[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 103 เอาใจวังหลัง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 103 เอาใจวังหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “น้องสี่ น้องสะใภ้ อย่ามาหลอกกันแบบนี้สิ ฉันกลับแล้วนะ เรื่องที่อเมริกาขอบใจแกมากนะ แกยังมียาลูกกลอนนั่นอีกหรือเปล่า” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ

        “รอให้คลินิกไม่ผมเปิดก่อน ถึงตอนนั้นผมจะติดต่อพี่ไป หนทางบำเพ็ญเพียร ทำด้วยตัวเองเสียจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ที่รัก ลงมานานขนาดนี้ ฉันคิดถึงท่านพี่จังเลย” อวี้เอ๋อร์มองงานแกะสลักในมือแวบหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “พริบตาเดียวร้อยปีบนแดนมนุษย์ก็จะผ่านไป เธอแกะสลักรูปท่านเซียน เธอว่าเราวางไว้ตรงไหนดี เดี๋ยวฉันไปจัดตำแหน่งฮวงจุ้ยวางรูปแกะสลักท่านเซียนดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สำหรับสตรีบนงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้ว ไม่ว่าตัวจริงหรือจะรูปแกะสลัก เขาก็รู้สึกเคารพนางอย่างสุดเบื้องลึกหัวใจ

        “หลิงหลิงเมียรัก ไม่โทรศัพท์มาหาฉันตั้งนาน คิดถึงฉันแล้วเหรอ รอให้ฉันหายยุ่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันก็จะได้ไปหาพวกเธอที่ฟู่จงแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดกับโทรศัพท์ โดยปลายสายก็คือซุนหลิงหลิง

        “ตาบ้า ฉันมีเรื่องจะบอกนายน่ะ” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ กัวไฮว่เองก็สัมผัสได้ว่าอาจจะมีเรื่องบางอบ่างทำให้ซุนหลิงหลิงหนักอกหนักใจ

        “ตระกูลซย่าโหวส่งคนมาที่อู่เฉิง ปู่ฉันเลยให้มาบอกนายว่าพวกเขาน่าจะมาตามหานาย เพราะดูเหมือนว่าซย่าโหวเทียนนั่นจะตายแล้ว” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ

        “ตระกูลซย่าโหว? ได้ ฉันเข้าใจแล้ว มาก็มาสิ เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอก็รู้นี่ว่าสามีเธอมีความสามารถอะไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ตระกูลซย่าโหวไม่มาเรื่องฉันก็แล้วไป แต่ถ้ามาหาเรื่องฉัน ตอนไปเยี่ยมเยียนตระกูลกู่ที่เมืองหลวงก็จะไปหาที่บ้านตระกูลซย่าโหวของพวกแกด้วยแล้วกัน

        “ที่รัก ต้องระวังตัวให้มากๆ นะ ตระกูลซย่าโหวน่ากลัวกว่าที่นายคิดเยอะ ถ้าไม่ไหวก็ไปที่บ้านฉัน ฉันบอกกับคุณปู่ไว้แล้ว” ซุนหลิงหลิงที่อยู่ปลายสายกัดริมฝีปากพูด

        “ที่รัก วางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เดี๋ยวเสาร์นี้ฉันจะเปิดคลินิก ถึงตอนนั้นฉันจะให้คนขับรถไปรับพวกเธอนะ ธุรกิจของเราเปิดทำการต้องให้เหล่าเมียๆ ของฉันมาเฮฮากันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ยังจะมาเมียๆ อะไรอีก ช่วงนี้นายไม่ได้ติดต่อพวกเรา ดูท่านายใช้ชีวิตสบายดีนะ” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยความหึงหวง

        “หึงเหรอ เดี๋ยวตอนกลางคืนไปเปิดห้องที่โรงแรมมหาลัยอู่เฉิงนะ คืนนี้ฉันจะไปหาเธอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า ชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่เรื่อย” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ “เดี๋ยวฉันติดต่อไปนะ” พูดเสร็จ ซุนหลิงหลิงก็วางสายโทรศัพท์ไป

        “ยายบ้า ฝันหวานอยู่หรือไง” เสิ้นปี้โหรวยื่นมือไปตบก้นซุนหลิงๆ พร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ใช่สิ ฝันหวาน จะไปเหมือนกับเธอตอนนี้ได้ยังไง พี่จู้จื่อ ตอนเย็นกินอะไรเหรอ พี่จู้จื่อ เดี๋ยวไปเดินเล่นกัน พี่จู้จื่อ พี่ว่าฉันชุดนี้สวยหรือเปล่า” ซุนหลิงหลิงพูดเลียนแบบน้ำเสียงเสิ่นปี้โหรว

