[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 85 ยากจะเป็นศัตรูกับเทพ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 85 ยากจะเป็นศัตรูกับเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อะแฮ่มๆๆ ลุงสี่หลิว ลุงช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งแล้วพูดยิ้มๆ “ลุงเอาของไปฝากไว้ที่หลิวฉ่วงก็ได้ สามวัน สามวันหลังจากนี้ลุงค่อยมาเอายาที่หลิวฉ่วงก็ได้”

        “หลานรัก เธอดูก่อนสิว่าของพวกนี้ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกเธอได้รีบบอกลุงเลย” หลิวชิงซงที่อยู่ปลายสายพูดขึ้นเบาๆ “ถ้าจัดยาเสร็จแล้ว ก็โทรมาบอกลุงแล้วเดี๋ยวลุงไปเอา จะให้หลิงฉ่วงไม่ได้ เด็กนั่นไม่น่าไว้ใจ”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ใครคิดถึงฉันเนี่ย” หลิวฉ่วงจามติดต่อกันสองสามครั้งอยู่ในห้องนอน แล้วพูดขึ้นกับตนเอง

        “ได้ครับ ถึงตอนนั้นผมจะติดต่อลุงสี่ ส่วนของลุงฝากหลิวฉ่วงได้ก็ได้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเดี๋ยวผมค่อยติดต่อลุงอีกที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อันที่จริงของพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรมากมายกับอาการป่วยของหลิวชิงซง ทว่ายังไงเขาก็ต้องแสร้งแสดง แต่กัวไฮว่ไม่คาดคิดว่าหลิวชิงซงจะหาสมุนไพรหายากทั้งสามสิบหกอย่างที่ตนเองเขียนไปได้ครบและเร็วขนาดนี้

        “ได้ๆๆ งั้นลุงไม่รบกวนหลานแล้วนะ มีอะไรเธอก็มาบอกลุงนะ ไม่ต้องเกรงใจลุง” หลิวชิงซงพูดยิ้มๆ หากสามวันให้หลังฉันรักษาหายดีได้ วันนี้ในปีหน้า ฉันก็จะได้อุ้มลูกไปเดินเล่นแล้ว ฮ่าๆ หลิวชิงซงพูดกับตนเอง หัวเราะลั่นกับตัวเองอยู่ในบ้านตระกูลหลิว บรรดาลูกน้องต่างก็งุนงงสงสัย นายท่านสี่ไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว

        “เสี่ยวหลิงโม่ อวี้เอ๋อร์บอกเรื่องเธอกับฉันแล้วนะ เธอเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านให้ดีล่ะ มีอะไรไม่เข้าใจก็ไปถามอวี้เอ๋อร์ การบำเพ็ญเพียรต้องให้ความสำคัญกับพื้นฐานนะ” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จกัวไฮว่ก็ส่งหนังสือเล่มบางที่มีกลิ่นหอมของน้ำหมึกให้แก่หนานกงหลิงโม่

        “ตาพี่บ้า หนังสือเล่มนี้พี่เขียนเองเหรอ ใช้ได้เหรอเนี่ย พี่อย่าหยามฉันนะ” หนานกงหลิงโม่รับหนังสือจากกัวไฮว่มาด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดขึ้นเบาๆ หน้าปกหนังสือมีอักษรห้าตัวเขียนไว้ว่า “บันทึกบำเพ็ญเพียร” แสดงให้เห็นว่ากัวไฮว่เป็นผู้เขียน หนานกงหลิงโม่จึงถามขึ้นด้วยความไม่ไว้วางใจ

        “อะแฮ่มๆ สำนักวิชาเขาก็มีกฎของเขา บางเรื่องจะแพร่งพรายไปไม่ได้ ฉันเลยเขียนลงไปให้เธอ เธอฝึกอย่างสบายใจก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แพร่งพรายไปไม่ได้ งั้นฉันแต่งงานกับพี่ก็พอแล้วสิ พี่ดูสิว่าฉันหน้าตาน่ารักขนาดไหน โตไปคงไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่อวี้เอ๋อร์หรอก ฉันแต่งงานกับพี่ก็จะได้เป็นคนกันเองแล้ว” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง

        “ฮ่าๆ ใช่ แต่งกับตาบ้านี่ จะได้บอกศาสตร์ลับทั้งหมดของสำนักเราให้เธอ เสี่ยวหลิงโม่ ถึงตอนนั้นยอดฝีมือกลุ่มผู้พี่พลังวิเศษหัวซย่าก็คือเธอแล้วล่ะ การแข่งต่อสู้อะไรนั่น สำนักวิชาลับอะไรนั่น ไม่ใช่คู่แข่งของเธอหรอก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ส่วนสาวๆ คนอื่นต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมทั้งกุมหน้าท้องเอาไว้

