[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 92 ไปปอกเปลือกโสมพันปีมากิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 92 ไปปอกเปลือกโสมพันปีมากิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “จู้จื่อ นายไปนอนก่อนเถอะ” กัวไฮว่รู้สึกตัวเองเหมือนกับครั้งที่แล้ว ในตอนที่เขาไม่อาจควบคุมน้ำเต้าไว้ได้ เขาลากต้าจู้มาอยู่ข้างกาย กระบี่เฟยเจี้ยนแทงที่ต้นแขนของต้าจู้จนเป็นรอยแผลหกรอย จากนั้นก็มีของเหลวสีเหลืองหกหยดออกมาทางบาดแผล

        “เลือดนักเวทนี่ ของดีจริงๆ แต่ว่าจะทำเยอะเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นเราได้เสียร่างใหญ่นี่แน่” ในขณะที่เลือดนักเวทหยดไหลออกมาอวี้เอ๋อร์ก็พูดยิ้มๆ

        “อวี้เอ๋อร์ เตรียมทำลายค่ายกลเร็วเข้า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาไม่คิดเลยว่า เมื่อเลือดลมที่ยังไม่ตื่นรู้ภายในร่างกายของต้าจู้ เมื่ออยู่ภายใต้การกดดันของค่ายกลจะทำให้เกิดพลังงานมหาศาลขนาดนี้ มันกดทับกลิ่นไอเจ้าของน้ำเต้าเอาไว้

        “สหาย ในเมื่อน้ำเต้าอยู่แดนมนุษย์ ท่านก็ช่วยรวบรวมสติมาผูกวาสนากันหน่อยเถอะ” เป็นเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป[1] สุดท้ายกัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าทำไมค่ายกลบนน้ำเต้าถึงได้ทำลายออก ที่เขาไม่อาจเปิดน้ำเต้าได้ เป็นเพราะเจ้าของของน้ำเต้านี่ได้เหลือสติทิ้งเอาไว้บนน้ำเต้า

        “ฉันชื่ออวิ๋นตวน เป็นนักพรตอิสระตงไห่ น้ำเต้านี่ฉันก็ได้มาโดยบังเอิญ หมื่นปีมานี้เปลี่ยนเจ้าของมาจำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็มีคนคุยกับข้าแล้ว น้ำเต้านี่เป็นของเธอแล้วล่ะ ช่วยฉันแก้แค้นทายาทมารฝันสระแห่งฟ้าด้วย” กัวไฮว่ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังลอยมาจากข้างในน้ำเต้า จากนั้น ค่ายกลที่อยู่ในน้ำเต้าก็หายไปหมดสิ้น

        “อะแฮ่มๆ อวิ๋นตวน ในเมื่อผูกวาสนากันแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้ายังมีทายาทอยู่หรือไม่ เรื่องที่จะช่วยเจ้าแก้แค้น นักพรตอิสระหมื่นปีอย่างเจ้าสู้แดนมนุษย์ไม่ได้หรอก จากพลังเวทของข้าในตอนนี้ไม่ไปหาเรื่องตายก่อนจะดีกว่า”

        “ตาบ้า ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกฉันไม่ช่วยนายแล้ว เลือดลมนักเวทของจู้จื่อไม่เพียงแต่กดทับค่ายกลที่อยู่บนน้ำเต้าเอาไว้ แต่อีกนิดก็จะทำฉันกลับเป็นร่างเดิมแล้วเนี่ย” อวี้เอ๋อร์พูดขึ้นโดยมีเหงื่อผุดขึ้นท่วมตัว

        “อวี้เอ๋อร์เมียรัก ลำบากเธอแล้วล่ะ เจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ ฉันจะดูหน่อยว่าในน้ำเต้ามียาอะไร” กัวไฮว่หรี่ดวงตาพลางพูดขึ้น

        “ตาบ้า ตอนนี้คิดจะไล่ฉันไปหรือ คิดจะเก็บของในน้ำเต้าไว้คนเดียวหรือไง” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากถามขึ้น “ฉันไม่ไป ฉันจะดูว่าข้างในมีอะไร”

        “ดูเธอพูดเข้า พี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย มาดูด้วยกันเร็วว่าข้างในมีอะไร” กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์นำสติเข้าไปในน้ำเต้าพร้อมกัน สุดท้ายทั้งสองก็เบิกตาโพล่ง

        “รวย รวยจริงๆ แล้วล่ะ ถ้าเอาของนี่ไปไว้ที่สรวงสวรรค์ได้ต้องกลายเป็นเศรษฐีใหญ่แน่” กัวไฮว่พูดพึมพำกับตนเอง

        “เจ้าเต่าโง่ ของแค่นี้ก็บอกรวย ไม่เคยผ่านโลกมาซะจริง” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ของนี่คืนฉันนะ แล้วก็พวกนี้ด้วย” อวี้เอ๋อร์สัมผัสได้ก่อนว่าสมุนไพรที่อยู่ในน้ำเต้าหายไปเสียแล้ว

