[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ รีบมาเร็ว รอแค่พี่เนี่ย” เวลาเก้าโมงเช้า หน้าประตูโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเต็มไปด้วยนักเรียน เวลาเก้าโมงเช้าวันนี้จะมีการแข่งขันวิชาการจัดขึ้นที่หอประชุมเมืองอู่เฉิง ผู้เข้าแข่งขันวิชาการของโรงเรียนฟู่จงมาถึงแล้วหกราย ขาดเพียงแค่กัวไฮว่ที่นอนสลบสไลอยู่

        “ไม่ได้เริ่มเก้าโมงเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะกี่โมงเอง” กัวไฮว่กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน เมื่อวานเขาตามอวี้เอ๋อร์ให้มาลองเปิดน้ำเต้านายท่านนั่นด้วยกัน สุดท้ายอวี้เอ๋อร์เกือบจะโดนน้ำเต้าโจมตีจนกลับเป็นร่างเดิม ส่วนกัวไฮว่ก็บาดเจ็บอีกรอบ

        “นี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ต้องมาถึงหอประชุมเก้าโมง พี่รีบตื่นมาเถอะ” ถังซีพูดเสียงดัง

        “เอาเถอะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีฉันจะไปถึง” กัวไฮว่หาวพลางยืดเหยียดร่างกาย เขามองน้ำเต้านายท่านนั่นอีกรอบ จากนั้นก็ส่ายศีรษะด้วยความเหลืออด

        “อวี้เอ๋อร์น่าจะฟื้นตอนบ่ายๆ ของวันนี้ ช่างเถอะ ไปจัดการเรื่องแข่งวิชาการดีกว่า” กัวไฮว่หยิบอาร์มานีที่สั่งตัดมาจากตู้เสื้อผ้า จะแต่งตัวโทรมๆ ไปในงานแข่งขันวิชาการไม่ได้หรอกมั้ง

        “กัวไฮว่ ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย การแข่งขันวิชาการครั้งนี้เป็นกิจกรรมร่วมของฟู่จงเรา ฉันขอให้ทุกคนมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแปดโมง มีแต่เธอที่ยังไม่มา เธอทำให้ทุกคนเสียเวลานะ หวังว่าหลังจากนี้เธอจะตระหนักด้วย” หลี่สวินอวี้มองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง เป็นเวลากว่าแปดโมงยี่สิบนาทีแล้วเขาจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห

        “นายท่านอย่าโกรธไปเลย เมื่อวานผมวุ่นวายกับบางอย่างจนเหนื่อยเกินไป ครั้งนี้ผมผิดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รีบออกมาเถอะ มัวแต่สั่งสอนผมอีกเดี๋ยวเราก็ได้สายกันจริงๆหรอก”

        “คู่แข่งของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง แต่เป็นสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันเชื่อว่าพวกเธอเตรียมพร้อมกันมาเรียบร้อยแล้ว พวกเธอเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดของฟู่จงในรอบหลายปีมานี้ ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้นะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังฟังชัดกับเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนบนรถ

        คำพูดของหลี่สวินอวี้ทำให้นักเรียนบางคนเลือดร้อนขึ้นมา แน่นอนว่านักเรียนในที่นี้ไม่รวมกัวไฮว่

        “เหล่าเฉา คุยกันแล้วนี่ว่าพวกเราเจ็ดโรงเรียนให้แข่งโรงเรียนละหนึ่งคน จู่ๆ แกก็จะขอแข่งสองราย แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง แม้ศักยภาพของพวกเราไม่กี่โรงเรียนจะสู้โรงเรียนจิ่วจงของแกไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าที่หนึ่งของแต่ละโรงเรียนจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ” สวี่อู๋อี้ ผอ.โรงเรียนหยางกวงพูดพลางมองไปยังเฉาสิงหลง

        “เหล่าสวี่ แกคิดว่าที่หนึ่งของพวกเราทั้งเจ็ดโรงเรียนจะเอาชนะหลี่สวินอวี้ได้เหรอ” เฉาสิงหลงดื่มชาไปคำหนึ่งแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “แม้ในเดือนนี้ทั้งเจ็ดโรงเรียนจะฝึกซ้อมด้วยกัน พวกเราก็ผ่านการคัดเลือกภายในได้ผู้เข้าแข่งขันเจ็ดรายมาแล้ว แต่ถ้าอยากชนะฟู่จง แค่นิดเดียวยังไม่ชนะเลย”

        “เหล่าเฉา ถ้าแกอยากเปลี่ยนคน งั้นก็เอาหลินเซี่ยวโรงเรียนจิ่วจงของแกมาเปลี่ยนสิ จะมาปรึกษาอะไรพวกเราอีก” จางเจิ้งเฉิง ผอ.โรงเรียนชีจงพูดยิ้มๆ

        “ไม่ได้ พวกเขาสองคนต้องแข่งเวลาเดียวกัน ไม่งั้นคนคนนี้จะเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันไม่ได้” เฉาสิงหลงพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “สิงหลง คนคนนี้ที่แกพูดหมายถึงใคร ให้พวกเราได้เจอก่อนเถอะ แกพูดแบบนี้แล้วจะมาให้พวกเราสละที่ให้เนี่ย แบบนี้จะไม่ยุติธรรมกับโรงเรียนอื่นๆ นะ ไม่ยุติธรรมต่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกด้วย” เจี่ยอวิ๋นเทาผอ.โรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ยังเหลืออีกสามนาที พวกแกให้ผู้เข้าแข่งขันของโรงเรียนตัวเองมาที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเรียกเขามา” พูดเสร็จ เฉาสิงหลงก็เดินออกไปยังห้องพัก

        “เสี่ยวเทียน มานี่หน่อย เซี่ยวเซี่ยวก็มาด้วยกันสิ” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ กับเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้หนึ่ง

        “ไปกัน เราไปด้วยกัน” เด็กหนุ่มผงกศีรษะเล็กน้อย เขาจูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวไป จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องพักอย่างสนิทสนม

