[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “คุ่นหลง เสี่ยวอวี้ พวกเธอคิดว่ารูปภาพนี้เป็นยังไงบ้าง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองภาพอักษรของกัวไฮว่แวบหนึ่ง ช่างวิจิตรเหมือนกับอักษรที่เขียนที่บ้านเขาไม่มีผิดเพี้ยน

       “อาจารย์ ภาพอักษรนี่หนูดูแล้วไม่เข้าใจค่ะ” หลินอวี้มองอยู่สองนาทีแล้วพูดเบาๆ

       “สวินอวี้ ให้นักเรียนแยกย้ายกันไปเถอะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้วล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงเรียกหลี่สวินอวี้ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

          หลี่สวินอวี้ผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเรียกซุนหลิงหลิงแล้วพูดกับเธอสองสามคำ

       “ผอ. งั้นจะประกาศรายชื่อผู้แข่งขันครั้งนี้เมื่อไหร่ล่ะคะ” ซุนหลิงหลิงชะงักไปครูหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ 

       “หนึ่งวันหลังจากนี้จะประกาศกันในเว็บบอร์ด ให้ทุกคนรอฟังข่าวก็พอ” พูดจบ หลี่สวินอวี้ก็เดินไปล้อมภาพอักษรนั้นอีกครั้ง

       “นักเรียนทุกคนคะ การแข่งขันรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ทุกคนออกจากหอประชุมตามลำดับด้วยนะคะ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันจะประกาศในเว็บโรงเรียนและเว็บบอร์ดในวันพรุ่งนี้ ขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อแสดงความขอบคุณผู้เข้าแข่งขันและกรรมการด้วย การคัดเลือกครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ” ตอนที่ซุนหลิงหลิงบอกว่าสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สมบูรณ์แบบ? สมบูรณ์แบบเหรอ?

       “พี่หลิงหลิง ในเมื่อการคัดเลือกสิ้นสุดแล้ว งั้นก็ควรบอกชื่อเจ็ดคนแรกสิ พวกเราพนันกันอยู่นะ หรือกรรมการจะบอกเองเลย แค่บอกว่ากัวไฮว่ได้เข้ารอบไหมก็พอแล้ว” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดัง

       “แน่นอนว่ากัวไฮว่เป็นตัวแทนโรงเรียนฟู่จงไปแข่งวิชาการ ส่วนอีกหกรายชื่อที่เหลือค่อยประกาศทีหลัง พวกเรายังต้องดูอักษรพวกนี้อีกสักหน่อย แยกย้ายกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังกับคนด้านล่างเวที

       “สนุกมาก การคัดเลือกครั้งนี้สนุกมากเลย” นักเรียนที่อยู่ล่างเวทีสองสามคนพูดอย่างตื่นเต้น

       “กัวไฮว่ผ่านเข้ารอบ” เด็กหนุ่มมองหน้าฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไอ้ฉิน ตอนนี้คนเยอะ อย่าชักช้า ให้ทุกคนได้ชมความล่ำสันของนายหน่อยสิ”

       “ไอ้บ้า ฉันให้เงินแกล้านนึง แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไป เป็นไง” ฉินอวี้หลงพูดเบาๆ ด้วยใบหน้าอึมครึมขึ้นว่า “ความแค้นเคืองพึงละ มิพึงผูก วันนี้นายยอมให้ฉัน วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรในโรงเรียน ก็มาหาฉันได้ ถ้าแกยังดึงดันแบบนี้ กลัวว่าโรงเรียนฟู่จงนี่จะเกิดอันตรายขึ้นนะ”

       “ไอ้ฉิน นี่แกขู่ฉันเหรอ ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำแบบนี้นะ แต่นายก็สาบานเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอานะ อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขาดเงินด้วย” เด็กหนุ่มหรี่ตามองฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้น

       “แกจะต้องเสียใจแน่” ฉินอวี้หลงขบฟันพูด

       “พี่ฉ่วง ทำไมกัน พี่รู้จักกับฉินอวี้หลงเหรอ” ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นั่นเอง ชายรูปร่างใหญ่สูงร้อยเก้าสิบเซ็นคนหนึ่งก็เดินเข้ามา มองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดขึ้น

      “หู่จื่อ ไอ้ฉินนี่มันให้เงินปิดปากฉันล้านนึง นายว่าฉันขาดเงินล้านนึงหรือเปล่า” ในเวลานี้เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มที่ดูอ่อนปวกเปียกเมื่อสักครู่ ก็พลันปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นบนร่างกายของเขา

      “เหอะๆ ล้านนึง ไอ้ฉิน อันดับแรกเลยนะ พี่ฉ่วงไม่เคยขาดเงิน อันดับที่สองดูเหมือนว่าตอนนี้นายไม่มีเงินเยอะขนาดนี้นะ ไม่รวมเงินหนึ่งล้านที่แกพนันต้องจ่ายกัวไฮว่ ถ้านายจ่ายคนอื่นด้วยก็เป็นหลายร้อยล้าน” หู่จื่อหรี่ตาพูด

       “หลิวหู่ ดูท่าทางแกก็เอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ ก็แค่คนใช้ตระกูลหลิว แกกล้าเป็นศัตรูกับฉันแบบนี้เหรอ” ฉินอวี้หลงหรี่ดวงตาแล้วพูดกับหลิวหู่

       “ฉันเป็นคนใช้ตระกูลหลิวก็จริง แต่พี่ฉ่วงไม่ใช่ ผู้นำตระกูลหลิวอยู่นี่ ฉันกลัวว่าตระกูลฉินของแกได้ซวยแน่” เมื่อหู่จื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้หลงก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแส

       “อย่าชักช้า ถ้านายไม่ยอมถอยอีก งั้นฉันให้หู่จื่อช่วยนายได้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “ตระกูลฉิน ดี ฉันจะไว้หน้าตระกูลฉินของนาย เหลือกางเกงในไว้ก็ได้ รีบถอดเร็วเข้า”

      ในขณะที่ฉินอวี้หลงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังพี่น้องทั้งสามคน พวกเจี่ยเปินเปินก็ทำเป็นไม่รู้จักเขา ในขณะเดียวกันก็หมุนศีรษะหันไปทางอื่น เพียงแค่ช่วงขณะฉินอวี้หลงก็เข้าใจแล้วว่าอะไรคือความโดดเดี่ยวเดียวดาย

