[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 133 เชื่อในสิ่งที่เห็น

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 133 เชื่อในสิ่งที่เห็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เป็นเวลาแปดโมงเช้า นักศึกษาทุกคนต่างแต่งตัวกันอย่างเรียบร้อยมารวมตัวกันอยู่ที่คลินิกไม่ ทำเอากัวไฮว่ตกตะลึงไป

        “ผอ. ครับ เมื่อวานบอกว่าวันนี้จะไปตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิงอีก พวกเราเตรียมตัวพร้อมแล้วครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดเสียงดัง

        กัวไฮว่ผงกศีรษะเล็กน้อย นักศึกษากลุ่มนี้ไม่เลวเลย และน่าสนใจด้วย

        “พวกเธอรอก่อนนะ เหอโม่ ตามฉันเข้ามา” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหอโม่ ส่วนนักเรียนคนอื่น ๆ ก็มีปฏิกิริยาต่างกันออกไป กัวไฮว่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาเดินตรงเข้าไปในห้อง

        “พวกเธอว่าผอ. เรียกให้รุ่นน้องเหอโม่เข้าไปคนเดียวมีเรื่องอะไรเหรอ ผอ. คงไม่ได้จะทำเรื่องอะไรไม่ดีหรอกนะ” ซูถูจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันพูดขึ้นเบา ๆ

        “เป็นไปได้ยังไงกัน นายไม่เห็นน้องอวี้เอ๋อร์หรือไง ข้าง ๆ ผอ. มีคนสวยแบบนี้ จะไปลงมือกับเหอโม่ได้ยังไงกัน นายคิดอะไรน่ะ” หลี่ว์เฟิงจากคณะแพทย์แผนโบราณพูดขึ้นเบา ๆ

        “นี่ก็ไม่แน่นะ บอสของพวกเธอเนี่ยเป็นตาโรคจิต สาว ๆ ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ไม่งั้นจะโดนเขากินไม่เหลือแม้แต่กระดูก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้ม ๆ ไม่รู้ว่าเธอมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังทุกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ “พี่ซือซือ พี่ซวงซวง แล้วก็พี่ ๆ คนอื่น ๆ พวกพี่ระวังตัวไว้มาก ๆ เลยนะ ไม่งั้นพวกพี่ก็ลองคิดดูสิ ทั้งสองคณะมีคนเยอะซะขนาดนี้ คนที่เรียนเก่งกว่าพี่ก็ไม่น้อย แต่ทำไมเขาถึงเลือกพวกพี่ล่ะ”

        “น้องอวี้เอ๋อร์ เธอพูดจริงเหรอ อย่าบอกนะว่าเธอถูกผอ. บังคับขู่เข็ญมาน่ะ” ซูเฉียนจากคณะแพทย์แผนโบราณมองอวี้เอ๋อร์ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็รักพร้อมกับถามขึ้นเบา ๆ

        “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ตาบ้านั่นมีวิชาแพทย์ใช้ได้เลย เผอิญฉันอยากให้เขาทำยาให้น่ะ นานวันเข้าก็ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่ติดตามเขาเนี่ยแหละ” อวี้เอ่อร์พูดขึ้นอย่างน่าสงสาร

        “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ งั้นพวกเราก็ออกไปจากคลินิกไม่กันเถอะ” ซูเฉียนกัดฟันพูด

        “ผอ. ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ผอ. บอกแล้วนี่ว่าให้พวกเราเป็นหมอที่ดี เขาไม่คนแบบที่พวกเธอพูดกันหรอก” หลี่อวี้พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “อ๊ะ เจ็บจัง!” ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันอยู่นั้น ก็มีเสียงร้องของเหอโม่ดังมาจากในห้อง

        “อดทนไว้ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว เชื่อฉันสิ” เสียงของกัวไฮว่ดังตามมา

        “อ๊ะ! เลือดออก” เหอโม่ร้องเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

        “หลี่อวี้ ตอนนี้นายจะพูดอะไรอีกไหม ไม่ได้การ ฉันต้องไปช่วยรุ่นน้องเหอโม่” ซูถูถูดพลางเตรียมจะพุ่งไปยังในห้อง

