[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 75 สงครามสัตว์ประหลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 75 สงครามสัตว์ประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ นายให้พวกเขาสละสิทธิ์เหรอ มั่นหน้า กล้าหาญ ฉันชอบ ฮ่าๆ” ซย่าโหวเทียนค่อยลุกขึ้นมาแล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ช่วงความฝันงั้นเหรอ สุดยอดไปเลย ถ้าไม่ให้พวกเขาสละสิทธิ์ นายก็คงหาวิธีทำให้เขาสละสิทธิ์ใช่ไหมล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตา ตอนที่เข้ามาในสนามแข่งแล้วบังเอิญพบซย่าโหวเทียนนั้น กัวไฮว่ก็ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเขาแล้วก็ตกใจจนเหงื่อไหล เด็กหนุ่มคนนี้ดันสามารถควบคุมช่วงความฝันได้ นี่มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่มารฝันทำให้ท่านเทพ[1]เสียเปรียบในตอนนั้นหรอกหรือ

        “นายรู้พลังวิเศษของฉันได้ นายเป็นใครกันแน่” ซย่าโหวเทียนมองไปรอบด้าน คนรอบๆ กลับไม่ได้ยินในสิ่งที่กัวไฮว่พูดจึงตระหนกขึ้นมา เขาหรี่ดวงตามองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ฉันก็เป็นนักเรียนฟู่จงน่ะสิ ทำไม อยากควบคุมช่วงความฝันฉันเหรอ ลองดูได้ ฉันก็อยากจะรู้นักว่าพลังวิเศษของนายจะดีสักแค่ไหนเชียว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นี่การแข่งวิชาการ จะชนะนายไม่ต้องใช้พลังวิเศษหรอก ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพลังวิเศษนายคืออะไร แต่นายกล้ามาสู้กับฉันอย่างยุติธรรมสักตาหนึ่งไหมล่ะ”

        “แข่งอย่างยุติธรรมแน่นอนว่าไม่ได้ แต่ถ้านายจะใช้พลังวิเศษ ฉันก็จะไม่ห้ามนาย” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนก็สัมผัสได้ถึงไอความเย็นเยียบ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อตนเอง

        “ซย่าโหวเทียน เธอเองก็อยากดื่มน้ำสักแก้วไหม ถ้าไม่อยาก ตอนนี้เริ่มการแข่งขันของพวกเธอได้แล้วหรือยัง” หานเฟยเฟยมองซย่าโหวเทียนก่อนจะถามขึ้นยิ้มๆ

        “เริ่มเลยเถอะครับ กัวไฮว่ นายถามได้เลย” ซย่าโหวเทียนเบิกตาถามกัวไฮว่เสียงดัง เขารู้ว่าเมื่อกี้กัวไฮว่ต้องทำอะไรพิสดารๆ อย่างแน่นอน

        “จงบอกชื่อพร้อมที่ตั้งของหอสมุดหลวงสี่แห่งของเมืองจีน”

        “หอสมุดเหวินยวนเก๋อที่ปักกิ่ง หอสมุดเหวินซั่วเก๋อที่เสิ่นหยาง หอสมุดเหวินจินเก๋อที่เฉิงเต๋อ หอสมุดเหวินหลานเก๋อที่หังโจว”

        “เจ็ดสัตบุรุษแห่งป่าหลินจู๋มีใครบ้าง”

        “จีคัง หร่วนจี๋ ซานเทา เซี่ยงซิ่ว หร่วนเสียน หวังหรง หลิวหลิง”

        “ในความเรียงแปดขา แปดขาหมายถึงอะไรบ้าง”

        “คำนำ บทนำ เปิดเรื่อง เริ่มเรื่อง บทกลาง บทท้าย บทสรุป”

        “แปดประหลาดแห่งหยางโจวหมายถึงใครบ้าง”

        “หวังซื่อเซิ่น หลี่ซ่าน จินหนง หวงเซิ่น เกาเสียง เจิ่งเซี่ย หลัวพิ่น”

        “สิบละครโศกนาฏกรรมคลาสสิกของจีนมีเรื่องไหนบ้าง”

        “เรื่องความแค้นของโต้วเอ๋อ เรื่องเด็กกำพร้าแห่งตระกูลเจ้า เรื่องธงแห่งความภักดี เรื่องชิงจงผู่ เรื่องดอกท้อโบกไสว เรื่องสารทฤดูในวังฮั่น เรื่องบันทึกผีผา เรื่องบันทึกชมพูนวล เรื่องตำหนักอายุยืน เรื่องเจดีย์เหลยเฟิง”

        “ในเมื่อนายถามละครโศกนาฏกรรม งั้นฉันขอถามซย่าโหวเทียนว่า สิบละครตลกคลาสสิกมีเรื่องอะไรบ้าง”

        “เรื่องช่วยลมฝุ่น บันทึกปิ่นหยก เรื่องบันทึกหอตะวันตก เรื่องสาวรวยแสนตระหนี่ เรื่องรักกันดูดดื่ม เรื่องหลี่ขุยรับผิด เรื่องบันทึกโยวเก๋อ เรื่องหมาป่าแห่งจงซาน เรื่องความผิดพลาดของว่าว”

        “กัวไฮว่บอกมาหน่อยว่าสิบสองกฎมีใครบ้าง”

        “หวงจง ต้าหลี่ว์ ไท่ชู่ จย๋าจง กูสี่ จ้งหลี่ว์ หรุยปิน หลินจง อี๋เจ๋อ หนานหลี่ว์ อู๋อี้ อิงจง”

        “ซย่าโหวเทียน กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึงอะไรบ้าง” กัวไฮว่พูดเล่นสำนวน

        “กัวไฮว่ นาย…” ซย่าโหวเทียนถลึงตามองกัวไฮว่ จากนั้นก็สูดสมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ “กัวไฮว่ กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึง ก่อความไม่สงบ ปลุกปั่น ก่อกบฏ ขัดคำสั่งศาล เสื่อมศีลธรรม หยามศาสนา อกตัญญู กระทำสามัคคีเภท ฉ้อราษฎร์บังหลวง ร่วมประเวณีกับญาติ”

        ทั้งสองคน คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ ราวกับว่าทั้งหอประชุมมีเพียงพวกเขาแค่สองคน พวกเขาสองคนเหมือนกับทหารที่ไม่ยอมถอยให้กัน กรรมการล่างเวทีต่างก็ขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาตรวจคำตอบของทั้งสองอย่างสุดความสามารถ ถึงขั้นที่ว่ามีคนหนึ่งในพวกเขาหวังว่าให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งรีบตอบผิดสักข้อ สงครามถามไปถามมาครั้งนี้จะได้สิ้นสุดเร็วๆ เสียที

