[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 33 ลองพู่กัน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 33 ลองพู่กัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อืมไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มได้ข่าวมาจากไหนเหรอ”มู่ชิงไป๋ชะงักไปความจริงแล้วพู่กันด้ามนี้เป็นของดีทว่าที่มาไม่ค่อยดีนักเพื่อนที่ชอบเครื่องประดับคนหนึ่งได้มาจากตลาดมืดตัวเขาเองก็ซื้อมาในราคาสูงนอกจากคนคุ้นเคยในวงการไม่กี่คนแล้วเกรงว่าคนนอกจะไม่มีทางรู้

        “ในยุทธภพล้วนไม่มีความลับในเมื่อคุณปู่ทำการค้าก็เอามาให้พวกผมดูหน่อยสิ”กัวไฮว่หรี่ตาพูดข่าวมาจากที่ไหนน่ะหรือข้าจะไปบอกได้อย่างไรว่าข้ารู้สิ่งที่เจ้าคิดอยู่ในใจ

        “ฮ่าๆน่าสนใจนี่รอหน่อยนะพ่อหนุ่มเดี๋ยวฉันมา”มู่ชิงไป๋พูดพลางเดินเข้าไปข้างในร้านอีกครั้งไม่นานก็เดินออกมาพร้อมมีพู่กันสิบกว่าด้ามถืออยู่ในมือ

        “เหมือนที่พ่อหนุ่มบอกนั่นแหละทำการค้าในเมื่อพ่อหนุ่มเองก็รู้ที่มาของพู่กันด้ามนี้ฉันก็จะไม่ปิดบังล่ะนะ”มู่ชิงไป๋ก็เอาพู่กันในมือมาวางเรียงรายอีกครั้ง“หนึ่งในด้ามนั่นฉันจ่ายไปสามแสนพวกเธอเลือกเอาเถอะถ้าเลือกถูกพวกเธอก็ได้ของไปถ้าเลือกไม่ถูกฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะแบบนี้ดีไหมพ่อหนุ่ม”

        “ฮ่าๆคุณปู่เจ้าแผนการจริงๆเลือกหนึ่งในสามสิบน่าสนใจดีนี่”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เราไม่เอาพู่กันนั่นแล้วดีไหมเราซื้อแท่นหมึกกันเถอะท่านปรมาจารย์ไม่สนใจของพวกนี้หรอก”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆสามแสนน่ะเธอจ่ายได้ทว่าถ้าเลือกไม่ถูกกัวไฮว่จะต้องเสียหน้าเอา

        “พ่อหนุ่มยั้งมือตอนนี้ยังไม่สายนะถ้าไม่พนันฉันก็เก็บพู่กันกลับมาแล้วเดี๋ยวลดราคาแท่นหมึกให้”มู่ชิงไป๋พูดด้วยความพออกพอใจ

        “คุณปู่นี่บัตรเอทีเอ็มคุณรูดไปก่อนเลยสามแสนเดี๋ยวไม่ว่าจะเลือกถูกหรือผิดก็เป็นเรื่องของผม”กัวไฮว่พูดพลางส่งบัตรเอทีเอ็มให้มู่ชิงไป๋

        “ยายหนูเวยเวยครั้งนี้ฉันเจอปรมาจารย์เป็นครั้งแรกเงินนี่ฉันจ่ายเองของก็ถือว่าฉันเป็นคนซื้อเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่พู่กันหลายด้ามนี่ฉันเคยเห็นแล้วด้ามที่สามกับด้ามที่เจ็ดในนั้นเป็นพู่กันแกะสลักไม้ไผ่จากยุคสาธารณรัฐด้ามที่ห้ากับด้ามที่สิบน่าจะเป็นของสมัยราชวงศ์ชิงอันอื่นฉันจำไม่ได้น่าจะทำให้ดูเก่าฉันดูไม่ออก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ยายหนูเก่งนะเนี่ยคัดออกไปได้ตั้งสี่ด้ามช่างเถอะเลือกหนึ่งในเก้าฉันเสียเปรียบแล้วล่ะ”แม้ปากมู่ชิงไป๋จะพูดเช่นนั้นทว่าในใจยังรื่นรมย์ยินดี

        กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้าเขาไม่ได้หยิบพู่กันบนโต๊ะไปเพียงแต่พินิจมองแต่ละด้าม

        “พ่อหนุ่มเป็นไงถ้าไม่เลือกอีกฉันจะไล่แกออกจากร้านแล้วนะ”ประมาณสิบนาทีมู่ชิงไป๋ก็ถือกาน้ำชาในมือเดินเข้ามาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ประหลาดประหลาดจริงๆพู่กันเก้าด้ามมาจากปลายวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิงห้าด้ามราคาไม่ถูกเป็นสินค้ายุคใกล้สองด้ามแต่ว่าก็เป็นของที่ปรมาจารย์ทำออกมาเมื่อดูจากวัสดุแล้วก็วิธีทำให้ดูเก่าแล้วเรียกได้ว่าล้วนแต่เป็นของชั้นดีเทียบได้กับพู่กันแกะสลักไผ่ของสมัยจักรพรรดิว่านลี่ได้เลย”

        “อีกสองด้ามล่ะ”มู่ชิงไป๋ถามตามสัญชาติญาณ

        “สองด้ามที่เหลือเป็นพู่กันสลักไม้ไผ่ของจักรพรรดิว่านลี่อันหนึ่งเป็นลายบุปผาปักษาอีกอันเป็นลายมวลบุปผา”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆพ่อหนุ่มก็มีหลักการดีนะอยากได้คำชี้แนะจากฉันหน่อยไหม”มู่ชิงไป๋พูดอย่างแสร้งทำเป็นใจเย็น

        “จะว่าไปผมว่าด้ามนี้ก็สะดุดตาดีนะไม่ว่าจะใช่ด้ามนี้ไหมก็จะเลือกด้ามนี้”มือของกัวไฮว่วางไว้บนพู่กันด้ามหนึ่ง

        “คุณปู่ไม่ต้องห่อให้หรอกพู่กันนี่ผมเอาไปแล้วนะฮ่าๆ”กัวไฮว่ยิ้มพลางดึงมือมู่หรงเวยเวยเดินออกไปข้างนอก

