[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เหล่าเฉายังจะดูต่ออีกไหม” ผอ.โรงเรียนหยางกวงมองเฉาสิงหลงแล้วพูดเบาๆ เขาถึงกับยอมผลการสอบกัวไฮว่ที่อยู่บนเวที เป็นไปได้ว่าการแข่งขันรอบแรกโกงแต่การแข่งขันครึ่งแรกของรอบสองนั้นไม่มีทางที่จะโกงได้เลย

        “ดูสิ ต้องดูต่อไป ฉันจะดูสักหน่อยว่าโรงเรียนฟู่จงจะซ่อนมือดีจะซ่อนไพ่ลับเอาไว้เท่าไหร่กันเชียว ตาแก่หลี่ เปลี่ยนเด็กเวรลูกคนรวยให้กลายเป็นแบบนี้ได้ สุดยอด ฉันล่ะละอายตัวเองจริงๆ” เฉาสิงหลงพูดเสียงดัง

        ระหว่างการแข่งขันมีการพักครึ่งสามนาที จากนั้นการแข่งขันรอบสองก็เริ่มต้นต่ออีกครั้ง กัวไฮว่ก็หลับตาลงราวกับผล็อยหลับไป

        หนึ่งร้อยข้อของครึ่งหลังดุเดือดกว่าหนึ่งร้อยข้อแรกไม่น้อย นักเรียนทั้งสิบเก้าคนล้วนแต่ได้โอกาสในการแข่งกันตอบ ทำให้บรรยากาศโดยรวมคึกคัก แต่นักเรียนบางคนจากต่างโรงเรียนถึงกับหน้าหงอยเพราะข้อสอบของรอบที่สองยากจนทำให้พวกเขาตกใจกันเลยทีเดียว

        “พวกเราพยายามมาตั้งปี หรือว่าจะเสียเปล่าแบบนี้เลยเหรอ ไม่ได้การ ต้องมีวิธีจัดการโรงเรียนฟู่จงแน่” เฉาสิงหลงมองลูกน้องตนเองที่ต่างก้มหัวให้ตนในใจก็พลันร้องกระหึ่ม

        “ยินดีกับมู่หรงเวยเวยด้วยที่ตอบถูก 99 ข้อ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีรายชื่อสิบคนแรกแล้ว แต่ฉันยังหวังว่าพวกเราทุกคนจะแย่งกันตอบคำถามสุดท้ายนี้” พิธีกรพูดยิ้มๆ ไม่ผิด ที่สิบกับที่สิบเอ็ดต่างกันหกคะแนน แต่ไม่ว่าใครจะแย่งตอบคำถามสุดท้ายได้ก็ได้รายชื่อสิบคนแรกมาแล้ว

        “ข้อสุดท้ายช่วยบอกว่าดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มกับธาตุทั้งห้าว่ามีอะไรบ้างด้วยค่ะ” เมื่อพิธีกรพูดจบคนที่อยู่บนเวทีพลันนิ่งเงียบไป ไม่มีใครกล้าปริปากพูดดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มแม้แต่คนเดียว

        “ให้ตาย คำถามคัดเลือกของโรงเรียนฟู่จงยากเกินไปหรือเปล่า ประสาทหรือเปล่า คำถามนี้เอาไปถามรอบสุดท้ายการแข่งจริงได้เลยนะเนี่ย” คนในหอประชุมต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

        “ไม่มีคนตอบคำถามนี้ได้เหรอ ถ้าตอบผิดก็ไม่เป็นไรนะลองดูได้” พิธีกรพูดยิ้มๆ สายตาของเธอตกไปอยู่บนร่างของสิบคนแรกที่ตอบได้ เดิมทีคำถามนี้บอกแค่ชื่อของธาตุทั้งห้าก็พอแล้ว แต่หลี่สวินอวี้เคยบอกไว้ว่าจะให้เด็กพวกนี้หยิ่งผยองไม่ได้ เลยทำข้อสอบให้ยากหน่อย ทำเอาครั้งนี้อึ้งกันไปทั้งหอประชุม

        “ถ้าไม่มีคนตอบ ก็ให้สิทธิ์ทุกคนในการตอบนะคะ” พิธีกรพูดด้วยความเก้ๆ กังๆ

        “คำถามแบบนี้จะให้สิทธิ์ทุกคนไม่ได้หรอก” ในขณะที่พิธีกรกำลังประกาศสิ้นสุดการแข่งขันรอบที่สอง กัวไฮว่ซึ่งดูเหมือนจะหลับผล็อยไปแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาพูด

        “อย่าบอกนะว่าเด็กนี่จะตอบคำถามข้อนี้ถูกน่ะ หรือว่าจะแค่ลองตอบทวงคืนศักดิ์ศรีโรงเรียนฟู่จงคืนมา” หลี่เอ้าที่อยู่ด้านล่างเวทีบ่นพึมพำกับตนเอง

        “มังกรเขียวแห่งบูรพาประกอบไปด้วยเจี่ยวมู่เจียวคั่งจินหลงตีถู่มั่วฝางรื่อทู่ซินเยวี่ยหูเหว่ยหั่วหู่จีสุ่ยเป้า วิหคแดงแห่งทักษิณประกอบไปด้วยจิ่งมู่อั้นกุ่ยจินหยางหลิ่วถู่จางซิงรื่อหม่าจางเยวี่ยลู่อี้หั่วเสอเจิ่นสุ่ยอิ่น พยัคฆ์ขาวแห่งประจิมประกอบไปด้วยคุ่ยมู่หลางโหลวจินโก่วเว่นถู่จื้อเหม่ารื่อจีปี้เยวี่ยอูจือหั่วโหวชายสุ่ยหยวน เต่าดำแห่งอุดรประกอบไปด้วยโต้วมู่เซี่ยหนิวจินหนิวหนี่ว์ถู่ฝูซวีรื่อสู่เวยเยวี่ยเยี่ยนซื่อหั่วจูปี้สุ่ยจาง” กัวไฮว่พูดเสียงดังทุกครั้งที่พูดชื่อออกมาในใจกัวไฮว่ก็พลันสะท้านเมื่อคิดถึงเพื่อนพ้องที่ดื่มเหล้าด้วยกันกับตนในครานั้น เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังมาส่งตนเองอยู่เลย เขาจะจำชื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ได้อย่างไรกัน

        “ตอบถูกไหม เด็กนั่นตอบถูกไหม” พิธีต้องเป็นคนประกาศคำตอบ กัวไฮว่ตอบคำถามเร็วเกินไปถึงขนาดที่ว่าพิธีกรยังอ่านคำตอบที่ถือในมืออยู่เลย

