[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 90 เจ้าสองเจ้าสามผู้โศกเศร้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 90 เจ้าสองเจ้าสามผู้โศกเศร้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพวกพี่ไม่อยากลองพวกเราก็จะไม่บังคับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ลองเหรอ ทำไมจะไม่ลองล่ะ ถ้าแกทำให้รอยแผลเป็นบนมือพี่ให้หายไปได้ ฉันจะช่วยแกจัดการเรื่องที่แกจะเปิดคลินิกเอง ถ้าแกทำไม่ได้ งั้นแก เจ้าสี่ต้องทำอะไรก็ไปทำซะไป” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “เรื่องเงินเราต้องจัดการให้ชัดเจน ผมเพิ่งจะเปิดธุรกิจเล็กๆ นี้ของผม ลดราคาให้พี่ยี่สิบเปอร์เซ็น ถ้าจัดการให้พี่เรียบร้อย พี่สองก็หาวิธีเอาโสมป่าร้อยปีมาสักสิบต้นก็พอแล้ว แล้วก็พี่สามเมื่อก่อนพี่เคยบอกว่านายท่านบ้านพี่มีไท่ซุ่ยอยู่ห้าสิบกิโล หาวิธีเอามาให้ผมสักสิบจิน ถ้าตกลง ผมก็จะเริ่มรักษาให้พี่เดี่ยวนี้แหละ”

        “ได้ ฉันตกลง แต่ขอฉันถามแกหน่อยสิ รอยแผลเป็นของพวกเราจะหายไปตอนไหนเหรอ จะหายไปได้ขนาดไหน น่าจะบอกกันได้นะ” เจี่ยหยวนกลอกตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “แผลเป็นหายไปน่าจะเหมือนกับไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่สิ น่าจะเหมือนได้ผิวใหม่เลย ใช่ไหม เจ้าสี่” หวังเซิงพูดต่อ

        “อืม พี่สามพูดถูก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อันที่จริงทั้งสองมีจุดประสงค์อะไรกัวไฮว่เองก็รู้อยู่แก่ใจ เจ้าผีเหล้าสองคนนี่

        “งั้นเอางี้ พวกเราให้เวลาแกสามวัน ถ้าแกทำให้พวกเราหายดี พวกเราจะให้ของที่แกต้องการไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วก็จะตกลงเงื่อนไขที่แกบอกมาก่อนหน้านี้ด้วย บ้านแล้วก็ใบประกอบอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “ใช่ แต่เจ้าสี่ ถ้าแกทำไม่ได้แกทำให้เราเสียเวลา พวกเราก็ไม่ต้องการอะไรจากแกหรอก เหล้าในขวดที่บ้านเหลือน้อยเต็มทีแล้ว แกเติมให้พวกเราเต็มก็พอแล้ว แกว่าเป็นไง” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        เจี่ยหยวนมองหวังเซิงแวบหนึ่ง นี่แหละที่เรียกกันว่ารู้กันทัน รู้ไส้รู้พุงพี่ดีจริงๆ

        “งั้นเราก็อย่าชักช้า มาเริ่มกันตอนนี้เลยเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่ๆ ทั้งสองคน ผมอยากบอกพี่อีกนิดหน่อย เรื่องที่ผมรักษาให้พวกพี่น่ะ นอกจากคนสนิทก็อย่าไปบอกคนอื่นนะ อีกหน่อยพอคลินิกเปิดแล้ว ผมจะรักษาแค่วันละสิบคน”

        “เจ้าสี่ อย่าชักช้าเลย พี่เลื่อนประชุมบริษัทเพื่อมาหาแกเนี่ย เร็วเข้า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง เขาถกเสื้อเผยให้เห็นลำแขน ทำให้เห็นรอยฟันชัดเจน กัวไฮว่ในตอนนั้นกัดแรงใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

        กัวไฮว่ให้เซวียนต้าจู้เอาน้ำสะอาดมากอ่างหนึ่ง ใช้ผ้าขนหนูเช็ดบริเวณแขนของทั้งสองให้สะอาด จากนั้นในมือก็มียาเม็ดเล็กๆ เม็ดหนึ่ง