       “ฉันจะถอด!” พูดจบ ฉินอวี้หลงก็เริ่มถอดเสื้อผ้า ไม่นาน ก็เหลือไว้เพียงแค่กางเกงในหนึ่งตัว

       “ไอ้ฉิน มัวรออะไรอยู่ รีบวิ่งสิ นายคิดว่าพวกเราชอบดูสภาพนายตอนมีอารมณ์หรือไง ฮ่าๆ” หลิวฉ่วงพูดพลางหัวเราะ “หู่จื่อ กัวไฮว่นั่นไม่เลวเลยนะ อย่างน้อยก็ทำให้ฉินอวี้หลงยอมรับผิดได้ สบายจริงๆ วันนี้มีความสุขมากเลย ไปกัน เราไปกินมื้อใหญ่กันดีกว่า” พูดเสร็จ ชายสองคนคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยก็เดินออกจากหอประชุมไป

       “ผอ.คะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้ว คุณต้องรีบประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันนะคะ พวกเราจะนำไปประกาศในหน้าแรกของเว็บโรงเรียนแล้วก็เว็บบอร์ด” นักเรียนออกไปจากหอประชุมกันไปประมาณหนึ่งแล้ว ซุนหลิงหลิงก็เดินมายังเบื้องหน้าของหลี่สวินอวี้อีกครั้ง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ 

       “หนานกงหลิงโม่ มู่หรงเวยเวย โหยวโยวโยว ถังซี เจ้าเซวียน เฉียนตัวตัว กัวไฮว่ คืนนี้ติดต่อให้พวกเขาถ่ายรูป แล้วก็อัปโหลดรูปลงไป” หลี่สวินอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ “วางแผนแบบนี้น่าจะได้รางวัลในการแข่งวิชาการได้สบายๆ เลย”

      “ตาแก่หลี่ โรงเรียนแกนี่ซ่อนของดีเอาไว้จริงๆ นะ ครั้งนี้ที่หนึ่งน่าจะเป็นของโรงเรียนฟู่จงแกแล้วล่ะ” เฉาสิงหลงมองไปที่อักษรของกัวไฮว่ ประมาณสิบนาที ตัวเขาเองก็มองรสชาติจากอักษรพวกนี้ออก จึงพูดขึ้นอย่างจนใจ

       “ฮ่าๆ เหล่าเฉา ดูแกพูดเข้า ปีหน้า ปีนี้พวกแกเตรียมการเพื่อปีหน้าได้” หลี่สวินอวี้หรี่ตามองผอ.ของแต่ละโรงเรียน แล้วพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ “ไปกัน ไปกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

         พูดจบ ทุกคนก็เดินไปยังโรงอาหาร หลี่สวินอวี้บอกให้ซุนหลิงหลิงเก็บภาพอักษรไว้ให้ดีจากนั้นก็เดินตามออกไป

      “เหล่าหลี่ เด็กตระกูลหนานกงนั่นมาอยู่ในโรงเรียนแกได้ยังไง ตามหลักแล้ว การแข่งการต่อสู่ปีหน้าเธอก็น่าจะต้องเข้าร่วมด้วยใช่ไหม” ชายแก่ที่คนหนึ่งเดินไปยังข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วพูดขึ้น

       “ผู้นำตระกูลหลี่ส่งมาให้น่ะ อีกปีหนึ่งกว่าจะถึงการแข่งต่อสู้ เขาอยากให้หนานกงหลิงโม่อยู่ที่โรงเรียน อย่างน้อยก็จะไม่ถูกรบกวน” หลี่สวินอวี้พูดอย่างไม่ปิดบัง

      “เหล่าหลี่ ปีนี้พวกนายศักยภาพแกร่งขนาดนี้ กล้าสร้างทีมมาสู้กับทีมเจ็ดโรงเรียนของเราหน่อยไหม” เฉาสิงหลงดื่มเหล้าไปไม่น้อย เขาเดินไปข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วถามขึ้นเสียงดัง

       “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน? เจ็ดโรงเรียนของพวกแกเตรียมจะสร้างสมาพันธ์เหรอ แล้วถ้าพวกแกชนะแล้วที่หนึ่งจะเป็นของใครล่ะ”  หลี่สวินอวี้ถามขึ้นยิ้มๆ

       “เรื่องนี้แกไม่ต้องสนหรอก ดูแค่ว่าแกกล้าตกลงหรือเปล่า” เฉาสิงหลงถามขึ้นด้วยเสียงดัง “ฉันยอมรับว่าฉัน เฉาสิงหลง มีบางด้านที่สู้แกไม่ได้ อย่างเช่นที่แกสั่งสอนกัวไฮว่จนกลายเป็นแบบนี้ แกสุดยอดจริงๆ เลย แต่ถ้าแกอยากให้ฉันนับถือแก งั้นแกก็มาแข่งกับเจ็ดโรงเรียนของพวกเราหน่อย แกกล้าไหมล่ะ”

       “ตาแก่เฉา แกยุฉันเหรอ ฮ่าๆ ฉันรู้ว่าแกยุฉันอยู่ ฉันก็ต้องรับปากสิ การแข่งวิชาการครั้งนี้ ฉันให้พวกแกได้หอมปากหอมคอแน่” หลี่เหล้าถือเหล้าเอาไว้แล้วพูดขึ้นเสียงดัง

       “ดี งั้นเราก็ไม่กินเหล้านี่แล้ว สิบวันหลังจากนี้ เรามาเจอกัน พวกเราจะติดต่อสมาคมวิชาการ ให้ออกข้อสอบให้เจ็ดโรงเรียนของพวกเราแข่งกับโรงเรียนฟู่จงของแก พวกแกคอยดูเถอะ” พูดจบ เฉาสิงหลงลุกขึ้นออกไป สวี่อู๋อี้และคนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย

      “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันพนันไว้เลย ถ้าบั้นปลายชีวิตฉันสามารถทำให้โรงเรียนโรงเรียนเดียวชนะสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนได้ เกรงว่าตอนฉันตายจะหัวเราะออกมา ฮ่าๆ” หลี่สวินอวี้ดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายหมด ก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากโรงอาหารไป

 

 

