตระกูลกู่ คงจะแกร่งกว่าในตอนนี้เยอะ

        “ของเล่นเล็กน้อยน่ะครับ พวกผู้ใหญ่ในสำนักให้มา ผมไม่เคยลองหรอก แต่พวกเขาบอกว่าได้ผลไม่เลวเลย ไม่น่าจะเป็นของปลอม เมียผมก็รู้ว่ายาลูกกลอนที่ขายอยู่ในเมืองอู่เฉิงเป็นของผมทั้งนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “น้องไฮว่ พวกเธอกินช้าๆ กันก่อนนะ ฉันจะไปหาคุณปู่” พูดเสร็จ เซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งออกไป

        “เมียจ๋า เรื่องนี้ฉันให้เธอไปจัดการนะ จริงสิ ในเมื่อครั้งนี้จะเล่นใหญ่ ฉันจะให้ประมูลเหล้าสามสิบจินด้วย ประมูลในนามคลินิกไม่ ผ่านไปอีกพักหนึ่งฉันอยากจะเปิดสาขาคลินิกที่เมืองหลวง ดูไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หลิ่วเยียนผงกศีรษะเล็กน้อย สงสัยต้องโฆษณางานประมูลในครั้งนี้ใหม่เสียแล้ว พวกมีเงินในเมืองหลวง เตรียมเงินไว้ให้ดีเถอะ

        เซวียนหยวนซยงเฟิงที่กำลังทานอาหารอยู่ที่ห้องใต้หลังคาเห็นว่าเซวียนหยวนหู่ผู้เป็นหลานชายของตนเองวิ่งมาด้วยหน้าตาดีอกดีใจ ก็กินไปอีกสองสามคำจากนั้นก็ลงมาจากห้องใต้หลังตา

        “ปู่ครับ ผมมีความหวังจะบรรลุเขตแดนโฮ่วเทียนเข้าสู่เซียนเทียนแล้วล่ะ ปู่รีบออกมาเร็ว” เซวียนหยวนหู่ตะโกนเสียงดังลั่น

        “เด็กนี่ ว่าไงนะ เซียนเทียนโฮ่วเทียนอะไรนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเสียงดังจนตัวเองก็พลอยตอบกลับไปอย่างดีอกดีใจด้วยเช่นกัน “เด็กบ้า แกว่าไงนะ มีความหวังจะบรรลุแล้ว”

        เซวียนหยวนเล่าที่กัวไฮว่พูดเมื่อสักครู่ให้เซวียนหยวนซยงเฟิงฟังอย่างไม่อ้อมค้อม ในขณะนี้เองเซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งเข้ามา

        “ให้กัวไฮว่มาพบฉันที่นี่” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ไม่ ฉันไปเอง ฉันจะไปหาเขา แกไปบอกให้พ่อแกกับอาๆ ของแกมานี่ บอกพวกเขาไปว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุย” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดพลางเดินออกไปจากห้องใต้หลังคา

         

[1] เป็นชั้นก่อนที่จะบรรลุไปขั้นเขตแดนเซียนเทียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 166 ยากระตุ้นปราณ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 166 ยากระตุ้นปราณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        อันที่จริงมีสิ่งหนึ่งที่กัวไฮว่กับหลิ่วเยียนหรือแม้แต่หลายคนในหัวซย่าต่างก็ไม่รู้ ว่าตระกูลใหญ่พวกนี้ยังคงสืบทอดกฎเก่าๆ ไว้อยู่หลายอย่าง อย่างเช่นมีเมียหลายคน เป็นต้น แม้จะบอกว่านับตั้งแต่รุ่นของเซวียนหยวนซยงเฟิง กฎมีเมียหลายคนนี่ต้องให้หัวหน้าตระกูลตกลงก่อน ทว่าในตระกูลเซวียนหยวนก็มีเมียหลายคนกันเยอะ

        “ฉันกับกัวไฮว่ไม่ได้ เป็นอะไรกันจริงๆ ฉันแต่มาเพราะธุระกับเขาน่ะ” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “เมียจ๋า คุยอะไรกันน่ะ ทำไมหน้าแดงเชียว” กัวไฮว่เดินเข้ามา คนใช้ที่อยู่ด้านหลังสามคนก็ยกจานใบใหญ่สามจานเดินตามเข้ามาอยู่ด้านหลัง “นายท่าน ผมไม่ได้เอาเนื้อแห้งมาเยอะ ผมเลยทำให้พวกคุณได้แค่สามจาน ชิมดูสิ”

