[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ พี่ฉันออกมากจากอ่างไม้แล้ว ตอนนี้ทำยังไงดี” มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ ข้างหูกัวไฮว่ ตอนแรกมู่หรงเฟยเป็นคนวิ่งมาถามว่าต้องทำอย่างไรอยู่ตลอด แต่โดนกัวไฮว่ด่าไปยกใหญ่ คนที่โดนพิษคือพี่ชายของตนเอง มู่หรงเวยเวยจึงกัดฟันมาถามกัวไฮว่

        “ยายหนู ไม่ให้ฉันพักสักหน่อยเหรอ ในเมื่อพาออกมาแล้วก็พาเขาไปบนเตียงเถอะ เดี๋ยวฉันตื่นแล้วจะไปดู” กัวไฮว่พูดงึมงำ จากศักยภาพของเขาตอนนี้ฝังไปแปดสิบเอ็ดเข็มติดต่อกัน ถือว่าใช้พลังงานไปไม่น้อยจริงๆ

        “ขอบคุณนะพี่ไฮว่” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ แล้วค่อยๆ บรรจงจูบหน้าผากกัวไฮว่ไปทีหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงหน้าผาก แต่ในตอนนี้มู่หรงเวยเวยได้ยอมรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไปเรียบร้อยแล้ว

        “ยายหนู เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ ในเมื่อเธอจูบหน้าผากฉันแล้ว งั้นต้องให้ฉันจูบบ้าง” กัวไฮว่ที่หลับตาอยู่นั้นก็โอบมู่หรงเวยเวยเอาไว้ จากนั้นก็ทาบริมฝีปากไปบนริมฝีปากของมู่หรงเวยเวย

        “ตาบ้า พี่มันคนบ้า” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

        “ผู้หญิงไม่มีเหตุผลกันทั้งนั้น เธอจูบฉันก่อนเองนะ เหอะๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้กำลังใจฉันแบบนี้ มีพลังขึ้นมาเลย ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะกินข้าวเช้ากับพี่เขยพรุ่งนี้ เดี๋ยวฉันไปดูพี่เขยหน่อย ดูหน่อยว่าวันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันได้หรือเปล่า” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็พามู่หรงเวยเวยเดินออกไปด้วยกัน

        “คุณลุงมู่หรง พี่เขยผมล่ะ” กัวไฮว่ออกไปก็เห็นมู่หรงกูกับเมิ่งจวงยังดื่มชากันอยู่สองคน เลยถามขึ้นยิ้มๆ “ท่านนี้น่าจะเป็นพ่อครัวประจำบ้านมู่หรงใช่ไหม วันนี้ทำของอร่อยๆ หน่อยนะครับ ทำตามรายการนี้เลย” กัวไฮว่โยนกระดาษสีขาวที่อยู่ในมือไป กระดาษสีขาวก็เสียบอยู่บนโต๊ะ

        “เกี๊ยวหมูไคหยวน ต้นกระจับหยินหยาง ไก่ฉีกแตงกวา ถั่วลิสงต้มเก้าหยิน เมนูสามแพะ เต้าหู้สองสี เนื้อกระต่ายพันถ้ำ ขึ้นฉ่ายเหล่ากุ่ย ปลาต้มเค็มสูตรลับ ผักกาดม้าดี ตับห่านทอดไส้เดือน ไข่น้ำเฟิ่งอู่” เมิ่งจวงอ่านรายชื่ออาหารไปทีละรายการ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

        “เมิ่งจวงใช่ไหมครับ ของพวกนี้คุณน่าจะทำเป็นนะ ไปทำเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกินอาหารมื้อนี้ให้หมด พวกเราจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ สักที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อฟังกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงกูก็พาสายตาตกไปอยู่บนรายการอาหาร

        “นายท่าน ผมไปทำกับข้าวก่อนนะครับ” เมิ่งจวงเห็นว่ากัวไฮว่มองปฏิกิริยาของตนอยู่ ในใจก็พลันตระหนก ต่อมาจึงได้หยุดนิ่ง และไม่ทันจะให้มู่หรงกูได้พูดอะไร เขาก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัว

        “คุณลุงมู่หรง ผมไปดูพี่เขยก่อนนะครับ พวกคุณคุยกันไปก่อน ประมาณตอนกินข้าวพี่เขยก็น่าจะมาตามมาด้วยกันได้แล้ว” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ก็ลากมู่หรงเวยเวยเดินเข้าไปยังห้องของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ พี่ตื่นมาสักที พี่ไม่รู้หรอกว่าแค่วันนี้เปลี่ยนน้ำให้พี่หลงอย่างเดียว ผมก็เหนื่อยจนจะพิการอยู่แล้ว” มู่หรงเฟยพูดเสียงดัง

        “ถูกต้อง แต่นายเปลี่ยนน้ำไปวันนี้ก็คุ้มอยู่นะ ประสิทธิภาพทางยาของยาลูกกลอนเม็ดที่ฉันให้นายไปถูกนายดูดซึมไปหมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นายใหม่ อาการป่วยของนายจะได้หมดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ถ้าพี่จัดการแผลบนตัวผมได้แล้ว เนื้อตัวผมก็เป็นของพี่แล้วล่ะ มีอะไรผมจะทำตามที่พี่สั่งทุกอย่างเลย” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ เขารู้ดีว่าอาการป่วยแฝงในร่างกายของเขามีผลกระทบต่อตัวเองมา โดยเฉพาะหลังจากตอนอายุสามสิบปีไปแล้ว

