[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 155 เหตุปล้นเครื่องบิน (1)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 155 เหตุปล้นเครื่องบิน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ไอ้หนู น้ำมันบนเครื่องไม่พอ ฉันให้เวลาแกแค่ยี่สิบนาที ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันจะสั่งสอนแกเองว่าต้องทำยังไง” ลู่เสียหยางเห็นกัวไฮว่คุยอยู่กับสาวๆ ทั้งสองก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “พี่หยางใช่ไหม ไม่งั้นเรามาพนันกันสักตาสิ ผมพนันว่าเด็กในท้องเป็นแฝดชายหญิง ผู้ชายเป็นพี่ผู้หญิงเป็นน้อง บนหูเด็กชายมีไฝดำเม็ดนึง พี่หยางกล้าพนันหรือเปล่า” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม “ถ้าผมทายผิดไปแม้แต่อย่างเดียว เชิญพี่หยางจัดการกับชีวิตผมตามใจชอบเลย แต่ถ้าผมทายถูก ปล่อยเด็กกับแม่เด็กไปได้ไหม”

        “ฮ่าๆ น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ” ลู่เสียหยางพูดยิ้มๆ “ตกลง แบบนี้ต้องพนันสิ ฉันตกลงกับแก ถ้าเป็นแบบที่แกพูดจริงๆ ฉันจะปล่อยเด็กกับแม่เด็กไป”

        “งั้นผมขอขอบคุณพี่หยางแทนคุณแม่ทุกคนที่พาลูกขึ้นเครื่องบินมาด้วยนะครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม พวกโรคจิตอย่างลู่เสียหยางน่ะ จะพนันในทุกเรื่องที่คิดว่าตนเองจะชนะ และที่สำคัญก็คือเขาจะรักษาสัญญา

        “เด็กเวร แกเล่นฉันเหรอ ฉันหมายถึงจะปล่อยแม่ลูกคู่นี้ ไม่ได้ปล่อยแม่ลูกทุกคนบนเครื่องบินสักหน่อย” ลู่เสียหยางพลันได้สติกลับมาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

        “ในเมื่อตกลงไปแล้ว หรือว่าจะกลับคำ พี่หยางเองก็รู้สึกว่าพนันกับผมแล้วจะแพ้ใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฉันไม่เชื่อหรอก หรือว่าแกจะมีตามองทะลุได้ แกไปช่วยคนท้องคลอดเด็กเถอะ พวกเราไม่ว่างมาเล่นกับแกหรอกนะ” ลู่เสียหยางพูดด้วยเสียงดัง

        “อย่ากังวลไป เมื่อกี้พี่มีอาการคนท้องหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ทำตามที่ผมบอกก็พอ” กัวไฮว่พูดเบาๆ “หัวหน้าแอร์ครับ ให้พนักงานคุณเลิกร้องไห้กันได้แล้ว ถ้าจะต้องตายจริงๆ ใครก็หนีไม่พ้นหรอก ช่วยเตรียมผ้าห่มกับน้ำร้อนมาให้ผมเร็วเข้า”

        หวังเสวี่ยมองกัวไฮว่ เธอเองก็ไม่รู้ว่าในเบื้องลึกจิตใจดันมีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้จะช่วยเธอได้ และช่วยทุกคนบนเครื่องบินลำนี้ได้

        คนบนเครื่องบินต่างก็มองกัวไฮว่กับเซวียนตั่วด้วยความตระหนก ส่วนหัวขโมยสิบกว่าคนก็เริ่มจี้หนึ่งร้อยกว่าคนบนเครื่อง และได้ยินเสียงคนถูกทำร้ายเพราะไม่ยอมร่วมมือด้วยอยู่เป็นระยะๆ

        “อะไรนะ แกบอกว่าอาตั่วอยู่บนเครื่องแล้วเหรอ ทางเครื่องบินขาดการติดต่อกับภาคพื้นดินด้วยเหรอ แกไปเอาข่าวมาจากไหน ข่าวนี้เชื่อได้หรือเปล่า” ความสงบไร้ความวุ่นวายที่บ้านตระกูลเซวียนหยวนถูกโทรศัพท์สายหนึ่งรบกวนเข้า เซวียนหยวนเถิงเฟย ผู้นำตระกูลเซวียนหยวนมีสีหน้าซีดเผือด ลูกเมียของตนเองอยู่บนเครื่องบินหมด ตอนแรกพวกเขาน่าจะกลับมาด้วยกันบ่ายวันนี้ แต่เขากลับมาก่อนล่วงหน้าเพราะเรื่องภายในตระกูล

