[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 91 เปิดผนึกน้ำเต้าเหล่าจวิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 91 เปิดผนึกน้ำเต้าเหล่าจวิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เจี่ยหยวนกับหวังเซิงมองหน้ากัน ทั้งสองมองผ้าก๊อซที่อยู่บนแขนตัวเอง แล้วก็มองกัวไฮว่ที่ทำหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ จากนั้นก็มีความรู้สึกไม่สบายกายแล่นเข้ามาในสมอง

        “พี่ๆ สองคน ผมลืมเตือนพวกพี่เลยว่าช่วงใช้ยาห้ามโกรธ ไม่งั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาได้” กัวไฮว่พูดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์กว่าเดิม

        “เจ้าสี่ ปู่แกเถอะ” ทั้งสองคนอดด่าออกมาไม่ได้ “กินข้าว วันนี้พวกเราไม่กินเหล้าก็ได้ ยังไงซะพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกเราก็ต้องมาแบกเหล้ากลับไปอยู่ดี”

        “พี่หยวนพี่เซิง ผมขอเตือนพวกพี่หน่อยนะ เมื่อกี้พี่ด่าผมว่าปู่แกสิ ปู่ผมเป็นผู้อาวุโสของพวกพี่นะ แล้วถ้าพวกพี่ไม่จ่ายค่ารักษาให้ผม งั้นผมจะไปหาปู่ผม” เมื่อกัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็กินเหล้าในแก้วจนหมดในอึกเดียว

        “เจ้าสาม แกว่าเจ้าสี่จะรักษารอยแผลเป็นให้เราได้จริงเหรอ แต่แกคิดดูนะ หมอนี่ดองเหล้าอร่อยได้เยอะขนาดนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะรักษาแผลเป็นให้หายได้นะ” ขณะที่เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเดินออกมาจากบ้านพักกัวไฮว่ เจี่ยหยวนก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ช่างมันเถอะ ถ้ารักษาให้พวกเราได้จริง ผมก็จะจัดการเรื่องใบประกอบให้มัน ขอแค่มันไม่ทำคนตาย ต่อไปเกิดเรื่องอะไรผมหาวิธีแบกมันเอง ใครใช้ให้มันเป็นน้องของพวกเราล่ะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเหล้าแล้วล่ะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าถ้าพวกเรากินเหล้าจนหมด แล้วไปขอเติมจากมันอีกมันจะไม่ให้”

        “เจ้าสาม แกคำนวณได้ไม่เลวเลยนี่” เจี่ยหยวนยิ้มพลางผงกศีรษะ “ไอ้เด็กตระกูลมู่หรงนั่นมาส่งสมุนไพรให้มัน ดูท่าทางเจ้าสี่นี่ก็เก่งหลายอย่างเลยนะ อาจจะเป็นแบบที่พี่เย่าบอกหรือเปล่า เจ้าสี่อาจจะถูกบุคคลสูงส่งอะไรนั่นรับเป็นศิษย์ ตอนนี้เลยไม่ใช่ตัวอสรพิษอะไรนั่นแล้ว”

        “ไปสนใจมันทำไม ไม่ว่ามันจะเป็นศิษย์บุคคลสูงส่งอะไร แต่ว่าเจ้าสี่ตัวอสรพิษนั่นก็คือน้องสี่ของพวกเรา มันเคยช่วยชีวิตพี่เย่าเอาไว้ พี่เย่าตามเช็ดก้นให้พวกเราสองคนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าพวกเราทำให้น้องตัวเองเสียเปรียบในเมืองอู่เฉิง งั้นพวกจะนับว่าเป็นพี่น้องกันได้ยังไงกัน” หวังเซิงพูดเสร็จก็มุดเข้าไปในรถของตน

        “เจ้าสาม ตอนที่แกเปิดผ้าก๊อซออกบอกฉันด้วยนะว่าผลเป็นยังไง ฉันไปจัดการเรื่องบ้านของเจ้าสี่ให้เรียบร้อยก่อนล่ะ” พูดเสร็จ รถของเจี่ยหยวนก็บึ่งตรงไปยังบริษัทของตน

        “พี่เขย พี่ฝึกคัมภีร์โบราณไทเก๊กได้ไม่เลวเลยนะ กินยาลูกกลอนนี่หน่อยสิ จำส่วนสำคัญของไทเก๊กไว้ให้ดี คุมกำลังของตนเองไว้ดีๆ เขตแดนเซียนเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ผม แล้วผมล่ะ” เสี่ยวเฟยถามยิ้มๆ