        “ล้างมือกัน พาพี่เขยลุกขึ้นมา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เวยเวย เธอเองก็ไม่ต้องหนีนะ เดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจไป ทุกอย่างเป็นสถานการณ์ปกติ”

        พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เอาเข็มเก้าเข็มขนาดพอๆ กับเมื่อสักครู่ฝังไปที่ร่างกายของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ ที่พี่ฝังไปเป็นจุดตายหมดเลยนะ” มู่หรงเฟยเป็นคนที่ฝึกยุทธ ย่อมรู้ว่าเข็มทั้งเก้าถูกฝังไปที่จุดตาย

        “เวยเวยยังไม่ได้ว่าอะไรเลย นายพูดอะไรน่ะ ประคองพี่เขยให้ดีก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็หยิบยาลูกกลอนมาจากตัวอีกครั้ง แล้วเอาเข้าปากมู่หรงหลงไป “พี่เขย จิตสุดท้ายกลับคืนมาได้แล้วนะ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงหลงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “พี่!” เมื่อมู่หรงเวยเวยเห็นมู่หรงหลงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น

        “เวยเวย อย่าเพิ่งเข้ามา จิตสุดท้ายของเขายังไม่คืนสมบูรณ์ รอเดี๋ยวก่อน” กัวไฮว่รีบตะโกนห้ามมู่หรงเวยเวย

        “พี่ พี่คะ” มู่หรงเวยเวยตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้น หกปีมาแล้ว พี่ของเธอสลบมากว่าหกปีแล้ว และผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่วยชีวิตเขากลับมา

        “เสี่ยวเฟย เดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายก็ห้ามขยับ พยุงมู่หรงหลงเอาไว้ให้ดี” กัวไฮว่สีหน้าซีดเผือด พูดเสียงดังขึ้นกับมู่หรงเฟย

        “วางใจเถอะ” มู่หรงเฟยขบกรามแน่น เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังงานระลอกหนึ่งที่ร่างกายของมู่หรงหลงระเบิดขึ้น

        “ฉันจะถอนเข็ม เวยเวย ออกไปจากห้องนี้ก่อน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง มู่หรงเวยเวยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป

        ในขณะที่มู่หรงเวยเวยเดินออกจากห้องไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็รีบถอนเข็มทั้งเก้าออกมาอย่างไวราวกับสายฟ้า จากนั้น ในห้องก็มีเสียงดังลั่นออกมา มู่หรงเฟยถูกผลักให้ลอยออก ทั้งห้องราวกับว่าจะสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง มู่หรงหลงตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น

        “ฉันมู่หรงหลง กลับมาแล้ว” มู่หรงหลงพูดเบาๆ

        “อะแฮ่มๆ ที่หนีลิขิตฟ้าชิงชีวิตมาได้ครั้งนี้จะทำแบบธรรมดาไม่ได้นะ” กัวไฮว่กระแอมไอแรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็เอายาลูกกลอนเข้าปากไป “พี่เขย กินยานี่ไป แล้วก็เอายานี่ให้เสี่ยวเฟย ครั้งนี้เขาช่วยพี่ไปไม่น้อยเลยนะ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็นั่งไขว้ขา สีหน้าของเขาค่อยๆ ดีขึ้นมา

        “เวยเวย บอกพ่อนะว่าห้ามใครเข้ามาใกล้ที่นี่” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ กับมู่หรงเวยเวยที่ตกอกตกใจอยู่ข้างนอก “เมื่อกี้เสียงดังมากเลย เดี๋ยวฉันไปบอกปู่เหยียนให้จัดการเรื่องด้านนอกให้เรียบร้อย”

        “พี่คะ พี่จริงๆ ด้วย พี่กลับมาแล้ว” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยความตื้นตัน สายตาของเธอตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ ผู้ชายที่เธอพามา ช่วยพี่ชายของเธอได้จริงๆ ตอนนี้เธออยากจะกอดกัวไฮว่ไว้แน่น แต่เธอก็ยังฟังที่พี่ชายของตนพูด ออกไปหามู่หรงกูกับมู่หรงเหยียน

        “ลุงเหยียน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเข้าใกล้บ้านมู่หรง” มู่หรงกูพูดเสียงดัง

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง ใครที่บุกเข้ามาบ้านมู่หรง ให้ฆ่ามัน!”