        “เหอะๆๆ หรือว่าพลังวิเศษของหมอนี่คือมองทะลุทุกสิ่งมองเห็นคำตอบที่อยู่ในมือของพิธีกรได้งั้นเหรอ” หนานกงหลิงโม่มองไปยังกัวไฮว่ที่ดูเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นก็ลอบคิดเงียบๆ ในใจ

        “พี่ไฮว่ตอบถูก” เมื่อมู่หรงเวยเวยฟังคำตอบทั้งหมดของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นเบาๆ ถ้าให้ตนเองตอบอาจจะตอบไม่ถูกก็ได้แต่ก็ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบได้ไหลลื่นขนาดนี้

        “หลี่สวินอวี้ใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงทำให้ลูกผู้ดีเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ หรือว่าฉันจะสู้หลี่สวินอวี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ” เฉาสิงหลงมองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ หลายเดือนก่อนเด็กลูกผู้ดีคนนี้ยังเป็นนักเรียนที่โรงเรียนของตนเองอยู่เลย เอาแต่โดดเรียน ไม่สิ ไม่เข้าเรียนก็ไปลวนลามผู้หญิง ตีครู ตีนักเรียน วางเพลิง รวมแก๊งกับอันธพาลนอกโรงเรียน…เด็กที่เต็มไปด้วยพิษภัย แต่พอมาที่ฟู่จงกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

        “คุณพิธีกร ตอบถูกไหม น้องสี่ผมตอบถูกหรือเปล่า” เมื่อเจี่ยหยวนฟังคำตอบของกัวไฮว่เสร็จแล้วก็คิดว่าชื่อดาวฤกษ์ทั้งยี่สิบแปดตนเองยังบอกได้แค่สองสามชื่อเท่านั้น ถ้าน้องสี่ของตนตอบคำถามที่แม้แต่อัจฉริยะโรงเรียนฟู่จงยังตอบไม่ถูก เช่นนั้นก็สนุกแล้วล่ะ

        “ยินดีกับกัวไฮว่ด้วย ตอบถูกหมดเลยค่ะ” พิธีกรพูดเสียงดังฟังชัด “พักห้านาที อีกเดี๋ยวเราจะเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สามกัน”

        “ฮ่าๆ สี่ตัวอันตรายเห็นแล้วใช่ไหมนี่แหละกัวไฮว่สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ เอาแต่กินดื่มเที่ยวพนันที่พวกแกพูดถึงกันน่ะ เห็นแล้วหรือยังพวกแกจะมีกันกี่คน ก็สู้หมอนี่ไม่ได้หรอก พวกแกจะมีสิทธิ์อะไรไปว่าเขาอีก” เจี่ยหยวนลุกขึ้นมาพูดเสียงดัง

        สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง หลี่เย่าราชาทหาร เจี่ยหยวนนักธุรกิจผี หวังเซิงข้าราชการ กัวไฮว่ผู้มีพิษภัย เป็นเพราะข่าวลือที่ว่าทั้งสี่ทำผิดไปทั่ว เป็นพวกเจ้าเล่ห์ และเป็นเพราะกัวไฮว่หลานชายของคุณปู่ เลยทำให้ทั้งสี่คนถูกเรียกว่าไอ้ก้อนมะเร็ง ถึงแม้หลี่เย่ากับหวังเซิงไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา แต่ว่าในใจก็รู้สึกจนใจกับน้องชายคนนี้ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเสียแล้ว กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยผู้กลายเป็นดาวเด่นไปแล้ว

        “อะไรนะ กัวไฮว่นั่นใช่กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงจริงๆ หรือเปล่า” นักเรียนที่เดิมเคยได้ยินแต่ชื่อสี่ตัวอันตรายตอนนี้ได้นำสายตามาตกอยู่บนร่างของกัวไฮว่

        “พี่ไฮว่ กว่าพี่จะเดินมาถึงตอนนี้ได้ ต้องน้อยเนื้อต่ำใจมามากเท่าไหร่เนี่ย” เมื่อมู่หรงเวยเวยคิดถึงปัจจุบันและอดีตของกัวไฮว่ก็น้ำตาไหลรินโดยไม่รู้ตัว

        “กัวไฮว่ ดี ดีมาก คราวก่อนยังลวนลามฉันกับพวกเวยเวยอยู่เลย ปิดซะเนียนเชียว” หลินซวงมองไปยังกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีแล้วลอบพูดในใจ

 

        “ไปติดต่อตระกูลแอนโธนี่ที่อเมริกานะ ให้พวกเขาส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดมา เด็กนี่จะอยู่นี่ไม่ได้ ฉันยังอยากให้มันตาย” ผู้หญิงที่อยู่ชั้นบนสุดของร้านใต้หล้าอู่เฉิงตะคอกเสียงดังลั่นในโทรศัพท์

        ผู้ชายใส่หมวกเบสบอสที่อยู่ในหลืบของหอประชุมค่อยๆ ปิดกล้องถ่ายวิดีโอเงยศีรษะไปมองกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีอีกแวบหนึ่ง แล้วก็หมุนกายออกมาจากหอประชุม

        “ไม่ จะให้หมอนั่นผ่านไปรอบที่สามไม่ได้ จะให้มันเป็นตัวแทนฟู่จงไปแข่งไม่ได้ ถ้าฟู่จงได้ที่หนึ่ง ต่อให้พวกเราเอาทรัพย์สินทั้งหมดมาก็จ่ายพนันมันไม่พออยู่ดี” ฉินอวี้หลงมองกัวไฮว่แล้วพูดพึมพำกับตนเอง

        “ฉินอวี้หลง แกเป็นคนเจ้ามือพนันเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสามคน ถ้าออกเงินแกก็ต้องเป็นคนออก พวกเราทำลายสัญญาเถอะ ในเมื่อยังไม่ถึงรอบตัดสินพวกเรานึงจ่ายร้อยล้านสัญญานั่นก็จะเป็นโมฆะ” เจี่ยเปินเปินพูดเสียงดัง วัยรุ่นสองคนที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดก็ผงกศีรษะ

        “เราเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า พวกเราเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม”

         

 