        “ค่อยๆ ไปทีละก้าวก็จะสำเร็จ จะใช้ยาลูกกลอนไปตลอดไม่ได้ แต่มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายไปจัดการเป็นเพื่อนฉันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายเตรียมตัวเลยนะ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ไปหาตระกูลกู่กับฉัน ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

        “พี่ไฮว่ พี่คงไม่ได้มีปัญหากับตระกูลกู่ใช่ไหม” มู่หรงเฟยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นเบาๆ “ตระกูลกู่ ไม่ธรรมดาเลย”

        “ไม่ธรรมดา? งั้นก็ดี ง่ายไปก็หมดสนุกสิ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “น้องเขย จะให้ตระกูลมู่หรงเราออกหน้าให้ไหม ถ้าเกิดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรฉันให้พ่อช่วยออกหน้าจัดการให้ได้นะ ไม่ต้องไปขัดแย้งกับตระกูลกู่หรอก” มู่หรงหลงพูดขึ้นเบาๆ ถึงแม้ว่าสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงจะมีตระกูลมู่หรง ตระกูลหนานกงและตระกูงเซวียนหยวน แต่ทุกตระกูลในเมืองเยี่ยนจิงต่างรู้ดีว่าตระกูลที่ละทางโลกอย่างตระกูลกู่ถึงจะเป็นตระกูลใหญ่สุดในเมืองเยี่ยนจิง ทว่ากิจการที่พวกเขาสืบทอดกันมาไม่อาจดำเนินการอย่างเปิดเผยได้

        “แย่งผู้หญิงของลูกชายตระกูลกู่ เรื่องนี้พวกพี่เจรจาให้ได้หรือเปล่า ฮ่าๆ พี่เขย ตระกูลมู่หรงอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อมู่หรงหลงกับมู่หรงเฟยฟังจบก็หน้าถอดสี เด็กหนุ่มที่อายุใกล้เคียงกับตนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สามารถเลือกเส้นทางของตัวเองในด้านผู้หญิงได้ อย่าว่าแต่สาวหวานอย่างมู่หรงเวยเวยเลย เด็กสาวในโรงเรียนฟู่จง ใครบ้างไม่ใช่ความภาคภูมิใจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็ยินยอมพร้อมใจมาเป็นแฟนของหมอนี่

        “เรื่องนี้น้องเขยจัดการเองเถอะ” มู่หรงหลงพูดเบาๆ “เมื่อกี้ได้ยินพี่หยวนบอกว่านายจะเปิดคลินิก ไว้วันนายเปิดร้านพวกเราจะมาแสดงความยินดีนะ”

        “เจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกจะเปิดกิจการ อย่าหาว่าฉันไม่บอกพวกเธอเลยนะ ทุกวันคลินิกจะรักษาแค่สิบคนเท่านั้น ถ้าพวกเธอมีเพื่อนสนิทๆ ก็บอกให้มาต่อแถวก่อนได้ มาช้าเดี๋ยวต้องรอ อย่ามาแซงคิวอะไรเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เปิดคลินิก ไว้ตอนนี้พวกเรามาแน่นอน เหอะๆ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ

        รอส่งมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลงเสร็จ กัวไฮว่ก็เรียกเซวียนต้าจู้กับอวี้เอ๋อร์มายังห้องรับแขก จากนั้นก็วางน้ำเต้านายท่านไว้บนโต๊ะ

        “พี่ไฮว่ ทำไมน้ำเต้าพี่วางไว้นั่นล่ะ ผมรู้สึกไม่สบายแปลกๆ รู้สึกเหมือนมันจ้องผมอยู่เลย” เซวียนต้าจู้หาที่ออกห่างน้ำเต้านั่นไปไกล แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายกายอยู่

        “พี่ไฮว่ อย่าบอกนะว่าวันนี้ยังจะลองอีก” อวี้เอ๋อร์มองน้ำเต้าที่อยู่บนโต๊ะแล้วถามยิ้มๆ

        “ลองอีกซิ มีของล้ำค่าอยู่ในมือแต่ทำได้แค่ดู ไม่ไหวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ครั้งนี้ฉันคิดดีแล้วล่ะ ให้ต้าจู้ถ่ายเลือด ใช้เลือดของต้าจู้เป็นจุดดวงตา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะเปิดผนึกน้ำเต้านี่ไม่ได้น่ะ”

