[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 8 เด็กชายผู้ไม่มีเงิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 8 เด็กชายผู้ไม่มีเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      “พี่ใหญ่ พี่สอง ผมเอาเหล้าไปก่อนแล้วนะ” หวังเซิงไม่รู้เอาหลอดมาจากที่ไหน เปิดขวดใบใหญ่ของตนเองออกน้อยๆ จากนั้นก็เสียบหลอดเขาไป ดูดนิดหน่อย แล้วก็รีบปิดฝา เรียกคนใช้บ้านกัวเตรียมให้มายกขวดเหล้าไป

      “ให้ตาย ดูเจ้าสองนั่นสิ เหล้าของจริงแน่ๆ เลย อย่าเพิ่งให้มันไปก่อน ถ้าของพวกเราเป็นของปลอม อย่างน้อยก็กินของมันได้” หลี่เย่าพูดพลางห้ามหวังเซิงเอาไว้

      “พี่ใหญ่ ทำอะไรกันอยู่เนี่ย เอามือลงเลย เดี๋ยวผมมีประชุม ถ้าไปถึงช้าไม่รู้คุณอาผมจะจัดการกับผมยังไง เอามือลงเร็วพี่ๆ” หวังเซิงพูดเสียงดัง

      “แค่รองหัวหน้าหน่วยวางแผนครอบครัวอย่างแกจะประชุม รอแปบนึง รอเราทดสอบเหล้าของพวกเราเสร็จแล้วเดี๋ยวก็ปล่อยแกไป ไปเอาหลอดมาให้ฉัน!” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

      “เจ้าอ้วน พวกเราไปก่อนแล้วนะ มีอะไรก็ไปหาฉันที่บ้านได้” หลี่เย่าดูดเหล้าเล็กๆ คำนึง ก็รีบปิดฝา ไม่ได้ตามหาใคร แล้วรีบดิ่งไปอุ้มเหยือกใบใหญ่ขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

      “ไปไม่ได้ พวกแกใครก็ไปไม่ได้ รอให้ฉันทดสอบเหล้าเสร็จแล้วถึงจะไปได้” ในใจของเจี่ยหยวนพลันตระหนก เจ้าสี่ แกคงไม่ได้จะแกล้งฉันแบบนี้ใช่ไหม คิดๆไปเจี่ยหยวนก็เอาหลอดที่หลี่เย่าส่งมาให้ ค่อยๆ ดูดเหล้า

      “ไปกันเถอะ ถ้าช่วงนี้ไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมาหาฉัน ให้ฉันได้เมาเละหน่อย” เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจใช้คำพูดใดมาอธิบายได้

      “พี่เซิ่ง ในเหยือกกับในขวดเหล้าใส่อะไรไว้กันแน่ ทำไมพวกเขาถึงได้มีความสุขแบบนี้ล่ะ” เมื่อทั้งสามออกจากบ้านตระกูลกัวไป คนรับใช้สองสามคนก็มองพ่อบ้านพลางพูดถาม

      พ่อบ้านตระกูลกัวหยิบหลอดที่เจี่ยหยวนใช้เป็นคนสุดท้าย จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียไปโดยไม่ได้สนใจว่าจะสะอาดหรือไม่

      “นายน้อย นายน้อย เหล้า เหล้า!” พ่อบ้านตระกูลกัวพูดด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ต่อมาก็เป็นลมล้มพับไป

      แน่นอนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกัวไฮว่ไม่รู้อย่างแน่นอน เมื่อตื่นจากฝันร้าย เขาก็ล้างหน้าล้างตา กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนผู้ใหญ่ทั้งสอง จากนั้นตัวเขาเองก็เดินทางไปยังโรงเรียนโดยไม่ให้ใครไปส่ง

      “โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง (โรงเรียนฟู่จง) ในความทรงจำเด็กนี่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย นั่งรถเมล์ไปก็แล้วกัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่รู้จะถึงเมื่อไหร่” กัวไฮว่เงยหน้าขึ้นมามองป้ายรถสาย 888 สถานีปลายทางก็คือที่แห่งนั้น

      “โชคฉันไม่เลวจริงๆ คนมาถึงปุ๊บรถก็มาถึงปั๊บ ไปแล้ว โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง พี่มาแล้ว สาวๆ จ๋า กรี๊ดกันเร็ว ฉันมาช่วยชีวิตพวกเธอแล้ว” กัวไฮว่คิดพลางกระโดดขึ้นไปบนรถ