        “พ่อหนุ่ม เธออย่ามาหลอกฉันนะ เมื่อวานฉันกินมันไปแล้ว” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดยิ้มๆ จากนั้นก็คีบเนื้อชิ้นหนาๆ เข้าไปในปาก ทางเซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่ตื่นเต้นเป็นที่สุด ทั้งสองคนไม่ได้เป็นผู้ดิบผู้ดีขนาดนั้น พวกเขาหยิบถ้วยใบเล็กขึ้นมา จากนั้นก็ตักเนื้อเกินครึ่งถ้วยเข้าไปในถ้วยของตน

        “เด็กเวร เด็กเวรกันทั้งหมด นี่มันของฉันนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงเคี้ยวไปได้แค่คำเดียวก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง “หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้าสาม ฉันเห็นแกยังจะกล้าคีบอีก”

        “คุณปู่ ก็ไม่ใช่ของดีอะไรสักหน่อย ปู่กินเนื้อไป พวกเราก็กินอย่างอื่นกัน ไม่เห็นต้องไล่พวกเราไปนี่นา” หูเม่ยเอ๋อร์มองเซวียนหยวนซยงเฟิงพร้อมกับพูดขึ้น

        “ใช่ พวกแกห้ามแตะสามจานนี้แล้ว ของฉันทั้งนั้น พวกแกค่อยๆ กินไปนะ ฉันจะกลับห้องใต้หลังคาแล้ว” ในขณะที่พูด เซวียนหยวนซยงเฟิงก็รวบรวมอาหารทั้งสามจานไว้ในจานเดียว จากนั้นก็ยกจานวิ่งกลับไปยังห้องใต้หลังคาด้วยตัวเอง

        “เสี่ยวเหว่ย อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ชิมหน่อยสิ” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดพลางคีบเนื้อจากในถ้วยของเซวียนหยวนเวยมาชิ้นหนึ่ง

        “พวกแกกินไปเถอะ ฉันมีธุระ ไปก่อนล่ะ” เซวียนหยวนหู่เห็นว่าอาสามมองถ้วยของตนตาไม่กระพริบ ก็หยิบถ้วยของตนเตรียมจะเดินออกไปข้างนอก

        “วางถ้วยไว้นี่” เซวียนหยวนเผิงพูดเสียงดังพร้อมกับจับเซวียนหยวนหู่เอาไว้ พ่อรังแกลูก ลูกก็รังแกหลาน เป็นดั่งสัจธรรม เซวียนหยวนเผิงพูดพลางแย่งถ้วยกลับ และเดินก้าวออกไปจากโถงรับแขกโดยไม่ได้สนใจเสียงร้องไห้ดังลั่นของเซวียนหยวนหู่

        “เสี่ยวเหว่ย มองอะไรอีก ในนี้ฉันใหญ่สุด เอาถ้วยมาให้ฉัน” เซวียนหยวนเถิงเฟยแย่งถ้วยใบเล็กมาโดยไม่ได้สนใจว่าเซวียนหยวนเหว่ยตกลงหรือไม่ “เสี่ยวเหว่ย ฉันไม่กินหรอก ฉันจะเอาไปให้พี่สะใภ้แก พี่สะใภ้แกเพิ่งคลอดลูก ร่างกายยังอ่อนแอ ขอบคุณแกมากนะ” พูดเสร็จเซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งออกจากโถงรับแขกไปอย่างรวดเร็ว

        “เฮ้อ โทษฉันแล้วกัน กินข้าวกันอยู่ดีๆ ก็เป็นแบบนี้” กัวไฮว่เห็นว่าแต่ละคนมีท่าทีที่แตกต่างกันไป แต่ก็ไม่ได้กระทบกับที่ตัวเองทานอาหารเลยสักนิด ในขณะที่ทุกคนต่างก็แย่งเนื้อกันอยู่นั่นเอง ก็ไม่รู้ว่ามีเนื้ออยู่ในจานเล็กๆ สี่จานตั้งแต่เมื่อไหร่ โดยภายในจานมีชิ้นเนื้อขนาดพอๆ กันวางเรียงรายอยู่อย่างประณีต