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง จุดยิงทุกจุดในระยะสองพันเมตรจากบ้านมู่หรง หากพบเจอสถานการณ์ผิดปกติ สามารถยิงทิ้งได้เลย”

        มีคำสั่งติดต่อมากันสามครั้ง หลายปีมานี้มู่หรงกูไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อน เพราะเสียงที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ คือเสียงลูกชายของตน หกปีมาแล้ว หกปีเต็มๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ พี่ฉันออกมากจากอ่างไม้แล้ว ตอนนี้ทำยังไงดี” มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ ข้างหูกัวไฮว่ ตอนแรกมู่หรงเฟยเป็นคนวิ่งมาถามว่าต้องทำอย่างไรอยู่ตลอด แต่โดนกัวไฮว่ด่าไปยกใหญ่ คนที่โดนพิษคือพี่ชายของตนเอง มู่หรงเวยเวยจึงกัดฟันมาถามกัวไฮว่

        “ยายหนู ไม่ให้ฉันพักสักหน่อยเหรอ ในเมื่อพาออกมาแล้วก็พาเขาไปบนเตียงเถอะ เดี๋ยวฉันตื่นแล้วจะไปดู” กัวไฮว่พูดงึมงำ จากศักยภาพของเขาตอนนี้ฝังไปแปดสิบเอ็ดเข็มติดต่อกัน ถือว่าใช้พลังงานไปไม่น้อยจริงๆ

        “ขอบคุณนะพี่ไฮว่” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ แล้วค่อยๆ บรรจงจูบหน้าผากกัวไฮว่ไปทีหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงหน้าผาก แต่ในตอนนี้มู่หรงเวยเวยได้ยอมรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไปเรียบร้อยแล้ว

        “ยายหนู เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ ในเมื่อเธอจูบหน้าผากฉันแล้ว งั้นต้องให้ฉันจูบบ้าง” กัวไฮว่ที่หลับตาอยู่นั้นก็โอบมู่หรงเวยเวยเอาไว้ จากนั้นก็ทาบริมฝีปากไปบนริมฝีปากของมู่หรงเวยเวย

        “ตาบ้า พี่มันคนบ้า” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

        “ผู้หญิงไม่มีเหตุผลกันทั้งนั้น เธอจูบฉันก่อนเองนะ เหอะๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้กำลังใจฉันแบบนี้ มีพลังขึ้นมาเลย ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะกินข้าวเช้ากับพี่เขยพรุ่งนี้ เดี๋ยวฉันไปดูพี่เขยหน่อย ดูหน่อยว่าวันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันได้หรือเปล่า” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็พามู่หรงเวยเวยเดินออกไปด้วยกัน

        “คุณลุงมู่หรง พี่เขยผมล่ะ” กัวไฮว่ออกไปก็เห็นมู่หรงกูกับเมิ่งจวงยังดื่มชากันอยู่สองคน เลยถามขึ้นยิ้มๆ “ท่านนี้น่าจะเป็นพ่อครัวประจำบ้านมู่หรงใช่ไหม วันนี้ทำของอร่อยๆ หน่อยนะครับ ทำตามรายการนี้เลย” กัวไฮว่โยนกระดาษสีขาวที่อยู่ในมือไป กระดาษสีขาวก็เสียบอยู่บนโต๊ะ

        “เกี๊ยวหมูไคหยวน ต้นกระจับหยินหยาง ไก่ฉีกแตงกวา ถั่วลิสงต้มเก้าหยิน เมนูสามแพะ เต้าหู้สองสี เนื้อกระต่ายพันถ้ำ ขึ้นฉ่ายเหล่ากุ่ย ปลาต้มเค็มสูตรลับ ผักกาดม้าดี ตับห่านทอดไส้เดือน ไข่น้ำเฟิ่งอู่” เมิ่งจวงอ่านรายชื่ออาหารไปทีละรายการ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

        “เมิ่งจวงใช่ไหมครับ ของพวกนี้คุณน่าจะทำเป็นนะ ไปทำเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกินอาหารมื้อนี้ให้หมด พวกเราจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ สักที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อฟังกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงกูก็พาสายตาตกไปอยู่บนรายการอาหาร

        “นายท่าน ผมไปทำกับข้าวก่อนนะครับ” เมิ่งจวงเห็นว่ากัวไฮว่มองปฏิกิริยาของตนอยู่ ในใจก็พลันตระหนก ต่อมาจึงได้หยุดนิ่ง และไม่ทันจะให้มู่หรงกูได้พูดอะไร เขาก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัว

        “คุณลุงมู่หรง ผมไปดูพี่เขยก่อนนะครับ พวกคุณคุยกันไปก่อน ประมาณตอนกินข้าวพี่เขยก็น่าจะมาตามมาด้วยกันได้แล้ว” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ก็ลากมู่หรงเวยเวยเดินเข้าไปยังห้องของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ พี่ตื่นมาสักที พี่ไม่รู้หรอกว่าแค่วันนี้เปลี่ยนน้ำให้พี่หลงอย่างเดียว ผมก็เหนื่อยจนจะพิการอยู่แล้ว” มู่หรงเฟยพูดเสียงดัง

        “ถูกต้อง แต่นายเปลี่ยนน้ำไปวันนี้ก็คุ้มอยู่นะ ประสิทธิภาพทางยาของยาลูกกลอนเม็ดที่ฉันให้นายไปถูกนายดูดซึมไปหมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นายใหม่ อาการป่วยของนายจะได้หมดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ถ้าพี่จัดการแผลบนตัวผมได้แล้ว เนื้อตัวผมก็เป็นของพี่แล้วล่ะ มีอะไรผมจะทำตามที่พี่สั่งทุกอย่างเลย” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ เขารู้ดีว่าอาการป่วยแฝงในร่างกายของเขามีผลกระทบต่อตัวเองมา โดยเฉพาะหลังจากตอนอายุสามสิบปีไปแล้ว