                                                   ————————

                  อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                     https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เหล่าเฉายังจะดูต่ออีกไหม” ผอ.โรงเรียนหยางกวงมองเฉาสิงหลงแล้วพูดเบาๆ เขาถึงกับยอมผลการสอบกัวไฮว่ที่อยู่บนเวที เป็นไปได้ว่าการแข่งขันรอบแรกโกงแต่การแข่งขันครึ่งแรกของรอบสองนั้นไม่มีทางที่จะโกงได้เลย

        “ดูสิ ต้องดูต่อไป ฉันจะดูสักหน่อยว่าโรงเรียนฟู่จงจะซ่อนมือดีจะซ่อนไพ่ลับเอาไว้เท่าไหร่กันเชียว ตาแก่หลี่ เปลี่ยนเด็กเวรลูกคนรวยให้กลายเป็นแบบนี้ได้ สุดยอด ฉันล่ะละอายตัวเองจริงๆ” เฉาสิงหลงพูดเสียงดัง

        ระหว่างการแข่งขันมีการพักครึ่งสามนาที จากนั้นการแข่งขันรอบสองก็เริ่มต้นต่ออีกครั้ง กัวไฮว่ก็หลับตาลงราวกับผล็อยหลับไป

        หนึ่งร้อยข้อของครึ่งหลังดุเดือดกว่าหนึ่งร้อยข้อแรกไม่น้อย นักเรียนทั้งสิบเก้าคนล้วนแต่ได้โอกาสในการแข่งกันตอบ ทำให้บรรยากาศโดยรวมคึกคัก แต่นักเรียนบางคนจากต่างโรงเรียนถึงกับหน้าหงอยเพราะข้อสอบของรอบที่สองยากจนทำให้พวกเขาตกใจกันเลยทีเดียว

        “พวกเราพยายามมาตั้งปี หรือว่าจะเสียเปล่าแบบนี้เลยเหรอ ไม่ได้การ ต้องมีวิธีจัดการโรงเรียนฟู่จงแน่” เฉาสิงหลงมองลูกน้องตนเองที่ต่างก้มหัวให้ตนในใจก็พลันร้องกระหึ่ม

        “ยินดีกับมู่หรงเวยเวยด้วยที่ตอบถูก 99 ข้อ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีรายชื่อสิบคนแรกแล้ว แต่ฉันยังหวังว่าพวกเราทุกคนจะแย่งกันตอบคำถามสุดท้ายนี้” พิธีกรพูดยิ้มๆ ไม่ผิด ที่สิบกับที่สิบเอ็ดต่างกันหกคะแนน แต่ไม่ว่าใครจะแย่งตอบคำถามสุดท้ายได้ก็ได้รายชื่อสิบคนแรกมาแล้ว

        “ข้อสุดท้ายช่วยบอกว่าดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มกับธาตุทั้งห้าว่ามีอะไรบ้างด้วยค่ะ” เมื่อพิธีกรพูดจบคนที่อยู่บนเวทีพลันนิ่งเงียบไป ไม่มีใครกล้าปริปากพูดดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มแม้แต่คนเดียว

        “ให้ตาย คำถามคัดเลือกของโรงเรียนฟู่จงยากเกินไปหรือเปล่า ประสาทหรือเปล่า คำถามนี้เอาไปถามรอบสุดท้ายการแข่งจริงได้เลยนะเนี่ย” คนในหอประชุมต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

        “ไม่มีคนตอบคำถามนี้ได้เหรอ ถ้าตอบผิดก็ไม่เป็นไรนะลองดูได้” พิธีกรพูดยิ้มๆ สายตาของเธอตกไปอยู่บนร่างของสิบคนแรกที่ตอบได้ เดิมทีคำถามนี้บอกแค่ชื่อของธาตุทั้งห้าก็พอแล้ว แต่หลี่สวินอวี้เคยบอกไว้ว่าจะให้เด็กพวกนี้หยิ่งผยองไม่ได้ เลยทำข้อสอบให้ยากหน่อย ทำเอาครั้งนี้อึ้งกันไปทั้งหอประชุม

        “ถ้าไม่มีคนตอบ ก็ให้สิทธิ์ทุกคนในการตอบนะคะ” พิธีกรพูดด้วยความเก้ๆ กังๆ

        “คำถามแบบนี้จะให้สิทธิ์ทุกคนไม่ได้หรอก” ในขณะที่พิธีกรกำลังประกาศสิ้นสุดการแข่งขันรอบที่สอง กัวไฮว่ซึ่งดูเหมือนจะหลับผล็อยไปแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาพูด

        “อย่าบอกนะว่าเด็กนี่จะตอบคำถามข้อนี้ถูกน่ะ หรือว่าจะแค่ลองตอบทวงคืนศักดิ์ศรีโรงเรียนฟู่จงคืนมา” หลี่เอ้าที่อยู่ด้านล่างเวทีบ่นพึมพำกับตนเอง

        “มังกรเขียวแห่งบูรพาประกอบไปด้วยเจี่ยวมู่เจียวคั่งจินหลงตีถู่มั่วฝางรื่อทู่ซินเยวี่ยหูเหว่ยหั่วหู่จีสุ่ยเป้า วิหคแดงแห่งทักษิณประกอบไปด้วยจิ่งมู่อั้นกุ่ยจินหยางหลิ่วถู่จางซิงรื่อหม่าจางเยวี่ยลู่อี้หั่วเสอเจิ่นสุ่ยอิ่น พยัคฆ์ขาวแห่งประจิมประกอบไปด้วยคุ่ยมู่หลางโหลวจินโก่วเว่นถู่จื้อเหม่ารื่อจีปี้เยวี่ยอูจือหั่วโหวชายสุ่ยหยวน เต่าดำแห่งอุดรประกอบไปด้วยโต้วมู่เซี่ยหนิวจินหนิวหนี่ว์ถู่ฝูซวีรื่อสู่เวยเยวี่ยเยี่ยนซื่อหั่วจูปี้สุ่ยจาง” กัวไฮว่พูดเสียงดังทุกครั้งที่พูดชื่อออกมาในใจกัวไฮว่ก็พลันสะท้านเมื่อคิดถึงเพื่อนพ้องที่ดื่มเหล้าด้วยกันกับตนในครานั้น เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังมาส่งตนเองอยู่เลย เขาจะจำชื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ได้อย่างไรกัน

        “ตอบถูกไหม เด็กนั่นตอบถูกไหม” พิธีต้องเป็นคนประกาศคำตอบ กัวไฮว่ตอบคำถามเร็วเกินไปถึงขนาดที่ว่าพิธีกรยังอ่านคำตอบที่ถือในมืออยู่เลย

