[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยกลับโรงเรียนแล้วใช่ไหม ฉันจัดเรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้วเลยโทรมารายงานให้เธอสบายใจน่ะ แหะๆ”เมื่อกัวไฮว่จัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเสร็จก็รีบโทรหาเวยเวยทันที

        “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันถึงโรงเรียนแล้วล่ะพี่ไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนนะ ช่วงนี้ฉันจะช่วยติวให้พี่เอง ไม่งั้นเดี๋ยวถึงการคัดเลือกแข่งวิชาการจะขายหน้าเอา”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ

        “พี่เวยเวย หมอนั่นโทรหาพี่เหรอ”หนานกงหลิงเฮยพูดด้วยเสียงเบา“ตาเจ้าเล่ห์ นายระวังตัวไว้เถอะ ถึงก่อนหน้านั้นฉันจะไม่ชอบตาข่งเสวียนนั่นแต่ก็ยังไม่ชอบตาเจ้าเล่ห์นี่มากกว่าพี่ดูสิ พี่ดูสิ ฉันยังเช็ดผมบนหัวฉันไม่สะอาดเลยโมโหชะมัด”

         

        “การคัดเลือกแข่งวิชาการคงมีหลายคนเตรียมจะหัวเราะเยาะข้า”กัวไฮว่พูดเสร็จก็เรียกรถกลับไปยังโรงเรียน

        “เมื่อกี้มีพลังเวทสะท้านอยู่ตรงนี้นี่ เป็นเทพแห่งจิตแน่ หายไปไหนเสียแล้วเล่า”กัวไฮว่จากไปได้ไม่นานอวี้เอ๋อร์ก็พบสถานที่ที่มีร่องรอยกัวไฮว่ที่ถูกโจมตีเมื่อสักครู่ก็ขมวดคิ้ว ต่อมาจากนั้นก็มองวิดีโอเว็บแคมพร้อมพูดกับตนเองว่า“เทพแห่งจิตคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะหาเจ้าเจอหรือไม่”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย”กัวไฮว่จามติดต่อกันสองครั้ง“ไม่มีพลังเวท ไม่เช่นนั้นจะได้ดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ดูว่าผู้ใดคำนึงถึงข้าอยู่ตลอดกัน เกิดสิ่งใดขึ้นจะได้แก้ไขทัน”

        “นักเรียนจ๊ะ วันนี้ห้องเรียนเรามีเพื่อนมาใหม่คนหนึ่ง ทุกคนต้อนรับเพื่อนหน่อย”เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วหลินซวงรู้สึกสับสนในใจนิดหน่อย ชั้นมอสี่มีทั้งหมดหกห้องทำไมนักเรียนใหม่มักจะมาอยู่ที่ห้องของตนด้วย อีกอย่างนักเรียนใหม่คนนี้ก็ค่อนข้างจะสูงทีเดียว

        “สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียนต้าจู้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”ต้าจู้ยืนอยู่หน้าห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น“พวกเธอน่าจะมีคนรู้จักผม เมื่อก่อนผมเป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารคนบ้า”

        “ถึงว่าทำไมคุ้นหน้าจัง ที่แท้ก็เป็นพ่อครัวใหญ่ร้านอาหารคนบ้าจริงๆด้วย”นักเรียนด้านหลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

        “โรงเรียนฟู่จงของเราไม่รับเด็กฝากไม่ใช่เหรอ แค่ไม่กี่วันก็มีนักเรียนใหม่มาสองคนแล้ว อะไรกันเนี่ย”หลิวกังพูดขึ้นเบาๆ

        “นี่เพื่อน ฉันไม่ได้เป็นเด็กฝากนะ ไม่งั้นนายลองทดสอบฉันก็ได้ ฉันไม่ชอบเดินประตูหลัง[1]”จู้จื่อพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

        “ฮ่าๆ ใช่พี่จู้จื่อไม่ชอบเดินประตูหลัง”เฉียนตัวตัวพูดหัวเราะเสียงดังลั่น

        “จู้จื่อจ๊ะเธอไปนั่งแถวด้านหลังดีกว่าเพราะเธอสูงไป แค่ไม่ไปบังคนอื่นเขาก็โอเคแล้ว”เมื่อหลินซวงได้ยินที่เฉียนตัวตัวพูดก็หน้าถอดสี เพื่อที่เด็กนี่จะได้ไม่พูดอะไรบ้าๆอีกจึงรู้สึกว่าควรจัดการเรื่องของเซวียนต้าจู้ให้เรียบร้อย

        “คุณไฮว่ ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วนะ”ตอนที่เซวียนต้าจู้เดินผ่านกัวไฮว่ไปก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “ต่อไปเรียกพี่ไฮว่ก็พอแล้ว ที่นี่โรงเรียนระวังผลกระทบที่ตามมาหน่อย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เข้าใจแล้วครับพี่ไฮว่”เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่เวลาเรียนทำไมต้องจับมืออาซ้อด้วยล่ะ”

        เมื่อเซวียนต้าจู้พูดเสร็จสายตาของคนทั้งห้องก็ตกลงมารวมอยู่ที่กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวยอยากจะดึงมือกลับจากมือของกัวไฮว่ แต่ไม่ว่าออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่อาจดึงกลับได้ และเมื่อเห็นคนทั้งห้องจับจ้องอยู่ที่พวกเขาใบหน้าก็พลันแดงก่ำขึ้นมา

        “พี่ไฮว่พี่ต้องเตรียมตัวให้ดีนะ ไม่งั้นตอนแข่งวิชาการพี่ได้อายแย่เลย”เมื่อเข้าไปในห้องเรียนมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นกับกัวไฮว่ยิ้มๆ

        “วางใจเถอะ เธอไม่เชื่อใจฉันไม่เชื่อในสายตาของตัวเองเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงๆคืนเมื่อวานฉันก็เริ่มศึกษาแล้วล่ะถ้าไม่เชื่อเธอก็ทดสอบฉันได้นะ”