        “ล้างมือกัน พาพี่เขยลุกขึ้นมา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เวยเวย เธอเองก็ไม่ต้องหนีนะ เดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจไป ทุกอย่างเป็นสถานการณ์ปกติ”

        พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เอาเข็มเก้าเข็มขนาดพอๆ กับเมื่อสักครู่ฝังไปที่ร่างกายของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ ที่พี่ฝังไปเป็นจุดตายหมดเลยนะ” มู่หรงเฟยเป็นคนที่ฝึกยุทธ ย่อมรู้ว่าเข็มทั้งเก้าถูกฝังไปที่จุดตาย

        “เวยเวยยังไม่ได้ว่าอะไรเลย นายพูดอะไรน่ะ ประคองพี่เขยให้ดีก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็หยิบยาลูกกลอนมาจากตัวอีกครั้ง แล้วเอาเข้าปากมู่หรงหลงไป “พี่เขย จิตสุดท้ายกลับคืนมาได้แล้วนะ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงหลงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “พี่!” เมื่อมู่หรงเวยเวยเห็นมู่หรงหลงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น

        “เวยเวย อย่าเพิ่งเข้ามา จิตสุดท้ายของเขายังไม่คืนสมบูรณ์ รอเดี๋ยวก่อน” กัวไฮว่รีบตะโกนห้ามมู่หรงเวยเวย

        “พี่ พี่คะ” มู่หรงเวยเวยตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้น หกปีมาแล้ว พี่ของเธอสลบมากว่าหกปีแล้ว และผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่วยชีวิตเขากลับมา

        “เสี่ยวเฟย เดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายก็ห้ามขยับ พยุงมู่หรงหลงเอาไว้ให้ดี” กัวไฮว่สีหน้าซีดเผือด พูดเสียงดังขึ้นกับมู่หรงเฟย

        “วางใจเถอะ” มู่หรงเฟยขบกรามแน่น เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังงานระลอกหนึ่งที่ร่างกายของมู่หรงหลงระเบิดขึ้น

        “ฉันจะถอนเข็ม เวยเวย ออกไปจากห้องนี้ก่อน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง มู่หรงเวยเวยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป

        ในขณะที่มู่หรงเวยเวยเดินออกจากห้องไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็รีบถอนเข็มทั้งเก้าออกมาอย่างไวราวกับสายฟ้า จากนั้น ในห้องก็มีเสียงดังลั่นออกมา มู่หรงเฟยถูกผลักให้ลอยออก ทั้งห้องราวกับว่าจะสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง มู่หรงหลงตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น

        “ฉันมู่หรงหลง กลับมาแล้ว” มู่หรงหลงพูดเบาๆ

        “อะแฮ่มๆ ที่หนีลิขิตฟ้าชิงชีวิตมาได้ครั้งนี้จะทำแบบธรรมดาไม่ได้นะ” กัวไฮว่กระแอมไอแรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็เอายาลูกกลอนเข้าปากไป “พี่เขย กินยานี่ไป แล้วก็เอายานี่ให้เสี่ยวเฟย ครั้งนี้เขาช่วยพี่ไปไม่น้อยเลยนะ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็นั่งไขว้ขา สีหน้าของเขาค่อยๆ ดีขึ้นมา

        “เวยเวย บอกพ่อนะว่าห้ามใครเข้ามาใกล้ที่นี่” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ กับมู่หรงเวยเวยที่ตกอกตกใจอยู่ข้างนอก “เมื่อกี้เสียงดังมากเลย เดี๋ยวฉันไปบอกปู่เหยียนให้จัดการเรื่องด้านนอกให้เรียบร้อย”

        “พี่คะ พี่จริงๆ ด้วย พี่กลับมาแล้ว” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยความตื้นตัน สายตาของเธอตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ ผู้ชายที่เธอพามา ช่วยพี่ชายของเธอได้จริงๆ ตอนนี้เธออยากจะกอดกัวไฮว่ไว้แน่น แต่เธอก็ยังฟังที่พี่ชายของตนพูด ออกไปหามู่หรงกูกับมู่หรงเหยียน

        “ลุงเหยียน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเข้าใกล้บ้านมู่หรง” มู่หรงกูพูดเสียงดัง

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง ใครที่บุกเข้ามาบ้านมู่หรง ให้ฆ่ามัน!”

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง จุดยิงทุกจุดในระยะสองพันเมตรจากบ้านมู่หรง หากพบเจอสถานการณ์ผิดปกติ สามารถยิงทิ้งได้เลย”

        มีคำสั่งติดต่อมากันสามครั้ง หลายปีมานี้มู่หรงกูไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อน เพราะเสียงที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ คือเสียงลูกชายของตน หกปีมาแล้ว หกปีเต็มๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ พี่ฉันออกมากจากอ่างไม้แล้ว ตอนนี้ทำยังไงดี” มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ ข้างหูกัวไฮว่ ตอนแรกมู่หรงเฟยเป็นคนวิ่งมาถามว่าต้องทำอย่างไรอยู่ตลอด แต่โดนกัวไฮว่ด่าไปยกใหญ่ คนที่โดนพิษคือพี่ชายของตนเอง มู่หรงเวยเวยจึงกัดฟันมาถามกัวไฮว่

