[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 164 คดีนองเลือดจากเนื้อแห้ง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 164 คดีนองเลือดจากเนื้อแห้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กัวไฮว่พูดคุยอยู่กับเด็กหนุ่มตระกูลเซวียนหยวนพักหนึ่ง หลังจากรอให้เซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่ไปแล้ว กัวไฮว่ก็ทำการรวบหัวลูบไล้สาวสวยทั้งสอง ทำเอาทั้งสองหน้าแดงก่ำไปหมด

        “ช่วงนี้ต้องทำธุระก่อน รอให้จัดการธุระเสร็จแล้วจะมารับพวกพี่ๆ ดันมาอ่อยผมถึงหน้าประตู ฮึๆ” กัวไฮว่ปล่อยสาวๆ ทั้งสองออก จากนั้นก็ตรงเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่สนใจเด็กสาวหน้าแดงก่ำทั้งสอง

        “พี่เม่ยเอ๋อร์ หมอนี่น่าเกลียดชะมัดเลย” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนเบ้ปากพูด

        “เมื่อกี้ฉันเห็นว่าเธอก็เพลินอยู่นะ ดื่มเหล้าเขาไป กินเนื้อเข้าไป ให้เขาเอาเปรียบหน่อยเถอะ” เมื่อหูเม่ยเอ๋อร์พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนมีสีหน้าตกอกตกใจ คนที่พูดเมื่อกี้คือยายปีศาจเมืองหลวงเหรอ ถูกเขาเอาเปรียบก็ปล่อยไปแบบนี้น่ะเหรอ

        “พี่หลิ่วเยียนยังไม่นอนใช่ไหม คิดถึงผมอยู่เหรอ” กัวไฮว่เห็นสายโทรศัพท์จากหลิ่วเยียน เรื่องประมูลน่ะ ให้ผู้เชี่ยวชาญทำจะน่าเชื่อถือกว่า

        “คิดถึงนายทำไมกัน ได้ยินว่านายไปเมืองหลวงแล้ว ไม่มีอะไรใช่ไหม ไปแอ๊วสาวข้างนอกอีกแล้วใช่ไหมล่ะ” แม้หลิ่วเยียนจะพูดอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าเรื่องจี้เครื่องบินในวันนี้ทำเอาเมืองอู่เฉิงวุ่นวายกันใหญ่ จากนั้นเธอก็รู้ว่ากัวไฮว่เองก็อยู่บนเครื่องบิน เธอรู้สึกตกอกตกใจ ไม่ใช่เพราะกัวไฮว่ทำให้งานประมูลได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมากทั้งยังได้รับกำไรมหาศาล แต่นอกเหนือจากนั้น เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเยอะผู้นี้ไม่เลวเลยจริงๆ คิดไปคิดมาหลิ่วเยียนก็เริ่มหน้าร้อน

        “คิดถึงผมแน่เลย ยังไม่ยอมรับอีก จะมาอายทำไม ผู้ใหญ่กันทั้งนั้น” กัวไฮว่พูดอย่างไม่อ้อมค้อม “วันนี้โทรศัพท์หาพี่มีเรื่องอยากถามหน่อยน่ะ”

        “เรื่องอะไรเหรอ บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องอะไรที่ยากสำหรับผอ. กัวอีกเหรอ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆ

        “ห้างประมูลของพี่น่าจะมีที่เมืองหลวงใช่ไหม ผมอยากจะประมูลของที่ห้างประมูลเมืองหลวงหน่อยน่ะ หนึ่งเลยเพื่อจะได้เอาเงินมาใช้ อีกอย่างอยากจะหาเส้นสายจากงานประมูลหน่อยน่ะ พี่หลิ่วเยียนพอมีวิธีดีๆ ไหม” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “นายถามถูกคนแล้วล่ะ เอางี้นะ นายรอเดี๋ยว คืนนี้ฉันจะทำแผนประชาสัมพันธ์ พรุ่งนี้ฉันจะบินไปเมืองหลวงแต่เช้าเลย แล้วเราค่อยมาคุยกัน ตอนนี้นายอยู่ไหนเหรอ พรุ่งนี้ฉันจะไปหานาย” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ สีหน้าอดแดงระเรื่อขึ้นมาอีกไม่ได้

