[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ข่งอี้ฟูเห็นการกระทำทั้งหมดของทั้งสองคน ดี ดีมาก ยายเด็กนอกสมรสตระกูลมู่หรง ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าสู่ประตูตระกูลข่งของเรา งั้นฉันขอดูหน่อยสิว่าเด็กที่เธอหามานี่จะมีดีอะไร

        “เสี่ยวไฮว่เธอถือหมากดำแล้วกัน ฉันอายุมากกว่าเธอจะมาเอาเปรียบเธอไม่ได้”ข่งอี้ฟูพูดยิ้มๆ

        “ไม่ต้อง สุ่มหมากเถอะ ปกติผมโชคดีมาตลอด”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สุดท้ายโชคชะตากลับไม่ได้เข้าข้างกัวไฮว่ ข่งอี้ฟูถือหมากดำเขาถือหมากขาว แต่แล้วยังไงเซียนที่เล่นหมากล้อมมาเป็นหมื่นปีจะแพ้มนุษย์ธรรมดาได้อย่างไรกัน

        “นี่หนูคิดว่าถ้าวางหมากไปก่อนแล้วค่อยคิดจนถึงตาสุดท้ายแล้วจะชนะฉันได้เหรอ ฉันจะให้เธอได้เห็นว่าศักยภาพของมืออาชีพมันเป็นยังไง”ข่งอี้ฟูลอบคิดในใจอันที่จริงแล้วเขาวางหมากได้ไม่เลวเลย เก่งกว่าผู้แข่งสมัครเล่นเยอะจนถึงขั้นที่เรียกว่าไม่มีปัญหาเลยก็ว่าได้หากเล่นจริงกับผู้แข่งมืออาชีพ แต่ทว่าคู่แข่งของเขาในวันนี้คือกัวไฮว่

        “ข่งอี้ฟูตอนวางหมากจะเสียสมาธิไปไม่ได้นะ คุณดูสิเสียสมาธิไปนิดเดียวหมากแถบนี้ถูกผมเอาไปหมดเลย”กัวไฮว่พูดถึงหมากบนกระดานขึ้น

        “เรียกฉันว่าข่งอี้ฟู แกกล้าเรียกชื่อฉันตรงๆเลยเหรอ”ข่งอี้ฟูเห็นหมากแถบหนึ่งของตัวเองถูกเอาไปในใจก็พลันร้อนรน

        เวลาไม่ถึงสิบนาทีปรมาจารย์อวี้เฟิงก็เดินเข้ามามองทั้งสองเล่นหมากล้อมแล้วส่ายศีรษะเบาๆ

        “อี้ฟูเธอเล่นถึงแค่นี้เถอะ เธอแพ้แล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเบาๆ

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูตะโกนเสียงดังตัวเขาเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ ถือหมากดำอีกรอบทว่าคราวนี้เร็วกว่าเดิมไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องล้างกระดานอีกครั้ง

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูพูดซ้ำอีกครั้งทั่วทั้งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “ไม่ล่ะ วันนี้ถ้ารวมกับกระดานที่เล่นกับนายท่านแล้วทั้งหมดก็สามตาแล้ว ขืนเล่นอีกก็เบื่อแล้ว”กัวไฮว่ปฏิเสธคำขอของข่งอี้ฟูทันที

        “ฮ่าๆ ไม่อวดดีซะด้วย ดี ดีมาก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันมีความสามารถจำกัด ถ้าได้เจอพ่อหนุ่มเร็วกว่านี้ก็คงได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพ่อหนุ่มบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วไม่ทราบว่าอาจารย์ของพ่อหนุ่มคือใครบอกได้ไหม”เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงดูกัวไฮว่กับข่งอี้ฟูแข่งกระดานที่สองเสร็จ ในใจก็ตัดสินใจมั่น แต่ถ้าเขาถามกัวไฮว่ตรงเกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบหรือเปล่า

        “อาจารย์เป็นใคร? อาจารย์มีหลายคนแต่ว่าบอกนายท่านไม่ได้หวังว่านายท่านจะให้ยกโทษให้ด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆจะบอกเจ้าได้อย่างไรกัน จะบอกว่าเจ้าว่าแรกสุดก็เรียนกับท่านเทพซุนอยู่พักหนึ่ง แล้วพอหลังจากที่ท่านเทพกลับมาจากแดนตะวันตกก็ให้ตนเองเรียนกับเซียนอิสระ จากนั้นหลังจากที่ตนขึ้นสรวงสวรรค์ไปคู่แข่งหมากล้อมก็คือเทพแห่งดาวศุกร์เซียนไท่อี้เจินเหริน จากนั้นก็ไปอยู่กับท่านเทพเจินหยวนอยู่หลายปีถ้าบอกพวกเจ้าเช่นนี้พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่

        “ฮ่าๆ ฉันเข้าใจแล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“อี้ฟู เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ฉันรู้ว่าเรื่องของข่งเสวียนทำให้เธอได้รับผลกระทบไม่น้อย แต่เวยเวยเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้วซึ่งก็คือศิษย์น้องของแก ต่อไปควรจะทำยังไงแกน่าจะรู้นะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงดูความคิดข่งอี้ฟูในวันนี้ออกจึงพูดขึ้นเบาๆ

        “อี้ฟูเข้าใจแล้ว วันนี้อี้ฟูผิดเองทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย อาจารย์อี้ฟูทำให้อาจารย์ต้องขายหน้า”ข่งอี้ฟูเข้าใจความหมายของปรมาจารย์อวี้เฟิงโดยทันทีพูดชัดเจนขนาดนี้จะมีอะไรมาไม่เข้าใจอีก“อาจารย์วันนี้ที่สมาคมมีกิจกรรม งั้นผมคงจะไม่อยู่ที่นี่นานแล้ว ถ้ามีเวลาจะมาพบอีกนะครับ”

        “เฮ้อ ศิษย์สี่คน เมื่อก่อนคนที่ดีที่สุดก็คืออี้ฟู ไม่ว่าจะในด้านคุณธรรมหรือด้านอื่นๆเขาเหมือนกับตอนฉันหนุ่มๆมาก แต่สงสัยฉันมองผิดแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองข่งอี้ฟูที่จากไปแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “นายท่านไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงสิไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับน้ำเต้าที่นายพลหลี่ได้มานั้นมากน้อยเท่าไหร่เหรอครับ นายท่านเองก็เก็บของล้ำค่าไว้บ้างใช่ไหมให้ผมดูหน่อยได้ไหม”