        “หัวเราะอะไรกัน ฉันพูดเรื่องจริงนะ ไม่พูดกับพวกพี่แล้ว” หนานกงหลิงโม่พูดพลางเบิกตาโพล่ง “ตาพี่บ้า เรื่องนี้ก็เอาตามนี้นะ หนังสือที่พี่เขียนเล่มนี้ฉันเอาไปดูก่อน ผ่านไปสักพักพี่ค่อยเอาเล่มต้นฉบับมาฉันจะได้ไม่ฝึกผิด” พูดเสร็จ หนานกงหลิงโม่ก็เดินออกไปยังห้องนอน

        “กัวไฮว่ ตอนบ่ายมาที่ห้องพักครู ครูมีเรื่องจะคุยกับเธอ” หลังจากที่กัวไฮว่แยกย้ายจากสาวๆ ก็ได้รับข้อความที่หลินซวงส่งมา กัวไฮว่ยิ้มตรงมุมปาก ทว่าตากระตุกหนึ่งครั้ง “มีภัย? เป็นไปไม่ได้หรอก หลายวันก่อนก็ว่าไป ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรนี่นา”

        ตอนบ่ายหลินซวงพักอยู่ในห้องพักครูไม่มีสอน เธอรู้สึกว่าต้องคุยกับกัวไฮว่เสียหน่อย ให้เขาตีตัวออกห่างเจี่ยหยวน เมื่อนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์ของเจี่ยหยวน เธอก็ทนไม่ได้จำต้องให้ ‘นักเรียนที่แสนดี’ ของตนห่างจากหมอนี่สักหน่อย

        “ครูครับ ของมาส่งครับ” หลินซวงชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าเธอไม่ได้สั่งของเอาไว้ ทำไมถึงมีของกินส่งมาหาเธอได้ล่ะ

        “สวัสดีค่ะ คุณดูหน่อยว่าส่งมาผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้สั่งอาหาร” หลินซวงพูดยิ้มๆ

        “กลุ่มสาระภาษา หลินซวง คุณคือครูหลินซวงใช่ไหมครับ ถ้าไม่ผิดก็น่าจะเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งสั่งไว้ที่ร้านน่ะครับ” พนักงานส่งอาหารพูดขึ้น

        “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” หลินเซ็นชื่อลงบนบิลจากนั้นก็นำของเข้าไปในห้อง เธอรู้สึกคุ้นชายพนักงานส่งอาหารคนเมื่อสักครู่ ทว่าเธอกลับจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

        “นักเรียนชายสั่งเหรอ หรือว่ากัวไฮว่เป็นคนสั่ง เหมือนเขาจะบอกว่าบ่ายนี้จะมาหาฉัน” หลินซวงนึกถึงเรื่องที่เธอโทรหากัวไฮว่เมื่อเช้าก็พลันมั่นใจในความคิดของตน

        “ก๊อกก๊อกก๊อก” พนักงานส่งอาหารจากไปได้ไม่นานกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องพักครูของหลินซวง ครั้งนี้เขาไม่ได้พุ่งเข้ามาแต่เคาะประตูอยู่เบาๆ

        “เข้ามา” หลินซวงพูดเบาๆ จากนั้นกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของตนเอง

        “ครูหลินยังไม่ได้กินข้าวเหรอ ผมก็ยังไม่ได้กินพอดี สั่งของมาเยอะขนาดนี้ ขอกินด้วยสิ” กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงฝั่งตรงข้ามหลินซวง จากนั้นก็หยิบน้ำมะนาวแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่ม

        “ฮึ เด็กบ้า สั่งมาเองยังไม่ยอมรับอีก” หลินซวงลอบคิดในใจ ทว่ากินข้าวกับนักเรียนของตนเองแบบนี้ ทั้งยังเป็นการกินข้าวกับนักเรียนชายในห้องพักครูอีก คิดไปคิดมา หลินซวงก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ครูหลิน ครูกินแก้วร้อนนี่นะ ช่วงนี้ครูจะกินของเย็นไม่ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็ส่งชานมร้อนแก้วหนึ่งไปให้หลินซวง

        “เธอรู้ได้ยังไงกัน” หลินซวงหน้าแดงก่ำ ช่วงนี้เพื่อนสนิทมาเลยจะกินของเย็นไม่ได้

        “ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะรักษาอาการป่วยให้ครูเอง ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทว่าเขาไม่ทันจะพูดจบ ก็มีลางสังหรณ์ระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของตน เพราะเขาสัมผัสได้ว่าน้ำมะนาวที่ตนเพิ่งกินเมื่อสักครู่มีปัญหา

        “ครูหลิน อย่าดื่มเลย ของนี่ใครเป็นคนให้ครูมาน่ะ ของมันมีปัญหา” กัวไฮว่มองหลินซวงแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

