[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 21 ภาพทิวทัศน์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 21 ภาพทิวทัศน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ก็เป็นของประมูลสามชิ้นสุดท้ายในงานครั้งนี้นะคะ ดิฉันเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยเลยที่ชอบ”หลินซวงมองดูผู้คนล่างเวทีที่ไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงก่อนหน้านี้จึงยิ้มพลางพูดขึ้น

        “คุณหลินคนสวยหวังว่าของสามชิ้นสุดท้ายจะทำให้พวกเราคึกคักได้อีกครั้งนะ ฮ่าๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นรังสีความร่ำรวยนั่นหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง

        “หนิวเปินที่นี่โรงเรียนนะไม่ใช่สวนหลังบ้านตระกูลหนิวของแก ไม่อยากอยู่ต่อก็ออกไปเลย”หลี่สวินอวี้ยืนขึ้นมองมายังเด็กหนุ่มผู้นั้นแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “เหล่าหลี่ขอโทษด้วย เด็กน้อยไม่รู้ความน่ะ ขอโทษด้วยขอโทษ”ชายชราที่อยู่ข้างหนิวเปินตบเข้าที่บ้องหูหนิวเปินแรงๆฉาดหนึ่ง“ไอ้เด็กไร้อนาคต แม่แกคลอดเด็กแบบแกออกมาได้ยังไงกัน ไม่อยากอยู่ต่อก็ไสหัวออกไปเลย”

        ผู้หญิงที่อยู่ข้างชายวัยกลางคนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทีของชายผู้นั้นแล้วจึงจำยอมเก็บคำพูดกลับไปและทำได้เพียงแค่ดึงหนิวเปินกลับมายังที่นั่งแล้วให้เขาพิงตัวเองไว้

        “ครูหลินต่อเลย”หลี่สวินอวี้พูดเสียงดัง

        “ผอ.หลี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอารมณ์แบบนี้ตลอด ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนชายวัยกลางคนสองสามคนหัวเราะลั่นขึ้นมาพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนที่จบจากโรงเรียนฟู่จง ที่ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงตอนนี้ และนี่เป็นสิ่งที่ชายตระกูลหนิวกังวลเกี่ยวกับหลี่สวินอวี้เขามีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมืองเช่นนี้ใครจะกล้าไปรังแกเขาล่ะ

        “ของชิ้นที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่เอามาไว้ที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นเพราะของก่อนหน้านี้มันสุดยอดเกินไป แต่ว่าเอามันมาประมูลได้แค่ที่นี่”หลินซวงพูดยิ้มๆ“นี่เป็นรูปทิวทิศน์ที่สาวน้อยคนนั้นวาดเอาไว้ราคาต่ำสุดหนึ่งหยวนทุกครั้งเพิ่มราคาได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหยวนเชิญเริ่มเลยค่ะ”

        นักเรียนสองสามคนค่อยๆแสดงภาพวิวทิวทัศน์ยาวประมาณแปดเมตรนี้สู่สายตาสาธารณชน

        “เด็กสาวตระกูลหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุยี่สิบกว่าๆก็วาดความรู้สึกแบบนี้ออกมาได้ ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ”ผู้อาวุโสที่นั่งแถวหน้าคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “เหล่าเฉียนดูอักษรด้านซ้ายมือสิคุ้นๆไหม”คุณนายท่าทางกระฉับกระเฉงที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสพูดยิ้มๆ

        “ปรมาจารย์อวี้เฟิง ปรมาจารย์อวี้เฟิงไม่ได้เลิกวาดแล้วเหรอ ทำไมถึงได้เซ็นภาพวาดนี้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของปรมาจารย์อวี้เฟิงหรือไม่ เจ้าเด็กนั่นต้องประมูลมาให้ฉันให้ได้”ผู้อาวุโสแซ่เฉียนพูดเสียงดังลั่น

        “เหล่าเฉียนอย่ามาแย่งรูปนี้กับฉันจะดีกว่า แกสนิทกับหลินมู่ไม่งั้นก็ให้หลินมู่ให้หลานสาวที่รักของเขาวาดให้อีกรูปสิรูปนี่ฉันต้องได้มันมา”ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง

        “ตาแก่ซุนงั้นเรามาสู้กันอย่างยุติธรรมเถอะ ใครแย่งได้ก็เป็นของคนนั้น”เหล่าเฉียนเงยหน้ามองพลางพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่พี่ว่าภาพของครูหลินเป็นยังไงบ้าง”ถังซีถามขึ้นด้วยเสียงค่อย

        “ภูเขาก็ดูเป็นภูเขา แม่น้ำก็ดูเป็นแม่น้ำ ถ้าอยากพัฒนากว่านี้อีกก้าวก็ต้องลงแรงหน่อย อักษรสองแถวที่อยู่ด้านข้างเขียนได้พื้นๆมากเลย”กัวไฮว่พูดขำๆ

        “พี่ไฮว่พี่ดูอักษรสองแถวข้างๆออกด้วยเหรอ”มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วถามขึ้นเสียงเบา

        “ยายหนูเวยเวยเธอกับคนที่เซ็นนี่เกี่ยวข้องกันล่ะสิ”กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หรงเวยเวยแต่กลับถามขึ้นยิ้มๆ

        “อือฉันเรียนพู่กันกับปรมาจารย์อวี้เฟิง แต่ว่าเขาไม่ได้รับฉันเป็นศิษย์เพราะว่าฉันยังมีวุฒิภาวะไม่พอน่ะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวเสียงเบา“ลายเซ็นบนภาพของครูหลินเป็นของปรมาจารย์”

        “ยายหนูเวยเวยเธออยากได้ภาพนั้นไหม”กัวไฮว่ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น“งั้นฉันประมูลมาก่อนแล้วกัน”

        “ห้าล้านภาพของหนูหลินไม่เลวเลย ทั้งยังมีร่องรอยของท่านปรมาจารย์ภาพนี้ฉันให้ห้าล้าน”ตาแก่ตระกูลเฉียนพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ตาแก่เฉียนช่วงนี้ธุรกิจตระกูลเฉียนของแกเฉยมาก นี่แกใช้เงินเยอะขนาดนี้ซื้อภาพวาดจะไม่ไปบอกลูกชายแก เมียแกหน่อยเหรอ ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนมีผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นพลางหัวเราะ