        “เจ้าสี่ แกควรจะเช็ดแอลกอฮอล์หน่อยไม่ใช่เหรอ นี่มันความรู้พื้นฐาน ฉันว่าแกอย่าทำเลยดีกว่า รีบเอาเหล้ามาให้พวกเราเร็ว วันนี้เราสามคนมากินเหล้ากันสักหน่อย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “พี่สอง จะรีบไปไหนล่ะ ให้เวลาเจ้าสี่มันหน่อยสิ ให้เจ้าสี่มันค่อยๆ รักษา ถ้าเจ้าสี่รักษาพวกเราให้หายดีแล้ว ตอนนั้นหน้าเราก็จะมีออร่านะ จากฝีมือของเจ้าสี่แล้วเนี่ย เป็นหนึ่งเหนือกว่าทั้งหัวซย่าอีกนะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน ในมือก็ไม่รู้ว่ามีมีดเล็กอันวิจิตรตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่สิ น่าจะเป็นดาบเฟยเจี้ยนแบบเล็ก จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เกลี่ยผงยาในเม็ดยานั่นออก

        “นี่น่าจะพอแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้วเอายาไปโปะบนแขนของหวังเซิงและเจี่ยหยวน จากนั้นก็มีความรู้สึกชาแล่นจากแขนทั้งสองข้างตรงไปยังสมองของทั้งสองคน

        “เจ้าสี่ ทำให้อีกสิ สบาย สบายจริงๆ” เจี่ยหยวนร้องตะโกนเสียงดัง

        “ใช่ เจ้าสี่ แกใช้ยาอะไรเนี่ย สบายจังเลย หวังเซิงร้องตะโกนออกมาเช่นกัน”

        “พี่ๆ สองคนไม่ต้องร้องซะฟินขนาดนี้ก็ได้มั้ง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาเอาผ้าก๊อซห่อแขนของทั้งสองเอาไว้ “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยเอาผ้าก๊อซออกนะ ถ้ามีคำถามอะไรก็โทรมาหาน้องได้เลย แต่ผมขอเตือนทั้งสองคนไว้นะ รีบเตรียมเงินค่ายาไว้เลย ถ้ารักษาหายแล้วแต่เงินไม่มา ผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะเป็นพี่สองหรือพี่สาม”

        “ให้ตาย เจ้าสี่ ถ้าแกรักษาแขนให้พี่หายดีจริงๆ ต่อไปพี่จะเรียกแกว่าพี่” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “แกก็เตรียมเหล้าเอาไว้เลย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกพี่จะมาเอาเหล้า”

        “พี่สอง พี่ตื่นเต้นแล้วสิ ในเมื่อวันนี้พวกเราอยู่นี่ งั้นเราก็อยู่กินข้าวสักมื้อที่บ้านน้องสี่สิ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “เรื่องกินน้องไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวฉันจะไปที่อู่เฉินไปสั่งข้าวกลับมาสองสามอย่าง ส่วนเรื่องเหล้ายกให้เป็นหน้าที่แก” พูดเสร็จ หวังเซิงก็ลากเจี่ยหยวนก็วิ่งออกไป

        “อวี้เอ๋อร์ เดี๋ยวเธอบอกพวกเขานะว่าใช้ยาแล้วห้ามดื่มเหล้า กล้ามาหยอกเมียฉันได้ยังไง ดูถูกพวกเขาไม่ได้เชียวนะ” กัวไฮว่มองพี่ชายตัวดีทั้งสองของตนเองแล้วพูดยิ้มๆ

        “เสี่ยวเฟย โทรมามีอะไรเหรอ” ในขณะที่กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์กำลังรอให้เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเอาอาหารกลับมานั่นเอง เขาก็ได้รับสายจากมู่หรงเฟย

        “พี่ไฮว่ พี่ยังจำที่พี่รับปากกับอาจารย์ทั้งสามท่านที่บ้านมู่หรงหรือเปล่า ของที่พี่ให้พวกเขาเตรียมพวกเขาเตรียมเรียบร้อยแล้วนะครับ ของอยู่ที่ผมเนี่ย จะให้ผมส่งให้พี่เมื่อไหร่เหรอ” มู่หรงเฟยถามยิ้มๆ

        “มาตอนนี้เลยสิ มากินข้าวด้วยกันพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ไม่นาน เจี่ยหยวนกับหวังเซิงก็เดินเข้าบ้านมาก่อน ตามด้วยมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลง ทุกๆ คนมองหน้ากัน มู่หรงเฟยจำเจี่ยหยวนได้ เจี่ยหยวนเองก็รู้สึกคุ้นหน้ามู่หรงเฟย ทุกคนต่างก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา

        “เสี่ยวเฟย ไม่ได้เจอแกนานเลย ฉันยังจำได้ว่าเคยเจอแกตอนไปที่กองทหารกับพี่เย่า แกก็รู้จักเจ้าสี่ของเราด้วยเหรอ” เจี่ยหยวนถามยิ้มๆ