        “ยายบ้า กล้าว่าฉันอย่างนี้เหรอ ฉันว่าเธอถูกกัวไฮว่นั่นทำเสียคนแล้วล่ะ ให้ฉันดูตัวเธอหน่อยสิ ดูทรงแล้วเธอไม่ใช่เสี่ยวหลิงหลิงผู้บริสุทธิ์จริงๆ แล้วล่ะ” ในขณะที่พูด เสิ่นปี้โหรวก็ยืนมือไปจับหน้าอกของซุนหลิงหลิง จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกจริงๆ

        “ยังจะมาว่าทำฉันเสียคนอีก ฉันว่าเธอกับตาตัวใหญ่นั่นก็ไม่ได้ดีนักหรอก กระชากชุดเป็นแล้วนี่ เธอกับพี่จู้จื่อนั่นเล่นแบบนี้กันเป็นปกติเหรอ” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “ยายบ้า ยังจะมาพูดอีก” ในเวลาไม่นาน ในห้องก็เต็มไปด้วยสีสันแห่งวสันตฤดู

        “คนบ้า ไม่ติดต่อพี่เวยเวยมาตั้งนาน ไม่รู้ว่ามัวไปเสเพลอะไรอยู่ข้างนอก พี่รู้ใช่ไหมว่าทำผิดน่ะ” กัวไฮว่โทรศัพท์หามู่หรงเวยเวย แต่สุดท้ายเสียงที่ดังมาจากด้านนั้นคือเสียงของหนานกงหลิงโม่

        “เสี่ยวหลิงโม่ แล้วเวยเวยล่ะ ให้เวยเวยรับสายหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ยาฉันล่ะ ก่อนหน้านี้พี่อวี้เอ๋อร์บอกแล้วว่าพี่มียาลูกกลอนเพิ่มสกิลฉัน เมื่อไหร่จะเอายามาให้ฉัน ฉันยอมเป็นเมียน้อยพี่แล้วไง” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง

        “ยายบ้า ไม่รู้จักอายจริงๆ” มู่หรงเวยเวยออกมาจากห้องอาบน้ำ จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์มา เธอมองหนานกงหลิงโม่พร้อมกับพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ไม่มีอะไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “ไม่มีอะไร ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ได้โทรหาพวกเธอ คิดถึงสามีแล้วล่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เธอบอกเสี่ยวหลิงโม่ด้วยนะว่าให้เขารออีกไม่กี่วัน รอไว้คลินิกไม่เปิดแล้วฉันจะให้เขา”

        “คลินิกไม่? ฉันได้ยินพี่หลงบอกว่าพี่จะเปิดคลินิก จริงเหรอเนี่ย” มู่หรงเวยเวยอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “วันเสาร์ฉันจะให้คนไปรับพวกเธอ นี่เป็นกิจการอย่างเป็นทางการกิจการแรกของตระกูลกัวเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “อืม วันไว้เจอกันวันเสาร์นะ เดี๋ยวฉันติดต่อพวกเสี่ยวซีหน่อยดีกว่า หลายวันมาแล้วพี่ก็ไม่รู้จักโทรมาบ้างเลย ครั้งก่อนที่พวกเรากินข้าวด้วยกันเสี่ยวเยี่ยจื่อยังบอกเลยว่าพี่อยู่ข้างนอกนั่นจีบสาวไปทั่วหรือเปล่าเลยลืมพวกเราไปน่ะ” มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “เข้าใจแล้วเมียรัก เดี๋ยวฉันจะโทรหาพวกเขา อีกอย่าง ช่วยบอกเมียน้อยฉันด้วยนะว่าวันที่ไปแต่งตัวสวยๆ ด้วยล่ะ ฮ่าๆ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป

        “เสี่ยวซี รู้แล้วใช่ไหม หมอนั่นพึ่งพาไม่ได้จริงๆ ออกจากโรงเรียนไปแล้วหลายวันยังไม่รู้จักจะโทรมารายงานกับเธอเลย” เสี่ยวเยี่ยจื่อกินไปพูดกับถังซีไป

        “ฉันไม่เห็นจะร้อนใจ เมียเก็บแบบเธอจะร้อนใจไปทำไม” ถังซีเล่นรูบิคที่อยู่ในมือพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “เขาน่าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขไปวันๆ กับอวี้เอ๋อร์อยู่ข้างนอกนั่นแน่เลย” ซูเยี่ยพูดอย่างไม่ลดละ “อย่างดีที่สุดก็คือแบบนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปหลีสาวที่ใต้หลู่เฉิงหรือบาร์เหล้าจินหลิงอะไรนั่นอีกก็ได้นะ เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนเขาทำบ่อยนี่”