        “รอก่อนพ่อหนุ่มรอก่อน”ในขณะที่มู่ชิงไป๋วางมือไว้บนพู่กันด้ามแรกในใจพลันว่างเปล่าตระหนกตกใจพู่กันนั่นเขาจ่ายเงินซื้อไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแม้ครั้งนี้จะราคาสามหมื่นทว่าสำหรับคนที่มีงานอดิเรกเป็นการเขียนพู่กันแล้วในบรรดาสมบัติทั้งสี่[1]พู่กันมักจะเป็นอันดับหนึ่งใครมันจะยินดีเสียพู่กันดีๆไปด้ามหนึ่งกันล่ะ

        “ทำไมคุณปู่เสียใจแล้วเหรอ”กัวไฮว่หยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาถาม

        “กล้าพนันก็กล้ารับผลไม่อะไรให้เสียใจหรอกแต่ว่าไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มจะเอาพู่กันด้ามนี้ให้ใครเหรอ”มู่ชิงไป๋ถามขึ้นเสียงเบา

        “คุณปู่มู่นี่ออกจะเกินขอบเขตการทำการค้าของปู่แล้วนะคะ”กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูดมู่หรงเวยเวยก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาแม้จะเสียงไม่ดังทว่ามู่ชิงไป๋ก็สามารถฟังออกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็โทษตัวเขาเองถ้าตอนนั้นตั้งราคาขายให้พวกเขาก็แล้วไปทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย

        “ขอโทษด้วยนะคราวหน้าเชิญทั้งสองคนมาอีกล่ะ”พูดจบมู่ชิงไป๋ก็มองทั้งสองคนเดินออกไปไกล

        “น่าเกลียดจริงๆ”มู่หรงเวยเวยยู่ปากพูด“ที่ว่ากันว่าแก่แล้วไม่ตายจะกลายเป็นขโมยเมื่อก่อนไม่ได้คิดตอนนี้พบว่าน่าจะจริง”

        “ฮ่าๆไม่คิดเลยว่าคุณหนูมู่หรงเวยเวยของเราจะโกรธด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ก็ว่าตาแก่มู่นั่นไม่ได้พู่กันด้ามนี้เขาซื้อมาแสนห้าถ้าเอาไปขายในงานประมูลน่าจะประมูลได้สักประมาณแปดแสน”

        “พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าพู่กันด้ามนี้เป็นพู่กันด้ามที่เขาได้มาอีกอย่างทำไมพี่ถึงรู้ว่าเขามีพู่กันแบบนี้ล่ะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเสียงค่อย

        “เพราะฉันรู้น่ะสิว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ก็เหมือนกับที่เวยเวยคิดอยู่ในใจไงว่าพี่ไฮว่โม้อีกแล้ว”

        เมื่อได้ยินคำพูดของกัวไฮว่มู่หรงเวยเวยก็พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะกัวไฮว่ทายความคิดเมื่อสักครู่ของเธอถูก

        “พี่ไฮว่ท่านปรมาจารย์ชอบความสงบเดี๋ยวไปถึงที่นั่นพี่ต้องฟังฉันนะ”ทั้งสองเดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นเสียงเบา

        “อืมจะเชื่อฟังเธอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ว่าถ้าปรมาจารย์เจอฉันกลัวว่าจะไม่ชอบความสงบแต่ไปชอบเหล้าแทนน่ะสิฮ่าๆ”

        “ดูพูดเข้าทำอย่างกับท่านปรมารจารย์โลภมาก”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆอย่างยากจะหาได้“ถ้าท่านปรมาจารย์ให้พี่วิจารณ์งานของเขาดูออกเท่าไหร่ก็พูดไปเท่านั้นนะอย่าพูดมั่วเด็ดขาด”

        “วางใจเถอะฉันรู้หรอกน่า”กัวไฮว่พูดยิ้มๆทั้งสองคนพูดไปยิ้มตลอดทางจนเดินถึงหน้าประตูบ้านพักหลังใหญ่

        “ที่นี่แหละฉันไปเคาะประตูนะ”มู่หรงเวยเวยก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตูใหญ่เบาๆสามครั้ง

        “สวัสดีค่ะอู๋มาคุณปู่อยู่ใช่ไหมคะ”ผู้ที่เปิดประตูคือผู้หญิงอายุราวห้าสิบปีท่านหนึ่งใส่ชุดเรียบง่ายใบหน้ายิ้มแย้ม

        “เวยเวยนายท่านบ่นว่าเธอจะมาตั้งแต่เช้าแล้วรีบเข้ามาเร็วเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันทำของอร่อยๆให้เธอกินนะ”อู๋มาพูดยิ้มๆ“วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอเข้ามาด้วยกันสิอย่ายืนนิ่งอยู่นอกประตูอยู่เลย”

        “เวยเวยเมื่อวานนายท่านไปโรงเรียนของพวกเธอมาทำไมเธอไม่ดูแลกันหน่อยล่ะดื่มเหล้าไปไม่น้อยเลยแต่ยังดีนะกินเหล้าไปครั้งนี้ไม่ได้พูดจามั่วซั่วหมอก็มาตรวจดูอาการแล้วไม่เป็นไร”อู๋มาพูดยิ้มๆ

        “ฉันพาผู้ร้ายมาแล้วค่ะเหล้านี่เขาเป็นคนให้คุณปู่กินเอง”มู่หรงเวยเวยพูดพลางชี้ไปทางกัวไฮว่ที่อยู่ด้านหลัง

        “สวัสดีครับอู๋มาครั้งนี้รีบมาเลยไม่ได้เอาของขวัญอะไรมาให้เลยหลายวันก่อนผมซื้อของเล่นมาจากร้านถนนขายของโบราณสายหนึ่งผมให้อู๋มานะครับเอาไปให้หลานชายเถอะเถ้าแก่ที่ขายของชิ้นนี้บอกไว้ว่าของนี่เป็นสิ่งมงคลขับไล่มาร”กัวไฮว่พูดแล้วยื่นเครื่องห้อยเจ้าแม่กวนอิมให้อู๋มา

        
 

        [1]สี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือประกอบไปด้วยพู่กันกระดาษจานฝนหมึกและหมึก

 