        “พี่หมายถึงพี่ไฮว่เหรอ รู้จักครับรู้จัก ครั้งนี้ผมก็มาหาพี่ไฮว่เนี่ยแหละ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ “ขอแนะนำให้พวกพี่รู้จักหน่อย นี่มู่หรงหลง ลูกพี่ลูกน้องผมเอง เป็นพี่เขยของน้องสี่พวกพี่ ฮ่าๆ”

        “พี่ชายของมู่หรงเวยเวย? ราชาทหารที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในครั้งนั้น? ไอ้น้องหลง หลายปีมานี่แกไปไหนมาล่ะ” เจี่ยหยวนรู้เรื่องราวของตระกูลมู่หรงมานิดหน่อย เขาถามขึ้นยิ้มๆ

        “เข้าไปก่อนค่อยคุยกันเถอะ” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ จากนั้นทุกคนก็เข้าห้องไป

        “พี่ไฮว่ พี่ดูหน่อยสิว่าของที่อาจารย์ผมหามาถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูก ผมจะได้รีบไปบอกพวกเขา” มู่หรงเฟยพูดพลางวางของกองใหญ่ไว้บนโต๊ะ

        “ตระกูลขุนนางบำเพ็ญเพียรนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สมุนไพรพวกนี้ดีกว่าของในร้านยาเยอะเลย” กัวไฮว่ไม่ต้องมอง เพียงแค่ดมกลิ่นยาก็แยกแยะคุณภาพของยาพวกนี้ได้

        “ถูกต้อง ยานี่ถูกหมดเลย นายกลับไปบอกอาจารย์นายนะว่าเจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกไม่ของเราจะเปิดกิจการ ให้ทั้งสามมาเอายาได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าว เรามากินข้าวกันก่อน พี่สองพี่สามฉันสั่งข้าวกลับมาแล้ว มากินข้าวด้วยกัน”

        “ต้าจู้ ไปเอาเหล้ามาห้าแก้ว มีอยู่ในตู้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นต้าจู้ก็ส่งแก้วมาแล้วเทเหล้าใส่แก้วทั้งห้าใบจนเต็ม

        “เจ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่กินเหล้าเหรอ ยังขาดอีกแก้วนึง” เจี่ยหยวนพูดเตือนยิ้มๆ

        “พี่หยวน เหล้านี่อวี้เอ๋อร์กิน ไม่มีของพี่กับพี่เซิง เมื่อกี้พวกพี่รีบไปเลยลืมบอกพวกพี่น่ะ วันนี้พวกพี่ใช้ยาไปจะกินเหล้าไม่ได้ ไม่งั้นจะกระทบต่อประสิทธิภาพทางยา” อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาแก้วทั้งหาให้กัวไฮว่ ต้าจู้ มู่หรงหลง มู่หรงเฟยและตนเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 90 เจ้าสองเจ้าสามผู้โศกเศร้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 90 เจ้าสองเจ้าสามผู้โศกเศร้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพวกพี่ไม่อยากลองพวกเราก็จะไม่บังคับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ลองเหรอ ทำไมจะไม่ลองล่ะ ถ้าแกทำให้รอยแผลเป็นบนมือพี่ให้หายไปได้ ฉันจะช่วยแกจัดการเรื่องที่แกจะเปิดคลินิกเอง ถ้าแกทำไม่ได้ งั้นแก เจ้าสี่ต้องทำอะไรก็ไปทำซะไป” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “เรื่องเงินเราต้องจัดการให้ชัดเจน ผมเพิ่งจะเปิดธุรกิจเล็กๆ นี้ของผม ลดราคาให้พี่ยี่สิบเปอร์เซ็น ถ้าจัดการให้พี่เรียบร้อย พี่สองก็หาวิธีเอาโสมป่าร้อยปีมาสักสิบต้นก็พอแล้ว แล้วก็พี่สามเมื่อก่อนพี่เคยบอกว่านายท่านบ้านพี่มีไท่ซุ่ยอยู่ห้าสิบกิโล หาวิธีเอามาให้ผมสักสิบจิน ถ้าตกลง ผมก็จะเริ่มรักษาให้พี่เดี่ยวนี้แหละ”

        “ได้ ฉันตกลง แต่ขอฉันถามแกหน่อยสิ รอยแผลเป็นของพวกเราจะหายไปตอนไหนเหรอ จะหายไปได้ขนาดไหน น่าจะบอกกันได้นะ” เจี่ยหยวนกลอกตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “แผลเป็นหายไปน่าจะเหมือนกับไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่สิ น่าจะเหมือนได้ผิวใหม่เลย ใช่ไหม เจ้าสี่” หวังเซิงพูดต่อ