        กัวไฮว่พลันคิดขึ้นมาตอนที่ตนเองบินไปยังสรวงสวรรค์ก็ได้ทิ้งของไว้ในหมู่บ้านเฉินไม่น้อยไม่รู้ว่าลูกหลานของตนได้เก็บสืบทอดมาบ้างหรือไม่ข้างในนั่นเกรงว่าจะมีของที่ตนเองจำเป็น

        “น้ำเต้าโต้วเทียนนั่นน่ะเหรอ ฉันรู้หน่อยนึงตอนแรกๆเขามาหาฉันที่นี่เพื่อให้ฉันดู”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันไม่มีน้ำเต้า แต่ถ้าเธอหมายถึงของล้ำค่าอื่นๆ ฉันยังมีอยู่สองสามชิ้นเป็นของที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ฉันไปเอามาให้เธอดูนะ”อวี้เฟิงพูดแล้วเดินไปในห้องอีกครั้ง

        “อย่างอื่นข้าไม่สนหรอกแต่กระบี่ที่ข้าทำมาเอากับมือนั้นให้พวกเจ้าสืบทอดมาให้ข้าเป็นรุ่นๆ ถ้าหากไม่มีต่อให้ลงนรกไปข้าจะลากพวกเจ้าออกมาเอง”กัวไฮว่ลอบพูดกับตนเองในใจ

        “ผ่านมาตั้งหลายปีได้ยินบรรพบุรุษบอกว่าเมื่อก่อนมีของไม่น้อยเลยพวกเราย้ายจากชิงไห่มายังอู่เฉิงสูญหายไปช่วงสงครามในประเทศจำนวนหนึ่ง ตอนสงครามกับต่างประเทศก็ถูกทำลายอีกจำนวนหนึ่งของที่สืบทอดมาถึงตอนนี้ได้ก็มีแค่สามชิ้นนี้นี่แหละ”นายท่านเข็นรถเล็กคันหนึ่งมายังห้องรับแขก

        “นายท่านเอาของพวกนี้ออกมาอีกแล้วเหรอ”อู๋มาที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะเสร็จแล้วเห็นนายท่านเข็นรถเล็กมาก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่มดูสิ ภาพอักษรพวกนี้เกรงว่าจะสู้ของพ่อหนุ่มไม่ได้ของพวกนี้บรรพบุรุษสืบทอดลงมาน่าจะเป็นของเก่าเอามาให้พ่อหนุ่มได้ดูนะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “เข็มทิศเจ็ดดาวตราประทับพลิกฟ้าถึงแม้จะเป็นของเลียนแบบแต่ว่านี่ก็เป็นอุปกรณ์หากินของข้าในตอนนั้นเลยนะ”เมื่อเปิดกล่องทั้งสองใบที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ก็แอบพูดกับตัวเองในใจ แต่ว่าของพวกนี้หากเขาได้มาก็ใช้ไม่ได้ ดูจากพลังเวทที่ตนเองมีในตอนนี้ ถ้าหากแตะต้องสิ่งของพวกนี้เข้าล่ะก็ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ

        “กระบี่เฟยเจี้ยนต้องเป็นกระบี่เฟยเจี้ยนของข้าแน่ๆ”ตอนที่กัวไฮว่ยื่นมือไปเปิดกล่องใบที่สามในใจก็พลันตะโกนร้องเสียงดัง

        “นายท่าน สุดยอดไปเลยผมเคยไปเดินเล่นในตลาดขายของโบราณตั้งนานไม่เคยเห็นของล้ำค่าที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย คุณบอกหน่อยได้ไหมว่าของพวกนี้เอาไว้ทำอะไร”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขายากที่จะปิดบังความดีใจของตนเองเอาไว้ เป็นเพราะเมื่อเปิดกล่องที่สามสิ่งที่ดูคุ้นตาก็ดึงดูสายตาเอาไว้ หากไม่ใช่กระบี่เฟยเจี้ยนที่ตนทำขึ้นมาในครานั้นจะเป็นสิ่งใดได้อีกเล่า

        “นี่เป็นเข็มทิศ น่าจะมีบรรพบุรุษคนหนึ่งรอบรู้เรื่องฮวงจุ้ยและปากว้าน่ะ แต่เข็มทิศอันนี้เล็กกว่าเข็มทิศในสมัยราชวงศ์ถังเยอะเลย”ปรมาจารย์อวี้เฟิวพูดยิ้มๆ

        “อันนี้น่าจะตราประทับ แต่ก็ดูไม่ออกแล้วว่าข้างใต้คืออักษรอะไรฉันเองก็เคยหาผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนแต่ก็แยกแยะไม่ออก”ปรมาจารย์พูดต่อไป

        “ของชิ้นสุดท้ายฉันว่าน่าจะเป็นของเล่นที่บรรพบุรุษทำไว้ให้ลูกหลานของตัวเองล่ะมั้งแต่ว่างานประณีตมากๆแต่ตอนหลังเห็นว่ามันคมเกินไปก็เลยให้เก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ”ปรมาจารย์พูดยิ้มๆ

        เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดจบ กัวไฮว่ก็แทบจะเป็นบ้า เข็มทิศเจ็ดดาว ตราประทับพลิกฟ้า กระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยน ตอนนั้นเขาใช้ของพวกนี้กู้โลกสังหารมาร เฉินชิ่งหยวนสะสมบุญกุศลจำนวนมากทำให้เขาได้บินขึ้นไปสู่แดนสวรรค์จะสู้กับสายฟ้าฟาดก็ไม่เปลืองแรงแม้แต่นิดเดียว ไม่คิดเลยว่าจะสืบทอดมาถึงตอนนี้และมีตำนานแบบนี้อีกด้วย

         

 

                                                              ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ข่งอี้ฟูเห็นการกระทำทั้งหมดของทั้งสองคน ดี ดีมาก ยายเด็กนอกสมรสตระกูลมู่หรง ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าสู่ประตูตระกูลข่งของเรา งั้นฉันขอดูหน่อยสิว่าเด็กที่เธอหามานี่จะมีดีอะไร