        “ถ้าพี่ตอบผิดแล้วฉันจะลงโทษไม่ให้พี่ไม่เจอหน้าพวกเสี่ยวซีหนึ่งวัน”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ถ้าฉันตอบถูกก่อนคาบแรกของวันนี้ ฉันจะจับมือเธอตลอดเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ยายหนูเจ้าเป็นคนคิดคำถามเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะคิดคำถามที่ตนเองตอบไม่ได้

        ไม่ถึงสามนาทีมู่หรงเวยเวยก็ถามคำถามของการแข่งวิชาการของปีที่แล้วมาสิบข้อ ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบถูกทั้งหมดไม่พลาดแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่เธอคิดจะถามต่อนั่นเองคุณครูหลินก็เข้าห้องมา จากนั้นกัวไฮว่ก็กุมมือขวาของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “มองอะไรกัน จะคอยดูว่าพวกเธอจะทำอะไรได้ เวยเวยไม่สบายฉันช่วยเวยเวยจับชีพจรเพื่อรักษาไข้อยู่พวกเธอเข้าใจไหม”กัวไฮว่มองนักเรียนที่อยู่รอบด้านแล้วตวาดเสียงดังลั่น

        “กัวไฮว่ถ้าเธอจับชีพจรเสร็จแล้วก็วางมือลงเดี๋ยวจะเข้าคาบแล้ว”หลินซวงมองท่าทีที่แสนจะกวนของกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเสียงดัง“เวยเวย กัวไฮว่พูดจริงไหม ถ้าเขารังแกเธอ เธอบอกครูได้นะครูจะเข้าข้างเธอเอง”

        “ครูหลินคะหนูไม่สบายจริงๆค่ะ แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ

        “คุณพระเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เด็กดีอย่างมู่หรงเวยเวยทำไมถึงมาพัวพันกับเด็กบ้านี่ได้ล่ะ ถังซี โหยวโยวโยว แล้วยังจะซูเยี่ยอีก หมอนี่มีแฟนตั้งสามคนแล้ว ยายเด็กนี่เป็นอะไรไปน่ะ”หลินซวงคิดอย่างจนใจ

        “พวกเธอได้ยินกันรึเปล่าหมอนั่นที่ชอบเสนอหน้าในในประมูลน่ะวันนี้สอยมู่หรงเวยเวยได้แล้วนะ พวกเขาจับมือกันในคาบเรียนล่ะ”คนที่ผ่านมาคนแรกพูดขึ้น

        “ให้ตายมองแค่แวบเดียวแกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรจริงๆ คนคนนั้นน่ะชื่อกัวไฮว่ เขาไม่ได้แค่จับมือแต่ว่าเขาจูบมู่หรงเวยเวยในคาบแล้วถูกหัวหน้าเซวียนเห็นเข้า”คนที่ผ่านมาคนที่สองพูดขึ้นเสียงดัง

        “อะไรกันมู่หรงเวยเวยชื่นชอบพี่ไฮว่มานานแล้วเลยจูบพี่ไฮว่จองไว้ก่อนไง”คนที่ผ่านมาคนที่สามพูดขึ้นเสียงดัง

        “พวกนายอนู่ในสถานการณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ก็หุบปากไป ฉันจะบอกความจริงให้ดีไหม”เด็กหนุ่มทำเอาทุกคนมามุงอยู่ด้วยกัน“มู่หรงเวยเวยท้องลูกพี่ไฮว่ ตอนนี้สถานการณ์วังหลังโกลาหล ถังซีโหยว โยวโยวแล้วก็ซูเยี่ยน่ะ เตรียมจะเอาใจมู่หรงเวยเวยก่อนเรียน กัวไฮว่ได้มอบพลังเซียนให้แก่มู่หรงเวยเวยเพื่อรักษาครรภ์น่ะ”

        “ให้ตายความคิดนายเว่อร์วังขนาดนี้ทำไมนายไม่ไปเขียนนิยายล่ะ ถ้านายเขียนนิยายนะไอ้น้องแกได้ดังระเบิดระเบ้อแบบที่จิ่วจื่อต้าชู[2]ดังช่วงนี้แล้ว”กลุ่มผู้คนพูดขึ้นเสียงดัง

        “โยวโยวได้ยินแล้วใช่ไหมสถานการณ์วังหลังพวกเธอเริ่มโกลาหลตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ พวกเราอยากไปดูความวุ่นวายจัง”ขณะที่กลุ่มคนคุยกันอยู่นั่นเองโหยวโยวโยวก็เดินผ่านมาพอดีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นขำๆกับโหยวโยวโยว

        “ตาบ้านี่น่าโมโหชะมัดเมื่อกี้ซูเยี่ยบอกว่าเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับสองคนนั้นถ่ายรูปมู่หรงเวยเวยกุมมือตาบ้านั่นอยู่ พวกเขากล้าทำขนาดนี้กันเลยเหรอ”โหยวโยวโยวพูดด้วยความโมโห

        “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!”พูดเสร็จโทรศัพท์ของมู่หรงเวยเวยก็ดังขึ้นมากัวไฮว่พามู่หรงเวยเวยเดินตรงไปยังโรงอาหารแล้วก็เตรียมจะโทรเรียกสาวๆคนอื่น แต่ไม่คาดคิดว่าโหยวโยวโยวกำลังโกรธขึ้นสมองอยู่

        
 

        [1]เดินประตูหลัง(走后门)เป็นสำนวนภาษาจีนแปลว่าติดสินบน

        [2]นามปากกาของผู้แต่งนิยายเรื่องนี้

         

 

                                                                 ————————

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยกลับโรงเรียนแล้วใช่ไหม ฉันจัดเรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้วเลยโทรมารายงานให้เธอสบายใจน่ะ แหะๆ”เมื่อกัวไฮว่จัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเสร็จก็รีบโทรหาเวยเวยทันที