        “อืม พี่สามพูดถูก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อันที่จริงทั้งสองมีจุดประสงค์อะไรกัวไฮว่เองก็รู้อยู่แก่ใจ เจ้าผีเหล้าสองคนนี่

        “งั้นเอางี้ พวกเราให้เวลาแกสามวัน ถ้าแกทำให้พวกเราหายดี พวกเราจะให้ของที่แกต้องการไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วก็จะตกลงเงื่อนไขที่แกบอกมาก่อนหน้านี้ด้วย บ้านแล้วก็ใบประกอบอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “ใช่ แต่เจ้าสี่ ถ้าแกทำไม่ได้แกทำให้เราเสียเวลา พวกเราก็ไม่ต้องการอะไรจากแกหรอก เหล้าในขวดที่บ้านเหลือน้อยเต็มทีแล้ว แกเติมให้พวกเราเต็มก็พอแล้ว แกว่าเป็นไง” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        เจี่ยหยวนมองหวังเซิงแวบหนึ่ง นี่แหละที่เรียกกันว่ารู้กันทัน รู้ไส้รู้พุงพี่ดีจริงๆ

        “งั้นเราก็อย่าชักช้า มาเริ่มกันตอนนี้เลยเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่ๆ ทั้งสองคน ผมอยากบอกพี่อีกนิดหน่อย เรื่องที่ผมรักษาให้พวกพี่น่ะ นอกจากคนสนิทก็อย่าไปบอกคนอื่นนะ อีกหน่อยพอคลินิกเปิดแล้ว ผมจะรักษาแค่วันละสิบคน”

        “เจ้าสี่ อย่าชักช้าเลย พี่เลื่อนประชุมบริษัทเพื่อมาหาแกเนี่ย เร็วเข้า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง เขาถกเสื้อเผยให้เห็นลำแขน ทำให้เห็นรอยฟันชัดเจน กัวไฮว่ในตอนนั้นกัดแรงใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

        กัวไฮว่ให้เซวียนต้าจู้เอาน้ำสะอาดมากอ่างหนึ่ง ใช้ผ้าขนหนูเช็ดบริเวณแขนของทั้งสองให้สะอาด จากนั้นในมือก็มียาเม็ดเล็กๆ เม็ดหนึ่ง

        “เจ้าสี่ แกควรจะเช็ดแอลกอฮอล์หน่อยไม่ใช่เหรอ นี่มันความรู้พื้นฐาน ฉันว่าแกอย่าทำเลยดีกว่า รีบเอาเหล้ามาให้พวกเราเร็ว วันนี้เราสามคนมากินเหล้ากันสักหน่อย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “พี่สอง จะรีบไปไหนล่ะ ให้เวลาเจ้าสี่มันหน่อยสิ ให้เจ้าสี่มันค่อยๆ รักษา ถ้าเจ้าสี่รักษาพวกเราให้หายดีแล้ว ตอนนั้นหน้าเราก็จะมีออร่านะ จากฝีมือของเจ้าสี่แล้วเนี่ย เป็นหนึ่งเหนือกว่าทั้งหัวซย่าอีกนะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน ในมือก็ไม่รู้ว่ามีมีดเล็กอันวิจิตรตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่สิ น่าจะเป็นดาบเฟยเจี้ยนแบบเล็ก จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เกลี่ยผงยาในเม็ดยานั่นออก

        “นี่น่าจะพอแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้วเอายาไปโปะบนแขนของหวังเซิงและเจี่ยหยวน จากนั้นก็มีความรู้สึกชาแล่นจากแขนทั้งสองข้างตรงไปยังสมองของทั้งสองคน

        “เจ้าสี่ ทำให้อีกสิ สบาย สบายจริงๆ” เจี่ยหยวนร้องตะโกนเสียงดัง

        “ใช่ เจ้าสี่ แกใช้ยาอะไรเนี่ย สบายจังเลย หวังเซิงร้องตะโกนออกมาเช่นกัน”

        “พี่ๆ สองคนไม่ต้องร้องซะฟินขนาดนี้ก็ได้มั้ง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาเอาผ้าก๊อซห่อแขนของทั้งสองเอาไว้ “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยเอาผ้าก๊อซออกนะ ถ้ามีคำถามอะไรก็โทรมาหาน้องได้เลย แต่ผมขอเตือนทั้งสองคนไว้นะ รีบเตรียมเงินค่ายาไว้เลย ถ้ารักษาหายแล้วแต่เงินไม่มา ผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะเป็นพี่สองหรือพี่สาม”

