[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 37 ลอบฆ่าล้มเหลว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 37 ลอบฆ่าล้มเหลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายท่านในเมื่อคุณเอาของพวกนี้ออกมา ผมก็จะไม่ปิดบังคุณล่ะนะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อันที่จริงที่ผมมาหาคุณกับเวยเวยครั้งนี้ก็เพื่อจะมาเอาของล้ำค่าพวกนี้ไป”

        เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จมู่หรงเวยเวยที่อยู่ข้างๆก็พลันตาเบิกโพลง เป็นไปไม่ได้พี่ไฮว่ไม่มีทางหลอกใช้ฉัน ทำไมพี่ไฮว่ถึงทำแบบนี้ล่ะ

        เมื่อกัวไฮว่เห็นมู่หรงเวยเวยมองตนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กัวไฮว่ก็ยื่นมือออกมากุมมือน้อยๆของมู่หรงเวยเวยอีกครั้ง

        “ท่านอาจารย์รอก่อน ผมขอดูอักษรด้านใต้นี่ก่อน”กัวไฮว่พูดพลางใช้ตัวขวางคนอื่นเอาไว้ แล้วเอากระบอกอันใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเอง เขาเปิดออกอย่างระมัดระวังจากนั้นภาพม้วนยาวประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบก็ถูกคลี่ออกมา

        “ปะ…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง”ปรมาจารย์อวี้เฟิงกล่าวอย่างตกอกตกใจ

        “อาจารย์ท่านอย่าตกใจไปเลย มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา”มู่หรงเวยเวยพยุงปรมาจารย์อวี้เฟิงแล้วพูดเบาๆ

        “พ่อหนุ่มช่วยบอกที่มาของภาพนี้ทีได้ไหม”ปรมาจารย์อวี้เฟิงค่อยๆนั่งลงบนม้านั่งแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “เหอะๆ รูปนี้อาจารย์ผมให้มาน่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อาจารย์บอกว่าตอนสมัยราชวงศ์ถังบรรพบุรุษได้พนันกับเฉินชิ่งหยวนแห่งหมู่บ้านเฉินสุดท้าย อาจารย์แพ้พนัน เฉินชิ่งหยวนจึงได้ให้ภาพแก่อาจารย์ภาพหนึ่ง ส่วนอาจารย์ได้ให้แบบกระบี่เฟยเจี้ยนที่หลานตนเองทำกับตราประทับที่ยังทำไม่เสร็จอันหนึ่งให้เฉินชิ่งหยวนไป

        “พ่อหนุ่มหมายความว่าของในกล่องนั่นเป็นของอาจารย์ของเธอเหรอ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพลันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

        “พวกเราสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆจนถึงรุ่นของผม ตอนที่อาจารย์บรรลุเป็นเซียนได้ทิ้งความปรารถนาเอาไว้ หวังว่าจะนำของของอาจารย์กลับมาให้ได้”กัวไฮว่พูดเบาๆ“ตอนแรกผมก็จะมาไหว้นายท่าน แต่บังเอิญได้รู้จักกับเวยเวยก็เลยปิดบังเวยเวยแล้วมาหาท่านอาจารย์ด้วยกันถึงที่นี่”

        “ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นมิตรเก่านี่เอง ก็ว่าทำไมถึงเขียนอักษรได้ดีแถมยังเล่นหมากล้อมเก่งอีก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “นายท่านเก็บภาพไว้ไหมครับ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเจตนาแน่ชัด ตราประดับพลิกฟ้ากับกระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยนต้องให้ผมแล้วรึเปล่า

        “ในเมื่อไม่ใช่ของที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้ ทั้งยังเป็นของพนันอีกฉันก็ต้องคืนให้พ่อหนุ่มแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดพลางรับภาพอักษรที่กัวไฮว่ส่งมาให้ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำกล่องไม้จันทน์ทั้งสองกล่องใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ของตนเอง

        กัวไฮว่มองไปที่เข็มทิศเจ็ดดาว จากพลังเซียนตอนนี้และตามระดับการฝึกฝนบนโลกแล้วเกรงว่าเป็นร้อยปีก็ไม่อาจจะใช้ได้ เก็บไว้ที่ปรมาจารย์อวี้เฟิงก็แล้วกัน

         

        “เวยเวยไม่โกรธที่ตอนแรกฉันไม่ได้บอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ใช่ไหม”กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยอยู่ที่บ้านของปรมาจารย์อวี้เฟิงจนถึงสี่โมงเย็นเป็นเพราะวันถัดมาต้องไปเข้าเรียนทั้งสองเลยปฏิเสธท่านอาจารย์และอู๋มาที่จะให้อยู่ต่อไม่ได้อยู่ทานข้าวที่บ้านของท่านอาจารย์

        “โกรธสิ โกรธแน่นอน เพิ่งรู้จักพี่ได้แค่สองวันก็เริ่มมีเรื่องปิดบังฉันซะแล้ว คราวหลังพอเลยนะ”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงดังต่างกับคนละคนที่อยู่ที่โรงเรียน

        “เอาล่ะ คุณหนูเวยเวย คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเธอเอง อย่าโกรธกันเลย วันหลังมีอะไรฉันจะรีบบอกเธอทันทีเลย ส่วนเรื่องในวันนี้อาจารย์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกคนอื่น อาจารย์ของเราพิเศษๆหน่อยน่ะ”กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงเบา

        “มีอะไรพิเศษเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “พลังพิเศษแบบรูมเมตเธอนั่นแหละ พวกเราคือกลุ่มคนที่พิเศษบนโลกใบนี้”กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “งั้นปีหน้าพี่จะร่วมการแข่งต่อสู้หรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นด้วยเสียงเบา“พี่ไฮว่พี่มีพลังวิเศษอะไรเหรอบอกฉันหน่อยได้ไหม”