        “ไม่ต้องรีบ คืนนี้นอนให้เต็มอิ่มเถอะ ไม่งั้นผมคงปวดใจแย่เลย ตอนนี้ผมอยู่ที่หมู่บ้านอวิ๋นหัว พี่มาแล้วก็ติดต่อผมนะเดี๋ยวผมไปรับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ดี งั้นไว้คุยกันพรุ่งนี้นะ” คำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำของกัวไฮว่ทำเอาในใจของหลิ่วเยียนที่ถือสายอยู่อีกฟากนั่นสั่นไหวอีกครั้ง แย่แล้ว ฉันตกหลุมรักเด็กนี่เข้าแล้วจริงๆ หลิ่วเยียนลอบคิดในใจ จะอย่างไรก็นอนไม่หลับ จึงเปิดสมุดโน้ตมาเริ่มวางแผนการ

        “ไอ้น้อง ยังไม่นอนใช่ไหม นายท่านให้ฉันเอาของมาให้นาย บอกว่าน่าจะมีประโยชน์น่ะ” เซวียนหยวนเผิงที่อยู่นอกประตูพูดขึ้นเบาๆ

        “อาสามนี่เอง ให้เด็กมาส่งให้ก็ได้นี่นา ทำไมยังมาส่งเองล่ะครับ รีบเข้ามาเร็ว” กัวไฮว่ต้อนรับเซวียนหยวนเผิงเข้ามาในห้องอย่างยิ้มแย้ม

        “เมื่อกี้ได้ยินนายท่านเล่าเรื่องของเธอ เรื่องตระกูลกู่น่ะจัดการไม่ง่ายหรอกนะ ถ้าเป็นตระกูลอื่นละก็ อย่างน้อยน่าจะไว้หน้าตระกูลเซวียนหยวนกันบ้าง แต่ตระกูลกู่…ไม่พูดแล้วดีกว่า เธอคิดดูเอาเองเถอะ ยังไงซะนายท่านบ้านฉันก็เอ็นดูเธอ” เซวียนหยวนเผิงพูดยิ้มๆ

        “ขอบคุณอาสามที่เตือนนะครับ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบพักผ่อนเถอะ วันนี้วุ่นวายมาทั้งวัน ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน” กัวไฮว่พูดเบาๆ ตระกูลกู่…ดูทรงแล้วจะมีเส้นสนกลในในเมืองหลวงไม่น้อย แต่เมื่อลองคิดๆ ดู อย่างนี้สิถึงจะสนุก ไม่งั้นพวกเธอจะไม่เอาไปลือกันเหรอว่าเซียนผู้ถูกเนรเทศคนนี้รังแกคน

        “เฮอะๆ ไอ้น้อง เฮอะๆ” เซวียนหยวนเผิงไม่ได้มีท่าทีจะออกไป เขามองกัวไฮว่พร้อมกับถูมือขึ้นก่อนจะยิ้มซื่อ

        “อาสาม อย่าทำแบบนี้สิ ผมไม่สนใจผู้ชายจริงๆ ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ผมก็ไม่กล้าสนใจด้วย ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วอาสามรีบกลับไปเถอะ” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็เดินก้าวไปข้างหน้า ท่าทางของเซวียนหยวนเผิงผู้นี้ทำให้กัวไฮว่เกิดความรู้สึกเหมือนคนท้อง นี่ตาแก่ มองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง

        “ไอ้น้อง เมื่อกี้ได้ยินไอ้หนูหู่จื่อบอกว่าพวกเธอกินข้าวกันอีกมื้อที่นี่เหรอ กินอาหารเด็ดไปเยอะเลย เธอก็เห็นนี่ว่าวันนี้อาสามกินไม่อิ่มท้อง ให้อาสามชิมหน่อยสิ” เซวียนหยวนเผิงพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ ใครจะไปนึกว่าดึกดื่นขนาดนี้นายท่านสามแห่งตระกูลเซวียนหยวนจะนอนไม่หลับ แล้วมาหาเด็กคนหนึ่งเพื่อขอของกิน แต่ก็โทษเซวียนหยวนเผิงไม่ได้ เขาดื่มเหล้ารสเลิศอยู่ที่ห้องรับแขก ตอนแรกก็ไม่ได้ดื่มจนติดอะไร ทว่าสุดท้ายบังเอิญเจอเซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่เข้า ทั้งสองบอกว่าของที่กินไปเมื่อกี้มีแต่ที่สวรรค์เท่านั้น บนโลกมนุษย์ไม่มี ทำเอาเซวียนหยวนเผิงข่มใจไม่ไหว