        “ให้ตาย เจ้าสี่ ถ้าแกรักษาแขนให้พี่หายดีจริงๆ ต่อไปพี่จะเรียกแกว่าพี่” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “แกก็เตรียมเหล้าเอาไว้เลย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกพี่จะมาเอาเหล้า”

        “พี่สอง พี่ตื่นเต้นแล้วสิ ในเมื่อวันนี้พวกเราอยู่นี่ งั้นเราก็อยู่กินข้าวสักมื้อที่บ้านน้องสี่สิ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “เรื่องกินน้องไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวฉันจะไปที่อู่เฉินไปสั่งข้าวกลับมาสองสามอย่าง ส่วนเรื่องเหล้ายกให้เป็นหน้าที่แก” พูดเสร็จ หวังเซิงก็ลากเจี่ยหยวนก็วิ่งออกไป

        “อวี้เอ๋อร์ เดี๋ยวเธอบอกพวกเขานะว่าใช้ยาแล้วห้ามดื่มเหล้า กล้ามาหยอกเมียฉันได้ยังไง ดูถูกพวกเขาไม่ได้เชียวนะ” กัวไฮว่มองพี่ชายตัวดีทั้งสองของตนเองแล้วพูดยิ้มๆ

        “เสี่ยวเฟย โทรมามีอะไรเหรอ” ในขณะที่กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์กำลังรอให้เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเอาอาหารกลับมานั่นเอง เขาก็ได้รับสายจากมู่หรงเฟย

        “พี่ไฮว่ พี่ยังจำที่พี่รับปากกับอาจารย์ทั้งสามท่านที่บ้านมู่หรงหรือเปล่า ของที่พี่ให้พวกเขาเตรียมพวกเขาเตรียมเรียบร้อยแล้วนะครับ ของอยู่ที่ผมเนี่ย จะให้ผมส่งให้พี่เมื่อไหร่เหรอ” มู่หรงเฟยถามยิ้มๆ

        “มาตอนนี้เลยสิ มากินข้าวด้วยกันพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ไม่นาน เจี่ยหยวนกับหวังเซิงก็เดินเข้าบ้านมาก่อน ตามด้วยมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลง ทุกๆ คนมองหน้ากัน มู่หรงเฟยจำเจี่ยหยวนได้ เจี่ยหยวนเองก็รู้สึกคุ้นหน้ามู่หรงเฟย ทุกคนต่างก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา

        “เสี่ยวเฟย ไม่ได้เจอแกนานเลย ฉันยังจำได้ว่าเคยเจอแกตอนไปที่กองทหารกับพี่เย่า แกก็รู้จักเจ้าสี่ของเราด้วยเหรอ” เจี่ยหยวนถามยิ้มๆ

        “พี่หมายถึงพี่ไฮว่เหรอ รู้จักครับรู้จัก ครั้งนี้ผมก็มาหาพี่ไฮว่เนี่ยแหละ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ “ขอแนะนำให้พวกพี่รู้จักหน่อย นี่มู่หรงหลง ลูกพี่ลูกน้องผมเอง เป็นพี่เขยของน้องสี่พวกพี่ ฮ่าๆ”

        “พี่ชายของมู่หรงเวยเวย? ราชาทหารที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในครั้งนั้น? ไอ้น้องหลง หลายปีมานี่แกไปไหนมาล่ะ” เจี่ยหยวนรู้เรื่องราวของตระกูลมู่หรงมานิดหน่อย เขาถามขึ้นยิ้มๆ

        “เข้าไปก่อนค่อยคุยกันเถอะ” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ จากนั้นทุกคนก็เข้าห้องไป

        “พี่ไฮว่ พี่ดูหน่อยสิว่าของที่อาจารย์ผมหามาถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูก ผมจะได้รีบไปบอกพวกเขา” มู่หรงเฟยพูดพลางวางของกองใหญ่ไว้บนโต๊ะ

        “ตระกูลขุนนางบำเพ็ญเพียรนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สมุนไพรพวกนี้ดีกว่าของในร้านยาเยอะเลย” กัวไฮว่ไม่ต้องมอง เพียงแค่ดมกลิ่นยาก็แยกแยะคุณภาพของยาพวกนี้ได้