      “นี่หนู ยังไม่ได้เติมเงินในบัตร เร็วเข้า ข้างหลังยังมีคนรออยู่นะ” คนขับมองกัวไฮว่ที่จะเดินไปด้านหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะตะโกนไป

      “เติมเงินในบัตร? ให้ตายสิ ไม่มีเงิน” กัวไฮว่มองป้ายราคาไปโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงแวบหนึ่ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ราคาหนึ่งหยวนตลอดเส้นทาง ถูกจริงๆ เลย แต่บนเนื้อตัวของกัวไฮว่ตอนนี้ ไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียว

      “นี่หนู จะไปไหนเหรอ คงจะไม่ได้เบี้ยวใช่ไหม” คนขับรถถามกัวไฮว่ด้วยสายตารังเกียจ

      “ไปโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง นี่พี่ พี่ว่าเอางี้ดีไหม ครั้งนี้ผมรีบออกมาเลยไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา เอามาแค่บัตรใบเดียว ครั้งหน้าผมค่อยโปะเงินให้” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าดำมืด น่าอาย น่าอายจริงๆ ตอนตัวเองเป็นเซียนไม่เห็นจะเคยอับอายขนาดนี้มาก่อน

      “นี่ไอ้หนู แกไปยืนข้างๆ ก่อนไป ให้คนข้างหลังขึ้นมาก่อน” คนขับรถพูดยิ้มๆ “นี่ไอ้หนู แกโตพอๆ กับเจ้าเด็กบ้าที่บ้านลุงเลย เขาก็อยู่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง จะบอกอะไรให้นะ ลุงให้ตั๋วแกฟรีได้แต่แกจะมาหลอกลุงไม่ได้ โรงเรียนพวกแกเป็นโรงเรียนประจำ เดือนนึงจะกลับบ้านครั้งเดียว แกบอกว่าคราวหน้าจะโปะบัตรให้ รถเมล์สาย 888 นี้มีทั้งหมดหกสิบคัน โอกาสที่แกจะเจอลุงอีกครั้งเป็นหนึ่งในพันแปดร้อยครั้ง ซึ่งก็หมายความว่ายากมากที่เราจะได้บังเอิญเจอกันอีก”

      “ลุง หยุด หยุด ไม่ได้งั้นผมลงรถ ผมจะไปถอนเงิน ลุงไม่ต้องพูดแล้ว” กัวไฮว่มองคนขับรถที่เตรียมจะพูดต่อ เขาถึงขั้นใช้วิชาอ่านจิตถึงได้รู้ว่าคนขับรถคนนี้จะให้เขาทำงานด้านการศึกษาหนึ่งชั่วโมง ก็พลันทนรับไม่ไหว ถึงจะต่อยไม่ไหวอย่างน้อยก็พอซ่อนตัวไหวล่ะนะ

      “ลุง เดี๋ยวหนูจ่ายให้เขาเอง ลุงขับรถไปเถอะค่ะ” ในขณะที่ทั้งสองเถียงกันไม่หยุด เด็กหญิงอายุราวสิบห้าสิบหกคนหนึ่งก็เดินออกมาจากด้านหลัง หยอดเงินเข้าไปในกล่องเก็บเงิน จากนั้นก็ลากกัวไฮว่ไปนั่งด้านหลัง

      “เปิดกว้าง คนบนโลกนี่เปิดกว้างกันเกินไปแล้ว เด็กนี่จูงมือฉันเองเลย ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่รู้หรือไง เปิดกว้าง ฉันชอบจัง ฮ่าๆ เด็กนี่ก็หน้าตาไม่เลวเลย” กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ลากตนเองไปนั่งด้านหลังแวบหนึ่ง เมื่อเทียบกับโหยวโยวโยวแล้ว แม้ส่วนที่ควรจะใหญ่จะไม่ได้ใหญ่เหมือนโหยวโยวโยว แต่ว่าไอแห่งความอ่อนเยาว์กลับอยู่เหนือโหยวโยวโยว