                                                   ————————

                   อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                    https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “คุ่นหลง เสี่ยวอวี้ พวกเธอคิดว่ารูปภาพนี้เป็นยังไงบ้าง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองภาพอักษรของกัวไฮว่แวบหนึ่ง ช่างวิจิตรเหมือนกับอักษรที่เขียนที่บ้านเขาไม่มีผิดเพี้ยน

       “อาจารย์ ภาพอักษรนี่หนูดูแล้วไม่เข้าใจค่ะ” หลินอวี้มองอยู่สองนาทีแล้วพูดเบาๆ

       “สวินอวี้ ให้นักเรียนแยกย้ายกันไปเถอะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้วล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงเรียกหลี่สวินอวี้ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

          หลี่สวินอวี้ผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเรียกซุนหลิงหลิงแล้วพูดกับเธอสองสามคำ

       “ผอ. งั้นจะประกาศรายชื่อผู้แข่งขันครั้งนี้เมื่อไหร่ล่ะคะ” ซุนหลิงหลิงชะงักไปครูหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ 

       “หนึ่งวันหลังจากนี้จะประกาศกันในเว็บบอร์ด ให้ทุกคนรอฟังข่าวก็พอ” พูดจบ หลี่สวินอวี้ก็เดินไปล้อมภาพอักษรนั้นอีกครั้ง

       “นักเรียนทุกคนคะ การแข่งขันรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ทุกคนออกจากหอประชุมตามลำดับด้วยนะคะ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันจะประกาศในเว็บโรงเรียนและเว็บบอร์ดในวันพรุ่งนี้ ขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อแสดงความขอบคุณผู้เข้าแข่งขันและกรรมการด้วย การคัดเลือกครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ” ตอนที่ซุนหลิงหลิงบอกว่าสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สมบูรณ์แบบ? สมบูรณ์แบบเหรอ?

       “พี่หลิงหลิง ในเมื่อการคัดเลือกสิ้นสุดแล้ว งั้นก็ควรบอกชื่อเจ็ดคนแรกสิ พวกเราพนันกันอยู่นะ หรือกรรมการจะบอกเองเลย แค่บอกว่ากัวไฮว่ได้เข้ารอบไหมก็พอแล้ว” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดัง

       “แน่นอนว่ากัวไฮว่เป็นตัวแทนโรงเรียนฟู่จงไปแข่งวิชาการ ส่วนอีกหกรายชื่อที่เหลือค่อยประกาศทีหลัง พวกเรายังต้องดูอักษรพวกนี้อีกสักหน่อย แยกย้ายกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังกับคนด้านล่างเวที

       “สนุกมาก การคัดเลือกครั้งนี้สนุกมากเลย” นักเรียนที่อยู่ล่างเวทีสองสามคนพูดอย่างตื่นเต้น

       “กัวไฮว่ผ่านเข้ารอบ” เด็กหนุ่มมองหน้าฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไอ้ฉิน ตอนนี้คนเยอะ อย่าชักช้า ให้ทุกคนได้ชมความล่ำสันของนายหน่อยสิ”

       “ไอ้บ้า ฉันให้เงินแกล้านนึง แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไป เป็นไง” ฉินอวี้หลงพูดเบาๆ ด้วยใบหน้าอึมครึมขึ้นว่า “ความแค้นเคืองพึงละ มิพึงผูก วันนี้นายยอมให้ฉัน วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรในโรงเรียน ก็มาหาฉันได้ ถ้าแกยังดึงดันแบบนี้ กลัวว่าโรงเรียนฟู่จงนี่จะเกิดอันตรายขึ้นนะ”

       “ไอ้ฉิน นี่แกขู่ฉันเหรอ ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำแบบนี้นะ แต่นายก็สาบานเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอานะ อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขาดเงินด้วย” เด็กหนุ่มหรี่ตามองฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้น

       “แกจะต้องเสียใจแน่” ฉินอวี้หลงขบฟันพูด

       “พี่ฉ่วง ทำไมกัน พี่รู้จักกับฉินอวี้หลงเหรอ” ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นั่นเอง ชายรูปร่างใหญ่สูงร้อยเก้าสิบเซ็นคนหนึ่งก็เดินเข้ามา มองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดขึ้น

      “หู่จื่อ ไอ้ฉินนี่มันให้เงินปิดปากฉันล้านนึง นายว่าฉันขาดเงินล้านนึงหรือเปล่า” ในเวลานี้เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มที่ดูอ่อนปวกเปียกเมื่อสักครู่ ก็พลันปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นบนร่างกายของเขา

      “เหอะๆ ล้านนึง ไอ้ฉิน อันดับแรกเลยนะ พี่ฉ่วงไม่เคยขาดเงิน อันดับที่สองดูเหมือนว่าตอนนี้นายไม่มีเงินเยอะขนาดนี้นะ ไม่รวมเงินหนึ่งล้านที่แกพนันต้องจ่ายกัวไฮว่ ถ้านายจ่ายคนอื่นด้วยก็เป็นหลายร้อยล้าน” หู่จื่อหรี่ตาพูด

       “หลิวหู่ ดูท่าทางแกก็เอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ ก็แค่คนใช้ตระกูลหลิว แกกล้าเป็นศัตรูกับฉันแบบนี้เหรอ” ฉินอวี้หลงหรี่ดวงตาแล้วพูดกับหลิวหู่

       “ฉันเป็นคนใช้ตระกูลหลิวก็จริง แต่พี่ฉ่วงไม่ใช่ ผู้นำตระกูลหลิวอยู่นี่ ฉันกลัวว่าตระกูลฉินของแกได้ซวยแน่” เมื่อหู่จื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้หลงก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแส

       “อย่าชักช้า ถ้านายไม่ยอมถอยอีก งั้นฉันให้หู่จื่อช่วยนายได้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “ตระกูลฉิน ดี ฉันจะไว้หน้าตระกูลฉินของนาย เหลือกางเกงในไว้ก็ได้ รีบถอดเร็วเข้า”

      ในขณะที่ฉินอวี้หลงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังพี่น้องทั้งสามคน พวกเจี่ยเปินเปินก็ทำเป็นไม่รู้จักเขา ในขณะเดียวกันก็หมุนศีรษะหันไปทางอื่น เพียงแค่ช่วงขณะฉินอวี้หลงก็เข้าใจแล้วว่าอะไรคือความโดดเดี่ยวเดียวดาย