        “พวกเราไม่เหมือนกันกับตระกูลหนานกง พวกเขาเป็นสำนักเกิดใหม่มีองค์กรความสามารถพิเศษของประเทศเป็นผู้ควบคุม แต่พวกเราต่างกันพลังควบคุมตนเอง พลังของพวกเราแกร่งมาก พวกเราไม่จัดการคนอื่นแต่ปกติแล้วก็ไม่ใช้พลังวิเศษรังแกคน”กัวไฮว่พูดด้วยเสียงเบา“เธอคิดดูนะตอนนั้นฉันบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ถ้าพึ่งแต่การแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเดียวเกรงว่าคงจะต้องไปรายงานตัวกับราชานรกนานแล้ว”

        “งั้นฐานะเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายก็ปลอมน่ะสิ”มู่หรงเวยเวยเบิกตาโพล่งถามขึ้น

        “อืมเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงน่ะเอาไว้หลอกตาคนเท่านั้นแหละ ศัตรูของสำนักเราเยอะมาก ตอนนั้นอาจารย์เลยให้พวกเราทำแบบนี้เพราะกลัวว่าจะถูกตามฆ่าน่ะ”กัวไฮว่พูดปะติดปะต่อเรื่องราว

        “แล้วความรู้สึกที่พี่มีต่อถังซี โยวโยว แล้วก็ฉันในตอนนี้ล่ะ เพื่อตบตาคนเหมือนกันหรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ

        “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันจริงใจกับพวกเธอนะ เธอคิดดูสิสำนักโบราณแบบเราน่ะมักจะไม่รับแนวคิดสมัยใหม่หรอก อย่างหนึ่งสามีหนึ่งภรรยาฉันไม่ยอมรับหรอก ไม่งั้นคงไม่ชอบพวกเธอหลายคนพร้อมๆกันหรอก ฉันชอบพวกเธอพวกเธอชอบฉันพวกเราก็อยู่ด้วยกัน หลักธรรมง่ายๆหลักธรรมมีรักก็คือแบบนี้แหละ”กัวไฮว่พูดด้วยใบหน้าสีหน้าสับปลับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่างคิดเชื่อมโยงเป็นตุเป็นตะ

        “ขี้โม้ หลายใจก็คือหลายใจ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลมากมายเลยนี่”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ“ไปกันพวกเราไปหาของอร่อยๆกินกัน ฉันรับปากหลิงโม่ไว้แล้วว่าจะเอาของอร่อยๆไปฝากเธอ”

        
         “ในที่สุดก็จัดการได้แล้วแดนมนุษย์ไม่ง่ายก็ตรงนี้นี่แหละ ที่สรวงสวรรค์ต้องมาอธิบายแบบนี้กับสาวๆที่ไหนกัน”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เวยเวยต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเธออย่าจากฉันไปนะ”ทั้งสองกินอาหารที่นับได้ว่าเป็นมื้อค่ำ มู่หรงเวยเวยซื้อของอร่อยๆมาจากศูนย์การค้าไปให้หลิงโม่ ในขณะที่กำลังจะกลับนั่นเองกัวไฮว่ก็พูดเบาๆที่ข้างหูมู่หรงเวยเวย

        ขณะที่เพิ่งออกจากศูนย์การค้าตาซ้ายของกัวไฮว่ก็กระตุกอย่างจังทีหนึ่ง ลางสังหรณ์อัปมงคลระลอกหนึ่งทะลวงไปยังจิตใจ

        “มารดามันเถอะ ที่ว่ากันว่าเวลาเซียนทะเลาะกันมนุษย์จะประสบภัย ไม่คิดเลยว่าจะเสียดแทงเข้าสมองเซียนอย่างข้าด้วย”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เงินสิบล้านเพื่อฆ่าเด็กมอปลายเหรอฮ่าๆ ในที่สุดครั้งนี้องค์กรนี่ก็ให้ภารกิจที่ได้เงินสมเหตุสมผลสักที”ภายในห้องชั้นสิบแปดของศูนย์การค้าอู่เฉิง ปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ระหว่างหน้าต่างกระบอกหนึ่งจ่อไปยังประตูทางออกศูนย์การค้า

        “จื่อต้าน จื่อต้าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว นายท่านข่งสั่งมาแล้วว่าอย่าทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่งั้นพวกเรามีปัญหาแน่ได้ยินแล้วตอบด้วย”เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งส่งไปยังใบหูของชายหนุ่มถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่บนชั้นสิบแปด

        “ให้ตายจับตามองคนได้เงินสามแสน ฆ่าคนถึงจะได้สิบล้านแกยังจะมาใช้เครื่องปลอมเสียงอีก”จื่อต้านพูดอย่างไม่ปิดบัง ทว่าเป้าบนปืนดูเหมือนว่าจะล็อกไปที่ร่างของกัวไฮว่แล้ว

        “ระยะห่าง 338 เมตร ลม 22 ลมตะวันออก 7.2 คอนเฟิร์ม”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นในหูฟังอีกครั้ง

        “หุบปาก ฉันไม่ต้องการข้อมูลพวกนี้หรอก”จื่อต้านพูดกับไมค์หูฟัง“ลาก่อน พ่อหนุ่มน้อยรายที่เจ็ดสิบสาม”พูดเสร็จจื่อต้านก็เหนี่ยวไก

        “ปัง!”กระสุนบินตรงไปยังศีรษะของกัวไฮว่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าในขณะที่ตนเองเหนี่ยวไกนั้น เป้าหมายที่ตนล็อกไว้จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา”

        “โอ้!”