      “เสี่ยวซี ยุ่งเรื่องคนอื่นอีกแล้วนะ ถ้าคุณป้ารู้เข้า ต้องสั่งสอนเธออีกแน่ๆ เลย” เด็กสาวที่ช่วยกัวไฮว่เอาไว้ชื่อว่าถังซี กัวไฮว่พบว่าข้างๆ เธอยังมีเด็กสาวที่หน้าตาพอๆ กับเธอคนหนึ่งอยู่

      “เยี่ยจื่อ เบาเสียงหน่อย เธอไม่บอกแม่ฉันก็ไม่รู้ เยี่ยจื่อ เธอคงจะไม่บอก ใช่ไหม” ถังซีพูดยิ้มๆ

      “ไอ้หนู มองอะไรฮะ อย่ามาคิดฉวยโอกาสจีบเลยนะ ไม่ต้องมาขอเบอร์ ขอวีแชท ถามชื่อแซ่ ถามราศีเกิด แล้วนายก็ไม่ต้องคืนเงินด้วย นายยังมีอะไรอีกรึเปล่า” ซูเยี่ยเงยหน้ามาแล้วก็พบว่ากัวไฮว่กำลังมองพวกเธออยู่ เลยถลึงตาพูดใส่กัวไฮว่

      “ยายเด็กผมเหลืองนี่ พี่ไม่ตามหาเธอหรอก” กัวไฮว่คือใคร เขาเป็นสี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิง ถูกเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี่ข่มขู่งั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นกัวไฮว่ยังเป็นเทพแห่งจิตในสรวงสวรรค์ “ฉันชื่อกัวไฮว่ วันนี้มารายงานตัวที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง ถ้าอยากให้ฉันคืนเงิน ก็ไปหาฉันที่นั่นได้ พวกเธอช่วยฉันครั้งนี้ถือว่าฉันติดค้างน้ำใจเธอ มีอะไรก็ไปหาฉันได้” พูดจบกัวไฮว่ก็ปิดตา ไม่พูดจาต่อ

      “นี่นายว่าใครเด็กผมเหลือง กัวไฮว่ ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินมาก่อนนะ” จู่ๆ ซูเยี่ยก็รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นๆ

      “เยี่ยจื่อ ชื่อเดียวกับเจ้าสี่ สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงเลย” ถังซีพูดเสียงค่อย

      “โห ก็ว่าทำไมชื่อคุ้นๆ กัวไฮว่แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี” ซู่เยี่ยมองพิจารณากัวไฮว่อีกครั้ง ใส่อาร์มานี่ทั้งตัว เหมือนว่าจะไม่ใช่ของปลอมเสียด้วย หรือว่าหมอนี่จะเป็นสี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงจริงๆ

      “หมอนี่แปลกแฮะ ถ้าเป็นเจ้าสี่ สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงจริงๆ ไม่น่าจะมาเรียนนี่ได้นะ ผอ.หลี่ไม่มีทางให้คนแบบนั้นเข้าโรงเรียนหรอก คงไม่ใช่เจ้าบ้านั่นหรอก” ถังซีลอบคิดในใจ

      “ให้ตาย เจ้ากัวไฮว่นี่ทำเรื่องเลวๆ มากี่เรื่องกันแน่ สี่ตัวอันตราย ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าก็ไม่ได้เลวเท่าไหร่ พี่เย่าเป็นราชาทหารในกองทัพ พี่หยวนหาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมาตั้งแต่ยังหนุ่ม พี่เซิงเป็นข้าราชการ ส่วนฉันเป็นทายาทรุ่นที่สามของเศรษฐี กับแค่ชอบซิ่งรถไม่ถือว่าผิดกฎหมายล่ะมั้ง”เทพแห่งจิตใช้วิชาอ่านจิตจึงรู้ว่าเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่

 

      “คุณตา ช่วยหนูสักครั้งนะคะ ให้กัวไฮว่ไปเรียนที่โรงเรียนเถอะนะหรือว่าคุณตายังกลัวเด็กนั่นอยู่” หลายเดือนก่อน ภายในบ้านของหลี่สวินอวี้ ผอ.โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปีพูดพลางโอบหลี่สวินอวี้เอาไว้