        “กัวไฮว่ ซย่าโหวเทียน พวกเธออยากพักหน่อยไหม” ตอนที่ทั้งสองคนผลัดกันตอบคำถามถูกไปแล้วราวสามร้อยแปดสิบข้อ หานเฟยเฟยก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่ต้องครับ” กัวไฮว่กับซย่าโหวเทียนตอบพร้อมกัน แล้วทั้งสองคนก็ถามตอบกันต่อ

        “กี่คำถามแล้วเหรอ” ล่างเวทีมีคนถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่รู้ รวมแล้วทั้งสองคนน่าจะเกินพันแล้ว” คนที่อยู่ข้างๆ ตอบกลับเบาๆ

        “ไม่มีถามซ้ำเหรอ” ชายชราผู้หนึ่งถามขึ้น

        “ไม่น่าจะมีครับ เมื่อกี้กรรมการได้เชื่อมต่อวิดีโอที่แข่งเข้ากับเอไอของสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงไว้แล้ว ถ้ามีคำถามซ้ำ เอไอจะส่งข้อมูลกลับมายังที่แข่งครับ” ชายวัยกลางคนใส่ชุดสูททั้งตัวที่นั่งอยู่แถวหน้าพูดขึ้นเบาๆ

        “กัวไฮว่ เกมภาษาแบบนี้ไม่เห็นจะสนุกเลย ไม่งั้นฉันคิดโจทย์บนบอร์ดให้นายแก้ดีไหม” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “นายคิดว่าไงฉันก็จะทำตามนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คือ…พวกเธอรอเดี๋ยวก่อนนะ” ในขณะที่กระดานคำถามของซย่าโหวเทียนสว่างขึ้นมา ชายชราผมหงอกผู้หนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นมาพูด

        “เหล่าหลู่ ไม่ทราบว่าคำถามนี่มีปัญหาอะไรเหรอ” เหอเถี่ยจุ่ยรีบก้าวไปยังด้านหน้าของชายชรา แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอู่เฉิง บัณฑิตสำนักหัวซย่า สุดยอดด้านคณิตศาสตร์แห่งหัวซย่า คุณหลู่หย่งเซิน

        “พ่อหนุ่ม เธอเขียนโจทย์นี้บนกระดาน นายเองทำข้อนี้ได้หรือเปล่าล่ะ” หลู่หย่งเซินมองซย่าโหวเทียนแล้วถามยิ้มๆ

        “เหล่า หลู่ เมื่อเดือนก่อนคำถามนี้มีรุ่นพี่แก้ได้แล้ว สถาบันสิบสองราศีเมนซาได้คอนเฟิร์มแล้วว่าคำตอบของข้อนี้ถูกต้อง” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่มองโจทย์เลขบนกระดานแวบหนึ่ง มุมปากยิ้มน้อยๆ คิดว่าคำถามยากอะไร แค่นี้เองเหรอ อันที่จริงตอนที่ซย่าโหวเทียนยกกระดานขึ้นมานั้น ทุกคนรวมถึงเหล่ากรรมการต่างก็ตกใจจนเหงื่อตก ยาก ยากเกินไป คำถามนี้ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทางแก้ได้

        “เหล่าหลี่ เช็ดเหงื่อหน่อย โจทย์เลขเองไม่ใช่เหรอ นายต้องเชื่อมั่นในนักเรียนนายสิ เช็ดเหงื่อนะเช็ดเหงื่อ” เฉาสิงหลงยื่นกระดาษทิชชู่ให้หลี่สวินอวี้แผ่นหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ขณะนั้นเองเหล่าผอ.สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น

        “พ่อหนุ่ม แข่งเสร็จถ้านายมีเวลานายมาหาฉันที่มหาวิทยาลัยอู่เฉิงได้นะ” พูดเสร็จ หลู่หย่งเซินก็ยิ้มพลางนั่งบนที่นั่ง

        “กัวไฮว่ จากการตัดสินของกรรมการแล้ว ข้อนี้สามารถให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงได้ ตอนนี้เธอสามารถคิดคำถามให้แก่ซย่าโหวเทียนได้เช่นกัน ถ้าพวกเธอไม่สามารถตอบคำถามของอีกฝ่ายได้หรือตอบถูกกันทั้งหมด เช่นนั้นการทดสอบในรอบแรกจะถือว่าเสมอกัน ถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งตอบถูก ฝ่ายที่ตอบถูกก็จะถือว่าชนะไป แล้วพวกเราก็จะเริ่มแข่งถามไวตอบไวหนึ่งร้อยข้อกันได้เลยค่ะ” หานเฟยเฟยมองทั้งสองคนพลางพูดยิ้มๆ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนคิดโจทย์เลขให้ฉัน งั้นนายก็ช่วยฉันแก้โจทย์ข้อนี้หน่อยสิ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็ไปเขียนบนกระดานโดยไว

        “พ่อหนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่าข้อนี้นายมีคำตอบน่ะ” หลู่หย่าเซินลุกขึ้นมาอีกรอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

        “คิดคำถามได้ก็ต้องตอบได้สิ ซย่าโหวเทียน คำถามฉันไม่เลวเลยใช่ไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นายตอบคำถามฉันไม่ได้ ฉันก็ตอบคำถามนายไม่ได้ งั้นก็เสมอกัน” ซย่าโหวเทียนเห็นคำถามที่กัวไฮว่คิด ให้เวลาเขาหน่อยก็อาจจะพอจะคิดวิธีได้ แต่จะให้เอาเวลาหนึ่งชั่วโมงมาตอบคำถามแบบนี้ ฝันไปเถอะ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนไม่ตอบคำถามของฉัน งั้น…” กัวไฮว่ยังไม่ทันพูดจบ กรรมการต่างก็พยักหน้ากันเกรียวกราว การแข่งขันของปีศาจทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

        “ขอฉันตอบคำถามที่นายคิดให้ทุกคนหน่อยล่ะนะ”

         