        “เธอไม่ได้เป็นคนสั่งอาหารมาส่งเหรอ มีอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น จากนั้นจู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระลอกหนึ่งสะพัดมาจากบริเวณท้องน้อยของตน ไม่นานดวงตาก็พร่ามัว

        “กัวไฮว่ ฉันลอบฆ่าแกก็รอด สู้กับแกก็ไม่ไหว แกไม่ให้หนทางในการใช้ชีวิตฉันเลย งั้นฉันก็จะทำให้แกย่อยยับเอง” ชายส่งอาหารเมื่อสักครู่ถอดชุดออก คนผู้นี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากฉินอวี้หลง “แกควรจะขอบคุณฉันนะ แกชอบคนสวยงั้นฉันก็จะหาคนสวยมาให้แก ครูหลินซวงเป็นครูที่สวยที่สุดในโรงเรียนเรา ครูหลินซวง ขอโทษด้วยนะครับ แต่ถ้าจะโทษก็โทษกัวไฮว่นี่เถอะ”

        ฉินป๋อเทียน ผู้ใหญ่ตระกูลฉินได้ขายทรัพย์สินของตระกูลฉินไปหมดแล้ว แต่สุดท้ายยังขาดเงินที่ฉินอวี้หลงพนันแพ้ไปอีกเยอะ เขาจึงไปหาหลิวเทียนกังด้วยความจนใจ แต่สุดท้าย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลนี่แน่นอนว่าเป็นฝีมือของฉินอวี้หลง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย นับตั้งแต่คนในตระกูลฉินทราบว่าต้องชดใช้หนี้ก็ตามหาฉินอวี้หลงไปทั่ว ฉินอวี้หลงเองก็รู้ว่าหากกล้าจะโผล่หน้าไปก็ต้องตายแน่ๆ จึงซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนฟู่จงตลอดไม่ได้ออกไปไหน

        “กัวไฮว่ ฉันอยากจะดูนักว่าแกจะรอดไปได้หรือเปล่า” ฉินอวี้รอโอกาสมานาน สุดท้ายเขาก็ได้มันมาจริงๆ เขาใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์ของหลินซวงนัดกับกัวไฮว่ จากนั้นก็ไปสั่งหารที่ร้าน เขาทำสำเร็จแล้ว

        “ครูหลิน ผมรู้ว่าครูไม่มีสติแล้ว ผมก็ด้วย” กัวไฮว่โอบหลินซวงไว้ทั้งสองมือ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน

        “พวกเราถูกวางยา พูดแรงๆ ก็คือยาพิษ ผมไม่มีวิธีเอายานี่ออกมาจากร่างกายได้” กัวไฮว่พูดต่อ “ถ้าไม่อยากตาย เราก็มาทำเรื่องที่วัยรุ่นต้องทำกันเถอะ อีกอย่าง ครูหลิน ผมรักครู”

        “กัวไฮว่ นายต้องการฉันเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 85 ยากจะเป็นศัตรูกับเทพ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 85 ยากจะเป็นศัตรูกับเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อะแฮ่มๆๆ ลุงสี่หลิว ลุงช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งแล้วพูดยิ้มๆ “ลุงเอาของไปฝากไว้ที่หลิวฉ่วงก็ได้ สามวัน สามวันหลังจากนี้ลุงค่อยมาเอายาที่หลิวฉ่วงก็ได้”

        “หลานรัก เธอดูก่อนสิว่าของพวกนี้ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกเธอได้รีบบอกลุงเลย” หลิวชิงซงที่อยู่ปลายสายพูดขึ้นเบาๆ “ถ้าจัดยาเสร็จแล้ว ก็โทรมาบอกลุงแล้วเดี๋ยวลุงไปเอา จะให้หลิงฉ่วงไม่ได้ เด็กนั่นไม่น่าไว้ใจ”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ใครคิดถึงฉันเนี่ย” หลิวฉ่วงจามติดต่อกันสองสามครั้งอยู่ในห้องนอน แล้วพูดขึ้นกับตนเอง

        “ได้ครับ ถึงตอนนั้นผมจะติดต่อลุงสี่ ส่วนของลุงฝากหลิวฉ่วงได้ก็ได้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเดี๋ยวผมค่อยติดต่อลุงอีกที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อันที่จริงของพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรมากมายกับอาการป่วยของหลิวชิงซง ทว่ายังไงเขาก็ต้องแสร้งแสดง แต่กัวไฮว่ไม่คาดคิดว่าหลิวชิงซงจะหาสมุนไพรหายากทั้งสามสิบหกอย่างที่ตนเองเขียนไปได้ครบและเร็วขนาดนี้