        “อาสาม อย่าหาว่าหลานไม่ได้บอกอาเลยนะ เนื้อที่พวกเรากินเมื่อกี้เนี่ยทำให้ผมเกิดความรู้สึกนึง ว่ามีชีวิตอยู่มาตั้งหลายปีก็อยู่มาเสียเปล่า กินแต่อะไรก็ไม่รู้ ของที่บ้านพวกเราทำให้หมูหมูยังยากจะกินเลย” เซวียนหยวนเวยพูดด้วยท่าทีที่เกินจริง

        “พี่เวย พี่พูดผิดแล้วล่ะ ของที่พวกเรากินน่ะขนาดหมูยังไม่กินเลย อย่าไปพูดกับอาสามเลย พูดไปอาเขาก็ไม่เชื่อหรอก พวกเราเคยกินก็เคยกินไป ยังไงซะอาสามก็ไม่ได้ลาภปากหรอก พี่จะไปทำให้อาเขาอยากทำไม ไปกันๆ” ในขณะที่พูดหู่จื่อก็ลากเซวียนหยวนเวยเดินไป เหลือไว้เพียงแค่เซวียนหยวนเผิงที่มีสีหน้าไม่อาจเชื่อได้

        เดิมทีเซวียนหยวนเผิงเตรียมจะนอนแล้ว ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งนอนไม่หลับ อะไรกันแน่ที่มันอร่อย ฉันต้องไปดูหน่อยแล้ว เมื่อกี้ออกจากบ้านแล้วบังเอิญเจอพ่อของตัวเองพอดี พ่อให้เขาไปส่งของให้กัวไฮว่ บังเอิญดีจริงๆ

        “ก็แค่เนื้อแห้งที่ผมเอาติดตัวมาน่ะ อย่าไปฟังพวกเขาพูดเพ้อเจ้อเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พน้อมกับมองเซวียนหยวนเผิงผู้มีสีหน้าเฝ้าคอย “ในเมื่ออาสามยังกินไม่อิ่ม ผมยังมีอีกหน่อย อาสามเอาไปกินสิครับ” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็เอาเนื้อแห้งใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือสองชิ้นออกมาราวกับร่ายมนตร์

        “เฮอะๆ งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” พูดเสร็จ เซวียนหยวนเผิงก็หยิบชิ้นเนื้อแห้งแล้ววิ่งออกไปราวกับได้สมบัติมา

        “เจ้าสาม จะให้ฉันว่าแกยังไงดี โตขนาดนี้แล้วทำไมยังเป็นม้าดีดกะโหลกแบบนี้ ส่งของไปแล้วหรือยัง” ทันทีที่ถึงบ้านของตนเองเซวียนหยวนเผิงก็เจอกับเซวียนหยวนซยงเฟิงผู้เป็นพ่อของตนเอง

        “พ่อ ส่งของไปแล้วครับ พ่อรีบพักผ่อนเถอะ เรื่องที่พ่อบอกผมบอกพี่ใหญ่แล้ว ต่อไปจะเข้มงวดกับกฎในบ้านแล้วล่ะ แล้วก็จะลงโทษพวกเด็กที่ไม่ฟังคำสั่งสอนด้วย” เซวียนหยวนเผิงเอามือไปไว้ด้านหลังพร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง

        เซวียนหยวนซยงเฟิงผงกศีรษะเบาๆ เด็กๆ ที่เขาสั่งสอนต่างก็เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่สนใจอีก ไม่ช้าไม่นานตระกูลเซวียนหยวนคงได้ล่มสลายแน่

        “คุณปู่ก็อยู่เหรอครับ อาสาม ได้ของกินมาแล้วใช่ไหม อันนั้นใช่ไหม แบ่งให้พวกเราหน่อยสิ” เมื่อเซวียนหยวนเหว่ยกับเซวียนหยวนหู่จื่อเห็นเซวียนหยวนเผิงกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ ทั้งสองก็รีบตามมา ไม่คิดเลยว่าปู่ของตนก็อยู่ด้วย วันนี้โดนสั่งสอนไปเสียหนัก ทั้งสองจึงไม่กลัวอีกแล้ว เดี๋ยวค่อยสั่งสอนอีกสักรอบสิ