        “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันถึงโรงเรียนแล้วล่ะพี่ไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนนะ ช่วงนี้ฉันจะช่วยติวให้พี่เอง ไม่งั้นเดี๋ยวถึงการคัดเลือกแข่งวิชาการจะขายหน้าเอา”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ

        “พี่เวยเวย หมอนั่นโทรหาพี่เหรอ”หนานกงหลิงเฮยพูดด้วยเสียงเบา“ตาเจ้าเล่ห์ นายระวังตัวไว้เถอะ ถึงก่อนหน้านั้นฉันจะไม่ชอบตาข่งเสวียนนั่นแต่ก็ยังไม่ชอบตาเจ้าเล่ห์นี่มากกว่าพี่ดูสิ พี่ดูสิ ฉันยังเช็ดผมบนหัวฉันไม่สะอาดเลยโมโหชะมัด”

         

        “การคัดเลือกแข่งวิชาการคงมีหลายคนเตรียมจะหัวเราะเยาะข้า”กัวไฮว่พูดเสร็จก็เรียกรถกลับไปยังโรงเรียน

        “เมื่อกี้มีพลังเวทสะท้านอยู่ตรงนี้นี่ เป็นเทพแห่งจิตแน่ หายไปไหนเสียแล้วเล่า”กัวไฮว่จากไปได้ไม่นานอวี้เอ๋อร์ก็พบสถานที่ที่มีร่องรอยกัวไฮว่ที่ถูกโจมตีเมื่อสักครู่ก็ขมวดคิ้ว ต่อมาจากนั้นก็มองวิดีโอเว็บแคมพร้อมพูดกับตนเองว่า“เทพแห่งจิตคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะหาเจ้าเจอหรือไม่”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย”กัวไฮว่จามติดต่อกันสองครั้ง“ไม่มีพลังเวท ไม่เช่นนั้นจะได้ดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ดูว่าผู้ใดคำนึงถึงข้าอยู่ตลอดกัน เกิดสิ่งใดขึ้นจะได้แก้ไขทัน”

        “นักเรียนจ๊ะ วันนี้ห้องเรียนเรามีเพื่อนมาใหม่คนหนึ่ง ทุกคนต้อนรับเพื่อนหน่อย”เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วหลินซวงรู้สึกสับสนในใจนิดหน่อย ชั้นมอสี่มีทั้งหมดหกห้องทำไมนักเรียนใหม่มักจะมาอยู่ที่ห้องของตนด้วย อีกอย่างนักเรียนใหม่คนนี้ก็ค่อนข้างจะสูงทีเดียว

        “สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียนต้าจู้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”ต้าจู้ยืนอยู่หน้าห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น“พวกเธอน่าจะมีคนรู้จักผม เมื่อก่อนผมเป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารคนบ้า”

        “ถึงว่าทำไมคุ้นหน้าจัง ที่แท้ก็เป็นพ่อครัวใหญ่ร้านอาหารคนบ้าจริงๆด้วย”นักเรียนด้านหลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

        “โรงเรียนฟู่จงของเราไม่รับเด็กฝากไม่ใช่เหรอ แค่ไม่กี่วันก็มีนักเรียนใหม่มาสองคนแล้ว อะไรกันเนี่ย”หลิวกังพูดขึ้นเบาๆ

        “นี่เพื่อน ฉันไม่ได้เป็นเด็กฝากนะ ไม่งั้นนายลองทดสอบฉันก็ได้ ฉันไม่ชอบเดินประตูหลัง[1]”จู้จื่อพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

        “ฮ่าๆ ใช่พี่จู้จื่อไม่ชอบเดินประตูหลัง”เฉียนตัวตัวพูดหัวเราะเสียงดังลั่น

        “จู้จื่อจ๊ะเธอไปนั่งแถวด้านหลังดีกว่าเพราะเธอสูงไป แค่ไม่ไปบังคนอื่นเขาก็โอเคแล้ว”เมื่อหลินซวงได้ยินที่เฉียนตัวตัวพูดก็หน้าถอดสี เพื่อที่เด็กนี่จะได้ไม่พูดอะไรบ้าๆอีกจึงรู้สึกว่าควรจัดการเรื่องของเซวียนต้าจู้ให้เรียบร้อย

        “คุณไฮว่ ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วนะ”ตอนที่เซวียนต้าจู้เดินผ่านกัวไฮว่ไปก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “ต่อไปเรียกพี่ไฮว่ก็พอแล้ว ที่นี่โรงเรียนระวังผลกระทบที่ตามมาหน่อย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เข้าใจแล้วครับพี่ไฮว่”เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่เวลาเรียนทำไมต้องจับมืออาซ้อด้วยล่ะ”

        เมื่อเซวียนต้าจู้พูดเสร็จสายตาของคนทั้งห้องก็ตกลงมารวมอยู่ที่กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวยอยากจะดึงมือกลับจากมือของกัวไฮว่ แต่ไม่ว่าออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่อาจดึงกลับได้ และเมื่อเห็นคนทั้งห้องจับจ้องอยู่ที่พวกเขาใบหน้าก็พลันแดงก่ำขึ้นมา

        “พี่ไฮว่พี่ต้องเตรียมตัวให้ดีนะ ไม่งั้นตอนแข่งวิชาการพี่ได้อายแย่เลย”เมื่อเข้าไปในห้องเรียนมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นกับกัวไฮว่ยิ้มๆ

        “วางใจเถอะ เธอไม่เชื่อใจฉันไม่เชื่อในสายตาของตัวเองเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงๆคืนเมื่อวานฉันก็เริ่มศึกษาแล้วล่ะถ้าไม่เชื่อเธอก็ทดสอบฉันได้นะ”

