[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 127 สิ่งที่ต้องจ่ายจากการลดน้ำหนัก

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 127 สิ่งที่ต้องจ่ายจากการลดน้ำหนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว กัวไฮว่นั่งขัดสมาธิอยู่ในท่าทางที่สงบอยู่บนภูเขาจำลอง แสงจันทร์ทอดมากระทบบนกายของเขาจากนั้นก็เข้าไปภายในร่าง กัวไฮว่ดูท่าทางเพลิดเพลินกับการกระทำอย่างนี้เป็นอย่างมาก

        “เจ้าสี่ น้องสี่ คุณสี่ แกอยู่ไหนน่ะ ออกมาเร็ว” เจี่ยหยวนตะโกนพลางเดินออกมาจากในห้อง เนื้อตัวเขาเปียกชุ่มไปหมด ไม่ผิด บนตัวเขาไม่มีแม้แต่ผ้าคลุมส่วนลับ

        “พี่สอง ไม่คิดเลยว่าพี่จะมีรสนิยมแบบนี้ แต่พี่เก็บเงินพี่ไปเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ ตอนนี้ยังจะมามีอารมณ์ล้อเล่นอีก ชุด! เอาชุดฉันมา” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับเอามือบังส่วนลับเอาไว้

        “ฮ่า ๆ รีบแต่งตัวให้เสร็จเร็ว ไม่คิดเลยว่าพอพี่สองผอมลงจะหล่อแบบนี้” กัวไฮว่โยนชุดฉางเผาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้วไปให้เจี่ยหยวนพร้อมกับพูดยิ้ม ๆ

        ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที เจี่ยหยวนก็ออกมาจากในห้องอีกครั้ง ส่วนกัวไฮว่ก็ลงมาจากภูเขาจำลองแล้ว เขามองพี่สองที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก

        “เอาไป อย่าเพิ่งรีบกินนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำร้อนมาให้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ จากนั้นเขาก็ถือกาน้ำชาออกมาจากในห้องแล้วใส่น้ำเย็นเข้าไป เขาเอามือไปอังกา ไม่นานกาน้ำก็ร้องขึ้น น้ำเดือดแล้วล่ะ

        “เอายาเข้าปากเลย แล้วก็เทน้ำเข้าไปในปาก ไม่ต้องกลัวลวก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ลวก? เจ้าสี่ ฉันนับถือแกจริง ๆ นะ อย่าว่าแต่ลวกปากเลย ตอนนี้แกให้ฉันไปกินขี้ฉันก็จะกิน” เจี่ยหยวนพูดเสร็จก็เอายาเข้าไปในปากจากนั้นก็กรอกน้ำร้อนเข้าไปในปากตาม เมื่อยาโดนน้ำก็ละลาย ไอความเยือกเย็นสายหนึ่งก็เข้าไปในท้องจากบริเวณปาก เจี่ยหยวนเผยให้เห็นท่าทางที่แสนจะสบาย

        “รู้สึกร้อนวูบวาบตรงท้องหรือเปล่า ค่อย ๆ เอาไอร้อนย้อนขึ้นมาที่ปาก ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ นะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ

        เจี่ยหยวนเป็นคนฉลาดมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำธุรกิจจนรุ่งเรืองขนาดนี้ เขาค่อย ๆ เรียนรู้การนำไอร้อนเคลื่อนตรงไปยังในปากของตนเองตามที่กัวไฮว่บอก

        “อ๊าก!” เจี่ยหยวนร้องตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็มีไอร้อนออกมาจากปาก ขาข้างหนึ่งยกขึ้นจากนั้นก็ตกลงอย่างรุนแรงทำให้หินอ่อนก้อนหนึ่งบนพื้นกินอ่อนก็แหลกสลายกลายเป็นผงภายในพริบตา

        “เจ้าสี่ ฉัน…ทำไมฉันถึงเหยียบหินอ่อนนี่จนเละล่ะ” เจี่ยหยวนพูดพึมพำ เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้ในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน เขาไม่เคยรู้สึกสบายขนาดนี้มาก่อนเลย

        “ฮ่า ๆ พี่สอง ไม่เลว ไม่เลวเลย ต่อไปต้องใจเย็น ๆ หน่อยแล้วนะ ตอนนี้พี่นับว่าเป็นยอดฝีมือเซียนเทียนระยะต้นแล้วนะ ฮ่า ๆ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “พรุ่งนี้เดี๋ยวผมให้คนมาเปลี่ยนพื้นหินนี่ให้พี่ใหม่ แล้วก็ไม่ว่าพี่จะเป็นเซียนเทียนระยะแรกหรือระยะหลัง ผมก็จัดการพี่ได้หมดแหละ”

        “แกพูดอะไรน่ะ แกบอกว่าตอนนี้ฉันก็เป็นยอดฝีมือเซียนเทียนเหรอ งั้นก็เหมือนกันกับพี่เย่าใช่ไหม ฉันประลองกับพี่เย่าได้แล้วสินะ”