                                                               ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 33 ลองพู่กัน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 33 ลองพู่กัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อืมไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มได้ข่าวมาจากไหนเหรอ”มู่ชิงไป๋ชะงักไปความจริงแล้วพู่กันด้ามนี้เป็นของดีทว่าที่มาไม่ค่อยดีนักเพื่อนที่ชอบเครื่องประดับคนหนึ่งได้มาจากตลาดมืดตัวเขาเองก็ซื้อมาในราคาสูงนอกจากคนคุ้นเคยในวงการไม่กี่คนแล้วเกรงว่าคนนอกจะไม่มีทางรู้

        “ในยุทธภพล้วนไม่มีความลับในเมื่อคุณปู่ทำการค้าก็เอามาให้พวกผมดูหน่อยสิ”กัวไฮว่หรี่ตาพูดข่าวมาจากที่ไหนน่ะหรือข้าจะไปบอกได้อย่างไรว่าข้ารู้สิ่งที่เจ้าคิดอยู่ในใจ

        “ฮ่าๆน่าสนใจนี่รอหน่อยนะพ่อหนุ่มเดี๋ยวฉันมา”มู่ชิงไป๋พูดพลางเดินเข้าไปข้างในร้านอีกครั้งไม่นานก็เดินออกมาพร้อมมีพู่กันสิบกว่าด้ามถืออยู่ในมือ

        “เหมือนที่พ่อหนุ่มบอกนั่นแหละทำการค้าในเมื่อพ่อหนุ่มเองก็รู้ที่มาของพู่กันด้ามนี้ฉันก็จะไม่ปิดบังล่ะนะ”มู่ชิงไป๋ก็เอาพู่กันในมือมาวางเรียงรายอีกครั้ง“หนึ่งในด้ามนั่นฉันจ่ายไปสามแสนพวกเธอเลือกเอาเถอะถ้าเลือกถูกพวกเธอก็ได้ของไปถ้าเลือกไม่ถูกฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะแบบนี้ดีไหมพ่อหนุ่ม”

        “ฮ่าๆคุณปู่เจ้าแผนการจริงๆเลือกหนึ่งในสามสิบน่าสนใจดีนี่”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เราไม่เอาพู่กันนั่นแล้วดีไหมเราซื้อแท่นหมึกกันเถอะท่านปรมาจารย์ไม่สนใจของพวกนี้หรอก”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆสามแสนน่ะเธอจ่ายได้ทว่าถ้าเลือกไม่ถูกกัวไฮว่จะต้องเสียหน้าเอา

        “พ่อหนุ่มยั้งมือตอนนี้ยังไม่สายนะถ้าไม่พนันฉันก็เก็บพู่กันกลับมาแล้วเดี๋ยวลดราคาแท่นหมึกให้”มู่ชิงไป๋พูดด้วยความพออกพอใจ

        “คุณปู่นี่บัตรเอทีเอ็มคุณรูดไปก่อนเลยสามแสนเดี๋ยวไม่ว่าจะเลือกถูกหรือผิดก็เป็นเรื่องของผม”กัวไฮว่พูดพลางส่งบัตรเอทีเอ็มให้มู่ชิงไป๋

        “ยายหนูเวยเวยครั้งนี้ฉันเจอปรมาจารย์เป็นครั้งแรกเงินนี่ฉันจ่ายเองของก็ถือว่าฉันเป็นคนซื้อเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่พู่กันหลายด้ามนี่ฉันเคยเห็นแล้วด้ามที่สามกับด้ามที่เจ็ดในนั้นเป็นพู่กันแกะสลักไม้ไผ่จากยุคสาธารณรัฐด้ามที่ห้ากับด้ามที่สิบน่าจะเป็นของสมัยราชวงศ์ชิงอันอื่นฉันจำไม่ได้น่าจะทำให้ดูเก่าฉันดูไม่ออก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ยายหนูเก่งนะเนี่ยคัดออกไปได้ตั้งสี่ด้ามช่างเถอะเลือกหนึ่งในเก้าฉันเสียเปรียบแล้วล่ะ”แม้ปากมู่ชิงไป๋จะพูดเช่นนั้นทว่าในใจยังรื่นรมย์ยินดี

        กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้าเขาไม่ได้หยิบพู่กันบนโต๊ะไปเพียงแต่พินิจมองแต่ละด้าม

        “พ่อหนุ่มเป็นไงถ้าไม่เลือกอีกฉันจะไล่แกออกจากร้านแล้วนะ”ประมาณสิบนาทีมู่ชิงไป๋ก็ถือกาน้ำชาในมือเดินเข้ามาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ประหลาดประหลาดจริงๆพู่กันเก้าด้ามมาจากปลายวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิงห้าด้ามราคาไม่ถูกเป็นสินค้ายุคใกล้สองด้ามแต่ว่าก็เป็นของที่ปรมาจารย์ทำออกมาเมื่อดูจากวัสดุแล้วก็วิธีทำให้ดูเก่าแล้วเรียกได้ว่าล้วนแต่เป็นของชั้นดีเทียบได้กับพู่กันแกะสลักไผ่ของสมัยจักรพรรดิว่านลี่ได้เลย”

        “อีกสองด้ามล่ะ”มู่ชิงไป๋ถามตามสัญชาติญาณ

        “สองด้ามที่เหลือเป็นพู่กันสลักไม้ไผ่ของจักรพรรดิว่านลี่อันหนึ่งเป็นลายบุปผาปักษาอีกอันเป็นลายมวลบุปผา”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆพ่อหนุ่มก็มีหลักการดีนะอยากได้คำชี้แนะจากฉันหน่อยไหม”มู่ชิงไป๋พูดอย่างแสร้งทำเป็นใจเย็น

        “จะว่าไปผมว่าด้ามนี้ก็สะดุดตาดีนะไม่ว่าจะใช่ด้ามนี้ไหมก็จะเลือกด้ามนี้”มือของกัวไฮว่วางไว้บนพู่กันด้ามหนึ่ง

        “คุณปู่ไม่ต้องห่อให้หรอกพู่กันนี่ผมเอาไปแล้วนะฮ่าๆ”กัวไฮว่ยิ้มพลางดึงมือมู่หรงเวยเวยเดินออกไปข้างนอก

        “รอก่อนพ่อหนุ่มรอก่อน”ในขณะที่มู่ชิงไป๋วางมือไว้บนพู่กันด้ามแรกในใจพลันว่างเปล่าตระหนกตกใจพู่กันนั่นเขาจ่ายเงินซื้อไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแม้ครั้งนี้จะราคาสามหมื่นทว่าสำหรับคนที่มีงานอดิเรกเป็นการเขียนพู่กันแล้วในบรรดาสมบัติทั้งสี่[1]พู่กันมักจะเป็นอันดับหนึ่งใครมันจะยินดีเสียพู่กันดีๆไปด้ามหนึ่งกันล่ะ