       “ฉันจะถอด!” พูดจบ ฉินอวี้หลงก็เริ่มถอดเสื้อผ้า ไม่นาน ก็เหลือไว้เพียงแค่กางเกงในหนึ่งตัว

       “ไอ้ฉิน มัวรออะไรอยู่ รีบวิ่งสิ นายคิดว่าพวกเราชอบดูสภาพนายตอนมีอารมณ์หรือไง ฮ่าๆ” หลิวฉ่วงพูดพลางหัวเราะ “หู่จื่อ กัวไฮว่นั่นไม่เลวเลยนะ อย่างน้อยก็ทำให้ฉินอวี้หลงยอมรับผิดได้ สบายจริงๆ วันนี้มีความสุขมากเลย ไปกัน เราไปกินมื้อใหญ่กันดีกว่า” พูดเสร็จ ชายสองคนคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยก็เดินออกจากหอประชุมไป

       “ผอ.คะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้ว คุณต้องรีบประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันนะคะ พวกเราจะนำไปประกาศในหน้าแรกของเว็บโรงเรียนแล้วก็เว็บบอร์ด” นักเรียนออกไปจากหอประชุมกันไปประมาณหนึ่งแล้ว ซุนหลิงหลิงก็เดินมายังเบื้องหน้าของหลี่สวินอวี้อีกครั้ง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ 

       “หนานกงหลิงโม่ มู่หรงเวยเวย โหยวโยวโยว ถังซี เจ้าเซวียน เฉียนตัวตัว กัวไฮว่ คืนนี้ติดต่อให้พวกเขาถ่ายรูป แล้วก็อัปโหลดรูปลงไป” หลี่สวินอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ “วางแผนแบบนี้น่าจะได้รางวัลในการแข่งวิชาการได้สบายๆ เลย”

      “ตาแก่หลี่ โรงเรียนแกนี่ซ่อนของดีเอาไว้จริงๆ นะ ครั้งนี้ที่หนึ่งน่าจะเป็นของโรงเรียนฟู่จงแกแล้วล่ะ” เฉาสิงหลงมองไปที่อักษรของกัวไฮว่ ประมาณสิบนาที ตัวเขาเองก็มองรสชาติจากอักษรพวกนี้ออก จึงพูดขึ้นอย่างจนใจ

       “ฮ่าๆ เหล่าเฉา ดูแกพูดเข้า ปีหน้า ปีนี้พวกแกเตรียมการเพื่อปีหน้าได้” หลี่สวินอวี้หรี่ตามองผอ.ของแต่ละโรงเรียน แล้วพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ “ไปกัน ไปกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

         พูดจบ ทุกคนก็เดินไปยังโรงอาหาร หลี่สวินอวี้บอกให้ซุนหลิงหลิงเก็บภาพอักษรไว้ให้ดีจากนั้นก็เดินตามออกไป

      “เหล่าหลี่ เด็กตระกูลหนานกงนั่นมาอยู่ในโรงเรียนแกได้ยังไง ตามหลักแล้ว การแข่งการต่อสู่ปีหน้าเธอก็น่าจะต้องเข้าร่วมด้วยใช่ไหม” ชายแก่ที่คนหนึ่งเดินไปยังข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วพูดขึ้น

       “ผู้นำตระกูลหลี่ส่งมาให้น่ะ อีกปีหนึ่งกว่าจะถึงการแข่งต่อสู้ เขาอยากให้หนานกงหลิงโม่อยู่ที่โรงเรียน อย่างน้อยก็จะไม่ถูกรบกวน” หลี่สวินอวี้พูดอย่างไม่ปิดบัง

      “เหล่าหลี่ ปีนี้พวกนายศักยภาพแกร่งขนาดนี้ กล้าสร้างทีมมาสู้กับทีมเจ็ดโรงเรียนของเราหน่อยไหม” เฉาสิงหลงดื่มเหล้าไปไม่น้อย เขาเดินไปข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วถามขึ้นเสียงดัง

       “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน? เจ็ดโรงเรียนของพวกแกเตรียมจะสร้างสมาพันธ์เหรอ แล้วถ้าพวกแกชนะแล้วที่หนึ่งจะเป็นของใครล่ะ”  หลี่สวินอวี้ถามขึ้นยิ้มๆ

       “เรื่องนี้แกไม่ต้องสนหรอก ดูแค่ว่าแกกล้าตกลงหรือเปล่า” เฉาสิงหลงถามขึ้นด้วยเสียงดัง “ฉันยอมรับว่าฉัน เฉาสิงหลง มีบางด้านที่สู้แกไม่ได้ อย่างเช่นที่แกสั่งสอนกัวไฮว่จนกลายเป็นแบบนี้ แกสุดยอดจริงๆ เลย แต่ถ้าแกอยากให้ฉันนับถือแก งั้นแกก็มาแข่งกับเจ็ดโรงเรียนของพวกเราหน่อย แกกล้าไหมล่ะ”

       “ตาแก่เฉา แกยุฉันเหรอ ฮ่าๆ ฉันรู้ว่าแกยุฉันอยู่ ฉันก็ต้องรับปากสิ การแข่งวิชาการครั้งนี้ ฉันให้พวกแกได้หอมปากหอมคอแน่” หลี่เหล้าถือเหล้าเอาไว้แล้วพูดขึ้นเสียงดัง

       “ดี งั้นเราก็ไม่กินเหล้านี่แล้ว สิบวันหลังจากนี้ เรามาเจอกัน พวกเราจะติดต่อสมาคมวิชาการ ให้ออกข้อสอบให้เจ็ดโรงเรียนของพวกเราแข่งกับโรงเรียนฟู่จงของแก พวกแกคอยดูเถอะ” พูดจบ เฉาสิงหลงลุกขึ้นออกไป สวี่อู๋อี้และคนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย

      “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันพนันไว้เลย ถ้าบั้นปลายชีวิตฉันสามารถทำให้โรงเรียนโรงเรียนเดียวชนะสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนได้ เกรงว่าตอนฉันตายจะหัวเราะออกมา ฮ่าๆ” หลี่สวินอวี้ดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายหมด ก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากโรงอาหารไป

 

 