        “ซูถู นายจะไปไม่ได้นะ ตอนนี้นายเข้าไปจะทำอะไรได้ ถ้าผอ. เขารักษาให้เหอโม่ล่ะ นายจะไปรบกวนไม่ได้นะ” หลินลั่วซานที่ไม่ยอมพูดจามาตลอดก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับขวางซูถูเอาไว้

        “ใช่ ตอนนี้นายจะเข้าไปไม่ได้นะ ถ้าไปเห็นอะไรที่ไม่สมควรจะเห็นเข้า รุ่นน้องเหอโม่ได้หน้าซีดกันพอดี” ซูถูพูดพึมพำพร้อมกับกำหมัดแน่น

        ทว่าอวี้เอ๋อร์กลับมองกลุ่มคนด้วยใบหน้ายิ้มร้าย “ซวยแล้ว มีเด็กผู้หญิงซวยอีกคนนึงแล้ว ถูกตาบ้านี่วางพิษ ถอนพิษไม่ออกทั้งชีวิตแน่” อวี้เอ๋อร์พูดทอดถอนหายใจ

        “ท่านอาจารย์ สบายมากเลย นี่มันอะไรเหรอ ให้ฉันหน่อย ให้ฉันอีก” เสียงของเหอโม่ดังขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของสาว ๆ ต่างก็แดงเถือกขึ้นมา หนุ่ม ๆ ต่างก็กำหมัดแน่น ส่วนอวี้เอ๋อร์กลับมีสีหน้ายิ้มร้าย

        ภายในห้อง กัวไฮว่ให้เหอโม่ถอดผ้าปิดปากออก พื้นที่ใบหน้าครึ่งขวาของเธอน่าเกลียดเป็นอย่างมาก กัวไฮว่จึงฝังเข็มเข้าไปตรงด้านหลังของใบหน้า จากนั้นก็นั้นก็นำกระบี่เฟยเจี้ยนขนาดเล็กเฉือนเนื้อเน่าออกไป จากนั้นก็ทาผงยาผิวหิมะที่ตนเตรียมเอาไว้นานแล้วไปบนใบหน้าครึ่งขวาของเหอโม่ ความรู้สึกเย็นสบายทำให้เหอโม่อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา

        “กินนี่เข้าไปสิ แล้วเธอจะสบายขึ้น” กัวไฮว่ส่งเม็ดยาผิวหิมะให้เหอโม่อีกครั้ง กับศิษย์คนนี้แล้วกัวไฮว่ใส่ใจมากนัก เหอโม่ทานยาผิวหิมะลงไป ส่วนทางกัวไฮว่ก็ต้มยาสมุนไพรเสร็จแล้วพอดี

        “กลืนเข้าไป อย่าอ้วกออกมา ถ้าอยากให้หายเป็นปลิดทิ้งก็ต้องกลืนให้หมดทุกหยด” กัวไฮว่พูดเสียงดัง เขาใส่สมุนไพรชื่อดังหลายชนิดลงไปในยาถ้วยสุดท้ายนี้ กัวไฮว่ไม่อยากให้เหอโม่สิ้นเปลืองเพียงเพราะความขม

        “นรก นรกจริง ๆ” ซูเฉียนกัดฟันพูดด้วยเสียงดัง “เป็นแบบนี้แล้วยังจะให้พวกเราติดตามเขาอีกเหรอ ฉันล่ะเชื่อเขาเลย ไร้ยางอาย ฉันนึกได้ว่าก่อนที่จะมาในห้องฉันมีคนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา เขาคือกัวไฮว่ สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ”

        “ฉันออกไปรอเธอข้างนอกนะ พักผ่อนสักหน่อย ล้างหน้าแล้วก็ค่อยออกมา” ในขณะนั้นเองกัวไฮว่ก็ออกมาจากในห้อง บนเสื้อผ้าของเขามีเหงื่อเปียกชุ่มไปหมด เขาค่อย ๆ ปิดประตู มองเหล่านักศึกษาที่มองตนเองด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง

        “เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย เป็นอะไรไป ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนะ เมื่อกี้วุ่นวายอยู่ตั้งนานเสื้อเปียกหมดเลย” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “ผอ. คุณเป็นผอ. ของพวกเราจริงๆ หรือเปล่า เหอโม่ล่ะ คุณทำอะไรกับเหอโม่” เซียวเฉียนพูดด้วยเสียงดัง ในตอนนั้นหลี่อวี้เองก็ไม่กล้าไปขวางเซียวเฉียน