        “ทำไมคุณปู่เสียใจแล้วเหรอ”กัวไฮว่หยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาถาม

        “กล้าพนันก็กล้ารับผลไม่อะไรให้เสียใจหรอกแต่ว่าไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มจะเอาพู่กันด้ามนี้ให้ใครเหรอ”มู่ชิงไป๋ถามขึ้นเสียงเบา

        “คุณปู่มู่นี่ออกจะเกินขอบเขตการทำการค้าของปู่แล้วนะคะ”กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูดมู่หรงเวยเวยก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาแม้จะเสียงไม่ดังทว่ามู่ชิงไป๋ก็สามารถฟังออกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็โทษตัวเขาเองถ้าตอนนั้นตั้งราคาขายให้พวกเขาก็แล้วไปทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย

        “ขอโทษด้วยนะคราวหน้าเชิญทั้งสองคนมาอีกล่ะ”พูดจบมู่ชิงไป๋ก็มองทั้งสองคนเดินออกไปไกล

        “น่าเกลียดจริงๆ”มู่หรงเวยเวยยู่ปากพูด“ที่ว่ากันว่าแก่แล้วไม่ตายจะกลายเป็นขโมยเมื่อก่อนไม่ได้คิดตอนนี้พบว่าน่าจะจริง”

        “ฮ่าๆไม่คิดเลยว่าคุณหนูมู่หรงเวยเวยของเราจะโกรธด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ก็ว่าตาแก่มู่นั่นไม่ได้พู่กันด้ามนี้เขาซื้อมาแสนห้าถ้าเอาไปขายในงานประมูลน่าจะประมูลได้สักประมาณแปดแสน”

        “พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าพู่กันด้ามนี้เป็นพู่กันด้ามที่เขาได้มาอีกอย่างทำไมพี่ถึงรู้ว่าเขามีพู่กันแบบนี้ล่ะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเสียงค่อย

        “เพราะฉันรู้น่ะสิว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ก็เหมือนกับที่เวยเวยคิดอยู่ในใจไงว่าพี่ไฮว่โม้อีกแล้ว”

        เมื่อได้ยินคำพูดของกัวไฮว่มู่หรงเวยเวยก็พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะกัวไฮว่ทายความคิดเมื่อสักครู่ของเธอถูก

        “พี่ไฮว่ท่านปรมาจารย์ชอบความสงบเดี๋ยวไปถึงที่นั่นพี่ต้องฟังฉันนะ”ทั้งสองเดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นเสียงเบา

        “อืมจะเชื่อฟังเธอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ว่าถ้าปรมาจารย์เจอฉันกลัวว่าจะไม่ชอบความสงบแต่ไปชอบเหล้าแทนน่ะสิฮ่าๆ”

        “ดูพูดเข้าทำอย่างกับท่านปรมารจารย์โลภมาก”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆอย่างยากจะหาได้“ถ้าท่านปรมาจารย์ให้พี่วิจารณ์งานของเขาดูออกเท่าไหร่ก็พูดไปเท่านั้นนะอย่าพูดมั่วเด็ดขาด”

        “วางใจเถอะฉันรู้หรอกน่า”กัวไฮว่พูดยิ้มๆทั้งสองคนพูดไปยิ้มตลอดทางจนเดินถึงหน้าประตูบ้านพักหลังใหญ่

        “ที่นี่แหละฉันไปเคาะประตูนะ”มู่หรงเวยเวยก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตูใหญ่เบาๆสามครั้ง

        “สวัสดีค่ะอู๋มาคุณปู่อยู่ใช่ไหมคะ”ผู้ที่เปิดประตูคือผู้หญิงอายุราวห้าสิบปีท่านหนึ่งใส่ชุดเรียบง่ายใบหน้ายิ้มแย้ม

        “เวยเวยนายท่านบ่นว่าเธอจะมาตั้งแต่เช้าแล้วรีบเข้ามาเร็วเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันทำของอร่อยๆให้เธอกินนะ”อู๋มาพูดยิ้มๆ“วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอเข้ามาด้วยกันสิอย่ายืนนิ่งอยู่นอกประตูอยู่เลย”

        “เวยเวยเมื่อวานนายท่านไปโรงเรียนของพวกเธอมาทำไมเธอไม่ดูแลกันหน่อยล่ะดื่มเหล้าไปไม่น้อยเลยแต่ยังดีนะกินเหล้าไปครั้งนี้ไม่ได้พูดจามั่วซั่วหมอก็มาตรวจดูอาการแล้วไม่เป็นไร”อู๋มาพูดยิ้มๆ

        “ฉันพาผู้ร้ายมาแล้วค่ะเหล้านี่เขาเป็นคนให้คุณปู่กินเอง”มู่หรงเวยเวยพูดพลางชี้ไปทางกัวไฮว่ที่อยู่ด้านหลัง

        “สวัสดีครับอู๋มาครั้งนี้รีบมาเลยไม่ได้เอาของขวัญอะไรมาให้เลยหลายวันก่อนผมซื้อของเล่นมาจากร้านถนนขายของโบราณสายหนึ่งผมให้อู๋มานะครับเอาไปให้หลานชายเถอะเถ้าแก่ที่ขายของชิ้นนี้บอกไว้ว่าของนี่เป็นสิ่งมงคลขับไล่มาร”กัวไฮว่พูดแล้วยื่นเครื่องห้อยเจ้าแม่กวนอิมให้อู๋มา

        
 

        [1]สี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือประกอบไปด้วยพู่กันกระดาษจานฝนหมึกและหมึก

 

                                                               ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 33 ลองพู่กัน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 33 ลองพู่กัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อืมไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มได้ข่าวมาจากไหนเหรอ”มู่ชิงไป๋ชะงักไปความจริงแล้วพู่กันด้ามนี้เป็นของดีทว่าที่มาไม่ค่อยดีนักเพื่อนที่ชอบเครื่องประดับคนหนึ่งได้มาจากตลาดมืดตัวเขาเองก็ซื้อมาในราคาสูงนอกจากคนคุ้นเคยในวงการไม่กี่คนแล้วเกรงว่าคนนอกจะไม่มีทางรู้