        “ถูกต้อง ยานี่ถูกหมดเลย นายกลับไปบอกอาจารย์นายนะว่าเจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกไม่ของเราจะเปิดกิจการ ให้ทั้งสามมาเอายาได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าว เรามากินข้าวกันก่อน พี่สองพี่สามฉันสั่งข้าวกลับมาแล้ว มากินข้าวด้วยกัน”

        “ต้าจู้ ไปเอาเหล้ามาห้าแก้ว มีอยู่ในตู้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นต้าจู้ก็ส่งแก้วมาแล้วเทเหล้าใส่แก้วทั้งห้าใบจนเต็ม

        “เจ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่กินเหล้าเหรอ ยังขาดอีกแก้วนึง” เจี่ยหยวนพูดเตือนยิ้มๆ

        “พี่หยวน เหล้านี่อวี้เอ๋อร์กิน ไม่มีของพี่กับพี่เซิง เมื่อกี้พวกพี่รีบไปเลยลืมบอกพวกพี่น่ะ วันนี้พวกพี่ใช้ยาไปจะกินเหล้าไม่ได้ ไม่งั้นจะกระทบต่อประสิทธิภาพทางยา” อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาแก้วทั้งหาให้กัวไฮว่ ต้าจู้ มู่หรงหลง มู่หรงเฟยและตนเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 90 เจ้าสองเจ้าสามผู้โศกเศร้า

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 90 เจ้าสองเจ้าสามผู้โศกเศร้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “โอกาสมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ถ้าพวกพี่ไม่อยากลองพวกเราก็จะไม่บังคับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ลองเหรอ ทำไมจะไม่ลองล่ะ ถ้าแกทำให้รอยแผลเป็นบนมือพี่ให้หายไปได้ ฉันจะช่วยแกจัดการเรื่องที่แกจะเปิดคลินิกเอง ถ้าแกทำไม่ได้ งั้นแก เจ้าสี่ต้องทำอะไรก็ไปทำซะไป” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “เรื่องเงินเราต้องจัดการให้ชัดเจน ผมเพิ่งจะเปิดธุรกิจเล็กๆ นี้ของผม ลดราคาให้พี่ยี่สิบเปอร์เซ็น ถ้าจัดการให้พี่เรียบร้อย พี่สองก็หาวิธีเอาโสมป่าร้อยปีมาสักสิบต้นก็พอแล้ว แล้วก็พี่สามเมื่อก่อนพี่เคยบอกว่านายท่านบ้านพี่มีไท่ซุ่ยอยู่ห้าสิบกิโล หาวิธีเอามาให้ผมสักสิบจิน ถ้าตกลง ผมก็จะเริ่มรักษาให้พี่เดี่ยวนี้แหละ”

        “ได้ ฉันตกลง แต่ขอฉันถามแกหน่อยสิ รอยแผลเป็นของพวกเราจะหายไปตอนไหนเหรอ จะหายไปได้ขนาดไหน น่าจะบอกกันได้นะ” เจี่ยหยวนกลอกตาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “แผลเป็นหายไปน่าจะเหมือนกับไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่สิ น่าจะเหมือนได้ผิวใหม่เลย ใช่ไหม เจ้าสี่” หวังเซิงพูดต่อ

        “อืม พี่สามพูดถูก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อันที่จริงทั้งสองมีจุดประสงค์อะไรกัวไฮว่เองก็รู้อยู่แก่ใจ เจ้าผีเหล้าสองคนนี่

        “งั้นเอางี้ พวกเราให้เวลาแกสามวัน ถ้าแกทำให้พวกเราหายดี พวกเราจะให้ของที่แกต้องการไม่ขาดแม้แต่ชิ้นเดียว แล้วก็จะตกลงเงื่อนไขที่แกบอกมาก่อนหน้านี้ด้วย บ้านแล้วก็ใบประกอบอะไรนั่นไม่ใช่ปัญหาเลย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “ใช่ แต่เจ้าสี่ ถ้าแกทำไม่ได้แกทำให้เราเสียเวลา พวกเราก็ไม่ต้องการอะไรจากแกหรอก เหล้าในขวดที่บ้านเหลือน้อยเต็มทีแล้ว แกเติมให้พวกเราเต็มก็พอแล้ว แกว่าเป็นไง” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        เจี่ยหยวนมองหวังเซิงแวบหนึ่ง นี่แหละที่เรียกกันว่ารู้กันทัน รู้ไส้รู้พุงพี่ดีจริงๆ