        “จะใช้เลือดของต้าจู้จริงๆ เหรอ แบบนี้ต้าจู้จะบาดเจ็บเอานะ นิสัยไม่ดูไม่เหมือนนายเลย” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        “ในน้ำเต้ามีของของนักเวทอยู่ ฉันสัมผัสได้ ถึงตอนนั้นจะเสียหายหนักเบาแค่ไหน ฉันก็จะชดใช้ต้าจู้เป็นสองเท่า อวี้เอ๋อร์ เตรียมตัวเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ พี่บอกจะให้ผมถ่ายเลือด จะถ่ายยังไงเหรอ” เซวียนต้าจู้พูดพลางกุมศีรษะ “พี่ไฮว่ เลือดน่ะถ่ายได้ แต่ว่าถ่ายเท่าไหร่พี่ก็ต้องชดใช้เหล้าให้ผมเท่านั้นนะ”

        “อะแฮ่มๆๆ ตอนนี้ยังจะอยากกินเหล้าอีกเหรอ แกไม่กลัวพี่จะถ่ายเลือดจนแกตายหรือไง” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ถ้าพี่ไฮว่ทำผมตายจริง ผมก็จะยอมรับ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ “ฮีโร่ผู้กล้าในเหล้า ไม่งั้นพี่ไฮว่ให้ผมสั่งก่อนไหม”

        “กินเถอะ กินนี่ให้หมด ให้เลือดร้อนพลุ่งพล่าน” กัวไฮว่พูดเสียงดังพลางโยนน้ำเต้าไปให้เซวียนต้าจู้ ต้าจู้เองก็ดื่มไปคำใหญ่

        “อวี้เอ๋อร์ เธอรักษาตำแหน่งเฉียนกับตำแหน่งข่าน ส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง ทำจิตให้สงบ ค่ายกลนี่ไม่น่าใช่แค่ค่ายกลปิดผนึก แต่ยังมีไอสังหารอยู่ด้วย ต้องระวังให้ดี” กัวไฮว่ตะคอกเสียงดังพลางกวัดแกว่งกระบี่เฟยเจี้ยนกับตราประทับพลิกฟ้าขึ้นพร้อมกัน น้ำเต้าที่เดิมสั่นอยู่ก็หนีออกไปไกลราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต

        “ไม่ว่าว่าเจ้าของของแกเป็นใคร ในเมื่อเราเจอกันในแดนมนุษย์ แสดงว่าเรามีวาสนาต่อกัน ให้ฉันทำลายค่ายกลเถอะ ต่อไปมากินดีอยู่ดีกันที่แดนมนุษย์เถอะ ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง

        “ค่ายกลปิดผนึกสี่สภาพ ดูทรงแล้วปรมาจารย์ลัทธิเต๋า จะไม่ได้เชี่ยวชาญสร้างค่ายกลกับน้ำเต้านะ” กัวไฮว่ลอบพูดขึ้นในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 91 เปิดผนึกน้ำเต้าเหล่าจวิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 91 เปิดผนึกน้ำเต้าเหล่าจวิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เจี่ยหยวนกับหวังเซิงมองหน้ากัน ทั้งสองมองผ้าก๊อซที่อยู่บนแขนตัวเอง แล้วก็มองกัวไฮว่ที่ทำหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ จากนั้นก็มีความรู้สึกไม่สบายกายแล่นเข้ามาในสมอง

        “พี่ๆ สองคน ผมลืมเตือนพวกพี่เลยว่าช่วงใช้ยาห้ามโกรธ ไม่งั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาได้” กัวไฮว่พูดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์กว่าเดิม

        “เจ้าสี่ ปู่แกเถอะ” ทั้งสองคนอดด่าออกมาไม่ได้ “กินข้าว วันนี้พวกเราไม่กินเหล้าก็ได้ ยังไงซะพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกเราก็ต้องมาแบกเหล้ากลับไปอยู่ดี”

        “พี่หยวนพี่เซิง ผมขอเตือนพวกพี่หน่อยนะ เมื่อกี้พี่ด่าผมว่าปู่แกสิ ปู่ผมเป็นผู้อาวุโสของพวกพี่นะ แล้วถ้าพวกพี่ไม่จ่ายค่ารักษาให้ผม งั้นผมจะไปหาปู่ผม” เมื่อกัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็กินเหล้าในแก้วจนหมดในอึกเดียว