        “เสี่ยวไฮว่เธอถือหมากดำแล้วกัน ฉันอายุมากกว่าเธอจะมาเอาเปรียบเธอไม่ได้”ข่งอี้ฟูพูดยิ้มๆ

        “ไม่ต้อง สุ่มหมากเถอะ ปกติผมโชคดีมาตลอด”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สุดท้ายโชคชะตากลับไม่ได้เข้าข้างกัวไฮว่ ข่งอี้ฟูถือหมากดำเขาถือหมากขาว แต่แล้วยังไงเซียนที่เล่นหมากล้อมมาเป็นหมื่นปีจะแพ้มนุษย์ธรรมดาได้อย่างไรกัน

        “นี่หนูคิดว่าถ้าวางหมากไปก่อนแล้วค่อยคิดจนถึงตาสุดท้ายแล้วจะชนะฉันได้เหรอ ฉันจะให้เธอได้เห็นว่าศักยภาพของมืออาชีพมันเป็นยังไง”ข่งอี้ฟูลอบคิดในใจอันที่จริงแล้วเขาวางหมากได้ไม่เลวเลย เก่งกว่าผู้แข่งสมัครเล่นเยอะจนถึงขั้นที่เรียกว่าไม่มีปัญหาเลยก็ว่าได้หากเล่นจริงกับผู้แข่งมืออาชีพ แต่ทว่าคู่แข่งของเขาในวันนี้คือกัวไฮว่

        “ข่งอี้ฟูตอนวางหมากจะเสียสมาธิไปไม่ได้นะ คุณดูสิเสียสมาธิไปนิดเดียวหมากแถบนี้ถูกผมเอาไปหมดเลย”กัวไฮว่พูดถึงหมากบนกระดานขึ้น

        “เรียกฉันว่าข่งอี้ฟู แกกล้าเรียกชื่อฉันตรงๆเลยเหรอ”ข่งอี้ฟูเห็นหมากแถบหนึ่งของตัวเองถูกเอาไปในใจก็พลันร้อนรน

        เวลาไม่ถึงสิบนาทีปรมาจารย์อวี้เฟิงก็เดินเข้ามามองทั้งสองเล่นหมากล้อมแล้วส่ายศีรษะเบาๆ

        “อี้ฟูเธอเล่นถึงแค่นี้เถอะ เธอแพ้แล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเบาๆ

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูตะโกนเสียงดังตัวเขาเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ ถือหมากดำอีกรอบทว่าคราวนี้เร็วกว่าเดิมไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องล้างกระดานอีกครั้ง

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูพูดซ้ำอีกครั้งทั่วทั้งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “ไม่ล่ะ วันนี้ถ้ารวมกับกระดานที่เล่นกับนายท่านแล้วทั้งหมดก็สามตาแล้ว ขืนเล่นอีกก็เบื่อแล้ว”กัวไฮว่ปฏิเสธคำขอของข่งอี้ฟูทันที

        “ฮ่าๆ ไม่อวดดีซะด้วย ดี ดีมาก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันมีความสามารถจำกัด ถ้าได้เจอพ่อหนุ่มเร็วกว่านี้ก็คงได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพ่อหนุ่มบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วไม่ทราบว่าอาจารย์ของพ่อหนุ่มคือใครบอกได้ไหม”เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงดูกัวไฮว่กับข่งอี้ฟูแข่งกระดานที่สองเสร็จ ในใจก็ตัดสินใจมั่น แต่ถ้าเขาถามกัวไฮว่ตรงเกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบหรือเปล่า

        “อาจารย์เป็นใคร? อาจารย์มีหลายคนแต่ว่าบอกนายท่านไม่ได้หวังว่านายท่านจะให้ยกโทษให้ด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆจะบอกเจ้าได้อย่างไรกัน จะบอกว่าเจ้าว่าแรกสุดก็เรียนกับท่านเทพซุนอยู่พักหนึ่ง แล้วพอหลังจากที่ท่านเทพกลับมาจากแดนตะวันตกก็ให้ตนเองเรียนกับเซียนอิสระ จากนั้นหลังจากที่ตนขึ้นสรวงสวรรค์ไปคู่แข่งหมากล้อมก็คือเทพแห่งดาวศุกร์เซียนไท่อี้เจินเหริน จากนั้นก็ไปอยู่กับท่านเทพเจินหยวนอยู่หลายปีถ้าบอกพวกเจ้าเช่นนี้พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่

        “ฮ่าๆ ฉันเข้าใจแล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“อี้ฟู เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ฉันรู้ว่าเรื่องของข่งเสวียนทำให้เธอได้รับผลกระทบไม่น้อย แต่เวยเวยเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้วซึ่งก็คือศิษย์น้องของแก ต่อไปควรจะทำยังไงแกน่าจะรู้นะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงดูความคิดข่งอี้ฟูในวันนี้ออกจึงพูดขึ้นเบาๆ

        “อี้ฟูเข้าใจแล้ว วันนี้อี้ฟูผิดเองทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย อาจารย์อี้ฟูทำให้อาจารย์ต้องขายหน้า”ข่งอี้ฟูเข้าใจความหมายของปรมาจารย์อวี้เฟิงโดยทันทีพูดชัดเจนขนาดนี้จะมีอะไรมาไม่เข้าใจอีก“อาจารย์วันนี้ที่สมาคมมีกิจกรรม งั้นผมคงจะไม่อยู่ที่นี่นานแล้ว ถ้ามีเวลาจะมาพบอีกนะครับ”

        “เฮ้อ ศิษย์สี่คน เมื่อก่อนคนที่ดีที่สุดก็คืออี้ฟู ไม่ว่าจะในด้านคุณธรรมหรือด้านอื่นๆเขาเหมือนกับตอนฉันหนุ่มๆมาก แต่สงสัยฉันมองผิดแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองข่งอี้ฟูที่จากไปแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “นายท่านไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงสิไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับน้ำเต้าที่นายพลหลี่ได้มานั้นมากน้อยเท่าไหร่เหรอครับ นายท่านเองก็เก็บของล้ำค่าไว้บ้างใช่ไหมให้ผมดูหน่อยได้ไหม”