        “ของกินอะไรเหรอ เจ้าสาม แกไปเอาของจากใครมา” เซวียนหยวนซยงเฟิงเพิ่งจะสัมผัสได้ว่าท่ายืนของเซวียนหยวนเผิงออกจากพิลึก ยืนอยู่หน้าพ่อของตัวเองแต่แกเอามือไว้หน้าหลัง ล้อเล่นกันเหรอ

        “ปู่ครับ ของอยู่ในมือาสามน่ะ เขาไปเอามาจากพี่ไฮว่ อร่อยมากเลย ปู่ตั้งใจจะกินด้วยกันกับอาสามเหรอ ชิ้นนี้ไม่เล็กเลยนะ เรามากินกันสี่คนดีกว่า พวกคุณเป็นผู้ใหญ่ เคยกินของอร่อยกันมาแล้ว ให้พวกเราได้ชิมหน่อยสิ” หู่จื่อพูดยิ้มๆ ส่วนในขณะนั้นเองเซวียนหยวนเผิงก็หน้าถอดสี

        “เจ้าสาม ใช้ได้นะเนี่ย เอาของอร่อยมาด้วย ไม่เคารพฉันก็ว่าไปอย่าง นี่ยังซ่อนของไว้ของหลังอีก ฉันว่ากฎตระกูลเซวียนหยวนนี่ยังไม่ได้ที่นะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงหรี่ตาพูด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 164 คดีนองเลือดจากเนื้อแห้ง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 164 คดีนองเลือดจากเนื้อแห้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        กัวไฮว่พูดคุยอยู่กับเด็กหนุ่มตระกูลเซวียนหยวนพักหนึ่ง หลังจากรอให้เซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่ไปแล้ว กัวไฮว่ก็ทำการรวบหัวลูบไล้สาวสวยทั้งสอง ทำเอาทั้งสองหน้าแดงก่ำไปหมด

        “ช่วงนี้ต้องทำธุระก่อน รอให้จัดการธุระเสร็จแล้วจะมารับพวกพี่ๆ ดันมาอ่อยผมถึงหน้าประตู ฮึๆ” กัวไฮว่ปล่อยสาวๆ ทั้งสองออก จากนั้นก็ตรงเข้าไปในห้องรับแขกโดยไม่สนใจเด็กสาวหน้าแดงก่ำทั้งสอง

        “พี่เม่ยเอ๋อร์ หมอนี่น่าเกลียดชะมัดเลย” เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนเบ้ปากพูด

        “เมื่อกี้ฉันเห็นว่าเธอก็เพลินอยู่นะ ดื่มเหล้าเขาไป กินเนื้อเข้าไป ให้เขาเอาเปรียบหน่อยเถอะ” เมื่อหูเม่ยเอ๋อร์พูดเสร็จก็เดินเข้าห้องนอนไป ปล่อยให้เซวียนหยวนเชี่ยนเชี่ยนมีสีหน้าตกอกตกใจ คนที่พูดเมื่อกี้คือยายปีศาจเมืองหลวงเหรอ ถูกเขาเอาเปรียบก็ปล่อยไปแบบนี้น่ะเหรอ

        “พี่หลิ่วเยียนยังไม่นอนใช่ไหม คิดถึงผมอยู่เหรอ” กัวไฮว่เห็นสายโทรศัพท์จากหลิ่วเยียน เรื่องประมูลน่ะ ให้ผู้เชี่ยวชาญทำจะน่าเชื่อถือกว่า

        “คิดถึงนายทำไมกัน ได้ยินว่านายไปเมืองหลวงแล้ว ไม่มีอะไรใช่ไหม ไปแอ๊วสาวข้างนอกอีกแล้วใช่ไหมล่ะ” แม้หลิ่วเยียนจะพูดอย่างเป็นธรรมชาติ ทว่าเรื่องจี้เครื่องบินในวันนี้ทำเอาเมืองอู่เฉิงวุ่นวายกันใหญ่ จากนั้นเธอก็รู้ว่ากัวไฮว่เองก็อยู่บนเครื่องบิน เธอรู้สึกตกอกตกใจ ไม่ใช่เพราะกัวไฮว่ทำให้งานประมูลได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมากทั้งยังได้รับกำไรมหาศาล แต่นอกเหนือจากนั้น เด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตนเยอะผู้นี้ไม่เลวเลยจริงๆ คิดไปคิดมาหลิ่วเยียนก็เริ่มหน้าร้อน