        “ซย่าโหวเทียน นักเรียนใหม่จิ่วจง” เฉาสิงหลงชี้ไปทางเด็กหนุ่มแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “นึกว่าจะเป็นพวกเนิร์ดสูงแปดฉื่อรอบเอวแปดฉื่อ มีสามขาซะอีก ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้เด็กหน้าขาว” เฉียวมู่นักเรียนโรงเรียนหยางกวงมองซย่าโหวเทียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “เซี่ยวเซี่ยว นักเรียนชายที่หน้าตาหล่อเกินไปมักจะไม่ปกตินะ เธอหาเด็กหน้าขาวแบบนี้สู้หาฉันไม่ได้หรอก ฉันจะรักเดียวใจเดียวต่อเธอ ฮ่าๆ” อาคิวจากโรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงฉันจะเข้ากับเฉียวมู่และอาคิวไม่ได้ แต่ครั้งนี้ฉันว่าพวกเขาพูดไม่ผิดนะ” หลี่เอ้าจากโรงเรียนชีจงพูดด้วยรอยยิ้มร้าย

        “ผอ. คนพวกนี้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่จะมาเข้าร่วมการแข่งกับพวกเราเหรอ ก็ว่าทำไมพวกคุณกลัวจะไม่ชนะฟู่จง เลือกคนสูงในหมู่คนเตี้ย เลือกสมบัติในหมู่ขยะ น่าสังเวชจริงๆ” ซย่าโหวเทียนพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรายังไม่ตอบตกลงเหล่าเฉาเลย ถ้าเธออยากเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันในครั้งนี้ก็แสดงความสามารถให้พวกเราดูสิ” เจี่ยอวิ๋นเทาพูดยิ้มๆ

        “นี่เป็นคำถามในคลังคำถามระดับโกลด์ ให้เวลาผมสิบนาที ถ้าพวกคุณคิดว่าผมเข้าไปแข่งขันได้ ผมก็จะเข้าแข่ง แต่ถ้าพวกคุณคิดว่าไม่ได้ ผมก็จะหันหลังกลับไป ยังไงซะผมก็จะไม่ได้อยู่ที่อู่เฉิงนานอยู่แล้ว” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็นั่งไปยังด้านข้างของโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง จากนั้นนิ้วมือก็พิมพ์อยู่บนคอมพิวเตอร์

        “หมดเวลา พิมพ์ไวขนาดนั้น ฝึกเล่นเกมเต้นรึไง ฮ่าๆ” เฉียวมู่ยังไม่ทันจะหัวเราะเสร็จ ผอ.โรงเรียนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็เบิกตาโพล่ง หนึ่งร้อยสามข้อในเวลาสิบนาที ผิดไปแค่ข้อเดียว ศักยภาพแบบนี้ไม่ต่างไปจากกัวไฮว่เลย

        “ขอผมบอกทุกคนสักหน่อยว่า ผมรอบรู้สิบสองภาษาต่างประเทศ เป็นนักเรียนชุดแดงของราศีมังกรแห่งสถาบันสิบสองราศีเมนซา” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “ในช่วงขณะที่เหล่าผอ.ได้ยินคำว่าสิบสองราศีเมนซา ทุกคนก็ไร้ข้อสงสัยใดๆ สถาบันสิบสองราศีเมนซา บนโลกนี้มีเพียงอัจฉริยะที่ไอคิวเกินร้อยแปดเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ แค่ได้เข้าไปในที่นั่น ก็หมายความว่าคุณยืนอยู่บนจุดสูงสุดของไอคิวมนุษย์แล้ว”

        “หลิวปิง คราวนี้เธอให้ถอนรายชื่อให้ซย่าโหวเทียนไปเถอะ ศักยภาพของเขาแกร่งกว่าเธอจริงๆ” หลิวชิงซง ผอ.โรงเรียนซานฉือชีพูดยิ้มๆ หลิวปิงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ส่งป้ายแข่งขันที่ห้อยไว้บนคอไปให้ซย่าโหวเทียน

        “ขอบคุณไอ้น้อง รอให้การแข่งขันเสร็จก่อน ถ้านายต้องการล่ะก็ ตามฉันไปเมืองหลวงได้นะ เดี๋ยวฉันจะขอทุนการศึกษาโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงให้นายเอง ถ้านายเรียนได้ดี ฉันจะแนะนำนายให้เป็นสมาชิกสำรองของเมนซา” ซย่าโหวเทียนรับป้ายแข่งขันมาแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        เหล่าผอ.ของทั้งเจ็ดโรงเรียนเบิกตาโพล่ง อันที่จริงตอนที่พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อว่าซย่าโหวเทียน ก็มองออกแล้วว่าเขาอาจจะเป็นคนในตระกูลเก่าแก่แห่งเมืองหลวงอย่างตระกูลซย่าโหว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้ได้ นั่นเป็นหลักฐานว่าเขามีสถานะที่ไม่ต่ำในตระกูลซย่าโหว

        “งั้นผมก็ขอขอบคุณพี่ซย่าโหวมากนะครับ” หลิวปิงพูดยิ้มๆ แม้เมืองอู่เฉิงจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงก็ยังห่างกันเยอะ ถ้าเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้ หนทางในภายหลังของเขาก็จะกว้างขวางกว่าที่อยู่ตรงหน้านี้

        “ตอนนี้ฉันเป็นผู้เข้าแข่งขันแล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอไม่ต้องมาช่วยฉัน พอถึงเวลาอย่ามาวุ่นวายกับฉันก็พอ ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน” ซย่าโหวเทียนมองพวกเฉียวมู่ หลี่เอ้าทั้งห้าคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ไปกันเถอะ อีกไม่นานก็ควรเข้าสนามได้แล้ว ขอฉันดูสักหน่อยว่ากัวไฮว่ที่เซี่ยวเซี่ยวพูดถึงนั่นเป็นคนยังไงกันแน่ เจ็ดโรงเรียนถึงต้องรวมกลุ่มกันถึงจะแข่งได้” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็จูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวเดินไปยังทางเดินของผู้เข้าแข่งขัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ รีบมาเร็ว รอแค่พี่เนี่ย” เวลาเก้าโมงเช้า หน้าประตูโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเต็มไปด้วยนักเรียน เวลาเก้าโมงเช้าวันนี้จะมีการแข่งขันวิชาการจัดขึ้นที่หอประชุมเมืองอู่เฉิง ผู้เข้าแข่งขันวิชาการของโรงเรียนฟู่จงมาถึงแล้วหกราย ขาดเพียงแค่กัวไฮว่ที่นอนสลบสไลอยู่