        “ถ้าพี่ตอบผิดแล้วฉันจะลงโทษไม่ให้พี่ไม่เจอหน้าพวกเสี่ยวซีหนึ่งวัน”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ถ้าฉันตอบถูกก่อนคาบแรกของวันนี้ ฉันจะจับมือเธอตลอดเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ยายหนูเจ้าเป็นคนคิดคำถามเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะคิดคำถามที่ตนเองตอบไม่ได้

        ไม่ถึงสามนาทีมู่หรงเวยเวยก็ถามคำถามของการแข่งวิชาการของปีที่แล้วมาสิบข้อ ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบถูกทั้งหมดไม่พลาดแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่เธอคิดจะถามต่อนั่นเองคุณครูหลินก็เข้าห้องมา จากนั้นกัวไฮว่ก็กุมมือขวาของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “มองอะไรกัน จะคอยดูว่าพวกเธอจะทำอะไรได้ เวยเวยไม่สบายฉันช่วยเวยเวยจับชีพจรเพื่อรักษาไข้อยู่พวกเธอเข้าใจไหม”กัวไฮว่มองนักเรียนที่อยู่รอบด้านแล้วตวาดเสียงดังลั่น

        “กัวไฮว่ถ้าเธอจับชีพจรเสร็จแล้วก็วางมือลงเดี๋ยวจะเข้าคาบแล้ว”หลินซวงมองท่าทีที่แสนจะกวนของกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเสียงดัง“เวยเวย กัวไฮว่พูดจริงไหม ถ้าเขารังแกเธอ เธอบอกครูได้นะครูจะเข้าข้างเธอเอง”

        “ครูหลินคะหนูไม่สบายจริงๆค่ะ แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ

        “คุณพระเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เด็กดีอย่างมู่หรงเวยเวยทำไมถึงมาพัวพันกับเด็กบ้านี่ได้ล่ะ ถังซี โหยวโยวโยว แล้วยังจะซูเยี่ยอีก หมอนี่มีแฟนตั้งสามคนแล้ว ยายเด็กนี่เป็นอะไรไปน่ะ”หลินซวงคิดอย่างจนใจ

        “พวกเธอได้ยินกันรึเปล่าหมอนั่นที่ชอบเสนอหน้าในในประมูลน่ะวันนี้สอยมู่หรงเวยเวยได้แล้วนะ พวกเขาจับมือกันในคาบเรียนล่ะ”คนที่ผ่านมาคนแรกพูดขึ้น

        “ให้ตายมองแค่แวบเดียวแกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรจริงๆ คนคนนั้นน่ะชื่อกัวไฮว่ เขาไม่ได้แค่จับมือแต่ว่าเขาจูบมู่หรงเวยเวยในคาบแล้วถูกหัวหน้าเซวียนเห็นเข้า”คนที่ผ่านมาคนที่สองพูดขึ้นเสียงดัง

        “อะไรกันมู่หรงเวยเวยชื่นชอบพี่ไฮว่มานานแล้วเลยจูบพี่ไฮว่จองไว้ก่อนไง”คนที่ผ่านมาคนที่สามพูดขึ้นเสียงดัง

        “พวกนายอนู่ในสถานการณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ก็หุบปากไป ฉันจะบอกความจริงให้ดีไหม”เด็กหนุ่มทำเอาทุกคนมามุงอยู่ด้วยกัน“มู่หรงเวยเวยท้องลูกพี่ไฮว่ ตอนนี้สถานการณ์วังหลังโกลาหล ถังซีโหยว โยวโยวแล้วก็ซูเยี่ยน่ะ เตรียมจะเอาใจมู่หรงเวยเวยก่อนเรียน กัวไฮว่ได้มอบพลังเซียนให้แก่มู่หรงเวยเวยเพื่อรักษาครรภ์น่ะ”

        “ให้ตายความคิดนายเว่อร์วังขนาดนี้ทำไมนายไม่ไปเขียนนิยายล่ะ ถ้านายเขียนนิยายนะไอ้น้องแกได้ดังระเบิดระเบ้อแบบที่จิ่วจื่อต้าชู[2]ดังช่วงนี้แล้ว”กลุ่มผู้คนพูดขึ้นเสียงดัง

        “โยวโยวได้ยินแล้วใช่ไหมสถานการณ์วังหลังพวกเธอเริ่มโกลาหลตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ พวกเราอยากไปดูความวุ่นวายจัง”ขณะที่กลุ่มคนคุยกันอยู่นั่นเองโหยวโยวโยวก็เดินผ่านมาพอดีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นขำๆกับโหยวโยวโยว

        “ตาบ้านี่น่าโมโหชะมัดเมื่อกี้ซูเยี่ยบอกว่าเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับสองคนนั้นถ่ายรูปมู่หรงเวยเวยกุมมือตาบ้านั่นอยู่ พวกเขากล้าทำขนาดนี้กันเลยเหรอ”โหยวโยวโยวพูดด้วยความโมโห

        “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!”พูดเสร็จโทรศัพท์ของมู่หรงเวยเวยก็ดังขึ้นมากัวไฮว่พามู่หรงเวยเวยเดินตรงไปยังโรงอาหารแล้วก็เตรียมจะโทรเรียกสาวๆคนอื่น แต่ไม่คาดคิดว่าโหยวโยวโยวกำลังโกรธขึ้นสมองอยู่

        
 

        [1]เดินประตูหลัง(走后门)เป็นสำนวนภาษาจีนแปลว่าติดสินบน

        [2]นามปากกาของผู้แต่งนิยายเรื่องนี้

         

 

                                                                 ————————

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยกลับโรงเรียนแล้วใช่ไหม ฉันจัดเรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้วเลยโทรมารายงานให้เธอสบายใจน่ะ แหะๆ”เมื่อกัวไฮว่จัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเสร็จก็รีบโทรหาเวยเวยทันที

        “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันถึงโรงเรียนแล้วล่ะพี่ไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนนะ ช่วงนี้ฉันจะช่วยติวให้พี่เอง ไม่งั้นเดี๋ยวถึงการคัดเลือกแข่งวิชาการจะขายหน้าเอา”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ

        “พี่เวยเวย หมอนั่นโทรหาพี่เหรอ”หนานกงหลิงเฮยพูดด้วยเสียงเบา“ตาเจ้าเล่ห์ นายระวังตัวไว้เถอะ ถึงก่อนหน้านั้นฉันจะไม่ชอบตาข่งเสวียนนั่นแต่ก็ยังไม่ชอบตาเจ้าเล่ห์นี่มากกว่าพี่ดูสิ พี่ดูสิ ฉันยังเช็ดผมบนหัวฉันไม่สะอาดเลยโมโหชะมัด”

         

        “การคัดเลือกแข่งวิชาการคงมีหลายคนเตรียมจะหัวเราะเยาะข้า”กัวไฮว่พูดเสร็จก็เรียกรถกลับไปยังโรงเรียน

        “เมื่อกี้มีพลังเวทสะท้านอยู่ตรงนี้นี่ เป็นเทพแห่งจิตแน่ หายไปไหนเสียแล้วเล่า”กัวไฮว่จากไปได้ไม่นานอวี้เอ๋อร์ก็พบสถานที่ที่มีร่องรอยกัวไฮว่ที่ถูกโจมตีเมื่อสักครู่ก็ขมวดคิ้ว ต่อมาจากนั้นก็มองวิดีโอเว็บแคมพร้อมพูดกับตนเองว่า“เทพแห่งจิตคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะหาเจ้าเจอหรือไม่”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย”กัวไฮว่จามติดต่อกันสองครั้ง“ไม่มีพลังเวท ไม่เช่นนั้นจะได้ดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ดูว่าผู้ใดคำนึงถึงข้าอยู่ตลอดกัน เกิดสิ่งใดขึ้นจะได้แก้ไขทัน”

        “นักเรียนจ๊ะ วันนี้ห้องเรียนเรามีเพื่อนมาใหม่คนหนึ่ง ทุกคนต้อนรับเพื่อนหน่อย”เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วหลินซวงรู้สึกสับสนในใจนิดหน่อย ชั้นมอสี่มีทั้งหมดหกห้องทำไมนักเรียนใหม่มักจะมาอยู่ที่ห้องของตนด้วย อีกอย่างนักเรียนใหม่คนนี้ก็ค่อนข้างจะสูงทีเดียว

        “สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียนต้าจู้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”ต้าจู้ยืนอยู่หน้าห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น“พวกเธอน่าจะมีคนรู้จักผม เมื่อก่อนผมเป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารคนบ้า”

        “ถึงว่าทำไมคุ้นหน้าจัง ที่แท้ก็เป็นพ่อครัวใหญ่ร้านอาหารคนบ้าจริงๆด้วย”นักเรียนด้านหลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

        “โรงเรียนฟู่จงของเราไม่รับเด็กฝากไม่ใช่เหรอ แค่ไม่กี่วันก็มีนักเรียนใหม่มาสองคนแล้ว อะไรกันเนี่ย”หลิวกังพูดขึ้นเบาๆ

        “นี่เพื่อน ฉันไม่ได้เป็นเด็กฝากนะ ไม่งั้นนายลองทดสอบฉันก็ได้ ฉันไม่ชอบเดินประตูหลัง[1]”จู้จื่อพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

        “ฮ่าๆ ใช่พี่จู้จื่อไม่ชอบเดินประตูหลัง”เฉียนตัวตัวพูดหัวเราะเสียงดังลั่น

        “จู้จื่อจ๊ะเธอไปนั่งแถวด้านหลังดีกว่าเพราะเธอสูงไป แค่ไม่ไปบังคนอื่นเขาก็โอเคแล้ว”เมื่อหลินซวงได้ยินที่เฉียนตัวตัวพูดก็หน้าถอดสี เพื่อที่เด็กนี่จะได้ไม่พูดอะไรบ้าๆอีกจึงรู้สึกว่าควรจัดการเรื่องของเซวียนต้าจู้ให้เรียบร้อย

        “คุณไฮว่ ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วนะ”ตอนที่เซวียนต้าจู้เดินผ่านกัวไฮว่ไปก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “ต่อไปเรียกพี่ไฮว่ก็พอแล้ว ที่นี่โรงเรียนระวังผลกระทบที่ตามมาหน่อย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เข้าใจแล้วครับพี่ไฮว่”เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่เวลาเรียนทำไมต้องจับมืออาซ้อด้วยล่ะ”

        เมื่อเซวียนต้าจู้พูดเสร็จสายตาของคนทั้งห้องก็ตกลงมารวมอยู่ที่กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวยอยากจะดึงมือกลับจากมือของกัวไฮว่ แต่ไม่ว่าออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่อาจดึงกลับได้ และเมื่อเห็นคนทั้งห้องจับจ้องอยู่ที่พวกเขาใบหน้าก็พลันแดงก่ำขึ้นมา

        “พี่ไฮว่พี่ต้องเตรียมตัวให้ดีนะ ไม่งั้นตอนแข่งวิชาการพี่ได้อายแย่เลย”เมื่อเข้าไปในห้องเรียนมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นกับกัวไฮว่ยิ้มๆ

        “วางใจเถอะ เธอไม่เชื่อใจฉันไม่เชื่อในสายตาของตัวเองเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงๆคืนเมื่อวานฉันก็เริ่มศึกษาแล้วล่ะถ้าไม่เชื่อเธอก็ทดสอบฉันได้นะ”

        “ถ้าพี่ตอบผิดแล้วฉันจะลงโทษไม่ให้พี่ไม่เจอหน้าพวกเสี่ยวซีหนึ่งวัน”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ถ้าฉันตอบถูกก่อนคาบแรกของวันนี้ ฉันจะจับมือเธอตลอดเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ยายหนูเจ้าเป็นคนคิดคำถามเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะคิดคำถามที่ตนเองตอบไม่ได้