        “ในยุทธภพล้วนไม่มีความลับในเมื่อคุณปู่ทำการค้าก็เอามาให้พวกผมดูหน่อยสิ”กัวไฮว่หรี่ตาพูดข่าวมาจากที่ไหนน่ะหรือข้าจะไปบอกได้อย่างไรว่าข้ารู้สิ่งที่เจ้าคิดอยู่ในใจ

        “ฮ่าๆน่าสนใจนี่รอหน่อยนะพ่อหนุ่มเดี๋ยวฉันมา”มู่ชิงไป๋พูดพลางเดินเข้าไปข้างในร้านอีกครั้งไม่นานก็เดินออกมาพร้อมมีพู่กันสิบกว่าด้ามถืออยู่ในมือ

        “เหมือนที่พ่อหนุ่มบอกนั่นแหละทำการค้าในเมื่อพ่อหนุ่มเองก็รู้ที่มาของพู่กันด้ามนี้ฉันก็จะไม่ปิดบังล่ะนะ”มู่ชิงไป๋ก็เอาพู่กันในมือมาวางเรียงรายอีกครั้ง“หนึ่งในด้ามนั่นฉันจ่ายไปสามแสนพวกเธอเลือกเอาเถอะถ้าเลือกถูกพวกเธอก็ได้ของไปถ้าเลือกไม่ถูกฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะแบบนี้ดีไหมพ่อหนุ่ม”

        “ฮ่าๆคุณปู่เจ้าแผนการจริงๆเลือกหนึ่งในสามสิบน่าสนใจดีนี่”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เราไม่เอาพู่กันนั่นแล้วดีไหมเราซื้อแท่นหมึกกันเถอะท่านปรมาจารย์ไม่สนใจของพวกนี้หรอก”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆสามแสนน่ะเธอจ่ายได้ทว่าถ้าเลือกไม่ถูกกัวไฮว่จะต้องเสียหน้าเอา

        “พ่อหนุ่มยั้งมือตอนนี้ยังไม่สายนะถ้าไม่พนันฉันก็เก็บพู่กันกลับมาแล้วเดี๋ยวลดราคาแท่นหมึกให้”มู่ชิงไป๋พูดด้วยความพออกพอใจ

        “คุณปู่นี่บัตรเอทีเอ็มคุณรูดไปก่อนเลยสามแสนเดี๋ยวไม่ว่าจะเลือกถูกหรือผิดก็เป็นเรื่องของผม”กัวไฮว่พูดพลางส่งบัตรเอทีเอ็มให้มู่ชิงไป๋

        “ยายหนูเวยเวยครั้งนี้ฉันเจอปรมาจารย์เป็นครั้งแรกเงินนี่ฉันจ่ายเองของก็ถือว่าฉันเป็นคนซื้อเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่พู่กันหลายด้ามนี่ฉันเคยเห็นแล้วด้ามที่สามกับด้ามที่เจ็ดในนั้นเป็นพู่กันแกะสลักไม้ไผ่จากยุคสาธารณรัฐด้ามที่ห้ากับด้ามที่สิบน่าจะเป็นของสมัยราชวงศ์ชิงอันอื่นฉันจำไม่ได้น่าจะทำให้ดูเก่าฉันดูไม่ออก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ยายหนูเก่งนะเนี่ยคัดออกไปได้ตั้งสี่ด้ามช่างเถอะเลือกหนึ่งในเก้าฉันเสียเปรียบแล้วล่ะ”แม้ปากมู่ชิงไป๋จะพูดเช่นนั้นทว่าในใจยังรื่นรมย์ยินดี

        กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้าเขาไม่ได้หยิบพู่กันบนโต๊ะไปเพียงแต่พินิจมองแต่ละด้าม

        “พ่อหนุ่มเป็นไงถ้าไม่เลือกอีกฉันจะไล่แกออกจากร้านแล้วนะ”ประมาณสิบนาทีมู่ชิงไป๋ก็ถือกาน้ำชาในมือเดินเข้ามาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ประหลาดประหลาดจริงๆพู่กันเก้าด้ามมาจากปลายวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิงห้าด้ามราคาไม่ถูกเป็นสินค้ายุคใกล้สองด้ามแต่ว่าก็เป็นของที่ปรมาจารย์ทำออกมาเมื่อดูจากวัสดุแล้วก็วิธีทำให้ดูเก่าแล้วเรียกได้ว่าล้วนแต่เป็นของชั้นดีเทียบได้กับพู่กันแกะสลักไผ่ของสมัยจักรพรรดิว่านลี่ได้เลย”

        “อีกสองด้ามล่ะ”มู่ชิงไป๋ถามตามสัญชาติญาณ

        “สองด้ามที่เหลือเป็นพู่กันสลักไม้ไผ่ของจักรพรรดิว่านลี่อันหนึ่งเป็นลายบุปผาปักษาอีกอันเป็นลายมวลบุปผา”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆพ่อหนุ่มก็มีหลักการดีนะอยากได้คำชี้แนะจากฉันหน่อยไหม”มู่ชิงไป๋พูดอย่างแสร้งทำเป็นใจเย็น

        “จะว่าไปผมว่าด้ามนี้ก็สะดุดตาดีนะไม่ว่าจะใช่ด้ามนี้ไหมก็จะเลือกด้ามนี้”มือของกัวไฮว่วางไว้บนพู่กันด้ามหนึ่ง

        “คุณปู่ไม่ต้องห่อให้หรอกพู่กันนี่ผมเอาไปแล้วนะฮ่าๆ”กัวไฮว่ยิ้มพลางดึงมือมู่หรงเวยเวยเดินออกไปข้างนอก

        “รอก่อนพ่อหนุ่มรอก่อน”ในขณะที่มู่ชิงไป๋วางมือไว้บนพู่กันด้ามแรกในใจพลันว่างเปล่าตระหนกตกใจพู่กันนั่นเขาจ่ายเงินซื้อไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแม้ครั้งนี้จะราคาสามหมื่นทว่าสำหรับคนที่มีงานอดิเรกเป็นการเขียนพู่กันแล้วในบรรดาสมบัติทั้งสี่[1]พู่กันมักจะเป็นอันดับหนึ่งใครมันจะยินดีเสียพู่กันดีๆไปด้ามหนึ่งกันล่ะ