        “คิดถึงผมแน่เลย ยังไม่ยอมรับอีก จะมาอายทำไม ผู้ใหญ่กันทั้งนั้น” กัวไฮว่พูดอย่างไม่อ้อมค้อม “วันนี้โทรศัพท์หาพี่มีเรื่องอยากถามหน่อยน่ะ”

        “เรื่องอะไรเหรอ บนโลกใบนี้ยังมีเรื่องอะไรที่ยากสำหรับผอ. กัวอีกเหรอ” หลิ่วเยียนพูดยิ้มๆ

        “ห้างประมูลของพี่น่าจะมีที่เมืองหลวงใช่ไหม ผมอยากจะประมูลของที่ห้างประมูลเมืองหลวงหน่อยน่ะ หนึ่งเลยเพื่อจะได้เอาเงินมาใช้ อีกอย่างอยากจะหาเส้นสายจากงานประมูลหน่อยน่ะ พี่หลิ่วเยียนพอมีวิธีดีๆ ไหม” กัวไฮว่ถามยิ้มๆ

        “นายถามถูกคนแล้วล่ะ เอางี้นะ นายรอเดี๋ยว คืนนี้ฉันจะทำแผนประชาสัมพันธ์ พรุ่งนี้ฉันจะบินไปเมืองหลวงแต่เช้าเลย แล้วเราค่อยมาคุยกัน ตอนนี้นายอยู่ไหนเหรอ พรุ่งนี้ฉันจะไปหานาย” หลิ่วเยียนพูดเบาๆ สีหน้าอดแดงระเรื่อขึ้นมาอีกไม่ได้

        “ไม่ต้องรีบ คืนนี้นอนให้เต็มอิ่มเถอะ ไม่งั้นผมคงปวดใจแย่เลย ตอนนี้ผมอยู่ที่หมู่บ้านอวิ๋นหัว พี่มาแล้วก็ติดต่อผมนะเดี๋ยวผมไปรับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ดี งั้นไว้คุยกันพรุ่งนี้นะ” คำพูดง่ายๆ ไม่กี่คำของกัวไฮว่ทำเอาในใจของหลิ่วเยียนที่ถือสายอยู่อีกฟากนั่นสั่นไหวอีกครั้ง แย่แล้ว ฉันตกหลุมรักเด็กนี่เข้าแล้วจริงๆ หลิ่วเยียนลอบคิดในใจ จะอย่างไรก็นอนไม่หลับ จึงเปิดสมุดโน้ตมาเริ่มวางแผนการ

        “ไอ้น้อง ยังไม่นอนใช่ไหม นายท่านให้ฉันเอาของมาให้นาย บอกว่าน่าจะมีประโยชน์น่ะ” เซวียนหยวนเผิงที่อยู่นอกประตูพูดขึ้นเบาๆ

        “อาสามนี่เอง ให้เด็กมาส่งให้ก็ได้นี่นา ทำไมยังมาส่งเองล่ะครับ รีบเข้ามาเร็ว” กัวไฮว่ต้อนรับเซวียนหยวนเผิงเข้ามาในห้องอย่างยิ้มแย้ม

        “เมื่อกี้ได้ยินนายท่านเล่าเรื่องของเธอ เรื่องตระกูลกู่น่ะจัดการไม่ง่ายหรอกนะ ถ้าเป็นตระกูลอื่นละก็ อย่างน้อยน่าจะไว้หน้าตระกูลเซวียนหยวนกันบ้าง แต่ตระกูลกู่…ไม่พูดแล้วดีกว่า เธอคิดดูเอาเองเถอะ ยังไงซะนายท่านบ้านฉันก็เอ็นดูเธอ” เซวียนหยวนเผิงพูดยิ้มๆ