        “กำลังภายในของพวกพี่สองคนพอๆ กัน แต่ถ้าต่อสู้กันล่ะก็ พี่เย่าชนะภายในสิบท่าแน่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “สิบท่า งั้นฉันจะไปลองท้าพี่เย่า ไม่กล้าคิดเลยว่าเละในมือพี่เย่าในสิบท่า” เจี่ยหยวนพูดแล้วหัวเราะเสียงดังราวกับเป็นบ้าคลั่ง

        “ผมให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเส้นเลือดหน่อยดีกว่า พี่ฟังไว้ให้ดีนะ ผมจะพูดแค่รอบเดียว” กัวไฮว่มองเจี่ยหยวนพร้อมกับค่อยๆ พูดอธิบาย “เมื่อกี้ผมบอกวิธีฝึกจิตให้พี่ไปชุดนึง คืนนี้แสงจันทร์ส่องสว่าง พี่อย่านอนล่ะ ทำตามที่ผมบอกพี่ไป ลองให้กำลังภายในหมุนไปตามผังเส้นเลือดที่ผมบอกพี่ไปสักสามสิบหกรอบวัน[1] ก็จะนับว่าคงที่แล้ว”

        เจี่ยหยวนเริ่มทำอย่างกัวไฮว่จริง ๆ แล้ว เขานั่งลงบนพื้น จากนั้นก็มีแสงจันทร์ส่องมากระทบบนตัวเขา ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ ไฟแห่งความนับถือกัวไฮว่ยังคงลุกโชนอยู่ น้องชายต่างสายเลือดของเขาคนนี้นี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

        เป็นเวลาเช้าตรู่ตีห้า เจี่ยหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ก่อนหน้านี้เจี่ยหยวนน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยหกสิบกิโลกรัม ตอนนี้เหลือเพียงแค่เจ็ดสิบห้ากิโลกรัม กัวไฮว่อดมองพี่ชายต่างสายเลือดของตนอยู่หลายรอบไม่ได้  ไม่คิดเลยว่ายาลดน้ำหนักที่ทำมาจากกากยาจะได้ผลไม่เลวเลย

        “เจ้าสี่ ขอพี่ถามแกคำถามนึง มันจะโยโย่หรือเปล่า ฉันต้องระวังการกินอะไรไหม ฉันไม่อยากอ้วนอีกแล้วล่ะ” เจี่ยหยวนถามขึ้นด้วยความจริงจัง

        “ฝึกผังเส้นเลือดตามที่ผมบอกทุกวัน วันละสองชั่วโมงเลย ส่วนเรื่องกินดื่มไม่ต้องระวัง” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “แต่ว่าพี่จำเอาไว้นะ ตอนนี้พี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว พี่เป็นผู้บำเพ็ญ อย่าเอาพลังยุทธไปทำร้ายใคร ถ้าพี่กล้าใช้พลังมั่วซั่ว อย่าว่าแต่คนอื่นจะมาจัดการพี่เลย ผมเนี่ยแหละจะมาจัดการพี่ด้วยมือของตัวเอง”

        เจี่ยหยวนเห็นว่ากัวไฮว่ไม่ได้มีท่าทีจะล้อเล่นก็ผงกศีรษะอย่างจริงจัง จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกมาจากคลินิกแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรม

        “เว่ยปิน อาหารเช้าน้อยไปนะ ไปบอกห้องครัวด้วยว่าพรุ่งนี้เช้าอาหารต้องมีถึงยี่สิบสี่อย่าง บะหมี่ หมั่นโถว ซาลาเปาใส่ไส้ ก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยว ขนะเปี๊ยะ ซาลาเปา เกี๊ยวน้ำ ทุกอย่างห้ามขาดนะ ฉันมาเช้าขนาดนี้ยังไม่มีซาลาเปาใส่ไส้อีก เธออย่าบอกฉันนะว่ากินซาลาเปาใส่ไส้กันไปหมดแล้วน่ะ” เจี่ยหยวนเดินเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมพร้อมกับพูดกับผู้จัดการโถงใหญ่

        “คุณกัวไฮว่ เพื่อนคุณคนนี้เป็นใครกันเหรอครับ รู้จักผมด้วยเหรอ” เว่ยปินมองเจี่ยหยวนแวบหนึ่งก่อนจะหันไปถามกัวไฮว่ที่อยู่ข้างๆ เจี่ยหยวน

        “ผู้จัดการโถงใหญ่โรงแรมหยวนอินเตอร์ใครจะไม่รู้จักกันล่ะ ไม่ต้องสนเขาหรอก เขาเป็นญาติห่างๆ ของพี่สอง พวกเรากินอะไรนิดหน่อยก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดหยอกล้อ

        “ญาติคุณหยวนเองเหรอครับ คุณรอเดี๋ยวนะครับ ถ้าอยากกินซาลาเปาใส่ไส้เดี๋ยวผมให้ในครับทำให้ตอนนี้เลย” เว่ยปินพูดเสร็จก็วิ่งตรงไปยังห้องครัว ในใจยังคิดอยู่เลยว่า ครอบครัวคุณหยวนนี่น่าสนใจดีนะ ชอบกินซาลาเปาใส่ไส้กันทั้งนั้นเลย ซาลาเปาใส่ไส้ที่มันอร่อยตรงไหนกันนะ