        “เรื่องธุรกิจน่ะฉันถามไปแล้ว แต่ภาพทิวทัศน์ของหนูหลินนี่ฉันชอบมากจริงๆ หวังว่าทุกท่านจะไว้หน้ากันด้วย”ตาแก่เฉียนพูดเลี่ยงหนักเป็นเบา เหล่าผู้อาวุโสในที่นี้มีใครไม่รู้บ้างว่าความหมายที่แท้จริงของภาพนี้คืออักษรสองแถวของท่านปรมาจารย์

        “ในเมื่อเหล่าเฉียนบอกราคาแล้วฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ แปดล้าน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจด้วย”ผู้อาวุโสตระกูลซุนพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อักษรของท่านปรมาจารย์ไม่ได้ขอกันง่ายๆนะ สิบล้าน ทุกท่านโปรดไว้หน้ากันด้วย แล้วก็ทุกท่านสามารถมาชมภาพที่บ้านผมได้ตลอด”เจี่ยกูอวิ๋นเป็นผู้ดูแลตระกูลเจี่ยในตอนนี้ ทั้งยังเป็นปู่ของเจี่ยหยวนอีกด้วย

        “เฮ้อเห็นแล้วหรือยังหลานตัวเองแต่ละวันเหนื่อยแทบตายแต่ปู่กลับมาจ่ายเงินแบบนี้เฮ้อ”เจี่ยหยวนพูดกับหวังเซิงด้วยเสียงเบา

        “แกเคลียร์เงินกับปู่แกแล้วไม่ใช่เหรอ เงินนี่แกไม่ได้ออกเองสักหน่อย”หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “หุบปาก หุบปาก เข้าใจไหมตอนแรกฉันจะมาแย่งเหล้าเจ้าสี่ระหว่างทางบังเอิญเจอคุณปู่เข้า เรามันปากพล่อยพูดอะไรที่มันดีๆหน่อย แกก็รู้ว่าปู่นิสัยร้ายแค่ไหนอย่างน้อยฉันก็เคยผ่านมาแล้ว”เจี่ยหยวนส่ายศีรษะพูดขึ้น

        “คุณปู่มาแล้วเหรอครับช้าๆหน่อยเดี๋ยวผมไปพยุงปู่เข้าไปเอง”นอกโถงประชุมเจี่ยหยวนบังเอิญพบกับเจี่ยกูอวิ๋นผู้เป็นปู่ของตนเอง

        “เจี่ยหยวนแกไม่ชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วมาที่นี่ทำไมฮะ ฉันจะบอกแกให้นะที่งานประมูลนี่แกช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย”เจี่ยกูอวิ๋นพูดเสียงดัง

        “ดูปู่พูดเข้าสิผมอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วจะไม่รู้กฎแค่นี้เหรอ”เจี่ยหยวนพยุงคุณปู่แล้วพูดขึ้นว่า“คุณปู่ถูกใจสินค้าประมูลชิ้นไหนก็ตะโกนบอกราคาได้เลยนะเดี๋ยวผมคิดบัญชีให้เองถือซะว่าหลานปู่กตัญญูต่อปู่ไง”เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยนอบน้อม

        “เฮ้อ ลูกชายตั้งหลายคนยังเทียบกับหลานชายผู้บริสุทธิ์ของฉันคนเดียวไม่ได้เลย แกคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว”นายท่านพูดยิ้มๆเจี่ยหยวนเองก็หัวเราะ

        “เจี่ยอู่ยากนะที่เจี่ยหยวนจะคิดแบบนี้ ฉันได้ยินว่าวันนี้มีของดีหลายอย่างให้โอกาสเสี่ยวหยวนสักครั้ง ของที่ประมูลมาได้ชิ้นแรกก็ให้เสี่ยวหยวนคิดบัญชีซะ”เจี่ยกูอวิ๋นพูดพลางเดินเข้าไปในโถงประชุม

         

        “เดินดีๆนะครับคุณปู่ ผมรอคนก่อนเดี๋ยวค่อยเข้าไป”เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ปากหวานเหรอ ปากหวานที่ไหนกันอันนี้ปากพล่อย”

 

        “เหล่าเฉียนแกไม่เข้าใจตัวอักษรจะเอาของชิ้นนี้ไปทำไมกันฉันว่าแกอย่าเข้าร่วมเลย สิบสองล้าน แม่หนูหลินขายของชิ้นนี้ให้ฉันเถอะ”ผู้อาวุโสตระกูลเฉียนพูดเสียงดัง

        “สิบห้าล้านพวกท่านเป็นผู้อาวุโสกันทั้งนั้นก็ควรจะให้ของชิ้นนี้แก่คนรุ่นหลังไม่ใช่เหรอ”จู่ๆกัวไฮว่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นยิ้มๆหลินซวงที่อยู่บนเวทีก็หน้าแดงขึ้นมากะทันหันเด็กนี่จะไปเข้าใจตัวอักษรอะไรกันหรือว่าจะแค่แย่งภาพของตนมา

        “พ่อหนุ่มสิบห้าล้านหยวนนะไม่ใช่สิบห้าหยวนแกแน่ใจเหรอว่าแกมีน่ะ”เจี่ยกูอวิ๋นถามขึ้นเสียงดัง

         

        วันหนึ่งหลี่เย่าได้รับโทรศัพท์จากเฮยหลงบอกว่ารถที่ซ่อมรวมถึงเงินชดเชยถูกส่งมายังร้านใต้หล้าอู่เฉิงแล้วให้เขาเอารถไปลาก หลี่เย่าจึงขับรถจี๊ปของตนไปขณะที่เข้าไปในโถงใหญ่นั้นเขาถึงกับตาลาย ตอนนั้นตัวเขาเองยังไม่คิดว่าเจ้าสี่จะเรียกเงินสิบล้านมาได้ แต่เงินสามกองที่อยู่ตรงหน้านั้นดูราวกับว่าแต่ละกองจะเกินกว่าสามสิบล้านซะอีก

        “พี่เย่าฝากพี่ไปบอกพี่ไฮว่ต่อหน้าหน่อยนะว่าครั้งนี้ผมผิดไปแล้วคราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วผมยังมีธุระอีกผมไปก่อนล่ะ”พี่กุ่ยวิ่งไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

                                                                  ————————

                                    อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 21 ภาพทิวทัศน์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 21 ภาพทิวทัศน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ก็เป็นของประมูลสามชิ้นสุดท้ายในงานครั้งนี้นะคะ ดิฉันเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยเลยที่ชอบ”หลินซวงมองดูผู้คนล่างเวทีที่ไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงก่อนหน้านี้จึงยิ้มพลางพูดขึ้น