        “ไม่ได้เริ่มเก้าโมงเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะกี่โมงเอง” กัวไฮว่กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน เมื่อวานเขาตามอวี้เอ๋อร์ให้มาลองเปิดน้ำเต้านายท่านนั่นด้วยกัน สุดท้ายอวี้เอ๋อร์เกือบจะโดนน้ำเต้าโจมตีจนกลับเป็นร่างเดิม ส่วนกัวไฮว่ก็บาดเจ็บอีกรอบ

        “นี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ต้องมาถึงหอประชุมเก้าโมง พี่รีบตื่นมาเถอะ” ถังซีพูดเสียงดัง

        “เอาเถอะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีฉันจะไปถึง” กัวไฮว่หาวพลางยืดเหยียดร่างกาย เขามองน้ำเต้านายท่านนั่นอีกรอบ จากนั้นก็ส่ายศีรษะด้วยความเหลืออด

        “อวี้เอ๋อร์น่าจะฟื้นตอนบ่ายๆ ของวันนี้ ช่างเถอะ ไปจัดการเรื่องแข่งวิชาการดีกว่า” กัวไฮว่หยิบอาร์มานีที่สั่งตัดมาจากตู้เสื้อผ้า จะแต่งตัวโทรมๆ ไปในงานแข่งขันวิชาการไม่ได้หรอกมั้ง

        “กัวไฮว่ ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย การแข่งขันวิชาการครั้งนี้เป็นกิจกรรมร่วมของฟู่จงเรา ฉันขอให้ทุกคนมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแปดโมง มีแต่เธอที่ยังไม่มา เธอทำให้ทุกคนเสียเวลานะ หวังว่าหลังจากนี้เธอจะตระหนักด้วย” หลี่สวินอวี้มองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง เป็นเวลากว่าแปดโมงยี่สิบนาทีแล้วเขาจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห

        “นายท่านอย่าโกรธไปเลย เมื่อวานผมวุ่นวายกับบางอย่างจนเหนื่อยเกินไป ครั้งนี้ผมผิดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รีบออกมาเถอะ มัวแต่สั่งสอนผมอีกเดี๋ยวเราก็ได้สายกันจริงๆหรอก”

        “คู่แข่งของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง แต่เป็นสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันเชื่อว่าพวกเธอเตรียมพร้อมกันมาเรียบร้อยแล้ว พวกเธอเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดของฟู่จงในรอบหลายปีมานี้ ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้นะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังฟังชัดกับเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนบนรถ

        คำพูดของหลี่สวินอวี้ทำให้นักเรียนบางคนเลือดร้อนขึ้นมา แน่นอนว่านักเรียนในที่นี้ไม่รวมกัวไฮว่

        “เหล่าเฉา คุยกันแล้วนี่ว่าพวกเราเจ็ดโรงเรียนให้แข่งโรงเรียนละหนึ่งคน จู่ๆ แกก็จะขอแข่งสองราย แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง แม้ศักยภาพของพวกเราไม่กี่โรงเรียนจะสู้โรงเรียนจิ่วจงของแกไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าที่หนึ่งของแต่ละโรงเรียนจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ” สวี่อู๋อี้ ผอ.โรงเรียนหยางกวงพูดพลางมองไปยังเฉาสิงหลง

        “เหล่าสวี่ แกคิดว่าที่หนึ่งของพวกเราทั้งเจ็ดโรงเรียนจะเอาชนะหลี่สวินอวี้ได้เหรอ” เฉาสิงหลงดื่มชาไปคำหนึ่งแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “แม้ในเดือนนี้ทั้งเจ็ดโรงเรียนจะฝึกซ้อมด้วยกัน พวกเราก็ผ่านการคัดเลือกภายในได้ผู้เข้าแข่งขันเจ็ดรายมาแล้ว แต่ถ้าอยากชนะฟู่จง แค่นิดเดียวยังไม่ชนะเลย”

        “เหล่าเฉา ถ้าแกอยากเปลี่ยนคน งั้นก็เอาหลินเซี่ยวโรงเรียนจิ่วจงของแกมาเปลี่ยนสิ จะมาปรึกษาอะไรพวกเราอีก” จางเจิ้งเฉิง ผอ.โรงเรียนชีจงพูดยิ้มๆ

        “ไม่ได้ พวกเขาสองคนต้องแข่งเวลาเดียวกัน ไม่งั้นคนคนนี้จะเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันไม่ได้” เฉาสิงหลงพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “สิงหลง คนคนนี้ที่แกพูดหมายถึงใคร ให้พวกเราได้เจอก่อนเถอะ แกพูดแบบนี้แล้วจะมาให้พวกเราสละที่ให้เนี่ย แบบนี้จะไม่ยุติธรรมกับโรงเรียนอื่นๆ นะ ไม่ยุติธรรมต่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกด้วย” เจี่ยอวิ๋นเทาผอ.โรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ยังเหลืออีกสามนาที พวกแกให้ผู้เข้าแข่งขันของโรงเรียนตัวเองมาที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเรียกเขามา” พูดเสร็จ เฉาสิงหลงก็เดินออกไปยังห้องพัก

        “เสี่ยวเทียน มานี่หน่อย เซี่ยวเซี่ยวก็มาด้วยกันสิ” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ กับเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้หนึ่ง

        “ไปกัน เราไปด้วยกัน” เด็กหนุ่มผงกศีรษะเล็กน้อย เขาจูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวไป จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องพักอย่างสนิทสนม

        “ซย่าโหวเทียน นักเรียนใหม่จิ่วจง” เฉาสิงหลงชี้ไปทางเด็กหนุ่มแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “นึกว่าจะเป็นพวกเนิร์ดสูงแปดฉื่อรอบเอวแปดฉื่อ มีสามขาซะอีก ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้เด็กหน้าขาว” เฉียวมู่นักเรียนโรงเรียนหยางกวงมองซย่าโหวเทียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “เซี่ยวเซี่ยว นักเรียนชายที่หน้าตาหล่อเกินไปมักจะไม่ปกตินะ เธอหาเด็กหน้าขาวแบบนี้สู้หาฉันไม่ได้หรอก ฉันจะรักเดียวใจเดียวต่อเธอ ฮ่าๆ” อาคิวจากโรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงฉันจะเข้ากับเฉียวมู่และอาคิวไม่ได้ แต่ครั้งนี้ฉันว่าพวกเขาพูดไม่ผิดนะ” หลี่เอ้าจากโรงเรียนชีจงพูดด้วยรอยยิ้มร้าย