        “เหอะๆๆ หรือว่าพลังวิเศษของหมอนี่คือมองทะลุทุกสิ่งมองเห็นคำตอบที่อยู่ในมือของพิธีกรได้งั้นเหรอ” หนานกงหลิงโม่มองไปยังกัวไฮว่ที่ดูเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นก็ลอบคิดเงียบๆ ในใจ

        “พี่ไฮว่ตอบถูก” เมื่อมู่หรงเวยเวยฟังคำตอบทั้งหมดของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นเบาๆ ถ้าให้ตนเองตอบอาจจะตอบไม่ถูกก็ได้แต่ก็ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบได้ไหลลื่นขนาดนี้

        “หลี่สวินอวี้ใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงทำให้ลูกผู้ดีเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ หรือว่าฉันจะสู้หลี่สวินอวี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ” เฉาสิงหลงมองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ หลายเดือนก่อนเด็กลูกผู้ดีคนนี้ยังเป็นนักเรียนที่โรงเรียนของตนเองอยู่เลย เอาแต่โดดเรียน ไม่สิ ไม่เข้าเรียนก็ไปลวนลามผู้หญิง ตีครู ตีนักเรียน วางเพลิง รวมแก๊งกับอันธพาลนอกโรงเรียน…เด็กที่เต็มไปด้วยพิษภัย แต่พอมาที่ฟู่จงกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

        “คุณพิธีกร ตอบถูกไหม น้องสี่ผมตอบถูกหรือเปล่า” เมื่อเจี่ยหยวนฟังคำตอบของกัวไฮว่เสร็จแล้วก็คิดว่าชื่อดาวฤกษ์ทั้งยี่สิบแปดตนเองยังบอกได้แค่สองสามชื่อเท่านั้น ถ้าน้องสี่ของตนตอบคำถามที่แม้แต่อัจฉริยะโรงเรียนฟู่จงยังตอบไม่ถูก เช่นนั้นก็สนุกแล้วล่ะ

        “ยินดีกับกัวไฮว่ด้วย ตอบถูกหมดเลยค่ะ” พิธีกรพูดเสียงดังฟังชัด “พักห้านาที อีกเดี๋ยวเราจะเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สามกัน”

        “ฮ่าๆ สี่ตัวอันตรายเห็นแล้วใช่ไหมนี่แหละกัวไฮว่สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ เอาแต่กินดื่มเที่ยวพนันที่พวกแกพูดถึงกันน่ะ เห็นแล้วหรือยังพวกแกจะมีกันกี่คน ก็สู้หมอนี่ไม่ได้หรอก พวกแกจะมีสิทธิ์อะไรไปว่าเขาอีก” เจี่ยหยวนลุกขึ้นมาพูดเสียงดัง

        สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง หลี่เย่าราชาทหาร เจี่ยหยวนนักธุรกิจผี หวังเซิงข้าราชการ กัวไฮว่ผู้มีพิษภัย เป็นเพราะข่าวลือที่ว่าทั้งสี่ทำผิดไปทั่ว เป็นพวกเจ้าเล่ห์ และเป็นเพราะกัวไฮว่หลานชายของคุณปู่ เลยทำให้ทั้งสี่คนถูกเรียกว่าไอ้ก้อนมะเร็ง ถึงแม้หลี่เย่ากับหวังเซิงไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา แต่ว่าในใจก็รู้สึกจนใจกับน้องชายคนนี้ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเสียแล้ว กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยผู้กลายเป็นดาวเด่นไปแล้ว

        “อะไรนะ กัวไฮว่นั่นใช่กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงจริงๆ หรือเปล่า” นักเรียนที่เดิมเคยได้ยินแต่ชื่อสี่ตัวอันตรายตอนนี้ได้นำสายตามาตกอยู่บนร่างของกัวไฮว่

        “พี่ไฮว่ กว่าพี่จะเดินมาถึงตอนนี้ได้ ต้องน้อยเนื้อต่ำใจมามากเท่าไหร่เนี่ย” เมื่อมู่หรงเวยเวยคิดถึงปัจจุบันและอดีตของกัวไฮว่ก็น้ำตาไหลรินโดยไม่รู้ตัว

        “กัวไฮว่ ดี ดีมาก คราวก่อนยังลวนลามฉันกับพวกเวยเวยอยู่เลย ปิดซะเนียนเชียว” หลินซวงมองไปยังกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีแล้วลอบพูดในใจ

 

        “ไปติดต่อตระกูลแอนโธนี่ที่อเมริกานะ ให้พวกเขาส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดมา เด็กนี่จะอยู่นี่ไม่ได้ ฉันยังอยากให้มันตาย” ผู้หญิงที่อยู่ชั้นบนสุดของร้านใต้หล้าอู่เฉิงตะคอกเสียงดังลั่นในโทรศัพท์

        ผู้ชายใส่หมวกเบสบอสที่อยู่ในหลืบของหอประชุมค่อยๆ ปิดกล้องถ่ายวิดีโอเงยศีรษะไปมองกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีอีกแวบหนึ่ง แล้วก็หมุนกายออกมาจากหอประชุม

        “ไม่ จะให้หมอนั่นผ่านไปรอบที่สามไม่ได้ จะให้มันเป็นตัวแทนฟู่จงไปแข่งไม่ได้ ถ้าฟู่จงได้ที่หนึ่ง ต่อให้พวกเราเอาทรัพย์สินทั้งหมดมาก็จ่ายพนันมันไม่พออยู่ดี” ฉินอวี้หลงมองกัวไฮว่แล้วพูดพึมพำกับตนเอง

        “ฉินอวี้หลง แกเป็นคนเจ้ามือพนันเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสามคน ถ้าออกเงินแกก็ต้องเป็นคนออก พวกเราทำลายสัญญาเถอะ ในเมื่อยังไม่ถึงรอบตัดสินพวกเรานึงจ่ายร้อยล้านสัญญานั่นก็จะเป็นโมฆะ” เจี่ยเปินเปินพูดเสียงดัง วัยรุ่นสองคนที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดก็ผงกศีรษะ

        “เราเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า พวกเราเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม”

         

 

                                                   ————————

                  อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                     https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เหล่าเฉายังจะดูต่ออีกไหม” ผอ.โรงเรียนหยางกวงมองเฉาสิงหลงแล้วพูดเบาๆ เขาถึงกับยอมผลการสอบกัวไฮว่ที่อยู่บนเวที เป็นไปได้ว่าการแข่งขันรอบแรกโกงแต่การแข่งขันครึ่งแรกของรอบสองนั้นไม่มีทางที่จะโกงได้เลย