        “คุณหลินคนสวยหวังว่าของสามชิ้นสุดท้ายจะทำให้พวกเราคึกคักได้อีกครั้งนะ ฮ่าๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นรังสีความร่ำรวยนั่นหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง

        “หนิวเปินที่นี่โรงเรียนนะไม่ใช่สวนหลังบ้านตระกูลหนิวของแก ไม่อยากอยู่ต่อก็ออกไปเลย”หลี่สวินอวี้ยืนขึ้นมองมายังเด็กหนุ่มผู้นั้นแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “เหล่าหลี่ขอโทษด้วย เด็กน้อยไม่รู้ความน่ะ ขอโทษด้วยขอโทษ”ชายชราที่อยู่ข้างหนิวเปินตบเข้าที่บ้องหูหนิวเปินแรงๆฉาดหนึ่ง“ไอ้เด็กไร้อนาคต แม่แกคลอดเด็กแบบแกออกมาได้ยังไงกัน ไม่อยากอยู่ต่อก็ไสหัวออกไปเลย”

        ผู้หญิงที่อยู่ข้างชายวัยกลางคนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทีของชายผู้นั้นแล้วจึงจำยอมเก็บคำพูดกลับไปและทำได้เพียงแค่ดึงหนิวเปินกลับมายังที่นั่งแล้วให้เขาพิงตัวเองไว้

        “ครูหลินต่อเลย”หลี่สวินอวี้พูดเสียงดัง

        “ผอ.หลี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอารมณ์แบบนี้ตลอด ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนชายวัยกลางคนสองสามคนหัวเราะลั่นขึ้นมาพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนที่จบจากโรงเรียนฟู่จง ที่ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงตอนนี้ และนี่เป็นสิ่งที่ชายตระกูลหนิวกังวลเกี่ยวกับหลี่สวินอวี้เขามีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมืองเช่นนี้ใครจะกล้าไปรังแกเขาล่ะ

        “ของชิ้นที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่เอามาไว้ที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นเพราะของก่อนหน้านี้มันสุดยอดเกินไป แต่ว่าเอามันมาประมูลได้แค่ที่นี่”หลินซวงพูดยิ้มๆ“นี่เป็นรูปทิวทิศน์ที่สาวน้อยคนนั้นวาดเอาไว้ราคาต่ำสุดหนึ่งหยวนทุกครั้งเพิ่มราคาได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหยวนเชิญเริ่มเลยค่ะ”

        นักเรียนสองสามคนค่อยๆแสดงภาพวิวทิวทัศน์ยาวประมาณแปดเมตรนี้สู่สายตาสาธารณชน

        “เด็กสาวตระกูลหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุยี่สิบกว่าๆก็วาดความรู้สึกแบบนี้ออกมาได้ ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ”ผู้อาวุโสที่นั่งแถวหน้าคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “เหล่าเฉียนดูอักษรด้านซ้ายมือสิคุ้นๆไหม”คุณนายท่าทางกระฉับกระเฉงที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสพูดยิ้มๆ

        “ปรมาจารย์อวี้เฟิง ปรมาจารย์อวี้เฟิงไม่ได้เลิกวาดแล้วเหรอ ทำไมถึงได้เซ็นภาพวาดนี้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของปรมาจารย์อวี้เฟิงหรือไม่ เจ้าเด็กนั่นต้องประมูลมาให้ฉันให้ได้”ผู้อาวุโสแซ่เฉียนพูดเสียงดังลั่น

        “เหล่าเฉียนอย่ามาแย่งรูปนี้กับฉันจะดีกว่า แกสนิทกับหลินมู่ไม่งั้นก็ให้หลินมู่ให้หลานสาวที่รักของเขาวาดให้อีกรูปสิรูปนี่ฉันต้องได้มันมา”ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง

        “ตาแก่ซุนงั้นเรามาสู้กันอย่างยุติธรรมเถอะ ใครแย่งได้ก็เป็นของคนนั้น”เหล่าเฉียนเงยหน้ามองพลางพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่พี่ว่าภาพของครูหลินเป็นยังไงบ้าง”ถังซีถามขึ้นด้วยเสียงค่อย

        “ภูเขาก็ดูเป็นภูเขา แม่น้ำก็ดูเป็นแม่น้ำ ถ้าอยากพัฒนากว่านี้อีกก้าวก็ต้องลงแรงหน่อย อักษรสองแถวที่อยู่ด้านข้างเขียนได้พื้นๆมากเลย”กัวไฮว่พูดขำๆ

        “พี่ไฮว่พี่ดูอักษรสองแถวข้างๆออกด้วยเหรอ”มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วถามขึ้นเสียงเบา

        “ยายหนูเวยเวยเธอกับคนที่เซ็นนี่เกี่ยวข้องกันล่ะสิ”กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หรงเวยเวยแต่กลับถามขึ้นยิ้มๆ

        “อือฉันเรียนพู่กันกับปรมาจารย์อวี้เฟิง แต่ว่าเขาไม่ได้รับฉันเป็นศิษย์เพราะว่าฉันยังมีวุฒิภาวะไม่พอน่ะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวเสียงเบา“ลายเซ็นบนภาพของครูหลินเป็นของปรมาจารย์”

        “ยายหนูเวยเวยเธออยากได้ภาพนั้นไหม”กัวไฮว่ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น“งั้นฉันประมูลมาก่อนแล้วกัน”

        “ห้าล้านภาพของหนูหลินไม่เลวเลย ทั้งยังมีร่องรอยของท่านปรมาจารย์ภาพนี้ฉันให้ห้าล้าน”ตาแก่ตระกูลเฉียนพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ตาแก่เฉียนช่วงนี้ธุรกิจตระกูลเฉียนของแกเฉยมาก นี่แกใช้เงินเยอะขนาดนี้ซื้อภาพวาดจะไม่ไปบอกลูกชายแก เมียแกหน่อยเหรอ ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนมีผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นพลางหัวเราะ

        “เรื่องธุรกิจน่ะฉันถามไปแล้ว แต่ภาพทิวทัศน์ของหนูหลินนี่ฉันชอบมากจริงๆ หวังว่าทุกท่านจะไว้หน้ากันด้วย”ตาแก่เฉียนพูดเลี่ยงหนักเป็นเบา เหล่าผู้อาวุโสในที่นี้มีใครไม่รู้บ้างว่าความหมายที่แท้จริงของภาพนี้คืออักษรสองแถวของท่านปรมาจารย์