        “ได้ๆๆ งั้นลุงไม่รบกวนหลานแล้วนะ มีอะไรเธอก็มาบอกลุงนะ ไม่ต้องเกรงใจลุง” หลิวชิงซงพูดยิ้มๆ หากสามวันให้หลังฉันรักษาหายดีได้ วันนี้ในปีหน้า ฉันก็จะได้อุ้มลูกไปเดินเล่นแล้ว ฮ่าๆ หลิวชิงซงพูดกับตนเอง หัวเราะลั่นกับตัวเองอยู่ในบ้านตระกูลหลิว บรรดาลูกน้องต่างก็งุนงงสงสัย นายท่านสี่ไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว

        “เสี่ยวหลิงโม่ อวี้เอ๋อร์บอกเรื่องเธอกับฉันแล้วนะ เธอเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านให้ดีล่ะ มีอะไรไม่เข้าใจก็ไปถามอวี้เอ๋อร์ การบำเพ็ญเพียรต้องให้ความสำคัญกับพื้นฐานนะ” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จกัวไฮว่ก็ส่งหนังสือเล่มบางที่มีกลิ่นหอมของน้ำหมึกให้แก่หนานกงหลิงโม่

        “ตาพี่บ้า หนังสือเล่มนี้พี่เขียนเองเหรอ ใช้ได้เหรอเนี่ย พี่อย่าหยามฉันนะ” หนานกงหลิงโม่รับหนังสือจากกัวไฮว่มาด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดขึ้นเบาๆ หน้าปกหนังสือมีอักษรห้าตัวเขียนไว้ว่า “บันทึกบำเพ็ญเพียร” แสดงให้เห็นว่ากัวไฮว่เป็นผู้เขียน หนานกงหลิงโม่จึงถามขึ้นด้วยความไม่ไว้วางใจ

        “อะแฮ่มๆ สำนักวิชาเขาก็มีกฎของเขา บางเรื่องจะแพร่งพรายไปไม่ได้ ฉันเลยเขียนลงไปให้เธอ เธอฝึกอย่างสบายใจก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แพร่งพรายไปไม่ได้ งั้นฉันแต่งงานกับพี่ก็พอแล้วสิ พี่ดูสิว่าฉันหน้าตาน่ารักขนาดไหน โตไปคงไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่อวี้เอ๋อร์หรอก ฉันแต่งงานกับพี่ก็จะได้เป็นคนกันเองแล้ว” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง

        “ฮ่าๆ ใช่ แต่งกับตาบ้านี่ จะได้บอกศาสตร์ลับทั้งหมดของสำนักเราให้เธอ เสี่ยวหลิงโม่ ถึงตอนนั้นยอดฝีมือกลุ่มผู้พี่พลังวิเศษหัวซย่าก็คือเธอแล้วล่ะ การแข่งต่อสู้อะไรนั่น สำนักวิชาลับอะไรนั่น ไม่ใช่คู่แข่งของเธอหรอก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ส่วนสาวๆ คนอื่นต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมทั้งกุมหน้าท้องเอาไว้

        “หัวเราะอะไรกัน ฉันพูดเรื่องจริงนะ ไม่พูดกับพวกพี่แล้ว” หนานกงหลิงโม่พูดพลางเบิกตาโพล่ง “ตาพี่บ้า เรื่องนี้ก็เอาตามนี้นะ หนังสือที่พี่เขียนเล่มนี้ฉันเอาไปดูก่อน ผ่านไปสักพักพี่ค่อยเอาเล่มต้นฉบับมาฉันจะได้ไม่ฝึกผิด” พูดเสร็จ หนานกงหลิงโม่ก็เดินออกไปยังห้องนอน

        “กัวไฮว่ ตอนบ่ายมาที่ห้องพักครู ครูมีเรื่องจะคุยกับเธอ” หลังจากที่กัวไฮว่แยกย้ายจากสาวๆ ก็ได้รับข้อความที่หลินซวงส่งมา กัวไฮว่ยิ้มตรงมุมปาก ทว่าตากระตุกหนึ่งครั้ง “มีภัย? เป็นไปไม่ได้หรอก หลายวันก่อนก็ว่าไป ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรนี่นา”

        ตอนบ่ายหลินซวงพักอยู่ในห้องพักครูไม่มีสอน เธอรู้สึกว่าต้องคุยกับกัวไฮว่เสียหน่อย ให้เขาตีตัวออกห่างเจี่ยหยวน เมื่อนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์ของเจี่ยหยวน เธอก็ทนไม่ได้จำต้องให้ ‘นักเรียนที่แสนดี’ ของตนห่างจากหมอนี่สักหน่อย

        “ครูครับ ของมาส่งครับ” หลินซวงชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าเธอไม่ได้สั่งของเอาไว้ ทำไมถึงมีของกินส่งมาหาเธอได้ล่ะ

        “สวัสดีค่ะ คุณดูหน่อยว่าส่งมาผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้สั่งอาหาร” หลินซวงพูดยิ้มๆ