        “ดูสิ ต้องดูต่อไป ฉันจะดูสักหน่อยว่าโรงเรียนฟู่จงจะซ่อนมือดีจะซ่อนไพ่ลับเอาไว้เท่าไหร่กันเชียว ตาแก่หลี่ เปลี่ยนเด็กเวรลูกคนรวยให้กลายเป็นแบบนี้ได้ สุดยอด ฉันล่ะละอายตัวเองจริงๆ” เฉาสิงหลงพูดเสียงดัง

        ระหว่างการแข่งขันมีการพักครึ่งสามนาที จากนั้นการแข่งขันรอบสองก็เริ่มต้นต่ออีกครั้ง กัวไฮว่ก็หลับตาลงราวกับผล็อยหลับไป

        หนึ่งร้อยข้อของครึ่งหลังดุเดือดกว่าหนึ่งร้อยข้อแรกไม่น้อย นักเรียนทั้งสิบเก้าคนล้วนแต่ได้โอกาสในการแข่งกันตอบ ทำให้บรรยากาศโดยรวมคึกคัก แต่นักเรียนบางคนจากต่างโรงเรียนถึงกับหน้าหงอยเพราะข้อสอบของรอบที่สองยากจนทำให้พวกเขาตกใจกันเลยทีเดียว

        “พวกเราพยายามมาตั้งปี หรือว่าจะเสียเปล่าแบบนี้เลยเหรอ ไม่ได้การ ต้องมีวิธีจัดการโรงเรียนฟู่จงแน่” เฉาสิงหลงมองลูกน้องตนเองที่ต่างก้มหัวให้ตนในใจก็พลันร้องกระหึ่ม

        “ยินดีกับมู่หรงเวยเวยด้วยที่ตอบถูก 99 ข้อ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีรายชื่อสิบคนแรกแล้ว แต่ฉันยังหวังว่าพวกเราทุกคนจะแย่งกันตอบคำถามสุดท้ายนี้” พิธีกรพูดยิ้มๆ ไม่ผิด ที่สิบกับที่สิบเอ็ดต่างกันหกคะแนน แต่ไม่ว่าใครจะแย่งตอบคำถามสุดท้ายได้ก็ได้รายชื่อสิบคนแรกมาแล้ว

        “ข้อสุดท้ายช่วยบอกว่าดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มกับธาตุทั้งห้าว่ามีอะไรบ้างด้วยค่ะ” เมื่อพิธีกรพูดจบคนที่อยู่บนเวทีพลันนิ่งเงียบไป ไม่มีใครกล้าปริปากพูดดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มแม้แต่คนเดียว

        “ให้ตาย คำถามคัดเลือกของโรงเรียนฟู่จงยากเกินไปหรือเปล่า ประสาทหรือเปล่า คำถามนี้เอาไปถามรอบสุดท้ายการแข่งจริงได้เลยนะเนี่ย” คนในหอประชุมต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

        “ไม่มีคนตอบคำถามนี้ได้เหรอ ถ้าตอบผิดก็ไม่เป็นไรนะลองดูได้” พิธีกรพูดยิ้มๆ สายตาของเธอตกไปอยู่บนร่างของสิบคนแรกที่ตอบได้ เดิมทีคำถามนี้บอกแค่ชื่อของธาตุทั้งห้าก็พอแล้ว แต่หลี่สวินอวี้เคยบอกไว้ว่าจะให้เด็กพวกนี้หยิ่งผยองไม่ได้ เลยทำข้อสอบให้ยากหน่อย ทำเอาครั้งนี้อึ้งกันไปทั้งหอประชุม

        “ถ้าไม่มีคนตอบ ก็ให้สิทธิ์ทุกคนในการตอบนะคะ” พิธีกรพูดด้วยความเก้ๆ กังๆ

        “คำถามแบบนี้จะให้สิทธิ์ทุกคนไม่ได้หรอก” ในขณะที่พิธีกรกำลังประกาศสิ้นสุดการแข่งขันรอบที่สอง กัวไฮว่ซึ่งดูเหมือนจะหลับผล็อยไปแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาพูด

        “อย่าบอกนะว่าเด็กนี่จะตอบคำถามข้อนี้ถูกน่ะ หรือว่าจะแค่ลองตอบทวงคืนศักดิ์ศรีโรงเรียนฟู่จงคืนมา” หลี่เอ้าที่อยู่ด้านล่างเวทีบ่นพึมพำกับตนเอง

        “มังกรเขียวแห่งบูรพาประกอบไปด้วยเจี่ยวมู่เจียวคั่งจินหลงตีถู่มั่วฝางรื่อทู่ซินเยวี่ยหูเหว่ยหั่วหู่จีสุ่ยเป้า วิหคแดงแห่งทักษิณประกอบไปด้วยจิ่งมู่อั้นกุ่ยจินหยางหลิ่วถู่จางซิงรื่อหม่าจางเยวี่ยลู่อี้หั่วเสอเจิ่นสุ่ยอิ่น พยัคฆ์ขาวแห่งประจิมประกอบไปด้วยคุ่ยมู่หลางโหลวจินโก่วเว่นถู่จื้อเหม่ารื่อจีปี้เยวี่ยอูจือหั่วโหวชายสุ่ยหยวน เต่าดำแห่งอุดรประกอบไปด้วยโต้วมู่เซี่ยหนิวจินหนิวหนี่ว์ถู่ฝูซวีรื่อสู่เวยเยวี่ยเยี่ยนซื่อหั่วจูปี้สุ่ยจาง” กัวไฮว่พูดเสียงดังทุกครั้งที่พูดชื่อออกมาในใจกัวไฮว่ก็พลันสะท้านเมื่อคิดถึงเพื่อนพ้องที่ดื่มเหล้าด้วยกันกับตนในครานั้น เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังมาส่งตนเองอยู่เลย เขาจะจำชื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ได้อย่างไรกัน

        “ตอบถูกไหม เด็กนั่นตอบถูกไหม” พิธีต้องเป็นคนประกาศคำตอบ กัวไฮว่ตอบคำถามเร็วเกินไปถึงขนาดที่ว่าพิธีกรยังอ่านคำตอบที่ถือในมืออยู่เลย