        กัวไฮว่พลันคิดขึ้นมาตอนที่ตนเองบินไปยังสรวงสวรรค์ก็ได้ทิ้งของไว้ในหมู่บ้านเฉินไม่น้อยไม่รู้ว่าลูกหลานของตนได้เก็บสืบทอดมาบ้างหรือไม่ข้างในนั่นเกรงว่าจะมีของที่ตนเองจำเป็น

        “น้ำเต้าโต้วเทียนนั่นน่ะเหรอ ฉันรู้หน่อยนึงตอนแรกๆเขามาหาฉันที่นี่เพื่อให้ฉันดู”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันไม่มีน้ำเต้า แต่ถ้าเธอหมายถึงของล้ำค่าอื่นๆ ฉันยังมีอยู่สองสามชิ้นเป็นของที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ฉันไปเอามาให้เธอดูนะ”อวี้เฟิงพูดแล้วเดินไปในห้องอีกครั้ง

        “อย่างอื่นข้าไม่สนหรอกแต่กระบี่ที่ข้าทำมาเอากับมือนั้นให้พวกเจ้าสืบทอดมาให้ข้าเป็นรุ่นๆ ถ้าหากไม่มีต่อให้ลงนรกไปข้าจะลากพวกเจ้าออกมาเอง”กัวไฮว่ลอบพูดกับตนเองในใจ

        “ผ่านมาตั้งหลายปีได้ยินบรรพบุรุษบอกว่าเมื่อก่อนมีของไม่น้อยเลยพวกเราย้ายจากชิงไห่มายังอู่เฉิงสูญหายไปช่วงสงครามในประเทศจำนวนหนึ่ง ตอนสงครามกับต่างประเทศก็ถูกทำลายอีกจำนวนหนึ่งของที่สืบทอดมาถึงตอนนี้ได้ก็มีแค่สามชิ้นนี้นี่แหละ”นายท่านเข็นรถเล็กคันหนึ่งมายังห้องรับแขก

        “นายท่านเอาของพวกนี้ออกมาอีกแล้วเหรอ”อู๋มาที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะเสร็จแล้วเห็นนายท่านเข็นรถเล็กมาก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่มดูสิ ภาพอักษรพวกนี้เกรงว่าจะสู้ของพ่อหนุ่มไม่ได้ของพวกนี้บรรพบุรุษสืบทอดลงมาน่าจะเป็นของเก่าเอามาให้พ่อหนุ่มได้ดูนะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “เข็มทิศเจ็ดดาวตราประทับพลิกฟ้าถึงแม้จะเป็นของเลียนแบบแต่ว่านี่ก็เป็นอุปกรณ์หากินของข้าในตอนนั้นเลยนะ”เมื่อเปิดกล่องทั้งสองใบที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ก็แอบพูดกับตัวเองในใจ แต่ว่าของพวกนี้หากเขาได้มาก็ใช้ไม่ได้ ดูจากพลังเวทที่ตนเองมีในตอนนี้ ถ้าหากแตะต้องสิ่งของพวกนี้เข้าล่ะก็ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ

        “กระบี่เฟยเจี้ยนต้องเป็นกระบี่เฟยเจี้ยนของข้าแน่ๆ”ตอนที่กัวไฮว่ยื่นมือไปเปิดกล่องใบที่สามในใจก็พลันตะโกนร้องเสียงดัง

        “นายท่าน สุดยอดไปเลยผมเคยไปเดินเล่นในตลาดขายของโบราณตั้งนานไม่เคยเห็นของล้ำค่าที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย คุณบอกหน่อยได้ไหมว่าของพวกนี้เอาไว้ทำอะไร”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขายากที่จะปิดบังความดีใจของตนเองเอาไว้ เป็นเพราะเมื่อเปิดกล่องที่สามสิ่งที่ดูคุ้นตาก็ดึงดูสายตาเอาไว้ หากไม่ใช่กระบี่เฟยเจี้ยนที่ตนทำขึ้นมาในครานั้นจะเป็นสิ่งใดได้อีกเล่า

        “นี่เป็นเข็มทิศ น่าจะมีบรรพบุรุษคนหนึ่งรอบรู้เรื่องฮวงจุ้ยและปากว้าน่ะ แต่เข็มทิศอันนี้เล็กกว่าเข็มทิศในสมัยราชวงศ์ถังเยอะเลย”ปรมาจารย์อวี้เฟิวพูดยิ้มๆ

        “อันนี้น่าจะตราประทับ แต่ก็ดูไม่ออกแล้วว่าข้างใต้คืออักษรอะไรฉันเองก็เคยหาผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนแต่ก็แยกแยะไม่ออก”ปรมาจารย์พูดต่อไป

        “ของชิ้นสุดท้ายฉันว่าน่าจะเป็นของเล่นที่บรรพบุรุษทำไว้ให้ลูกหลานของตัวเองล่ะมั้งแต่ว่างานประณีตมากๆแต่ตอนหลังเห็นว่ามันคมเกินไปก็เลยให้เก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ”ปรมาจารย์พูดยิ้มๆ

        เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดจบ กัวไฮว่ก็แทบจะเป็นบ้า เข็มทิศเจ็ดดาว ตราประทับพลิกฟ้า กระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยน ตอนนั้นเขาใช้ของพวกนี้กู้โลกสังหารมาร เฉินชิ่งหยวนสะสมบุญกุศลจำนวนมากทำให้เขาได้บินขึ้นไปสู่แดนสวรรค์จะสู้กับสายฟ้าฟาดก็ไม่เปลืองแรงแม้แต่นิดเดียว ไม่คิดเลยว่าจะสืบทอดมาถึงตอนนี้และมีตำนานแบบนี้อีกด้วย

         

 

                                                              ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ข่งอี้ฟูเห็นการกระทำทั้งหมดของทั้งสองคน ดี ดีมาก ยายเด็กนอกสมรสตระกูลมู่หรง ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าสู่ประตูตระกูลข่งของเรา งั้นฉันขอดูหน่อยสิว่าเด็กที่เธอหามานี่จะมีดีอะไร