        “จื่อต้านภารกิจล้มเหลว แยกย้าย แยกย้าย”

         

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 37 ลอบฆ่าล้มเหลว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 37 ลอบฆ่าล้มเหลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายท่านในเมื่อคุณเอาของพวกนี้ออกมา ผมก็จะไม่ปิดบังคุณล่ะนะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อันที่จริงที่ผมมาหาคุณกับเวยเวยครั้งนี้ก็เพื่อจะมาเอาของล้ำค่าพวกนี้ไป”

        เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จมู่หรงเวยเวยที่อยู่ข้างๆก็พลันตาเบิกโพลง เป็นไปไม่ได้พี่ไฮว่ไม่มีทางหลอกใช้ฉัน ทำไมพี่ไฮว่ถึงทำแบบนี้ล่ะ

        เมื่อกัวไฮว่เห็นมู่หรงเวยเวยมองตนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กัวไฮว่ก็ยื่นมือออกมากุมมือน้อยๆของมู่หรงเวยเวยอีกครั้ง

        “ท่านอาจารย์รอก่อน ผมขอดูอักษรด้านใต้นี่ก่อน”กัวไฮว่พูดพลางใช้ตัวขวางคนอื่นเอาไว้ แล้วเอากระบอกอันใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเอง เขาเปิดออกอย่างระมัดระวังจากนั้นภาพม้วนยาวประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบก็ถูกคลี่ออกมา

        “ปะ…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง”ปรมาจารย์อวี้เฟิงกล่าวอย่างตกอกตกใจ

        “อาจารย์ท่านอย่าตกใจไปเลย มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา”มู่หรงเวยเวยพยุงปรมาจารย์อวี้เฟิงแล้วพูดเบาๆ

        “พ่อหนุ่มช่วยบอกที่มาของภาพนี้ทีได้ไหม”ปรมาจารย์อวี้เฟิงค่อยๆนั่งลงบนม้านั่งแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “เหอะๆ รูปนี้อาจารย์ผมให้มาน่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อาจารย์บอกว่าตอนสมัยราชวงศ์ถังบรรพบุรุษได้พนันกับเฉินชิ่งหยวนแห่งหมู่บ้านเฉินสุดท้าย อาจารย์แพ้พนัน เฉินชิ่งหยวนจึงได้ให้ภาพแก่อาจารย์ภาพหนึ่ง ส่วนอาจารย์ได้ให้แบบกระบี่เฟยเจี้ยนที่หลานตนเองทำกับตราประทับที่ยังทำไม่เสร็จอันหนึ่งให้เฉินชิ่งหยวนไป

        “พ่อหนุ่มหมายความว่าของในกล่องนั่นเป็นของอาจารย์ของเธอเหรอ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพลันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

        “พวกเราสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆจนถึงรุ่นของผม ตอนที่อาจารย์บรรลุเป็นเซียนได้ทิ้งความปรารถนาเอาไว้ หวังว่าจะนำของของอาจารย์กลับมาให้ได้”กัวไฮว่พูดเบาๆ“ตอนแรกผมก็จะมาไหว้นายท่าน แต่บังเอิญได้รู้จักกับเวยเวยก็เลยปิดบังเวยเวยแล้วมาหาท่านอาจารย์ด้วยกันถึงที่นี่”

        “ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นมิตรเก่านี่เอง ก็ว่าทำไมถึงเขียนอักษรได้ดีแถมยังเล่นหมากล้อมเก่งอีก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “นายท่านเก็บภาพไว้ไหมครับ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเจตนาแน่ชัด ตราประดับพลิกฟ้ากับกระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยนต้องให้ผมแล้วรึเปล่า

        “ในเมื่อไม่ใช่ของที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้ ทั้งยังเป็นของพนันอีกฉันก็ต้องคืนให้พ่อหนุ่มแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดพลางรับภาพอักษรที่กัวไฮว่ส่งมาให้ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำกล่องไม้จันทน์ทั้งสองกล่องใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ของตนเอง

        กัวไฮว่มองไปที่เข็มทิศเจ็ดดาว จากพลังเซียนตอนนี้และตามระดับการฝึกฝนบนโลกแล้วเกรงว่าเป็นร้อยปีก็ไม่อาจจะใช้ได้ เก็บไว้ที่ปรมาจารย์อวี้เฟิงก็แล้วกัน

         

        “เวยเวยไม่โกรธที่ตอนแรกฉันไม่ได้บอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ใช่ไหม”กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยอยู่ที่บ้านของปรมาจารย์อวี้เฟิงจนถึงสี่โมงเย็นเป็นเพราะวันถัดมาต้องไปเข้าเรียนทั้งสองเลยปฏิเสธท่านอาจารย์และอู๋มาที่จะให้อยู่ต่อไม่ได้อยู่ทานข้าวที่บ้านของท่านอาจารย์

        “โกรธสิ โกรธแน่นอน เพิ่งรู้จักพี่ได้แค่สองวันก็เริ่มมีเรื่องปิดบังฉันซะแล้ว คราวหลังพอเลยนะ”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงดังต่างกับคนละคนที่อยู่ที่โรงเรียน

        “เอาล่ะ คุณหนูเวยเวย คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเธอเอง อย่าโกรธกันเลย วันหลังมีอะไรฉันจะรีบบอกเธอทันทีเลย ส่วนเรื่องในวันนี้อาจารย์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกคนอื่น อาจารย์ของเราพิเศษๆหน่อยน่ะ”กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงเบา

        “มีอะไรพิเศษเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “พลังพิเศษแบบรูมเมตเธอนั่นแหละ พวกเราคือกลุ่มคนที่พิเศษบนโลกใบนี้”กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “งั้นปีหน้าพี่จะร่วมการแข่งต่อสู้หรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นด้วยเสียงเบา“พี่ไฮว่พี่มีพลังวิเศษอะไรเหรอบอกฉันหน่อยได้ไหม”

        “พวกเราไม่เหมือนกันกับตระกูลหนานกง พวกเขาเป็นสำนักเกิดใหม่มีองค์กรความสามารถพิเศษของประเทศเป็นผู้ควบคุม แต่พวกเราต่างกันพลังควบคุมตนเอง พลังของพวกเราแกร่งมาก พวกเราไม่จัดการคนอื่นแต่ปกติแล้วก็ไม่ใช้พลังวิเศษรังแกคน”กัวไฮว่พูดด้วยเสียงเบา“เธอคิดดูนะตอนนั้นฉันบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ถ้าพึ่งแต่การแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเดียวเกรงว่าคงจะต้องไปรายงานตัวกับราชานรกนานแล้ว”