        “เอาไปเถอะ ยังจะมาบอกว่าฉันไม่เคยผ่านโลกอีก เธอก็เห็นนี่ว่ามีพิณฝูซีกับธงซิ่งหวงอยู่ข้างใน ยังจะมาบอกว่าเป็นของแค่นี้เองเหรอ รวย รวยแล้วจริงๆ” กัวไฮว่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

        “ถ้าข้างในเป็นแส้เฆี่ยนเทพเจ้าก็จะดีใจหรือเปล่า นายจะใช้ได้ไหม นายกล้าใช้หรือเปล่า” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “แถมยังมียาลูกกลอนนั่นอีก นายกล้ากินหรือเปล่า กินแล้วบินขึ้นไปยังแดนสวรรค์ เช่นนั้นสายฟ้าบนสวรรค์ชั้นเก้าได้ขู่นายสติกระเจิดกระเจิง ไม่เหลือแม้แต่เศษแน่”

        “อะแฮ่มๆๆ คงไม่แย่อย่างที่เธอพูดหรอกมั้ง” กัวไฮว่พูดเบาๆ อวี้เอ๋อร์พูดไม่ผิด มีของดีอยู่ในน้ำเต้านี่อยู่ไม่น้อย ทว่าสิ่งที่เขาใช้งานได้จริงมีอยู่ไม่เยอะ นอกเสียจากพวกสมุนไพรที่อวี้เอ๋อร์เอาไป

        “พี่ไฮว่ อย่าคิดมากเลย รีบแบ่งประเภทของที่ใช้ได้ดีกว่า ตอนที่เปิดคลินิกจะได้ใช้พอดี” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        วันแรกที่ไม่ได้เข้าเรียน กัวไฮว่ใช้ชีวิตได้อย่างรื่นรมย์เป็นอย่างมาก ต้าจู้อุทิศเลือดนักเวทห้าหยด จนกระทั่งวันที่สองก็ยังไม่ฟื้นมาเลย ทว่ากัวไฮว่ก็ดีกับเขานัก เขาเสี่ยงชีวิตนำเศษชิ้นเนื้อของศพนักเวทในน้ำเต้ามายัดเข้าไปในปากของเซวียนต้าจู้ เมื่อต้าจู้ฟื้นขึ้นมาก็คงบรรลุระยะกลางของเขตแดนเซียนเทียนได้อย่างไม่มีปัญหา

        “อวี้เอ๋อร์ มานอนด้วยกันเถอะ เธออุตส่าห์ลงจากสวรรค์มาหาฉัน ถ้าฉันไม่รุกสักหน่อยก็ขายหน้าคนอื่นแย่เลย มาเถอะ วันนี้พี่จะโอบเธอนอน เรามาคุยกันเรื่องชีวิตกันหน่อย” เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน กัวไฮว่ก็มองอวี้เอ๋อร์ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดขึ้น

        “โรคจิต ใครจะไปนอนกับพี่ ฉันจะไม่รู้เหรอว่าพี่คิดเรื่องอะไรอยู่ พี่รอก่อนเถอะ รอไว้วันไหนฉันอารมณ์ดีแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องของเรากัน” อวี้เอ๋อร์พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องตัวเองไป

        “ยังจะอายอีกเหรอ ที่นี่แดนมนุษย์ มีอะไรให้อายอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อยู่นอกประตูห้องอวี้เอ๋อร์

        “ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจี่ยหยวนจะโทรหาพี่ แล้วเราไปดูกันว่าคลินิกเปิดที่ไหน” อวี้เอ่อร์พูดยิ้มๆ แม้จะเป็นแดนมนุษย์ แต่เมื่อคิดว่าหากมีความสัมพันธ์กับกัวไฮว่ที่เทพแห่งจิตยึดครองร่างไว้ ตัวเธอเองก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้

        “ยายปีศาจ สักวันฉันก็จะจัดการเธออยู่ดี” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินไปยังสถานที่ที่จัดเอาไว้ฝึกเวท เป็นสถานที่ที่มีแสงจันทร์รวมไว้ตรงนั้นมากที่สุด

        “พี่ไฮว่ ตอนนี้ทั้งร่างผมเต็มไปด้วยพลังงาน พี่ไฮว่ พี่ไฮว่” ตอนเช้าตรูแสงเพิ่งจะสว่าง เซวียนต้าจู้ก็ลืมตาขึ้น พลังงานที่ระเบิดทั้งร่างกายทำให้เขารู้สึกสบาย เขาจึงตะโกนร้องเสียงดังอยู่ภายในบ้านพัก

        “อย่าโวยวาย ไปรบกวนฝันหวานคนสวย ไม่ดีนะ” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินมาจากที่ฝึกเวท ถ้าดูจากการแบ่งศักยภาพ ตอนนี้นายน่าจะอยู่ระยะหลังของเขตแดนเซียนเทียน หากมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ขอแค่ไม่ใช่ยอดฝีมือระยะหยวนอิงก็น่าจะจัดการได้สบายๆ เลย ระยะหยวนอิงเหรอ พลังอันบางเบาบนโลกใบนี้ อย่าว่าแต่ระยะหยวนอิงเลย ขนาดคนที่ถึงขั้นปี้กู่[2]ยังไม่มี