        “เสี่ยวไฮว่เธอถือหมากดำแล้วกัน ฉันอายุมากกว่าเธอจะมาเอาเปรียบเธอไม่ได้”ข่งอี้ฟูพูดยิ้มๆ

        “ไม่ต้อง สุ่มหมากเถอะ ปกติผมโชคดีมาตลอด”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สุดท้ายโชคชะตากลับไม่ได้เข้าข้างกัวไฮว่ ข่งอี้ฟูถือหมากดำเขาถือหมากขาว แต่แล้วยังไงเซียนที่เล่นหมากล้อมมาเป็นหมื่นปีจะแพ้มนุษย์ธรรมดาได้อย่างไรกัน

        “นี่หนูคิดว่าถ้าวางหมากไปก่อนแล้วค่อยคิดจนถึงตาสุดท้ายแล้วจะชนะฉันได้เหรอ ฉันจะให้เธอได้เห็นว่าศักยภาพของมืออาชีพมันเป็นยังไง”ข่งอี้ฟูลอบคิดในใจอันที่จริงแล้วเขาวางหมากได้ไม่เลวเลย เก่งกว่าผู้แข่งสมัครเล่นเยอะจนถึงขั้นที่เรียกว่าไม่มีปัญหาเลยก็ว่าได้หากเล่นจริงกับผู้แข่งมืออาชีพ แต่ทว่าคู่แข่งของเขาในวันนี้คือกัวไฮว่

        “ข่งอี้ฟูตอนวางหมากจะเสียสมาธิไปไม่ได้นะ คุณดูสิเสียสมาธิไปนิดเดียวหมากแถบนี้ถูกผมเอาไปหมดเลย”กัวไฮว่พูดถึงหมากบนกระดานขึ้น

        “เรียกฉันว่าข่งอี้ฟู แกกล้าเรียกชื่อฉันตรงๆเลยเหรอ”ข่งอี้ฟูเห็นหมากแถบหนึ่งของตัวเองถูกเอาไปในใจก็พลันร้อนรน

        เวลาไม่ถึงสิบนาทีปรมาจารย์อวี้เฟิงก็เดินเข้ามามองทั้งสองเล่นหมากล้อมแล้วส่ายศีรษะเบาๆ

        “อี้ฟูเธอเล่นถึงแค่นี้เถอะ เธอแพ้แล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเบาๆ

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูตะโกนเสียงดังตัวเขาเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ ถือหมากดำอีกรอบทว่าคราวนี้เร็วกว่าเดิมไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องล้างกระดานอีกครั้ง

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูพูดซ้ำอีกครั้งทั่วทั้งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “ไม่ล่ะ วันนี้ถ้ารวมกับกระดานที่เล่นกับนายท่านแล้วทั้งหมดก็สามตาแล้ว ขืนเล่นอีกก็เบื่อแล้ว”กัวไฮว่ปฏิเสธคำขอของข่งอี้ฟูทันที

        “ฮ่าๆ ไม่อวดดีซะด้วย ดี ดีมาก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันมีความสามารถจำกัด ถ้าได้เจอพ่อหนุ่มเร็วกว่านี้ก็คงได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพ่อหนุ่มบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วไม่ทราบว่าอาจารย์ของพ่อหนุ่มคือใครบอกได้ไหม”เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงดูกัวไฮว่กับข่งอี้ฟูแข่งกระดานที่สองเสร็จ ในใจก็ตัดสินใจมั่น แต่ถ้าเขาถามกัวไฮว่ตรงเกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบหรือเปล่า

        “อาจารย์เป็นใคร? อาจารย์มีหลายคนแต่ว่าบอกนายท่านไม่ได้หวังว่านายท่านจะให้ยกโทษให้ด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆจะบอกเจ้าได้อย่างไรกัน จะบอกว่าเจ้าว่าแรกสุดก็เรียนกับท่านเทพซุนอยู่พักหนึ่ง แล้วพอหลังจากที่ท่านเทพกลับมาจากแดนตะวันตกก็ให้ตนเองเรียนกับเซียนอิสระ จากนั้นหลังจากที่ตนขึ้นสรวงสวรรค์ไปคู่แข่งหมากล้อมก็คือเทพแห่งดาวศุกร์เซียนไท่อี้เจินเหริน จากนั้นก็ไปอยู่กับท่านเทพเจินหยวนอยู่หลายปีถ้าบอกพวกเจ้าเช่นนี้พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่

        “ฮ่าๆ ฉันเข้าใจแล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“อี้ฟู เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ฉันรู้ว่าเรื่องของข่งเสวียนทำให้เธอได้รับผลกระทบไม่น้อย แต่เวยเวยเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้วซึ่งก็คือศิษย์น้องของแก ต่อไปควรจะทำยังไงแกน่าจะรู้นะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงดูความคิดข่งอี้ฟูในวันนี้ออกจึงพูดขึ้นเบาๆ

        “อี้ฟูเข้าใจแล้ว วันนี้อี้ฟูผิดเองทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย อาจารย์อี้ฟูทำให้อาจารย์ต้องขายหน้า”ข่งอี้ฟูเข้าใจความหมายของปรมาจารย์อวี้เฟิงโดยทันทีพูดชัดเจนขนาดนี้จะมีอะไรมาไม่เข้าใจอีก“อาจารย์วันนี้ที่สมาคมมีกิจกรรม งั้นผมคงจะไม่อยู่ที่นี่นานแล้ว ถ้ามีเวลาจะมาพบอีกนะครับ”

        “เฮ้อ ศิษย์สี่คน เมื่อก่อนคนที่ดีที่สุดก็คืออี้ฟู ไม่ว่าจะในด้านคุณธรรมหรือด้านอื่นๆเขาเหมือนกับตอนฉันหนุ่มๆมาก แต่สงสัยฉันมองผิดแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองข่งอี้ฟูที่จากไปแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “นายท่านไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงสิไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับน้ำเต้าที่นายพลหลี่ได้มานั้นมากน้อยเท่าไหร่เหรอครับ นายท่านเองก็เก็บของล้ำค่าไว้บ้างใช่ไหมให้ผมดูหน่อยได้ไหม”