        “ในเมื่อเหล่าเฉียนบอกราคาแล้วฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ แปดล้าน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจด้วย”ผู้อาวุโสตระกูลซุนพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อักษรของท่านปรมาจารย์ไม่ได้ขอกันง่ายๆนะ สิบล้าน ทุกท่านโปรดไว้หน้ากันด้วย แล้วก็ทุกท่านสามารถมาชมภาพที่บ้านผมได้ตลอด”เจี่ยกูอวิ๋นเป็นผู้ดูแลตระกูลเจี่ยในตอนนี้ ทั้งยังเป็นปู่ของเจี่ยหยวนอีกด้วย

        “เฮ้อเห็นแล้วหรือยังหลานตัวเองแต่ละวันเหนื่อยแทบตายแต่ปู่กลับมาจ่ายเงินแบบนี้เฮ้อ”เจี่ยหยวนพูดกับหวังเซิงด้วยเสียงเบา

        “แกเคลียร์เงินกับปู่แกแล้วไม่ใช่เหรอ เงินนี่แกไม่ได้ออกเองสักหน่อย”หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “หุบปาก หุบปาก เข้าใจไหมตอนแรกฉันจะมาแย่งเหล้าเจ้าสี่ระหว่างทางบังเอิญเจอคุณปู่เข้า เรามันปากพล่อยพูดอะไรที่มันดีๆหน่อย แกก็รู้ว่าปู่นิสัยร้ายแค่ไหนอย่างน้อยฉันก็เคยผ่านมาแล้ว”เจี่ยหยวนส่ายศีรษะพูดขึ้น

        “คุณปู่มาแล้วเหรอครับช้าๆหน่อยเดี๋ยวผมไปพยุงปู่เข้าไปเอง”นอกโถงประชุมเจี่ยหยวนบังเอิญพบกับเจี่ยกูอวิ๋นผู้เป็นปู่ของตนเอง

        “เจี่ยหยวนแกไม่ชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วมาที่นี่ทำไมฮะ ฉันจะบอกแกให้นะที่งานประมูลนี่แกช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย”เจี่ยกูอวิ๋นพูดเสียงดัง

        “ดูปู่พูดเข้าสิผมอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วจะไม่รู้กฎแค่นี้เหรอ”เจี่ยหยวนพยุงคุณปู่แล้วพูดขึ้นว่า“คุณปู่ถูกใจสินค้าประมูลชิ้นไหนก็ตะโกนบอกราคาได้เลยนะเดี๋ยวผมคิดบัญชีให้เองถือซะว่าหลานปู่กตัญญูต่อปู่ไง”เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยนอบน้อม

        “เฮ้อ ลูกชายตั้งหลายคนยังเทียบกับหลานชายผู้บริสุทธิ์ของฉันคนเดียวไม่ได้เลย แกคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว”นายท่านพูดยิ้มๆเจี่ยหยวนเองก็หัวเราะ

        “เจี่ยอู่ยากนะที่เจี่ยหยวนจะคิดแบบนี้ ฉันได้ยินว่าวันนี้มีของดีหลายอย่างให้โอกาสเสี่ยวหยวนสักครั้ง ของที่ประมูลมาได้ชิ้นแรกก็ให้เสี่ยวหยวนคิดบัญชีซะ”เจี่ยกูอวิ๋นพูดพลางเดินเข้าไปในโถงประชุม

         

        “เดินดีๆนะครับคุณปู่ ผมรอคนก่อนเดี๋ยวค่อยเข้าไป”เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ปากหวานเหรอ ปากหวานที่ไหนกันอันนี้ปากพล่อย”

 

        “เหล่าเฉียนแกไม่เข้าใจตัวอักษรจะเอาของชิ้นนี้ไปทำไมกันฉันว่าแกอย่าเข้าร่วมเลย สิบสองล้าน แม่หนูหลินขายของชิ้นนี้ให้ฉันเถอะ”ผู้อาวุโสตระกูลเฉียนพูดเสียงดัง

        “สิบห้าล้านพวกท่านเป็นผู้อาวุโสกันทั้งนั้นก็ควรจะให้ของชิ้นนี้แก่คนรุ่นหลังไม่ใช่เหรอ”จู่ๆกัวไฮว่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นยิ้มๆหลินซวงที่อยู่บนเวทีก็หน้าแดงขึ้นมากะทันหันเด็กนี่จะไปเข้าใจตัวอักษรอะไรกันหรือว่าจะแค่แย่งภาพของตนมา

        “พ่อหนุ่มสิบห้าล้านหยวนนะไม่ใช่สิบห้าหยวนแกแน่ใจเหรอว่าแกมีน่ะ”เจี่ยกูอวิ๋นถามขึ้นเสียงดัง

         

        วันหนึ่งหลี่เย่าได้รับโทรศัพท์จากเฮยหลงบอกว่ารถที่ซ่อมรวมถึงเงินชดเชยถูกส่งมายังร้านใต้หล้าอู่เฉิงแล้วให้เขาเอารถไปลาก หลี่เย่าจึงขับรถจี๊ปของตนไปขณะที่เข้าไปในโถงใหญ่นั้นเขาถึงกับตาลาย ตอนนั้นตัวเขาเองยังไม่คิดว่าเจ้าสี่จะเรียกเงินสิบล้านมาได้ แต่เงินสามกองที่อยู่ตรงหน้านั้นดูราวกับว่าแต่ละกองจะเกินกว่าสามสิบล้านซะอีก

        “พี่เย่าฝากพี่ไปบอกพี่ไฮว่ต่อหน้าหน่อยนะว่าครั้งนี้ผมผิดไปแล้วคราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วผมยังมีธุระอีกผมไปก่อนล่ะ”พี่กุ่ยวิ่งไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

                                                                  ————————

                                    อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 21 ภาพทิวทัศน์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 21 ภาพทิวทัศน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ก็เป็นของประมูลสามชิ้นสุดท้ายในงานครั้งนี้นะคะ ดิฉันเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยเลยที่ชอบ”หลินซวงมองดูผู้คนล่างเวทีที่ไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงก่อนหน้านี้จึงยิ้มพลางพูดขึ้น

        “คุณหลินคนสวยหวังว่าของสามชิ้นสุดท้ายจะทำให้พวกเราคึกคักได้อีกครั้งนะ ฮ่าๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นรังสีความร่ำรวยนั่นหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง

        “หนิวเปินที่นี่โรงเรียนนะไม่ใช่สวนหลังบ้านตระกูลหนิวของแก ไม่อยากอยู่ต่อก็ออกไปเลย”หลี่สวินอวี้ยืนขึ้นมองมายังเด็กหนุ่มผู้นั้นแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “เหล่าหลี่ขอโทษด้วย เด็กน้อยไม่รู้ความน่ะ ขอโทษด้วยขอโทษ”ชายชราที่อยู่ข้างหนิวเปินตบเข้าที่บ้องหูหนิวเปินแรงๆฉาดหนึ่ง“ไอ้เด็กไร้อนาคต แม่แกคลอดเด็กแบบแกออกมาได้ยังไงกัน ไม่อยากอยู่ต่อก็ไสหัวออกไปเลย”

        ผู้หญิงที่อยู่ข้างชายวัยกลางคนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทีของชายผู้นั้นแล้วจึงจำยอมเก็บคำพูดกลับไปและทำได้เพียงแค่ดึงหนิวเปินกลับมายังที่นั่งแล้วให้เขาพิงตัวเองไว้

        “ครูหลินต่อเลย”หลี่สวินอวี้พูดเสียงดัง

        “ผอ.หลี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอารมณ์แบบนี้ตลอด ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนชายวัยกลางคนสองสามคนหัวเราะลั่นขึ้นมาพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนที่จบจากโรงเรียนฟู่จง ที่ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงตอนนี้ และนี่เป็นสิ่งที่ชายตระกูลหนิวกังวลเกี่ยวกับหลี่สวินอวี้เขามีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมืองเช่นนี้ใครจะกล้าไปรังแกเขาล่ะ

        “ของชิ้นที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่เอามาไว้ที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นเพราะของก่อนหน้านี้มันสุดยอดเกินไป แต่ว่าเอามันมาประมูลได้แค่ที่นี่”หลินซวงพูดยิ้มๆ“นี่เป็นรูปทิวทิศน์ที่สาวน้อยคนนั้นวาดเอาไว้ราคาต่ำสุดหนึ่งหยวนทุกครั้งเพิ่มราคาได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหยวนเชิญเริ่มเลยค่ะ”

        นักเรียนสองสามคนค่อยๆแสดงภาพวิวทิวทัศน์ยาวประมาณแปดเมตรนี้สู่สายตาสาธารณชน

        “เด็กสาวตระกูลหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุยี่สิบกว่าๆก็วาดความรู้สึกแบบนี้ออกมาได้ ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ”ผู้อาวุโสที่นั่งแถวหน้าคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “เหล่าเฉียนดูอักษรด้านซ้ายมือสิคุ้นๆไหม”คุณนายท่าทางกระฉับกระเฉงที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสพูดยิ้มๆ

        “ปรมาจารย์อวี้เฟิง ปรมาจารย์อวี้เฟิงไม่ได้เลิกวาดแล้วเหรอ ทำไมถึงได้เซ็นภาพวาดนี้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของปรมาจารย์อวี้เฟิงหรือไม่ เจ้าเด็กนั่นต้องประมูลมาให้ฉันให้ได้”ผู้อาวุโสแซ่เฉียนพูดเสียงดังลั่น

        “เหล่าเฉียนอย่ามาแย่งรูปนี้กับฉันจะดีกว่า แกสนิทกับหลินมู่ไม่งั้นก็ให้หลินมู่ให้หลานสาวที่รักของเขาวาดให้อีกรูปสิรูปนี่ฉันต้องได้มันมา”ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง

        “ตาแก่ซุนงั้นเรามาสู้กันอย่างยุติธรรมเถอะ ใครแย่งได้ก็เป็นของคนนั้น”เหล่าเฉียนเงยหน้ามองพลางพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่พี่ว่าภาพของครูหลินเป็นยังไงบ้าง”ถังซีถามขึ้นด้วยเสียงค่อย

        “ภูเขาก็ดูเป็นภูเขา แม่น้ำก็ดูเป็นแม่น้ำ ถ้าอยากพัฒนากว่านี้อีกก้าวก็ต้องลงแรงหน่อย อักษรสองแถวที่อยู่ด้านข้างเขียนได้พื้นๆมากเลย”กัวไฮว่พูดขำๆ

        “พี่ไฮว่พี่ดูอักษรสองแถวข้างๆออกด้วยเหรอ”มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วถามขึ้นเสียงเบา

        “ยายหนูเวยเวยเธอกับคนที่เซ็นนี่เกี่ยวข้องกันล่ะสิ”กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หรงเวยเวยแต่กลับถามขึ้นยิ้มๆ

        “อือฉันเรียนพู่กันกับปรมาจารย์อวี้เฟิง แต่ว่าเขาไม่ได้รับฉันเป็นศิษย์เพราะว่าฉันยังมีวุฒิภาวะไม่พอน่ะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวเสียงเบา“ลายเซ็นบนภาพของครูหลินเป็นของปรมาจารย์”

        “ยายหนูเวยเวยเธออยากได้ภาพนั้นไหม”กัวไฮว่ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น“งั้นฉันประมูลมาก่อนแล้วกัน”

        “ห้าล้านภาพของหนูหลินไม่เลวเลย ทั้งยังมีร่องรอยของท่านปรมาจารย์ภาพนี้ฉันให้ห้าล้าน”ตาแก่ตระกูลเฉียนพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ตาแก่เฉียนช่วงนี้ธุรกิจตระกูลเฉียนของแกเฉยมาก นี่แกใช้เงินเยอะขนาดนี้ซื้อภาพวาดจะไม่ไปบอกลูกชายแก เมียแกหน่อยเหรอ ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนมีผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นพลางหัวเราะ

        “เรื่องธุรกิจน่ะฉันถามไปแล้ว แต่ภาพทิวทัศน์ของหนูหลินนี่ฉันชอบมากจริงๆ หวังว่าทุกท่านจะไว้หน้ากันด้วย”ตาแก่เฉียนพูดเลี่ยงหนักเป็นเบา เหล่าผู้อาวุโสในที่นี้มีใครไม่รู้บ้างว่าความหมายที่แท้จริงของภาพนี้คืออักษรสองแถวของท่านปรมาจารย์

        “ในเมื่อเหล่าเฉียนบอกราคาแล้วฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ แปดล้าน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจด้วย”ผู้อาวุโสตระกูลซุนพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อักษรของท่านปรมาจารย์ไม่ได้ขอกันง่ายๆนะ สิบล้าน ทุกท่านโปรดไว้หน้ากันด้วย แล้วก็ทุกท่านสามารถมาชมภาพที่บ้านผมได้ตลอด”เจี่ยกูอวิ๋นเป็นผู้ดูแลตระกูลเจี่ยในตอนนี้ ทั้งยังเป็นปู่ของเจี่ยหยวนอีกด้วย