        “ทำไมคุณปู่เสียใจแล้วเหรอ”กัวไฮว่หยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาถาม

        “กล้าพนันก็กล้ารับผลไม่อะไรให้เสียใจหรอกแต่ว่าไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มจะเอาพู่กันด้ามนี้ให้ใครเหรอ”มู่ชิงไป๋ถามขึ้นเสียงเบา

        “คุณปู่มู่นี่ออกจะเกินขอบเขตการทำการค้าของปู่แล้วนะคะ”กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูดมู่หรงเวยเวยก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาแม้จะเสียงไม่ดังทว่ามู่ชิงไป๋ก็สามารถฟังออกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็โทษตัวเขาเองถ้าตอนนั้นตั้งราคาขายให้พวกเขาก็แล้วไปทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย

        “ขอโทษด้วยนะคราวหน้าเชิญทั้งสองคนมาอีกล่ะ”พูดจบมู่ชิงไป๋ก็มองทั้งสองคนเดินออกไปไกล

        “น่าเกลียดจริงๆ”มู่หรงเวยเวยยู่ปากพูด“ที่ว่ากันว่าแก่แล้วไม่ตายจะกลายเป็นขโมยเมื่อก่อนไม่ได้คิดตอนนี้พบว่าน่าจะจริง”

        “ฮ่าๆไม่คิดเลยว่าคุณหนูมู่หรงเวยเวยของเราจะโกรธด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ก็ว่าตาแก่มู่นั่นไม่ได้พู่กันด้ามนี้เขาซื้อมาแสนห้าถ้าเอาไปขายในงานประมูลน่าจะประมูลได้สักประมาณแปดแสน”

        “พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าพู่กันด้ามนี้เป็นพู่กันด้ามที่เขาได้มาอีกอย่างทำไมพี่ถึงรู้ว่าเขามีพู่กันแบบนี้ล่ะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเสียงค่อย

        “เพราะฉันรู้น่ะสิว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ก็เหมือนกับที่เวยเวยคิดอยู่ในใจไงว่าพี่ไฮว่โม้อีกแล้ว”

        เมื่อได้ยินคำพูดของกัวไฮว่มู่หรงเวยเวยก็พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะกัวไฮว่ทายความคิดเมื่อสักครู่ของเธอถูก

        “พี่ไฮว่ท่านปรมาจารย์ชอบความสงบเดี๋ยวไปถึงที่นั่นพี่ต้องฟังฉันนะ”ทั้งสองเดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นเสียงเบา

        “อืมจะเชื่อฟังเธอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ว่าถ้าปรมาจารย์เจอฉันกลัวว่าจะไม่ชอบความสงบแต่ไปชอบเหล้าแทนน่ะสิฮ่าๆ”

        “ดูพูดเข้าทำอย่างกับท่านปรมารจารย์โลภมาก”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆอย่างยากจะหาได้“ถ้าท่านปรมาจารย์ให้พี่วิจารณ์งานของเขาดูออกเท่าไหร่ก็พูดไปเท่านั้นนะอย่าพูดมั่วเด็ดขาด”

        “วางใจเถอะฉันรู้หรอกน่า”กัวไฮว่พูดยิ้มๆทั้งสองคนพูดไปยิ้มตลอดทางจนเดินถึงหน้าประตูบ้านพักหลังใหญ่

        “ที่นี่แหละฉันไปเคาะประตูนะ”มู่หรงเวยเวยก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตูใหญ่เบาๆสามครั้ง

        “สวัสดีค่ะอู๋มาคุณปู่อยู่ใช่ไหมคะ”ผู้ที่เปิดประตูคือผู้หญิงอายุราวห้าสิบปีท่านหนึ่งใส่ชุดเรียบง่ายใบหน้ายิ้มแย้ม

        “เวยเวยนายท่านบ่นว่าเธอจะมาตั้งแต่เช้าแล้วรีบเข้ามาเร็วเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันทำของอร่อยๆให้เธอกินนะ”อู๋มาพูดยิ้มๆ“วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอเข้ามาด้วยกันสิอย่ายืนนิ่งอยู่นอกประตูอยู่เลย”

        “เวยเวยเมื่อวานนายท่านไปโรงเรียนของพวกเธอมาทำไมเธอไม่ดูแลกันหน่อยล่ะดื่มเหล้าไปไม่น้อยเลยแต่ยังดีนะกินเหล้าไปครั้งนี้ไม่ได้พูดจามั่วซั่วหมอก็มาตรวจดูอาการแล้วไม่เป็นไร”อู๋มาพูดยิ้มๆ

        “ฉันพาผู้ร้ายมาแล้วค่ะเหล้านี่เขาเป็นคนให้คุณปู่กินเอง”มู่หรงเวยเวยพูดพลางชี้ไปทางกัวไฮว่ที่อยู่ด้านหลัง

        “สวัสดีครับอู๋มาครั้งนี้รีบมาเลยไม่ได้เอาของขวัญอะไรมาให้เลยหลายวันก่อนผมซื้อของเล่นมาจากร้านถนนขายของโบราณสายหนึ่งผมให้อู๋มานะครับเอาไปให้หลานชายเถอะเถ้าแก่ที่ขายของชิ้นนี้บอกไว้ว่าของนี่เป็นสิ่งมงคลขับไล่มาร”กัวไฮว่พูดแล้วยื่นเครื่องห้อยเจ้าแม่กวนอิมให้อู๋มา

        
 

        [1]สี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือประกอบไปด้วยพู่กันกระดาษจานฝนหมึกและหมึก

 

                                                               ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 33 ลองพู่กัน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 33 ลองพู่กัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “อืมไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มได้ข่าวมาจากไหนเหรอ”มู่ชิงไป๋ชะงักไปความจริงแล้วพู่กันด้ามนี้เป็นของดีทว่าที่มาไม่ค่อยดีนักเพื่อนที่ชอบเครื่องประดับคนหนึ่งได้มาจากตลาดมืดตัวเขาเองก็ซื้อมาในราคาสูงนอกจากคนคุ้นเคยในวงการไม่กี่คนแล้วเกรงว่าคนนอกจะไม่มีทางรู้