        “ไอ้บ้า ฉันอยากจะรู้เดี๋ยวนี้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนเครื่องบินกันแน่ ติดต่อทหารหัวซย่าด้วยนะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการอะไร พวกเขาต้องทำให้อาตั่วกับลูกปลอดภัย” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดเสียงดังกับโทรศัพท์

        “อะไรนะ แกบอกว่าบอสก็นั่งเครื่องบินที่ถูกจี้วันนี้ด้วยเหรอ แกเอาข่าวมาจากไหน ข่าวเชื่อถือได้หรือเปล่า” ภายในห้องทำงานอันหรูหราโอ่อ่าห้องหนึ่งในเมืองหลวง ชายวัยกลางคนหลายคนหน้าถอดสี ใช่แล้ว อวิ๋นเซียว ซีอีโอบริษัทอสังหาริมทรัพย์อวิ๋นเซียวเองก็อยู่บนเครื่องบินด้วย

        “แกได้ข่าวมาจากไหน คุณปู่คุณย่าอยู่บนเครื่องบินกันหมด จะติดต่อสายการบินหัวซย่าเดี๋ยวนี้แหละ ตรวจดูว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่า” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังซ้อมมวยอยู่ในห้อง ทว่าสายโทรศัพท์กลับขัดจังหวะเขา

        ในเวลานี้ สายโทรศัพท์ของสายการบินหัวซย่าแทบจะระเบิด พวกเขาเองก็เพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี้ว่าเครื่องบินจากเมืองอู่เฉิงไปเมืองหลวงวันนี้ได้ขาดการติดต่อกับภาคพื้นดิน แต่ไม่ทราบว่าใครแพร่ข่าวนี้ออกไป ทำให้ตอนนี้ทั้งสายการบินหัวซย่าโกลาหลไปหมด

        “หาวิธีติดต่อกับเครื่องบินให้ได้ ถ้ามีการจี้จริงๆ ไม่ว่าจะสูญเสียไปเท่าไหร่ก็ต้องทำให้ทุกคนบนเครื่องปลอดภัย ตอบตกลงที่พวกโจรขอให้หมด” นี่เป็นคำสั่งที่ซีอีโอสายการบินหัวซย่าเพิ่งสั่งการลงไป ในตอนที่พวกเขารู้ว่าภรรยาของผู้นำตระกูลเซวียนหยวนอยู่บนเครื่องบิน คนในที่ประชุมบอร์ดบริหารต่างก็ชะงักไป ถ้าเด็กในท้องผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไป สายการบินหัวซย่าก็เตรียมปิดกิจการ สมาชิกบอร์ดบริหารทุกคนเตรียมรับการแก้แค้นจากตระกูลเซวียนหยวนได้เลย เป็นมหันตภัยร้ายแรงแน่

        “เหล่าฉาง ทำไมเราไม่ส่งเครื่องบินออกไปล่ะ พวกแกเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าตอนนี้เราให้เครื่องบินรบบังคับเครื่องบินลำนั้นลงจอด ถ้าเครื่องบินถูกจี้อย่างที่ข้างนอกว่ากันอย่างนั้นจริงๆ อาจทำให้พวกโจรพาลโกรธ ถึงตอนนั้นไม่อยากจะคิดผลที่ตามมาเลย” หลี่โต้วเทียนได้รับสายจากบุคคลชั้นสูงแห่งหัวซย่า จากนั้นก็วิเคราะห์สถานการณ์ให้ฟังโดยละเอียด

        “งั้นทำยังไงดีล่ะ ถ้าถูกจี้จริงๆ ครั้งนี้หัวซย่าได้ซวยจริงๆ แน่ ตอนนี้ฉันได้รายชื่อทุกคนบนเครื่องบินแล้วล่ะ มีผู้โดยสารทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบสามคน ตรวจดูแล้วมีสิบสามคนที่น่าสงสัย ในนั้นมีคนเมืองหลวงแปดสิบสามคน คนพวกนี้มีอิทธิพลในหัวซย่าเป็นอย่างมาก ถ้ามีใครเป็นอะไรไปคงจะเกิดผลกระทบต่อหัวซย่าไม่น้อยแน่” อีเฮ่าฉางพูดขึ้นเบาๆ