        “กลุ่มสาระภาษา หลินซวง คุณคือครูหลินซวงใช่ไหมครับ ถ้าไม่ผิดก็น่าจะเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งสั่งไว้ที่ร้านน่ะครับ” พนักงานส่งอาหารพูดขึ้น

        “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” หลินเซ็นชื่อลงบนบิลจากนั้นก็นำของเข้าไปในห้อง เธอรู้สึกคุ้นชายพนักงานส่งอาหารคนเมื่อสักครู่ ทว่าเธอกลับจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

        “นักเรียนชายสั่งเหรอ หรือว่ากัวไฮว่เป็นคนสั่ง เหมือนเขาจะบอกว่าบ่ายนี้จะมาหาฉัน” หลินซวงนึกถึงเรื่องที่เธอโทรหากัวไฮว่เมื่อเช้าก็พลันมั่นใจในความคิดของตน

        “ก๊อกก๊อกก๊อก” พนักงานส่งอาหารจากไปได้ไม่นานกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องพักครูของหลินซวง ครั้งนี้เขาไม่ได้พุ่งเข้ามาแต่เคาะประตูอยู่เบาๆ

        “เข้ามา” หลินซวงพูดเบาๆ จากนั้นกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของตนเอง

        “ครูหลินยังไม่ได้กินข้าวเหรอ ผมก็ยังไม่ได้กินพอดี สั่งของมาเยอะขนาดนี้ ขอกินด้วยสิ” กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงฝั่งตรงข้ามหลินซวง จากนั้นก็หยิบน้ำมะนาวแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่ม

        “ฮึ เด็กบ้า สั่งมาเองยังไม่ยอมรับอีก” หลินซวงลอบคิดในใจ ทว่ากินข้าวกับนักเรียนของตนเองแบบนี้ ทั้งยังเป็นการกินข้าวกับนักเรียนชายในห้องพักครูอีก คิดไปคิดมา หลินซวงก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ครูหลิน ครูกินแก้วร้อนนี่นะ ช่วงนี้ครูจะกินของเย็นไม่ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็ส่งชานมร้อนแก้วหนึ่งไปให้หลินซวง

        “เธอรู้ได้ยังไงกัน” หลินซวงหน้าแดงก่ำ ช่วงนี้เพื่อนสนิทมาเลยจะกินของเย็นไม่ได้

        “ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะรักษาอาการป่วยให้ครูเอง ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทว่าเขาไม่ทันจะพูดจบ ก็มีลางสังหรณ์ระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของตน เพราะเขาสัมผัสได้ว่าน้ำมะนาวที่ตนเพิ่งกินเมื่อสักครู่มีปัญหา

        “ครูหลิน อย่าดื่มเลย ของนี่ใครเป็นคนให้ครูมาน่ะ ของมันมีปัญหา” กัวไฮว่มองหลินซวงแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

        “เธอไม่ได้เป็นคนสั่งอาหารมาส่งเหรอ มีอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น จากนั้นจู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระลอกหนึ่งสะพัดมาจากบริเวณท้องน้อยของตน ไม่นานดวงตาก็พร่ามัว

        “กัวไฮว่ ฉันลอบฆ่าแกก็รอด สู้กับแกก็ไม่ไหว แกไม่ให้หนทางในการใช้ชีวิตฉันเลย งั้นฉันก็จะทำให้แกย่อยยับเอง” ชายส่งอาหารเมื่อสักครู่ถอดชุดออก คนผู้นี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากฉินอวี้หลง “แกควรจะขอบคุณฉันนะ แกชอบคนสวยงั้นฉันก็จะหาคนสวยมาให้แก ครูหลินซวงเป็นครูที่สวยที่สุดในโรงเรียนเรา ครูหลินซวง ขอโทษด้วยนะครับ แต่ถ้าจะโทษก็โทษกัวไฮว่นี่เถอะ”

        ฉินป๋อเทียน ผู้ใหญ่ตระกูลฉินได้ขายทรัพย์สินของตระกูลฉินไปหมดแล้ว แต่สุดท้ายยังขาดเงินที่ฉินอวี้หลงพนันแพ้ไปอีกเยอะ เขาจึงไปหาหลิวเทียนกังด้วยความจนใจ แต่สุดท้าย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลนี่แน่นอนว่าเป็นฝีมือของฉินอวี้หลง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย นับตั้งแต่คนในตระกูลฉินทราบว่าต้องชดใช้หนี้ก็ตามหาฉินอวี้หลงไปทั่ว ฉินอวี้หลงเองก็รู้ว่าหากกล้าจะโผล่หน้าไปก็ต้องตายแน่ๆ จึงซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนฟู่จงตลอดไม่ได้ออกไปไหน