        “งั้นฐานะเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายก็ปลอมน่ะสิ”มู่หรงเวยเวยเบิกตาโพล่งถามขึ้น

        “อืมเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงน่ะเอาไว้หลอกตาคนเท่านั้นแหละ ศัตรูของสำนักเราเยอะมาก ตอนนั้นอาจารย์เลยให้พวกเราทำแบบนี้เพราะกลัวว่าจะถูกตามฆ่าน่ะ”กัวไฮว่พูดปะติดปะต่อเรื่องราว

        “แล้วความรู้สึกที่พี่มีต่อถังซี โยวโยว แล้วก็ฉันในตอนนี้ล่ะ เพื่อตบตาคนเหมือนกันหรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ

        “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันจริงใจกับพวกเธอนะ เธอคิดดูสิสำนักโบราณแบบเราน่ะมักจะไม่รับแนวคิดสมัยใหม่หรอก อย่างหนึ่งสามีหนึ่งภรรยาฉันไม่ยอมรับหรอก ไม่งั้นคงไม่ชอบพวกเธอหลายคนพร้อมๆกันหรอก ฉันชอบพวกเธอพวกเธอชอบฉันพวกเราก็อยู่ด้วยกัน หลักธรรมง่ายๆหลักธรรมมีรักก็คือแบบนี้แหละ”กัวไฮว่พูดด้วยใบหน้าสีหน้าสับปลับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่างคิดเชื่อมโยงเป็นตุเป็นตะ

        “ขี้โม้ หลายใจก็คือหลายใจ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลมากมายเลยนี่”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ“ไปกันพวกเราไปหาของอร่อยๆกินกัน ฉันรับปากหลิงโม่ไว้แล้วว่าจะเอาของอร่อยๆไปฝากเธอ”

        
         “ในที่สุดก็จัดการได้แล้วแดนมนุษย์ไม่ง่ายก็ตรงนี้นี่แหละ ที่สรวงสวรรค์ต้องมาอธิบายแบบนี้กับสาวๆที่ไหนกัน”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เวยเวยต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเธออย่าจากฉันไปนะ”ทั้งสองกินอาหารที่นับได้ว่าเป็นมื้อค่ำ มู่หรงเวยเวยซื้อของอร่อยๆมาจากศูนย์การค้าไปให้หลิงโม่ ในขณะที่กำลังจะกลับนั่นเองกัวไฮว่ก็พูดเบาๆที่ข้างหูมู่หรงเวยเวย

        ขณะที่เพิ่งออกจากศูนย์การค้าตาซ้ายของกัวไฮว่ก็กระตุกอย่างจังทีหนึ่ง ลางสังหรณ์อัปมงคลระลอกหนึ่งทะลวงไปยังจิตใจ

        “มารดามันเถอะ ที่ว่ากันว่าเวลาเซียนทะเลาะกันมนุษย์จะประสบภัย ไม่คิดเลยว่าจะเสียดแทงเข้าสมองเซียนอย่างข้าด้วย”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เงินสิบล้านเพื่อฆ่าเด็กมอปลายเหรอฮ่าๆ ในที่สุดครั้งนี้องค์กรนี่ก็ให้ภารกิจที่ได้เงินสมเหตุสมผลสักที”ภายในห้องชั้นสิบแปดของศูนย์การค้าอู่เฉิง ปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ระหว่างหน้าต่างกระบอกหนึ่งจ่อไปยังประตูทางออกศูนย์การค้า

        “จื่อต้าน จื่อต้าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว นายท่านข่งสั่งมาแล้วว่าอย่าทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่งั้นพวกเรามีปัญหาแน่ได้ยินแล้วตอบด้วย”เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งส่งไปยังใบหูของชายหนุ่มถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่บนชั้นสิบแปด

        “ให้ตายจับตามองคนได้เงินสามแสน ฆ่าคนถึงจะได้สิบล้านแกยังจะมาใช้เครื่องปลอมเสียงอีก”จื่อต้านพูดอย่างไม่ปิดบัง ทว่าเป้าบนปืนดูเหมือนว่าจะล็อกไปที่ร่างของกัวไฮว่แล้ว

        “ระยะห่าง 338 เมตร ลม 22 ลมตะวันออก 7.2 คอนเฟิร์ม”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นในหูฟังอีกครั้ง

        “หุบปาก ฉันไม่ต้องการข้อมูลพวกนี้หรอก”จื่อต้านพูดกับไมค์หูฟัง“ลาก่อน พ่อหนุ่มน้อยรายที่เจ็ดสิบสาม”พูดเสร็จจื่อต้านก็เหนี่ยวไก

        “ปัง!”กระสุนบินตรงไปยังศีรษะของกัวไฮว่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าในขณะที่ตนเองเหนี่ยวไกนั้น เป้าหมายที่ตนล็อกไว้จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา”

        “โอ้!”