        “ยายหนู ไม่ให้ฉันพักสักหน่อยเหรอ ในเมื่อพาออกมาแล้วก็พาเขาไปบนเตียงเถอะ เดี๋ยวฉันตื่นแล้วจะไปดู” กัวไฮว่พูดงึมงำ จากศักยภาพของเขาตอนนี้ฝังไปแปดสิบเอ็ดเข็มติดต่อกัน ถือว่าใช้พลังงานไปไม่น้อยจริงๆ

        “ขอบคุณนะพี่ไฮว่” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ แล้วค่อยๆ บรรจงจูบหน้าผากกัวไฮว่ไปทีหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงหน้าผาก แต่ในตอนนี้มู่หรงเวยเวยได้ยอมรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไปเรียบร้อยแล้ว

        “ยายหนู เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ ในเมื่อเธอจูบหน้าผากฉันแล้ว งั้นต้องให้ฉันจูบบ้าง” กัวไฮว่ที่หลับตาอยู่นั้นก็โอบมู่หรงเวยเวยเอาไว้ จากนั้นก็ทาบริมฝีปากไปบนริมฝีปากของมู่หรงเวยเวย

        “ตาบ้า พี่มันคนบ้า” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

        “ผู้หญิงไม่มีเหตุผลกันทั้งนั้น เธอจูบฉันก่อนเองนะ เหอะๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้กำลังใจฉันแบบนี้ มีพลังขึ้นมาเลย ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะกินข้าวเช้ากับพี่เขยพรุ่งนี้ เดี๋ยวฉันไปดูพี่เขยหน่อย ดูหน่อยว่าวันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันได้หรือเปล่า” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็พามู่หรงเวยเวยเดินออกไปด้วยกัน

        “คุณลุงมู่หรง พี่เขยผมล่ะ” กัวไฮว่ออกไปก็เห็นมู่หรงกูกับเมิ่งจวงยังดื่มชากันอยู่สองคน เลยถามขึ้นยิ้มๆ “ท่านนี้น่าจะเป็นพ่อครัวประจำบ้านมู่หรงใช่ไหม วันนี้ทำของอร่อยๆ หน่อยนะครับ ทำตามรายการนี้เลย” กัวไฮว่โยนกระดาษสีขาวที่อยู่ในมือไป กระดาษสีขาวก็เสียบอยู่บนโต๊ะ

        “เกี๊ยวหมูไคหยวน ต้นกระจับหยินหยาง ไก่ฉีกแตงกวา ถั่วลิสงต้มเก้าหยิน เมนูสามแพะ เต้าหู้สองสี เนื้อกระต่ายพันถ้ำ ขึ้นฉ่ายเหล่ากุ่ย ปลาต้มเค็มสูตรลับ ผักกาดม้าดี ตับห่านทอดไส้เดือน ไข่น้ำเฟิ่งอู่” เมิ่งจวงอ่านรายชื่ออาหารไปทีละรายการ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

        “เมิ่งจวงใช่ไหมครับ ของพวกนี้คุณน่าจะทำเป็นนะ ไปทำเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกินอาหารมื้อนี้ให้หมด พวกเราจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ สักที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อฟังกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงกูก็พาสายตาตกไปอยู่บนรายการอาหาร

        “นายท่าน ผมไปทำกับข้าวก่อนนะครับ” เมิ่งจวงเห็นว่ากัวไฮว่มองปฏิกิริยาของตนอยู่ ในใจก็พลันตระหนก ต่อมาจึงได้หยุดนิ่ง และไม่ทันจะให้มู่หรงกูได้พูดอะไร เขาก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัว

        “คุณลุงมู่หรง ผมไปดูพี่เขยก่อนนะครับ พวกคุณคุยกันไปก่อน ประมาณตอนกินข้าวพี่เขยก็น่าจะมาตามมาด้วยกันได้แล้ว” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ก็ลากมู่หรงเวยเวยเดินเข้าไปยังห้องของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ พี่ตื่นมาสักที พี่ไม่รู้หรอกว่าแค่วันนี้เปลี่ยนน้ำให้พี่หลงอย่างเดียว ผมก็เหนื่อยจนจะพิการอยู่แล้ว” มู่หรงเฟยพูดเสียงดัง

        “ถูกต้อง แต่นายเปลี่ยนน้ำไปวันนี้ก็คุ้มอยู่นะ ประสิทธิภาพทางยาของยาลูกกลอนเม็ดที่ฉันให้นายไปถูกนายดูดซึมไปหมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นายใหม่ อาการป่วยของนายจะได้หมดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ถ้าพี่จัดการแผลบนตัวผมได้แล้ว เนื้อตัวผมก็เป็นของพี่แล้วล่ะ มีอะไรผมจะทำตามที่พี่สั่งทุกอย่างเลย” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ เขารู้ดีว่าอาการป่วยแฝงในร่างกายของเขามีผลกระทบต่อตัวเองมา โดยเฉพาะหลังจากตอนอายุสามสิบปีไปแล้ว

        “ล้างมือกัน พาพี่เขยลุกขึ้นมา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เวยเวย เธอเองก็ไม่ต้องหนีนะ เดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจไป ทุกอย่างเป็นสถานการณ์ปกติ”

        พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เอาเข็มเก้าเข็มขนาดพอๆ กับเมื่อสักครู่ฝังไปที่ร่างกายของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ ที่พี่ฝังไปเป็นจุดตายหมดเลยนะ” มู่หรงเฟยเป็นคนที่ฝึกยุทธ ย่อมรู้ว่าเข็มทั้งเก้าถูกฝังไปที่จุดตาย

        “เวยเวยยังไม่ได้ว่าอะไรเลย นายพูดอะไรน่ะ ประคองพี่เขยให้ดีก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็หยิบยาลูกกลอนมาจากตัวอีกครั้ง แล้วเอาเข้าปากมู่หรงหลงไป “พี่เขย จิตสุดท้ายกลับคืนมาได้แล้วนะ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงหลงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “พี่!” เมื่อมู่หรงเวยเวยเห็นมู่หรงหลงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น

        “เวยเวย อย่าเพิ่งเข้ามา จิตสุดท้ายของเขายังไม่คืนสมบูรณ์ รอเดี๋ยวก่อน” กัวไฮว่รีบตะโกนห้ามมู่หรงเวยเวย

        “พี่ พี่คะ” มู่หรงเวยเวยตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้น หกปีมาแล้ว พี่ของเธอสลบมากว่าหกปีแล้ว และผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่วยชีวิตเขากลับมา

        “เสี่ยวเฟย เดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายก็ห้ามขยับ พยุงมู่หรงหลงเอาไว้ให้ดี” กัวไฮว่สีหน้าซีดเผือด พูดเสียงดังขึ้นกับมู่หรงเฟย

        “วางใจเถอะ” มู่หรงเฟยขบกรามแน่น เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังงานระลอกหนึ่งที่ร่างกายของมู่หรงหลงระเบิดขึ้น

        “ฉันจะถอนเข็ม เวยเวย ออกไปจากห้องนี้ก่อน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง มู่หรงเวยเวยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป

        ในขณะที่มู่หรงเวยเวยเดินออกจากห้องไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็รีบถอนเข็มทั้งเก้าออกมาอย่างไวราวกับสายฟ้า จากนั้น ในห้องก็มีเสียงดังลั่นออกมา มู่หรงเฟยถูกผลักให้ลอยออก ทั้งห้องราวกับว่าจะสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง มู่หรงหลงตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น

        “ฉันมู่หรงหลง กลับมาแล้ว” มู่หรงหลงพูดเบาๆ

        “อะแฮ่มๆ ที่หนีลิขิตฟ้าชิงชีวิตมาได้ครั้งนี้จะทำแบบธรรมดาไม่ได้นะ” กัวไฮว่กระแอมไอแรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็เอายาลูกกลอนเข้าปากไป “พี่เขย กินยานี่ไป แล้วก็เอายานี่ให้เสี่ยวเฟย ครั้งนี้เขาช่วยพี่ไปไม่น้อยเลยนะ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็นั่งไขว้ขา สีหน้าของเขาค่อยๆ ดีขึ้นมา

        “เวยเวย บอกพ่อนะว่าห้ามใครเข้ามาใกล้ที่นี่” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ กับมู่หรงเวยเวยที่ตกอกตกใจอยู่ข้างนอก “เมื่อกี้เสียงดังมากเลย เดี๋ยวฉันไปบอกปู่เหยียนให้จัดการเรื่องด้านนอกให้เรียบร้อย”

        “พี่คะ พี่จริงๆ ด้วย พี่กลับมาแล้ว” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยความตื้นตัน สายตาของเธอตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ ผู้ชายที่เธอพามา ช่วยพี่ชายของเธอได้จริงๆ ตอนนี้เธออยากจะกอดกัวไฮว่ไว้แน่น แต่เธอก็ยังฟังที่พี่ชายของตนพูด ออกไปหามู่หรงกูกับมู่หรงเหยียน

        “ลุงเหยียน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเข้าใกล้บ้านมู่หรง” มู่หรงกูพูดเสียงดัง

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง ใครที่บุกเข้ามาบ้านมู่หรง ให้ฆ่ามัน!”

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง จุดยิงทุกจุดในระยะสองพันเมตรจากบ้านมู่หรง หากพบเจอสถานการณ์ผิดปกติ สามารถยิงทิ้งได้เลย”

        มีคำสั่งติดต่อมากันสามครั้ง หลายปีมานี้มู่หรงกูไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อน เพราะเสียงที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ คือเสียงลูกชายของตน หกปีมาแล้ว หกปีเต็มๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 62 มู่หรงหลงฟื้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ พี่ฉันออกมากจากอ่างไม้แล้ว ตอนนี้ทำยังไงดี” มู่หรงเวยเวยถามขึ้นเบาๆ ข้างหูกัวไฮว่ ตอนแรกมู่หรงเฟยเป็นคนวิ่งมาถามว่าต้องทำอย่างไรอยู่ตลอด แต่โดนกัวไฮว่ด่าไปยกใหญ่ คนที่โดนพิษคือพี่ชายของตนเอง มู่หรงเวยเวยจึงกัดฟันมาถามกัวไฮว่

        “ยายหนู ไม่ให้ฉันพักสักหน่อยเหรอ ในเมื่อพาออกมาแล้วก็พาเขาไปบนเตียงเถอะ เดี๋ยวฉันตื่นแล้วจะไปดู” กัวไฮว่พูดงึมงำ จากศักยภาพของเขาตอนนี้ฝังไปแปดสิบเอ็ดเข็มติดต่อกัน ถือว่าใช้พลังงานไปไม่น้อยจริงๆ