                                                   ————————

                   อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                    https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “คุ่นหลง เสี่ยวอวี้ พวกเธอคิดว่ารูปภาพนี้เป็นยังไงบ้าง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองภาพอักษรของกัวไฮว่แวบหนึ่ง ช่างวิจิตรเหมือนกับอักษรที่เขียนที่บ้านเขาไม่มีผิดเพี้ยน

       “อาจารย์ ภาพอักษรนี่หนูดูแล้วไม่เข้าใจค่ะ” หลินอวี้มองอยู่สองนาทีแล้วพูดเบาๆ

       “สวินอวี้ ให้นักเรียนแยกย้ายกันไปเถอะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้วล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงเรียกหลี่สวินอวี้ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

          หลี่สวินอวี้ผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเรียกซุนหลิงหลิงแล้วพูดกับเธอสองสามคำ

       “ผอ. งั้นจะประกาศรายชื่อผู้แข่งขันครั้งนี้เมื่อไหร่ล่ะคะ” ซุนหลิงหลิงชะงักไปครูหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ 

       “หนึ่งวันหลังจากนี้จะประกาศกันในเว็บบอร์ด ให้ทุกคนรอฟังข่าวก็พอ” พูดจบ หลี่สวินอวี้ก็เดินไปล้อมภาพอักษรนั้นอีกครั้ง

       “นักเรียนทุกคนคะ การแข่งขันรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ทุกคนออกจากหอประชุมตามลำดับด้วยนะคะ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันจะประกาศในเว็บโรงเรียนและเว็บบอร์ดในวันพรุ่งนี้ ขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อแสดงความขอบคุณผู้เข้าแข่งขันและกรรมการด้วย การคัดเลือกครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ” ตอนที่ซุนหลิงหลิงบอกว่าสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สมบูรณ์แบบ? สมบูรณ์แบบเหรอ?

       “พี่หลิงหลิง ในเมื่อการคัดเลือกสิ้นสุดแล้ว งั้นก็ควรบอกชื่อเจ็ดคนแรกสิ พวกเราพนันกันอยู่นะ หรือกรรมการจะบอกเองเลย แค่บอกว่ากัวไฮว่ได้เข้ารอบไหมก็พอแล้ว” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดัง

       “แน่นอนว่ากัวไฮว่เป็นตัวแทนโรงเรียนฟู่จงไปแข่งวิชาการ ส่วนอีกหกรายชื่อที่เหลือค่อยประกาศทีหลัง พวกเรายังต้องดูอักษรพวกนี้อีกสักหน่อย แยกย้ายกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังกับคนด้านล่างเวที

       “สนุกมาก การคัดเลือกครั้งนี้สนุกมากเลย” นักเรียนที่อยู่ล่างเวทีสองสามคนพูดอย่างตื่นเต้น

       “กัวไฮว่ผ่านเข้ารอบ” เด็กหนุ่มมองหน้าฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไอ้ฉิน ตอนนี้คนเยอะ อย่าชักช้า ให้ทุกคนได้ชมความล่ำสันของนายหน่อยสิ”

       “ไอ้บ้า ฉันให้เงินแกล้านนึง แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไป เป็นไง” ฉินอวี้หลงพูดเบาๆ ด้วยใบหน้าอึมครึมขึ้นว่า “ความแค้นเคืองพึงละ มิพึงผูก วันนี้นายยอมให้ฉัน วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรในโรงเรียน ก็มาหาฉันได้ ถ้าแกยังดึงดันแบบนี้ กลัวว่าโรงเรียนฟู่จงนี่จะเกิดอันตรายขึ้นนะ”

       “ไอ้ฉิน นี่แกขู่ฉันเหรอ ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำแบบนี้นะ แต่นายก็สาบานเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอานะ อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขาดเงินด้วย” เด็กหนุ่มหรี่ตามองฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้น

       “แกจะต้องเสียใจแน่” ฉินอวี้หลงขบฟันพูด

       “พี่ฉ่วง ทำไมกัน พี่รู้จักกับฉินอวี้หลงเหรอ” ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นั่นเอง ชายรูปร่างใหญ่สูงร้อยเก้าสิบเซ็นคนหนึ่งก็เดินเข้ามา มองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดขึ้น

      “หู่จื่อ ไอ้ฉินนี่มันให้เงินปิดปากฉันล้านนึง นายว่าฉันขาดเงินล้านนึงหรือเปล่า” ในเวลานี้เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มที่ดูอ่อนปวกเปียกเมื่อสักครู่ ก็พลันปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นบนร่างกายของเขา

      “เหอะๆ ล้านนึง ไอ้ฉิน อันดับแรกเลยนะ พี่ฉ่วงไม่เคยขาดเงิน อันดับที่สองดูเหมือนว่าตอนนี้นายไม่มีเงินเยอะขนาดนี้นะ ไม่รวมเงินหนึ่งล้านที่แกพนันต้องจ่ายกัวไฮว่ ถ้านายจ่ายคนอื่นด้วยก็เป็นหลายร้อยล้าน” หู่จื่อหรี่ตาพูด

       “หลิวหู่ ดูท่าทางแกก็เอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ ก็แค่คนใช้ตระกูลหลิว แกกล้าเป็นศัตรูกับฉันแบบนี้เหรอ” ฉินอวี้หลงหรี่ดวงตาแล้วพูดกับหลิวหู่

       “ฉันเป็นคนใช้ตระกูลหลิวก็จริง แต่พี่ฉ่วงไม่ใช่ ผู้นำตระกูลหลิวอยู่นี่ ฉันกลัวว่าตระกูลฉินของแกได้ซวยแน่” เมื่อหู่จื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้หลงก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแส

       “อย่าชักช้า ถ้านายไม่ยอมถอยอีก งั้นฉันให้หู่จื่อช่วยนายได้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “ตระกูลฉิน ดี ฉันจะไว้หน้าตระกูลฉินของนาย เหลือกางเกงในไว้ก็ได้ รีบถอดเร็วเข้า”

      ในขณะที่ฉินอวี้หลงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังพี่น้องทั้งสามคน พวกเจี่ยเปินเปินก็ทำเป็นไม่รู้จักเขา ในขณะเดียวกันก็หมุนศีรษะหันไปทางอื่น เพียงแค่ช่วงขณะฉินอวี้หลงก็เข้าใจแล้วว่าอะไรคือความโดดเดี่ยวเดียวดาย