        “เจ้าสาม แกว่าเจ้าสี่จะรักษารอยแผลเป็นให้เราได้จริงเหรอ แต่แกคิดดูนะ หมอนี่ดองเหล้าอร่อยได้เยอะขนาดนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะรักษาแผลเป็นให้หายได้นะ” ขณะที่เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเดินออกมาจากบ้านพักกัวไฮว่ เจี่ยหยวนก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ช่างมันเถอะ ถ้ารักษาให้พวกเราได้จริง ผมก็จะจัดการเรื่องใบประกอบให้มัน ขอแค่มันไม่ทำคนตาย ต่อไปเกิดเรื่องอะไรผมหาวิธีแบกมันเอง ใครใช้ให้มันเป็นน้องของพวกเราล่ะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเหล้าแล้วล่ะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าถ้าพวกเรากินเหล้าจนหมด แล้วไปขอเติมจากมันอีกมันจะไม่ให้”

        “เจ้าสาม แกคำนวณได้ไม่เลวเลยนี่” เจี่ยหยวนยิ้มพลางผงกศีรษะ “ไอ้เด็กตระกูลมู่หรงนั่นมาส่งสมุนไพรให้มัน ดูท่าทางเจ้าสี่นี่ก็เก่งหลายอย่างเลยนะ อาจจะเป็นแบบที่พี่เย่าบอกหรือเปล่า เจ้าสี่อาจจะถูกบุคคลสูงส่งอะไรนั่นรับเป็นศิษย์ ตอนนี้เลยไม่ใช่ตัวอสรพิษอะไรนั่นแล้ว”

        “ไปสนใจมันทำไม ไม่ว่ามันจะเป็นศิษย์บุคคลสูงส่งอะไร แต่ว่าเจ้าสี่ตัวอสรพิษนั่นก็คือน้องสี่ของพวกเรา มันเคยช่วยชีวิตพี่เย่าเอาไว้ พี่เย่าตามเช็ดก้นให้พวกเราสองคนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าพวกเราทำให้น้องตัวเองเสียเปรียบในเมืองอู่เฉิง งั้นพวกจะนับว่าเป็นพี่น้องกันได้ยังไงกัน” หวังเซิงพูดเสร็จก็มุดเข้าไปในรถของตน

        “เจ้าสาม ตอนที่แกเปิดผ้าก๊อซออกบอกฉันด้วยนะว่าผลเป็นยังไง ฉันไปจัดการเรื่องบ้านของเจ้าสี่ให้เรียบร้อยก่อนล่ะ” พูดเสร็จ รถของเจี่ยหยวนก็บึ่งตรงไปยังบริษัทของตน

        “พี่เขย พี่ฝึกคัมภีร์โบราณไทเก๊กได้ไม่เลวเลยนะ กินยาลูกกลอนนี่หน่อยสิ จำส่วนสำคัญของไทเก๊กไว้ให้ดี คุมกำลังของตนเองไว้ดีๆ เขตแดนเซียนเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ผม แล้วผมล่ะ” เสี่ยวเฟยถามยิ้มๆ

        “ค่อยๆ ไปทีละก้าวก็จะสำเร็จ จะใช้ยาลูกกลอนไปตลอดไม่ได้ แต่มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายไปจัดการเป็นเพื่อนฉันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายเตรียมตัวเลยนะ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ไปหาตระกูลกู่กับฉัน ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

        “พี่ไฮว่ พี่คงไม่ได้มีปัญหากับตระกูลกู่ใช่ไหม” มู่หรงเฟยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นเบาๆ “ตระกูลกู่ ไม่ธรรมดาเลย”

        “ไม่ธรรมดา? งั้นก็ดี ง่ายไปก็หมดสนุกสิ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “น้องเขย จะให้ตระกูลมู่หรงเราออกหน้าให้ไหม ถ้าเกิดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรฉันให้พ่อช่วยออกหน้าจัดการให้ได้นะ ไม่ต้องไปขัดแย้งกับตระกูลกู่หรอก” มู่หรงหลงพูดขึ้นเบาๆ ถึงแม้ว่าสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงจะมีตระกูลมู่หรง ตระกูลหนานกงและตระกูงเซวียนหยวน แต่ทุกตระกูลในเมืองเยี่ยนจิงต่างรู้ดีว่าตระกูลที่ละทางโลกอย่างตระกูลกู่ถึงจะเป็นตระกูลใหญ่สุดในเมืองเยี่ยนจิง ทว่ากิจการที่พวกเขาสืบทอดกันมาไม่อาจดำเนินการอย่างเปิดเผยได้