        “ขอบคุณนะพี่ไฮว่” มู่หรงเวยเวยมองกัวไฮว่ แล้วค่อยๆ บรรจงจูบหน้าผากกัวไฮว่ไปทีหนึ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงหน้าผาก แต่ในตอนนี้มู่หรงเวยเวยได้ยอมรับผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ไปเรียบร้อยแล้ว

        “ยายหนู เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ ในเมื่อเธอจูบหน้าผากฉันแล้ว งั้นต้องให้ฉันจูบบ้าง” กัวไฮว่ที่หลับตาอยู่นั้นก็โอบมู่หรงเวยเวยเอาไว้ จากนั้นก็ทาบริมฝีปากไปบนริมฝีปากของมู่หรงเวยเวย

        “ตาบ้า พี่มันคนบ้า” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

        “ผู้หญิงไม่มีเหตุผลกันทั้งนั้น เธอจูบฉันก่อนเองนะ เหอะๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “ให้กำลังใจฉันแบบนี้ มีพลังขึ้นมาเลย ตอนแรกก็ตั้งใจว่าจะกินข้าวเช้ากับพี่เขยพรุ่งนี้ เดี๋ยวฉันไปดูพี่เขยหน่อย ดูหน่อยว่าวันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันได้หรือเปล่า” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็พามู่หรงเวยเวยเดินออกไปด้วยกัน

        “คุณลุงมู่หรง พี่เขยผมล่ะ” กัวไฮว่ออกไปก็เห็นมู่หรงกูกับเมิ่งจวงยังดื่มชากันอยู่สองคน เลยถามขึ้นยิ้มๆ “ท่านนี้น่าจะเป็นพ่อครัวประจำบ้านมู่หรงใช่ไหม วันนี้ทำของอร่อยๆ หน่อยนะครับ ทำตามรายการนี้เลย” กัวไฮว่โยนกระดาษสีขาวที่อยู่ในมือไป กระดาษสีขาวก็เสียบอยู่บนโต๊ะ

        “เกี๊ยวหมูไคหยวน ต้นกระจับหยินหยาง ไก่ฉีกแตงกวา ถั่วลิสงต้มเก้าหยิน เมนูสามแพะ เต้าหู้สองสี เนื้อกระต่ายพันถ้ำ ขึ้นฉ่ายเหล่ากุ่ย ปลาต้มเค็มสูตรลับ ผักกาดม้าดี ตับห่านทอดไส้เดือน ไข่น้ำเฟิ่งอู่” เมิ่งจวงอ่านรายชื่ออาหารไปทีละรายการ สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไป

        “เมิ่งจวงใช่ไหมครับ ของพวกนี้คุณน่าจะทำเป็นนะ ไปทำเถอะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องกินอาหารมื้อนี้ให้หมด พวกเราจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ สักที” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        เมื่อฟังกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงกูก็พาสายตาตกไปอยู่บนรายการอาหาร

        “นายท่าน ผมไปทำกับข้าวก่อนนะครับ” เมิ่งจวงเห็นว่ากัวไฮว่มองปฏิกิริยาของตนอยู่ ในใจก็พลันตระหนก ต่อมาจึงได้หยุดนิ่ง และไม่ทันจะให้มู่หรงกูได้พูดอะไร เขาก็หมุนตัวเดินไปยังห้องครัว

        “คุณลุงมู่หรง ผมไปดูพี่เขยก่อนนะครับ พวกคุณคุยกันไปก่อน ประมาณตอนกินข้าวพี่เขยก็น่าจะมาตามมาด้วยกันได้แล้ว” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ก็ลากมู่หรงเวยเวยเดินเข้าไปยังห้องของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ พี่ตื่นมาสักที พี่ไม่รู้หรอกว่าแค่วันนี้เปลี่ยนน้ำให้พี่หลงอย่างเดียว ผมก็เหนื่อยจนจะพิการอยู่แล้ว” มู่หรงเฟยพูดเสียงดัง

        “ถูกต้อง แต่นายเปลี่ยนน้ำไปวันนี้ก็คุ้มอยู่นะ ประสิทธิภาพทางยาของยาลูกกลอนเม็ดที่ฉันให้นายไปถูกนายดูดซึมไปหมดแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้นายใหม่ อาการป่วยของนายจะได้หมดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “พี่ไฮว่ ถ้าพี่จัดการแผลบนตัวผมได้แล้ว เนื้อตัวผมก็เป็นของพี่แล้วล่ะ มีอะไรผมจะทำตามที่พี่สั่งทุกอย่างเลย” มู่หรงเฟยพูดยิ้มๆ เขารู้ดีว่าอาการป่วยแฝงในร่างกายของเขามีผลกระทบต่อตัวเองมา โดยเฉพาะหลังจากตอนอายุสามสิบปีไปแล้ว

        “ล้างมือกัน พาพี่เขยลุกขึ้นมา” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “เวยเวย เธอเองก็ไม่ต้องหนีนะ เดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ต้องตกใจไป ทุกอย่างเป็นสถานการณ์ปกติ”

        พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็เอาเข็มเก้าเข็มขนาดพอๆ กับเมื่อสักครู่ฝังไปที่ร่างกายของมู่หรงหลง

        “พี่ไฮว่ ที่พี่ฝังไปเป็นจุดตายหมดเลยนะ” มู่หรงเฟยเป็นคนที่ฝึกยุทธ ย่อมรู้ว่าเข็มทั้งเก้าถูกฝังไปที่จุดตาย

        “เวยเวยยังไม่ได้ว่าอะไรเลย นายพูดอะไรน่ะ ประคองพี่เขยให้ดีก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ จากนั้นก็หยิบยาลูกกลอนมาจากตัวอีกครั้ง แล้วเอาเข้าปากมู่หรงหลงไป “พี่เขย จิตสุดท้ายกลับคืนมาได้แล้วนะ” เมื่อกัวไฮว่พูดเสร็จ มู่หรงหลงก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

        “พี่!” เมื่อมู่หรงเวยเวยเห็นมู่หรงหลงค่อยๆ ลืมตาทั้งสองก็ตะโกนด้วยความตื่นเต้น

        “เวยเวย อย่าเพิ่งเข้ามา จิตสุดท้ายของเขายังไม่คืนสมบูรณ์ รอเดี๋ยวก่อน” กัวไฮว่รีบตะโกนห้ามมู่หรงเวยเวย

        “พี่ พี่คะ” มู่หรงเวยเวยตะโกนร้องด้วยความตื่นเต้น หกปีมาแล้ว พี่ของเธอสลบมากว่าหกปีแล้ว และผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ช่วยชีวิตเขากลับมา

        “เสี่ยวเฟย เดี๋ยวไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น นายก็ห้ามขยับ พยุงมู่หรงหลงเอาไว้ให้ดี” กัวไฮว่สีหน้าซีดเผือด พูดเสียงดังขึ้นกับมู่หรงเฟย

        “วางใจเถอะ” มู่หรงเฟยขบกรามแน่น เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังงานระลอกหนึ่งที่ร่างกายของมู่หรงหลงระเบิดขึ้น

        “ฉันจะถอนเข็ม เวยเวย ออกไปจากห้องนี้ก่อน” กัวไฮว่พูดเสียงดัง มู่หรงเวยเวยพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป

        ในขณะที่มู่หรงเวยเวยเดินออกจากห้องไปนั่นเอง กัวไฮว่ก็รีบถอนเข็มทั้งเก้าออกมาอย่างไวราวกับสายฟ้า จากนั้น ในห้องก็มีเสียงดังลั่นออกมา มู่หรงเฟยถูกผลักให้ลอยออก ทั้งห้องราวกับว่าจะสั่นสะเทือนไปครู่หนึ่ง มู่หรงหลงตะโกนเสียงดังลั่น จากนั้นก็ค่อยๆ ลุกขึ้น

        “ฉันมู่หรงหลง กลับมาแล้ว” มู่หรงหลงพูดเบาๆ

        “อะแฮ่มๆ ที่หนีลิขิตฟ้าชิงชีวิตมาได้ครั้งนี้จะทำแบบธรรมดาไม่ได้นะ” กัวไฮว่กระแอมไอแรงๆ สองสามครั้ง จากนั้นก็เอายาลูกกลอนเข้าปากไป “พี่เขย กินยานี่ไป แล้วก็เอายานี่ให้เสี่ยวเฟย ครั้งนี้เขาช่วยพี่ไปไม่น้อยเลยนะ” พูดเสร็จ กัวไฮว่ก็นั่งไขว้ขา สีหน้าของเขาค่อยๆ ดีขึ้นมา

        “เวยเวย บอกพ่อนะว่าห้ามใครเข้ามาใกล้ที่นี่” มู่หรงหลงพูดยิ้มๆ กับมู่หรงเวยเวยที่ตกอกตกใจอยู่ข้างนอก “เมื่อกี้เสียงดังมากเลย เดี๋ยวฉันไปบอกปู่เหยียนให้จัดการเรื่องด้านนอกให้เรียบร้อย”

        “พี่คะ พี่จริงๆ ด้วย พี่กลับมาแล้ว” มู่หรงเวยเวยพูดด้วยความตื้นตัน สายตาของเธอตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ ผู้ชายที่เธอพามา ช่วยพี่ชายของเธอได้จริงๆ ตอนนี้เธออยากจะกอดกัวไฮว่ไว้แน่น แต่เธอก็ยังฟังที่พี่ชายของตนพูด ออกไปหามู่หรงกูกับมู่หรงเหยียน

        “ลุงเหยียน ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามเข้าใกล้บ้านมู่หรง” มู่หรงกูพูดเสียงดัง

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง ใครที่บุกเข้ามาบ้านมู่หรง ให้ฆ่ามัน!”

        “รปภ.ทุกคนฟังคำสั่ง จุดยิงทุกจุดในระยะสองพันเมตรจากบ้านมู่หรง หากพบเจอสถานการณ์ผิดปกติ สามารถยิงทิ้งได้เลย”

        มีคำสั่งติดต่อมากันสามครั้ง หลายปีมานี้มู่หรงกูไม่เคยดีใจขนาดนี้มาก่อน เพราะเสียงที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ คือเสียงลูกชายของตน หกปีมาแล้ว หกปีเต็มๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+