        “ขอบคุณอาสามที่เตือนนะครับ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้วก็รีบพักผ่อนเถอะ วันนี้วุ่นวายมาทั้งวัน ผมเองก็เหนื่อยเหมือนกัน” กัวไฮว่พูดเบาๆ ตระกูลกู่…ดูทรงแล้วจะมีเส้นสนกลในในเมืองหลวงไม่น้อย แต่เมื่อลองคิดๆ ดู อย่างนี้สิถึงจะสนุก ไม่งั้นพวกเธอจะไม่เอาไปลือกันเหรอว่าเซียนผู้ถูกเนรเทศคนนี้รังแกคน

        “เฮอะๆ ไอ้น้อง เฮอะๆ” เซวียนหยวนเผิงไม่ได้มีท่าทีจะออกไป เขามองกัวไฮว่พร้อมกับถูมือขึ้นก่อนจะยิ้มซื่อ

        “อาสาม อย่าทำแบบนี้สิ ผมไม่สนใจผู้ชายจริงๆ ผู้หญิงหน้าตาบ้านๆ ผมก็ไม่กล้าสนใจด้วย ถ้าไม่มีธุระอะไรแล้วอาสามรีบกลับไปเถอะ” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็เดินก้าวไปข้างหน้า ท่าทางของเซวียนหยวนเผิงผู้นี้ทำให้กัวไฮว่เกิดความรู้สึกเหมือนคนท้อง นี่ตาแก่ มองฉันแบบนี้หมายความว่ายังไง

        “ไอ้น้อง เมื่อกี้ได้ยินไอ้หนูหู่จื่อบอกว่าพวกเธอกินข้าวกันอีกมื้อที่นี่เหรอ กินอาหารเด็ดไปเยอะเลย เธอก็เห็นนี่ว่าวันนี้อาสามกินไม่อิ่มท้อง ให้อาสามชิมหน่อยสิ” เซวียนหยวนเผิงพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ ใครจะไปนึกว่าดึกดื่นขนาดนี้นายท่านสามแห่งตระกูลเซวียนหยวนจะนอนไม่หลับ แล้วมาหาเด็กคนหนึ่งเพื่อขอของกิน แต่ก็โทษเซวียนหยวนเผิงไม่ได้ เขาดื่มเหล้ารสเลิศอยู่ที่ห้องรับแขก ตอนแรกก็ไม่ได้ดื่มจนติดอะไร ทว่าสุดท้ายบังเอิญเจอเซวียนหยวนเวยกับเซวียนหยวนหู่เข้า ทั้งสองบอกว่าของที่กินไปเมื่อกี้มีแต่ที่สวรรค์เท่านั้น บนโลกมนุษย์ไม่มี ทำเอาเซวียนหยวนเผิงข่มใจไม่ไหว

        “อาสาม อย่าหาว่าหลานไม่ได้บอกอาเลยนะ เนื้อที่พวกเรากินเมื่อกี้เนี่ยทำให้ผมเกิดความรู้สึกนึง ว่ามีชีวิตอยู่มาตั้งหลายปีก็อยู่มาเสียเปล่า กินแต่อะไรก็ไม่รู้ ของที่บ้านพวกเราทำให้หมูหมูยังยากจะกินเลย” เซวียนหยวนเวยพูดด้วยท่าทีที่เกินจริง

        “พี่เวย พี่พูดผิดแล้วล่ะ ของที่พวกเรากินน่ะขนาดหมูยังไม่กินเลย อย่าไปพูดกับอาสามเลย พูดไปอาเขาก็ไม่เชื่อหรอก พวกเราเคยกินก็เคยกินไป ยังไงซะอาสามก็ไม่ได้ลาภปากหรอก พี่จะไปทำให้อาเขาอยากทำไม ไปกันๆ” ในขณะที่พูดหู่จื่อก็ลากเซวียนหยวนเวยเดินไป เหลือไว้เพียงแค่เซวียนหยวนเผิงที่มีสีหน้าไม่อาจเชื่อได้

        เดิมทีเซวียนหยวนเผิงเตรียมจะนอนแล้ว ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งนอนไม่หลับ อะไรกันแน่ที่มันอร่อย ฉันต้องไปดูหน่อยแล้ว เมื่อกี้ออกจากบ้านแล้วบังเอิญเจอพ่อของตัวเองพอดี พ่อให้เขาไปส่งของให้กัวไฮว่ บังเอิญดีจริงๆ