        “เหอะๆๆ หรือว่าพลังวิเศษของหมอนี่คือมองทะลุทุกสิ่งมองเห็นคำตอบที่อยู่ในมือของพิธีกรได้งั้นเหรอ” หนานกงหลิงโม่มองไปยังกัวไฮว่ที่ดูเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นก็ลอบคิดเงียบๆ ในใจ

        “พี่ไฮว่ตอบถูก” เมื่อมู่หรงเวยเวยฟังคำตอบทั้งหมดของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นเบาๆ ถ้าให้ตนเองตอบอาจจะตอบไม่ถูกก็ได้แต่ก็ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบได้ไหลลื่นขนาดนี้

        “หลี่สวินอวี้ใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงทำให้ลูกผู้ดีเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ หรือว่าฉันจะสู้หลี่สวินอวี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ” เฉาสิงหลงมองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ หลายเดือนก่อนเด็กลูกผู้ดีคนนี้ยังเป็นนักเรียนที่โรงเรียนของตนเองอยู่เลย เอาแต่โดดเรียน ไม่สิ ไม่เข้าเรียนก็ไปลวนลามผู้หญิง ตีครู ตีนักเรียน วางเพลิง รวมแก๊งกับอันธพาลนอกโรงเรียน…เด็กที่เต็มไปด้วยพิษภัย แต่พอมาที่ฟู่จงกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

        “คุณพิธีกร ตอบถูกไหม น้องสี่ผมตอบถูกหรือเปล่า” เมื่อเจี่ยหยวนฟังคำตอบของกัวไฮว่เสร็จแล้วก็คิดว่าชื่อดาวฤกษ์ทั้งยี่สิบแปดตนเองยังบอกได้แค่สองสามชื่อเท่านั้น ถ้าน้องสี่ของตนตอบคำถามที่แม้แต่อัจฉริยะโรงเรียนฟู่จงยังตอบไม่ถูก เช่นนั้นก็สนุกแล้วล่ะ

        “ยินดีกับกัวไฮว่ด้วย ตอบถูกหมดเลยค่ะ” พิธีกรพูดเสียงดังฟังชัด “พักห้านาที อีกเดี๋ยวเราจะเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สามกัน”

        “ฮ่าๆ สี่ตัวอันตรายเห็นแล้วใช่ไหมนี่แหละกัวไฮว่สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ เอาแต่กินดื่มเที่ยวพนันที่พวกแกพูดถึงกันน่ะ เห็นแล้วหรือยังพวกแกจะมีกันกี่คน ก็สู้หมอนี่ไม่ได้หรอก พวกแกจะมีสิทธิ์อะไรไปว่าเขาอีก” เจี่ยหยวนลุกขึ้นมาพูดเสียงดัง

        สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง หลี่เย่าราชาทหาร เจี่ยหยวนนักธุรกิจผี หวังเซิงข้าราชการ กัวไฮว่ผู้มีพิษภัย เป็นเพราะข่าวลือที่ว่าทั้งสี่ทำผิดไปทั่ว เป็นพวกเจ้าเล่ห์ และเป็นเพราะกัวไฮว่หลานชายของคุณปู่ เลยทำให้ทั้งสี่คนถูกเรียกว่าไอ้ก้อนมะเร็ง ถึงแม้หลี่เย่ากับหวังเซิงไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา แต่ว่าในใจก็รู้สึกจนใจกับน้องชายคนนี้ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเสียแล้ว กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยผู้กลายเป็นดาวเด่นไปแล้ว

        “อะไรนะ กัวไฮว่นั่นใช่กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงจริงๆ หรือเปล่า” นักเรียนที่เดิมเคยได้ยินแต่ชื่อสี่ตัวอันตรายตอนนี้ได้นำสายตามาตกอยู่บนร่างของกัวไฮว่

        “พี่ไฮว่ กว่าพี่จะเดินมาถึงตอนนี้ได้ ต้องน้อยเนื้อต่ำใจมามากเท่าไหร่เนี่ย” เมื่อมู่หรงเวยเวยคิดถึงปัจจุบันและอดีตของกัวไฮว่ก็น้ำตาไหลรินโดยไม่รู้ตัว

        “กัวไฮว่ ดี ดีมาก คราวก่อนยังลวนลามฉันกับพวกเวยเวยอยู่เลย ปิดซะเนียนเชียว” หลินซวงมองไปยังกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีแล้วลอบพูดในใจ

 

        “ไปติดต่อตระกูลแอนโธนี่ที่อเมริกานะ ให้พวกเขาส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดมา เด็กนี่จะอยู่นี่ไม่ได้ ฉันยังอยากให้มันตาย” ผู้หญิงที่อยู่ชั้นบนสุดของร้านใต้หล้าอู่เฉิงตะคอกเสียงดังลั่นในโทรศัพท์

        ผู้ชายใส่หมวกเบสบอสที่อยู่ในหลืบของหอประชุมค่อยๆ ปิดกล้องถ่ายวิดีโอเงยศีรษะไปมองกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีอีกแวบหนึ่ง แล้วก็หมุนกายออกมาจากหอประชุม

        “ไม่ จะให้หมอนั่นผ่านไปรอบที่สามไม่ได้ จะให้มันเป็นตัวแทนฟู่จงไปแข่งไม่ได้ ถ้าฟู่จงได้ที่หนึ่ง ต่อให้พวกเราเอาทรัพย์สินทั้งหมดมาก็จ่ายพนันมันไม่พออยู่ดี” ฉินอวี้หลงมองกัวไฮว่แล้วพูดพึมพำกับตนเอง

        “ฉินอวี้หลง แกเป็นคนเจ้ามือพนันเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสามคน ถ้าออกเงินแกก็ต้องเป็นคนออก พวกเราทำลายสัญญาเถอะ ในเมื่อยังไม่ถึงรอบตัดสินพวกเรานึงจ่ายร้อยล้านสัญญานั่นก็จะเป็นโมฆะ” เจี่ยเปินเปินพูดเสียงดัง วัยรุ่นสองคนที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดก็ผงกศีรษะ

        “เราเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า พวกเราเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม”

         

 

                                                   ————————

                  อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                     https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 46 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เหล่าเฉายังจะดูต่ออีกไหม” ผอ.โรงเรียนหยางกวงมองเฉาสิงหลงแล้วพูดเบาๆ เขาถึงกับยอมผลการสอบกัวไฮว่ที่อยู่บนเวที เป็นไปได้ว่าการแข่งขันรอบแรกโกงแต่การแข่งขันครึ่งแรกของรอบสองนั้นไม่มีทางที่จะโกงได้เลย