        “พี่ไฮว่ พี่ทำอะไรกับผมกันแน่ ทำไมรู้สึกสบายขนาดนี้ สบายมากเลย” เซวียนต้าจู้พูดขึ้นด้วยความดีใจ

        “ต้าจู้ ชีวิตของนายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ใช้ชีวิตให้ดีๆ เถอะ พี่ล่ะอิจฉาร่างของนายจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทายาทนักเวท ขอแค่เลือดลมบรรลุได้ก็จะแกร่งยิ่งกว่าผู้ที่อยู่ระยะจินตัน[3]เสียอีก น่าอิจฉาชะมัด

        “พี่ไฮว่ อรุณสวัสดิ์” อวี้เอ๋อร์ปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนในชุดออกกำลังกาย “ของเมื่อวานไม่เลวเลย ไม่ได้กินของดีขนาดนี้มานานแล้ว” กัวไฮว่เห็นอวี้เอ๋อร์ดูไม่เลวเลย โสมพันปีลงท้องไป แถมยังกินแบบปอกเปลือกอีก ท่านเซียนอวี้เอ๋อร์ของผม เธอไม่รู้หรอกเหรอว่าพวกเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในแดนมนุษย์เป็นร้อยปี สิ้นเปลืองขนาดนี้ เจ้าบ้านเองก็ไม่มีเหลือนะ

        “ชอบก็ดี ชอบก็ดี แต่ฉันว่าเอาสมุนไพรพวกนั้นไปทำยาลูกกลอนดีกว่า กินสดๆ แล้วรสชาติไม่ได้เรื่อง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮึ แค่โสมพันปีต้นเดียวก็ปวดใจแล้วเหรอ” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูด “ขนาดกับสาวๆ คนอื่นพี่ไม่เห็นจะงกแบบนี้เลย”

        “อะแฮ่มๆๆ ดูเธอพูดเข้า กิน ต่อไปนะเรากินต้นนึงทิ้งต้นนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวเล่น ไม่เป็นนักเรียนแล้ว มาสัมผัสวันเวลาของแดนมนุษย์หน่อยดีกว่า”

        อวี้เอ่อร์ผงกศีรษะเบาๆ ทว่าต้าจู้กลับมีหน้าตางงงวย วันเวลาแดนมนุษย์? ที่พวกเธอใช้ชีวิตกันเมื่อก่อนไม่ใช่วันเวลาแดนมนุษย์เหรอ

        
 

[1] เป็นการนับเวลาแบบจีน โดยเวลาหนึ่งก้านธูปประมาณสิบห้านาที

[2] เป็นหนึ่งในวิธีการฝึกของนักพรตเต๋า โดยจะไม่รับประทานธัญพืชทั้งห้า อันได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าสาลี ข้าวฟ่างและถั่ว

[3] เป็นหนึ่งในช่วงกระบวนการฝึกของลัทธิเต๋า เป็นช่วงระยะก่อนระยะหยวนอิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 92 ไปปอกเปลือกโสมพันปีมากิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 92 ไปปอกเปลือกโสมพันปีมากิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “จู้จื่อ นายไปนอนก่อนเถอะ” กัวไฮว่รู้สึกตัวเองเหมือนกับครั้งที่แล้ว ในตอนที่เขาไม่อาจควบคุมน้ำเต้าไว้ได้ เขาลากต้าจู้มาอยู่ข้างกาย กระบี่เฟยเจี้ยนแทงที่ต้นแขนของต้าจู้จนเป็นรอยแผลหกรอย จากนั้นก็มีของเหลวสีเหลืองหกหยดออกมาทางบาดแผล

        “เลือดนักเวทนี่ ของดีจริงๆ แต่ว่าจะทำเยอะเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นเราได้เสียร่างใหญ่นี่แน่” ในขณะที่เลือดนักเวทหยดไหลออกมาอวี้เอ๋อร์ก็พูดยิ้มๆ

        “อวี้เอ๋อร์ เตรียมทำลายค่ายกลเร็วเข้า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาไม่คิดเลยว่า เมื่อเลือดลมที่ยังไม่ตื่นรู้ภายในร่างกายของต้าจู้ เมื่ออยู่ภายใต้การกดดันของค่ายกลจะทำให้เกิดพลังงานมหาศาลขนาดนี้ มันกดทับกลิ่นไอเจ้าของน้ำเต้าเอาไว้

        “สหาย ในเมื่อน้ำเต้าอยู่แดนมนุษย์ ท่านก็ช่วยรวบรวมสติมาผูกวาสนากันหน่อยเถอะ” เป็นเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป[1] สุดท้ายกัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าทำไมค่ายกลบนน้ำเต้าถึงได้ทำลายออก ที่เขาไม่อาจเปิดน้ำเต้าได้ เป็นเพราะเจ้าของของน้ำเต้านี่ได้เหลือสติทิ้งเอาไว้บนน้ำเต้า