        กัวไฮว่พลันคิดขึ้นมาตอนที่ตนเองบินไปยังสรวงสวรรค์ก็ได้ทิ้งของไว้ในหมู่บ้านเฉินไม่น้อยไม่รู้ว่าลูกหลานของตนได้เก็บสืบทอดมาบ้างหรือไม่ข้างในนั่นเกรงว่าจะมีของที่ตนเองจำเป็น

        “น้ำเต้าโต้วเทียนนั่นน่ะเหรอ ฉันรู้หน่อยนึงตอนแรกๆเขามาหาฉันที่นี่เพื่อให้ฉันดู”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันไม่มีน้ำเต้า แต่ถ้าเธอหมายถึงของล้ำค่าอื่นๆ ฉันยังมีอยู่สองสามชิ้นเป็นของที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ฉันไปเอามาให้เธอดูนะ”อวี้เฟิงพูดแล้วเดินไปในห้องอีกครั้ง

        “อย่างอื่นข้าไม่สนหรอกแต่กระบี่ที่ข้าทำมาเอากับมือนั้นให้พวกเจ้าสืบทอดมาให้ข้าเป็นรุ่นๆ ถ้าหากไม่มีต่อให้ลงนรกไปข้าจะลากพวกเจ้าออกมาเอง”กัวไฮว่ลอบพูดกับตนเองในใจ

        “ผ่านมาตั้งหลายปีได้ยินบรรพบุรุษบอกว่าเมื่อก่อนมีของไม่น้อยเลยพวกเราย้ายจากชิงไห่มายังอู่เฉิงสูญหายไปช่วงสงครามในประเทศจำนวนหนึ่ง ตอนสงครามกับต่างประเทศก็ถูกทำลายอีกจำนวนหนึ่งของที่สืบทอดมาถึงตอนนี้ได้ก็มีแค่สามชิ้นนี้นี่แหละ”นายท่านเข็นรถเล็กคันหนึ่งมายังห้องรับแขก

        “นายท่านเอาของพวกนี้ออกมาอีกแล้วเหรอ”อู๋มาที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะเสร็จแล้วเห็นนายท่านเข็นรถเล็กมาก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่มดูสิ ภาพอักษรพวกนี้เกรงว่าจะสู้ของพ่อหนุ่มไม่ได้ของพวกนี้บรรพบุรุษสืบทอดลงมาน่าจะเป็นของเก่าเอามาให้พ่อหนุ่มได้ดูนะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “เข็มทิศเจ็ดดาวตราประทับพลิกฟ้าถึงแม้จะเป็นของเลียนแบบแต่ว่านี่ก็เป็นอุปกรณ์หากินของข้าในตอนนั้นเลยนะ”เมื่อเปิดกล่องทั้งสองใบที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ก็แอบพูดกับตัวเองในใจ แต่ว่าของพวกนี้หากเขาได้มาก็ใช้ไม่ได้ ดูจากพลังเวทที่ตนเองมีในตอนนี้ ถ้าหากแตะต้องสิ่งของพวกนี้เข้าล่ะก็ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ

        “กระบี่เฟยเจี้ยนต้องเป็นกระบี่เฟยเจี้ยนของข้าแน่ๆ”ตอนที่กัวไฮว่ยื่นมือไปเปิดกล่องใบที่สามในใจก็พลันตะโกนร้องเสียงดัง

        “นายท่าน สุดยอดไปเลยผมเคยไปเดินเล่นในตลาดขายของโบราณตั้งนานไม่เคยเห็นของล้ำค่าที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย คุณบอกหน่อยได้ไหมว่าของพวกนี้เอาไว้ทำอะไร”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขายากที่จะปิดบังความดีใจของตนเองเอาไว้ เป็นเพราะเมื่อเปิดกล่องที่สามสิ่งที่ดูคุ้นตาก็ดึงดูสายตาเอาไว้ หากไม่ใช่กระบี่เฟยเจี้ยนที่ตนทำขึ้นมาในครานั้นจะเป็นสิ่งใดได้อีกเล่า

        “นี่เป็นเข็มทิศ น่าจะมีบรรพบุรุษคนหนึ่งรอบรู้เรื่องฮวงจุ้ยและปากว้าน่ะ แต่เข็มทิศอันนี้เล็กกว่าเข็มทิศในสมัยราชวงศ์ถังเยอะเลย”ปรมาจารย์อวี้เฟิวพูดยิ้มๆ

        “อันนี้น่าจะตราประทับ แต่ก็ดูไม่ออกแล้วว่าข้างใต้คืออักษรอะไรฉันเองก็เคยหาผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนแต่ก็แยกแยะไม่ออก”ปรมาจารย์พูดต่อไป

        “ของชิ้นสุดท้ายฉันว่าน่าจะเป็นของเล่นที่บรรพบุรุษทำไว้ให้ลูกหลานของตัวเองล่ะมั้งแต่ว่างานประณีตมากๆแต่ตอนหลังเห็นว่ามันคมเกินไปก็เลยให้เก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ”ปรมาจารย์พูดยิ้มๆ

        เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดจบ กัวไฮว่ก็แทบจะเป็นบ้า เข็มทิศเจ็ดดาว ตราประทับพลิกฟ้า กระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยน ตอนนั้นเขาใช้ของพวกนี้กู้โลกสังหารมาร เฉินชิ่งหยวนสะสมบุญกุศลจำนวนมากทำให้เขาได้บินขึ้นไปสู่แดนสวรรค์จะสู้กับสายฟ้าฟาดก็ไม่เปลืองแรงแม้แต่นิดเดียว ไม่คิดเลยว่าจะสืบทอดมาถึงตอนนี้และมีตำนานแบบนี้อีกด้วย

         

 

                                                              ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 36 สิ่งล้ำค่าตระกูลเฉิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ข่งอี้ฟูเห็นการกระทำทั้งหมดของทั้งสองคน ดี ดีมาก ยายเด็กนอกสมรสตระกูลมู่หรง ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าสู่ประตูตระกูลข่งของเรา งั้นฉันขอดูหน่อยสิว่าเด็กที่เธอหามานี่จะมีดีอะไร

        “เสี่ยวไฮว่เธอถือหมากดำแล้วกัน ฉันอายุมากกว่าเธอจะมาเอาเปรียบเธอไม่ได้”ข่งอี้ฟูพูดยิ้มๆ