        “กัวไฮว่ ฉันอยากจะดูนักว่าแกจะรอดไปได้หรือเปล่า” ฉินอวี้รอโอกาสมานาน สุดท้ายเขาก็ได้มันมาจริงๆ เขาใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์ของหลินซวงนัดกับกัวไฮว่ จากนั้นก็ไปสั่งหารที่ร้าน เขาทำสำเร็จแล้ว

        “ครูหลิน ผมรู้ว่าครูไม่มีสติแล้ว ผมก็ด้วย” กัวไฮว่โอบหลินซวงไว้ทั้งสองมือ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน

        “พวกเราถูกวางยา พูดแรงๆ ก็คือยาพิษ ผมไม่มีวิธีเอายานี่ออกมาจากร่างกายได้” กัวไฮว่พูดต่อ “ถ้าไม่อยากตาย เราก็มาทำเรื่องที่วัยรุ่นต้องทำกันเถอะ อีกอย่าง ครูหลิน ผมรักครู”

        “กัวไฮว่ นายต้องการฉันเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 85 ยากจะเป็นศัตรูกับเทพ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 85 ยากจะเป็นศัตรูกับเทพ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อะแฮ่มๆๆ ลุงสี่หลิว ลุงช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งแล้วพูดยิ้มๆ “ลุงเอาของไปฝากไว้ที่หลิวฉ่วงก็ได้ สามวัน สามวันหลังจากนี้ลุงค่อยมาเอายาที่หลิวฉ่วงก็ได้”

        “หลานรัก เธอดูก่อนสิว่าของพวกนี้ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกเธอได้รีบบอกลุงเลย” หลิวชิงซงที่อยู่ปลายสายพูดขึ้นเบาๆ “ถ้าจัดยาเสร็จแล้ว ก็โทรมาบอกลุงแล้วเดี๋ยวลุงไปเอา จะให้หลิงฉ่วงไม่ได้ เด็กนั่นไม่น่าไว้ใจ”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย ใครคิดถึงฉันเนี่ย” หลิวฉ่วงจามติดต่อกันสองสามครั้งอยู่ในห้องนอน แล้วพูดขึ้นกับตนเอง

        “ได้ครับ ถึงตอนนั้นผมจะติดต่อลุงสี่ ส่วนของลุงฝากหลิวฉ่วงได้ก็ได้ ถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากลเดี๋ยวผมค่อยติดต่อลุงอีกที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ อันที่จริงของพวกนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรมากมายกับอาการป่วยของหลิวชิงซง ทว่ายังไงเขาก็ต้องแสร้งแสดง แต่กัวไฮว่ไม่คาดคิดว่าหลิวชิงซงจะหาสมุนไพรหายากทั้งสามสิบหกอย่างที่ตนเองเขียนไปได้ครบและเร็วขนาดนี้

        “ได้ๆๆ งั้นลุงไม่รบกวนหลานแล้วนะ มีอะไรเธอก็มาบอกลุงนะ ไม่ต้องเกรงใจลุง” หลิวชิงซงพูดยิ้มๆ หากสามวันให้หลังฉันรักษาหายดีได้ วันนี้ในปีหน้า ฉันก็จะได้อุ้มลูกไปเดินเล่นแล้ว ฮ่าๆ หลิวชิงซงพูดกับตนเอง หัวเราะลั่นกับตัวเองอยู่ในบ้านตระกูลหลิว บรรดาลูกน้องต่างก็งุนงงสงสัย นายท่านสี่ไม่ได้มีความสุขขนาดนี้มานานแล้ว

        “เสี่ยวหลิงโม่ อวี้เอ๋อร์บอกเรื่องเธอกับฉันแล้วนะ เธอเอาหนังสือเล่มนี้ไปอ่านให้ดีล่ะ มีอะไรไม่เข้าใจก็ไปถามอวี้เอ๋อร์ การบำเพ็ญเพียรต้องให้ความสำคัญกับพื้นฐานนะ” หลังจากรับประทานอาหารเสร็จกัวไฮว่ก็ส่งหนังสือเล่มบางที่มีกลิ่นหอมของน้ำหมึกให้แก่หนานกงหลิงโม่

        “ตาพี่บ้า หนังสือเล่มนี้พี่เขียนเองเหรอ ใช้ได้เหรอเนี่ย พี่อย่าหยามฉันนะ” หนานกงหลิงโม่รับหนังสือจากกัวไฮว่มาด้วยความตื่นเต้นแล้วพูดขึ้นเบาๆ หน้าปกหนังสือมีอักษรห้าตัวเขียนไว้ว่า “บันทึกบำเพ็ญเพียร” แสดงให้เห็นว่ากัวไฮว่เป็นผู้เขียน หนานกงหลิงโม่จึงถามขึ้นด้วยความไม่ไว้วางใจ