        “ฉันเห็นรายชื่อแล้วล่ะ สถานการณ์ไม่ได้แย่อย่างที่เหล่าฉางพูดหรอก มีหลานของกัวหลิวอี้อยู่บนเครื่องบิน ทุกอย่างอาจจะพลิกล็อคก็ได้” เดิมทีหลี่โต้วเทียนไม่อยากพูดออกมา แต่ตอนนี้ไม่พูดไม่ได้แล้ว

        “หลานชายของผอ. กัว แห่งสถาบันวิจัยหัวซย่างั้นเหรอ เขาก็อยู่บนเครื่องบินด้วย ดูทรงแล้วเขาน่าจะเป็นลูกของหัวเทียนสินะ ฉันเคยได้ยินเรื่องเด็กนี่มาบ้าง เขาจะอยู่บนเครื่องบินไหมเกี่ยวอะไรกับที่จะแก้สถานการณ์ด้วยล่ะ” อีเฮ่าฉางถามขึ้นอย่างดูแคลน

        “ไว้ตอนนั้นคุณจะรู้เอง ตอนนี้เรดาร์ของพวกเราหาเครื่องบินเจอแล้วล่ะ ตอนนี้เครื่องบินบินปกติดี แค่ไม่รู้ว่าสถานการณ์บนเครื่องบินเป็นยังไง” หลี่โต้วเทียนพูดเบาๆ

        “ถ้าเกิดเรื่องผิดปกติอะไรบนเครื่องบิน หรือว่ามีสัญญาณแปลกๆ ก็หาวิธีบังคับจอดทันที” อีเฮ่าฉางพูดขึ้นอย่างจนใจ คนบนเครื่องบินไม่อาจถูกนำออกนอกประเทศ ไม่งั้นจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นจริงๆ

        “สวัสดีค่ะ เตรียมน้ำร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นผ้าห่ม ต้องการอะไรอีกไหมคะ” หวังเสวี่ยทำงานอย่างไว เป็นเวลาประมาณห้านาทีก็เตรียมของที่กัวไฮว่ต้องการไว้จนหมด

        “ไม่ต้องการอย่างอื่นแล้ว คุณไปหาที่นั่งพักเถอะ ที่เหลือให้ผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดเบาๆ “หูเม่ยเอ๋อร์ เดี๋ยวจับเด็กไว้ดีๆ นะ” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็ค่อยๆ ฉีกเสื้อของเซวียนตั่วเผยให้เห็นหน้าท้องของเธอออกมา จากนั้นก็จุ่มนิ้วลงไปในน้ำร้อนที่หวังเสวี่ยนำมา แล้วก็วาดเป็นวงกลมไปบนหน้าท้องของเซวียนตั่ว

        “ผอ.กัว เด็กในท้องขยับแล้ว” เซวียนตั่วพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “เด็กสองคนนี้ไม่ปกติ สายสะดือพันรอบคอ ผมพลิกเด็กออกมาก่อนดีกว่า ตอนที่เพิ่งเจอคุณผมก็รู้ได้ว่าเด็กในท้องคุณมีเคราะห์ ที่แท้ก็เคราะห์นี้นี่เอง แต่ถ้าผ่านเคราะห์มาได้ก็จะได้พบกับความสุข หวังว่าต่อไปเด็กสองคนนี้จะสร้างสังคมแห่งความสุขได้นะ” ในขณะที่กัวไฮว่พูดก็มีเข็มอยู่ในมือเล่มหนึ่ง เขาฝังไปบนสะดือของเซวียนตั่ว สะดือเป็นจุดตายของมนุษย์ ในขณะที่กัวไฮว่ฝังเข็มไปนั่นเอง ลู่เสียหยางก็ขมวดคิ้วมุ่น มองทั้งสองพร้อมกับมีความคิดเต็มสมองอยู่ไปหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 155 เหตุปล้นเครื่องบิน (1)