        “ไม่ต้อง สุ่มหมากเถอะ ปกติผมโชคดีมาตลอด”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สุดท้ายโชคชะตากลับไม่ได้เข้าข้างกัวไฮว่ ข่งอี้ฟูถือหมากดำเขาถือหมากขาว แต่แล้วยังไงเซียนที่เล่นหมากล้อมมาเป็นหมื่นปีจะแพ้มนุษย์ธรรมดาได้อย่างไรกัน

        “นี่หนูคิดว่าถ้าวางหมากไปก่อนแล้วค่อยคิดจนถึงตาสุดท้ายแล้วจะชนะฉันได้เหรอ ฉันจะให้เธอได้เห็นว่าศักยภาพของมืออาชีพมันเป็นยังไง”ข่งอี้ฟูลอบคิดในใจอันที่จริงแล้วเขาวางหมากได้ไม่เลวเลย เก่งกว่าผู้แข่งสมัครเล่นเยอะจนถึงขั้นที่เรียกว่าไม่มีปัญหาเลยก็ว่าได้หากเล่นจริงกับผู้แข่งมืออาชีพ แต่ทว่าคู่แข่งของเขาในวันนี้คือกัวไฮว่

        “ข่งอี้ฟูตอนวางหมากจะเสียสมาธิไปไม่ได้นะ คุณดูสิเสียสมาธิไปนิดเดียวหมากแถบนี้ถูกผมเอาไปหมดเลย”กัวไฮว่พูดถึงหมากบนกระดานขึ้น

        “เรียกฉันว่าข่งอี้ฟู แกกล้าเรียกชื่อฉันตรงๆเลยเหรอ”ข่งอี้ฟูเห็นหมากแถบหนึ่งของตัวเองถูกเอาไปในใจก็พลันร้อนรน

        เวลาไม่ถึงสิบนาทีปรมาจารย์อวี้เฟิงก็เดินเข้ามามองทั้งสองเล่นหมากล้อมแล้วส่ายศีรษะเบาๆ

        “อี้ฟูเธอเล่นถึงแค่นี้เถอะ เธอแพ้แล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดเบาๆ

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูตะโกนเสียงดังตัวเขาเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ ถือหมากดำอีกรอบทว่าคราวนี้เร็วกว่าเดิมไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องล้างกระดานอีกครั้ง

        “อีกรอบ!”ข่งอี้ฟูพูดซ้ำอีกครั้งทั่วทั้งศีรษะเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

        “ไม่ล่ะ วันนี้ถ้ารวมกับกระดานที่เล่นกับนายท่านแล้วทั้งหมดก็สามตาแล้ว ขืนเล่นอีกก็เบื่อแล้ว”กัวไฮว่ปฏิเสธคำขอของข่งอี้ฟูทันที

        “ฮ่าๆ ไม่อวดดีซะด้วย ดี ดีมาก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันมีความสามารถจำกัด ถ้าได้เจอพ่อหนุ่มเร็วกว่านี้ก็คงได้แลกเปลี่ยนความรู้กับพ่อหนุ่มบ้าง แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วไม่ทราบว่าอาจารย์ของพ่อหนุ่มคือใครบอกได้ไหม”เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงดูกัวไฮว่กับข่งอี้ฟูแข่งกระดานที่สองเสร็จ ในใจก็ตัดสินใจมั่น แต่ถ้าเขาถามกัวไฮว่ตรงเกรงว่าจะเป็นการเอาเปรียบหรือเปล่า

        “อาจารย์เป็นใคร? อาจารย์มีหลายคนแต่ว่าบอกนายท่านไม่ได้หวังว่านายท่านจะให้ยกโทษให้ด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆจะบอกเจ้าได้อย่างไรกัน จะบอกว่าเจ้าว่าแรกสุดก็เรียนกับท่านเทพซุนอยู่พักหนึ่ง แล้วพอหลังจากที่ท่านเทพกลับมาจากแดนตะวันตกก็ให้ตนเองเรียนกับเซียนอิสระ จากนั้นหลังจากที่ตนขึ้นสรวงสวรรค์ไปคู่แข่งหมากล้อมก็คือเทพแห่งดาวศุกร์เซียนไท่อี้เจินเหริน จากนั้นก็ไปอยู่กับท่านเทพเจินหยวนอยู่หลายปีถ้าบอกพวกเจ้าเช่นนี้พวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่

        “ฮ่าๆ ฉันเข้าใจแล้ว”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“อี้ฟู เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ ฉันรู้ว่าเรื่องของข่งเสวียนทำให้เธอได้รับผลกระทบไม่น้อย แต่เวยเวยเป็นศิษย์คนสุดท้ายของฉันแล้วซึ่งก็คือศิษย์น้องของแก ต่อไปควรจะทำยังไงแกน่าจะรู้นะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงดูความคิดข่งอี้ฟูในวันนี้ออกจึงพูดขึ้นเบาๆ

        “อี้ฟูเข้าใจแล้ว วันนี้อี้ฟูผิดเองทั้งสองโปรดให้อภัยด้วย อาจารย์อี้ฟูทำให้อาจารย์ต้องขายหน้า”ข่งอี้ฟูเข้าใจความหมายของปรมาจารย์อวี้เฟิงโดยทันทีพูดชัดเจนขนาดนี้จะมีอะไรมาไม่เข้าใจอีก“อาจารย์วันนี้ที่สมาคมมีกิจกรรม งั้นผมคงจะไม่อยู่ที่นี่นานแล้ว ถ้ามีเวลาจะมาพบอีกนะครับ”

        “เฮ้อ ศิษย์สี่คน เมื่อก่อนคนที่ดีที่สุดก็คืออี้ฟู ไม่ว่าจะในด้านคุณธรรมหรือด้านอื่นๆเขาเหมือนกับตอนฉันหนุ่มๆมาก แต่สงสัยฉันมองผิดแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองข่งอี้ฟูที่จากไปแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “นายท่านไม่ต้องโทษตัวเองหรอก”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงสิไม่ทราบว่าอาจารย์รู้เกี่ยวกับน้ำเต้าที่นายพลหลี่ได้มานั้นมากน้อยเท่าไหร่เหรอครับ นายท่านเองก็เก็บของล้ำค่าไว้บ้างใช่ไหมให้ผมดูหน่อยได้ไหม”