        “ผอ. คนพวกนี้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่จะมาเข้าร่วมการแข่งกับพวกเราเหรอ ก็ว่าทำไมพวกคุณกลัวจะไม่ชนะฟู่จง เลือกคนสูงในหมู่คนเตี้ย เลือกสมบัติในหมู่ขยะ น่าสังเวชจริงๆ” ซย่าโหวเทียนพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรายังไม่ตอบตกลงเหล่าเฉาเลย ถ้าเธออยากเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันในครั้งนี้ก็แสดงความสามารถให้พวกเราดูสิ” เจี่ยอวิ๋นเทาพูดยิ้มๆ

        “นี่เป็นคำถามในคลังคำถามระดับโกลด์ ให้เวลาผมสิบนาที ถ้าพวกคุณคิดว่าผมเข้าไปแข่งขันได้ ผมก็จะเข้าแข่ง แต่ถ้าพวกคุณคิดว่าไม่ได้ ผมก็จะหันหลังกลับไป ยังไงซะผมก็จะไม่ได้อยู่ที่อู่เฉิงนานอยู่แล้ว” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็นั่งไปยังด้านข้างของโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง จากนั้นนิ้วมือก็พิมพ์อยู่บนคอมพิวเตอร์

        “หมดเวลา พิมพ์ไวขนาดนั้น ฝึกเล่นเกมเต้นรึไง ฮ่าๆ” เฉียวมู่ยังไม่ทันจะหัวเราะเสร็จ ผอ.โรงเรียนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็เบิกตาโพล่ง หนึ่งร้อยสามข้อในเวลาสิบนาที ผิดไปแค่ข้อเดียว ศักยภาพแบบนี้ไม่ต่างไปจากกัวไฮว่เลย

        “ขอผมบอกทุกคนสักหน่อยว่า ผมรอบรู้สิบสองภาษาต่างประเทศ เป็นนักเรียนชุดแดงของราศีมังกรแห่งสถาบันสิบสองราศีเมนซา” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “ในช่วงขณะที่เหล่าผอ.ได้ยินคำว่าสิบสองราศีเมนซา ทุกคนก็ไร้ข้อสงสัยใดๆ สถาบันสิบสองราศีเมนซา บนโลกนี้มีเพียงอัจฉริยะที่ไอคิวเกินร้อยแปดเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ แค่ได้เข้าไปในที่นั่น ก็หมายความว่าคุณยืนอยู่บนจุดสูงสุดของไอคิวมนุษย์แล้ว”

        “หลิวปิง คราวนี้เธอให้ถอนรายชื่อให้ซย่าโหวเทียนไปเถอะ ศักยภาพของเขาแกร่งกว่าเธอจริงๆ” หลิวชิงซง ผอ.โรงเรียนซานฉือชีพูดยิ้มๆ หลิวปิงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ส่งป้ายแข่งขันที่ห้อยไว้บนคอไปให้ซย่าโหวเทียน

        “ขอบคุณไอ้น้อง รอให้การแข่งขันเสร็จก่อน ถ้านายต้องการล่ะก็ ตามฉันไปเมืองหลวงได้นะ เดี๋ยวฉันจะขอทุนการศึกษาโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงให้นายเอง ถ้านายเรียนได้ดี ฉันจะแนะนำนายให้เป็นสมาชิกสำรองของเมนซา” ซย่าโหวเทียนรับป้ายแข่งขันมาแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        เหล่าผอ.ของทั้งเจ็ดโรงเรียนเบิกตาโพล่ง อันที่จริงตอนที่พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อว่าซย่าโหวเทียน ก็มองออกแล้วว่าเขาอาจจะเป็นคนในตระกูลเก่าแก่แห่งเมืองหลวงอย่างตระกูลซย่าโหว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้ได้ นั่นเป็นหลักฐานว่าเขามีสถานะที่ไม่ต่ำในตระกูลซย่าโหว

        “งั้นผมก็ขอขอบคุณพี่ซย่าโหวมากนะครับ” หลิวปิงพูดยิ้มๆ แม้เมืองอู่เฉิงจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงก็ยังห่างกันเยอะ ถ้าเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้ หนทางในภายหลังของเขาก็จะกว้างขวางกว่าที่อยู่ตรงหน้านี้

        “ตอนนี้ฉันเป็นผู้เข้าแข่งขันแล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอไม่ต้องมาช่วยฉัน พอถึงเวลาอย่ามาวุ่นวายกับฉันก็พอ ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน” ซย่าโหวเทียนมองพวกเฉียวมู่ หลี่เอ้าทั้งห้าคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ไปกันเถอะ อีกไม่นานก็ควรเข้าสนามได้แล้ว ขอฉันดูสักหน่อยว่ากัวไฮว่ที่เซี่ยวเซี่ยวพูดถึงนั่นเป็นคนยังไงกันแน่ เจ็ดโรงเรียนถึงต้องรวมกลุ่มกันถึงจะแข่งได้” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็จูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวเดินไปยังทางเดินของผู้เข้าแข่งขัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ รีบมาเร็ว รอแค่พี่เนี่ย” เวลาเก้าโมงเช้า หน้าประตูโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเต็มไปด้วยนักเรียน เวลาเก้าโมงเช้าวันนี้จะมีการแข่งขันวิชาการจัดขึ้นที่หอประชุมเมืองอู่เฉิง ผู้เข้าแข่งขันวิชาการของโรงเรียนฟู่จงมาถึงแล้วหกราย ขาดเพียงแค่กัวไฮว่ที่นอนสลบสไลอยู่

        “ไม่ได้เริ่มเก้าโมงเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะกี่โมงเอง” กัวไฮว่กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน เมื่อวานเขาตามอวี้เอ๋อร์ให้มาลองเปิดน้ำเต้านายท่านนั่นด้วยกัน สุดท้ายอวี้เอ๋อร์เกือบจะโดนน้ำเต้าโจมตีจนกลับเป็นร่างเดิม ส่วนกัวไฮว่ก็บาดเจ็บอีกรอบ