        “อะแฮ่ม ๆ เจ้าสี่ เด็กนี่จำฉันไม่ได้เหรอว่าเป็นใคร” เจี่ยหยวนมองเว่ยปินที่วิ่งไปพร้อมกับถามยิ้ม ๆ

        “ผมบอกพี่แล้วไงว่าให้พี่เตรียมใจไว้ก่อน อย่าว่าแต่เว่ยปินเลย ผมว่าถ้าตอนนี้พี่กลับบ้านตระกูลเจี่ย จะเข้าทางประตูใหญ่ได้ไหมยังไม่รู้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินเสร็จพี่กลับบริษัทไปเถอะ ทางนี้ผมยังต้องพาพนักงานไปจัดการเรื่องคลินิกอีก วันเสาร์ต้องมานะ พี่ติดต่อพี่ใหญ่กับพี่สามให้หน่อยสิ พวกเราไม่เจอกันสักพักแล้วนี่นา”

        เจี่ยหยวนไม่ได้ทานอะไรเยอะแยะ เขาทานเพียงแค่ข้าวต้มสองชาม หมั่นโถวหนึ่งลูกและกับข้าวจานเล็ก ๆ เมื่อเขากินเสร็จก็ออกจากโรงแรมไปโดยไม่ทันรอซาลาเปาใส่ไส้ของเว่ยปิน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของหยวนอินเตอร์

        “พี่หยวน พี่ทำรถหายหรือเปล่า เมื่อกี้ฉันเห็นไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ขับรถพี่อยู่น่ะ แถมยังโบกมือให้ฉันอีก” เจี่ยหยวนขับรถไปได้ไม่ไกล โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เพื่อนที่ไปได้ดีกับทางธุรกิจคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง

        “ไม่หายนะ แกเห็นที่ไหนเหรอ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

        “ถนนเซวียนอู่ เมื่อกี้เลย” ปลายสายพูดขึ้น “ให้ตาย ทำไมแกถึงได้มีโทรศัพท์ของเจี่ยหยวนเนี่ย ไอ้หนู ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นใคร รีบเอาโทรศัพท์ไปให้ที่หยวนอินเตอร์เลย ไม่งั้นแกต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นนะ”

        “ไอ้น้อง ฉันเจี่ยหยวนเอง คนที่แกเห็นเมื่อกี้ก็ฉัน ฉันลดน้ำหนักแล้วล่ะ จำไม่ได้ล่ะสิ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์

        “คุณพระ ดูท่ายังไม่สำนึกผิดอีก ได้ แกรอเลยนะ คนที่ขโมยรถเมื่อกี้คือแกใช่ไหม แกรอเลยนะ ถ้าแกกล้าขับออกไปจากถนนเซวียนอู่ ฉัน ซุนเจี้ยน จะไปหาเรื่องกับโคตรแม่แกแน่” พูดเสร็จอีกฝั่งก็วางสายไป

         

[1] หมายถึงการหมุนรอบสามร้อยหกสิบองศา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 127 สิ่งที่ต้องจ่ายจากการลดน้ำหนัก

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 127 สิ่งที่ต้องจ่ายจากการลดน้ำหนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว กัวไฮว่นั่งขัดสมาธิอยู่ในท่าทางที่สงบอยู่บนภูเขาจำลอง แสงจันทร์ทอดมากระทบบนกายของเขาจากนั้นก็เข้าไปภายในร่าง กัวไฮว่ดูท่าทางเพลิดเพลินกับการกระทำอย่างนี้เป็นอย่างมาก

        “เจ้าสี่ น้องสี่ คุณสี่ แกอยู่ไหนน่ะ ออกมาเร็ว” เจี่ยหยวนตะโกนพลางเดินออกมาจากในห้อง เนื้อตัวเขาเปียกชุ่มไปหมด ไม่ผิด บนตัวเขาไม่มีแม้แต่ผ้าคลุมส่วนลับ

        “พี่สอง ไม่คิดเลยว่าพี่จะมีรสนิยมแบบนี้ แต่พี่เก็บเงินพี่ไปเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ ตอนนี้ยังจะมามีอารมณ์ล้อเล่นอีก ชุด! เอาชุดฉันมา” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับเอามือบังส่วนลับเอาไว้

        “ฮ่า ๆ รีบแต่งตัวให้เสร็จเร็ว ไม่คิดเลยว่าพอพี่สองผอมลงจะหล่อแบบนี้” กัวไฮว่โยนชุดฉางเผาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้วไปให้เจี่ยหยวนพร้อมกับพูดยิ้ม ๆ

        ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที เจี่ยหยวนก็ออกมาจากในห้องอีกครั้ง ส่วนกัวไฮว่ก็ลงมาจากภูเขาจำลองแล้ว เขามองพี่สองที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก

        “เอาไป อย่าเพิ่งรีบกินนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำร้อนมาให้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ จากนั้นเขาก็ถือกาน้ำชาออกมาจากในห้องแล้วใส่น้ำเย็นเข้าไป เขาเอามือไปอังกา ไม่นานกาน้ำก็ร้องขึ้น น้ำเดือดแล้วล่ะ

        “เอายาเข้าปากเลย แล้วก็เทน้ำเข้าไปในปาก ไม่ต้องกลัวลวก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ลวก? เจ้าสี่ ฉันนับถือแกจริง ๆ นะ อย่าว่าแต่ลวกปากเลย ตอนนี้แกให้ฉันไปกินขี้ฉันก็จะกิน” เจี่ยหยวนพูดเสร็จก็เอายาเข้าไปในปากจากนั้นก็กรอกน้ำร้อนเข้าไปในปากตาม เมื่อยาโดนน้ำก็ละลาย ไอความเยือกเย็นสายหนึ่งก็เข้าไปในท้องจากบริเวณปาก เจี่ยหยวนเผยให้เห็นท่าทางที่แสนจะสบาย

        “รู้สึกร้อนวูบวาบตรงท้องหรือเปล่า ค่อย ๆ เอาไอร้อนย้อนขึ้นมาที่ปาก ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ นะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ

        เจี่ยหยวนเป็นคนฉลาดมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำธุรกิจจนรุ่งเรืองขนาดนี้ เขาค่อย ๆ เรียนรู้การนำไอร้อนเคลื่อนตรงไปยังในปากของตนเองตามที่กัวไฮว่บอก

        “อ๊าก!” เจี่ยหยวนร้องตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็มีไอร้อนออกมาจากปาก ขาข้างหนึ่งยกขึ้นจากนั้นก็ตกลงอย่างรุนแรงทำให้หินอ่อนก้อนหนึ่งบนพื้นกินอ่อนก็แหลกสลายกลายเป็นผงภายในพริบตา

        “เจ้าสี่ ฉัน…ทำไมฉันถึงเหยียบหินอ่อนนี่จนเละล่ะ” เจี่ยหยวนพูดพึมพำ เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้ในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน เขาไม่เคยรู้สึกสบายขนาดนี้มาก่อนเลย

        “ฮ่า ๆ พี่สอง ไม่เลว ไม่เลวเลย ต่อไปต้องใจเย็น ๆ หน่อยแล้วนะ ตอนนี้พี่นับว่าเป็นยอดฝีมือเซียนเทียนระยะต้นแล้วนะ ฮ่า ๆ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “พรุ่งนี้เดี๋ยวผมให้คนมาเปลี่ยนพื้นหินนี่ให้พี่ใหม่ แล้วก็ไม่ว่าพี่จะเป็นเซียนเทียนระยะแรกหรือระยะหลัง ผมก็จัดการพี่ได้หมดแหละ”

        “แกพูดอะไรน่ะ แกบอกว่าตอนนี้ฉันก็เป็นยอดฝีมือเซียนเทียนเหรอ งั้นก็เหมือนกันกับพี่เย่าใช่ไหม ฉันประลองกับพี่เย่าได้แล้วสินะ”

        “กำลังภายในของพวกพี่สองคนพอๆ กัน แต่ถ้าต่อสู้กันล่ะก็ พี่เย่าชนะภายในสิบท่าแน่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “สิบท่า งั้นฉันจะไปลองท้าพี่เย่า ไม่กล้าคิดเลยว่าเละในมือพี่เย่าในสิบท่า” เจี่ยหยวนพูดแล้วหัวเราะเสียงดังราวกับเป็นบ้าคลั่ง

        “ผมให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเส้นเลือดหน่อยดีกว่า พี่ฟังไว้ให้ดีนะ ผมจะพูดแค่รอบเดียว” กัวไฮว่มองเจี่ยหยวนพร้อมกับค่อยๆ พูดอธิบาย “เมื่อกี้ผมบอกวิธีฝึกจิตให้พี่ไปชุดนึง คืนนี้แสงจันทร์ส่องสว่าง พี่อย่านอนล่ะ ทำตามที่ผมบอกพี่ไป ลองให้กำลังภายในหมุนไปตามผังเส้นเลือดที่ผมบอกพี่ไปสักสามสิบหกรอบวัน[1] ก็จะนับว่าคงที่แล้ว”

        เจี่ยหยวนเริ่มทำอย่างกัวไฮว่จริง ๆ แล้ว เขานั่งลงบนพื้น จากนั้นก็มีแสงจันทร์ส่องมากระทบบนตัวเขา ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ ไฟแห่งความนับถือกัวไฮว่ยังคงลุกโชนอยู่ น้องชายต่างสายเลือดของเขาคนนี้นี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

        เป็นเวลาเช้าตรู่ตีห้า เจี่ยหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ก่อนหน้านี้เจี่ยหยวนน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยหกสิบกิโลกรัม ตอนนี้เหลือเพียงแค่เจ็ดสิบห้ากิโลกรัม กัวไฮว่อดมองพี่ชายต่างสายเลือดของตนอยู่หลายรอบไม่ได้  ไม่คิดเลยว่ายาลดน้ำหนักที่ทำมาจากกากยาจะได้ผลไม่เลวเลย