        “ฉันชื่ออวิ๋นตวน เป็นนักพรตอิสระตงไห่ น้ำเต้านี่ฉันก็ได้มาโดยบังเอิญ หมื่นปีมานี้เปลี่ยนเจ้าของมาจำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็มีคนคุยกับข้าแล้ว น้ำเต้านี่เป็นของเธอแล้วล่ะ ช่วยฉันแก้แค้นทายาทมารฝันสระแห่งฟ้าด้วย” กัวไฮว่ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังลอยมาจากข้างในน้ำเต้า จากนั้น ค่ายกลที่อยู่ในน้ำเต้าก็หายไปหมดสิ้น

        “อะแฮ่มๆ อวิ๋นตวน ในเมื่อผูกวาสนากันแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้ายังมีทายาทอยู่หรือไม่ เรื่องที่จะช่วยเจ้าแก้แค้น นักพรตอิสระหมื่นปีอย่างเจ้าสู้แดนมนุษย์ไม่ได้หรอก จากพลังเวทของข้าในตอนนี้ไม่ไปหาเรื่องตายก่อนจะดีกว่า”

        “ตาบ้า ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกฉันไม่ช่วยนายแล้ว เลือดลมนักเวทของจู้จื่อไม่เพียงแต่กดทับค่ายกลที่อยู่บนน้ำเต้าเอาไว้ แต่อีกนิดก็จะทำฉันกลับเป็นร่างเดิมแล้วเนี่ย” อวี้เอ๋อร์พูดขึ้นโดยมีเหงื่อผุดขึ้นท่วมตัว

        “อวี้เอ๋อร์เมียรัก ลำบากเธอแล้วล่ะ เจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ ฉันจะดูหน่อยว่าในน้ำเต้ามียาอะไร” กัวไฮว่หรี่ดวงตาพลางพูดขึ้น

        “ตาบ้า ตอนนี้คิดจะไล่ฉันไปหรือ คิดจะเก็บของในน้ำเต้าไว้คนเดียวหรือไง” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากถามขึ้น “ฉันไม่ไป ฉันจะดูว่าข้างในมีอะไร”

        “ดูเธอพูดเข้า พี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย มาดูด้วยกันเร็วว่าข้างในมีอะไร” กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์นำสติเข้าไปในน้ำเต้าพร้อมกัน สุดท้ายทั้งสองก็เบิกตาโพล่ง

        “รวย รวยจริงๆ แล้วล่ะ ถ้าเอาของนี่ไปไว้ที่สรวงสวรรค์ได้ต้องกลายเป็นเศรษฐีใหญ่แน่” กัวไฮว่พูดพึมพำกับตนเอง

        “เจ้าเต่าโง่ ของแค่นี้ก็บอกรวย ไม่เคยผ่านโลกมาซะจริง” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ของนี่คืนฉันนะ แล้วก็พวกนี้ด้วย” อวี้เอ๋อร์สัมผัสได้ก่อนว่าสมุนไพรที่อยู่ในน้ำเต้าหายไปเสียแล้ว

        “เอาไปเถอะ ยังจะมาบอกว่าฉันไม่เคยผ่านโลกอีก เธอก็เห็นนี่ว่ามีพิณฝูซีกับธงซิ่งหวงอยู่ข้างใน ยังจะมาบอกว่าเป็นของแค่นี้เองเหรอ รวย รวยแล้วจริงๆ” กัวไฮว่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

        “ถ้าข้างในเป็นแส้เฆี่ยนเทพเจ้าก็จะดีใจหรือเปล่า นายจะใช้ได้ไหม นายกล้าใช้หรือเปล่า” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “แถมยังมียาลูกกลอนนั่นอีก นายกล้ากินหรือเปล่า กินแล้วบินขึ้นไปยังแดนสวรรค์ เช่นนั้นสายฟ้าบนสวรรค์ชั้นเก้าได้ขู่นายสติกระเจิดกระเจิง ไม่เหลือแม้แต่เศษแน่”

        “อะแฮ่มๆๆ คงไม่แย่อย่างที่เธอพูดหรอกมั้ง” กัวไฮว่พูดเบาๆ อวี้เอ๋อร์พูดไม่ผิด มีของดีอยู่ในน้ำเต้านี่อยู่ไม่น้อย ทว่าสิ่งที่เขาใช้งานได้จริงมีอยู่ไม่เยอะ นอกเสียจากพวกสมุนไพรที่อวี้เอ๋อร์เอาไป

        “พี่ไฮว่ อย่าคิดมากเลย รีบแบ่งประเภทของที่ใช้ได้ดีกว่า ตอนที่เปิดคลินิกจะได้ใช้พอดี” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        วันแรกที่ไม่ได้เข้าเรียน กัวไฮว่ใช้ชีวิตได้อย่างรื่นรมย์เป็นอย่างมาก ต้าจู้อุทิศเลือดนักเวทห้าหยด จนกระทั่งวันที่สองก็ยังไม่ฟื้นมาเลย ทว่ากัวไฮว่ก็ดีกับเขานัก เขาเสี่ยงชีวิตนำเศษชิ้นเนื้อของศพนักเวทในน้ำเต้ามายัดเข้าไปในปากของเซวียนต้าจู้ เมื่อต้าจู้ฟื้นขึ้นมาก็คงบรรลุระยะกลางของเขตแดนเซียนเทียนได้อย่างไม่มีปัญหา