[1] ตามตำนานไซอิ๋ว มีตอนหนึ่งที่หงไห่เอ๋อร์ (เด็กแดง) ฝันแล้วถูกมารฝันจับตัวไว้ จากนั้นซุนหงอคงก็ตามไปช่วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 75 สงครามสัตว์ประหลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 75 สงครามสัตว์ประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ นายให้พวกเขาสละสิทธิ์เหรอ มั่นหน้า กล้าหาญ ฉันชอบ ฮ่าๆ” ซย่าโหวเทียนค่อยลุกขึ้นมาแล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ช่วงความฝันงั้นเหรอ สุดยอดไปเลย ถ้าไม่ให้พวกเขาสละสิทธิ์ นายก็คงหาวิธีทำให้เขาสละสิทธิ์ใช่ไหมล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตา ตอนที่เข้ามาในสนามแข่งแล้วบังเอิญพบซย่าโหวเทียนนั้น กัวไฮว่ก็ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเขาแล้วก็ตกใจจนเหงื่อไหล เด็กหนุ่มคนนี้ดันสามารถควบคุมช่วงความฝันได้ นี่มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่มารฝันทำให้ท่านเทพ[1]เสียเปรียบในตอนนั้นหรอกหรือ

        “นายรู้พลังวิเศษของฉันได้ นายเป็นใครกันแน่” ซย่าโหวเทียนมองไปรอบด้าน คนรอบๆ กลับไม่ได้ยินในสิ่งที่กัวไฮว่พูดจึงตระหนกขึ้นมา เขาหรี่ดวงตามองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ฉันก็เป็นนักเรียนฟู่จงน่ะสิ ทำไม อยากควบคุมช่วงความฝันฉันเหรอ ลองดูได้ ฉันก็อยากจะรู้นักว่าพลังวิเศษของนายจะดีสักแค่ไหนเชียว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นี่การแข่งวิชาการ จะชนะนายไม่ต้องใช้พลังวิเศษหรอก ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพลังวิเศษนายคืออะไร แต่นายกล้ามาสู้กับฉันอย่างยุติธรรมสักตาหนึ่งไหมล่ะ”

        “แข่งอย่างยุติธรรมแน่นอนว่าไม่ได้ แต่ถ้านายจะใช้พลังวิเศษ ฉันก็จะไม่ห้ามนาย” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนก็สัมผัสได้ถึงไอความเย็นเยียบ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อตนเอง

        “ซย่าโหวเทียน เธอเองก็อยากดื่มน้ำสักแก้วไหม ถ้าไม่อยาก ตอนนี้เริ่มการแข่งขันของพวกเธอได้แล้วหรือยัง” หานเฟยเฟยมองซย่าโหวเทียนก่อนจะถามขึ้นยิ้มๆ

        “เริ่มเลยเถอะครับ กัวไฮว่ นายถามได้เลย” ซย่าโหวเทียนเบิกตาถามกัวไฮว่เสียงดัง เขารู้ว่าเมื่อกี้กัวไฮว่ต้องทำอะไรพิสดารๆ อย่างแน่นอน

        “จงบอกชื่อพร้อมที่ตั้งของหอสมุดหลวงสี่แห่งของเมืองจีน”

        “หอสมุดเหวินยวนเก๋อที่ปักกิ่ง หอสมุดเหวินซั่วเก๋อที่เสิ่นหยาง หอสมุดเหวินจินเก๋อที่เฉิงเต๋อ หอสมุดเหวินหลานเก๋อที่หังโจว”

        “เจ็ดสัตบุรุษแห่งป่าหลินจู๋มีใครบ้าง”

        “จีคัง หร่วนจี๋ ซานเทา เซี่ยงซิ่ว หร่วนเสียน หวังหรง หลิวหลิง”

        “ในความเรียงแปดขา แปดขาหมายถึงอะไรบ้าง”

        “คำนำ บทนำ เปิดเรื่อง เริ่มเรื่อง บทกลาง บทท้าย บทสรุป”

        “แปดประหลาดแห่งหยางโจวหมายถึงใครบ้าง”

        “หวังซื่อเซิ่น หลี่ซ่าน จินหนง หวงเซิ่น เกาเสียง เจิ่งเซี่ย หลัวพิ่น”

        “สิบละครโศกนาฏกรรมคลาสสิกของจีนมีเรื่องไหนบ้าง”

        “เรื่องความแค้นของโต้วเอ๋อ เรื่องเด็กกำพร้าแห่งตระกูลเจ้า เรื่องธงแห่งความภักดี เรื่องชิงจงผู่ เรื่องดอกท้อโบกไสว เรื่องสารทฤดูในวังฮั่น เรื่องบันทึกผีผา เรื่องบันทึกชมพูนวล เรื่องตำหนักอายุยืน เรื่องเจดีย์เหลยเฟิง”

        “ในเมื่อนายถามละครโศกนาฏกรรม งั้นฉันขอถามซย่าโหวเทียนว่า สิบละครตลกคลาสสิกมีเรื่องอะไรบ้าง”

        “เรื่องช่วยลมฝุ่น บันทึกปิ่นหยก เรื่องบันทึกหอตะวันตก เรื่องสาวรวยแสนตระหนี่ เรื่องรักกันดูดดื่ม เรื่องหลี่ขุยรับผิด เรื่องบันทึกโยวเก๋อ เรื่องหมาป่าแห่งจงซาน เรื่องความผิดพลาดของว่าว”

        “กัวไฮว่บอกมาหน่อยว่าสิบสองกฎมีใครบ้าง”

        “หวงจง ต้าหลี่ว์ ไท่ชู่ จย๋าจง กูสี่ จ้งหลี่ว์ หรุยปิน หลินจง อี๋เจ๋อ หนานหลี่ว์ อู๋อี้ อิงจง”

        “ซย่าโหวเทียน กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึงอะไรบ้าง” กัวไฮว่พูดเล่นสำนวน

        “กัวไฮว่ นาย…” ซย่าโหวเทียนถลึงตามองกัวไฮว่ จากนั้นก็สูดสมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ “กัวไฮว่ กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึง ก่อความไม่สงบ ปลุกปั่น ก่อกบฏ ขัดคำสั่งศาล เสื่อมศีลธรรม หยามศาสนา อกตัญญู กระทำสามัคคีเภท ฉ้อราษฎร์บังหลวง ร่วมประเวณีกับญาติ”

        ทั้งสองคน คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ ราวกับว่าทั้งหอประชุมมีเพียงพวกเขาแค่สองคน พวกเขาสองคนเหมือนกับทหารที่ไม่ยอมถอยให้กัน กรรมการล่างเวทีต่างก็ขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาตรวจคำตอบของทั้งสองอย่างสุดความสามารถ ถึงขั้นที่ว่ามีคนหนึ่งในพวกเขาหวังว่าให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งรีบตอบผิดสักข้อ สงครามถามไปถามมาครั้งนี้จะได้สิ้นสุดเร็วๆ เสียที