      “เสี่ยวฮวา เรื่องนี้ตารับปากแกไม่ได้ เสี่ยวกัวเป็นคนแบบไหน แกก็น่าจะรู้ดี ตารู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์แกกับหวังเซิงนั่นไม่เลวเลย แต่ว่าจะเอาสี่ตัวอันตรายมาโยนทิ้งที่โรงเรียนของเราไม่ได้ ยังไงซะเขาไปเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มๆ

      “คุณตา หลายปีมานี้หนูไม่เคยช่วยคุณตาเลยเหรอ” หลี่เสี่ยวฮวามองหลี่สวินอวี้พลางพูดเสียงดัง “หนูแซ่หลี่ แซ่เดียวกับแม่ แล้วก็แซ่เดียวกับคุณตาด้วย คุณตาจะทำแบบนี้กับหลานสาวตัวเองใช่ไหม”

      “เสี่ยวฮวา ถ้าให้หมอนั่นมาเรียนที่โรงเรียน เขาก็ทนไม่ไหวหรอก” หลี่สวินอวี้พูดอย่างจนใจ

      “คุณตาพูดมาตลอดนี่ โรงเรียนเราเป็นสถานที่บ่มเพาะคน ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้าไง ที่บอกว่าไม่มีใครก้าวผ่านมันไม่ได้น่ะ ตอนนี้หนูก็หาคนแบบนี้มาให้คุณตาแล้วไง ถ้าคุณตาเปลี่ยนแปลงเขาได้ นั่นก็หมายความว่าโรงเรียนเราเป็นสถานที่บ่มเพาะคนจริงๆ” หลี่เสี่ยวฮวากล่าวเสียงค่อย “บอกว่าตัวเองดีเด่ แต่ก็สู้โรงเรียนมัธยมอู่เฉิงจิ่วไม่เห็นได้เลย อย่างน้อยเขาก็กล้าให้กัวไฮว่เข้าเรียนที่นั่น”

 

                                                                ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 8 เด็กชายผู้ไม่มีเงิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 8 เด็กชายผู้ไม่มีเงิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      “พี่ใหญ่ พี่สอง ผมเอาเหล้าไปก่อนแล้วนะ” หวังเซิงไม่รู้เอาหลอดมาจากที่ไหน เปิดขวดใบใหญ่ของตนเองออกน้อยๆ จากนั้นก็เสียบหลอดเขาไป ดูดนิดหน่อย แล้วก็รีบปิดฝา เรียกคนใช้บ้านกัวเตรียมให้มายกขวดเหล้าไป

      “ให้ตาย ดูเจ้าสองนั่นสิ เหล้าของจริงแน่ๆ เลย อย่าเพิ่งให้มันไปก่อน ถ้าของพวกเราเป็นของปลอม อย่างน้อยก็กินของมันได้” หลี่เย่าพูดพลางห้ามหวังเซิงเอาไว้

      “พี่ใหญ่ ทำอะไรกันอยู่เนี่ย เอามือลงเลย เดี๋ยวผมมีประชุม ถ้าไปถึงช้าไม่รู้คุณอาผมจะจัดการกับผมยังไง เอามือลงเร็วพี่ๆ” หวังเซิงพูดเสียงดัง

      “แค่รองหัวหน้าหน่วยวางแผนครอบครัวอย่างแกจะประชุม รอแปบนึง รอเราทดสอบเหล้าของพวกเราเสร็จแล้วเดี๋ยวก็ปล่อยแกไป ไปเอาหลอดมาให้ฉัน!” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

      “เจ้าอ้วน พวกเราไปก่อนแล้วนะ มีอะไรก็ไปหาฉันที่บ้านได้” หลี่เย่าดูดเหล้าเล็กๆ คำนึง ก็รีบปิดฝา ไม่ได้ตามหาใคร แล้วรีบดิ่งไปอุ้มเหยือกใบใหญ่ขึ้นมา จากนั้นก็หมุนตัวจากไป

      “ไปไม่ได้ พวกแกใครก็ไปไม่ได้ รอให้ฉันทดสอบเหล้าเสร็จแล้วถึงจะไปได้” ในใจของเจี่ยหยวนพลันตระหนก เจ้าสี่ แกคงไม่ได้จะแกล้งฉันแบบนี้ใช่ไหม คิดๆไปเจี่ยหยวนก็เอาหลอดที่หลี่เย่าส่งมาให้ ค่อยๆ ดูดเหล้า