        “เจ้าสี่ ขอพี่ถามแกคำถามนึง มันจะโยโย่หรือเปล่า ฉันต้องระวังการกินอะไรไหม ฉันไม่อยากอ้วนอีกแล้วล่ะ” เจี่ยหยวนถามขึ้นด้วยความจริงจัง

        “ฝึกผังเส้นเลือดตามที่ผมบอกทุกวัน วันละสองชั่วโมงเลย ส่วนเรื่องกินดื่มไม่ต้องระวัง” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “แต่ว่าพี่จำเอาไว้นะ ตอนนี้พี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว พี่เป็นผู้บำเพ็ญ อย่าเอาพลังยุทธไปทำร้ายใคร ถ้าพี่กล้าใช้พลังมั่วซั่ว อย่าว่าแต่คนอื่นจะมาจัดการพี่เลย ผมเนี่ยแหละจะมาจัดการพี่ด้วยมือของตัวเอง”

        เจี่ยหยวนเห็นว่ากัวไฮว่ไม่ได้มีท่าทีจะล้อเล่นก็ผงกศีรษะอย่างจริงจัง จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกมาจากคลินิกแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรม

        “เว่ยปิน อาหารเช้าน้อยไปนะ ไปบอกห้องครัวด้วยว่าพรุ่งนี้เช้าอาหารต้องมีถึงยี่สิบสี่อย่าง บะหมี่ หมั่นโถว ซาลาเปาใส่ไส้ ก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยว ขนะเปี๊ยะ ซาลาเปา เกี๊ยวน้ำ ทุกอย่างห้ามขาดนะ ฉันมาเช้าขนาดนี้ยังไม่มีซาลาเปาใส่ไส้อีก เธออย่าบอกฉันนะว่ากินซาลาเปาใส่ไส้กันไปหมดแล้วน่ะ” เจี่ยหยวนเดินเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมพร้อมกับพูดกับผู้จัดการโถงใหญ่

        “คุณกัวไฮว่ เพื่อนคุณคนนี้เป็นใครกันเหรอครับ รู้จักผมด้วยเหรอ” เว่ยปินมองเจี่ยหยวนแวบหนึ่งก่อนจะหันไปถามกัวไฮว่ที่อยู่ข้างๆ เจี่ยหยวน

        “ผู้จัดการโถงใหญ่โรงแรมหยวนอินเตอร์ใครจะไม่รู้จักกันล่ะ ไม่ต้องสนเขาหรอก เขาเป็นญาติห่างๆ ของพี่สอง พวกเรากินอะไรนิดหน่อยก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดหยอกล้อ

        “ญาติคุณหยวนเองเหรอครับ คุณรอเดี๋ยวนะครับ ถ้าอยากกินซาลาเปาใส่ไส้เดี๋ยวผมให้ในครับทำให้ตอนนี้เลย” เว่ยปินพูดเสร็จก็วิ่งตรงไปยังห้องครัว ในใจยังคิดอยู่เลยว่า ครอบครัวคุณหยวนนี่น่าสนใจดีนะ ชอบกินซาลาเปาใส่ไส้กันทั้งนั้นเลย ซาลาเปาใส่ไส้ที่มันอร่อยตรงไหนกันนะ

        “อะแฮ่ม ๆ เจ้าสี่ เด็กนี่จำฉันไม่ได้เหรอว่าเป็นใคร” เจี่ยหยวนมองเว่ยปินที่วิ่งไปพร้อมกับถามยิ้ม ๆ

        “ผมบอกพี่แล้วไงว่าให้พี่เตรียมใจไว้ก่อน อย่าว่าแต่เว่ยปินเลย ผมว่าถ้าตอนนี้พี่กลับบ้านตระกูลเจี่ย จะเข้าทางประตูใหญ่ได้ไหมยังไม่รู้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินเสร็จพี่กลับบริษัทไปเถอะ ทางนี้ผมยังต้องพาพนักงานไปจัดการเรื่องคลินิกอีก วันเสาร์ต้องมานะ พี่ติดต่อพี่ใหญ่กับพี่สามให้หน่อยสิ พวกเราไม่เจอกันสักพักแล้วนี่นา”

        เจี่ยหยวนไม่ได้ทานอะไรเยอะแยะ เขาทานเพียงแค่ข้าวต้มสองชาม หมั่นโถวหนึ่งลูกและกับข้าวจานเล็ก ๆ เมื่อเขากินเสร็จก็ออกจากโรงแรมไปโดยไม่ทันรอซาลาเปาใส่ไส้ของเว่ยปิน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของหยวนอินเตอร์

        “พี่หยวน พี่ทำรถหายหรือเปล่า เมื่อกี้ฉันเห็นไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ขับรถพี่อยู่น่ะ แถมยังโบกมือให้ฉันอีก” เจี่ยหยวนขับรถไปได้ไม่ไกล โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เพื่อนที่ไปได้ดีกับทางธุรกิจคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง

        “ไม่หายนะ แกเห็นที่ไหนเหรอ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

        “ถนนเซวียนอู่ เมื่อกี้เลย” ปลายสายพูดขึ้น “ให้ตาย ทำไมแกถึงได้มีโทรศัพท์ของเจี่ยหยวนเนี่ย ไอ้หนู ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นใคร รีบเอาโทรศัพท์ไปให้ที่หยวนอินเตอร์เลย ไม่งั้นแกต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นนะ”

        “ไอ้น้อง ฉันเจี่ยหยวนเอง คนที่แกเห็นเมื่อกี้ก็ฉัน ฉันลดน้ำหนักแล้วล่ะ จำไม่ได้ล่ะสิ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์

        “คุณพระ ดูท่ายังไม่สำนึกผิดอีก ได้ แกรอเลยนะ คนที่ขโมยรถเมื่อกี้คือแกใช่ไหม แกรอเลยนะ ถ้าแกกล้าขับออกไปจากถนนเซวียนอู่ ฉัน ซุนเจี้ยน จะไปหาเรื่องกับโคตรแม่แกแน่” พูดเสร็จอีกฝั่งก็วางสายไป

         

[1] หมายถึงการหมุนรอบสามร้อยหกสิบองศา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 127 สิ่งที่ต้องจ่ายจากการลดน้ำหนัก

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 127 สิ่งที่ต้องจ่ายจากการลดน้ำหนัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว กัวไฮว่นั่งขัดสมาธิอยู่ในท่าทางที่สงบอยู่บนภูเขาจำลอง แสงจันทร์ทอดมากระทบบนกายของเขาจากนั้นก็เข้าไปภายในร่าง กัวไฮว่ดูท่าทางเพลิดเพลินกับการกระทำอย่างนี้เป็นอย่างมาก

        “เจ้าสี่ น้องสี่ คุณสี่ แกอยู่ไหนน่ะ ออกมาเร็ว” เจี่ยหยวนตะโกนพลางเดินออกมาจากในห้อง เนื้อตัวเขาเปียกชุ่มไปหมด ไม่ผิด บนตัวเขาไม่มีแม้แต่ผ้าคลุมส่วนลับ

        “พี่สอง ไม่คิดเลยว่าพี่จะมีรสนิยมแบบนี้ แต่พี่เก็บเงินพี่ไปเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ ตอนนี้ยังจะมามีอารมณ์ล้อเล่นอีก ชุด! เอาชุดฉันมา” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมกับเอามือบังส่วนลับเอาไว้

        “ฮ่า ๆ รีบแต่งตัวให้เสร็จเร็ว ไม่คิดเลยว่าพอพี่สองผอมลงจะหล่อแบบนี้” กัวไฮว่โยนชุดฉางเผาที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้วไปให้เจี่ยหยวนพร้อมกับพูดยิ้ม ๆ

        ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที เจี่ยหยวนก็ออกมาจากในห้องอีกครั้ง ส่วนกัวไฮว่ก็ลงมาจากภูเขาจำลองแล้ว เขามองพี่สองที่อยู่ตรงหน้าพร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ ตรงมุมปาก

        “เอาไป อย่าเพิ่งรีบกินนะ เดี๋ยวผมไปเอาน้ำร้อนมาให้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ จากนั้นเขาก็ถือกาน้ำชาออกมาจากในห้องแล้วใส่น้ำเย็นเข้าไป เขาเอามือไปอังกา ไม่นานกาน้ำก็ร้องขึ้น น้ำเดือดแล้วล่ะ

        “เอายาเข้าปากเลย แล้วก็เทน้ำเข้าไปในปาก ไม่ต้องกลัวลวก” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ลวก? เจ้าสี่ ฉันนับถือแกจริง ๆ นะ อย่าว่าแต่ลวกปากเลย ตอนนี้แกให้ฉันไปกินขี้ฉันก็จะกิน” เจี่ยหยวนพูดเสร็จก็เอายาเข้าไปในปากจากนั้นก็กรอกน้ำร้อนเข้าไปในปากตาม เมื่อยาโดนน้ำก็ละลาย ไอความเยือกเย็นสายหนึ่งก็เข้าไปในท้องจากบริเวณปาก เจี่ยหยวนเผยให้เห็นท่าทางที่แสนจะสบาย

        “รู้สึกร้อนวูบวาบตรงท้องหรือเปล่า ค่อย ๆ เอาไอร้อนย้อนขึ้นมาที่ปาก ไม่ต้องรีบ ค่อย ๆ นะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ

        เจี่ยหยวนเป็นคนฉลาดมาก ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำธุรกิจจนรุ่งเรืองขนาดนี้ เขาค่อย ๆ เรียนรู้การนำไอร้อนเคลื่อนตรงไปยังในปากของตนเองตามที่กัวไฮว่บอก

        “อ๊าก!” เจี่ยหยวนร้องตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็มีไอร้อนออกมาจากปาก ขาข้างหนึ่งยกขึ้นจากนั้นก็ตกลงอย่างรุนแรงทำให้หินอ่อนก้อนหนึ่งบนพื้นกินอ่อนก็แหลกสลายกลายเป็นผงภายในพริบตา