        “กัวไฮว่ ซย่าโหวเทียน พวกเธออยากพักหน่อยไหม” ตอนที่ทั้งสองคนผลัดกันตอบคำถามถูกไปแล้วราวสามร้อยแปดสิบข้อ หานเฟยเฟยก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่ต้องครับ” กัวไฮว่กับซย่าโหวเทียนตอบพร้อมกัน แล้วทั้งสองคนก็ถามตอบกันต่อ

        “กี่คำถามแล้วเหรอ” ล่างเวทีมีคนถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่รู้ รวมแล้วทั้งสองคนน่าจะเกินพันแล้ว” คนที่อยู่ข้างๆ ตอบกลับเบาๆ

        “ไม่มีถามซ้ำเหรอ” ชายชราผู้หนึ่งถามขึ้น

        “ไม่น่าจะมีครับ เมื่อกี้กรรมการได้เชื่อมต่อวิดีโอที่แข่งเข้ากับเอไอของสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงไว้แล้ว ถ้ามีคำถามซ้ำ เอไอจะส่งข้อมูลกลับมายังที่แข่งครับ” ชายวัยกลางคนใส่ชุดสูททั้งตัวที่นั่งอยู่แถวหน้าพูดขึ้นเบาๆ

        “กัวไฮว่ เกมภาษาแบบนี้ไม่เห็นจะสนุกเลย ไม่งั้นฉันคิดโจทย์บนบอร์ดให้นายแก้ดีไหม” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “นายคิดว่าไงฉันก็จะทำตามนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คือ…พวกเธอรอเดี๋ยวก่อนนะ” ในขณะที่กระดานคำถามของซย่าโหวเทียนสว่างขึ้นมา ชายชราผมหงอกผู้หนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นมาพูด

        “เหล่าหลู่ ไม่ทราบว่าคำถามนี่มีปัญหาอะไรเหรอ” เหอเถี่ยจุ่ยรีบก้าวไปยังด้านหน้าของชายชรา แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอู่เฉิง บัณฑิตสำนักหัวซย่า สุดยอดด้านคณิตศาสตร์แห่งหัวซย่า คุณหลู่หย่งเซิน

        “พ่อหนุ่ม เธอเขียนโจทย์นี้บนกระดาน นายเองทำข้อนี้ได้หรือเปล่าล่ะ” หลู่หย่งเซินมองซย่าโหวเทียนแล้วถามยิ้มๆ

        “เหล่า หลู่ เมื่อเดือนก่อนคำถามนี้มีรุ่นพี่แก้ได้แล้ว สถาบันสิบสองราศีเมนซาได้คอนเฟิร์มแล้วว่าคำตอบของข้อนี้ถูกต้อง” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่มองโจทย์เลขบนกระดานแวบหนึ่ง มุมปากยิ้มน้อยๆ คิดว่าคำถามยากอะไร แค่นี้เองเหรอ อันที่จริงตอนที่ซย่าโหวเทียนยกกระดานขึ้นมานั้น ทุกคนรวมถึงเหล่ากรรมการต่างก็ตกใจจนเหงื่อตก ยาก ยากเกินไป คำถามนี้ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทางแก้ได้

        “เหล่าหลี่ เช็ดเหงื่อหน่อย โจทย์เลขเองไม่ใช่เหรอ นายต้องเชื่อมั่นในนักเรียนนายสิ เช็ดเหงื่อนะเช็ดเหงื่อ” เฉาสิงหลงยื่นกระดาษทิชชู่ให้หลี่สวินอวี้แผ่นหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ขณะนั้นเองเหล่าผอ.สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น

        “พ่อหนุ่ม แข่งเสร็จถ้านายมีเวลานายมาหาฉันที่มหาวิทยาลัยอู่เฉิงได้นะ” พูดเสร็จ หลู่หย่งเซินก็ยิ้มพลางนั่งบนที่นั่ง

        “กัวไฮว่ จากการตัดสินของกรรมการแล้ว ข้อนี้สามารถให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงได้ ตอนนี้เธอสามารถคิดคำถามให้แก่ซย่าโหวเทียนได้เช่นกัน ถ้าพวกเธอไม่สามารถตอบคำถามของอีกฝ่ายได้หรือตอบถูกกันทั้งหมด เช่นนั้นการทดสอบในรอบแรกจะถือว่าเสมอกัน ถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งตอบถูก ฝ่ายที่ตอบถูกก็จะถือว่าชนะไป แล้วพวกเราก็จะเริ่มแข่งถามไวตอบไวหนึ่งร้อยข้อกันได้เลยค่ะ” หานเฟยเฟยมองทั้งสองคนพลางพูดยิ้มๆ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนคิดโจทย์เลขให้ฉัน งั้นนายก็ช่วยฉันแก้โจทย์ข้อนี้หน่อยสิ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็ไปเขียนบนกระดานโดยไว

        “พ่อหนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่าข้อนี้นายมีคำตอบน่ะ” หลู่หย่าเซินลุกขึ้นมาอีกรอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

        “คิดคำถามได้ก็ต้องตอบได้สิ ซย่าโหวเทียน คำถามฉันไม่เลวเลยใช่ไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นายตอบคำถามฉันไม่ได้ ฉันก็ตอบคำถามนายไม่ได้ งั้นก็เสมอกัน” ซย่าโหวเทียนเห็นคำถามที่กัวไฮว่คิด ให้เวลาเขาหน่อยก็อาจจะพอจะคิดวิธีได้ แต่จะให้เอาเวลาหนึ่งชั่วโมงมาตอบคำถามแบบนี้ ฝันไปเถอะ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนไม่ตอบคำถามของฉัน งั้น…” กัวไฮว่ยังไม่ทันพูดจบ กรรมการต่างก็พยักหน้ากันเกรียวกราว การแข่งขันของปีศาจทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

        “ขอฉันตอบคำถามที่นายคิดให้ทุกคนหน่อยล่ะนะ”

         

[1] ตามตำนานไซอิ๋ว มีตอนหนึ่งที่หงไห่เอ๋อร์ (เด็กแดง) ฝันแล้วถูกมารฝันจับตัวไว้ จากนั้นซุนหงอคงก็ตามไปช่วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 75 สงครามสัตว์ประหลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 75 สงครามสัตว์ประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ นายให้พวกเขาสละสิทธิ์เหรอ มั่นหน้า กล้าหาญ ฉันชอบ ฮ่าๆ” ซย่าโหวเทียนค่อยลุกขึ้นมาแล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ช่วงความฝันงั้นเหรอ สุดยอดไปเลย ถ้าไม่ให้พวกเขาสละสิทธิ์ นายก็คงหาวิธีทำให้เขาสละสิทธิ์ใช่ไหมล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตา ตอนที่เข้ามาในสนามแข่งแล้วบังเอิญพบซย่าโหวเทียนนั้น กัวไฮว่ก็ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเขาแล้วก็ตกใจจนเหงื่อไหล เด็กหนุ่มคนนี้ดันสามารถควบคุมช่วงความฝันได้ นี่มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่มารฝันทำให้ท่านเทพ[1]เสียเปรียบในตอนนั้นหรอกหรือ