        “ในยุทธภพล้วนไม่มีความลับในเมื่อคุณปู่ทำการค้าก็เอามาให้พวกผมดูหน่อยสิ”กัวไฮว่หรี่ตาพูดข่าวมาจากที่ไหนน่ะหรือข้าจะไปบอกได้อย่างไรว่าข้ารู้สิ่งที่เจ้าคิดอยู่ในใจ

        “ฮ่าๆน่าสนใจนี่รอหน่อยนะพ่อหนุ่มเดี๋ยวฉันมา”มู่ชิงไป๋พูดพลางเดินเข้าไปข้างในร้านอีกครั้งไม่นานก็เดินออกมาพร้อมมีพู่กันสิบกว่าด้ามถืออยู่ในมือ

        “เหมือนที่พ่อหนุ่มบอกนั่นแหละทำการค้าในเมื่อพ่อหนุ่มเองก็รู้ที่มาของพู่กันด้ามนี้ฉันก็จะไม่ปิดบังล่ะนะ”มู่ชิงไป๋ก็เอาพู่กันในมือมาวางเรียงรายอีกครั้ง“หนึ่งในด้ามนั่นฉันจ่ายไปสามแสนพวกเธอเลือกเอาเถอะถ้าเลือกถูกพวกเธอก็ได้ของไปถ้าเลือกไม่ถูกฉันก็จะไม่เกรงใจล่ะแบบนี้ดีไหมพ่อหนุ่ม”

        “ฮ่าๆคุณปู่เจ้าแผนการจริงๆเลือกหนึ่งในสามสิบน่าสนใจดีนี่”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เราไม่เอาพู่กันนั่นแล้วดีไหมเราซื้อแท่นหมึกกันเถอะท่านปรมาจารย์ไม่สนใจของพวกนี้หรอก”มู่หรงเวยเวยพูดเบาๆสามแสนน่ะเธอจ่ายได้ทว่าถ้าเลือกไม่ถูกกัวไฮว่จะต้องเสียหน้าเอา

        “พ่อหนุ่มยั้งมือตอนนี้ยังไม่สายนะถ้าไม่พนันฉันก็เก็บพู่กันกลับมาแล้วเดี๋ยวลดราคาแท่นหมึกให้”มู่ชิงไป๋พูดด้วยความพออกพอใจ

        “คุณปู่นี่บัตรเอทีเอ็มคุณรูดไปก่อนเลยสามแสนเดี๋ยวไม่ว่าจะเลือกถูกหรือผิดก็เป็นเรื่องของผม”กัวไฮว่พูดพลางส่งบัตรเอทีเอ็มให้มู่ชิงไป๋

        “ยายหนูเวยเวยครั้งนี้ฉันเจอปรมาจารย์เป็นครั้งแรกเงินนี่ฉันจ่ายเองของก็ถือว่าฉันเป็นคนซื้อเธอไม่ว่าอะไรใช่ไหม”กัวไฮว่มองมู่หรงเวยเวยแล้วพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่พู่กันหลายด้ามนี่ฉันเคยเห็นแล้วด้ามที่สามกับด้ามที่เจ็ดในนั้นเป็นพู่กันแกะสลักไม้ไผ่จากยุคสาธารณรัฐด้ามที่ห้ากับด้ามที่สิบน่าจะเป็นของสมัยราชวงศ์ชิงอันอื่นฉันจำไม่ได้น่าจะทำให้ดูเก่าฉันดูไม่ออก”มู่หรงเวยเวยพูดเสียงเบา

        “ยายหนูเก่งนะเนี่ยคัดออกไปได้ตั้งสี่ด้ามช่างเถอะเลือกหนึ่งในเก้าฉันเสียเปรียบแล้วล่ะ”แม้ปากมู่ชิงไป๋จะพูดเช่นนั้นทว่าในใจยังรื่นรมย์ยินดี

        กัวไฮว่ก้าวไปข้างหน้าเขาไม่ได้หยิบพู่กันบนโต๊ะไปเพียงแต่พินิจมองแต่ละด้าม

        “พ่อหนุ่มเป็นไงถ้าไม่เลือกอีกฉันจะไล่แกออกจากร้านแล้วนะ”ประมาณสิบนาทีมู่ชิงไป๋ก็ถือกาน้ำชาในมือเดินเข้ามาพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ประหลาดประหลาดจริงๆพู่กันเก้าด้ามมาจากปลายวงศ์หมิงต้นราชวงศ์ชิงห้าด้ามราคาไม่ถูกเป็นสินค้ายุคใกล้สองด้ามแต่ว่าก็เป็นของที่ปรมาจารย์ทำออกมาเมื่อดูจากวัสดุแล้วก็วิธีทำให้ดูเก่าแล้วเรียกได้ว่าล้วนแต่เป็นของชั้นดีเทียบได้กับพู่กันแกะสลักไผ่ของสมัยจักรพรรดิว่านลี่ได้เลย”

        “อีกสองด้ามล่ะ”มู่ชิงไป๋ถามตามสัญชาติญาณ

        “สองด้ามที่เหลือเป็นพู่กันสลักไม้ไผ่ของจักรพรรดิว่านลี่อันหนึ่งเป็นลายบุปผาปักษาอีกอันเป็นลายมวลบุปผา”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฮ่าๆพ่อหนุ่มก็มีหลักการดีนะอยากได้คำชี้แนะจากฉันหน่อยไหม”มู่ชิงไป๋พูดอย่างแสร้งทำเป็นใจเย็น

        “จะว่าไปผมว่าด้ามนี้ก็สะดุดตาดีนะไม่ว่าจะใช่ด้ามนี้ไหมก็จะเลือกด้ามนี้”มือของกัวไฮว่วางไว้บนพู่กันด้ามหนึ่ง

        “คุณปู่ไม่ต้องห่อให้หรอกพู่กันนี่ผมเอาไปแล้วนะฮ่าๆ”กัวไฮว่ยิ้มพลางดึงมือมู่หรงเวยเวยเดินออกไปข้างนอก

        “รอก่อนพ่อหนุ่มรอก่อน”ในขณะที่มู่ชิงไป๋วางมือไว้บนพู่กันด้ามแรกในใจพลันว่างเปล่าตระหนกตกใจพู่กันนั่นเขาจ่ายเงินซื้อไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นแม้ครั้งนี้จะราคาสามหมื่นทว่าสำหรับคนที่มีงานอดิเรกเป็นการเขียนพู่กันแล้วในบรรดาสมบัติทั้งสี่[1]พู่กันมักจะเป็นอันดับหนึ่งใครมันจะยินดีเสียพู่กันดีๆไปด้ามหนึ่งกันล่ะ