        “อวี้เอ๋อร์ มานอนด้วยกันเถอะ เธออุตส่าห์ลงจากสวรรค์มาหาฉัน ถ้าฉันไม่รุกสักหน่อยก็ขายหน้าคนอื่นแย่เลย มาเถอะ วันนี้พี่จะโอบเธอนอน เรามาคุยกันเรื่องชีวิตกันหน่อย” เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน กัวไฮว่ก็มองอวี้เอ๋อร์ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดขึ้น

        “โรคจิต ใครจะไปนอนกับพี่ ฉันจะไม่รู้เหรอว่าพี่คิดเรื่องอะไรอยู่ พี่รอก่อนเถอะ รอไว้วันไหนฉันอารมณ์ดีแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องของเรากัน” อวี้เอ๋อร์พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องตัวเองไป

        “ยังจะอายอีกเหรอ ที่นี่แดนมนุษย์ มีอะไรให้อายอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อยู่นอกประตูห้องอวี้เอ๋อร์

        “ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจี่ยหยวนจะโทรหาพี่ แล้วเราไปดูกันว่าคลินิกเปิดที่ไหน” อวี้เอ่อร์พูดยิ้มๆ แม้จะเป็นแดนมนุษย์ แต่เมื่อคิดว่าหากมีความสัมพันธ์กับกัวไฮว่ที่เทพแห่งจิตยึดครองร่างไว้ ตัวเธอเองก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้

        “ยายปีศาจ สักวันฉันก็จะจัดการเธออยู่ดี” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินไปยังสถานที่ที่จัดเอาไว้ฝึกเวท เป็นสถานที่ที่มีแสงจันทร์รวมไว้ตรงนั้นมากที่สุด

        “พี่ไฮว่ ตอนนี้ทั้งร่างผมเต็มไปด้วยพลังงาน พี่ไฮว่ พี่ไฮว่” ตอนเช้าตรูแสงเพิ่งจะสว่าง เซวียนต้าจู้ก็ลืมตาขึ้น พลังงานที่ระเบิดทั้งร่างกายทำให้เขารู้สึกสบาย เขาจึงตะโกนร้องเสียงดังอยู่ภายในบ้านพัก

        “อย่าโวยวาย ไปรบกวนฝันหวานคนสวย ไม่ดีนะ” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินมาจากที่ฝึกเวท ถ้าดูจากการแบ่งศักยภาพ ตอนนี้นายน่าจะอยู่ระยะหลังของเขตแดนเซียนเทียน หากมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ขอแค่ไม่ใช่ยอดฝีมือระยะหยวนอิงก็น่าจะจัดการได้สบายๆ เลย ระยะหยวนอิงเหรอ พลังอันบางเบาบนโลกใบนี้ อย่าว่าแต่ระยะหยวนอิงเลย ขนาดคนที่ถึงขั้นปี้กู่[2]ยังไม่มี

        “พี่ไฮว่ พี่ทำอะไรกับผมกันแน่ ทำไมรู้สึกสบายขนาดนี้ สบายมากเลย” เซวียนต้าจู้พูดขึ้นด้วยความดีใจ

        “ต้าจู้ ชีวิตของนายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ใช้ชีวิตให้ดีๆ เถอะ พี่ล่ะอิจฉาร่างของนายจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทายาทนักเวท ขอแค่เลือดลมบรรลุได้ก็จะแกร่งยิ่งกว่าผู้ที่อยู่ระยะจินตัน[3]เสียอีก น่าอิจฉาชะมัด

        “พี่ไฮว่ อรุณสวัสดิ์” อวี้เอ๋อร์ปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนในชุดออกกำลังกาย “ของเมื่อวานไม่เลวเลย ไม่ได้กินของดีขนาดนี้มานานแล้ว” กัวไฮว่เห็นอวี้เอ๋อร์ดูไม่เลวเลย โสมพันปีลงท้องไป แถมยังกินแบบปอกเปลือกอีก ท่านเซียนอวี้เอ๋อร์ของผม เธอไม่รู้หรอกเหรอว่าพวกเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในแดนมนุษย์เป็นร้อยปี สิ้นเปลืองขนาดนี้ เจ้าบ้านเองก็ไม่มีเหลือนะ

        “ชอบก็ดี ชอบก็ดี แต่ฉันว่าเอาสมุนไพรพวกนั้นไปทำยาลูกกลอนดีกว่า กินสดๆ แล้วรสชาติไม่ได้เรื่อง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮึ แค่โสมพันปีต้นเดียวก็ปวดใจแล้วเหรอ” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูด “ขนาดกับสาวๆ คนอื่นพี่ไม่เห็นจะงกแบบนี้เลย”