        “นายรู้พลังวิเศษของฉันได้ นายเป็นใครกันแน่” ซย่าโหวเทียนมองไปรอบด้าน คนรอบๆ กลับไม่ได้ยินในสิ่งที่กัวไฮว่พูดจึงตระหนกขึ้นมา เขาหรี่ดวงตามองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ฉันก็เป็นนักเรียนฟู่จงน่ะสิ ทำไม อยากควบคุมช่วงความฝันฉันเหรอ ลองดูได้ ฉันก็อยากจะรู้นักว่าพลังวิเศษของนายจะดีสักแค่ไหนเชียว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นี่การแข่งวิชาการ จะชนะนายไม่ต้องใช้พลังวิเศษหรอก ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพลังวิเศษนายคืออะไร แต่นายกล้ามาสู้กับฉันอย่างยุติธรรมสักตาหนึ่งไหมล่ะ”

        “แข่งอย่างยุติธรรมแน่นอนว่าไม่ได้ แต่ถ้านายจะใช้พลังวิเศษ ฉันก็จะไม่ห้ามนาย” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนก็สัมผัสได้ถึงไอความเย็นเยียบ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อตนเอง

        “ซย่าโหวเทียน เธอเองก็อยากดื่มน้ำสักแก้วไหม ถ้าไม่อยาก ตอนนี้เริ่มการแข่งขันของพวกเธอได้แล้วหรือยัง” หานเฟยเฟยมองซย่าโหวเทียนก่อนจะถามขึ้นยิ้มๆ

        “เริ่มเลยเถอะครับ กัวไฮว่ นายถามได้เลย” ซย่าโหวเทียนเบิกตาถามกัวไฮว่เสียงดัง เขารู้ว่าเมื่อกี้กัวไฮว่ต้องทำอะไรพิสดารๆ อย่างแน่นอน

        “จงบอกชื่อพร้อมที่ตั้งของหอสมุดหลวงสี่แห่งของเมืองจีน”

        “หอสมุดเหวินยวนเก๋อที่ปักกิ่ง หอสมุดเหวินซั่วเก๋อที่เสิ่นหยาง หอสมุดเหวินจินเก๋อที่เฉิงเต๋อ หอสมุดเหวินหลานเก๋อที่หังโจว”

        “เจ็ดสัตบุรุษแห่งป่าหลินจู๋มีใครบ้าง”

        “จีคัง หร่วนจี๋ ซานเทา เซี่ยงซิ่ว หร่วนเสียน หวังหรง หลิวหลิง”

        “ในความเรียงแปดขา แปดขาหมายถึงอะไรบ้าง”

        “คำนำ บทนำ เปิดเรื่อง เริ่มเรื่อง บทกลาง บทท้าย บทสรุป”

        “แปดประหลาดแห่งหยางโจวหมายถึงใครบ้าง”

        “หวังซื่อเซิ่น หลี่ซ่าน จินหนง หวงเซิ่น เกาเสียง เจิ่งเซี่ย หลัวพิ่น”

        “สิบละครโศกนาฏกรรมคลาสสิกของจีนมีเรื่องไหนบ้าง”

        “เรื่องความแค้นของโต้วเอ๋อ เรื่องเด็กกำพร้าแห่งตระกูลเจ้า เรื่องธงแห่งความภักดี เรื่องชิงจงผู่ เรื่องดอกท้อโบกไสว เรื่องสารทฤดูในวังฮั่น เรื่องบันทึกผีผา เรื่องบันทึกชมพูนวล เรื่องตำหนักอายุยืน เรื่องเจดีย์เหลยเฟิง”

        “ในเมื่อนายถามละครโศกนาฏกรรม งั้นฉันขอถามซย่าโหวเทียนว่า สิบละครตลกคลาสสิกมีเรื่องอะไรบ้าง”

        “เรื่องช่วยลมฝุ่น บันทึกปิ่นหยก เรื่องบันทึกหอตะวันตก เรื่องสาวรวยแสนตระหนี่ เรื่องรักกันดูดดื่ม เรื่องหลี่ขุยรับผิด เรื่องบันทึกโยวเก๋อ เรื่องหมาป่าแห่งจงซาน เรื่องความผิดพลาดของว่าว”

        “กัวไฮว่บอกมาหน่อยว่าสิบสองกฎมีใครบ้าง”

        “หวงจง ต้าหลี่ว์ ไท่ชู่ จย๋าจง กูสี่ จ้งหลี่ว์ หรุยปิน หลินจง อี๋เจ๋อ หนานหลี่ว์ อู๋อี้ อิงจง”

        “ซย่าโหวเทียน กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึงอะไรบ้าง” กัวไฮว่พูดเล่นสำนวน

        “กัวไฮว่ นาย…” ซย่าโหวเทียนถลึงตามองกัวไฮว่ จากนั้นก็สูดสมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ “กัวไฮว่ กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึง ก่อความไม่สงบ ปลุกปั่น ก่อกบฏ ขัดคำสั่งศาล เสื่อมศีลธรรม หยามศาสนา อกตัญญู กระทำสามัคคีเภท ฉ้อราษฎร์บังหลวง ร่วมประเวณีกับญาติ”

        ทั้งสองคน คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ ราวกับว่าทั้งหอประชุมมีเพียงพวกเขาแค่สองคน พวกเขาสองคนเหมือนกับทหารที่ไม่ยอมถอยให้กัน กรรมการล่างเวทีต่างก็ขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาตรวจคำตอบของทั้งสองอย่างสุดความสามารถ ถึงขั้นที่ว่ามีคนหนึ่งในพวกเขาหวังว่าให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งรีบตอบผิดสักข้อ สงครามถามไปถามมาครั้งนี้จะได้สิ้นสุดเร็วๆ เสียที

        “กัวไฮว่ ซย่าโหวเทียน พวกเธออยากพักหน่อยไหม” ตอนที่ทั้งสองคนผลัดกันตอบคำถามถูกไปแล้วราวสามร้อยแปดสิบข้อ หานเฟยเฟยก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่ต้องครับ” กัวไฮว่กับซย่าโหวเทียนตอบพร้อมกัน แล้วทั้งสองคนก็ถามตอบกันต่อ