        “งั้นเราก็อย่าชักช้า มาเริ่มกันตอนนี้เลยเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่ๆ ทั้งสองคน ผมอยากบอกพี่อีกนิดหน่อย เรื่องที่ผมรักษาให้พวกพี่น่ะ นอกจากคนสนิทก็อย่าไปบอกคนอื่นนะ อีกหน่อยพอคลินิกเปิดแล้ว ผมจะรักษาแค่วันละสิบคน”

        “เจ้าสี่ อย่าชักช้าเลย พี่เลื่อนประชุมบริษัทเพื่อมาหาแกเนี่ย เร็วเข้า” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง เขาถกเสื้อเผยให้เห็นลำแขน ทำให้เห็นรอยฟันชัดเจน กัวไฮว่ในตอนนั้นกัดแรงใช้ได้เหมือนกันนะเนี่ย

        กัวไฮว่ให้เซวียนต้าจู้เอาน้ำสะอาดมากอ่างหนึ่ง ใช้ผ้าขนหนูเช็ดบริเวณแขนของทั้งสองให้สะอาด จากนั้นในมือก็มียาเม็ดเล็กๆ เม็ดหนึ่ง

        “เจ้าสี่ แกควรจะเช็ดแอลกอฮอล์หน่อยไม่ใช่เหรอ นี่มันความรู้พื้นฐาน ฉันว่าแกอย่าทำเลยดีกว่า รีบเอาเหล้ามาให้พวกเราเร็ว วันนี้เราสามคนมากินเหล้ากันสักหน่อย” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “พี่สอง จะรีบไปไหนล่ะ ให้เวลาเจ้าสี่มันหน่อยสิ ให้เจ้าสี่มันค่อยๆ รักษา ถ้าเจ้าสี่รักษาพวกเราให้หายดีแล้ว ตอนนั้นหน้าเราก็จะมีออร่านะ จากฝีมือของเจ้าสี่แล้วเนี่ย เป็นหนึ่งเหนือกว่าทั้งหัวซย่าอีกนะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่ไม่ได้สนใจว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน ในมือก็ไม่รู้ว่ามีมีดเล็กอันวิจิตรตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่สิ น่าจะเป็นดาบเฟยเจี้ยนแบบเล็ก จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เกลี่ยผงยาในเม็ดยานั่นออก

        “นี่น่าจะพอแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ แล้วเอายาไปโปะบนแขนของหวังเซิงและเจี่ยหยวน จากนั้นก็มีความรู้สึกชาแล่นจากแขนทั้งสองข้างตรงไปยังสมองของทั้งสองคน

        “เจ้าสี่ ทำให้อีกสิ สบาย สบายจริงๆ” เจี่ยหยวนร้องตะโกนเสียงดัง

        “ใช่ เจ้าสี่ แกใช้ยาอะไรเนี่ย สบายจังเลย หวังเซิงร้องตะโกนออกมาเช่นกัน”

        “พี่ๆ สองคนไม่ต้องร้องซะฟินขนาดนี้ก็ได้มั้ง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาเอาผ้าก๊อซห่อแขนของทั้งสองเอาไว้ “พรุ่งนี้ตอนเที่ยงค่อยเอาผ้าก๊อซออกนะ ถ้ามีคำถามอะไรก็โทรมาหาน้องได้เลย แต่ผมขอเตือนทั้งสองคนไว้นะ รีบเตรียมเงินค่ายาไว้เลย ถ้ารักษาหายแล้วแต่เงินไม่มา ผมไม่สนหรอกนะว่าพี่จะเป็นพี่สองหรือพี่สาม”

        “ให้ตาย เจ้าสี่ ถ้าแกรักษาแขนให้พี่หายดีจริงๆ ต่อไปพี่จะเรียกแกว่าพี่” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง “แกก็เตรียมเหล้าเอาไว้เลย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกพี่จะมาเอาเหล้า”

        “พี่สอง พี่ตื่นเต้นแล้วสิ ในเมื่อวันนี้พวกเราอยู่นี่ งั้นเราก็อยู่กินข้าวสักมื้อที่บ้านน้องสี่สิ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “เรื่องกินน้องไม่ต้องยุ่ง เดี๋ยวฉันจะไปที่อู่เฉินไปสั่งข้าวกลับมาสองสามอย่าง ส่วนเรื่องเหล้ายกให้เป็นหน้าที่แก” พูดเสร็จ หวังเซิงก็ลากเจี่ยหยวนก็วิ่งออกไป

        “อวี้เอ๋อร์ เดี๋ยวเธอบอกพวกเขานะว่าใช้ยาแล้วห้ามดื่มเหล้า กล้ามาหยอกเมียฉันได้ยังไง ดูถูกพวกเขาไม่ได้เชียวนะ” กัวไฮว่มองพี่ชายตัวดีทั้งสองของตนเองแล้วพูดยิ้มๆ