        “ดูสิ ต้องดูต่อไป ฉันจะดูสักหน่อยว่าโรงเรียนฟู่จงจะซ่อนมือดีจะซ่อนไพ่ลับเอาไว้เท่าไหร่กันเชียว ตาแก่หลี่ เปลี่ยนเด็กเวรลูกคนรวยให้กลายเป็นแบบนี้ได้ สุดยอด ฉันล่ะละอายตัวเองจริงๆ” เฉาสิงหลงพูดเสียงดัง

        ระหว่างการแข่งขันมีการพักครึ่งสามนาที จากนั้นการแข่งขันรอบสองก็เริ่มต้นต่ออีกครั้ง กัวไฮว่ก็หลับตาลงราวกับผล็อยหลับไป

        หนึ่งร้อยข้อของครึ่งหลังดุเดือดกว่าหนึ่งร้อยข้อแรกไม่น้อย นักเรียนทั้งสิบเก้าคนล้วนแต่ได้โอกาสในการแข่งกันตอบ ทำให้บรรยากาศโดยรวมคึกคัก แต่นักเรียนบางคนจากต่างโรงเรียนถึงกับหน้าหงอยเพราะข้อสอบของรอบที่สองยากจนทำให้พวกเขาตกใจกันเลยทีเดียว

        “พวกเราพยายามมาตั้งปี หรือว่าจะเสียเปล่าแบบนี้เลยเหรอ ไม่ได้การ ต้องมีวิธีจัดการโรงเรียนฟู่จงแน่” เฉาสิงหลงมองลูกน้องตนเองที่ต่างก้มหัวให้ตนในใจก็พลันร้องกระหึ่ม

        “ยินดีกับมู่หรงเวยเวยด้วยที่ตอบถูก 99 ข้อ และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีรายชื่อสิบคนแรกแล้ว แต่ฉันยังหวังว่าพวกเราทุกคนจะแย่งกันตอบคำถามสุดท้ายนี้” พิธีกรพูดยิ้มๆ ไม่ผิด ที่สิบกับที่สิบเอ็ดต่างกันหกคะแนน แต่ไม่ว่าใครจะแย่งตอบคำถามสุดท้ายได้ก็ได้รายชื่อสิบคนแรกมาแล้ว

        “ข้อสุดท้ายช่วยบอกว่าดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มกับธาตุทั้งห้าว่ามีอะไรบ้างด้วยค่ะ” เมื่อพิธีกรพูดจบคนที่อยู่บนเวทีพลันนิ่งเงียบไป ไม่มีใครกล้าปริปากพูดดาวฤกษ์ยี่สิบแปดกลุ่มแม้แต่คนเดียว

        “ให้ตาย คำถามคัดเลือกของโรงเรียนฟู่จงยากเกินไปหรือเปล่า ประสาทหรือเปล่า คำถามนี้เอาไปถามรอบสุดท้ายการแข่งจริงได้เลยนะเนี่ย” คนในหอประชุมต่างวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา

        “ไม่มีคนตอบคำถามนี้ได้เหรอ ถ้าตอบผิดก็ไม่เป็นไรนะลองดูได้” พิธีกรพูดยิ้มๆ สายตาของเธอตกไปอยู่บนร่างของสิบคนแรกที่ตอบได้ เดิมทีคำถามนี้บอกแค่ชื่อของธาตุทั้งห้าก็พอแล้ว แต่หลี่สวินอวี้เคยบอกไว้ว่าจะให้เด็กพวกนี้หยิ่งผยองไม่ได้ เลยทำข้อสอบให้ยากหน่อย ทำเอาครั้งนี้อึ้งกันไปทั้งหอประชุม

        “ถ้าไม่มีคนตอบ ก็ให้สิทธิ์ทุกคนในการตอบนะคะ” พิธีกรพูดด้วยความเก้ๆ กังๆ

        “คำถามแบบนี้จะให้สิทธิ์ทุกคนไม่ได้หรอก” ในขณะที่พิธีกรกำลังประกาศสิ้นสุดการแข่งขันรอบที่สอง กัวไฮว่ซึ่งดูเหมือนจะหลับผล็อยไปแล้วก็ค่อยๆ ลุกขึ้นมาพูด

        “อย่าบอกนะว่าเด็กนี่จะตอบคำถามข้อนี้ถูกน่ะ หรือว่าจะแค่ลองตอบทวงคืนศักดิ์ศรีโรงเรียนฟู่จงคืนมา” หลี่เอ้าที่อยู่ด้านล่างเวทีบ่นพึมพำกับตนเอง

        “มังกรเขียวแห่งบูรพาประกอบไปด้วยเจี่ยวมู่เจียวคั่งจินหลงตีถู่มั่วฝางรื่อทู่ซินเยวี่ยหูเหว่ยหั่วหู่จีสุ่ยเป้า วิหคแดงแห่งทักษิณประกอบไปด้วยจิ่งมู่อั้นกุ่ยจินหยางหลิ่วถู่จางซิงรื่อหม่าจางเยวี่ยลู่อี้หั่วเสอเจิ่นสุ่ยอิ่น พยัคฆ์ขาวแห่งประจิมประกอบไปด้วยคุ่ยมู่หลางโหลวจินโก่วเว่นถู่จื้อเหม่ารื่อจีปี้เยวี่ยอูจือหั่วโหวชายสุ่ยหยวน เต่าดำแห่งอุดรประกอบไปด้วยโต้วมู่เซี่ยหนิวจินหนิวหนี่ว์ถู่ฝูซวีรื่อสู่เวยเยวี่ยเยี่ยนซื่อหั่วจูปี้สุ่ยจาง” กัวไฮว่พูดเสียงดังทุกครั้งที่พูดชื่อออกมาในใจกัวไฮว่ก็พลันสะท้านเมื่อคิดถึงเพื่อนพ้องที่ดื่มเหล้าด้วยกันกับตนในครานั้น เมื่อครึ่งเดือนก่อนยังมาส่งตนเองอยู่เลย เขาจะจำชื่อพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ได้อย่างไรกัน

        “ตอบถูกไหม เด็กนั่นตอบถูกไหม” พิธีต้องเป็นคนประกาศคำตอบ กัวไฮว่ตอบคำถามเร็วเกินไปถึงขนาดที่ว่าพิธีกรยังอ่านคำตอบที่ถือในมืออยู่เลย