        “กี่คำถามแล้วเหรอ” ล่างเวทีมีคนถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่รู้ รวมแล้วทั้งสองคนน่าจะเกินพันแล้ว” คนที่อยู่ข้างๆ ตอบกลับเบาๆ

        “ไม่มีถามซ้ำเหรอ” ชายชราผู้หนึ่งถามขึ้น

        “ไม่น่าจะมีครับ เมื่อกี้กรรมการได้เชื่อมต่อวิดีโอที่แข่งเข้ากับเอไอของสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงไว้แล้ว ถ้ามีคำถามซ้ำ เอไอจะส่งข้อมูลกลับมายังที่แข่งครับ” ชายวัยกลางคนใส่ชุดสูททั้งตัวที่นั่งอยู่แถวหน้าพูดขึ้นเบาๆ

        “กัวไฮว่ เกมภาษาแบบนี้ไม่เห็นจะสนุกเลย ไม่งั้นฉันคิดโจทย์บนบอร์ดให้นายแก้ดีไหม” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “นายคิดว่าไงฉันก็จะทำตามนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คือ…พวกเธอรอเดี๋ยวก่อนนะ” ในขณะที่กระดานคำถามของซย่าโหวเทียนสว่างขึ้นมา ชายชราผมหงอกผู้หนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นมาพูด

        “เหล่าหลู่ ไม่ทราบว่าคำถามนี่มีปัญหาอะไรเหรอ” เหอเถี่ยจุ่ยรีบก้าวไปยังด้านหน้าของชายชรา แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอู่เฉิง บัณฑิตสำนักหัวซย่า สุดยอดด้านคณิตศาสตร์แห่งหัวซย่า คุณหลู่หย่งเซิน

        “พ่อหนุ่ม เธอเขียนโจทย์นี้บนกระดาน นายเองทำข้อนี้ได้หรือเปล่าล่ะ” หลู่หย่งเซินมองซย่าโหวเทียนแล้วถามยิ้มๆ

        “เหล่า หลู่ เมื่อเดือนก่อนคำถามนี้มีรุ่นพี่แก้ได้แล้ว สถาบันสิบสองราศีเมนซาได้คอนเฟิร์มแล้วว่าคำตอบของข้อนี้ถูกต้อง” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่มองโจทย์เลขบนกระดานแวบหนึ่ง มุมปากยิ้มน้อยๆ คิดว่าคำถามยากอะไร แค่นี้เองเหรอ อันที่จริงตอนที่ซย่าโหวเทียนยกกระดานขึ้นมานั้น ทุกคนรวมถึงเหล่ากรรมการต่างก็ตกใจจนเหงื่อตก ยาก ยากเกินไป คำถามนี้ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทางแก้ได้

        “เหล่าหลี่ เช็ดเหงื่อหน่อย โจทย์เลขเองไม่ใช่เหรอ นายต้องเชื่อมั่นในนักเรียนนายสิ เช็ดเหงื่อนะเช็ดเหงื่อ” เฉาสิงหลงยื่นกระดาษทิชชู่ให้หลี่สวินอวี้แผ่นหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ขณะนั้นเองเหล่าผอ.สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น

        “พ่อหนุ่ม แข่งเสร็จถ้านายมีเวลานายมาหาฉันที่มหาวิทยาลัยอู่เฉิงได้นะ” พูดเสร็จ หลู่หย่งเซินก็ยิ้มพลางนั่งบนที่นั่ง

        “กัวไฮว่ จากการตัดสินของกรรมการแล้ว ข้อนี้สามารถให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงได้ ตอนนี้เธอสามารถคิดคำถามให้แก่ซย่าโหวเทียนได้เช่นกัน ถ้าพวกเธอไม่สามารถตอบคำถามของอีกฝ่ายได้หรือตอบถูกกันทั้งหมด เช่นนั้นการทดสอบในรอบแรกจะถือว่าเสมอกัน ถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งตอบถูก ฝ่ายที่ตอบถูกก็จะถือว่าชนะไป แล้วพวกเราก็จะเริ่มแข่งถามไวตอบไวหนึ่งร้อยข้อกันได้เลยค่ะ” หานเฟยเฟยมองทั้งสองคนพลางพูดยิ้มๆ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนคิดโจทย์เลขให้ฉัน งั้นนายก็ช่วยฉันแก้โจทย์ข้อนี้หน่อยสิ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็ไปเขียนบนกระดานโดยไว

        “พ่อหนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่าข้อนี้นายมีคำตอบน่ะ” หลู่หย่าเซินลุกขึ้นมาอีกรอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

        “คิดคำถามได้ก็ต้องตอบได้สิ ซย่าโหวเทียน คำถามฉันไม่เลวเลยใช่ไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นายตอบคำถามฉันไม่ได้ ฉันก็ตอบคำถามนายไม่ได้ งั้นก็เสมอกัน” ซย่าโหวเทียนเห็นคำถามที่กัวไฮว่คิด ให้เวลาเขาหน่อยก็อาจจะพอจะคิดวิธีได้ แต่จะให้เอาเวลาหนึ่งชั่วโมงมาตอบคำถามแบบนี้ ฝันไปเถอะ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนไม่ตอบคำถามของฉัน งั้น…” กัวไฮว่ยังไม่ทันพูดจบ กรรมการต่างก็พยักหน้ากันเกรียวกราว การแข่งขันของปีศาจทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

        “ขอฉันตอบคำถามที่นายคิดให้ทุกคนหน่อยล่ะนะ”

         

[1] ตามตำนานไซอิ๋ว มีตอนหนึ่งที่หงไห่เอ๋อร์ (เด็กแดง) ฝันแล้วถูกมารฝันจับตัวไว้ จากนั้นซุนหงอคงก็ตามไปช่วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 75 สงครามสัตว์ประหลาด

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 75 สงครามสัตว์ประหลาด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “กัวไฮว่ นายให้พวกเขาสละสิทธิ์เหรอ มั่นหน้า กล้าหาญ ฉันชอบ ฮ่าๆ” ซย่าโหวเทียนค่อยลุกขึ้นมาแล้วพูดยิ้มๆ กับกัวไฮว่

        “ช่วงความฝันงั้นเหรอ สุดยอดไปเลย ถ้าไม่ให้พวกเขาสละสิทธิ์ นายก็คงหาวิธีทำให้เขาสละสิทธิ์ใช่ไหมล่ะ” กัวไฮว่พูดพลางหรี่ดวงตา ตอนที่เข้ามาในสนามแข่งแล้วบังเอิญพบซย่าโหวเทียนนั้น กัวไฮว่ก็ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเขาแล้วก็ตกใจจนเหงื่อไหล เด็กหนุ่มคนนี้ดันสามารถควบคุมช่วงความฝันได้ นี่มันไม่ใช่แบบเดียวกับที่มารฝันทำให้ท่านเทพ[1]เสียเปรียบในตอนนั้นหรอกหรือ