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 155 เหตุปล้นเครื่องบิน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “ไอ้หนู น้ำมันบนเครื่องไม่พอ ฉันให้เวลาแกแค่ยี่สิบนาที ถ้าแกทำไม่ได้ ฉันจะสั่งสอนแกเองว่าต้องทำยังไง” ลู่เสียหยางเห็นกัวไฮว่คุยอยู่กับสาวๆ ทั้งสองก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “พี่หยางใช่ไหม ไม่งั้นเรามาพนันกันสักตาสิ ผมพนันว่าเด็กในท้องเป็นแฝดชายหญิง ผู้ชายเป็นพี่ผู้หญิงเป็นน้อง บนหูเด็กชายมีไฝดำเม็ดนึง พี่หยางกล้าพนันหรือเปล่า” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม “ถ้าผมทายผิดไปแม้แต่อย่างเดียว เชิญพี่หยางจัดการกับชีวิตผมตามใจชอบเลย แต่ถ้าผมทายถูก ปล่อยเด็กกับแม่เด็กไปได้ไหม”

        “ฮ่าๆ น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ” ลู่เสียหยางพูดยิ้มๆ “ตกลง แบบนี้ต้องพนันสิ ฉันตกลงกับแก ถ้าเป็นแบบที่แกพูดจริงๆ ฉันจะปล่อยเด็กกับแม่เด็กไป”

        “งั้นผมขอขอบคุณพี่หยางแทนคุณแม่ทุกคนที่พาลูกขึ้นเครื่องบินมาด้วยนะครับ” กัวไฮว่พูดอย่างยิ้มแย้ม พวกโรคจิตอย่างลู่เสียหยางน่ะ จะพนันในทุกเรื่องที่คิดว่าตนเองจะชนะ และที่สำคัญก็คือเขาจะรักษาสัญญา

        “เด็กเวร แกเล่นฉันเหรอ ฉันหมายถึงจะปล่อยแม่ลูกคู่นี้ ไม่ได้ปล่อยแม่ลูกทุกคนบนเครื่องบินสักหน่อย” ลู่เสียหยางพลันได้สติกลับมาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

        “ในเมื่อตกลงไปแล้ว หรือว่าจะกลับคำ พี่หยางเองก็รู้สึกว่าพนันกับผมแล้วจะแพ้ใช่ไหมล่ะ ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ฉันไม่เชื่อหรอก หรือว่าแกจะมีตามองทะลุได้ แกไปช่วยคนท้องคลอดเด็กเถอะ พวกเราไม่ว่างมาเล่นกับแกหรอกนะ” ลู่เสียหยางพูดด้วยเสียงดัง

        “อย่ากังวลไป เมื่อกี้พี่มีอาการคนท้องหมดแล้ว เดี๋ยวพี่ทำตามที่ผมบอกก็พอ” กัวไฮว่พูดเบาๆ “หัวหน้าแอร์ครับ ให้พนักงานคุณเลิกร้องไห้กันได้แล้ว ถ้าจะต้องตายจริงๆ ใครก็หนีไม่พ้นหรอก ช่วยเตรียมผ้าห่มกับน้ำร้อนมาให้ผมเร็วเข้า”

        หวังเสวี่ยมองกัวไฮว่ เธอเองก็ไม่รู้ว่าในเบื้องลึกจิตใจดันมีความรู้สึกว่าเด็กคนนี้จะช่วยเธอได้ และช่วยทุกคนบนเครื่องบินลำนี้ได้

        คนบนเครื่องบินต่างก็มองกัวไฮว่กับเซวียนตั่วด้วยความตระหนก ส่วนหัวขโมยสิบกว่าคนก็เริ่มจี้หนึ่งร้อยกว่าคนบนเครื่อง และได้ยินเสียงคนถูกทำร้ายเพราะไม่ยอมร่วมมือด้วยอยู่เป็นระยะๆ

        “อะไรนะ แกบอกว่าอาตั่วอยู่บนเครื่องแล้วเหรอ ทางเครื่องบินขาดการติดต่อกับภาคพื้นดินด้วยเหรอ แกไปเอาข่าวมาจากไหน ข่าวนี้เชื่อได้หรือเปล่า” ความสงบไร้ความวุ่นวายที่บ้านตระกูลเซวียนหยวนถูกโทรศัพท์สายหนึ่งรบกวนเข้า เซวียนหยวนเถิงเฟย ผู้นำตระกูลเซวียนหยวนมีสีหน้าซีดเผือด ลูกเมียของตนเองอยู่บนเครื่องบินหมด ตอนแรกพวกเขาน่าจะกลับมาด้วยกันบ่ายวันนี้ แต่เขากลับมาก่อนล่วงหน้าเพราะเรื่องภายในตระกูล