        “จื่อต้านภารกิจล้มเหลว แยกย้าย แยกย้าย”

         

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 37 ลอบฆ่าล้มเหลว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 37 ลอบฆ่าล้มเหลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายท่านในเมื่อคุณเอาของพวกนี้ออกมา ผมก็จะไม่ปิดบังคุณล่ะนะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อันที่จริงที่ผมมาหาคุณกับเวยเวยครั้งนี้ก็เพื่อจะมาเอาของล้ำค่าพวกนี้ไป”

        เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จมู่หรงเวยเวยที่อยู่ข้างๆก็พลันตาเบิกโพลง เป็นไปไม่ได้พี่ไฮว่ไม่มีทางหลอกใช้ฉัน ทำไมพี่ไฮว่ถึงทำแบบนี้ล่ะ

        เมื่อกัวไฮว่เห็นมู่หรงเวยเวยมองตนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กัวไฮว่ก็ยื่นมือออกมากุมมือน้อยๆของมู่หรงเวยเวยอีกครั้ง

        “ท่านอาจารย์รอก่อน ผมขอดูอักษรด้านใต้นี่ก่อน”กัวไฮว่พูดพลางใช้ตัวขวางคนอื่นเอาไว้ แล้วเอากระบอกอันใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเอง เขาเปิดออกอย่างระมัดระวังจากนั้นภาพม้วนยาวประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบก็ถูกคลี่ออกมา

        “ปะ…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง”ปรมาจารย์อวี้เฟิงกล่าวอย่างตกอกตกใจ

        “อาจารย์ท่านอย่าตกใจไปเลย มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา”มู่หรงเวยเวยพยุงปรมาจารย์อวี้เฟิงแล้วพูดเบาๆ

        “พ่อหนุ่มช่วยบอกที่มาของภาพนี้ทีได้ไหม”ปรมาจารย์อวี้เฟิงค่อยๆนั่งลงบนม้านั่งแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “เหอะๆ รูปนี้อาจารย์ผมให้มาน่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อาจารย์บอกว่าตอนสมัยราชวงศ์ถังบรรพบุรุษได้พนันกับเฉินชิ่งหยวนแห่งหมู่บ้านเฉินสุดท้าย อาจารย์แพ้พนัน เฉินชิ่งหยวนจึงได้ให้ภาพแก่อาจารย์ภาพหนึ่ง ส่วนอาจารย์ได้ให้แบบกระบี่เฟยเจี้ยนที่หลานตนเองทำกับตราประทับที่ยังทำไม่เสร็จอันหนึ่งให้เฉินชิ่งหยวนไป

        “พ่อหนุ่มหมายความว่าของในกล่องนั่นเป็นของอาจารย์ของเธอเหรอ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพลันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

        “พวกเราสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆจนถึงรุ่นของผม ตอนที่อาจารย์บรรลุเป็นเซียนได้ทิ้งความปรารถนาเอาไว้ หวังว่าจะนำของของอาจารย์กลับมาให้ได้”กัวไฮว่พูดเบาๆ“ตอนแรกผมก็จะมาไหว้นายท่าน แต่บังเอิญได้รู้จักกับเวยเวยก็เลยปิดบังเวยเวยแล้วมาหาท่านอาจารย์ด้วยกันถึงที่นี่”

        “ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นมิตรเก่านี่เอง ก็ว่าทำไมถึงเขียนอักษรได้ดีแถมยังเล่นหมากล้อมเก่งอีก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “นายท่านเก็บภาพไว้ไหมครับ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเจตนาแน่ชัด ตราประดับพลิกฟ้ากับกระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยนต้องให้ผมแล้วรึเปล่า

        “ในเมื่อไม่ใช่ของที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้ ทั้งยังเป็นของพนันอีกฉันก็ต้องคืนให้พ่อหนุ่มแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดพลางรับภาพอักษรที่กัวไฮว่ส่งมาให้ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำกล่องไม้จันทน์ทั้งสองกล่องใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ของตนเอง

        กัวไฮว่มองไปที่เข็มทิศเจ็ดดาว จากพลังเซียนตอนนี้และตามระดับการฝึกฝนบนโลกแล้วเกรงว่าเป็นร้อยปีก็ไม่อาจจะใช้ได้ เก็บไว้ที่ปรมาจารย์อวี้เฟิงก็แล้วกัน

         

        “เวยเวยไม่โกรธที่ตอนแรกฉันไม่ได้บอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ใช่ไหม”กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยอยู่ที่บ้านของปรมาจารย์อวี้เฟิงจนถึงสี่โมงเย็นเป็นเพราะวันถัดมาต้องไปเข้าเรียนทั้งสองเลยปฏิเสธท่านอาจารย์และอู๋มาที่จะให้อยู่ต่อไม่ได้อยู่ทานข้าวที่บ้านของท่านอาจารย์

        “โกรธสิ โกรธแน่นอน เพิ่งรู้จักพี่ได้แค่สองวันก็เริ่มมีเรื่องปิดบังฉันซะแล้ว คราวหลังพอเลยนะ”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงดังต่างกับคนละคนที่อยู่ที่โรงเรียน

        “เอาล่ะ คุณหนูเวยเวย คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเธอเอง อย่าโกรธกันเลย วันหลังมีอะไรฉันจะรีบบอกเธอทันทีเลย ส่วนเรื่องในวันนี้อาจารย์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกคนอื่น อาจารย์ของเราพิเศษๆหน่อยน่ะ”กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงเบา

        “มีอะไรพิเศษเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “พลังพิเศษแบบรูมเมตเธอนั่นแหละ พวกเราคือกลุ่มคนที่พิเศษบนโลกใบนี้”กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “งั้นปีหน้าพี่จะร่วมการแข่งต่อสู้หรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นด้วยเสียงเบา“พี่ไฮว่พี่มีพลังวิเศษอะไรเหรอบอกฉันหน่อยได้ไหม”

        “พวกเราไม่เหมือนกันกับตระกูลหนานกง พวกเขาเป็นสำนักเกิดใหม่มีองค์กรความสามารถพิเศษของประเทศเป็นผู้ควบคุม แต่พวกเราต่างกันพลังควบคุมตนเอง พลังของพวกเราแกร่งมาก พวกเราไม่จัดการคนอื่นแต่ปกติแล้วก็ไม่ใช้พลังวิเศษรังแกคน”กัวไฮว่พูดด้วยเสียงเบา“เธอคิดดูนะตอนนั้นฉันบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ถ้าพึ่งแต่การแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเดียวเกรงว่าคงจะต้องไปรายงานตัวกับราชานรกนานแล้ว”