        “นายรู้พลังวิเศษของฉันได้ นายเป็นใครกันแน่” ซย่าโหวเทียนมองไปรอบด้าน คนรอบๆ กลับไม่ได้ยินในสิ่งที่กัวไฮว่พูดจึงตระหนกขึ้นมา เขาหรี่ดวงตามองกัวไฮว่แล้วถามขึ้น

        “ฉันก็เป็นนักเรียนฟู่จงน่ะสิ ทำไม อยากควบคุมช่วงความฝันฉันเหรอ ลองดูได้ ฉันก็อยากจะรู้นักว่าพลังวิเศษของนายจะดีสักแค่ไหนเชียว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นี่การแข่งวิชาการ จะชนะนายไม่ต้องใช้พลังวิเศษหรอก ถึงฉันจะไม่รู้ว่าพลังวิเศษนายคืออะไร แต่นายกล้ามาสู้กับฉันอย่างยุติธรรมสักตาหนึ่งไหมล่ะ”

        “แข่งอย่างยุติธรรมแน่นอนว่าไม่ได้ แต่ถ้านายจะใช้พลังวิเศษ ฉันก็จะไม่ห้ามนาย” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนก็สัมผัสได้ถึงไอความเย็นเยียบ จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนเรียกชื่อตนเอง

        “ซย่าโหวเทียน เธอเองก็อยากดื่มน้ำสักแก้วไหม ถ้าไม่อยาก ตอนนี้เริ่มการแข่งขันของพวกเธอได้แล้วหรือยัง” หานเฟยเฟยมองซย่าโหวเทียนก่อนจะถามขึ้นยิ้มๆ

        “เริ่มเลยเถอะครับ กัวไฮว่ นายถามได้เลย” ซย่าโหวเทียนเบิกตาถามกัวไฮว่เสียงดัง เขารู้ว่าเมื่อกี้กัวไฮว่ต้องทำอะไรพิสดารๆ อย่างแน่นอน

        “จงบอกชื่อพร้อมที่ตั้งของหอสมุดหลวงสี่แห่งของเมืองจีน”

        “หอสมุดเหวินยวนเก๋อที่ปักกิ่ง หอสมุดเหวินซั่วเก๋อที่เสิ่นหยาง หอสมุดเหวินจินเก๋อที่เฉิงเต๋อ หอสมุดเหวินหลานเก๋อที่หังโจว”

        “เจ็ดสัตบุรุษแห่งป่าหลินจู๋มีใครบ้าง”

        “จีคัง หร่วนจี๋ ซานเทา เซี่ยงซิ่ว หร่วนเสียน หวังหรง หลิวหลิง”

        “ในความเรียงแปดขา แปดขาหมายถึงอะไรบ้าง”

        “คำนำ บทนำ เปิดเรื่อง เริ่มเรื่อง บทกลาง บทท้าย บทสรุป”

        “แปดประหลาดแห่งหยางโจวหมายถึงใครบ้าง”

        “หวังซื่อเซิ่น หลี่ซ่าน จินหนง หวงเซิ่น เกาเสียง เจิ่งเซี่ย หลัวพิ่น”

        “สิบละครโศกนาฏกรรมคลาสสิกของจีนมีเรื่องไหนบ้าง”

        “เรื่องความแค้นของโต้วเอ๋อ เรื่องเด็กกำพร้าแห่งตระกูลเจ้า เรื่องธงแห่งความภักดี เรื่องชิงจงผู่ เรื่องดอกท้อโบกไสว เรื่องสารทฤดูในวังฮั่น เรื่องบันทึกผีผา เรื่องบันทึกชมพูนวล เรื่องตำหนักอายุยืน เรื่องเจดีย์เหลยเฟิง”

        “ในเมื่อนายถามละครโศกนาฏกรรม งั้นฉันขอถามซย่าโหวเทียนว่า สิบละครตลกคลาสสิกมีเรื่องอะไรบ้าง”

        “เรื่องช่วยลมฝุ่น บันทึกปิ่นหยก เรื่องบันทึกหอตะวันตก เรื่องสาวรวยแสนตระหนี่ เรื่องรักกันดูดดื่ม เรื่องหลี่ขุยรับผิด เรื่องบันทึกโยวเก๋อ เรื่องหมาป่าแห่งจงซาน เรื่องความผิดพลาดของว่าว”

        “กัวไฮว่บอกมาหน่อยว่าสิบสองกฎมีใครบ้าง”

        “หวงจง ต้าหลี่ว์ ไท่ชู่ จย๋าจง กูสี่ จ้งหลี่ว์ หรุยปิน หลินจง อี๋เจ๋อ หนานหลี่ว์ อู๋อี้ อิงจง”

        “ซย่าโหวเทียน กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึงอะไรบ้าง” กัวไฮว่พูดเล่นสำนวน

        “กัวไฮว่ นาย…” ซย่าโหวเทียนถลึงตามองกัวไฮว่ จากนั้นก็สูดสมหายใจเข้าเฮือกหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ “กัวไฮว่ กฎว่าด้วยความชั่วสิบประการหมายถึง ก่อความไม่สงบ ปลุกปั่น ก่อกบฏ ขัดคำสั่งศาล เสื่อมศีลธรรม หยามศาสนา อกตัญญู กระทำสามัคคีเภท ฉ้อราษฎร์บังหลวง ร่วมประเวณีกับญาติ”

        ทั้งสองคน คนหนึ่งถามคนหนึ่งตอบ ราวกับว่าทั้งหอประชุมมีเพียงพวกเขาแค่สองคน พวกเขาสองคนเหมือนกับทหารที่ไม่ยอมถอยให้กัน กรรมการล่างเวทีต่างก็ขมวดคิ้วมุ่น พวกเขาตรวจคำตอบของทั้งสองอย่างสุดความสามารถ ถึงขั้นที่ว่ามีคนหนึ่งในพวกเขาหวังว่าให้พวกเขาคนใดคนหนึ่งรีบตอบผิดสักข้อ สงครามถามไปถามมาครั้งนี้จะได้สิ้นสุดเร็วๆ เสียที