        “ไอ้บ้า ฉันอยากจะรู้เดี๋ยวนี้เลยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นบนเครื่องบินกันแน่ ติดต่อทหารหัวซย่าด้วยนะ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการอะไร พวกเขาต้องทำให้อาตั่วกับลูกปลอดภัย” เซวียนหยวนเถิงเฟยพูดเสียงดังกับโทรศัพท์

        “อะไรนะ แกบอกว่าบอสก็นั่งเครื่องบินที่ถูกจี้วันนี้ด้วยเหรอ แกเอาข่าวมาจากไหน ข่าวเชื่อถือได้หรือเปล่า” ภายในห้องทำงานอันหรูหราโอ่อ่าห้องหนึ่งในเมืองหลวง ชายวัยกลางคนหลายคนหน้าถอดสี ใช่แล้ว อวิ๋นเซียว ซีอีโอบริษัทอสังหาริมทรัพย์อวิ๋นเซียวเองก็อยู่บนเครื่องบินด้วย

        “แกได้ข่าวมาจากไหน คุณปู่คุณย่าอยู่บนเครื่องบินกันหมด จะติดต่อสายการบินหัวซย่าเดี๋ยวนี้แหละ ตรวจดูว่าเรื่องนี้จริงหรือเปล่า” เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังซ้อมมวยอยู่ในห้อง ทว่าสายโทรศัพท์กลับขัดจังหวะเขา

        ในเวลานี้ สายโทรศัพท์ของสายการบินหัวซย่าแทบจะระเบิด พวกเขาเองก็เพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี้ว่าเครื่องบินจากเมืองอู่เฉิงไปเมืองหลวงวันนี้ได้ขาดการติดต่อกับภาคพื้นดิน แต่ไม่ทราบว่าใครแพร่ข่าวนี้ออกไป ทำให้ตอนนี้ทั้งสายการบินหัวซย่าโกลาหลไปหมด

        “หาวิธีติดต่อกับเครื่องบินให้ได้ ถ้ามีการจี้จริงๆ ไม่ว่าจะสูญเสียไปเท่าไหร่ก็ต้องทำให้ทุกคนบนเครื่องปลอดภัย ตอบตกลงที่พวกโจรขอให้หมด” นี่เป็นคำสั่งที่ซีอีโอสายการบินหัวซย่าเพิ่งสั่งการลงไป ในตอนที่พวกเขารู้ว่าภรรยาของผู้นำตระกูลเซวียนหยวนอยู่บนเครื่องบิน คนในที่ประชุมบอร์ดบริหารต่างก็ชะงักไป ถ้าเด็กในท้องผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรไป สายการบินหัวซย่าก็เตรียมปิดกิจการ สมาชิกบอร์ดบริหารทุกคนเตรียมรับการแก้แค้นจากตระกูลเซวียนหยวนได้เลย เป็นมหันตภัยร้ายแรงแน่

        “เหล่าฉาง ทำไมเราไม่ส่งเครื่องบินออกไปล่ะ พวกแกเคยคิดบ้างหรือเปล่าว่าถ้าตอนนี้เราให้เครื่องบินรบบังคับเครื่องบินลำนั้นลงจอด ถ้าเครื่องบินถูกจี้อย่างที่ข้างนอกว่ากันอย่างนั้นจริงๆ อาจทำให้พวกโจรพาลโกรธ ถึงตอนนั้นไม่อยากจะคิดผลที่ตามมาเลย” หลี่โต้วเทียนได้รับสายจากบุคคลชั้นสูงแห่งหัวซย่า จากนั้นก็วิเคราะห์สถานการณ์ให้ฟังโดยละเอียด

        “งั้นทำยังไงดีล่ะ ถ้าถูกจี้จริงๆ ครั้งนี้หัวซย่าได้ซวยจริงๆ แน่ ตอนนี้ฉันได้รายชื่อทุกคนบนเครื่องบินแล้วล่ะ มีผู้โดยสารทั้งหมดหนึ่งร้อยสิบสามคน ตรวจดูแล้วมีสิบสามคนที่น่าสงสัย ในนั้นมีคนเมืองหลวงแปดสิบสามคน คนพวกนี้มีอิทธิพลในหัวซย่าเป็นอย่างมาก ถ้ามีใครเป็นอะไรไปคงจะเกิดผลกระทบต่อหัวซย่าไม่น้อยแน่” อีเฮ่าฉางพูดขึ้นเบาๆ