        “เสี่ยวเฟย โทรมามีอะไรเหรอ” ในขณะที่กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์กำลังรอให้เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเอาอาหารกลับมานั่นเอง เขาก็ได้รับสายจากมู่หรงเฟย

        “พี่ไฮว่ พี่ยังจำที่พี่รับปากกับอาจารย์ทั้งสามท่านที่บ้านมู่หรงหรือเปล่า ของที่พี่ให้พวกเขาเตรียมพวกเขาเตรียมเรียบร้อยแล้วนะครับ ของอยู่ที่ผมเนี่ย จะให้ผมส่งให้พี่เมื่อไหร่เหรอ” มู่หรงเฟยถามยิ้มๆ

        “มาตอนนี้เลยสิ มากินข้าวด้วยกันพอดีเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        ไม่นาน เจี่ยหยวนกับหวังเซิงก็เดินเข้าบ้านมาก่อน ตามด้วยมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลง ทุกๆ คนมองหน้ากัน มู่หรงเฟยจำเจี่ยหยวนได้ เจี่ยหยวนเองก็รู้สึกคุ้นหน้ามู่หรงเฟย ทุกคนต่างก็หัวเราะเฮฮาขึ้นมา

        “เสี่ยวเฟย ไม่ได้เจอแกนานเลย ฉันยังจำได้ว่าเคยเจอแกตอนไปที่กองทหารกับพี่เย่า แกก็รู้จักเจ้าสี่ของเราด้วยเหรอ” เจี่ยหยวนถามยิ้มๆ

        “พี่หมายถึงพี่ไฮว่เหรอ รู้จักครับรู้จัก ครั้งนี้ผมก็มาหาพี่ไฮว่เนี่ยแหละ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ “ขอแนะนำให้พวกพี่รู้จักหน่อย นี่มู่หรงหลง ลูกพี่ลูกน้องผมเอง เป็นพี่เขยของน้องสี่พวกพี่ ฮ่าๆ”

        “พี่ชายของมู่หรงเวยเวย? ราชาทหารที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในครั้งนั้น? ไอ้น้องหลง หลายปีมานี่แกไปไหนมาล่ะ” เจี่ยหยวนรู้เรื่องราวของตระกูลมู่หรงมานิดหน่อย เขาถามขึ้นยิ้มๆ

        “เข้าไปก่อนค่อยคุยกันเถอะ” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ จากนั้นทุกคนก็เข้าห้องไป

        “พี่ไฮว่ พี่ดูหน่อยสิว่าของที่อาจารย์ผมหามาถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ถูก ผมจะได้รีบไปบอกพวกเขา” มู่หรงเฟยพูดพลางวางของกองใหญ่ไว้บนโต๊ะ

        “ตระกูลขุนนางบำเพ็ญเพียรนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ สมุนไพรพวกนี้ดีกว่าของในร้านยาเยอะเลย” กัวไฮว่ไม่ต้องมอง เพียงแค่ดมกลิ่นยาก็แยกแยะคุณภาพของยาพวกนี้ได้

        “ถูกต้อง ยานี่ถูกหมดเลย นายกลับไปบอกอาจารย์นายนะว่าเจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกไม่ของเราจะเปิดกิจการ ให้ทั้งสามมาเอายาได้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าว เรามากินข้าวกันก่อน พี่สองพี่สามฉันสั่งข้าวกลับมาแล้ว มากินข้าวด้วยกัน”

        “ต้าจู้ ไปเอาเหล้ามาห้าแก้ว มีอยู่ในตู้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นต้าจู้ก็ส่งแก้วมาแล้วเทเหล้าใส่แก้วทั้งห้าใบจนเต็ม

        “เจ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่กินเหล้าเหรอ ยังขาดอีกแก้วนึง” เจี่ยหยวนพูดเตือนยิ้มๆ

        “พี่หยวน เหล้านี่อวี้เอ๋อร์กิน ไม่มีของพี่กับพี่เซิง เมื่อกี้พวกพี่รีบไปเลยลืมบอกพวกพี่น่ะ วันนี้พวกพี่ใช้ยาไปจะกินเหล้าไม่ได้ ไม่งั้นจะกระทบต่อประสิทธิภาพทางยา” อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาแก้วทั้งหาให้กัวไฮว่ ต้าจู้ มู่หรงหลง มู่หรงเฟยและตนเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+