        “แย่งผู้หญิงของลูกชายตระกูลกู่ เรื่องนี้พวกพี่เจรจาให้ได้หรือเปล่า ฮ่าๆ พี่เขย ตระกูลมู่หรงอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อมู่หรงหลงกับมู่หรงเฟยฟังจบก็หน้าถอดสี เด็กหนุ่มที่อายุใกล้เคียงกับตนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สามารถเลือกเส้นทางของตัวเองในด้านผู้หญิงได้ อย่าว่าแต่สาวหวานอย่างมู่หรงเวยเวยเลย เด็กสาวในโรงเรียนฟู่จง ใครบ้างไม่ใช่ความภาคภูมิใจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็ยินยอมพร้อมใจมาเป็นแฟนของหมอนี่

        “เรื่องนี้น้องเขยจัดการเองเถอะ” มู่หรงหลงพูดเบาๆ “เมื่อกี้ได้ยินพี่หยวนบอกว่านายจะเปิดคลินิก ไว้วันนายเปิดร้านพวกเราจะมาแสดงความยินดีนะ”

        “เจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกจะเปิดกิจการ อย่าหาว่าฉันไม่บอกพวกเธอเลยนะ ทุกวันคลินิกจะรักษาแค่สิบคนเท่านั้น ถ้าพวกเธอมีเพื่อนสนิทๆ ก็บอกให้มาต่อแถวก่อนได้ มาช้าเดี๋ยวต้องรอ อย่ามาแซงคิวอะไรเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เปิดคลินิก ไว้ตอนนี้พวกเรามาแน่นอน เหอะๆ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ

        รอส่งมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลงเสร็จ กัวไฮว่ก็เรียกเซวียนต้าจู้กับอวี้เอ๋อร์มายังห้องรับแขก จากนั้นก็วางน้ำเต้านายท่านไว้บนโต๊ะ

        “พี่ไฮว่ ทำไมน้ำเต้าพี่วางไว้นั่นล่ะ ผมรู้สึกไม่สบายแปลกๆ รู้สึกเหมือนมันจ้องผมอยู่เลย” เซวียนต้าจู้หาที่ออกห่างน้ำเต้านั่นไปไกล แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายกายอยู่

        “พี่ไฮว่ อย่าบอกนะว่าวันนี้ยังจะลองอีก” อวี้เอ๋อร์มองน้ำเต้าที่อยู่บนโต๊ะแล้วถามยิ้มๆ

        “ลองอีกซิ มีของล้ำค่าอยู่ในมือแต่ทำได้แค่ดู ไม่ไหวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ครั้งนี้ฉันคิดดีแล้วล่ะ ให้ต้าจู้ถ่ายเลือด ใช้เลือดของต้าจู้เป็นจุดดวงตา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะเปิดผนึกน้ำเต้านี่ไม่ได้น่ะ”

        “จะใช้เลือดของต้าจู้จริงๆ เหรอ แบบนี้ต้าจู้จะบาดเจ็บเอานะ นิสัยไม่ดูไม่เหมือนนายเลย” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        “ในน้ำเต้ามีของของนักเวทอยู่ ฉันสัมผัสได้ ถึงตอนนั้นจะเสียหายหนักเบาแค่ไหน ฉันก็จะชดใช้ต้าจู้เป็นสองเท่า อวี้เอ๋อร์ เตรียมตัวเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ พี่บอกจะให้ผมถ่ายเลือด จะถ่ายยังไงเหรอ” เซวียนต้าจู้พูดพลางกุมศีรษะ “พี่ไฮว่ เลือดน่ะถ่ายได้ แต่ว่าถ่ายเท่าไหร่พี่ก็ต้องชดใช้เหล้าให้ผมเท่านั้นนะ”

        “อะแฮ่มๆๆ ตอนนี้ยังจะอยากกินเหล้าอีกเหรอ แกไม่กลัวพี่จะถ่ายเลือดจนแกตายหรือไง” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ถ้าพี่ไฮว่ทำผมตายจริง ผมก็จะยอมรับ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ “ฮีโร่ผู้กล้าในเหล้า ไม่งั้นพี่ไฮว่ให้ผมสั่งก่อนไหม”

        “กินเถอะ กินนี่ให้หมด ให้เลือดร้อนพลุ่งพล่าน” กัวไฮว่พูดเสียงดังพลางโยนน้ำเต้าไปให้เซวียนต้าจู้ ต้าจู้เองก็ดื่มไปคำใหญ่

        “อวี้เอ๋อร์ เธอรักษาตำแหน่งเฉียนกับตำแหน่งข่าน ส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง ทำจิตให้สงบ ค่ายกลนี่ไม่น่าใช่แค่ค่ายกลปิดผนึก แต่ยังมีไอสังหารอยู่ด้วย ต้องระวังให้ดี” กัวไฮว่ตะคอกเสียงดังพลางกวัดแกว่งกระบี่เฟยเจี้ยนกับตราประทับพลิกฟ้าขึ้นพร้อมกัน น้ำเต้าที่เดิมสั่นอยู่ก็หนีออกไปไกลราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต

        “ไม่ว่าว่าเจ้าของของแกเป็นใคร ในเมื่อเราเจอกันในแดนมนุษย์ แสดงว่าเรามีวาสนาต่อกัน ให้ฉันทำลายค่ายกลเถอะ ต่อไปมากินดีอยู่ดีกันที่แดนมนุษย์เถอะ ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง

        “ค่ายกลปิดผนึกสี่สภาพ ดูทรงแล้วปรมาจารย์ลัทธิเต๋า จะไม่ได้เชี่ยวชาญสร้างค่ายกลกับน้ำเต้านะ” กัวไฮว่ลอบพูดขึ้นในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 91 เปิดผนึกน้ำเต้าเหล่าจวิน

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 91 เปิดผนึกน้ำเต้าเหล่าจวิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เจี่ยหยวนกับหวังเซิงมองหน้ากัน ทั้งสองมองผ้าก๊อซที่อยู่บนแขนตัวเอง แล้วก็มองกัวไฮว่ที่ทำหน้าตาใสซื่อบริสุทธิ์ จากนั้นก็มีความรู้สึกไม่สบายกายแล่นเข้ามาในสมอง

        “พี่ๆ สองคน ผมลืมเตือนพวกพี่เลยว่าช่วงใช้ยาห้ามโกรธ ไม่งั้นจะส่งผลต่อประสิทธิภาพการรักษาได้” กัวไฮว่พูดอย่างใสซื่อบริสุทธิ์กว่าเดิม

        “เจ้าสี่ ปู่แกเถอะ” ทั้งสองคนอดด่าออกมาไม่ได้ “กินข้าว วันนี้พวกเราไม่กินเหล้าก็ได้ ยังไงซะพรุ่งนี้ตอนเที่ยงพวกเราก็ต้องมาแบกเหล้ากลับไปอยู่ดี”

        “พี่หยวนพี่เซิง ผมขอเตือนพวกพี่หน่อยนะ เมื่อกี้พี่ด่าผมว่าปู่แกสิ ปู่ผมเป็นผู้อาวุโสของพวกพี่นะ แล้วถ้าพวกพี่ไม่จ่ายค่ารักษาให้ผม งั้นผมจะไปหาปู่ผม” เมื่อกัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็กินเหล้าในแก้วจนหมดในอึกเดียว

        “เจ้าสาม แกว่าเจ้าสี่จะรักษารอยแผลเป็นให้เราได้จริงเหรอ แต่แกคิดดูนะ หมอนี่ดองเหล้าอร่อยได้เยอะขนาดนี้ ก็เป็นไปได้ว่าจะรักษาแผลเป็นให้หายได้นะ” ขณะที่เจี่ยหยวนกับหวังเซิงเดินออกมาจากบ้านพักกัวไฮว่ เจี่ยหยวนก็ถามขึ้นเบาๆ

        “ช่างมันเถอะ ถ้ารักษาให้พวกเราได้จริง ผมก็จะจัดการเรื่องใบประกอบให้มัน ขอแค่มันไม่ทำคนตาย ต่อไปเกิดเรื่องอะไรผมหาวิธีแบกมันเอง ใครใช้ให้มันเป็นน้องของพวกเราล่ะ” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเหล้าแล้วล่ะ ผมไม่เชื่อหรอกว่าถ้าพวกเรากินเหล้าจนหมด แล้วไปขอเติมจากมันอีกมันจะไม่ให้”

        “เจ้าสาม แกคำนวณได้ไม่เลวเลยนี่” เจี่ยหยวนยิ้มพลางผงกศีรษะ “ไอ้เด็กตระกูลมู่หรงนั่นมาส่งสมุนไพรให้มัน ดูท่าทางเจ้าสี่นี่ก็เก่งหลายอย่างเลยนะ อาจจะเป็นแบบที่พี่เย่าบอกหรือเปล่า เจ้าสี่อาจจะถูกบุคคลสูงส่งอะไรนั่นรับเป็นศิษย์ ตอนนี้เลยไม่ใช่ตัวอสรพิษอะไรนั่นแล้ว”