        “เยี่ยจื่อ ถ้าเธอคิดถึงเขาก็โทรหาเขาสิ เขาไม่ว่าอะไรหรอก เธอดูเธอสิ ตั้งแต่วันแรกที่พี่ไฮว่ออกจากโรงเรียนไปปากเธอก็เอาแต่บ่นไม่หยุด” ถังซีพูดยิ้มๆ เธอจัดการรูบิคที่อยู่ในมือได้เรียบร้อยแล้ว

        “โทรก็โทร ฉันแค่จะถามเขาดูว่าเขาทำอะไรอยู่ถึงได้ไม่รู้จักติดต่อพวกเราบ้าง” ซูเยี่ยพูดพลางหยิบโทรศัพท์มาจะกดเบอร์

        “เธอไม่ต้องโทรแล้วล่ะ พี่ไฮว่โทรมาแล้ว ฮิๆ” โทรศัพท์ของถังซีดังขึ้น ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับซูเยี่ย

        “ฮึ เมียหลวงนี่มันหอมหวานกว่าเมียเก็บอย่างฉันจริงๆ” ซูเยี่ยเบ้ปากพูด

        “พี่ไฮว่ ฉันเข้าใจแล้ว พี่รักษาร่างกายให้ดีนะ ต้องติดต่อมาหาพวกเราเยอะๆ เสี่ยวเยี่ยจื่อโมโหหมดแล้ว” กัวซีพูดยิ้มๆ “พี่อยากคุยกับเสี่ยวเยี่ยจื่อหน่อยหรือเปล่า”

        “ให้เสี่ยวเยี่ยจื่อมารับโทรศัพท์หน่อย คงจะคิดถึงพี่แล้วสิท่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ช่วงที่ไม่เข้าเรียนนี่สบายล่ะสิท่าถึงได้ไม่รู้จักโทรมาหาพวกเราเลยเนี่ย” ซูเยี่ยเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ เธอรับโทรศัพท์มาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “บอกพี่มา ตอนที่พี่ไม่อยู่ที่โรงเรียนมีคนเขียนจดหมายรักให้หรือเปล่า ถ้ามีคนกล้าจีบแฟนพี่ งั้นพี่จะไปจัดการพวกมันให้เละเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า ฉันกับเสี่ยวซีคุยกันแล้วว่ารอให้พวกเราเรียนจบจะไม่เข้ามหาลัยแล้ว พี่หาเงินให้เยอะๆ เถอะ ไม่งั้นจะเลี้ยงผู้หญิงของพี่ได้ไงกัน” ซูเยี่ยพูดเบาๆ

        “ฮ่าๆ เสี่ยวเยี่ยจื่อตรงดีนี่ รอให้เธอจบมอปลายพี่ก็จะรวบรัดตัดตอนเธอเลย ฮ่าๆ” เมื่อพูดเสร็จกัวไฮว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 103 เอาใจวังหลัง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 103 เอาใจวังหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “น้องสี่ น้องสะใภ้ อย่ามาหลอกกันแบบนี้สิ ฉันกลับแล้วนะ เรื่องที่อเมริกาขอบใจแกมากนะ แกยังมียาลูกกลอนนั่นอีกหรือเปล่า” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ

        “รอให้คลินิกไม่ผมเปิดก่อน ถึงตอนนั้นผมจะติดต่อพี่ไป หนทางบำเพ็ญเพียร ทำด้วยตัวเองเสียจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ที่รัก ลงมานานขนาดนี้ ฉันคิดถึงท่านพี่จังเลย” อวี้เอ๋อร์มองงานแกะสลักในมือแวบหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “พริบตาเดียวร้อยปีบนแดนมนุษย์ก็จะผ่านไป เธอแกะสลักรูปท่านเซียน เธอว่าเราวางไว้ตรงไหนดี เดี๋ยวฉันไปจัดตำแหน่งฮวงจุ้ยวางรูปแกะสลักท่านเซียนดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สำหรับสตรีบนงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้ว ไม่ว่าตัวจริงหรือจะรูปแกะสลัก เขาก็รู้สึกเคารพนางอย่างสุดเบื้องลึกหัวใจ

        “หลิงหลิงเมียรัก ไม่โทรศัพท์มาหาฉันตั้งนาน คิดถึงฉันแล้วเหรอ รอให้ฉันหายยุ่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันก็จะได้ไปหาพวกเธอที่ฟู่จงแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดกับโทรศัพท์ โดยปลายสายก็คือซุนหลิงหลิง

        “ตาบ้า ฉันมีเรื่องจะบอกนายน่ะ” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ กัวไฮว่เองก็สัมผัสได้ว่าอาจจะมีเรื่องบางอบ่างทำให้ซุนหลิงหลิงหนักอกหนักใจ