        “เฮ้อเห็นแล้วหรือยังหลานตัวเองแต่ละวันเหนื่อยแทบตายแต่ปู่กลับมาจ่ายเงินแบบนี้เฮ้อ”เจี่ยหยวนพูดกับหวังเซิงด้วยเสียงเบา

        “แกเคลียร์เงินกับปู่แกแล้วไม่ใช่เหรอ เงินนี่แกไม่ได้ออกเองสักหน่อย”หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “หุบปาก หุบปาก เข้าใจไหมตอนแรกฉันจะมาแย่งเหล้าเจ้าสี่ระหว่างทางบังเอิญเจอคุณปู่เข้า เรามันปากพล่อยพูดอะไรที่มันดีๆหน่อย แกก็รู้ว่าปู่นิสัยร้ายแค่ไหนอย่างน้อยฉันก็เคยผ่านมาแล้ว”เจี่ยหยวนส่ายศีรษะพูดขึ้น

        “คุณปู่มาแล้วเหรอครับช้าๆหน่อยเดี๋ยวผมไปพยุงปู่เข้าไปเอง”นอกโถงประชุมเจี่ยหยวนบังเอิญพบกับเจี่ยกูอวิ๋นผู้เป็นปู่ของตนเอง

        “เจี่ยหยวนแกไม่ชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วมาที่นี่ทำไมฮะ ฉันจะบอกแกให้นะที่งานประมูลนี่แกช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย”เจี่ยกูอวิ๋นพูดเสียงดัง

        “ดูปู่พูดเข้าสิผมอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วจะไม่รู้กฎแค่นี้เหรอ”เจี่ยหยวนพยุงคุณปู่แล้วพูดขึ้นว่า“คุณปู่ถูกใจสินค้าประมูลชิ้นไหนก็ตะโกนบอกราคาได้เลยนะเดี๋ยวผมคิดบัญชีให้เองถือซะว่าหลานปู่กตัญญูต่อปู่ไง”เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยนอบน้อม

        “เฮ้อ ลูกชายตั้งหลายคนยังเทียบกับหลานชายผู้บริสุทธิ์ของฉันคนเดียวไม่ได้เลย แกคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว”นายท่านพูดยิ้มๆเจี่ยหยวนเองก็หัวเราะ

        “เจี่ยอู่ยากนะที่เจี่ยหยวนจะคิดแบบนี้ ฉันได้ยินว่าวันนี้มีของดีหลายอย่างให้โอกาสเสี่ยวหยวนสักครั้ง ของที่ประมูลมาได้ชิ้นแรกก็ให้เสี่ยวหยวนคิดบัญชีซะ”เจี่ยกูอวิ๋นพูดพลางเดินเข้าไปในโถงประชุม

         

        “เดินดีๆนะครับคุณปู่ ผมรอคนก่อนเดี๋ยวค่อยเข้าไป”เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ปากหวานเหรอ ปากหวานที่ไหนกันอันนี้ปากพล่อย”

 

        “เหล่าเฉียนแกไม่เข้าใจตัวอักษรจะเอาของชิ้นนี้ไปทำไมกันฉันว่าแกอย่าเข้าร่วมเลย สิบสองล้าน แม่หนูหลินขายของชิ้นนี้ให้ฉันเถอะ”ผู้อาวุโสตระกูลเฉียนพูดเสียงดัง

        “สิบห้าล้านพวกท่านเป็นผู้อาวุโสกันทั้งนั้นก็ควรจะให้ของชิ้นนี้แก่คนรุ่นหลังไม่ใช่เหรอ”จู่ๆกัวไฮว่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นยิ้มๆหลินซวงที่อยู่บนเวทีก็หน้าแดงขึ้นมากะทันหันเด็กนี่จะไปเข้าใจตัวอักษรอะไรกันหรือว่าจะแค่แย่งภาพของตนมา

        “พ่อหนุ่มสิบห้าล้านหยวนนะไม่ใช่สิบห้าหยวนแกแน่ใจเหรอว่าแกมีน่ะ”เจี่ยกูอวิ๋นถามขึ้นเสียงดัง

         

        วันหนึ่งหลี่เย่าได้รับโทรศัพท์จากเฮยหลงบอกว่ารถที่ซ่อมรวมถึงเงินชดเชยถูกส่งมายังร้านใต้หล้าอู่เฉิงแล้วให้เขาเอารถไปลาก หลี่เย่าจึงขับรถจี๊ปของตนไปขณะที่เข้าไปในโถงใหญ่นั้นเขาถึงกับตาลาย ตอนนั้นตัวเขาเองยังไม่คิดว่าเจ้าสี่จะเรียกเงินสิบล้านมาได้ แต่เงินสามกองที่อยู่ตรงหน้านั้นดูราวกับว่าแต่ละกองจะเกินกว่าสามสิบล้านซะอีก

        “พี่เย่าฝากพี่ไปบอกพี่ไฮว่ต่อหน้าหน่อยนะว่าครั้งนี้ผมผิดไปแล้วคราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วผมยังมีธุระอีกผมไปก่อนล่ะ”พี่กุ่ยวิ่งไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

                                                                  ————————

                                    อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 21 ภาพทิวทัศน์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 21 ภาพทิวทัศน์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ตอนนี้ทุกคนคงเหนื่อยมากแล้ว ตอนนี้ก็เป็นของประมูลสามชิ้นสุดท้ายในงานครั้งนี้นะคะ ดิฉันเชื่อว่าคงมีคนไม่น้อยเลยที่ชอบ”หลินซวงมองดูผู้คนล่างเวทีที่ไม่ได้คึกคักเหมือนช่วงก่อนหน้านี้จึงยิ้มพลางพูดขึ้น

        “คุณหลินคนสวยหวังว่าของสามชิ้นสุดท้ายจะทำให้พวกเราคึกคักได้อีกครั้งนะ ฮ่าๆ”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดยิ้มๆ เมื่อเห็นรังสีความร่ำรวยนั่นหลายคนจึงอดไม่ได้ที่จะมองเขาแวบหนึ่ง