        “อะแฮ่มๆๆ ดูเธอพูดเข้า กิน ต่อไปนะเรากินต้นนึงทิ้งต้นนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวเล่น ไม่เป็นนักเรียนแล้ว มาสัมผัสวันเวลาของแดนมนุษย์หน่อยดีกว่า”

        อวี้เอ่อร์ผงกศีรษะเบาๆ ทว่าต้าจู้กลับมีหน้าตางงงวย วันเวลาแดนมนุษย์? ที่พวกเธอใช้ชีวิตกันเมื่อก่อนไม่ใช่วันเวลาแดนมนุษย์เหรอ

        
 

[1] เป็นการนับเวลาแบบจีน โดยเวลาหนึ่งก้านธูปประมาณสิบห้านาที

[2] เป็นหนึ่งในวิธีการฝึกของนักพรตเต๋า โดยจะไม่รับประทานธัญพืชทั้งห้า อันได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าสาลี ข้าวฟ่างและถั่ว

[3] เป็นหนึ่งในช่วงกระบวนการฝึกของลัทธิเต๋า เป็นช่วงระยะก่อนระยะหยวนอิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 92 ไปปอกเปลือกโสมพันปีมากิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 92 ไปปอกเปลือกโสมพันปีมากิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “จู้จื่อ นายไปนอนก่อนเถอะ” กัวไฮว่รู้สึกตัวเองเหมือนกับครั้งที่แล้ว ในตอนที่เขาไม่อาจควบคุมน้ำเต้าไว้ได้ เขาลากต้าจู้มาอยู่ข้างกาย กระบี่เฟยเจี้ยนแทงที่ต้นแขนของต้าจู้จนเป็นรอยแผลหกรอย จากนั้นก็มีของเหลวสีเหลืองหกหยดออกมาทางบาดแผล

        “เลือดนักเวทนี่ ของดีจริงๆ แต่ว่าจะทำเยอะเกินไปไม่ได้ ไม่งั้นเราได้เสียร่างใหญ่นี่แน่” ในขณะที่เลือดนักเวทหยดไหลออกมาอวี้เอ๋อร์ก็พูดยิ้มๆ

        “อวี้เอ๋อร์ เตรียมทำลายค่ายกลเร็วเข้า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ เขาไม่คิดเลยว่า เมื่อเลือดลมที่ยังไม่ตื่นรู้ภายในร่างกายของต้าจู้ เมื่ออยู่ภายใต้การกดดันของค่ายกลจะทำให้เกิดพลังงานมหาศาลขนาดนี้ มันกดทับกลิ่นไอเจ้าของน้ำเต้าเอาไว้

        “สหาย ในเมื่อน้ำเต้าอยู่แดนมนุษย์ ท่านก็ช่วยรวบรวมสติมาผูกวาสนากันหน่อยเถอะ” เป็นเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป[1] สุดท้ายกัวไฮว่ก็รู้ได้ว่าทำไมค่ายกลบนน้ำเต้าถึงได้ทำลายออก ที่เขาไม่อาจเปิดน้ำเต้าได้ เป็นเพราะเจ้าของของน้ำเต้านี่ได้เหลือสติทิ้งเอาไว้บนน้ำเต้า

        “ฉันชื่ออวิ๋นตวน เป็นนักพรตอิสระตงไห่ น้ำเต้านี่ฉันก็ได้มาโดยบังเอิญ หมื่นปีมานี้เปลี่ยนเจ้าของมาจำนวนนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็มีคนคุยกับข้าแล้ว น้ำเต้านี่เป็นของเธอแล้วล่ะ ช่วยฉันแก้แค้นทายาทมารฝันสระแห่งฟ้าด้วย” กัวไฮว่ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังลอยมาจากข้างในน้ำเต้า จากนั้น ค่ายกลที่อยู่ในน้ำเต้าก็หายไปหมดสิ้น

        “อะแฮ่มๆ อวิ๋นตวน ในเมื่อผูกวาสนากันแล้ว ไม่ทราบว่าเจ้ายังมีทายาทอยู่หรือไม่ เรื่องที่จะช่วยเจ้าแก้แค้น นักพรตอิสระหมื่นปีอย่างเจ้าสู้แดนมนุษย์ไม่ได้หรอก จากพลังเวทของข้าในตอนนี้ไม่ไปหาเรื่องตายก่อนจะดีกว่า”

        “ตาบ้า ถ้ามีเรื่องแบบนี้อีกฉันไม่ช่วยนายแล้ว เลือดลมนักเวทของจู้จื่อไม่เพียงแต่กดทับค่ายกลที่อยู่บนน้ำเต้าเอาไว้ แต่อีกนิดก็จะทำฉันกลับเป็นร่างเดิมแล้วเนี่ย” อวี้เอ๋อร์พูดขึ้นโดยมีเหงื่อผุดขึ้นท่วมตัว