        “ตระกูลซย่าโหวส่งคนมาที่อู่เฉิง ปู่ฉันเลยให้มาบอกนายว่าพวกเขาน่าจะมาตามหานาย เพราะดูเหมือนว่าซย่าโหวเทียนนั่นจะตายแล้ว” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ

        “ตระกูลซย่าโหว? ได้ ฉันเข้าใจแล้ว มาก็มาสิ เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอก็รู้นี่ว่าสามีเธอมีความสามารถอะไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ตระกูลซย่าโหวไม่มาเรื่องฉันก็แล้วไป แต่ถ้ามาหาเรื่องฉัน ตอนไปเยี่ยมเยียนตระกูลกู่ที่เมืองหลวงก็จะไปหาที่บ้านตระกูลซย่าโหวของพวกแกด้วยแล้วกัน

        “ที่รัก ต้องระวังตัวให้มากๆ นะ ตระกูลซย่าโหวน่ากลัวกว่าที่นายคิดเยอะ ถ้าไม่ไหวก็ไปที่บ้านฉัน ฉันบอกกับคุณปู่ไว้แล้ว” ซุนหลิงหลิงที่อยู่ปลายสายกัดริมฝีปากพูด

        “ที่รัก วางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เดี๋ยวเสาร์นี้ฉันจะเปิดคลินิก ถึงตอนนั้นฉันจะให้คนขับรถไปรับพวกเธอนะ ธุรกิจของเราเปิดทำการต้องให้เหล่าเมียๆ ของฉันมาเฮฮากันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ยังจะมาเมียๆ อะไรอีก ช่วงนี้นายไม่ได้ติดต่อพวกเรา ดูท่านายใช้ชีวิตสบายดีนะ” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยความหึงหวง

        “หึงเหรอ เดี๋ยวตอนกลางคืนไปเปิดห้องที่โรงแรมมหาลัยอู่เฉิงนะ คืนนี้ฉันจะไปหาเธอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า ชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่เรื่อย” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ “เดี๋ยวฉันติดต่อไปนะ” พูดเสร็จ ซุนหลิงหลิงก็วางสายโทรศัพท์ไป

        “ยายบ้า ฝันหวานอยู่หรือไง” เสิ้นปี้โหรวยื่นมือไปตบก้นซุนหลิงๆ พร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ใช่สิ ฝันหวาน จะไปเหมือนกับเธอตอนนี้ได้ยังไง พี่จู้จื่อ ตอนเย็นกินอะไรเหรอ พี่จู้จื่อ เดี๋ยวไปเดินเล่นกัน พี่จู้จื่อ พี่ว่าฉันชุดนี้สวยหรือเปล่า” ซุนหลิงหลิงพูดเลียนแบบน้ำเสียงเสิ่นปี้โหรว

        “ยายบ้า กล้าว่าฉันอย่างนี้เหรอ ฉันว่าเธอถูกกัวไฮว่นั่นทำเสียคนแล้วล่ะ ให้ฉันดูตัวเธอหน่อยสิ ดูทรงแล้วเธอไม่ใช่เสี่ยวหลิงหลิงผู้บริสุทธิ์จริงๆ แล้วล่ะ” ในขณะที่พูด เสิ่นปี้โหรวก็ยืนมือไปจับหน้าอกของซุนหลิงหลิง จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกจริงๆ

        “ยังจะมาว่าทำฉันเสียคนอีก ฉันว่าเธอกับตาตัวใหญ่นั่นก็ไม่ได้ดีนักหรอก กระชากชุดเป็นแล้วนี่ เธอกับพี่จู้จื่อนั่นเล่นแบบนี้กันเป็นปกติเหรอ” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “ยายบ้า ยังจะมาพูดอีก” ในเวลาไม่นาน ในห้องก็เต็มไปด้วยสีสันแห่งวสันตฤดู

        “คนบ้า ไม่ติดต่อพี่เวยเวยมาตั้งนาน ไม่รู้ว่ามัวไปเสเพลอะไรอยู่ข้างนอก พี่รู้ใช่ไหมว่าทำผิดน่ะ” กัวไฮว่โทรศัพท์หามู่หรงเวยเวย แต่สุดท้ายเสียงที่ดังมาจากด้านนั้นคือเสียงของหนานกงหลิงโม่

        “เสี่ยวหลิงโม่ แล้วเวยเวยล่ะ ให้เวยเวยรับสายหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ยาฉันล่ะ ก่อนหน้านี้พี่อวี้เอ๋อร์บอกแล้วว่าพี่มียาลูกกลอนเพิ่มสกิลฉัน เมื่อไหร่จะเอายามาให้ฉัน ฉันยอมเป็นเมียน้อยพี่แล้วไง” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง

        “ยายบ้า ไม่รู้จักอายจริงๆ” มู่หรงเวยเวยออกมาจากห้องอาบน้ำ จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์มา เธอมองหนานกงหลิงโม่พร้อมกับพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ไม่มีอะไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “ไม่มีอะไร ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ได้โทรหาพวกเธอ คิดถึงสามีแล้วล่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เธอบอกเสี่ยวหลิงโม่ด้วยนะว่าให้เขารออีกไม่กี่วัน รอไว้คลินิกไม่เปิดแล้วฉันจะให้เขา”

        “คลินิกไม่? ฉันได้ยินพี่หลงบอกว่าพี่จะเปิดคลินิก จริงเหรอเนี่ย” มู่หรงเวยเวยอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “วันเสาร์ฉันจะให้คนไปรับพวกเธอ นี่เป็นกิจการอย่างเป็นทางการกิจการแรกของตระกูลกัวเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “อืม วันไว้เจอกันวันเสาร์นะ เดี๋ยวฉันติดต่อพวกเสี่ยวซีหน่อยดีกว่า หลายวันมาแล้วพี่ก็ไม่รู้จักโทรมาบ้างเลย ครั้งก่อนที่พวกเรากินข้าวด้วยกันเสี่ยวเยี่ยจื่อยังบอกเลยว่าพี่อยู่ข้างนอกนั่นจีบสาวไปทั่วหรือเปล่าเลยลืมพวกเราไปน่ะ” มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “เข้าใจแล้วเมียรัก เดี๋ยวฉันจะโทรหาพวกเขา อีกอย่าง ช่วยบอกเมียน้อยฉันด้วยนะว่าวันที่ไปแต่งตัวสวยๆ ด้วยล่ะ ฮ่าๆ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป

        “เสี่ยวซี รู้แล้วใช่ไหม หมอนั่นพึ่งพาไม่ได้จริงๆ ออกจากโรงเรียนไปแล้วหลายวันยังไม่รู้จักจะโทรมารายงานกับเธอเลย” เสี่ยวเยี่ยจื่อกินไปพูดกับถังซีไป

        “ฉันไม่เห็นจะร้อนใจ เมียเก็บแบบเธอจะร้อนใจไปทำไม” ถังซีเล่นรูบิคที่อยู่ในมือพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “เขาน่าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขไปวันๆ กับอวี้เอ๋อร์อยู่ข้างนอกนั่นแน่เลย” ซูเยี่ยพูดอย่างไม่ลดละ “อย่างดีที่สุดก็คือแบบนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปหลีสาวที่ใต้หลู่เฉิงหรือบาร์เหล้าจินหลิงอะไรนั่นอีกก็ได้นะ เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนเขาทำบ่อยนี่”

        “เยี่ยจื่อ ถ้าเธอคิดถึงเขาก็โทรหาเขาสิ เขาไม่ว่าอะไรหรอก เธอดูเธอสิ ตั้งแต่วันแรกที่พี่ไฮว่ออกจากโรงเรียนไปปากเธอก็เอาแต่บ่นไม่หยุด” ถังซีพูดยิ้มๆ เธอจัดการรูบิคที่อยู่ในมือได้เรียบร้อยแล้ว

        “โทรก็โทร ฉันแค่จะถามเขาดูว่าเขาทำอะไรอยู่ถึงได้ไม่รู้จักติดต่อพวกเราบ้าง” ซูเยี่ยพูดพลางหยิบโทรศัพท์มาจะกดเบอร์

        “เธอไม่ต้องโทรแล้วล่ะ พี่ไฮว่โทรมาแล้ว ฮิๆ” โทรศัพท์ของถังซีดังขึ้น ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับซูเยี่ย

        “ฮึ เมียหลวงนี่มันหอมหวานกว่าเมียเก็บอย่างฉันจริงๆ” ซูเยี่ยเบ้ปากพูด

        “พี่ไฮว่ ฉันเข้าใจแล้ว พี่รักษาร่างกายให้ดีนะ ต้องติดต่อมาหาพวกเราเยอะๆ เสี่ยวเยี่ยจื่อโมโหหมดแล้ว” กัวซีพูดยิ้มๆ “พี่อยากคุยกับเสี่ยวเยี่ยจื่อหน่อยหรือเปล่า”