        “พี่ไฮว่ เมื่อกี้ผมช่วยพี่พาพี่สะใภ้มา พี่ว่าควรให้เนื้อผมกินหน่อยไหม ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงเติบโตนะ แบ่งให้ผมหน่อยสิ” เซวียนหยวนหู่มองจานใบเล็กที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ด้วยสายตาเป็นประกาย

        “อยากกินพวกนายก็บอกมาสิ ไม่บอกแล้วฉันจะรู้ได้ยังไงว่าพวกนายอยากกิน” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็นำเนื้อไปให้ในจานรองที่อยู่ตรงหน้าทุกคน ทำเอาทุกคนรีบกินกันราวกับได้รับสมบัติล้ำค่ามาอย่างไรอย่างนั้น

        “คนบ้า แต่งกับนายแล้วจะได้กินของอร่อยๆ แบบนี้ทุกวันหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันก็จะแต่งกับนาย จะเป็นคนที่เท่าไหร่ก็ตามแต่” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนพูดไปกินไป

        “เด็กผู้หญิงเมืองหลวงนี่เปิดกว้างกันดีจริงๆ เลย” กัวไฮว่กับหลิ่วเยียนมองตาแล้วก็พูดขึ้นพร้อมกัน ทว่าหลิ่วเยียนเองก็มีความคิดอยากที่จะแต่งงานกับเด็กบ้านี่เหมือนกัน ของกินดีๆเพียบ นิสัยก็ไม่เลว นอกจากว่าจะเจ้าชู้ไปนิด อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร อันที่จริงแต่งกับเขาก็ไม่เลวเลยทีเดียว

        มื้อเช้าทานกันไปอย่างไม่เลวเลย กัวไฮว่คุยกับหลิ่วเยียนไปอย่างง่ายๆ บนโต๊ะอาหาร หลิ่วเยียนได้ครองสิทธิ์ในการดำเนินงานประมูลหัวซย่าในเมืองหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว งานประมูลหัวซย่าจะมีหลิ่วเยียนซึ่งเป็นผู้ดำเนินที่อู่เฉิง ให้เธอมีสิทธิ์รับผิดชอบกิจกรรมประมูลในเมืองหลวงของกัวไฮว่

        “ตาบ้า สามวันหลังจากนี้ห้างประมูลของพวกเราจะมีงานประมูลขนาดใหญ่ที่หอประชุมเฉินเฟิงในเมืองหลวง งานประมูลครั้งนี้เตรียมการมานานแล้วล่ะ ไม่เพียงแต่จะมีตระกูลใหญ่หลายตระกูลของเมืองหลวงมานะ คนจากที่อื่นๆ ในหัวซย่าก็มากันเยอะ ของที่นายจะเอามาประมูล น่าจะได้เงินเป็นกอบเป็นกำเลยล่ะ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆ

        “ยากันแก่สามเม็ด ยากระตุ้นปราณสามเม็ด ยาผิวหิมะสามเม็ด จะประมูลได้เท่าไหร่ก็ช่าง ฉันต้องการเส้นสาย เมียจ๋า เรื่องนี้เธอช่วยฉันจัดการหน่อยเถอะ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม

        “ยาผิวหิมะนี่ฉันรู้จัก ยากันแก่นายก็เคยพูดถึง แต่ยากระตุ้นปราณนี่ช่วยอะไรเหรอ” หลิ่วเยียนถามเบาๆ

        “ทำให้คนที่อายุต่ำกว่าสิบแปดปีที่อยู่ขั้นสุดยอดของขั้นโฮ่วเทียน[1] ได้ สำหรับการบำเพ็ญเพียรแล้ว ผมว่าในงานประมูลของพวกคุณน่าจะมีคนรู้นะว่าเกิดอะไรขึ้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “อะแฮ่มๆๆ พี่ใหญ่ พี่รัก ยากระตุ้นปราณที่พี่พูดกับพี่สะใภ้นั่นจริงเหรอ ถ้ามีจริงๆ พี่บอกมาเลยว่าราคาเท่าไหร่ ผมซื้อ ผมซื้อเม็ดนึง” เซวียนหยวนหู่พูดด้วยเสียงดัง