        “ก็แค่เนื้อแห้งที่ผมเอาติดตัวมาน่ะ อย่าไปฟังพวกเขาพูดเพ้อเจ้อเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ พน้อมกับมองเซวียนหยวนเผิงผู้มีสีหน้าเฝ้าคอย “ในเมื่ออาสามยังกินไม่อิ่ม ผมยังมีอีกหน่อย อาสามเอาไปกินสิครับ” ในขณะที่พูดกัวไฮว่ก็เอาเนื้อแห้งใหญ่ขนาดเท่าฝ่ามือสองชิ้นออกมาราวกับร่ายมนตร์

        “เฮอะๆ งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” พูดเสร็จ เซวียนหยวนเผิงก็หยิบชิ้นเนื้อแห้งแล้ววิ่งออกไปราวกับได้สมบัติมา

        “เจ้าสาม จะให้ฉันว่าแกยังไงดี โตขนาดนี้แล้วทำไมยังเป็นม้าดีดกะโหลกแบบนี้ ส่งของไปแล้วหรือยัง” ทันทีที่ถึงบ้านของตนเองเซวียนหยวนเผิงก็เจอกับเซวียนหยวนซยงเฟิงผู้เป็นพ่อของตนเอง

        “พ่อ ส่งของไปแล้วครับ พ่อรีบพักผ่อนเถอะ เรื่องที่พ่อบอกผมบอกพี่ใหญ่แล้ว ต่อไปจะเข้มงวดกับกฎในบ้านแล้วล่ะ แล้วก็จะลงโทษพวกเด็กที่ไม่ฟังคำสั่งสอนด้วย” เซวียนหยวนเผิงเอามือไปไว้ด้านหลังพร้อมกับพูดด้วยเสียงดัง

        เซวียนหยวนซยงเฟิงผงกศีรษะเบาๆ เด็กๆ ที่เขาสั่งสอนต่างก็เป็นเช่นนี้ ถ้าไม่สนใจอีก ไม่ช้าไม่นานตระกูลเซวียนหยวนคงได้ล่มสลายแน่

        “คุณปู่ก็อยู่เหรอครับ อาสาม ได้ของกินมาแล้วใช่ไหม อันนั้นใช่ไหม แบ่งให้พวกเราหน่อยสิ” เมื่อเซวียนหยวนเหว่ยกับเซวียนหยวนหู่จื่อเห็นเซวียนหยวนเผิงกลับมาด้วยท่าทางตื่นเต้นดีใจ ทั้งสองก็รีบตามมา ไม่คิดเลยว่าปู่ของตนก็อยู่ด้วย วันนี้โดนสั่งสอนไปเสียหนัก ทั้งสองจึงไม่กลัวอีกแล้ว เดี๋ยวค่อยสั่งสอนอีกสักรอบสิ

        “ของกินอะไรเหรอ เจ้าสาม แกไปเอาของจากใครมา” เซวียนหยวนซยงเฟิงเพิ่งจะสัมผัสได้ว่าท่ายืนของเซวียนหยวนเผิงออกจากพิลึก ยืนอยู่หน้าพ่อของตัวเองแต่แกเอามือไว้หน้าหลัง ล้อเล่นกันเหรอ

        “ปู่ครับ ของอยู่ในมือาสามน่ะ เขาไปเอามาจากพี่ไฮว่ อร่อยมากเลย ปู่ตั้งใจจะกินด้วยกันกับอาสามเหรอ ชิ้นนี้ไม่เล็กเลยนะ เรามากินกันสี่คนดีกว่า พวกคุณเป็นผู้ใหญ่ เคยกินของอร่อยกันมาแล้ว ให้พวกเราได้ชิมหน่อยสิ” หู่จื่อพูดยิ้มๆ ส่วนในขณะนั้นเองเซวียนหยวนเผิงก็หน้าถอดสี

        “เจ้าสาม ใช้ได้นะเนี่ย เอาของอร่อยมาด้วย ไม่เคารพฉันก็ว่าไปอย่าง นี่ยังซ่อนของไว้ของหลังอีก ฉันว่ากฎตระกูลเซวียนหยวนนี่ยังไม่ได้ที่นะ” เซวียนหยวนซยงเฟิงหรี่ตาพูด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+