        “อะแฮ่มๆ สำนักวิชาเขาก็มีกฎของเขา บางเรื่องจะแพร่งพรายไปไม่ได้ ฉันเลยเขียนลงไปให้เธอ เธอฝึกอย่างสบายใจก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แพร่งพรายไปไม่ได้ งั้นฉันแต่งงานกับพี่ก็พอแล้วสิ พี่ดูสิว่าฉันหน้าตาน่ารักขนาดไหน โตไปคงไม่ได้ด้อยไปกว่าพี่อวี้เอ๋อร์หรอก ฉันแต่งงานกับพี่ก็จะได้เป็นคนกันเองแล้ว” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง

        “ฮ่าๆ ใช่ แต่งกับตาบ้านี่ จะได้บอกศาสตร์ลับทั้งหมดของสำนักเราให้เธอ เสี่ยวหลิงโม่ ถึงตอนนั้นยอดฝีมือกลุ่มผู้พี่พลังวิเศษหัวซย่าก็คือเธอแล้วล่ะ การแข่งต่อสู้อะไรนั่น สำนักวิชาลับอะไรนั่น ไม่ใช่คู่แข่งของเธอหรอก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ ส่วนสาวๆ คนอื่นต่างก็หัวเราะออกมาพร้อมทั้งกุมหน้าท้องเอาไว้

        “หัวเราะอะไรกัน ฉันพูดเรื่องจริงนะ ไม่พูดกับพวกพี่แล้ว” หนานกงหลิงโม่พูดพลางเบิกตาโพล่ง “ตาพี่บ้า เรื่องนี้ก็เอาตามนี้นะ หนังสือที่พี่เขียนเล่มนี้ฉันเอาไปดูก่อน ผ่านไปสักพักพี่ค่อยเอาเล่มต้นฉบับมาฉันจะได้ไม่ฝึกผิด” พูดเสร็จ หนานกงหลิงโม่ก็เดินออกไปยังห้องนอน

        “กัวไฮว่ ตอนบ่ายมาที่ห้องพักครู ครูมีเรื่องจะคุยกับเธอ” หลังจากที่กัวไฮว่แยกย้ายจากสาวๆ ก็ได้รับข้อความที่หลินซวงส่งมา กัวไฮว่ยิ้มตรงมุมปาก ทว่าตากระตุกหนึ่งครั้ง “มีภัย? เป็นไปไม่ได้หรอก หลายวันก่อนก็ว่าไป ช่วงนี้ไม่มีเรื่องอะไรนี่นา”

        ตอนบ่ายหลินซวงพักอยู่ในห้องพักครูไม่มีสอน เธอรู้สึกว่าต้องคุยกับกัวไฮว่เสียหน่อย ให้เขาตีตัวออกห่างเจี่ยหยวน เมื่อนึกถึงสายตาเจ้าเล่ห์ของเจี่ยหยวน เธอก็ทนไม่ได้จำต้องให้ ‘นักเรียนที่แสนดี’ ของตนห่างจากหมอนี่สักหน่อย

        “ครูครับ ของมาส่งครับ” หลินซวงชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนว่าเธอไม่ได้สั่งของเอาไว้ ทำไมถึงมีของกินส่งมาหาเธอได้ล่ะ

        “สวัสดีค่ะ คุณดูหน่อยว่าส่งมาผิดหรือเปล่า ฉันไม่ได้สั่งอาหาร” หลินซวงพูดยิ้มๆ

        “กลุ่มสาระภาษา หลินซวง คุณคือครูหลินซวงใช่ไหมครับ ถ้าไม่ผิดก็น่าจะเป็นนักเรียนชายคนหนึ่งสั่งไว้ที่ร้านน่ะครับ” พนักงานส่งอาหารพูดขึ้น

        “โอเคค่ะ ขอบคุณนะคะ” หลินเซ็นชื่อลงบนบิลจากนั้นก็นำของเข้าไปในห้อง เธอรู้สึกคุ้นชายพนักงานส่งอาหารคนเมื่อสักครู่ ทว่าเธอกลับจำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหน

        “นักเรียนชายสั่งเหรอ หรือว่ากัวไฮว่เป็นคนสั่ง เหมือนเขาจะบอกว่าบ่ายนี้จะมาหาฉัน” หลินซวงนึกถึงเรื่องที่เธอโทรหากัวไฮว่เมื่อเช้าก็พลันมั่นใจในความคิดของตน

        “ก๊อกก๊อกก๊อก” พนักงานส่งอาหารจากไปได้ไม่นานกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ห้องพักครูของหลินซวง ครั้งนี้เขาไม่ได้พุ่งเข้ามาแต่เคาะประตูอยู่เบาๆ

        “เข้ามา” หลินซวงพูดเบาๆ จากนั้นกัวไฮว่ก็ปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าของตนเอง