        ไม่ถึงสามนาทีมู่หรงเวยเวยก็ถามคำถามของการแข่งวิชาการของปีที่แล้วมาสิบข้อ ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบถูกทั้งหมดไม่พลาดแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่เธอคิดจะถามต่อนั่นเองคุณครูหลินก็เข้าห้องมา จากนั้นกัวไฮว่ก็กุมมือขวาของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “มองอะไรกัน จะคอยดูว่าพวกเธอจะทำอะไรได้ เวยเวยไม่สบายฉันช่วยเวยเวยจับชีพจรเพื่อรักษาไข้อยู่พวกเธอเข้าใจไหม”กัวไฮว่มองนักเรียนที่อยู่รอบด้านแล้วตวาดเสียงดังลั่น

        “กัวไฮว่ถ้าเธอจับชีพจรเสร็จแล้วก็วางมือลงเดี๋ยวจะเข้าคาบแล้ว”หลินซวงมองท่าทีที่แสนจะกวนของกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเสียงดัง“เวยเวย กัวไฮว่พูดจริงไหม ถ้าเขารังแกเธอ เธอบอกครูได้นะครูจะเข้าข้างเธอเอง”

        “ครูหลินคะหนูไม่สบายจริงๆค่ะ แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ

        “คุณพระเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เด็กดีอย่างมู่หรงเวยเวยทำไมถึงมาพัวพันกับเด็กบ้านี่ได้ล่ะ ถังซี โหยวโยวโยว แล้วยังจะซูเยี่ยอีก หมอนี่มีแฟนตั้งสามคนแล้ว ยายเด็กนี่เป็นอะไรไปน่ะ”หลินซวงคิดอย่างจนใจ

        “พวกเธอได้ยินกันรึเปล่าหมอนั่นที่ชอบเสนอหน้าในในประมูลน่ะวันนี้สอยมู่หรงเวยเวยได้แล้วนะ พวกเขาจับมือกันในคาบเรียนล่ะ”คนที่ผ่านมาคนแรกพูดขึ้น

        “ให้ตายมองแค่แวบเดียวแกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรจริงๆ คนคนนั้นน่ะชื่อกัวไฮว่ เขาไม่ได้แค่จับมือแต่ว่าเขาจูบมู่หรงเวยเวยในคาบแล้วถูกหัวหน้าเซวียนเห็นเข้า”คนที่ผ่านมาคนที่สองพูดขึ้นเสียงดัง

        “อะไรกันมู่หรงเวยเวยชื่นชอบพี่ไฮว่มานานแล้วเลยจูบพี่ไฮว่จองไว้ก่อนไง”คนที่ผ่านมาคนที่สามพูดขึ้นเสียงดัง

        “พวกนายอนู่ในสถานการณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ก็หุบปากไป ฉันจะบอกความจริงให้ดีไหม”เด็กหนุ่มทำเอาทุกคนมามุงอยู่ด้วยกัน“มู่หรงเวยเวยท้องลูกพี่ไฮว่ ตอนนี้สถานการณ์วังหลังโกลาหล ถังซีโหยว โยวโยวแล้วก็ซูเยี่ยน่ะ เตรียมจะเอาใจมู่หรงเวยเวยก่อนเรียน กัวไฮว่ได้มอบพลังเซียนให้แก่มู่หรงเวยเวยเพื่อรักษาครรภ์น่ะ”

        “ให้ตายความคิดนายเว่อร์วังขนาดนี้ทำไมนายไม่ไปเขียนนิยายล่ะ ถ้านายเขียนนิยายนะไอ้น้องแกได้ดังระเบิดระเบ้อแบบที่จิ่วจื่อต้าชู[2]ดังช่วงนี้แล้ว”กลุ่มผู้คนพูดขึ้นเสียงดัง

        “โยวโยวได้ยินแล้วใช่ไหมสถานการณ์วังหลังพวกเธอเริ่มโกลาหลตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ พวกเราอยากไปดูความวุ่นวายจัง”ขณะที่กลุ่มคนคุยกันอยู่นั่นเองโหยวโยวโยวก็เดินผ่านมาพอดีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นขำๆกับโหยวโยวโยว

        “ตาบ้านี่น่าโมโหชะมัดเมื่อกี้ซูเยี่ยบอกว่าเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับสองคนนั้นถ่ายรูปมู่หรงเวยเวยกุมมือตาบ้านั่นอยู่ พวกเขากล้าทำขนาดนี้กันเลยเหรอ”โหยวโยวโยวพูดด้วยความโมโห

        “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!”พูดเสร็จโทรศัพท์ของมู่หรงเวยเวยก็ดังขึ้นมากัวไฮว่พามู่หรงเวยเวยเดินตรงไปยังโรงอาหารแล้วก็เตรียมจะโทรเรียกสาวๆคนอื่น แต่ไม่คาดคิดว่าโหยวโยวโยวกำลังโกรธขึ้นสมองอยู่

        
 

        [1]เดินประตูหลัง(走后门)เป็นสำนวนภาษาจีนแปลว่าติดสินบน

        [2]นามปากกาของผู้แต่งนิยายเรื่องนี้

         

 

                                                                 ————————

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 39 มอบพลังเซียนรักษาครรภ์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เวยเวยกลับโรงเรียนแล้วใช่ไหม ฉันจัดเรื่องทางนี้เรียบร้อยแล้วเลยโทรมารายงานให้เธอสบายใจน่ะ แหะๆ”เมื่อกัวไฮว่จัดการเรื่องที่อยู่ตรงหน้าเสร็จก็รีบโทรหาเวยเวยทันที

        “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ฉันถึงโรงเรียนแล้วล่ะพี่ไม่มีอะไรแล้วก็รีบกลับเถอะ พรุ่งนี้ต้องเข้าเรียนนะ ช่วงนี้ฉันจะช่วยติวให้พี่เอง ไม่งั้นเดี๋ยวถึงการคัดเลือกแข่งวิชาการจะขายหน้าเอา”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆ

        “พี่เวยเวย หมอนั่นโทรหาพี่เหรอ”หนานกงหลิงเฮยพูดด้วยเสียงเบา“ตาเจ้าเล่ห์ นายระวังตัวไว้เถอะ ถึงก่อนหน้านั้นฉันจะไม่ชอบตาข่งเสวียนนั่นแต่ก็ยังไม่ชอบตาเจ้าเล่ห์นี่มากกว่าพี่ดูสิ พี่ดูสิ ฉันยังเช็ดผมบนหัวฉันไม่สะอาดเลยโมโหชะมัด”

         

        “การคัดเลือกแข่งวิชาการคงมีหลายคนเตรียมจะหัวเราะเยาะข้า”กัวไฮว่พูดเสร็จก็เรียกรถกลับไปยังโรงเรียน

        “เมื่อกี้มีพลังเวทสะท้านอยู่ตรงนี้นี่ เป็นเทพแห่งจิตแน่ หายไปไหนเสียแล้วเล่า”กัวไฮว่จากไปได้ไม่นานอวี้เอ๋อร์ก็พบสถานที่ที่มีร่องรอยกัวไฮว่ที่ถูกโจมตีเมื่อสักครู่ก็ขมวดคิ้ว ต่อมาจากนั้นก็มองวิดีโอเว็บแคมพร้อมพูดกับตนเองว่า“เทพแห่งจิตคอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะหาเจ้าเจอหรือไม่”

        “ฮัดเช้ย ฮัดเช้ย”กัวไฮว่จามติดต่อกันสองครั้ง“ไม่มีพลังเวท ไม่เช่นนั้นจะได้ดูเสียหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ดูว่าผู้ใดคำนึงถึงข้าอยู่ตลอดกัน เกิดสิ่งใดขึ้นจะได้แก้ไขทัน”

        “นักเรียนจ๊ะ วันนี้ห้องเรียนเรามีเพื่อนมาใหม่คนหนึ่ง ทุกคนต้อนรับเพื่อนหน่อย”เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้วหลินซวงรู้สึกสับสนในใจนิดหน่อย ชั้นมอสี่มีทั้งหมดหกห้องทำไมนักเรียนใหม่มักจะมาอยู่ที่ห้องของตนด้วย อีกอย่างนักเรียนใหม่คนนี้ก็ค่อนข้างจะสูงทีเดียว

        “สวัสดีครับ ผมชื่อเซวียนต้าจู้ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะ”ต้าจู้ยืนอยู่หน้าห้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น“พวกเธอน่าจะมีคนรู้จักผม เมื่อก่อนผมเป็นพ่อครัวอยู่ที่ร้านอาหารคนบ้า”

        “ถึงว่าทำไมคุ้นหน้าจัง ที่แท้ก็เป็นพ่อครัวใหญ่ร้านอาหารคนบ้าจริงๆด้วย”นักเรียนด้านหลังเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา

        “โรงเรียนฟู่จงของเราไม่รับเด็กฝากไม่ใช่เหรอ แค่ไม่กี่วันก็มีนักเรียนใหม่มาสองคนแล้ว อะไรกันเนี่ย”หลิวกังพูดขึ้นเบาๆ

        “นี่เพื่อน ฉันไม่ได้เป็นเด็กฝากนะ ไม่งั้นนายลองทดสอบฉันก็ได้ ฉันไม่ชอบเดินประตูหลัง[1]”จู้จื่อพูดด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

        “ฮ่าๆ ใช่พี่จู้จื่อไม่ชอบเดินประตูหลัง”เฉียนตัวตัวพูดหัวเราะเสียงดังลั่น

        “จู้จื่อจ๊ะเธอไปนั่งแถวด้านหลังดีกว่าเพราะเธอสูงไป แค่ไม่ไปบังคนอื่นเขาก็โอเคแล้ว”เมื่อหลินซวงได้ยินที่เฉียนตัวตัวพูดก็หน้าถอดสี เพื่อที่เด็กนี่จะได้ไม่พูดอะไรบ้าๆอีกจึงรู้สึกว่าควรจัดการเรื่องของเซวียนต้าจู้ให้เรียบร้อย

        “คุณไฮว่ ต่อไปเราก็เป็นเพื่อนร่วมห้องแล้วนะ”ตอนที่เซวียนต้าจู้เดินผ่านกัวไฮว่ไปก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “ต่อไปเรียกพี่ไฮว่ก็พอแล้ว ที่นี่โรงเรียนระวังผลกระทบที่ตามมาหน่อย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เข้าใจแล้วครับพี่ไฮว่”เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ“พี่ไฮว่เวลาเรียนทำไมต้องจับมืออาซ้อด้วยล่ะ”

        เมื่อเซวียนต้าจู้พูดเสร็จสายตาของคนทั้งห้องก็ตกลงมารวมอยู่ที่กัวไฮว่กับมู่หรงเวยเวย มู่หรงเวยเวยอยากจะดึงมือกลับจากมือของกัวไฮว่ แต่ไม่ว่าออกแรงเท่าไหร่ก็ไม่อาจดึงกลับได้ และเมื่อเห็นคนทั้งห้องจับจ้องอยู่ที่พวกเขาใบหน้าก็พลันแดงก่ำขึ้นมา

        “พี่ไฮว่พี่ต้องเตรียมตัวให้ดีนะ ไม่งั้นตอนแข่งวิชาการพี่ได้อายแย่เลย”เมื่อเข้าไปในห้องเรียนมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นกับกัวไฮว่ยิ้มๆ

        “วางใจเถอะ เธอไม่เชื่อใจฉันไม่เชื่อในสายตาของตัวเองเหรอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“จริงๆคืนเมื่อวานฉันก็เริ่มศึกษาแล้วล่ะถ้าไม่เชื่อเธอก็ทดสอบฉันได้นะ”