        “นี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ต้องมาถึงหอประชุมเก้าโมง พี่รีบตื่นมาเถอะ” ถังซีพูดเสียงดัง

        “เอาเถอะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีฉันจะไปถึง” กัวไฮว่หาวพลางยืดเหยียดร่างกาย เขามองน้ำเต้านายท่านนั่นอีกรอบ จากนั้นก็ส่ายศีรษะด้วยความเหลืออด

        “อวี้เอ๋อร์น่าจะฟื้นตอนบ่ายๆ ของวันนี้ ช่างเถอะ ไปจัดการเรื่องแข่งวิชาการดีกว่า” กัวไฮว่หยิบอาร์มานีที่สั่งตัดมาจากตู้เสื้อผ้า จะแต่งตัวโทรมๆ ไปในงานแข่งขันวิชาการไม่ได้หรอกมั้ง

        “กัวไฮว่ ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย การแข่งขันวิชาการครั้งนี้เป็นกิจกรรมร่วมของฟู่จงเรา ฉันขอให้ทุกคนมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแปดโมง มีแต่เธอที่ยังไม่มา เธอทำให้ทุกคนเสียเวลานะ หวังว่าหลังจากนี้เธอจะตระหนักด้วย” หลี่สวินอวี้มองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง เป็นเวลากว่าแปดโมงยี่สิบนาทีแล้วเขาจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห

        “นายท่านอย่าโกรธไปเลย เมื่อวานผมวุ่นวายกับบางอย่างจนเหนื่อยเกินไป ครั้งนี้ผมผิดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รีบออกมาเถอะ มัวแต่สั่งสอนผมอีกเดี๋ยวเราก็ได้สายกันจริงๆหรอก”

        “คู่แข่งของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง แต่เป็นสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันเชื่อว่าพวกเธอเตรียมพร้อมกันมาเรียบร้อยแล้ว พวกเธอเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดของฟู่จงในรอบหลายปีมานี้ ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้นะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังฟังชัดกับเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนบนรถ

        คำพูดของหลี่สวินอวี้ทำให้นักเรียนบางคนเลือดร้อนขึ้นมา แน่นอนว่านักเรียนในที่นี้ไม่รวมกัวไฮว่

        “เหล่าเฉา คุยกันแล้วนี่ว่าพวกเราเจ็ดโรงเรียนให้แข่งโรงเรียนละหนึ่งคน จู่ๆ แกก็จะขอแข่งสองราย แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง แม้ศักยภาพของพวกเราไม่กี่โรงเรียนจะสู้โรงเรียนจิ่วจงของแกไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าที่หนึ่งของแต่ละโรงเรียนจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ” สวี่อู๋อี้ ผอ.โรงเรียนหยางกวงพูดพลางมองไปยังเฉาสิงหลง

        “เหล่าสวี่ แกคิดว่าที่หนึ่งของพวกเราทั้งเจ็ดโรงเรียนจะเอาชนะหลี่สวินอวี้ได้เหรอ” เฉาสิงหลงดื่มชาไปคำหนึ่งแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “แม้ในเดือนนี้ทั้งเจ็ดโรงเรียนจะฝึกซ้อมด้วยกัน พวกเราก็ผ่านการคัดเลือกภายในได้ผู้เข้าแข่งขันเจ็ดรายมาแล้ว แต่ถ้าอยากชนะฟู่จง แค่นิดเดียวยังไม่ชนะเลย”

        “เหล่าเฉา ถ้าแกอยากเปลี่ยนคน งั้นก็เอาหลินเซี่ยวโรงเรียนจิ่วจงของแกมาเปลี่ยนสิ จะมาปรึกษาอะไรพวกเราอีก” จางเจิ้งเฉิง ผอ.โรงเรียนชีจงพูดยิ้มๆ

        “ไม่ได้ พวกเขาสองคนต้องแข่งเวลาเดียวกัน ไม่งั้นคนคนนี้จะเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันไม่ได้” เฉาสิงหลงพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “สิงหลง คนคนนี้ที่แกพูดหมายถึงใคร ให้พวกเราได้เจอก่อนเถอะ แกพูดแบบนี้แล้วจะมาให้พวกเราสละที่ให้เนี่ย แบบนี้จะไม่ยุติธรรมกับโรงเรียนอื่นๆ นะ ไม่ยุติธรรมต่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกด้วย” เจี่ยอวิ๋นเทาผอ.โรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ยังเหลืออีกสามนาที พวกแกให้ผู้เข้าแข่งขันของโรงเรียนตัวเองมาที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเรียกเขามา” พูดเสร็จ เฉาสิงหลงก็เดินออกไปยังห้องพัก

        “เสี่ยวเทียน มานี่หน่อย เซี่ยวเซี่ยวก็มาด้วยกันสิ” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ กับเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้หนึ่ง

        “ไปกัน เราไปด้วยกัน” เด็กหนุ่มผงกศีรษะเล็กน้อย เขาจูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวไป จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องพักอย่างสนิทสนม

        “ซย่าโหวเทียน นักเรียนใหม่จิ่วจง” เฉาสิงหลงชี้ไปทางเด็กหนุ่มแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “นึกว่าจะเป็นพวกเนิร์ดสูงแปดฉื่อรอบเอวแปดฉื่อ มีสามขาซะอีก ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้เด็กหน้าขาว” เฉียวมู่นักเรียนโรงเรียนหยางกวงมองซย่าโหวเทียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “เซี่ยวเซี่ยว นักเรียนชายที่หน้าตาหล่อเกินไปมักจะไม่ปกตินะ เธอหาเด็กหน้าขาวแบบนี้สู้หาฉันไม่ได้หรอก ฉันจะรักเดียวใจเดียวต่อเธอ ฮ่าๆ” อาคิวจากโรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงฉันจะเข้ากับเฉียวมู่และอาคิวไม่ได้ แต่ครั้งนี้ฉันว่าพวกเขาพูดไม่ผิดนะ” หลี่เอ้าจากโรงเรียนชีจงพูดด้วยรอยยิ้มร้าย