        “กัวไฮว่ ซย่าโหวเทียน พวกเธออยากพักหน่อยไหม” ตอนที่ทั้งสองคนผลัดกันตอบคำถามถูกไปแล้วราวสามร้อยแปดสิบข้อ หานเฟยเฟยก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่ต้องครับ” กัวไฮว่กับซย่าโหวเทียนตอบพร้อมกัน แล้วทั้งสองคนก็ถามตอบกันต่อ

        “กี่คำถามแล้วเหรอ” ล่างเวทีมีคนถามขึ้นเบาๆ

        “ไม่รู้ รวมแล้วทั้งสองคนน่าจะเกินพันแล้ว” คนที่อยู่ข้างๆ ตอบกลับเบาๆ

        “ไม่มีถามซ้ำเหรอ” ชายชราผู้หนึ่งถามขึ้น

        “ไม่น่าจะมีครับ เมื่อกี้กรรมการได้เชื่อมต่อวิดีโอที่แข่งเข้ากับเอไอของสถาบันวิจัยมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงไว้แล้ว ถ้ามีคำถามซ้ำ เอไอจะส่งข้อมูลกลับมายังที่แข่งครับ” ชายวัยกลางคนใส่ชุดสูททั้งตัวที่นั่งอยู่แถวหน้าพูดขึ้นเบาๆ

        “กัวไฮว่ เกมภาษาแบบนี้ไม่เห็นจะสนุกเลย ไม่งั้นฉันคิดโจทย์บนบอร์ดให้นายแก้ดีไหม” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “นายคิดว่าไงฉันก็จะทำตามนั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “คือ…พวกเธอรอเดี๋ยวก่อนนะ” ในขณะที่กระดานคำถามของซย่าโหวเทียนสว่างขึ้นมา ชายชราผมหงอกผู้หนึ่งก็ลุกพรวดขึ้นมาพูด

        “เหล่าหลู่ ไม่ทราบว่าคำถามนี่มีปัญหาอะไรเหรอ” เหอเถี่ยจุ่ยรีบก้าวไปยังด้านหน้าของชายชรา แล้วถามขึ้นยิ้มๆ

        คนที่พูดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยอู่เฉิง บัณฑิตสำนักหัวซย่า สุดยอดด้านคณิตศาสตร์แห่งหัวซย่า คุณหลู่หย่งเซิน

        “พ่อหนุ่ม เธอเขียนโจทย์นี้บนกระดาน นายเองทำข้อนี้ได้หรือเปล่าล่ะ” หลู่หย่งเซินมองซย่าโหวเทียนแล้วถามยิ้มๆ

        “เหล่า หลู่ เมื่อเดือนก่อนคำถามนี้มีรุ่นพี่แก้ได้แล้ว สถาบันสิบสองราศีเมนซาได้คอนเฟิร์มแล้วว่าคำตอบของข้อนี้ถูกต้อง” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        กัวไฮว่มองโจทย์เลขบนกระดานแวบหนึ่ง มุมปากยิ้มน้อยๆ คิดว่าคำถามยากอะไร แค่นี้เองเหรอ อันที่จริงตอนที่ซย่าโหวเทียนยกกระดานขึ้นมานั้น ทุกคนรวมถึงเหล่ากรรมการต่างก็ตกใจจนเหงื่อตก ยาก ยากเกินไป คำถามนี้ให้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็ไม่มีทางแก้ได้

        “เหล่าหลี่ เช็ดเหงื่อหน่อย โจทย์เลขเองไม่ใช่เหรอ นายต้องเชื่อมั่นในนักเรียนนายสิ เช็ดเหงื่อนะเช็ดเหงื่อ” เฉาสิงหลงยื่นกระดาษทิชชู่ให้หลี่สวินอวี้แผ่นหนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ ขณะนั้นเองเหล่าผอ.สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนก็มองหน้ากันแล้วก็หัวเราะเสียงดังลั่น

        “พ่อหนุ่ม แข่งเสร็จถ้านายมีเวลานายมาหาฉันที่มหาวิทยาลัยอู่เฉิงได้นะ” พูดเสร็จ หลู่หย่งเซินก็ยิ้มพลางนั่งบนที่นั่ง

        “กัวไฮว่ จากการตัดสินของกรรมการแล้ว ข้อนี้สามารถให้เวลาเธอหนึ่งชั่วโมงได้ ตอนนี้เธอสามารถคิดคำถามให้แก่ซย่าโหวเทียนได้เช่นกัน ถ้าพวกเธอไม่สามารถตอบคำถามของอีกฝ่ายได้หรือตอบถูกกันทั้งหมด เช่นนั้นการทดสอบในรอบแรกจะถือว่าเสมอกัน ถ้าพวกเธอคนใดคนหนึ่งตอบถูก ฝ่ายที่ตอบถูกก็จะถือว่าชนะไป แล้วพวกเราก็จะเริ่มแข่งถามไวตอบไวหนึ่งร้อยข้อกันได้เลยค่ะ” หานเฟยเฟยมองทั้งสองคนพลางพูดยิ้มๆ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนคิดโจทย์เลขให้ฉัน งั้นนายก็ช่วยฉันแก้โจทย์ข้อนี้หน่อยสิ” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็ไปเขียนบนกระดานโดยไว

        “พ่อหนุ่ม นายแน่ใจเหรอว่าข้อนี้นายมีคำตอบน่ะ” หลู่หย่าเซินลุกขึ้นมาอีกรอบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่เชื่อถือ

        “คิดคำถามได้ก็ต้องตอบได้สิ ซย่าโหวเทียน คำถามฉันไม่เลวเลยใช่ไหม” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “นายตอบคำถามฉันไม่ได้ ฉันก็ตอบคำถามนายไม่ได้ งั้นก็เสมอกัน” ซย่าโหวเทียนเห็นคำถามที่กัวไฮว่คิด ให้เวลาเขาหน่อยก็อาจจะพอจะคิดวิธีได้ แต่จะให้เอาเวลาหนึ่งชั่วโมงมาตอบคำถามแบบนี้ ฝันไปเถอะ

        “ในเมื่อซย่าโหวเทียนไม่ตอบคำถามของฉัน งั้น…” กัวไฮว่ยังไม่ทันพูดจบ กรรมการต่างก็พยักหน้ากันเกรียวกราว การแข่งขันของปีศาจทั้งสองก็มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

        “ขอฉันตอบคำถามที่นายคิดให้ทุกคนหน่อยล่ะนะ”

         

[1] ตามตำนานไซอิ๋ว มีตอนหนึ่งที่หงไห่เอ๋อร์ (เด็กแดง) ฝันแล้วถูกมารฝันจับตัวไว้ จากนั้นซุนหงอคงก็ตามไปช่วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+