        “ครูหลินยังไม่ได้กินข้าวเหรอ ผมก็ยังไม่ได้กินพอดี สั่งของมาเยอะขนาดนี้ ขอกินด้วยสิ” กัวไฮว่เองก็ไม่ได้เกรงใจ นั่งลงฝั่งตรงข้ามหลินซวง จากนั้นก็หยิบน้ำมะนาวแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่ม

        “ฮึ เด็กบ้า สั่งมาเองยังไม่ยอมรับอีก” หลินซวงลอบคิดในใจ ทว่ากินข้าวกับนักเรียนของตนเองแบบนี้ ทั้งยังเป็นการกินข้าวกับนักเรียนชายในห้องพักครูอีก คิดไปคิดมา หลินซวงก็หน้าแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ครูหลิน ครูกินแก้วร้อนนี่นะ ช่วงนี้ครูจะกินของเย็นไม่ได้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็ส่งชานมร้อนแก้วหนึ่งไปให้หลินซวง

        “เธอรู้ได้ยังไงกัน” หลินซวงหน้าแดงก่ำ ช่วงนี้เพื่อนสนิทมาเลยจะกินของเย็นไม่ได้

        “ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมจะรักษาอาการป่วยให้ครูเอง ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ทว่าเขาไม่ทันจะพูดจบ ก็มีลางสังหรณ์ระลอกหนึ่งปรากฏขึ้นในสมองของตน เพราะเขาสัมผัสได้ว่าน้ำมะนาวที่ตนเพิ่งกินเมื่อสักครู่มีปัญหา

        “ครูหลิน อย่าดื่มเลย ของนี่ใครเป็นคนให้ครูมาน่ะ ของมันมีปัญหา” กัวไฮว่มองหลินซวงแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

        “เธอไม่ได้เป็นคนสั่งอาหารมาส่งเหรอ มีอะไรเหรอ” หลินซวงมองกัวไฮว่พร้อมกับพูดขึ้น จากนั้นจู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความร้อนระลอกหนึ่งสะพัดมาจากบริเวณท้องน้อยของตน ไม่นานดวงตาก็พร่ามัว

        “กัวไฮว่ ฉันลอบฆ่าแกก็รอด สู้กับแกก็ไม่ไหว แกไม่ให้หนทางในการใช้ชีวิตฉันเลย งั้นฉันก็จะทำให้แกย่อยยับเอง” ชายส่งอาหารเมื่อสักครู่ถอดชุดออก คนผู้นี้จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากฉินอวี้หลง “แกควรจะขอบคุณฉันนะ แกชอบคนสวยงั้นฉันก็จะหาคนสวยมาให้แก ครูหลินซวงเป็นครูที่สวยที่สุดในโรงเรียนเรา ครูหลินซวง ขอโทษด้วยนะครับ แต่ถ้าจะโทษก็โทษกัวไฮว่นี่เถอะ”

        ฉินป๋อเทียน ผู้ใหญ่ตระกูลฉินได้ขายทรัพย์สินของตระกูลฉินไปหมดแล้ว แต่สุดท้ายยังขาดเงินที่ฉินอวี้หลงพนันแพ้ไปอีกเยอะ เขาจึงไปหาหลิวเทียนกังด้วยความจนใจ แต่สุดท้าย เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งมวลนี่แน่นอนว่าเป็นฝีมือของฉินอวี้หลง อย่าว่าแต่คนอื่นเลย นับตั้งแต่คนในตระกูลฉินทราบว่าต้องชดใช้หนี้ก็ตามหาฉินอวี้หลงไปทั่ว ฉินอวี้หลงเองก็รู้ว่าหากกล้าจะโผล่หน้าไปก็ต้องตายแน่ๆ จึงซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนฟู่จงตลอดไม่ได้ออกไปไหน

        “กัวไฮว่ ฉันอยากจะดูนักว่าแกจะรอดไปได้หรือเปล่า” ฉินอวี้รอโอกาสมานาน สุดท้ายเขาก็ได้มันมาจริงๆ เขาใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์ในการใช้หมายเลขโทรศัพท์ของหลินซวงนัดกับกัวไฮว่ จากนั้นก็ไปสั่งหารที่ร้าน เขาทำสำเร็จแล้ว

        “ครูหลิน ผมรู้ว่าครูไม่มีสติแล้ว ผมก็ด้วย” กัวไฮว่โอบหลินซวงไว้ทั้งสองมือ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน

        “พวกเราถูกวางยา พูดแรงๆ ก็คือยาพิษ ผมไม่มีวิธีเอายานี่ออกมาจากร่างกายได้” กัวไฮว่พูดต่อ “ถ้าไม่อยากตาย เราก็มาทำเรื่องที่วัยรุ่นต้องทำกันเถอะ อีกอย่าง ครูหลิน ผมรักครู”

        “กัวไฮว่ นายต้องการฉันเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+