        “ผอ. คนพวกนี้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่จะมาเข้าร่วมการแข่งกับพวกเราเหรอ ก็ว่าทำไมพวกคุณกลัวจะไม่ชนะฟู่จง เลือกคนสูงในหมู่คนเตี้ย เลือกสมบัติในหมู่ขยะ น่าสังเวชจริงๆ” ซย่าโหวเทียนพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรายังไม่ตอบตกลงเหล่าเฉาเลย ถ้าเธออยากเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันในครั้งนี้ก็แสดงความสามารถให้พวกเราดูสิ” เจี่ยอวิ๋นเทาพูดยิ้มๆ

        “นี่เป็นคำถามในคลังคำถามระดับโกลด์ ให้เวลาผมสิบนาที ถ้าพวกคุณคิดว่าผมเข้าไปแข่งขันได้ ผมก็จะเข้าแข่ง แต่ถ้าพวกคุณคิดว่าไม่ได้ ผมก็จะหันหลังกลับไป ยังไงซะผมก็จะไม่ได้อยู่ที่อู่เฉิงนานอยู่แล้ว” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็นั่งไปยังด้านข้างของโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง จากนั้นนิ้วมือก็พิมพ์อยู่บนคอมพิวเตอร์

        “หมดเวลา พิมพ์ไวขนาดนั้น ฝึกเล่นเกมเต้นรึไง ฮ่าๆ” เฉียวมู่ยังไม่ทันจะหัวเราะเสร็จ ผอ.โรงเรียนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็เบิกตาโพล่ง หนึ่งร้อยสามข้อในเวลาสิบนาที ผิดไปแค่ข้อเดียว ศักยภาพแบบนี้ไม่ต่างไปจากกัวไฮว่เลย

        “ขอผมบอกทุกคนสักหน่อยว่า ผมรอบรู้สิบสองภาษาต่างประเทศ เป็นนักเรียนชุดแดงของราศีมังกรแห่งสถาบันสิบสองราศีเมนซา” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “ในช่วงขณะที่เหล่าผอ.ได้ยินคำว่าสิบสองราศีเมนซา ทุกคนก็ไร้ข้อสงสัยใดๆ สถาบันสิบสองราศีเมนซา บนโลกนี้มีเพียงอัจฉริยะที่ไอคิวเกินร้อยแปดเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ แค่ได้เข้าไปในที่นั่น ก็หมายความว่าคุณยืนอยู่บนจุดสูงสุดของไอคิวมนุษย์แล้ว”

        “หลิวปิง คราวนี้เธอให้ถอนรายชื่อให้ซย่าโหวเทียนไปเถอะ ศักยภาพของเขาแกร่งกว่าเธอจริงๆ” หลิวชิงซง ผอ.โรงเรียนซานฉือชีพูดยิ้มๆ หลิวปิงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ส่งป้ายแข่งขันที่ห้อยไว้บนคอไปให้ซย่าโหวเทียน

        “ขอบคุณไอ้น้อง รอให้การแข่งขันเสร็จก่อน ถ้านายต้องการล่ะก็ ตามฉันไปเมืองหลวงได้นะ เดี๋ยวฉันจะขอทุนการศึกษาโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงให้นายเอง ถ้านายเรียนได้ดี ฉันจะแนะนำนายให้เป็นสมาชิกสำรองของเมนซา” ซย่าโหวเทียนรับป้ายแข่งขันมาแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        เหล่าผอ.ของทั้งเจ็ดโรงเรียนเบิกตาโพล่ง อันที่จริงตอนที่พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อว่าซย่าโหวเทียน ก็มองออกแล้วว่าเขาอาจจะเป็นคนในตระกูลเก่าแก่แห่งเมืองหลวงอย่างตระกูลซย่าโหว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้ได้ นั่นเป็นหลักฐานว่าเขามีสถานะที่ไม่ต่ำในตระกูลซย่าโหว

        “งั้นผมก็ขอขอบคุณพี่ซย่าโหวมากนะครับ” หลิวปิงพูดยิ้มๆ แม้เมืองอู่เฉิงจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงก็ยังห่างกันเยอะ ถ้าเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้ หนทางในภายหลังของเขาก็จะกว้างขวางกว่าที่อยู่ตรงหน้านี้

        “ตอนนี้ฉันเป็นผู้เข้าแข่งขันแล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอไม่ต้องมาช่วยฉัน พอถึงเวลาอย่ามาวุ่นวายกับฉันก็พอ ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน” ซย่าโหวเทียนมองพวกเฉียวมู่ หลี่เอ้าทั้งห้าคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ไปกันเถอะ อีกไม่นานก็ควรเข้าสนามได้แล้ว ขอฉันดูสักหน่อยว่ากัวไฮว่ที่เซี่ยวเซี่ยวพูดถึงนั่นเป็นคนยังไงกันแน่ เจ็ดโรงเรียนถึงต้องรวมกลุ่มกันถึงจะแข่งได้” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็จูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวเดินไปยังทางเดินของผู้เข้าแข่งขัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 71 ซย่าโหวเทียนนักเรียนใหม่จิ่วจง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พี่ไฮว่ รีบมาเร็ว รอแค่พี่เนี่ย” เวลาเก้าโมงเช้า หน้าประตูโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงเต็มไปด้วยนักเรียน เวลาเก้าโมงเช้าวันนี้จะมีการแข่งขันวิชาการจัดขึ้นที่หอประชุมเมืองอู่เฉิง ผู้เข้าแข่งขันวิชาการของโรงเรียนฟู่จงมาถึงแล้วหกราย ขาดเพียงแค่กัวไฮว่ที่นอนสลบสไลอยู่

        “ไม่ได้เริ่มเก้าโมงเหรอ ตอนนี้เพิ่งจะกี่โมงเอง” กัวไฮว่กล่าวขึ้นอย่างเกียจคร้าน เมื่อวานเขาตามอวี้เอ๋อร์ให้มาลองเปิดน้ำเต้านายท่านนั่นด้วยกัน สุดท้ายอวี้เอ๋อร์เกือบจะโดนน้ำเต้าโจมตีจนกลับเป็นร่างเดิม ส่วนกัวไฮว่ก็บาดเจ็บอีกรอบ