        “งั้นฐานะเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายก็ปลอมน่ะสิ”มู่หรงเวยเวยเบิกตาโพล่งถามขึ้น

        “อืมเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงน่ะเอาไว้หลอกตาคนเท่านั้นแหละ ศัตรูของสำนักเราเยอะมาก ตอนนั้นอาจารย์เลยให้พวกเราทำแบบนี้เพราะกลัวว่าจะถูกตามฆ่าน่ะ”กัวไฮว่พูดปะติดปะต่อเรื่องราว

        “แล้วความรู้สึกที่พี่มีต่อถังซี โยวโยว แล้วก็ฉันในตอนนี้ล่ะ เพื่อตบตาคนเหมือนกันหรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ

        “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันจริงใจกับพวกเธอนะ เธอคิดดูสิสำนักโบราณแบบเราน่ะมักจะไม่รับแนวคิดสมัยใหม่หรอก อย่างหนึ่งสามีหนึ่งภรรยาฉันไม่ยอมรับหรอก ไม่งั้นคงไม่ชอบพวกเธอหลายคนพร้อมๆกันหรอก ฉันชอบพวกเธอพวกเธอชอบฉันพวกเราก็อยู่ด้วยกัน หลักธรรมง่ายๆหลักธรรมมีรักก็คือแบบนี้แหละ”กัวไฮว่พูดด้วยใบหน้าสีหน้าสับปลับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่างคิดเชื่อมโยงเป็นตุเป็นตะ

        “ขี้โม้ หลายใจก็คือหลายใจ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลมากมายเลยนี่”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ“ไปกันพวกเราไปหาของอร่อยๆกินกัน ฉันรับปากหลิงโม่ไว้แล้วว่าจะเอาของอร่อยๆไปฝากเธอ”

        
         “ในที่สุดก็จัดการได้แล้วแดนมนุษย์ไม่ง่ายก็ตรงนี้นี่แหละ ที่สรวงสวรรค์ต้องมาอธิบายแบบนี้กับสาวๆที่ไหนกัน”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เวยเวยต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเธออย่าจากฉันไปนะ”ทั้งสองกินอาหารที่นับได้ว่าเป็นมื้อค่ำ มู่หรงเวยเวยซื้อของอร่อยๆมาจากศูนย์การค้าไปให้หลิงโม่ ในขณะที่กำลังจะกลับนั่นเองกัวไฮว่ก็พูดเบาๆที่ข้างหูมู่หรงเวยเวย

        ขณะที่เพิ่งออกจากศูนย์การค้าตาซ้ายของกัวไฮว่ก็กระตุกอย่างจังทีหนึ่ง ลางสังหรณ์อัปมงคลระลอกหนึ่งทะลวงไปยังจิตใจ

        “มารดามันเถอะ ที่ว่ากันว่าเวลาเซียนทะเลาะกันมนุษย์จะประสบภัย ไม่คิดเลยว่าจะเสียดแทงเข้าสมองเซียนอย่างข้าด้วย”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เงินสิบล้านเพื่อฆ่าเด็กมอปลายเหรอฮ่าๆ ในที่สุดครั้งนี้องค์กรนี่ก็ให้ภารกิจที่ได้เงินสมเหตุสมผลสักที”ภายในห้องชั้นสิบแปดของศูนย์การค้าอู่เฉิง ปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ระหว่างหน้าต่างกระบอกหนึ่งจ่อไปยังประตูทางออกศูนย์การค้า

        “จื่อต้าน จื่อต้าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว นายท่านข่งสั่งมาแล้วว่าอย่าทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่งั้นพวกเรามีปัญหาแน่ได้ยินแล้วตอบด้วย”เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งส่งไปยังใบหูของชายหนุ่มถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่บนชั้นสิบแปด

        “ให้ตายจับตามองคนได้เงินสามแสน ฆ่าคนถึงจะได้สิบล้านแกยังจะมาใช้เครื่องปลอมเสียงอีก”จื่อต้านพูดอย่างไม่ปิดบัง ทว่าเป้าบนปืนดูเหมือนว่าจะล็อกไปที่ร่างของกัวไฮว่แล้ว

        “ระยะห่าง 338 เมตร ลม 22 ลมตะวันออก 7.2 คอนเฟิร์ม”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นในหูฟังอีกครั้ง

        “หุบปาก ฉันไม่ต้องการข้อมูลพวกนี้หรอก”จื่อต้านพูดกับไมค์หูฟัง“ลาก่อน พ่อหนุ่มน้อยรายที่เจ็ดสิบสาม”พูดเสร็จจื่อต้านก็เหนี่ยวไก

        “ปัง!”กระสุนบินตรงไปยังศีรษะของกัวไฮว่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าในขณะที่ตนเองเหนี่ยวไกนั้น เป้าหมายที่ตนล็อกไว้จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา”

        “โอ้!”

        “จื่อต้านภารกิจล้มเหลว แยกย้าย แยกย้าย”

         

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 37 ลอบฆ่าล้มเหลว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 37 ลอบฆ่าล้มเหลว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “นายท่านในเมื่อคุณเอาของพวกนี้ออกมา ผมก็จะไม่ปิดบังคุณล่ะนะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อันที่จริงที่ผมมาหาคุณกับเวยเวยครั้งนี้ก็เพื่อจะมาเอาของล้ำค่าพวกนี้ไป”

        เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จมู่หรงเวยเวยที่อยู่ข้างๆก็พลันตาเบิกโพลง เป็นไปไม่ได้พี่ไฮว่ไม่มีทางหลอกใช้ฉัน ทำไมพี่ไฮว่ถึงทำแบบนี้ล่ะ

        เมื่อกัวไฮว่เห็นมู่หรงเวยเวยมองตนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง กัวไฮว่ก็ยื่นมือออกมากุมมือน้อยๆของมู่หรงเวยเวยอีกครั้ง