        “อวี้เอ๋อร์เมียรัก ลำบากเธอแล้วล่ะ เจ้าไปล้างเนื้อล้างตัวก่อนเถอะ ฉันจะดูหน่อยว่าในน้ำเต้ามียาอะไร” กัวไฮว่หรี่ดวงตาพลางพูดขึ้น

        “ตาบ้า ตอนนี้คิดจะไล่ฉันไปหรือ คิดจะเก็บของในน้ำเต้าไว้คนเดียวหรือไง” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากถามขึ้น “ฉันไม่ไป ฉันจะดูว่าข้างในมีอะไร”

        “ดูเธอพูดเข้า พี่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียหน่อย มาดูด้วยกันเร็วว่าข้างในมีอะไร” กัวไฮว่กับอวี้เอ๋อร์นำสติเข้าไปในน้ำเต้าพร้อมกัน สุดท้ายทั้งสองก็เบิกตาโพล่ง

        “รวย รวยจริงๆ แล้วล่ะ ถ้าเอาของนี่ไปไว้ที่สรวงสวรรค์ได้ต้องกลายเป็นเศรษฐีใหญ่แน่” กัวไฮว่พูดพึมพำกับตนเอง

        “เจ้าเต่าโง่ ของแค่นี้ก็บอกรวย ไม่เคยผ่านโลกมาซะจริง” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “ของนี่คืนฉันนะ แล้วก็พวกนี้ด้วย” อวี้เอ๋อร์สัมผัสได้ก่อนว่าสมุนไพรที่อยู่ในน้ำเต้าหายไปเสียแล้ว

        “เอาไปเถอะ ยังจะมาบอกว่าฉันไม่เคยผ่านโลกอีก เธอก็เห็นนี่ว่ามีพิณฝูซีกับธงซิ่งหวงอยู่ข้างใน ยังจะมาบอกว่าเป็นของแค่นี้เองเหรอ รวย รวยแล้วจริงๆ” กัวไฮว่พูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

        “ถ้าข้างในเป็นแส้เฆี่ยนเทพเจ้าก็จะดีใจหรือเปล่า นายจะใช้ได้ไหม นายกล้าใช้หรือเปล่า” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ “แถมยังมียาลูกกลอนนั่นอีก นายกล้ากินหรือเปล่า กินแล้วบินขึ้นไปยังแดนสวรรค์ เช่นนั้นสายฟ้าบนสวรรค์ชั้นเก้าได้ขู่นายสติกระเจิดกระเจิง ไม่เหลือแม้แต่เศษแน่”

        “อะแฮ่มๆๆ คงไม่แย่อย่างที่เธอพูดหรอกมั้ง” กัวไฮว่พูดเบาๆ อวี้เอ๋อร์พูดไม่ผิด มีของดีอยู่ในน้ำเต้านี่อยู่ไม่น้อย ทว่าสิ่งที่เขาใช้งานได้จริงมีอยู่ไม่เยอะ นอกเสียจากพวกสมุนไพรที่อวี้เอ๋อร์เอาไป

        “พี่ไฮว่ อย่าคิดมากเลย รีบแบ่งประเภทของที่ใช้ได้ดีกว่า ตอนที่เปิดคลินิกจะได้ใช้พอดี” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        วันแรกที่ไม่ได้เข้าเรียน กัวไฮว่ใช้ชีวิตได้อย่างรื่นรมย์เป็นอย่างมาก ต้าจู้อุทิศเลือดนักเวทห้าหยด จนกระทั่งวันที่สองก็ยังไม่ฟื้นมาเลย ทว่ากัวไฮว่ก็ดีกับเขานัก เขาเสี่ยงชีวิตนำเศษชิ้นเนื้อของศพนักเวทในน้ำเต้ามายัดเข้าไปในปากของเซวียนต้าจู้ เมื่อต้าจู้ฟื้นขึ้นมาก็คงบรรลุระยะกลางของเขตแดนเซียนเทียนได้อย่างไม่มีปัญหา

        “อวี้เอ๋อร์ มานอนด้วยกันเถอะ เธออุตส่าห์ลงจากสวรรค์มาหาฉัน ถ้าฉันไม่รุกสักหน่อยก็ขายหน้าคนอื่นแย่เลย มาเถอะ วันนี้พี่จะโอบเธอนอน เรามาคุยกันเรื่องชีวิตกันหน่อย” เหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน กัวไฮว่ก็มองอวี้เอ๋อร์ที่เพิ่งจะเปลี่ยนชุดด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์พร้อมกับพูดขึ้น

        “โรคจิต ใครจะไปนอนกับพี่ ฉันจะไม่รู้เหรอว่าพี่คิดเรื่องอะไรอยู่ พี่รอก่อนเถอะ รอไว้วันไหนฉันอารมณ์ดีแล้วเราค่อยมาคุยเรื่องของเรากัน” อวี้เอ๋อร์พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องตัวเองไป

        “ยังจะอายอีกเหรอ ที่นี่แดนมนุษย์ มีอะไรให้อายอีก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อยู่นอกประตูห้องอวี้เอ๋อร์