        “ฉันเห็นรายชื่อแล้วล่ะ สถานการณ์ไม่ได้แย่อย่างที่เหล่าฉางพูดหรอก มีหลานของกัวหลิวอี้อยู่บนเครื่องบิน ทุกอย่างอาจจะพลิกล็อคก็ได้” เดิมทีหลี่โต้วเทียนไม่อยากพูดออกมา แต่ตอนนี้ไม่พูดไม่ได้แล้ว

        “หลานชายของผอ. กัว แห่งสถาบันวิจัยหัวซย่างั้นเหรอ เขาก็อยู่บนเครื่องบินด้วย ดูทรงแล้วเขาน่าจะเป็นลูกของหัวเทียนสินะ ฉันเคยได้ยินเรื่องเด็กนี่มาบ้าง เขาจะอยู่บนเครื่องบินไหมเกี่ยวอะไรกับที่จะแก้สถานการณ์ด้วยล่ะ” อีเฮ่าฉางถามขึ้นอย่างดูแคลน

        “ไว้ตอนนั้นคุณจะรู้เอง ตอนนี้เรดาร์ของพวกเราหาเครื่องบินเจอแล้วล่ะ ตอนนี้เครื่องบินบินปกติดี แค่ไม่รู้ว่าสถานการณ์บนเครื่องบินเป็นยังไง” หลี่โต้วเทียนพูดเบาๆ

        “ถ้าเกิดเรื่องผิดปกติอะไรบนเครื่องบิน หรือว่ามีสัญญาณแปลกๆ ก็หาวิธีบังคับจอดทันที” อีเฮ่าฉางพูดขึ้นอย่างจนใจ คนบนเครื่องบินไม่อาจถูกนำออกนอกประเทศ ไม่งั้นจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นจริงๆ

        “สวัสดีค่ะ เตรียมน้ำร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว นี่เป็นผ้าห่ม ต้องการอะไรอีกไหมคะ” หวังเสวี่ยทำงานอย่างไว เป็นเวลาประมาณห้านาทีก็เตรียมของที่กัวไฮว่ต้องการไว้จนหมด

        “ไม่ต้องการอย่างอื่นแล้ว คุณไปหาที่นั่งพักเถอะ ที่เหลือให้ผมจัดการเอง” กัวไฮว่พูดเบาๆ “หูเม่ยเอ๋อร์ เดี๋ยวจับเด็กไว้ดีๆ นะ” ในขณะที่พูด กัวไฮว่ก็ค่อยๆ ฉีกเสื้อของเซวียนตั่วเผยให้เห็นหน้าท้องของเธอออกมา จากนั้นก็จุ่มนิ้วลงไปในน้ำร้อนที่หวังเสวี่ยนำมา แล้วก็วาดเป็นวงกลมไปบนหน้าท้องของเซวียนตั่ว

        “ผอ.กัว เด็กในท้องขยับแล้ว” เซวียนตั่วพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “เด็กสองคนนี้ไม่ปกติ สายสะดือพันรอบคอ ผมพลิกเด็กออกมาก่อนดีกว่า ตอนที่เพิ่งเจอคุณผมก็รู้ได้ว่าเด็กในท้องคุณมีเคราะห์ ที่แท้ก็เคราะห์นี้นี่เอง แต่ถ้าผ่านเคราะห์มาได้ก็จะได้พบกับความสุข หวังว่าต่อไปเด็กสองคนนี้จะสร้างสังคมแห่งความสุขได้นะ” ในขณะที่กัวไฮว่พูดก็มีเข็มอยู่ในมือเล่มหนึ่ง เขาฝังไปบนสะดือของเซวียนตั่ว สะดือเป็นจุดตายของมนุษย์ ในขณะที่กัวไฮว่ฝังเข็มไปนั่นเอง ลู่เสียหยางก็ขมวดคิ้วมุ่น มองทั้งสองพร้อมกับมีความคิดเต็มสมองอยู่ไปหมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+