        “เจ้าสี่ ฉัน…ทำไมฉันถึงเหยียบหินอ่อนนี่จนเละล่ะ” เจี่ยหยวนพูดพึมพำ เขาสัมผัสได้ว่าตอนนี้ในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลังงาน เขาไม่เคยรู้สึกสบายขนาดนี้มาก่อนเลย

        “ฮ่า ๆ พี่สอง ไม่เลว ไม่เลวเลย ต่อไปต้องใจเย็น ๆ หน่อยแล้วนะ ตอนนี้พี่นับว่าเป็นยอดฝีมือเซียนเทียนระยะต้นแล้วนะ ฮ่า ๆ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “พรุ่งนี้เดี๋ยวผมให้คนมาเปลี่ยนพื้นหินนี่ให้พี่ใหม่ แล้วก็ไม่ว่าพี่จะเป็นเซียนเทียนระยะแรกหรือระยะหลัง ผมก็จัดการพี่ได้หมดแหละ”

        “แกพูดอะไรน่ะ แกบอกว่าตอนนี้ฉันก็เป็นยอดฝีมือเซียนเทียนเหรอ งั้นก็เหมือนกันกับพี่เย่าใช่ไหม ฉันประลองกับพี่เย่าได้แล้วสินะ”

        “กำลังภายในของพวกพี่สองคนพอๆ กัน แต่ถ้าต่อสู้กันล่ะก็ พี่เย่าชนะภายในสิบท่าแน่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “สิบท่า งั้นฉันจะไปลองท้าพี่เย่า ไม่กล้าคิดเลยว่าเละในมือพี่เย่าในสิบท่า” เจี่ยหยวนพูดแล้วหัวเราะเสียงดังราวกับเป็นบ้าคลั่ง

        “ผมให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเส้นเลือดหน่อยดีกว่า พี่ฟังไว้ให้ดีนะ ผมจะพูดแค่รอบเดียว” กัวไฮว่มองเจี่ยหยวนพร้อมกับค่อยๆ พูดอธิบาย “เมื่อกี้ผมบอกวิธีฝึกจิตให้พี่ไปชุดนึง คืนนี้แสงจันทร์ส่องสว่าง พี่อย่านอนล่ะ ทำตามที่ผมบอกพี่ไป ลองให้กำลังภายในหมุนไปตามผังเส้นเลือดที่ผมบอกพี่ไปสักสามสิบหกรอบวัน[1] ก็จะนับว่าคงที่แล้ว”

        เจี่ยหยวนเริ่มทำอย่างกัวไฮว่จริง ๆ แล้ว เขานั่งลงบนพื้น จากนั้นก็มีแสงจันทร์ส่องมากระทบบนตัวเขา ทำให้เขารู้สึกสบายอย่างไม่มีสิ่งใดมาเทียบได้ ไฟแห่งความนับถือกัวไฮว่ยังคงลุกโชนอยู่ น้องชายต่างสายเลือดของเขาคนนี้นี่ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

        เป็นเวลาเช้าตรู่ตีห้า เจี่ยหยวนค่อย ๆ ลุกขึ้นมา ก่อนหน้านี้เจี่ยหยวนน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยหกสิบกิโลกรัม ตอนนี้เหลือเพียงแค่เจ็ดสิบห้ากิโลกรัม กัวไฮว่อดมองพี่ชายต่างสายเลือดของตนอยู่หลายรอบไม่ได้  ไม่คิดเลยว่ายาลดน้ำหนักที่ทำมาจากกากยาจะได้ผลไม่เลวเลย

        “เจ้าสี่ ขอพี่ถามแกคำถามนึง มันจะโยโย่หรือเปล่า ฉันต้องระวังการกินอะไรไหม ฉันไม่อยากอ้วนอีกแล้วล่ะ” เจี่ยหยวนถามขึ้นด้วยความจริงจัง

        “ฝึกผังเส้นเลือดตามที่ผมบอกทุกวัน วันละสองชั่วโมงเลย ส่วนเรื่องกินดื่มไม่ต้องระวัง” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “แต่ว่าพี่จำเอาไว้นะ ตอนนี้พี่ไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว พี่เป็นผู้บำเพ็ญ อย่าเอาพลังยุทธไปทำร้ายใคร ถ้าพี่กล้าใช้พลังมั่วซั่ว อย่าว่าแต่คนอื่นจะมาจัดการพี่เลย ผมเนี่ยแหละจะมาจัดการพี่ด้วยมือของตัวเอง”

        เจี่ยหยวนเห็นว่ากัวไฮว่ไม่ได้มีท่าทีจะล้อเล่นก็ผงกศีรษะอย่างจริงจัง จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกมาจากคลินิกแล้วมุ่งหน้าไปยังโรงแรม