       “ฉันจะถอด!” พูดจบ ฉินอวี้หลงก็เริ่มถอดเสื้อผ้า ไม่นาน ก็เหลือไว้เพียงแค่กางเกงในหนึ่งตัว

       “ไอ้ฉิน มัวรออะไรอยู่ รีบวิ่งสิ นายคิดว่าพวกเราชอบดูสภาพนายตอนมีอารมณ์หรือไง ฮ่าๆ” หลิวฉ่วงพูดพลางหัวเราะ “หู่จื่อ กัวไฮว่นั่นไม่เลวเลยนะ อย่างน้อยก็ทำให้ฉินอวี้หลงยอมรับผิดได้ สบายจริงๆ วันนี้มีความสุขมากเลย ไปกัน เราไปกินมื้อใหญ่กันดีกว่า” พูดเสร็จ ชายสองคนคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยก็เดินออกจากหอประชุมไป

       “ผอ.คะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้ว คุณต้องรีบประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันนะคะ พวกเราจะนำไปประกาศในหน้าแรกของเว็บโรงเรียนแล้วก็เว็บบอร์ด” นักเรียนออกไปจากหอประชุมกันไปประมาณหนึ่งแล้ว ซุนหลิงหลิงก็เดินมายังเบื้องหน้าของหลี่สวินอวี้อีกครั้ง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ 

       “หนานกงหลิงโม่ มู่หรงเวยเวย โหยวโยวโยว ถังซี เจ้าเซวียน เฉียนตัวตัว กัวไฮว่ คืนนี้ติดต่อให้พวกเขาถ่ายรูป แล้วก็อัปโหลดรูปลงไป” หลี่สวินอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ “วางแผนแบบนี้น่าจะได้รางวัลในการแข่งวิชาการได้สบายๆ เลย”

      “ตาแก่หลี่ โรงเรียนแกนี่ซ่อนของดีเอาไว้จริงๆ นะ ครั้งนี้ที่หนึ่งน่าจะเป็นของโรงเรียนฟู่จงแกแล้วล่ะ” เฉาสิงหลงมองไปที่อักษรของกัวไฮว่ ประมาณสิบนาที ตัวเขาเองก็มองรสชาติจากอักษรพวกนี้ออก จึงพูดขึ้นอย่างจนใจ

       “ฮ่าๆ เหล่าเฉา ดูแกพูดเข้า ปีหน้า ปีนี้พวกแกเตรียมการเพื่อปีหน้าได้” หลี่สวินอวี้หรี่ตามองผอ.ของแต่ละโรงเรียน แล้วพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ “ไปกัน ไปกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

         พูดจบ ทุกคนก็เดินไปยังโรงอาหาร หลี่สวินอวี้บอกให้ซุนหลิงหลิงเก็บภาพอักษรไว้ให้ดีจากนั้นก็เดินตามออกไป

      “เหล่าหลี่ เด็กตระกูลหนานกงนั่นมาอยู่ในโรงเรียนแกได้ยังไง ตามหลักแล้ว การแข่งการต่อสู่ปีหน้าเธอก็น่าจะต้องเข้าร่วมด้วยใช่ไหม” ชายแก่ที่คนหนึ่งเดินไปยังข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วพูดขึ้น

       “ผู้นำตระกูลหลี่ส่งมาให้น่ะ อีกปีหนึ่งกว่าจะถึงการแข่งต่อสู้ เขาอยากให้หนานกงหลิงโม่อยู่ที่โรงเรียน อย่างน้อยก็จะไม่ถูกรบกวน” หลี่สวินอวี้พูดอย่างไม่ปิดบัง

      “เหล่าหลี่ ปีนี้พวกนายศักยภาพแกร่งขนาดนี้ กล้าสร้างทีมมาสู้กับทีมเจ็ดโรงเรียนของเราหน่อยไหม” เฉาสิงหลงดื่มเหล้าไปไม่น้อย เขาเดินไปข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วถามขึ้นเสียงดัง

       “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน? เจ็ดโรงเรียนของพวกแกเตรียมจะสร้างสมาพันธ์เหรอ แล้วถ้าพวกแกชนะแล้วที่หนึ่งจะเป็นของใครล่ะ”  หลี่สวินอวี้ถามขึ้นยิ้มๆ

       “เรื่องนี้แกไม่ต้องสนหรอก ดูแค่ว่าแกกล้าตกลงหรือเปล่า” เฉาสิงหลงถามขึ้นด้วยเสียงดัง “ฉันยอมรับว่าฉัน เฉาสิงหลง มีบางด้านที่สู้แกไม่ได้ อย่างเช่นที่แกสั่งสอนกัวไฮว่จนกลายเป็นแบบนี้ แกสุดยอดจริงๆ เลย แต่ถ้าแกอยากให้ฉันนับถือแก งั้นแกก็มาแข่งกับเจ็ดโรงเรียนของพวกเราหน่อย แกกล้าไหมล่ะ”

       “ตาแก่เฉา แกยุฉันเหรอ ฮ่าๆ ฉันรู้ว่าแกยุฉันอยู่ ฉันก็ต้องรับปากสิ การแข่งวิชาการครั้งนี้ ฉันให้พวกแกได้หอมปากหอมคอแน่” หลี่เหล้าถือเหล้าเอาไว้แล้วพูดขึ้นเสียงดัง

       “ดี งั้นเราก็ไม่กินเหล้านี่แล้ว สิบวันหลังจากนี้ เรามาเจอกัน พวกเราจะติดต่อสมาคมวิชาการ ให้ออกข้อสอบให้เจ็ดโรงเรียนของพวกเราแข่งกับโรงเรียนฟู่จงของแก พวกแกคอยดูเถอะ” พูดจบ เฉาสิงหลงลุกขึ้นออกไป สวี่อู๋อี้และคนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย

      “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันพนันไว้เลย ถ้าบั้นปลายชีวิตฉันสามารถทำให้โรงเรียนโรงเรียนเดียวชนะสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนได้ เกรงว่าตอนฉันตายจะหัวเราะออกมา ฮ่าๆ” หลี่สวินอวี้ดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายหมด ก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากโรงอาหารไป

 

 

                                                   ————————

                   อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                    https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 49 การคัดเลือกแข่งวิชาการ (7) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