        “ท่านอาจารย์รอก่อน ผมขอดูอักษรด้านใต้นี่ก่อน”กัวไฮว่พูดพลางใช้ตัวขวางคนอื่นเอาไว้ แล้วเอากระบอกอันใหญ่ออกมาจากกระเป๋าเป้ของตนเอง เขาเปิดออกอย่างระมัดระวังจากนั้นภาพม้วนยาวประมาณหนึ่งเมตรห้าสิบก็ถูกคลี่ออกมา

        “ปะ…เป็นไปไม่ได้ เป็นไปได้ยังไง”ปรมาจารย์อวี้เฟิงกล่าวอย่างตกอกตกใจ

        “อาจารย์ท่านอย่าตกใจไปเลย มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา”มู่หรงเวยเวยพยุงปรมาจารย์อวี้เฟิงแล้วพูดเบาๆ

        “พ่อหนุ่มช่วยบอกที่มาของภาพนี้ทีได้ไหม”ปรมาจารย์อวี้เฟิงค่อยๆนั่งลงบนม้านั่งแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “เหอะๆ รูปนี้อาจารย์ผมให้มาน่ะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อาจารย์บอกว่าตอนสมัยราชวงศ์ถังบรรพบุรุษได้พนันกับเฉินชิ่งหยวนแห่งหมู่บ้านเฉินสุดท้าย อาจารย์แพ้พนัน เฉินชิ่งหยวนจึงได้ให้ภาพแก่อาจารย์ภาพหนึ่ง ส่วนอาจารย์ได้ให้แบบกระบี่เฟยเจี้ยนที่หลานตนเองทำกับตราประทับที่ยังทำไม่เสร็จอันหนึ่งให้เฉินชิ่งหยวนไป

        “พ่อหนุ่มหมายความว่าของในกล่องนั่นเป็นของอาจารย์ของเธอเหรอ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพลันเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น

        “พวกเราสืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆจนถึงรุ่นของผม ตอนที่อาจารย์บรรลุเป็นเซียนได้ทิ้งความปรารถนาเอาไว้ หวังว่าจะนำของของอาจารย์กลับมาให้ได้”กัวไฮว่พูดเบาๆ“ตอนแรกผมก็จะมาไหว้นายท่าน แต่บังเอิญได้รู้จักกับเวยเวยก็เลยปิดบังเวยเวยแล้วมาหาท่านอาจารย์ด้วยกันถึงที่นี่”

        “ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นมิตรเก่านี่เอง ก็ว่าทำไมถึงเขียนอักษรได้ดีแถมยังเล่นหมากล้อมเก่งอีก”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดยิ้มๆ

        “นายท่านเก็บภาพไว้ไหมครับ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆเจตนาแน่ชัด ตราประดับพลิกฟ้ากับกระบี่เฉินสิงเฟยเจี้ยนต้องให้ผมแล้วรึเปล่า

        “ในเมื่อไม่ใช่ของที่บรรพบุรุษสืบทอดมาให้ ทั้งยังเป็นของพนันอีกฉันก็ต้องคืนให้พ่อหนุ่มแล้วล่ะ”ปรมาจารย์อวี้เฟิงพูดพลางรับภาพอักษรที่กัวไฮว่ส่งมาให้ จากนั้นกัวไฮว่ก็นำกล่องไม้จันทน์ทั้งสองกล่องใส่เข้าไปในกระเป๋าเป้ของตนเอง

        กัวไฮว่มองไปที่เข็มทิศเจ็ดดาว จากพลังเซียนตอนนี้และตามระดับการฝึกฝนบนโลกแล้วเกรงว่าเป็นร้อยปีก็ไม่อาจจะใช้ได้ เก็บไว้ที่ปรมาจารย์อวี้เฟิงก็แล้วกัน

         

        “เวยเวยไม่โกรธที่ตอนแรกฉันไม่ได้บอกจุดประสงค์ในการมาครั้งนี้ใช่ไหม”กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวยอยู่ที่บ้านของปรมาจารย์อวี้เฟิงจนถึงสี่โมงเย็นเป็นเพราะวันถัดมาต้องไปเข้าเรียนทั้งสองเลยปฏิเสธท่านอาจารย์และอู๋มาที่จะให้อยู่ต่อไม่ได้อยู่ทานข้าวที่บ้านของท่านอาจารย์

        “โกรธสิ โกรธแน่นอน เพิ่งรู้จักพี่ได้แค่สองวันก็เริ่มมีเรื่องปิดบังฉันซะแล้ว คราวหลังพอเลยนะ”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงดังต่างกับคนละคนที่อยู่ที่โรงเรียน

        “เอาล่ะ คุณหนูเวยเวย คืนนี้ฉันเลี้ยงข้าวเธอเอง อย่าโกรธกันเลย วันหลังมีอะไรฉันจะรีบบอกเธอทันทีเลย ส่วนเรื่องในวันนี้อาจารย์ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามบอกคนอื่น อาจารย์ของเราพิเศษๆหน่อยน่ะ”กัวไฮว่พูดขึ้นเสียงเบา

        “มีอะไรพิเศษเหรอ”มู่หรงเวยเวยชะงักไปแล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        “พลังพิเศษแบบรูมเมตเธอนั่นแหละ พวกเราคือกลุ่มคนที่พิเศษบนโลกใบนี้”กัวไฮว่พูดเบาๆ

        “งั้นปีหน้าพี่จะร่วมการแข่งต่อสู้หรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นด้วยเสียงเบา“พี่ไฮว่พี่มีพลังวิเศษอะไรเหรอบอกฉันหน่อยได้ไหม”