        “เว่ยปิน อาหารเช้าน้อยไปนะ ไปบอกห้องครัวด้วยว่าพรุ่งนี้เช้าอาหารต้องมีถึงยี่สิบสี่อย่าง บะหมี่ หมั่นโถว ซาลาเปาใส่ไส้ ก๋วยเตี๋ยว เกี๊ยว ขนะเปี๊ยะ ซาลาเปา เกี๊ยวน้ำ ทุกอย่างห้ามขาดนะ ฉันมาเช้าขนาดนี้ยังไม่มีซาลาเปาใส่ไส้อีก เธออย่าบอกฉันนะว่ากินซาลาเปาใส่ไส้กันไปหมดแล้วน่ะ” เจี่ยหยวนเดินเข้าไปในห้องอาหารของโรงแรมพร้อมกับพูดกับผู้จัดการโถงใหญ่

        “คุณกัวไฮว่ เพื่อนคุณคนนี้เป็นใครกันเหรอครับ รู้จักผมด้วยเหรอ” เว่ยปินมองเจี่ยหยวนแวบหนึ่งก่อนจะหันไปถามกัวไฮว่ที่อยู่ข้างๆ เจี่ยหยวน

        “ผู้จัดการโถงใหญ่โรงแรมหยวนอินเตอร์ใครจะไม่รู้จักกันล่ะ ไม่ต้องสนเขาหรอก เขาเป็นญาติห่างๆ ของพี่สอง พวกเรากินอะไรนิดหน่อยก็พอแล้ว” กัวไฮว่พูดหยอกล้อ

        “ญาติคุณหยวนเองเหรอครับ คุณรอเดี๋ยวนะครับ ถ้าอยากกินซาลาเปาใส่ไส้เดี๋ยวผมให้ในครับทำให้ตอนนี้เลย” เว่ยปินพูดเสร็จก็วิ่งตรงไปยังห้องครัว ในใจยังคิดอยู่เลยว่า ครอบครัวคุณหยวนนี่น่าสนใจดีนะ ชอบกินซาลาเปาใส่ไส้กันทั้งนั้นเลย ซาลาเปาใส่ไส้ที่มันอร่อยตรงไหนกันนะ

        “อะแฮ่ม ๆ เจ้าสี่ เด็กนี่จำฉันไม่ได้เหรอว่าเป็นใคร” เจี่ยหยวนมองเว่ยปินที่วิ่งไปพร้อมกับถามยิ้ม ๆ

        “ผมบอกพี่แล้วไงว่าให้พี่เตรียมใจไว้ก่อน อย่าว่าแต่เว่ยปินเลย ผมว่าถ้าตอนนี้พี่กลับบ้านตระกูลเจี่ย จะเข้าทางประตูใหญ่ได้ไหมยังไม่รู้เลย” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “กินเสร็จพี่กลับบริษัทไปเถอะ ทางนี้ผมยังต้องพาพนักงานไปจัดการเรื่องคลินิกอีก วันเสาร์ต้องมานะ พี่ติดต่อพี่ใหญ่กับพี่สามให้หน่อยสิ พวกเราไม่เจอกันสักพักแล้วนี่นา”

        เจี่ยหยวนไม่ได้ทานอะไรเยอะแยะ เขาทานเพียงแค่ข้าวต้มสองชาม หมั่นโถวหนึ่งลูกและกับข้าวจานเล็ก ๆ เมื่อเขากินเสร็จก็ออกจากโรงแรมไปโดยไม่ทันรอซาลาเปาใส่ไส้ของเว่ยปิน จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าไปยังสำนักงานใหญ่ของหยวนอินเตอร์

        “พี่หยวน พี่ทำรถหายหรือเปล่า เมื่อกี้ฉันเห็นไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ขับรถพี่อยู่น่ะ แถมยังโบกมือให้ฉันอีก” เจี่ยหยวนขับรถไปได้ไม่ไกล โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา เพื่อนที่ไปได้ดีกับทางธุรกิจคนหนึ่งพูดด้วยเสียงดัง

        “ไม่หายนะ แกเห็นที่ไหนเหรอ” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

        “ถนนเซวียนอู่ เมื่อกี้เลย” ปลายสายพูดขึ้น “ให้ตาย ทำไมแกถึงได้มีโทรศัพท์ของเจี่ยหยวนเนี่ย ไอ้หนู ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกเป็นใคร รีบเอาโทรศัพท์ไปให้ที่หยวนอินเตอร์เลย ไม่งั้นแกต้องรับผิดชอบสิ่งที่จะเกิดขึ้นนะ”

        “ไอ้น้อง ฉันเจี่ยหยวนเอง คนที่แกเห็นเมื่อกี้ก็ฉัน ฉันลดน้ำหนักแล้วล่ะ จำไม่ได้ล่ะสิ” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ กับโทรศัพท์

        “คุณพระ ดูท่ายังไม่สำนึกผิดอีก ได้ แกรอเลยนะ คนที่ขโมยรถเมื่อกี้คือแกใช่ไหม แกรอเลยนะ ถ้าแกกล้าขับออกไปจากถนนเซวียนอู่ ฉัน ซุนเจี้ยน จะไปหาเรื่องกับโคตรแม่แกแน่” พูดเสร็จอีกฝั่งก็วางสายไป

         

[1] หมายถึงการหมุนรอบสามร้อยหกสิบองศา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+