       “คุ่นหลง เสี่ยวอวี้ พวกเธอคิดว่ารูปภาพนี้เป็นยังไงบ้าง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองภาพอักษรของกัวไฮว่แวบหนึ่ง ช่างวิจิตรเหมือนกับอักษรที่เขียนที่บ้านเขาไม่มีผิดเพี้ยน

       “อาจารย์ ภาพอักษรนี่หนูดูแล้วไม่เข้าใจค่ะ” หลินอวี้มองอยู่สองนาทีแล้วพูดเบาๆ

       “สวินอวี้ ให้นักเรียนแยกย้ายกันไปเถอะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้วล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงเรียกหลี่สวินอวี้ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

          หลี่สวินอวี้ผงกศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะเรียกซุนหลิงหลิงแล้วพูดกับเธอสองสามคำ

       “ผอ. งั้นจะประกาศรายชื่อผู้แข่งขันครั้งนี้เมื่อไหร่ล่ะคะ” ซุนหลิงหลิงชะงักไปครูหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ 

       “หนึ่งวันหลังจากนี้จะประกาศกันในเว็บบอร์ด ให้ทุกคนรอฟังข่าวก็พอ” พูดจบ หลี่สวินอวี้ก็เดินไปล้อมภาพอักษรนั้นอีกครั้ง

       “นักเรียนทุกคนคะ การแข่งขันรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้ว ขอให้ทุกคนออกจากหอประชุมตามลำดับด้วยนะคะ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันจะประกาศในเว็บโรงเรียนและเว็บบอร์ดในวันพรุ่งนี้ ขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อแสดงความขอบคุณผู้เข้าแข่งขันและกรรมการด้วย การคัดเลือกครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ” ตอนที่ซุนหลิงหลิงบอกว่าสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว สมบูรณ์แบบ? สมบูรณ์แบบเหรอ?

       “พี่หลิงหลิง ในเมื่อการคัดเลือกสิ้นสุดแล้ว งั้นก็ควรบอกชื่อเจ็ดคนแรกสิ พวกเราพนันกันอยู่นะ หรือกรรมการจะบอกเองเลย แค่บอกว่ากัวไฮว่ได้เข้ารอบไหมก็พอแล้ว” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดัง

       “แน่นอนว่ากัวไฮว่เป็นตัวแทนโรงเรียนฟู่จงไปแข่งวิชาการ ส่วนอีกหกรายชื่อที่เหลือค่อยประกาศทีหลัง พวกเรายังต้องดูอักษรพวกนี้อีกสักหน่อย แยกย้ายกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังกับคนด้านล่างเวที

       “สนุกมาก การคัดเลือกครั้งนี้สนุกมากเลย” นักเรียนที่อยู่ล่างเวทีสองสามคนพูดอย่างตื่นเต้น

       “กัวไฮว่ผ่านเข้ารอบ” เด็กหนุ่มมองหน้าฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไอ้ฉิน ตอนนี้คนเยอะ อย่าชักช้า ให้ทุกคนได้ชมความล่ำสันของนายหน่อยสิ”

       “ไอ้บ้า ฉันให้เงินแกล้านนึง แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไป เป็นไง” ฉินอวี้หลงพูดเบาๆ ด้วยใบหน้าอึมครึมขึ้นว่า “ความแค้นเคืองพึงละ มิพึงผูก วันนี้นายยอมให้ฉัน วันหลังถ้ามีเรื่องอะไรในโรงเรียน ก็มาหาฉันได้ ถ้าแกยังดึงดันแบบนี้ กลัวว่าโรงเรียนฟู่จงนี่จะเกิดอันตรายขึ้นนะ”

       “ไอ้ฉิน นี่แกขู่ฉันเหรอ ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำแบบนี้นะ แต่นายก็สาบานเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอานะ อีกอย่าง ฉันไม่ได้ขาดเงินด้วย” เด็กหนุ่มหรี่ตามองฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้น

       “แกจะต้องเสียใจแน่” ฉินอวี้หลงขบฟันพูด

       “พี่ฉ่วง ทำไมกัน พี่รู้จักกับฉินอวี้หลงเหรอ” ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นั่นเอง ชายรูปร่างใหญ่สูงร้อยเก้าสิบเซ็นคนหนึ่งก็เดินเข้ามา มองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดขึ้น

      “หู่จื่อ ไอ้ฉินนี่มันให้เงินปิดปากฉันล้านนึง นายว่าฉันขาดเงินล้านนึงหรือเปล่า” ในเวลานี้เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มที่ดูอ่อนปวกเปียกเมื่อสักครู่ ก็พลันปรากฏความโหดเหี้ยมขึ้นบนร่างกายของเขา

      “เหอะๆ ล้านนึง ไอ้ฉิน อันดับแรกเลยนะ พี่ฉ่วงไม่เคยขาดเงิน อันดับที่สองดูเหมือนว่าตอนนี้นายไม่มีเงินเยอะขนาดนี้นะ ไม่รวมเงินหนึ่งล้านที่แกพนันต้องจ่ายกัวไฮว่ ถ้านายจ่ายคนอื่นด้วยก็เป็นหลายร้อยล้าน” หู่จื่อหรี่ตาพูด

       “หลิวหู่ ดูท่าทางแกก็เอี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยนะ ก็แค่คนใช้ตระกูลหลิว แกกล้าเป็นศัตรูกับฉันแบบนี้เหรอ” ฉินอวี้หลงหรี่ดวงตาแล้วพูดกับหลิวหู่

       “ฉันเป็นคนใช้ตระกูลหลิวก็จริง แต่พี่ฉ่วงไม่ใช่ ผู้นำตระกูลหลิวอยู่นี่ ฉันกลัวว่าตระกูลฉินของแกได้ซวยแน่” เมื่อหู่จื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้หลงก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแส

       “อย่าชักช้า ถ้านายไม่ยอมถอยอีก งั้นฉันให้หู่จื่อช่วยนายได้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “ตระกูลฉิน ดี ฉันจะไว้หน้าตระกูลฉินของนาย เหลือกางเกงในไว้ก็ได้ รีบถอดเร็วเข้า”

      ในขณะที่ฉินอวี้หลงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังพี่น้องทั้งสามคน พวกเจี่ยเปินเปินก็ทำเป็นไม่รู้จักเขา ในขณะเดียวกันก็หมุนศีรษะหันไปทางอื่น เพียงแค่ช่วงขณะฉินอวี้หลงก็เข้าใจแล้วว่าอะไรคือความโดดเดี่ยวเดียวดาย