        “พวกเราไม่เหมือนกันกับตระกูลหนานกง พวกเขาเป็นสำนักเกิดใหม่มีองค์กรความสามารถพิเศษของประเทศเป็นผู้ควบคุม แต่พวกเราต่างกันพลังควบคุมตนเอง พลังของพวกเราแกร่งมาก พวกเราไม่จัดการคนอื่นแต่ปกติแล้วก็ไม่ใช้พลังวิเศษรังแกคน”กัวไฮว่พูดด้วยเสียงเบา“เธอคิดดูนะตอนนั้นฉันบาดเจ็บหนักขนาดนั้น ถ้าพึ่งแต่การแพทย์แผนปัจจุบันอย่างเดียวเกรงว่าคงจะต้องไปรายงานตัวกับราชานรกนานแล้ว”

        “งั้นฐานะเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายก็ปลอมน่ะสิ”มู่หรงเวยเวยเบิกตาโพล่งถามขึ้น

        “อืมเจ้าสี่ในสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงน่ะเอาไว้หลอกตาคนเท่านั้นแหละ ศัตรูของสำนักเราเยอะมาก ตอนนั้นอาจารย์เลยให้พวกเราทำแบบนี้เพราะกลัวว่าจะถูกตามฆ่าน่ะ”กัวไฮว่พูดปะติดปะต่อเรื่องราว

        “แล้วความรู้สึกที่พี่มีต่อถังซี โยวโยว แล้วก็ฉันในตอนนี้ล่ะ เพื่อตบตาคนเหมือนกันหรือเปล่า”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ

        “แน่นอนว่าไม่ใช่ ฉันจริงใจกับพวกเธอนะ เธอคิดดูสิสำนักโบราณแบบเราน่ะมักจะไม่รับแนวคิดสมัยใหม่หรอก อย่างหนึ่งสามีหนึ่งภรรยาฉันไม่ยอมรับหรอก ไม่งั้นคงไม่ชอบพวกเธอหลายคนพร้อมๆกันหรอก ฉันชอบพวกเธอพวกเธอชอบฉันพวกเราก็อยู่ด้วยกัน หลักธรรมง่ายๆหลักธรรมมีรักก็คือแบบนี้แหละ”กัวไฮว่พูดด้วยใบหน้าสีหน้าสับปลับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่างคิดเชื่อมโยงเป็นตุเป็นตะ

        “ขี้โม้ หลายใจก็คือหลายใจ ไม่เห็นต้องมีเหตุผลมากมายเลยนี่”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ“ไปกันพวกเราไปหาของอร่อยๆกินกัน ฉันรับปากหลิงโม่ไว้แล้วว่าจะเอาของอร่อยๆไปฝากเธอ”

        
         “ในที่สุดก็จัดการได้แล้วแดนมนุษย์ไม่ง่ายก็ตรงนี้นี่แหละ ที่สรวงสวรรค์ต้องมาอธิบายแบบนี้กับสาวๆที่ไหนกัน”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เวยเวยต่อไปไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเธออย่าจากฉันไปนะ”ทั้งสองกินอาหารที่นับได้ว่าเป็นมื้อค่ำ มู่หรงเวยเวยซื้อของอร่อยๆมาจากศูนย์การค้าไปให้หลิงโม่ ในขณะที่กำลังจะกลับนั่นเองกัวไฮว่ก็พูดเบาๆที่ข้างหูมู่หรงเวยเวย

        ขณะที่เพิ่งออกจากศูนย์การค้าตาซ้ายของกัวไฮว่ก็กระตุกอย่างจังทีหนึ่ง ลางสังหรณ์อัปมงคลระลอกหนึ่งทะลวงไปยังจิตใจ

        “มารดามันเถอะ ที่ว่ากันว่าเวลาเซียนทะเลาะกันมนุษย์จะประสบภัย ไม่คิดเลยว่าจะเสียดแทงเข้าสมองเซียนอย่างข้าด้วย”กัวไฮว่ลอบคิดในใจ

        “เงินสิบล้านเพื่อฆ่าเด็กมอปลายเหรอฮ่าๆ ในที่สุดครั้งนี้องค์กรนี่ก็ให้ภารกิจที่ได้เงินสมเหตุสมผลสักที”ภายในห้องชั้นสิบแปดของศูนย์การค้าอู่เฉิง ปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่ระหว่างหน้าต่างกระบอกหนึ่งจ่อไปยังประตูทางออกศูนย์การค้า

        “จื่อต้าน จื่อต้าน เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว นายท่านข่งสั่งมาแล้วว่าอย่าทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ไม่งั้นพวกเรามีปัญหาแน่ได้ยินแล้วตอบด้วย”เสียงของชายวัยกลางคนผู้หนึ่งส่งไปยังใบหูของชายหนุ่มถือปืนไรเฟิลซุ่มยิงอยู่บนชั้นสิบแปด

        “ให้ตายจับตามองคนได้เงินสามแสน ฆ่าคนถึงจะได้สิบล้านแกยังจะมาใช้เครื่องปลอมเสียงอีก”จื่อต้านพูดอย่างไม่ปิดบัง ทว่าเป้าบนปืนดูเหมือนว่าจะล็อกไปที่ร่างของกัวไฮว่แล้ว

        “ระยะห่าง 338 เมตร ลม 22 ลมตะวันออก 7.2 คอนเฟิร์ม”เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นในหูฟังอีกครั้ง

        “หุบปาก ฉันไม่ต้องการข้อมูลพวกนี้หรอก”จื่อต้านพูดกับไมค์หูฟัง“ลาก่อน พ่อหนุ่มน้อยรายที่เจ็ดสิบสาม”พูดเสร็จจื่อต้านก็เหนี่ยวไก

        “ปัง!”กระสุนบินตรงไปยังศีรษะของกัวไฮว่ แต่กลับไม่คาดคิดว่าในขณะที่ตนเองเหนี่ยวไกนั้น เป้าหมายที่ตนล็อกไว้จู่ๆก็หายไปต่อหน้าต่อตา”

        “โอ้!”

        “จื่อต้านภารกิจล้มเหลว แยกย้าย แยกย้าย”

         

 

                                                                ————————

                              อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+