      “ไปกันเถอะ ถ้าช่วงนี้ไม่มีอะไรก็ไม่ต้องมาหาฉัน ให้ฉันได้เมาเละหน่อย” เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความสุขที่ไม่อาจใช้คำพูดใดมาอธิบายได้

      “พี่เซิ่ง ในเหยือกกับในขวดเหล้าใส่อะไรไว้กันแน่ ทำไมพวกเขาถึงได้มีความสุขแบบนี้ล่ะ” เมื่อทั้งสามออกจากบ้านตระกูลกัวไป คนรับใช้สองสามคนก็มองพ่อบ้านพลางพูดถาม

      พ่อบ้านตระกูลกัวหยิบหลอดที่เจี่ยหยวนใช้เป็นคนสุดท้าย จากนั้นก็ใช้ลิ้นเลียไปโดยไม่ได้สนใจว่าจะสะอาดหรือไม่

      “นายน้อย นายน้อย เหล้า เหล้า!” พ่อบ้านตระกูลกัวพูดด้วยความตื่นเต้นสุดขีด ต่อมาก็เป็นลมล้มพับไป

      แน่นอนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นกัวไฮว่ไม่รู้อย่างแน่นอน เมื่อตื่นจากฝันร้าย เขาก็ล้างหน้าล้างตา กินข้าวเช้าเป็นเพื่อนผู้ใหญ่ทั้งสอง จากนั้นตัวเขาเองก็เดินทางไปยังโรงเรียนโดยไม่ให้ใครไปส่ง

      “โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง (โรงเรียนฟู่จง) ในความทรงจำเด็กนี่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย นั่งรถเมล์ไปก็แล้วกัน ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่รู้จะถึงเมื่อไหร่” กัวไฮว่เงยหน้าขึ้นมามองป้ายรถสาย 888 สถานีปลายทางก็คือที่แห่งนั้น

      “โชคฉันไม่เลวจริงๆ คนมาถึงปุ๊บรถก็มาถึงปั๊บ ไปแล้ว โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง พี่มาแล้ว สาวๆ จ๋า กรี๊ดกันเร็ว ฉันมาช่วยชีวิตพวกเธอแล้ว” กัวไฮว่คิดพลางกระโดดขึ้นไปบนรถ

      “นี่หนู ยังไม่ได้เติมเงินในบัตร เร็วเข้า ข้างหลังยังมีคนรออยู่นะ” คนขับมองกัวไฮว่ที่จะเดินไปด้านหลังแวบหนึ่ง ก่อนจะตะโกนไป

      “เติมเงินในบัตร? ให้ตายสิ ไม่มีเงิน” กัวไฮว่มองป้ายราคาไปโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงแวบหนึ่ง ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ราคาหนึ่งหยวนตลอดเส้นทาง ถูกจริงๆ เลย แต่บนเนื้อตัวของกัวไฮว่ตอนนี้ ไม่มีเงินแม้แต่นิดเดียว

      “นี่หนู จะไปไหนเหรอ คงจะไม่ได้เบี้ยวใช่ไหม” คนขับรถถามกัวไฮว่ด้วยสายตารังเกียจ

      “ไปโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง นี่พี่ พี่ว่าเอางี้ดีไหม ครั้งนี้ผมรีบออกมาเลยไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา เอามาแค่บัตรใบเดียว ครั้งหน้าผมค่อยโปะเงินให้” กัวไฮว่พูดด้วยสีหน้าดำมืด น่าอาย น่าอายจริงๆ ตอนตัวเองเป็นเซียนไม่เห็นจะเคยอับอายขนาดนี้มาก่อน

      “นี่ไอ้หนู แกไปยืนข้างๆ ก่อนไป ให้คนข้างหลังขึ้นมาก่อน” คนขับรถพูดยิ้มๆ “นี่ไอ้หนู แกโตพอๆ กับเจ้าเด็กบ้าที่บ้านลุงเลย เขาก็อยู่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง จะบอกอะไรให้นะ ลุงให้ตั๋วแกฟรีได้แต่แกจะมาหลอกลุงไม่ได้ โรงเรียนพวกแกเป็นโรงเรียนประจำ เดือนนึงจะกลับบ้านครั้งเดียว แกบอกว่าคราวหน้าจะโปะบัตรให้ รถเมล์สาย 888 นี้มีทั้งหมดหกสิบคัน โอกาสที่แกจะเจอลุงอีกครั้งเป็นหนึ่งในพันแปดร้อยครั้ง ซึ่งก็หมายความว่ายากมากที่เราจะได้บังเอิญเจอกันอีก”