        “ถ้าพี่ตอบผิดแล้วฉันจะลงโทษไม่ให้พี่ไม่เจอหน้าพวกเสี่ยวซีหนึ่งวัน”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆใบหน้าพลันแดงระเรื่อขึ้นมา

        “ถ้าฉันตอบถูกก่อนคาบแรกของวันนี้ ฉันจะจับมือเธอตลอดเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ยายหนูเจ้าเป็นคนคิดคำถามเถอะ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าจะคิดคำถามที่ตนเองตอบไม่ได้

        ไม่ถึงสามนาทีมู่หรงเวยเวยก็ถามคำถามของการแข่งวิชาการของปีที่แล้วมาสิบข้อ ไม่คิดว่ากัวไฮว่จะตอบถูกทั้งหมดไม่พลาดแม้แต่นิดเดียว ในขณะที่เธอคิดจะถามต่อนั่นเองคุณครูหลินก็เข้าห้องมา จากนั้นกัวไฮว่ก็กุมมือขวาของเธอด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

        “มองอะไรกัน จะคอยดูว่าพวกเธอจะทำอะไรได้ เวยเวยไม่สบายฉันช่วยเวยเวยจับชีพจรเพื่อรักษาไข้อยู่พวกเธอเข้าใจไหม”กัวไฮว่มองนักเรียนที่อยู่รอบด้านแล้วตวาดเสียงดังลั่น

        “กัวไฮว่ถ้าเธอจับชีพจรเสร็จแล้วก็วางมือลงเดี๋ยวจะเข้าคาบแล้ว”หลินซวงมองท่าทีที่แสนจะกวนของกัวไฮว่แล้วพูดขึ้นเสียงดัง“เวยเวย กัวไฮว่พูดจริงไหม ถ้าเขารังแกเธอ เธอบอกครูได้นะครูจะเข้าข้างเธอเอง”

        “ครูหลินคะหนูไม่สบายจริงๆค่ะ แต่ว่าตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว”มู่หรงเวยเวยพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ

        “คุณพระเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เด็กดีอย่างมู่หรงเวยเวยทำไมถึงมาพัวพันกับเด็กบ้านี่ได้ล่ะ ถังซี โหยวโยวโยว แล้วยังจะซูเยี่ยอีก หมอนี่มีแฟนตั้งสามคนแล้ว ยายเด็กนี่เป็นอะไรไปน่ะ”หลินซวงคิดอย่างจนใจ

        “พวกเธอได้ยินกันรึเปล่าหมอนั่นที่ชอบเสนอหน้าในในประมูลน่ะวันนี้สอยมู่หรงเวยเวยได้แล้วนะ พวกเขาจับมือกันในคาบเรียนล่ะ”คนที่ผ่านมาคนแรกพูดขึ้น

        “ให้ตายมองแค่แวบเดียวแกไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรจริงๆ คนคนนั้นน่ะชื่อกัวไฮว่ เขาไม่ได้แค่จับมือแต่ว่าเขาจูบมู่หรงเวยเวยในคาบแล้วถูกหัวหน้าเซวียนเห็นเข้า”คนที่ผ่านมาคนที่สองพูดขึ้นเสียงดัง

        “อะไรกันมู่หรงเวยเวยชื่นชอบพี่ไฮว่มานานแล้วเลยจูบพี่ไฮว่จองไว้ก่อนไง”คนที่ผ่านมาคนที่สามพูดขึ้นเสียงดัง

        “พวกนายอนู่ในสถานการณ์จริงหรือเปล่า ถ้าไม่ได้อยู่ก็หุบปากไป ฉันจะบอกความจริงให้ดีไหม”เด็กหนุ่มทำเอาทุกคนมามุงอยู่ด้วยกัน“มู่หรงเวยเวยท้องลูกพี่ไฮว่ ตอนนี้สถานการณ์วังหลังโกลาหล ถังซีโหยว โยวโยวแล้วก็ซูเยี่ยน่ะ เตรียมจะเอาใจมู่หรงเวยเวยก่อนเรียน กัวไฮว่ได้มอบพลังเซียนให้แก่มู่หรงเวยเวยเพื่อรักษาครรภ์น่ะ”

        “ให้ตายความคิดนายเว่อร์วังขนาดนี้ทำไมนายไม่ไปเขียนนิยายล่ะ ถ้านายเขียนนิยายนะไอ้น้องแกได้ดังระเบิดระเบ้อแบบที่จิ่วจื่อต้าชู[2]ดังช่วงนี้แล้ว”กลุ่มผู้คนพูดขึ้นเสียงดัง

        “โยวโยวได้ยินแล้วใช่ไหมสถานการณ์วังหลังพวกเธอเริ่มโกลาหลตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ พวกเราอยากไปดูความวุ่นวายจัง”ขณะที่กลุ่มคนคุยกันอยู่นั่นเองโหยวโยวโยวก็เดินผ่านมาพอดีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก็พูดขึ้นขำๆกับโหยวโยวโยว

        “ตาบ้านี่น่าโมโหชะมัดเมื่อกี้ซูเยี่ยบอกว่าเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับสองคนนั้นถ่ายรูปมู่หรงเวยเวยกุมมือตาบ้านั่นอยู่ พวกเขากล้าทำขนาดนี้กันเลยเหรอ”โหยวโยวโยวพูดด้วยความโมโห

        “กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง!”พูดเสร็จโทรศัพท์ของมู่หรงเวยเวยก็ดังขึ้นมากัวไฮว่พามู่หรงเวยเวยเดินตรงไปยังโรงอาหารแล้วก็เตรียมจะโทรเรียกสาวๆคนอื่น แต่ไม่คาดคิดว่าโหยวโยวโยวกำลังโกรธขึ้นสมองอยู่

        
 

        [1]เดินประตูหลัง(走后门)เป็นสำนวนภาษาจีนแปลว่าติดสินบน

        [2]นามปากกาของผู้แต่งนิยายเรื่องนี้

         

 

                                                                 ————————

                               อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                              https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+