        “ให้เสี่ยวเยี่ยจื่อมารับโทรศัพท์หน่อย คงจะคิดถึงพี่แล้วสิท่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ช่วงที่ไม่เข้าเรียนนี่สบายล่ะสิท่าถึงได้ไม่รู้จักโทรมาหาพวกเราเลยเนี่ย” ซูเยี่ยเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ เธอรับโทรศัพท์มาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “บอกพี่มา ตอนที่พี่ไม่อยู่ที่โรงเรียนมีคนเขียนจดหมายรักให้หรือเปล่า ถ้ามีคนกล้าจีบแฟนพี่ งั้นพี่จะไปจัดการพวกมันให้เละเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า ฉันกับเสี่ยวซีคุยกันแล้วว่ารอให้พวกเราเรียนจบจะไม่เข้ามหาลัยแล้ว พี่หาเงินให้เยอะๆ เถอะ ไม่งั้นจะเลี้ยงผู้หญิงของพี่ได้ไงกัน” ซูเยี่ยพูดเบาๆ

        “ฮ่าๆ เสี่ยวเยี่ยจื่อตรงดีนี่ รอให้เธอจบมอปลายพี่ก็จะรวบรัดตัดตอนเธอเลย ฮ่าๆ” เมื่อพูดเสร็จกัวไฮว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 103 เอาใจวังหลัง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 103 เอาใจวังหลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “น้องสี่ น้องสะใภ้ อย่ามาหลอกกันแบบนี้สิ ฉันกลับแล้วนะ เรื่องที่อเมริกาขอบใจแกมากนะ แกยังมียาลูกกลอนนั่นอีกหรือเปล่า” หลี่เย่าพูดยิ้มๆ

        “รอให้คลินิกไม่ผมเปิดก่อน ถึงตอนนั้นผมจะติดต่อพี่ไป หนทางบำเพ็ญเพียร ทำด้วยตัวเองเสียจะดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ที่รัก ลงมานานขนาดนี้ ฉันคิดถึงท่านพี่จังเลย” อวี้เอ๋อร์มองงานแกะสลักในมือแวบหนึ่งพร้อมกับพูดขึ้นเบาๆ

        “พริบตาเดียวร้อยปีบนแดนมนุษย์ก็จะผ่านไป เธอแกะสลักรูปท่านเซียน เธอว่าเราวางไว้ตรงไหนดี เดี๋ยวฉันไปจัดตำแหน่งฮวงจุ้ยวางรูปแกะสลักท่านเซียนดีกว่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ สำหรับสตรีบนงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้แล้ว ไม่ว่าตัวจริงหรือจะรูปแกะสลัก เขาก็รู้สึกเคารพนางอย่างสุดเบื้องลึกหัวใจ

        “หลิงหลิงเมียรัก ไม่โทรศัพท์มาหาฉันตั้งนาน คิดถึงฉันแล้วเหรอ รอให้ฉันหายยุ่งก่อนนะ เดี๋ยวฉันก็จะได้ไปหาพวกเธอที่ฟู่จงแล้วล่ะ” กัวไฮว่พูดกับโทรศัพท์ โดยปลายสายก็คือซุนหลิงหลิง

        “ตาบ้า ฉันมีเรื่องจะบอกนายน่ะ” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ กัวไฮว่เองก็สัมผัสได้ว่าอาจจะมีเรื่องบางอบ่างทำให้ซุนหลิงหลิงหนักอกหนักใจ

        “ตระกูลซย่าโหวส่งคนมาที่อู่เฉิง ปู่ฉันเลยให้มาบอกนายว่าพวกเขาน่าจะมาตามหานาย เพราะดูเหมือนว่าซย่าโหวเทียนนั่นจะตายแล้ว” ซุนหลิงหลิงพูดเบาๆ

        “ตระกูลซย่าโหว? ได้ ฉันเข้าใจแล้ว มาก็มาสิ เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอก็รู้นี่ว่าสามีเธอมีความสามารถอะไร” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ตระกูลซย่าโหวไม่มาเรื่องฉันก็แล้วไป แต่ถ้ามาหาเรื่องฉัน ตอนไปเยี่ยมเยียนตระกูลกู่ที่เมืองหลวงก็จะไปหาที่บ้านตระกูลซย่าโหวของพวกแกด้วยแล้วกัน

        “ที่รัก ต้องระวังตัวให้มากๆ นะ ตระกูลซย่าโหวน่ากลัวกว่าที่นายคิดเยอะ ถ้าไม่ไหวก็ไปที่บ้านฉัน ฉันบอกกับคุณปู่ไว้แล้ว” ซุนหลิงหลิงที่อยู่ปลายสายกัดริมฝีปากพูด

        “ที่รัก วางใจเถอะ ไม่มีเรื่องอะไรหรอก เดี๋ยวเสาร์นี้ฉันจะเปิดคลินิก ถึงตอนนั้นฉันจะให้คนขับรถไปรับพวกเธอนะ ธุรกิจของเราเปิดทำการต้องให้เหล่าเมียๆ ของฉันมาเฮฮากันหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ยังจะมาเมียๆ อะไรอีก ช่วงนี้นายไม่ได้ติดต่อพวกเรา ดูท่านายใช้ชีวิตสบายดีนะ” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยความหึงหวง

        “หึงเหรอ เดี๋ยวตอนกลางคืนไปเปิดห้องที่โรงแรมมหาลัยอู่เฉิงนะ คืนนี้ฉันจะไปหาเธอ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า ชอบเอาเปรียบคนอื่นอยู่เรื่อย” ซุนหลิงหลิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงก่ำ “เดี๋ยวฉันติดต่อไปนะ” พูดเสร็จ ซุนหลิงหลิงก็วางสายโทรศัพท์ไป

        “ยายบ้า ฝันหวานอยู่หรือไง” เสิ้นปี้โหรวยื่นมือไปตบก้นซุนหลิงๆ พร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “ใช่สิ ฝันหวาน จะไปเหมือนกับเธอตอนนี้ได้ยังไง พี่จู้จื่อ ตอนเย็นกินอะไรเหรอ พี่จู้จื่อ เดี๋ยวไปเดินเล่นกัน พี่จู้จื่อ พี่ว่าฉันชุดนี้สวยหรือเปล่า” ซุนหลิงหลิงพูดเลียนแบบน้ำเสียงเสิ่นปี้โหรว

        “ยายบ้า กล้าว่าฉันอย่างนี้เหรอ ฉันว่าเธอถูกกัวไฮว่นั่นทำเสียคนแล้วล่ะ ให้ฉันดูตัวเธอหน่อยสิ ดูทรงแล้วเธอไม่ใช่เสี่ยวหลิงหลิงผู้บริสุทธิ์จริงๆ แล้วล่ะ” ในขณะที่พูด เสิ่นปี้โหรวก็ยืนมือไปจับหน้าอกของซุนหลิงหลิง จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกจริงๆ

        “ยังจะมาว่าทำฉันเสียคนอีก ฉันว่าเธอกับตาตัวใหญ่นั่นก็ไม่ได้ดีนักหรอก กระชากชุดเป็นแล้วนี่ เธอกับพี่จู้จื่อนั่นเล่นแบบนี้กันเป็นปกติเหรอ” ซุนหลิงหลิงพูดยิ้มๆ

        “ยายบ้า ยังจะมาพูดอีก” ในเวลาไม่นาน ในห้องก็เต็มไปด้วยสีสันแห่งวสันตฤดู

        “คนบ้า ไม่ติดต่อพี่เวยเวยมาตั้งนาน ไม่รู้ว่ามัวไปเสเพลอะไรอยู่ข้างนอก พี่รู้ใช่ไหมว่าทำผิดน่ะ” กัวไฮว่โทรศัพท์หามู่หรงเวยเวย แต่สุดท้ายเสียงที่ดังมาจากด้านนั้นคือเสียงของหนานกงหลิงโม่

        “เสี่ยวหลิงโม่ แล้วเวยเวยล่ะ ให้เวยเวยรับสายหน่อย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ยาฉันล่ะ ก่อนหน้านี้พี่อวี้เอ๋อร์บอกแล้วว่าพี่มียาลูกกลอนเพิ่มสกิลฉัน เมื่อไหร่จะเอายามาให้ฉัน ฉันยอมเป็นเมียน้อยพี่แล้วไง” หนานกงหลิงโม่พูดเสียงดัง

        “ยายบ้า ไม่รู้จักอายจริงๆ” มู่หรงเวยเวยออกมาจากห้องอาบน้ำ จากนั้นก็แย่งโทรศัพท์มา เธอมองหนานกงหลิงโม่พร้อมกับพูดขึ้น

        “พี่ไฮว่ ช่วงนี้เป็นไงบ้าง ไม่มีอะไรใช่ไหม” มู่หรงเวยเวยถามยิ้มๆ

        “ไม่มีอะไร ช่วงนี้ยุ่งนิดหน่อยเลยไม่ได้โทรหาพวกเธอ คิดถึงสามีแล้วล่ะสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เธอบอกเสี่ยวหลิงโม่ด้วยนะว่าให้เขารออีกไม่กี่วัน รอไว้คลินิกไม่เปิดแล้วฉันจะให้เขา”

        “คลินิกไม่? ฉันได้ยินพี่หลงบอกว่าพี่จะเปิดคลินิก จริงเหรอเนี่ย” มู่หรงเวยเวยอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะพูดยิ้มๆ

        “วันเสาร์ฉันจะให้คนไปรับพวกเธอ นี่เป็นกิจการอย่างเป็นทางการกิจการแรกของตระกูลกัวเลยนะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “อืม วันไว้เจอกันวันเสาร์นะ เดี๋ยวฉันติดต่อพวกเสี่ยวซีหน่อยดีกว่า หลายวันมาแล้วพี่ก็ไม่รู้จักโทรมาบ้างเลย ครั้งก่อนที่พวกเรากินข้าวด้วยกันเสี่ยวเยี่ยจื่อยังบอกเลยว่าพี่อยู่ข้างนอกนั่นจีบสาวไปทั่วหรือเปล่าเลยลืมพวกเราไปน่ะ” มู่หรงเวยเวยพูดขึ้นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ

        “เข้าใจแล้วเมียรัก เดี๋ยวฉันจะโทรหาพวกเขา อีกอย่าง ช่วยบอกเมียน้อยฉันด้วยนะว่าวันที่ไปแต่งตัวสวยๆ ด้วยล่ะ ฮ่าๆ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป

        “เสี่ยวซี รู้แล้วใช่ไหม หมอนั่นพึ่งพาไม่ได้จริงๆ ออกจากโรงเรียนไปแล้วหลายวันยังไม่รู้จักจะโทรมารายงานกับเธอเลย” เสี่ยวเยี่ยจื่อกินไปพูดกับถังซีไป

        “ฉันไม่เห็นจะร้อนใจ เมียเก็บแบบเธอจะร้อนใจไปทำไม” ถังซีเล่นรูบิคที่อยู่ในมือพร้อมกับพูดยิ้มๆ

        “เขาน่าจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขไปวันๆ กับอวี้เอ๋อร์อยู่ข้างนอกนั่นแน่เลย” ซูเยี่ยพูดอย่างไม่ลดละ “อย่างดีที่สุดก็คือแบบนี้ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะไปหลีสาวที่ใต้หลู่เฉิงหรือบาร์เหล้าจินหลิงอะไรนั่นอีกก็ได้นะ เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนเขาทำบ่อยนี่”

        “เยี่ยจื่อ ถ้าเธอคิดถึงเขาก็โทรหาเขาสิ เขาไม่ว่าอะไรหรอก เธอดูเธอสิ ตั้งแต่วันแรกที่พี่ไฮว่ออกจากโรงเรียนไปปากเธอก็เอาแต่บ่นไม่หยุด” ถังซีพูดยิ้มๆ เธอจัดการรูบิคที่อยู่ในมือได้เรียบร้อยแล้ว

        “โทรก็โทร ฉันแค่จะถามเขาดูว่าเขาทำอะไรอยู่ถึงได้ไม่รู้จักติดต่อพวกเราบ้าง” ซูเยี่ยพูดพลางหยิบโทรศัพท์มาจะกดเบอร์

        “เธอไม่ต้องโทรแล้วล่ะ พี่ไฮว่โทรมาแล้ว ฮิๆ” โทรศัพท์ของถังซีดังขึ้น ก่อนจะพูดยิ้มๆ กับซูเยี่ย

        “ฮึ เมียหลวงนี่มันหอมหวานกว่าเมียเก็บอย่างฉันจริงๆ” ซูเยี่ยเบ้ปากพูด

        “พี่ไฮว่ ฉันเข้าใจแล้ว พี่รักษาร่างกายให้ดีนะ ต้องติดต่อมาหาพวกเราเยอะๆ เสี่ยวเยี่ยจื่อโมโหหมดแล้ว” กัวซีพูดยิ้มๆ “พี่อยากคุยกับเสี่ยวเยี่ยจื่อหน่อยหรือเปล่า”

        “ให้เสี่ยวเยี่ยจื่อมารับโทรศัพท์หน่อย คงจะคิดถึงพี่แล้วสิท่า” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ช่วงที่ไม่เข้าเรียนนี่สบายล่ะสิท่าถึงได้ไม่รู้จักโทรมาหาพวกเราเลยเนี่ย” ซูเยี่ยเองก็ไม่ได้เกรงอกเกรงใจ เธอรับโทรศัพท์มาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “บอกพี่มา ตอนที่พี่ไม่อยู่ที่โรงเรียนมีคนเขียนจดหมายรักให้หรือเปล่า ถ้ามีคนกล้าจีบแฟนพี่ งั้นพี่จะไปจัดการพวกมันให้เละเลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ตาบ้า ไอ้ตาบ้า ฉันกับเสี่ยวซีคุยกันแล้วว่ารอให้พวกเราเรียนจบจะไม่เข้ามหาลัยแล้ว พี่หาเงินให้เยอะๆ เถอะ ไม่งั้นจะเลี้ยงผู้หญิงของพี่ได้ไงกัน” ซูเยี่ยพูดเบาๆ

        “ฮ่าๆ เสี่ยวเยี่ยจื่อตรงดีนี่ รอให้เธอจบมอปลายพี่ก็จะรวบรัดตัดตอนเธอเลย ฮ่าๆ” เมื่อพูดเสร็จกัวไฮว่ก็วางสายโทรศัพท์ไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+