        “หนิวเปินที่นี่โรงเรียนนะไม่ใช่สวนหลังบ้านตระกูลหนิวของแก ไม่อยากอยู่ต่อก็ออกไปเลย”หลี่สวินอวี้ยืนขึ้นมองมายังเด็กหนุ่มผู้นั้นแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “เหล่าหลี่ขอโทษด้วย เด็กน้อยไม่รู้ความน่ะ ขอโทษด้วยขอโทษ”ชายชราที่อยู่ข้างหนิวเปินตบเข้าที่บ้องหูหนิวเปินแรงๆฉาดหนึ่ง“ไอ้เด็กไร้อนาคต แม่แกคลอดเด็กแบบแกออกมาได้ยังไงกัน ไม่อยากอยู่ต่อก็ไสหัวออกไปเลย”

        ผู้หญิงที่อยู่ข้างชายวัยกลางคนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทีของชายผู้นั้นแล้วจึงจำยอมเก็บคำพูดกลับไปและทำได้เพียงแค่ดึงหนิวเปินกลับมายังที่นั่งแล้วให้เขาพิงตัวเองไว้

        “ครูหลินต่อเลย”หลี่สวินอวี้พูดเสียงดัง

        “ผอ.หลี่ไม่เปลี่ยนไปเลยสักนิดอารมณ์แบบนี้ตลอด ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนชายวัยกลางคนสองสามคนหัวเราะลั่นขึ้นมาพวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นนักเรียนที่จบจากโรงเรียนฟู่จง ที่ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองอู่เฉิงตอนนี้ และนี่เป็นสิ่งที่ชายตระกูลหนิวกังวลเกี่ยวกับหลี่สวินอวี้เขามีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมืองเช่นนี้ใครจะกล้าไปรังแกเขาล่ะ

        “ของชิ้นที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่เอามาไว้ที่สามก่อนสุดท้ายนี้เป็นเพราะของก่อนหน้านี้มันสุดยอดเกินไป แต่ว่าเอามันมาประมูลได้แค่ที่นี่”หลินซวงพูดยิ้มๆ“นี่เป็นรูปทิวทิศน์ที่สาวน้อยคนนั้นวาดเอาไว้ราคาต่ำสุดหนึ่งหยวนทุกครั้งเพิ่มราคาได้ไม่ต่ำกว่าหนึ่งหยวนเชิญเริ่มเลยค่ะ”

        นักเรียนสองสามคนค่อยๆแสดงภาพวิวทิวทัศน์ยาวประมาณแปดเมตรนี้สู่สายตาสาธารณชน

        “เด็กสาวตระกูลหลินนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ อายุยี่สิบกว่าๆก็วาดความรู้สึกแบบนี้ออกมาได้ ไม่ง่าย ไม่ง่ายเลยจริงๆ”ผู้อาวุโสที่นั่งแถวหน้าคนหนึ่งพูดยิ้มๆ

        “เหล่าเฉียนดูอักษรด้านซ้ายมือสิคุ้นๆไหม”คุณนายท่าทางกระฉับกระเฉงที่อยู่ข้างๆผู้อาวุโสพูดยิ้มๆ

        “ปรมาจารย์อวี้เฟิง ปรมาจารย์อวี้เฟิงไม่ได้เลิกวาดแล้วเหรอ ทำไมถึงได้เซ็นภาพวาดนี้ล่ะ ไม่ว่าจะเป็นผลงานของปรมาจารย์อวี้เฟิงหรือไม่ เจ้าเด็กนั่นต้องประมูลมาให้ฉันให้ได้”ผู้อาวุโสแซ่เฉียนพูดเสียงดังลั่น

        “เหล่าเฉียนอย่ามาแย่งรูปนี้กับฉันจะดีกว่า แกสนิทกับหลินมู่ไม่งั้นก็ให้หลินมู่ให้หลานสาวที่รักของเขาวาดให้อีกรูปสิรูปนี่ฉันต้องได้มันมา”ผู้อาวุโสพูดเสียงดัง

        “ตาแก่ซุนงั้นเรามาสู้กันอย่างยุติธรรมเถอะ ใครแย่งได้ก็เป็นของคนนั้น”เหล่าเฉียนเงยหน้ามองพลางพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่พี่ว่าภาพของครูหลินเป็นยังไงบ้าง”ถังซีถามขึ้นด้วยเสียงค่อย

        “ภูเขาก็ดูเป็นภูเขา แม่น้ำก็ดูเป็นแม่น้ำ ถ้าอยากพัฒนากว่านี้อีกก้าวก็ต้องลงแรงหน่อย อักษรสองแถวที่อยู่ด้านข้างเขียนได้พื้นๆมากเลย”กัวไฮว่พูดขำๆ

        “พี่ไฮว่พี่ดูอักษรสองแถวข้างๆออกด้วยเหรอ”มู่หรงเวยเวยขมวดคิ้วถามขึ้นเสียงเบา

        “ยายหนูเวยเวยเธอกับคนที่เซ็นนี่เกี่ยวข้องกันล่ะสิ”กัวไฮว่ไม่ได้ตอบคำถามของมู่หรงเวยเวยแต่กลับถามขึ้นยิ้มๆ

        “อือฉันเรียนพู่กันกับปรมาจารย์อวี้เฟิง แต่ว่าเขาไม่ได้รับฉันเป็นศิษย์เพราะว่าฉันยังมีวุฒิภาวะไม่พอน่ะ”มู่หรงเวยเวยกล่าวเสียงเบา“ลายเซ็นบนภาพของครูหลินเป็นของปรมาจารย์”

        “ยายหนูเวยเวยเธออยากได้ภาพนั้นไหม”กัวไฮว่ยิ้มมุมปากแล้วพูดขึ้น“งั้นฉันประมูลมาก่อนแล้วกัน”

        “ห้าล้านภาพของหนูหลินไม่เลวเลย ทั้งยังมีร่องรอยของท่านปรมาจารย์ภาพนี้ฉันให้ห้าล้าน”ตาแก่ตระกูลเฉียนพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “ตาแก่เฉียนช่วงนี้ธุรกิจตระกูลเฉียนของแกเฉยมาก นี่แกใช้เงินเยอะขนาดนี้ซื้อภาพวาดจะไม่ไปบอกลูกชายแก เมียแกหน่อยเหรอ ฮ่าๆ”ท่ามกลางฝูงชนมีผู้อาวุโสคนหนึ่งถามขึ้นพลางหัวเราะ

        “เรื่องธุรกิจน่ะฉันถามไปแล้ว แต่ภาพทิวทัศน์ของหนูหลินนี่ฉันชอบมากจริงๆ หวังว่าทุกท่านจะไว้หน้ากันด้วย”ตาแก่เฉียนพูดเลี่ยงหนักเป็นเบา เหล่าผู้อาวุโสในที่นี้มีใครไม่รู้บ้างว่าความหมายที่แท้จริงของภาพนี้คืออักษรสองแถวของท่านปรมาจารย์