       “ฉันจะถอด!” พูดจบ ฉินอวี้หลงก็เริ่มถอดเสื้อผ้า ไม่นาน ก็เหลือไว้เพียงแค่กางเกงในหนึ่งตัว

       “ไอ้ฉิน มัวรออะไรอยู่ รีบวิ่งสิ นายคิดว่าพวกเราชอบดูสภาพนายตอนมีอารมณ์หรือไง ฮ่าๆ” หลิวฉ่วงพูดพลางหัวเราะ “หู่จื่อ กัวไฮว่นั่นไม่เลวเลยนะ อย่างน้อยก็ทำให้ฉินอวี้หลงยอมรับผิดได้ สบายจริงๆ วันนี้มีความสุขมากเลย ไปกัน เราไปกินมื้อใหญ่กันดีกว่า” พูดเสร็จ ชายสองคนคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยก็เดินออกจากหอประชุมไป

       “ผอ.คะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้ว คุณต้องรีบประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันนะคะ พวกเราจะนำไปประกาศในหน้าแรกของเว็บโรงเรียนแล้วก็เว็บบอร์ด” นักเรียนออกไปจากหอประชุมกันไปประมาณหนึ่งแล้ว ซุนหลิงหลิงก็เดินมายังเบื้องหน้าของหลี่สวินอวี้อีกครั้ง แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ 

       “หนานกงหลิงโม่ มู่หรงเวยเวย โหยวโยวโยว ถังซี เจ้าเซวียน เฉียนตัวตัว กัวไฮว่ คืนนี้ติดต่อให้พวกเขาถ่ายรูป แล้วก็อัปโหลดรูปลงไป” หลี่สวินอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ “วางแผนแบบนี้น่าจะได้รางวัลในการแข่งวิชาการได้สบายๆ เลย”

      “ตาแก่หลี่ โรงเรียนแกนี่ซ่อนของดีเอาไว้จริงๆ นะ ครั้งนี้ที่หนึ่งน่าจะเป็นของโรงเรียนฟู่จงแกแล้วล่ะ” เฉาสิงหลงมองไปที่อักษรของกัวไฮว่ ประมาณสิบนาที ตัวเขาเองก็มองรสชาติจากอักษรพวกนี้ออก จึงพูดขึ้นอย่างจนใจ

       “ฮ่าๆ เหล่าเฉา ดูแกพูดเข้า ปีหน้า ปีนี้พวกแกเตรียมการเพื่อปีหน้าได้” หลี่สวินอวี้หรี่ตามองผอ.ของแต่ละโรงเรียน แล้วพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ “ไปกัน ไปกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”

         พูดจบ ทุกคนก็เดินไปยังโรงอาหาร หลี่สวินอวี้บอกให้ซุนหลิงหลิงเก็บภาพอักษรไว้ให้ดีจากนั้นก็เดินตามออกไป

      “เหล่าหลี่ เด็กตระกูลหนานกงนั่นมาอยู่ในโรงเรียนแกได้ยังไง ตามหลักแล้ว การแข่งการต่อสู่ปีหน้าเธอก็น่าจะต้องเข้าร่วมด้วยใช่ไหม” ชายแก่ที่คนหนึ่งเดินไปยังข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วพูดขึ้น

       “ผู้นำตระกูลหลี่ส่งมาให้น่ะ อีกปีหนึ่งกว่าจะถึงการแข่งต่อสู้ เขาอยากให้หนานกงหลิงโม่อยู่ที่โรงเรียน อย่างน้อยก็จะไม่ถูกรบกวน” หลี่สวินอวี้พูดอย่างไม่ปิดบัง

      “เหล่าหลี่ ปีนี้พวกนายศักยภาพแกร่งขนาดนี้ กล้าสร้างทีมมาสู้กับทีมเจ็ดโรงเรียนของเราหน่อยไหม” เฉาสิงหลงดื่มเหล้าไปไม่น้อย เขาเดินไปข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วถามขึ้นเสียงดัง

       “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน? เจ็ดโรงเรียนของพวกแกเตรียมจะสร้างสมาพันธ์เหรอ แล้วถ้าพวกแกชนะแล้วที่หนึ่งจะเป็นของใครล่ะ”  หลี่สวินอวี้ถามขึ้นยิ้มๆ

       “เรื่องนี้แกไม่ต้องสนหรอก ดูแค่ว่าแกกล้าตกลงหรือเปล่า” เฉาสิงหลงถามขึ้นด้วยเสียงดัง “ฉันยอมรับว่าฉัน เฉาสิงหลง มีบางด้านที่สู้แกไม่ได้ อย่างเช่นที่แกสั่งสอนกัวไฮว่จนกลายเป็นแบบนี้ แกสุดยอดจริงๆ เลย แต่ถ้าแกอยากให้ฉันนับถือแก งั้นแกก็มาแข่งกับเจ็ดโรงเรียนของพวกเราหน่อย แกกล้าไหมล่ะ”

       “ตาแก่เฉา แกยุฉันเหรอ ฮ่าๆ ฉันรู้ว่าแกยุฉันอยู่ ฉันก็ต้องรับปากสิ การแข่งวิชาการครั้งนี้ ฉันให้พวกแกได้หอมปากหอมคอแน่” หลี่เหล้าถือเหล้าเอาไว้แล้วพูดขึ้นเสียงดัง

       “ดี งั้นเราก็ไม่กินเหล้านี่แล้ว สิบวันหลังจากนี้ เรามาเจอกัน พวกเราจะติดต่อสมาคมวิชาการ ให้ออกข้อสอบให้เจ็ดโรงเรียนของพวกเราแข่งกับโรงเรียนฟู่จงของแก พวกแกคอยดูเถอะ” พูดจบ เฉาสิงหลงลุกขึ้นออกไป สวี่อู๋อี้และคนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย

      “สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันพนันไว้เลย ถ้าบั้นปลายชีวิตฉันสามารถทำให้โรงเรียนโรงเรียนเดียวชนะสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนได้ เกรงว่าตอนฉันตายจะหัวเราะออกมา ฮ่าๆ” หลี่สวินอวี้ดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายหมด ก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากโรงอาหารไป

 

 

                                                   ————————

                   อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                    https://www.kawebook.com/story/6815

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+