      “ลุง หยุด หยุด ไม่ได้งั้นผมลงรถ ผมจะไปถอนเงิน ลุงไม่ต้องพูดแล้ว” กัวไฮว่มองคนขับรถที่เตรียมจะพูดต่อ เขาถึงขั้นใช้วิชาอ่านจิตถึงได้รู้ว่าคนขับรถคนนี้จะให้เขาทำงานด้านการศึกษาหนึ่งชั่วโมง ก็พลันทนรับไม่ไหว ถึงจะต่อยไม่ไหวอย่างน้อยก็พอซ่อนตัวไหวล่ะนะ

      “ลุง เดี๋ยวหนูจ่ายให้เขาเอง ลุงขับรถไปเถอะค่ะ” ในขณะที่ทั้งสองเถียงกันไม่หยุด เด็กหญิงอายุราวสิบห้าสิบหกคนหนึ่งก็เดินออกมาจากด้านหลัง หยอดเงินเข้าไปในกล่องเก็บเงิน จากนั้นก็ลากกัวไฮว่ไปนั่งด้านหลัง

      “เปิดกว้าง คนบนโลกนี่เปิดกว้างกันเกินไปแล้ว เด็กนี่จูงมือฉันเองเลย ชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน ไม่รู้หรือไง เปิดกว้าง ฉันชอบจัง ฮ่าๆ เด็กนี่ก็หน้าตาไม่เลวเลย” กัวไฮว่มองเด็กสาวที่ลากตนเองไปนั่งด้านหลังแวบหนึ่ง เมื่อเทียบกับโหยวโยวโยวแล้ว แม้ส่วนที่ควรจะใหญ่จะไม่ได้ใหญ่เหมือนโหยวโยวโยว แต่ว่าไอแห่งความอ่อนเยาว์กลับอยู่เหนือโหยวโยวโยว

      “เสี่ยวซี ยุ่งเรื่องคนอื่นอีกแล้วนะ ถ้าคุณป้ารู้เข้า ต้องสั่งสอนเธออีกแน่ๆ เลย” เด็กสาวที่ช่วยกัวไฮว่เอาไว้ชื่อว่าถังซี กัวไฮว่พบว่าข้างๆ เธอยังมีเด็กสาวที่หน้าตาพอๆ กับเธอคนหนึ่งอยู่

      “เยี่ยจื่อ เบาเสียงหน่อย เธอไม่บอกแม่ฉันก็ไม่รู้ เยี่ยจื่อ เธอคงจะไม่บอก ใช่ไหม” ถังซีพูดยิ้มๆ

      “ไอ้หนู มองอะไรฮะ อย่ามาคิดฉวยโอกาสจีบเลยนะ ไม่ต้องมาขอเบอร์ ขอวีแชท ถามชื่อแซ่ ถามราศีเกิด แล้วนายก็ไม่ต้องคืนเงินด้วย นายยังมีอะไรอีกรึเปล่า” ซูเยี่ยเงยหน้ามาแล้วก็พบว่ากัวไฮว่กำลังมองพวกเธออยู่ เลยถลึงตาพูดใส่กัวไฮว่

      “ยายเด็กผมเหลืองนี่ พี่ไม่ตามหาเธอหรอก” กัวไฮว่คือใคร เขาเป็นสี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิง ถูกเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี่ข่มขู่งั้นเหรอ ยิ่งไปกว่านั้นกัวไฮว่ยังเป็นเทพแห่งจิตในสรวงสวรรค์ “ฉันชื่อกัวไฮว่ วันนี้มารายงานตัวที่โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง ถ้าอยากให้ฉันคืนเงิน ก็ไปหาฉันที่นั่นได้ พวกเธอช่วยฉันครั้งนี้ถือว่าฉันติดค้างน้ำใจเธอ มีอะไรก็ไปหาฉันได้” พูดจบกัวไฮว่ก็ปิดตา ไม่พูดจาต่อ

      “นี่นายว่าใครเด็กผมเหลือง กัวไฮว่ ชื่อนี้เหมือนเคยได้ยินมาก่อนนะ” จู่ๆ ซูเยี่ยก็รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นๆ