        “ทำไมคุณปู่เสียใจแล้วเหรอ”กัวไฮว่หยุดฝีเท้าแล้วหมุนตัวกลับมาถาม

        “กล้าพนันก็กล้ารับผลไม่อะไรให้เสียใจหรอกแต่ว่าไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มจะเอาพู่กันด้ามนี้ให้ใครเหรอ”มู่ชิงไป๋ถามขึ้นเสียงเบา

        “คุณปู่มู่นี่ออกจะเกินขอบเขตการทำการค้าของปู่แล้วนะคะ”กัวไฮว่ยังไม่ทันจะพูดมู่หรงเวยเวยก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเบาแม้จะเสียงไม่ดังทว่ามู่ชิงไป๋ก็สามารถฟังออกว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ค่อยพอใจนักแต่ก็โทษตัวเขาเองถ้าตอนนั้นตั้งราคาขายให้พวกเขาก็แล้วไปทำไมต้องมาทำแบบนี้ด้วย

        “ขอโทษด้วยนะคราวหน้าเชิญทั้งสองคนมาอีกล่ะ”พูดจบมู่ชิงไป๋ก็มองทั้งสองคนเดินออกไปไกล

        “น่าเกลียดจริงๆ”มู่หรงเวยเวยยู่ปากพูด“ที่ว่ากันว่าแก่แล้วไม่ตายจะกลายเป็นขโมยเมื่อก่อนไม่ได้คิดตอนนี้พบว่าน่าจะจริง”

        “ฮ่าๆไม่คิดเลยว่าคุณหนูมู่หรงเวยเวยของเราจะโกรธด้วย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ก็ว่าตาแก่มู่นั่นไม่ได้พู่กันด้ามนี้เขาซื้อมาแสนห้าถ้าเอาไปขายในงานประมูลน่าจะประมูลได้สักประมาณแปดแสน”

        “พี่ไฮว่พี่รู้ได้ยังไงว่าพู่กันด้ามนี้เป็นพู่กันด้ามที่เขาได้มาอีกอย่างทำไมพี่ถึงรู้ว่าเขามีพู่กันแบบนี้ล่ะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเสียงค่อย

        “เพราะฉันรู้น่ะสิว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“ก็เหมือนกับที่เวยเวยคิดอยู่ในใจไงว่าพี่ไฮว่โม้อีกแล้ว”

        เมื่อได้ยินคำพูดของกัวไฮว่มู่หรงเวยเวยก็พลันหน้าแดงก่ำขึ้นมาเพราะกัวไฮว่ทายความคิดเมื่อสักครู่ของเธอถูก

        “พี่ไฮว่ท่านปรมาจารย์ชอบความสงบเดี๋ยวไปถึงที่นั่นพี่ต้องฟังฉันนะ”ทั้งสองเดินไปประมาณครึ่งชั่วโมงมู่หรงเวยเวยก็พูดขึ้นเสียงเบา

        “อืมจะเชื่อฟังเธอ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“แต่ว่าถ้าปรมาจารย์เจอฉันกลัวว่าจะไม่ชอบความสงบแต่ไปชอบเหล้าแทนน่ะสิฮ่าๆ”

        “ดูพูดเข้าทำอย่างกับท่านปรมารจารย์โลภมาก”มู่หรงเวยเวยพูดยิ้มๆอย่างยากจะหาได้“ถ้าท่านปรมาจารย์ให้พี่วิจารณ์งานของเขาดูออกเท่าไหร่ก็พูดไปเท่านั้นนะอย่าพูดมั่วเด็ดขาด”

        “วางใจเถอะฉันรู้หรอกน่า”กัวไฮว่พูดยิ้มๆทั้งสองคนพูดไปยิ้มตลอดทางจนเดินถึงหน้าประตูบ้านพักหลังใหญ่

        “ที่นี่แหละฉันไปเคาะประตูนะ”มู่หรงเวยเวยก้าวไปข้างหน้าแล้วเคาะประตูใหญ่เบาๆสามครั้ง

        “สวัสดีค่ะอู๋มาคุณปู่อยู่ใช่ไหมคะ”ผู้ที่เปิดประตูคือผู้หญิงอายุราวห้าสิบปีท่านหนึ่งใส่ชุดเรียบง่ายใบหน้ายิ้มแย้ม

        “เวยเวยนายท่านบ่นว่าเธอจะมาตั้งแต่เช้าแล้วรีบเข้ามาเร็วเดี๋ยวตอนเที่ยงฉันทำของอร่อยๆให้เธอกินนะ”อู๋มาพูดยิ้มๆ“วันนี้พาเพื่อนมาด้วยเหรอเข้ามาด้วยกันสิอย่ายืนนิ่งอยู่นอกประตูอยู่เลย”

        “เวยเวยเมื่อวานนายท่านไปโรงเรียนของพวกเธอมาทำไมเธอไม่ดูแลกันหน่อยล่ะดื่มเหล้าไปไม่น้อยเลยแต่ยังดีนะกินเหล้าไปครั้งนี้ไม่ได้พูดจามั่วซั่วหมอก็มาตรวจดูอาการแล้วไม่เป็นไร”อู๋มาพูดยิ้มๆ

        “ฉันพาผู้ร้ายมาแล้วค่ะเหล้านี่เขาเป็นคนให้คุณปู่กินเอง”มู่หรงเวยเวยพูดพลางชี้ไปทางกัวไฮว่ที่อยู่ด้านหลัง

        “สวัสดีครับอู๋มาครั้งนี้รีบมาเลยไม่ได้เอาของขวัญอะไรมาให้เลยหลายวันก่อนผมซื้อของเล่นมาจากร้านถนนขายของโบราณสายหนึ่งผมให้อู๋มานะครับเอาไปให้หลานชายเถอะเถ้าแก่ที่ขายของชิ้นนี้บอกไว้ว่าของนี่เป็นสิ่งมงคลขับไล่มาร”กัวไฮว่พูดแล้วยื่นเครื่องห้อยเจ้าแม่กวนอิมให้อู๋มา

        
 

        [1]สี่สุดยอดสมบัติจีนในห้องหนังสือประกอบไปด้วยพู่กันกระดาษจานฝนหมึกและหมึก

 

                                                               ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                               https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+