        “ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจี่ยหยวนจะโทรหาพี่ แล้วเราไปดูกันว่าคลินิกเปิดที่ไหน” อวี้เอ่อร์พูดยิ้มๆ แม้จะเป็นแดนมนุษย์ แต่เมื่อคิดว่าหากมีความสัมพันธ์กับกัวไฮว่ที่เทพแห่งจิตยึดครองร่างไว้ ตัวเธอเองก็อดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้

        “ยายปีศาจ สักวันฉันก็จะจัดการเธออยู่ดี” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินไปยังสถานที่ที่จัดเอาไว้ฝึกเวท เป็นสถานที่ที่มีแสงจันทร์รวมไว้ตรงนั้นมากที่สุด

        “พี่ไฮว่ ตอนนี้ทั้งร่างผมเต็มไปด้วยพลังงาน พี่ไฮว่ พี่ไฮว่” ตอนเช้าตรูแสงเพิ่งจะสว่าง เซวียนต้าจู้ก็ลืมตาขึ้น พลังงานที่ระเบิดทั้งร่างกายทำให้เขารู้สึกสบาย เขาจึงตะโกนร้องเสียงดังอยู่ภายในบ้านพัก

        “อย่าโวยวาย ไปรบกวนฝันหวานคนสวย ไม่ดีนะ” กัวไฮว่ยิ้มพลางเดินมาจากที่ฝึกเวท ถ้าดูจากการแบ่งศักยภาพ ตอนนี้นายน่าจะอยู่ระยะหลังของเขตแดนเซียนเทียน หากมีโอกาสแค่ครั้งเดียว ขอแค่ไม่ใช่ยอดฝีมือระยะหยวนอิงก็น่าจะจัดการได้สบายๆ เลย ระยะหยวนอิงเหรอ พลังอันบางเบาบนโลกใบนี้ อย่าว่าแต่ระยะหยวนอิงเลย ขนาดคนที่ถึงขั้นปี้กู่[2]ยังไม่มี

        “พี่ไฮว่ พี่ทำอะไรกับผมกันแน่ ทำไมรู้สึกสบายขนาดนี้ สบายมากเลย” เซวียนต้าจู้พูดขึ้นด้วยความดีใจ

        “ต้าจู้ ชีวิตของนายเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ใช้ชีวิตให้ดีๆ เถอะ พี่ล่ะอิจฉาร่างของนายจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทายาทนักเวท ขอแค่เลือดลมบรรลุได้ก็จะแกร่งยิ่งกว่าผู้ที่อยู่ระยะจินตัน[3]เสียอีก น่าอิจฉาชะมัด

        “พี่ไฮว่ อรุณสวัสดิ์” อวี้เอ๋อร์ปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้าทั้งสองคนในชุดออกกำลังกาย “ของเมื่อวานไม่เลวเลย ไม่ได้กินของดีขนาดนี้มานานแล้ว” กัวไฮว่เห็นอวี้เอ๋อร์ดูไม่เลวเลย โสมพันปีลงท้องไป แถมยังกินแบบปอกเปลือกอีก ท่านเซียนอวี้เอ๋อร์ของผม เธอไม่รู้หรอกเหรอว่าพวกเรายังต้องใช้ชีวิตอยู่ในแดนมนุษย์เป็นร้อยปี สิ้นเปลืองขนาดนี้ เจ้าบ้านเองก็ไม่มีเหลือนะ

        “ชอบก็ดี ชอบก็ดี แต่ฉันว่าเอาสมุนไพรพวกนั้นไปทำยาลูกกลอนดีกว่า กินสดๆ แล้วรสชาติไม่ได้เรื่อง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮึ แค่โสมพันปีต้นเดียวก็ปวดใจแล้วเหรอ” อวี้เอ๋อร์เบ้ปากพูด “ขนาดกับสาวๆ คนอื่นพี่ไม่เห็นจะงกแบบนี้เลย”

        “อะแฮ่มๆๆ ดูเธอพูดเข้า กิน ต่อไปนะเรากินต้นนึงทิ้งต้นนึง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินข้าวก่อนแล้วเดี๋ยวเราไปเที่ยวเล่น ไม่เป็นนักเรียนแล้ว มาสัมผัสวันเวลาของแดนมนุษย์หน่อยดีกว่า”

        อวี้เอ่อร์ผงกศีรษะเบาๆ ทว่าต้าจู้กลับมีหน้าตางงงวย วันเวลาแดนมนุษย์? ที่พวกเธอใช้ชีวิตกันเมื่อก่อนไม่ใช่วันเวลาแดนมนุษย์เหรอ

        
 

[1] เป็นการนับเวลาแบบจีน โดยเวลาหนึ่งก้านธูปประมาณสิบห้านาที

[2] เป็นหนึ่งในวิธีการฝึกของนักพรตเต๋า โดยจะไม่รับประทานธัญพืชทั้งห้า อันได้แก่ ข้าว ข้าวโพด ข้าสาลี ข้าวฟ่างและถั่ว

[3] เป็นหนึ่งในช่วงกระบวนการฝึกของลัทธิเต๋า เป็นช่วงระยะก่อนระยะหยวนอิง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+