        “ในเมื่อเหล่าเฉียนบอกราคาแล้วฉันก็ไม่เกรงใจล่ะนะ แปดล้าน หวังว่าทุกคนจะเข้าใจด้วย”ผู้อาวุโสตระกูลซุนพูดขึ้นยิ้มๆ

        “อักษรของท่านปรมาจารย์ไม่ได้ขอกันง่ายๆนะ สิบล้าน ทุกท่านโปรดไว้หน้ากันด้วย แล้วก็ทุกท่านสามารถมาชมภาพที่บ้านผมได้ตลอด”เจี่ยกูอวิ๋นเป็นผู้ดูแลตระกูลเจี่ยในตอนนี้ ทั้งยังเป็นปู่ของเจี่ยหยวนอีกด้วย

        “เฮ้อเห็นแล้วหรือยังหลานตัวเองแต่ละวันเหนื่อยแทบตายแต่ปู่กลับมาจ่ายเงินแบบนี้เฮ้อ”เจี่ยหยวนพูดกับหวังเซิงด้วยเสียงเบา

        “แกเคลียร์เงินกับปู่แกแล้วไม่ใช่เหรอ เงินนี่แกไม่ได้ออกเองสักหน่อย”หวังเซิงพูดยิ้มๆ

        “หุบปาก หุบปาก เข้าใจไหมตอนแรกฉันจะมาแย่งเหล้าเจ้าสี่ระหว่างทางบังเอิญเจอคุณปู่เข้า เรามันปากพล่อยพูดอะไรที่มันดีๆหน่อย แกก็รู้ว่าปู่นิสัยร้ายแค่ไหนอย่างน้อยฉันก็เคยผ่านมาแล้ว”เจี่ยหยวนส่ายศีรษะพูดขึ้น

        “คุณปู่มาแล้วเหรอครับช้าๆหน่อยเดี๋ยวผมไปพยุงปู่เข้าไปเอง”นอกโถงประชุมเจี่ยหยวนบังเอิญพบกับเจี่ยกูอวิ๋นผู้เป็นปู่ของตนเอง

        “เจี่ยหยวนแกไม่ชอบที่แบบนี้ไม่ใช่เหรอ แล้วมาที่นี่ทำไมฮะ ฉันจะบอกแกให้นะที่งานประมูลนี่แกช่วยสงบเสงี่ยมหน่อย”เจี่ยกูอวิ๋นพูดเสียงดัง

        “ดูปู่พูดเข้าสิผมอายุตั้งยี่สิบกว่าแล้วจะไม่รู้กฎแค่นี้เหรอ”เจี่ยหยวนพยุงคุณปู่แล้วพูดขึ้นว่า“คุณปู่ถูกใจสินค้าประมูลชิ้นไหนก็ตะโกนบอกราคาได้เลยนะเดี๋ยวผมคิดบัญชีให้เองถือซะว่าหลานปู่กตัญญูต่อปู่ไง”เจี่ยหยวนพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยนอบน้อม

        “เฮ้อ ลูกชายตั้งหลายคนยังเทียบกับหลานชายผู้บริสุทธิ์ของฉันคนเดียวไม่ได้เลย แกคิดแบบนี้ก็ดีแล้ว”นายท่านพูดยิ้มๆเจี่ยหยวนเองก็หัวเราะ

        “เจี่ยอู่ยากนะที่เจี่ยหยวนจะคิดแบบนี้ ฉันได้ยินว่าวันนี้มีของดีหลายอย่างให้โอกาสเสี่ยวหยวนสักครั้ง ของที่ประมูลมาได้ชิ้นแรกก็ให้เสี่ยวหยวนคิดบัญชีซะ”เจี่ยกูอวิ๋นพูดพลางเดินเข้าไปในโถงประชุม

         

        “เดินดีๆนะครับคุณปู่ ผมรอคนก่อนเดี๋ยวค่อยเข้าไป”เจี่ยหยวนพูดขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ปากหวานเหรอ ปากหวานที่ไหนกันอันนี้ปากพล่อย”

 

        “เหล่าเฉียนแกไม่เข้าใจตัวอักษรจะเอาของชิ้นนี้ไปทำไมกันฉันว่าแกอย่าเข้าร่วมเลย สิบสองล้าน แม่หนูหลินขายของชิ้นนี้ให้ฉันเถอะ”ผู้อาวุโสตระกูลเฉียนพูดเสียงดัง

        “สิบห้าล้านพวกท่านเป็นผู้อาวุโสกันทั้งนั้นก็ควรจะให้ของชิ้นนี้แก่คนรุ่นหลังไม่ใช่เหรอ”จู่ๆกัวไฮว่ก็ยืนขึ้นแล้วพูดขึ้นยิ้มๆหลินซวงที่อยู่บนเวทีก็หน้าแดงขึ้นมากะทันหันเด็กนี่จะไปเข้าใจตัวอักษรอะไรกันหรือว่าจะแค่แย่งภาพของตนมา

        “พ่อหนุ่มสิบห้าล้านหยวนนะไม่ใช่สิบห้าหยวนแกแน่ใจเหรอว่าแกมีน่ะ”เจี่ยกูอวิ๋นถามขึ้นเสียงดัง

         

        วันหนึ่งหลี่เย่าได้รับโทรศัพท์จากเฮยหลงบอกว่ารถที่ซ่อมรวมถึงเงินชดเชยถูกส่งมายังร้านใต้หล้าอู่เฉิงแล้วให้เขาเอารถไปลาก หลี่เย่าจึงขับรถจี๊ปของตนไปขณะที่เข้าไปในโถงใหญ่นั้นเขาถึงกับตาลาย ตอนนั้นตัวเขาเองยังไม่คิดว่าเจ้าสี่จะเรียกเงินสิบล้านมาได้ แต่เงินสามกองที่อยู่ตรงหน้านั้นดูราวกับว่าแต่ละกองจะเกินกว่าสามสิบล้านซะอีก

        “พี่เย่าฝากพี่ไปบอกพี่ไฮว่ต่อหน้าหน่อยนะว่าครั้งนี้ผมผิดไปแล้วคราวหน้าจะไม่ทำอีกแล้วผมยังมีธุระอีกผมไปก่อนล่ะ”พี่กุ่ยวิ่งไปโดยไม่หันกลับมามอง

 

                                                                  ————————

                                    อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                   https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+