        “นี่ก็แปดโมงกว่าแล้ว เดี๋ยวเราไปกินข้าวเช้าด้วยกัน ต้องมาถึงหอประชุมเก้าโมง พี่รีบตื่นมาเถอะ” ถังซีพูดเสียงดัง

        “เอาเถอะ เดี๋ยวอีกสิบนาทีฉันจะไปถึง” กัวไฮว่หาวพลางยืดเหยียดร่างกาย เขามองน้ำเต้านายท่านนั่นอีกรอบ จากนั้นก็ส่ายศีรษะด้วยความเหลืออด

        “อวี้เอ๋อร์น่าจะฟื้นตอนบ่ายๆ ของวันนี้ ช่างเถอะ ไปจัดการเรื่องแข่งวิชาการดีกว่า” กัวไฮว่หยิบอาร์มานีที่สั่งตัดมาจากตู้เสื้อผ้า จะแต่งตัวโทรมๆ ไปในงานแข่งขันวิชาการไม่ได้หรอกมั้ง

        “กัวไฮว่ ฉันขอเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้าย การแข่งขันวิชาการครั้งนี้เป็นกิจกรรมร่วมของฟู่จงเรา ฉันขอให้ทุกคนมาถึงหน้าประตูโรงเรียนแปดโมง มีแต่เธอที่ยังไม่มา เธอทำให้ทุกคนเสียเวลานะ หวังว่าหลังจากนี้เธอจะตระหนักด้วย” หลี่สวินอวี้มองนาฬิกาข้อมือแวบหนึ่ง เป็นเวลากว่าแปดโมงยี่สิบนาทีแล้วเขาจึงพูดขึ้นด้วยความโมโห

        “นายท่านอย่าโกรธไปเลย เมื่อวานผมวุ่นวายกับบางอย่างจนเหนื่อยเกินไป ครั้งนี้ผมผิดไป” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “รีบออกมาเถอะ มัวแต่สั่งสอนผมอีกเดี๋ยวเราก็ได้สายกันจริงๆหรอก”

        “คู่แข่งของพวกเราในครั้งนี้ไม่ใช่โรงเรียนใดโรงเรียนหนึ่ง แต่เป็นสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันเชื่อว่าพวกเธอเตรียมพร้อมกันมาเรียบร้อยแล้ว พวกเธอเป็นนักเรียนที่เก่งที่สุดของฟู่จงในรอบหลายปีมานี้ ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ได้นะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังฟังชัดกับเด็กๆ ทั้งเจ็ดคนบนรถ

        คำพูดของหลี่สวินอวี้ทำให้นักเรียนบางคนเลือดร้อนขึ้นมา แน่นอนว่านักเรียนในที่นี้ไม่รวมกัวไฮว่

        “เหล่าเฉา คุยกันแล้วนี่ว่าพวกเราเจ็ดโรงเรียนให้แข่งโรงเรียนละหนึ่งคน จู่ๆ แกก็จะขอแข่งสองราย แบบนี้ไม่เหมาะมั้ง แม้ศักยภาพของพวกเราไม่กี่โรงเรียนจะสู้โรงเรียนจิ่วจงของแกไม่ได้ แต่ดูเหมือนว่าที่หนึ่งของแต่ละโรงเรียนจะไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่หรอกนะ” สวี่อู๋อี้ ผอ.โรงเรียนหยางกวงพูดพลางมองไปยังเฉาสิงหลง

        “เหล่าสวี่ แกคิดว่าที่หนึ่งของพวกเราทั้งเจ็ดโรงเรียนจะเอาชนะหลี่สวินอวี้ได้เหรอ” เฉาสิงหลงดื่มชาไปคำหนึ่งแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “แม้ในเดือนนี้ทั้งเจ็ดโรงเรียนจะฝึกซ้อมด้วยกัน พวกเราก็ผ่านการคัดเลือกภายในได้ผู้เข้าแข่งขันเจ็ดรายมาแล้ว แต่ถ้าอยากชนะฟู่จง แค่นิดเดียวยังไม่ชนะเลย”

        “เหล่าเฉา ถ้าแกอยากเปลี่ยนคน งั้นก็เอาหลินเซี่ยวโรงเรียนจิ่วจงของแกมาเปลี่ยนสิ จะมาปรึกษาอะไรพวกเราอีก” จางเจิ้งเฉิง ผอ.โรงเรียนชีจงพูดยิ้มๆ

        “ไม่ได้ พวกเขาสองคนต้องแข่งเวลาเดียวกัน ไม่งั้นคนคนนี้จะเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันไม่ได้” เฉาสิงหลงพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “สิงหลง คนคนนี้ที่แกพูดหมายถึงใคร ให้พวกเราได้เจอก่อนเถอะ แกพูดแบบนี้แล้วจะมาให้พวกเราสละที่ให้เนี่ย แบบนี้จะไม่ยุติธรรมกับโรงเรียนอื่นๆ นะ ไม่ยุติธรรมต่อนักเรียนที่ผ่านการคัดเลือกด้วย” เจี่ยอวิ๋นเทาผอ.โรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ยังเหลืออีกสามนาที พวกแกให้ผู้เข้าแข่งขันของโรงเรียนตัวเองมาที่นี่ เดี๋ยวฉันจะเรียกเขามา” พูดเสร็จ เฉาสิงหลงก็เดินออกไปยังห้องพัก

        “เสี่ยวเทียน มานี่หน่อย เซี่ยวเซี่ยวก็มาด้วยกันสิ” เฉาสิงหลงพูดยิ้มๆ กับเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาการผู้หนึ่ง

        “ไปกัน เราไปด้วยกัน” เด็กหนุ่มผงกศีรษะเล็กน้อย เขาจูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวไป จากนั้นก็เดินเข้าไปยังห้องพักอย่างสนิทสนม

        “ซย่าโหวเทียน นักเรียนใหม่จิ่วจง” เฉาสิงหลงชี้ไปทางเด็กหนุ่มแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “นึกว่าจะเป็นพวกเนิร์ดสูงแปดฉื่อรอบเอวแปดฉื่อ มีสามขาซะอีก ที่แท้ก็เป็นแค่ไอ้เด็กหน้าขาว” เฉียวมู่นักเรียนโรงเรียนหยางกวงมองซย่าโหวเทียนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “เซี่ยวเซี่ยว นักเรียนชายที่หน้าตาหล่อเกินไปมักจะไม่ปกตินะ เธอหาเด็กหน้าขาวแบบนี้สู้หาฉันไม่ได้หรอก ฉันจะรักเดียวใจเดียวต่อเธอ ฮ่าๆ” อาคิวจากโรงเรียนอี้จงพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ถึงฉันจะเข้ากับเฉียวมู่และอาคิวไม่ได้ แต่ครั้งนี้ฉันว่าพวกเขาพูดไม่ผิดนะ” หลี่เอ้าจากโรงเรียนชีจงพูดด้วยรอยยิ้มร้าย