        “ไปสนใจมันทำไม ไม่ว่ามันจะเป็นศิษย์บุคคลสูงส่งอะไร แต่ว่าเจ้าสี่ตัวอสรพิษนั่นก็คือน้องสี่ของพวกเรา มันเคยช่วยชีวิตพี่เย่าเอาไว้ พี่เย่าตามเช็ดก้นให้พวกเราสองคนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าพวกเราทำให้น้องตัวเองเสียเปรียบในเมืองอู่เฉิง งั้นพวกจะนับว่าเป็นพี่น้องกันได้ยังไงกัน” หวังเซิงพูดเสร็จก็มุดเข้าไปในรถของตน

        “เจ้าสาม ตอนที่แกเปิดผ้าก๊อซออกบอกฉันด้วยนะว่าผลเป็นยังไง ฉันไปจัดการเรื่องบ้านของเจ้าสี่ให้เรียบร้อยก่อนล่ะ” พูดเสร็จ รถของเจี่ยหยวนก็บึ่งตรงไปยังบริษัทของตน

        “พี่เขย พี่ฝึกคัมภีร์โบราณไทเก๊กได้ไม่เลวเลยนะ กินยาลูกกลอนนี่หน่อยสิ จำส่วนสำคัญของไทเก๊กไว้ให้ดี คุมกำลังของตนเองไว้ดีๆ เขตแดนเซียนเทียนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญเพียรเท่านั้น” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ผม แล้วผมล่ะ” เสี่ยวเฟยถามยิ้มๆ

        “ค่อยๆ ไปทีละก้าวก็จะสำเร็จ จะใช้ยาลูกกลอนไปตลอดไม่ได้ แต่มีบางอย่างที่ฉันอยากให้นายไปจัดการเป็นเพื่อนฉันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “นายเตรียมตัวเลยนะ หนึ่งเดือนหลังจากนี้ไปหาตระกูลกู่กับฉัน ฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย”

        “พี่ไฮว่ พี่คงไม่ได้มีปัญหากับตระกูลกู่ใช่ไหม” มู่หรงเฟยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นเบาๆ “ตระกูลกู่ ไม่ธรรมดาเลย”

        “ไม่ธรรมดา? งั้นก็ดี ง่ายไปก็หมดสนุกสิ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “น้องเขย จะให้ตระกูลมู่หรงเราออกหน้าให้ไหม ถ้าเกิดไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรฉันให้พ่อช่วยออกหน้าจัดการให้ได้นะ ไม่ต้องไปขัดแย้งกับตระกูลกู่หรอก” มู่หรงหลงพูดขึ้นเบาๆ ถึงแม้ว่าสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงจะมีตระกูลมู่หรง ตระกูลหนานกงและตระกูงเซวียนหยวน แต่ทุกตระกูลในเมืองเยี่ยนจิงต่างรู้ดีว่าตระกูลที่ละทางโลกอย่างตระกูลกู่ถึงจะเป็นตระกูลใหญ่สุดในเมืองเยี่ยนจิง ทว่ากิจการที่พวกเขาสืบทอดกันมาไม่อาจดำเนินการอย่างเปิดเผยได้

        “แย่งผู้หญิงของลูกชายตระกูลกู่ เรื่องนี้พวกพี่เจรจาให้ได้หรือเปล่า ฮ่าๆ พี่เขย ตระกูลมู่หรงอย่ามายุ่งเลยจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อมู่หรงหลงกับมู่หรงเฟยฟังจบก็หน้าถอดสี เด็กหนุ่มที่อายุใกล้เคียงกับตนที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สามารถเลือกเส้นทางของตัวเองในด้านผู้หญิงได้ อย่าว่าแต่สาวหวานอย่างมู่หรงเวยเวยเลย เด็กสาวในโรงเรียนฟู่จง ใครบ้างไม่ใช่ความภาคภูมิใจของครอบครัว แต่สุดท้ายก็ยินยอมพร้อมใจมาเป็นแฟนของหมอนี่

        “เรื่องนี้น้องเขยจัดการเองเถอะ” มู่หรงหลงพูดเบาๆ “เมื่อกี้ได้ยินพี่หยวนบอกว่านายจะเปิดคลินิก ไว้วันนายเปิดร้านพวกเราจะมาแสดงความยินดีนะ”

        “เจ็ดวันหลังจากนี้คลินิกจะเปิดกิจการ อย่าหาว่าฉันไม่บอกพวกเธอเลยนะ ทุกวันคลินิกจะรักษาแค่สิบคนเท่านั้น ถ้าพวกเธอมีเพื่อนสนิทๆ ก็บอกให้มาต่อแถวก่อนได้ มาช้าเดี๋ยวต้องรอ อย่ามาแซงคิวอะไรเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่เปิดคลินิก ไว้ตอนนี้พวกเรามาแน่นอน เหอะๆ” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ

        รอส่งมู่หรงเฟยกับมู่หรงหลงเสร็จ กัวไฮว่ก็เรียกเซวียนต้าจู้กับอวี้เอ๋อร์มายังห้องรับแขก จากนั้นก็วางน้ำเต้านายท่านไว้บนโต๊ะ

        “พี่ไฮว่ ทำไมน้ำเต้าพี่วางไว้นั่นล่ะ ผมรู้สึกไม่สบายแปลกๆ รู้สึกเหมือนมันจ้องผมอยู่เลย” เซวียนต้าจู้หาที่ออกห่างน้ำเต้านั่นไปไกล แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายกายอยู่

        “พี่ไฮว่ อย่าบอกนะว่าวันนี้ยังจะลองอีก” อวี้เอ๋อร์มองน้ำเต้าที่อยู่บนโต๊ะแล้วถามยิ้มๆ

        “ลองอีกซิ มีของล้ำค่าอยู่ในมือแต่ทำได้แค่ดู ไม่ไหวเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ครั้งนี้ฉันคิดดีแล้วล่ะ ให้ต้าจู้ถ่ายเลือด ใช้เลือดของต้าจู้เป็นจุดดวงตา ฉันไม่เชื่อหรอกว่าจะเปิดผนึกน้ำเต้านี่ไม่ได้น่ะ”

        “จะใช้เลือดของต้าจู้จริงๆ เหรอ แบบนี้ต้าจู้จะบาดเจ็บเอานะ นิสัยไม่ดูไม่เหมือนนายเลย” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        “ในน้ำเต้ามีของของนักเวทอยู่ ฉันสัมผัสได้ ถึงตอนนั้นจะเสียหายหนักเบาแค่ไหน ฉันก็จะชดใช้ต้าจู้เป็นสองเท่า อวี้เอ๋อร์ เตรียมตัวเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ พี่บอกจะให้ผมถ่ายเลือด จะถ่ายยังไงเหรอ” เซวียนต้าจู้พูดพลางกุมศีรษะ “พี่ไฮว่ เลือดน่ะถ่ายได้ แต่ว่าถ่ายเท่าไหร่พี่ก็ต้องชดใช้เหล้าให้ผมเท่านั้นนะ”

        “อะแฮ่มๆๆ ตอนนี้ยังจะอยากกินเหล้าอีกเหรอ แกไม่กลัวพี่จะถ่ายเลือดจนแกตายหรือไง” กัวไฮว่กระแอมไอสองสามครั้งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก ถ้าพี่ไฮว่ทำผมตายจริง ผมก็จะยอมรับ” เซวียนต้าจู้พูดยิ้มๆ “ฮีโร่ผู้กล้าในเหล้า ไม่งั้นพี่ไฮว่ให้ผมสั่งก่อนไหม”

        “กินเถอะ กินนี่ให้หมด ให้เลือดร้อนพลุ่งพล่าน” กัวไฮว่พูดเสียงดังพลางโยนน้ำเต้าไปให้เซวียนต้าจู้ ต้าจู้เองก็ดื่มไปคำใหญ่

        “อวี้เอ๋อร์ เธอรักษาตำแหน่งเฉียนกับตำแหน่งข่าน ส่วนที่เหลือฉันจัดการเอง ทำจิตให้สงบ ค่ายกลนี่ไม่น่าใช่แค่ค่ายกลปิดผนึก แต่ยังมีไอสังหารอยู่ด้วย ต้องระวังให้ดี” กัวไฮว่ตะคอกเสียงดังพลางกวัดแกว่งกระบี่เฟยเจี้ยนกับตราประทับพลิกฟ้าขึ้นพร้อมกัน น้ำเต้าที่เดิมสั่นอยู่ก็หนีออกไปไกลราวกับเจอศัตรูคู่อาฆาต

        “ไม่ว่าว่าเจ้าของของแกเป็นใคร ในเมื่อเราเจอกันในแดนมนุษย์ แสดงว่าเรามีวาสนาต่อกัน ให้ฉันทำลายค่ายกลเถอะ ต่อไปมากินดีอยู่ดีกันที่แดนมนุษย์เถอะ ดีกว่าไม่ใช่เหรอ” กัวไฮว่พูดเสียงดัง

        “ค่ายกลปิดผนึกสี่สภาพ ดูทรงแล้วปรมาจารย์ลัทธิเต๋า จะไม่ได้เชี่ยวชาญสร้างค่ายกลกับน้ำเต้านะ” กัวไฮว่ลอบพูดขึ้นในใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+