        กัวไฮว่พลันคิดขึ้นมาตอนที่ตนเองบินไปยังสรวงสวรรค์ก็ได้ทิ้งของไว้ในหมู่บ้านเฉินไม่น้อยไม่รู้ว่าลูกหลานของตนได้เก็บสืบทอดมาบ้างหรือไม่ข้างในนั่นเกรงว่าจะมีของที่ตนเองจำเป็น

        “น้ำเต้าโต้วเทียนนั่นน่ะเหรอ ฉันรู้หน่อยนึงตอนแรกๆเขามาหาฉันที่นี่เพื่อให้ฉันดู”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ“ฉันไม่มีน้ำเต้า แต่ถ้าเธอหมายถึงของล้ำค่าอื่นๆ ฉันยังมีอยู่สองสามชิ้นเป็นของที่บรรพบุรุษสืบทอดต่อกันมาเป็นรุ่นๆ ฉันไปเอามาให้เธอดูนะ”อวี้เฟิงพูดแล้วเดินไปในห้องอีกครั้ง

        “อย่างอื่นข้าไม่สนหรอกแต่กระบี่ที่ข้าทำมาเอากับมือนั้นให้พวกเจ้าสืบทอดมาให้ข้าเป็นรุ่นๆ ถ้าหากไม่มีต่อให้ลงนรกไปข้าจะลากพวกเจ้าออกมาเอง”กัวไฮว่ลอบพูดกับตนเองในใจ

        “ผ่านมาตั้งหลายปีได้ยินบรรพบุรุษบอกว่าเมื่อก่อนมีของไม่น้อยเลยพวกเราย้ายจากชิงไห่มายังอู่เฉิงสูญหายไปช่วงสงครามในประเทศจำนวนหนึ่ง ตอนสงครามกับต่างประเทศก็ถูกทำลายอีกจำนวนหนึ่งของที่สืบทอดมาถึงตอนนี้ได้ก็มีแค่สามชิ้นนี้นี่แหละ”นายท่านเข็นรถเล็กคันหนึ่งมายังห้องรับแขก

        “นายท่านเอาของพวกนี้ออกมาอีกแล้วเหรอ”อู๋มาที่เพิ่งจัดเก็บโต๊ะเสร็จแล้วเห็นนายท่านเข็นรถเล็กมาก็ถามขึ้นยิ้มๆ

        “พ่อหนุ่มดูสิ ภาพอักษรพวกนี้เกรงว่าจะสู้ของพ่อหนุ่มไม่ได้ของพวกนี้บรรพบุรุษสืบทอดลงมาน่าจะเป็นของเก่าเอามาให้พ่อหนุ่มได้ดูนะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “เข็มทิศเจ็ดดาวตราประทับพลิกฟ้าถึงแม้จะเป็นของเลียนแบบแต่ว่านี่ก็เป็นอุปกรณ์หากินของข้าในตอนนั้นเลยนะ”เมื่อเปิดกล่องทั้งสองใบที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ก็แอบพูดกับตัวเองในใจ แต่ว่าของพวกนี้หากเขาได้มาก็ใช้ไม่ได้ ดูจากพลังเวทที่ตนเองมีในตอนนี้ ถ้าหากแตะต้องสิ่งของพวกนี้เข้าล่ะก็ไม่ใช่รนหาที่ตายหรอกหรือ

        “กระบี่เฟยเจี้ยนต้องเป็นกระบี่เฟยเจี้ยนของข้าแน่ๆ”ตอนที่กัวไฮว่ยื่นมือไปเปิดกล่องใบที่สามในใจก็พลันตะโกนร้องเสียงดัง

        “นายท่าน สุดยอดไปเลยผมเคยไปเดินเล่นในตลาดขายของโบราณตั้งนานไม่เคยเห็นของล้ำค่าที่ดีขนาดนี้มาก่อนเลย คุณบอกหน่อยได้ไหมว่าของพวกนี้เอาไว้ทำอะไร”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเขายากที่จะปิดบังความดีใจของตนเองเอาไว้ เป็นเพราะเมื่อเปิดกล่องที่สามสิ่งที่ดูคุ้นตาก็ดึงดูสายตาเอาไว้ หากไม่ใช่กระบี่เฟยเจี้ยนที่ตนทำขึ้นมาในครานั้นจะเป็นสิ่งใดได้อีกเล่า

        “นี่เป็นเข็มทิศ น่าจะมีบรรพบุรุษคนหนึ่งรอบรู้เรื่องฮวงจุ้ยและปากว้าน่ะ แต่เข็มทิศอันนี้เล็กกว่าเข็มทิศในสมัยราชวงศ์ถังเยอะเลย”ปรมาจารย์อวี้เฟิวพูดยิ้มๆ

        “อันนี้น่าจะตราประทับ แต่ก็ดูไม่ออกแล้วว่าข้างใต้คืออักษรอะไรฉันเองก็เคยหาผู้เชี่ยวชาญมาหลายคนแต่ก็แยกแยะไม่ออก”ปรมาจารย์พูดต่อไป

        “ของชิ้นสุดท้ายฉันว่าน่าจะเป็นของเล่นที่บรรพบุรุษทำไว้ให้ลูกหลานของตัวเองล่ะมั้งแต่ว่างานประณีตมากๆแต่ตอนหลังเห็นว่ามันคมเกินไปก็เลยให้เก็บไว้ให้ลูกหลานสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ”ปรมาจารย์พูดยิ้มๆ

        เมื่อปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดจบ กัวไฮว่ก็แทบจะเป็นบ้า เข็มทิศเจ็ดดาว ตราประทับพลิกฟ้า กระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยน ตอนนั้นเขาใช้ของพวกนี้กู้โลกสังหารมาร เฉินชิ่งหยวนสะสมบุญกุศลจำนวนมากทำให้เขาได้บินขึ้นไปสู่แดนสวรรค์จะสู้กับสายฟ้าฟาดก็ไม่เปลืองแรงแม้แต่นิดเดียว ไม่คิดเลยว่าจะสืบทอดมาถึงตอนนี้และมีตำนานแบบนี้อีกด้วย

         

 

                                                              ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+