        “ผอ. คนพวกนี้เป็นผู้เข้าแข่งขันที่จะมาเข้าร่วมการแข่งกับพวกเราเหรอ ก็ว่าทำไมพวกคุณกลัวจะไม่ชนะฟู่จง เลือกคนสูงในหมู่คนเตี้ย เลือกสมบัติในหมู่ขยะ น่าสังเวชจริงๆ” ซย่าโหวเทียนพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ

        “เหลือเวลาไม่มากแล้ว พวกเรายังไม่ตอบตกลงเหล่าเฉาเลย ถ้าเธออยากเป็นตัวแทนสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนเข้าแข่งขันในครั้งนี้ก็แสดงความสามารถให้พวกเราดูสิ” เจี่ยอวิ๋นเทาพูดยิ้มๆ

        “นี่เป็นคำถามในคลังคำถามระดับโกลด์ ให้เวลาผมสิบนาที ถ้าพวกคุณคิดว่าผมเข้าไปแข่งขันได้ ผมก็จะเข้าแข่ง แต่ถ้าพวกคุณคิดว่าไม่ได้ ผมก็จะหันหลังกลับไป ยังไงซะผมก็จะไม่ได้อยู่ที่อู่เฉิงนานอยู่แล้ว” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็นั่งไปยังด้านข้างของโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง จากนั้นนิ้วมือก็พิมพ์อยู่บนคอมพิวเตอร์

        “หมดเวลา พิมพ์ไวขนาดนั้น ฝึกเล่นเกมเต้นรึไง ฮ่าๆ” เฉียวมู่ยังไม่ทันจะหัวเราะเสร็จ ผอ.โรงเรียนสองสามคนที่อยู่ด้านหลังต่างก็เบิกตาโพล่ง หนึ่งร้อยสามข้อในเวลาสิบนาที ผิดไปแค่ข้อเดียว ศักยภาพแบบนี้ไม่ต่างไปจากกัวไฮว่เลย

        “ขอผมบอกทุกคนสักหน่อยว่า ผมรอบรู้สิบสองภาษาต่างประเทศ เป็นนักเรียนชุดแดงของราศีมังกรแห่งสถาบันสิบสองราศีเมนซา” ซย่าโหวเทียนพูดยิ้มๆ

        “ในช่วงขณะที่เหล่าผอ.ได้ยินคำว่าสิบสองราศีเมนซา ทุกคนก็ไร้ข้อสงสัยใดๆ สถาบันสิบสองราศีเมนซา บนโลกนี้มีเพียงอัจฉริยะที่ไอคิวเกินร้อยแปดเท่านั้นที่จะเข้าไปได้ แค่ได้เข้าไปในที่นั่น ก็หมายความว่าคุณยืนอยู่บนจุดสูงสุดของไอคิวมนุษย์แล้ว”

        “หลิวปิง คราวนี้เธอให้ถอนรายชื่อให้ซย่าโหวเทียนไปเถอะ ศักยภาพของเขาแกร่งกว่าเธอจริงๆ” หลิวชิงซง ผอ.โรงเรียนซานฉือชีพูดยิ้มๆ หลิวปิงพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็ส่งป้ายแข่งขันที่ห้อยไว้บนคอไปให้ซย่าโหวเทียน

        “ขอบคุณไอ้น้อง รอให้การแข่งขันเสร็จก่อน ถ้านายต้องการล่ะก็ ตามฉันไปเมืองหลวงได้นะ เดี๋ยวฉันจะขอทุนการศึกษาโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงให้นายเอง ถ้านายเรียนได้ดี ฉันจะแนะนำนายให้เป็นสมาชิกสำรองของเมนซา” ซย่าโหวเทียนรับป้ายแข่งขันมาแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        เหล่าผอ.ของทั้งเจ็ดโรงเรียนเบิกตาโพล่ง อันที่จริงตอนที่พวกเขารู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้ชื่อว่าซย่าโหวเทียน ก็มองออกแล้วว่าเขาอาจจะเป็นคนในตระกูลเก่าแก่แห่งเมืองหลวงอย่างตระกูลซย่าโหว แต่ก็นึกไม่ถึงว่าเขาจะพูดออกมาแบบนี้ได้ นั่นเป็นหลักฐานว่าเขามีสถานะที่ไม่ต่ำในตระกูลซย่าโหว

        “งั้นผมก็ขอขอบคุณพี่ซย่าโหวมากนะครับ” หลิวปิงพูดยิ้มๆ แม้เมืองอู่เฉิงจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับเมืองหลวงก็ยังห่างกันเยอะ ถ้าเข้าโรงเรียนมัธยมแห่งมหาวิทยาลัยเยี่ยนจิงได้ หนทางในภายหลังของเขาก็จะกว้างขวางกว่าที่อยู่ตรงหน้านี้

        “ตอนนี้ฉันเป็นผู้เข้าแข่งขันแล้ว ฉันหวังว่าพวกเธอไม่ต้องมาช่วยฉัน พอถึงเวลาอย่ามาวุ่นวายกับฉันก็พอ ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน” ซย่าโหวเทียนมองพวกเฉียวมู่ หลี่เอ้าทั้งห้าคนแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ไปกันเถอะ อีกไม่นานก็ควรเข้าสนามได้แล้ว ขอฉันดูสักหน่อยว่ากัวไฮว่ที่เซี่ยวเซี่ยวพูดถึงนั่นเป็นคนยังไงกันแน่ เจ็ดโรงเรียนถึงต้องรวมกลุ่มกันถึงจะแข่งได้” ซย่าโหวเทียนพูดเสร็จก็จูงมือหลินเซี่ยวเซี่ยวเดินไปยังทางเดินของผู้เข้าแข่งขัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+