        “หู่จื่อ ไม่เลวเลยนะ ฉันรู้ว่าร่างกายนายไม่ค่อยดี แต่ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ขั้นสุดยอดโฮ่วเทียนแล้ว ฮ่าๆ” กัวไฮว่มองเด็กหนุ่มท่าทางอ้อนแอ้นที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ไม่พูดกับพี่แล้ว ผมจะไปหาคุณปู่ ไม่ว่าจะเป็นเงินเท่าไหร่ก็ต้องประมูลมาให้ได้” เซวียนหยวนหู่พูดพลางวิ่งออกไป

        “น้องไฮว่ นายพูดจริงเหรอ” เซวียนหยวนเถิงเฟยมีแรงกล้ายิ่งกว่าเซวียนหยวนหู่ และรู้เกี่ยวกับการบำเพ็ญเพียรมาหน่อยนึง เพราะเขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญเพียรคนหนึ่งเหมือนกัน อยู่ขั้นโฮ่วเทียนระยะกลาง เขาย่อมรู้ค่าของยากระตุ้นปราณนี้ดี ถ้าเอายากระตุ้นปราณสามเม็ดนี่มาได้จริง และหากตระกูลเซวียนหยวนปะทะกับตระกูลกู่ คงจะแกร่งกว่าในตอนนี้เยอะ

        “ของเล่นเล็กน้อยน่ะครับ พวกผู้ใหญ่ในสำนักให้มา ผมไม่เคยลองหรอก แต่พวกเขาบอกว่าได้ผลไม่เลวเลย ไม่น่าจะเป็นของปลอม เมียผมก็รู้ว่ายาลูกกลอนที่ขายอยู่ในเมืองอู่เฉิงเป็นของผมทั้งนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “น้องไฮว่ พวกเธอกินช้าๆ กันก่อนนะ ฉันจะไปหาคุณปู่” พูดเสร็จ เซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งออกไป

        “เมียจ๋า เรื่องนี้ฉันให้เธอไปจัดการนะ จริงสิ ในเมื่อครั้งนี้จะเล่นใหญ่ ฉันจะให้ประมูลเหล้าสามสิบจินด้วย ประมูลในนามคลินิกไม่ ผ่านไปอีกพักหนึ่งฉันอยากจะเปิดสาขาคลินิกที่เมืองหลวง ดูไม่เลวเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ หลิ่วเยียนผงกศีรษะเล็กน้อย สงสัยต้องโฆษณางานประมูลในครั้งนี้ใหม่เสียแล้ว พวกมีเงินในเมืองหลวง เตรียมเงินไว้ให้ดีเถอะ

        เซวียนหยวนซยงเฟิงที่กำลังทานอาหารอยู่ที่ห้องใต้หลังคาเห็นว่าเซวียนหยวนหู่ผู้เป็นหลานชายของตนเองวิ่งมาด้วยหน้าตาดีอกดีใจ ก็กินไปอีกสองสามคำจากนั้นก็ลงมาจากห้องใต้หลังตา

        “ปู่ครับ ผมมีความหวังจะบรรลุเขตแดนโฮ่วเทียนเข้าสู่เซียนเทียนแล้วล่ะ ปู่รีบออกมาเร็ว” เซวียนหยวนหู่ตะโกนเสียงดังลั่น

        “เด็กนี่ ว่าไงนะ เซียนเทียนโฮ่วเทียนอะไรนะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดเสียงดังจนตัวเองก็พลอยตอบกลับไปอย่างดีอกดีใจด้วยเช่นกัน “เด็กบ้า แกว่าไงนะ มีความหวังจะบรรลุแล้ว”

        เซวียนหยวนเล่าที่กัวไฮว่พูดเมื่อสักครู่ให้เซวียนหยวนซยงเฟิงฟังอย่างไม่อ้อมค้อม ในขณะนี้เองเซวียนหยวนเถิงเฟยก็วิ่งเข้ามา

        “ให้กัวไฮว่มาพบฉันที่นี่” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ไม่ ฉันไปเอง ฉันจะไปหาเขา แกไปบอกให้พ่อแกกับอาๆ ของแกมานี่ บอกพวกเขาไปว่ามีเรื่องสำคัญต้องคุย” เซวียนหยวนซยงเฟิงพูดพลางเดินออกไปจากห้องใต้หลังคา

         

[1] เป็นชั้นก่อนที่จะบรรลุไปขั้นเขตแดนเซียนเทียน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+