        “เหอะๆๆ หรือว่าพลังวิเศษของหมอนี่คือมองทะลุทุกสิ่งมองเห็นคำตอบที่อยู่ในมือของพิธีกรได้งั้นเหรอ” หนานกงหลิงโม่มองไปยังกัวไฮว่ที่ดูเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นก็ลอบคิดเงียบๆ ในใจ

        “พี่ไฮว่ตอบถูก” เมื่อมู่หรงเวยเวยฟังคำตอบทั้งหมดของกัวไฮว่ก็พูดขึ้นเบาๆ ถ้าให้ตนเองตอบอาจจะตอบไม่ถูกก็ได้แต่ก็ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบได้ไหลลื่นขนาดนี้

        “หลี่สวินอวี้ใช้วิธีอะไรกันแน่ถึงทำให้ลูกผู้ดีเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ หรือว่าฉันจะสู้หลี่สวินอวี้ไม่ได้จริงๆ เหรอ” เฉาสิงหลงมองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ หลายเดือนก่อนเด็กลูกผู้ดีคนนี้ยังเป็นนักเรียนที่โรงเรียนของตนเองอยู่เลย เอาแต่โดดเรียน ไม่สิ ไม่เข้าเรียนก็ไปลวนลามผู้หญิง ตีครู ตีนักเรียน วางเพลิง รวมแก๊งกับอันธพาลนอกโรงเรียน…เด็กที่เต็มไปด้วยพิษภัย แต่พอมาที่ฟู่จงกลับเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

        “คุณพิธีกร ตอบถูกไหม น้องสี่ผมตอบถูกหรือเปล่า” เมื่อเจี่ยหยวนฟังคำตอบของกัวไฮว่เสร็จแล้วก็คิดว่าชื่อดาวฤกษ์ทั้งยี่สิบแปดตนเองยังบอกได้แค่สองสามชื่อเท่านั้น ถ้าน้องสี่ของตนตอบคำถามที่แม้แต่อัจฉริยะโรงเรียนฟู่จงยังตอบไม่ถูก เช่นนั้นก็สนุกแล้วล่ะ

        “ยินดีกับกัวไฮว่ด้วย ตอบถูกหมดเลยค่ะ” พิธีกรพูดเสียงดังฟังชัด “พักห้านาที อีกเดี๋ยวเราจะเข้าสู่การแข่งขันรอบที่สามกัน”

        “ฮ่าๆ สี่ตัวอันตรายเห็นแล้วใช่ไหมนี่แหละกัวไฮว่สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ เอาแต่กินดื่มเที่ยวพนันที่พวกแกพูดถึงกันน่ะ เห็นแล้วหรือยังพวกแกจะมีกันกี่คน ก็สู้หมอนี่ไม่ได้หรอก พวกแกจะมีสิทธิ์อะไรไปว่าเขาอีก” เจี่ยหยวนลุกขึ้นมาพูดเสียงดัง

        สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง หลี่เย่าราชาทหาร เจี่ยหยวนนักธุรกิจผี หวังเซิงข้าราชการ กัวไฮว่ผู้มีพิษภัย เป็นเพราะข่าวลือที่ว่าทั้งสี่ทำผิดไปทั่ว เป็นพวกเจ้าเล่ห์ และเป็นเพราะกัวไฮว่หลานชายของคุณปู่ เลยทำให้ทั้งสี่คนถูกเรียกว่าไอ้ก้อนมะเร็ง ถึงแม้หลี่เย่ากับหวังเซิงไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา แต่ว่าในใจก็รู้สึกจนใจกับน้องชายคนนี้ แต่ตอนนี้ดีขึ้นเสียแล้ว กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยผู้กลายเป็นดาวเด่นไปแล้ว

        “อะไรนะ กัวไฮว่นั่นใช่กัวไฮว่ผู้มีพิษภัยสี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิงจริงๆ หรือเปล่า” นักเรียนที่เดิมเคยได้ยินแต่ชื่อสี่ตัวอันตรายตอนนี้ได้นำสายตามาตกอยู่บนร่างของกัวไฮว่

        “พี่ไฮว่ กว่าพี่จะเดินมาถึงตอนนี้ได้ ต้องน้อยเนื้อต่ำใจมามากเท่าไหร่เนี่ย” เมื่อมู่หรงเวยเวยคิดถึงปัจจุบันและอดีตของกัวไฮว่ก็น้ำตาไหลรินโดยไม่รู้ตัว

        “กัวไฮว่ ดี ดีมาก คราวก่อนยังลวนลามฉันกับพวกเวยเวยอยู่เลย ปิดซะเนียนเชียว” หลินซวงมองไปยังกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีแล้วลอบพูดในใจ

 

        “ไปติดต่อตระกูลแอนโธนี่ที่อเมริกานะ ให้พวกเขาส่งนักฆ่าที่เก่งที่สุดมา เด็กนี่จะอยู่นี่ไม่ได้ ฉันยังอยากให้มันตาย” ผู้หญิงที่อยู่ชั้นบนสุดของร้านใต้หล้าอู่เฉิงตะคอกเสียงดังลั่นในโทรศัพท์

        ผู้ชายใส่หมวกเบสบอสที่อยู่ในหลืบของหอประชุมค่อยๆ ปิดกล้องถ่ายวิดีโอเงยศีรษะไปมองกัวไฮว่ที่อยู่บนเวทีอีกแวบหนึ่ง แล้วก็หมุนกายออกมาจากหอประชุม

        “ไม่ จะให้หมอนั่นผ่านไปรอบที่สามไม่ได้ จะให้มันเป็นตัวแทนฟู่จงไปแข่งไม่ได้ ถ้าฟู่จงได้ที่หนึ่ง ต่อให้พวกเราเอาทรัพย์สินทั้งหมดมาก็จ่ายพนันมันไม่พออยู่ดี” ฉินอวี้หลงมองกัวไฮว่แล้วพูดพึมพำกับตนเอง

        “ฉินอวี้หลง แกเป็นคนเจ้ามือพนันเองนะ ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราสามคน ถ้าออกเงินแกก็ต้องเป็นคนออก พวกเราทำลายสัญญาเถอะ ในเมื่อยังไม่ถึงรอบตัดสินพวกเรานึงจ่ายร้อยล้านสัญญานั่นก็จะเป็นโมฆะ” เจี่ยเปินเปินพูดเสียงดัง วัยรุ่นสองคนที่ยืนนิ่งเงียบมาตลอดก็ผงกศีรษะ

        “เราเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า พวกเราเป็นพี่น้องกันอยู่ไหม”

         

 

                                                   ————————

                  อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                     https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+