      “เยี่ยจื่อ ชื่อเดียวกับเจ้าสี่ สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงเลย” ถังซีพูดเสียงค่อย

      “โห ก็ว่าทำไมชื่อคุ้นๆ กัวไฮว่แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนดี” ซู่เยี่ยมองพิจารณากัวไฮว่อีกครั้ง ใส่อาร์มานี่ทั้งตัว เหมือนว่าจะไม่ใช่ของปลอมเสียด้วย หรือว่าหมอนี่จะเป็นสี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงจริงๆ

      “หมอนี่แปลกแฮะ ถ้าเป็นเจ้าสี่ สี่ตัวอันตรายแห่งเมืองอู่เฉิงจริงๆ ไม่น่าจะมาเรียนนี่ได้นะ ผอ.หลี่ไม่มีทางให้คนแบบนั้นเข้าโรงเรียนหรอก คงไม่ใช่เจ้าบ้านั่นหรอก” ถังซีลอบคิดในใจ

      “ให้ตาย เจ้ากัวไฮว่นี่ทำเรื่องเลวๆ มากี่เรื่องกันแน่ สี่ตัวอันตราย ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าก็ไม่ได้เลวเท่าไหร่ พี่เย่าเป็นราชาทหารในกองทัพ พี่หยวนหาเงินมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองมาตั้งแต่ยังหนุ่ม พี่เซิงเป็นข้าราชการ ส่วนฉันเป็นทายาทรุ่นที่สามของเศรษฐี กับแค่ชอบซิ่งรถไม่ถือว่าผิดกฎหมายล่ะมั้ง”เทพแห่งจิตใช้วิชาอ่านจิตจึงรู้ว่าเด็กผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่

 

      “คุณตา ช่วยหนูสักครั้งนะคะ ให้กัวไฮว่ไปเรียนที่โรงเรียนเถอะนะหรือว่าคุณตายังกลัวเด็กนั่นอยู่” หลายเดือนก่อน ภายในบ้านของหลี่สวินอวี้ ผอ.โรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิง หญิงสาวอายุราวยี่สิบกว่าปีพูดพลางโอบหลี่สวินอวี้เอาไว้

      “เสี่ยวฮวา เรื่องนี้ตารับปากแกไม่ได้ เสี่ยวกัวเป็นคนแบบไหน แกก็น่าจะรู้ดี ตารู้ว่าตอนนี้ความสัมพันธ์แกกับหวังเซิงนั่นไม่เลวเลย แต่ว่าจะเอาสี่ตัวอันตรายมาโยนทิ้งที่โรงเรียนของเราไม่ได้ ยังไงซะเขาไปเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแหละ” หลี่สวินอวี้พูดยิ้มๆ

      “คุณตา หลายปีมานี้หนูไม่เคยช่วยคุณตาเลยเหรอ” หลี่เสี่ยวฮวามองหลี่สวินอวี้พลางพูดเสียงดัง “หนูแซ่หลี่ แซ่เดียวกับแม่ แล้วก็แซ่เดียวกับคุณตาด้วย คุณตาจะทำแบบนี้กับหลานสาวตัวเองใช่ไหม”

      “เสี่ยวฮวา ถ้าให้หมอนั่นมาเรียนที่โรงเรียน เขาก็ทนไม่ไหวหรอก” หลี่สวินอวี้พูดอย่างจนใจ

      “คุณตาพูดมาตลอดนี่ โรงเรียนเราเป็นสถานที่บ่มเพาะคน ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้าไง ที่บอกว่าไม่มีใครก้าวผ่านมันไม่ได้น่ะ ตอนนี้หนูก็หาคนแบบนี้มาให้คุณตาแล้วไง ถ้าคุณตาเปลี่ยนแปลงเขาได้ นั่นก็หมายความว่าโรงเรียนเราเป็นสถานที่บ่มเพาะคนจริงๆ” หลี่เสี่ยวฮวากล่าวเสียงค่อย “บอกว่าตัวเองดีเด่ แต่ก็สู้โรงเรียนมัธยมอู่เฉิงจิ่วไม่เห็นได้เลย อย่างน้อยเขาก็กล้าให้กัวไฮว่เข้าเรียนที่นั่น”

 

                                                                ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+