        “เธออยู่ในห้อง แต่รอสักพักนึงถึงจะออกมาได้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “อวี้เอ๋อร์ เอาเสื้อผ้าเธอไปให้เหอโม่หน่อยสิ เสื้อผ้าเธอคงใส่ไม่ได้อีกแล้วล่ะ พวกเธอมัวอึ้งอะไรกัน ถือของให้ดี ๆ รออีกสิบนาทีเหอโม่ก็ออกมาแล้วพวกเราก็เตรียมตัวออกไปกัน” อวี้เอ๋อร์บังเอิญวิ่งเข้ามาในห้องพอดิบพอดี

        “คุณจะไปไม่ได้นะ ซูถู แจ้งตำรวจ” เซียวเฉียนพูดเสียงดัง

        ซูถูเตรียมต่อสายโทรหาตำรวจ กัวไฮว่ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเซียวเฉียนและซูถู จึงรู้ได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว แม่มันเถอะ พี่อุตส่าห์ช่วยคนยังจะเป็นเรื่องอีก

        “อย่าแจ้งตำรวจเลย เรื่องภายในคลินิกไม่ก็จัดการกันเองเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “เซียวเฉียน ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ แต่นายรอให้เหอโม่ออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ บางครั้งสิ่งที่นายได้ยินไม่เหมือนกันกับความจริงโดยสิ้นเชิง”

        “ใช่ จะแจ้งตำรวจไม่ได้นะ ถ้าแจ้งตำรวจชีวิตนี้ของเหอโม่ก็คงจะพังทลายลง” หลี่อวี้พูดด้วยเสียงดัง

        “หลี่อวี้ นายพูดอะไรน่ะ ชีวิตฉันคงพังทลายลงอะไรเหรอ” ในขณะที่ทุกคนต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันอยู่นั่นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง เหอโม่สวมใส่ชุดออกกำลังกายเดินออกมาจากในห้อง สิ่งที่ไม่เหมือนกันกับก่อนหน้านั้นก็คือ ครั้งนี้เธอไม่ได้ใส่ผ้าปิดปากกับหมวก

        “ธะ…เธอคือเหอโม่” เซียวเฉียนพูดติดอ่าง นับตั้งแต่เปิดเรียนชั้นปีหนึ่ง ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็รู้ว่าที่คณะแพทย์แผนปัจจุบันมีเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมผ้าปิดปากและมีรูปร่างเอ็กซ์ ๆ แต่ก็มองไม่เห็นใบหน้า ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาเสียที งดงาม เด็กสาวนักกีฬาผู้เพียบพร้อมหน้าตาไม่ด้อยไปกว่าหลิวเย่าซือคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกๆ คน

        “ท่านอาจารย์ ฉันหายแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณนะคะ” เหอโม่เดินไปข้างๆ กัวไฮว่ เธอโค้งให้เขาก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “ไว้วันหลังฉันค่อยสั่งยาให้เธออีก เธอไปเอายามาตามใบสั่งยา พิษที่สำนักผีสามสิบเข็มเหลือทิ้งไว้ให้หายดีหมด แล้ว เธอก็จะหายดีแล้วจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ผอ. เมื่อกี้คุณรักษาให้เหอโม่เหรอ” ซูถูถามขึ้นเบาๆ

        “ถ้าไม่รักษาจะให้ทำอะไรล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ตอนแรกฉันก็บอกพวกเธอแล้วไงว่าถ้าอยากกลายเป็นหมอที่ดีก็ต้องสังเกตให้ดี สิ่งที่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ สิ่งที่ตนเองเห็นกับตาเองก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง อย่ามัวแต่ยืนกันอยู่เลย จุดหมายของเราตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิง เตรียมไปกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 133 เชื่อในสิ่งที่เห็น

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 133 เชื่อในสิ่งที่เห็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เป็นเวลาแปดโมงเช้า นักศึกษาทุกคนต่างแต่งตัวกันอย่างเรียบร้อยมารวมตัวกันอยู่ที่คลินิกไม่ ทำเอากัวไฮว่ตกตะลึงไป

        “ผอ. ครับ เมื่อวานบอกว่าวันนี้จะไปตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิงอีก พวกเราเตรียมตัวพร้อมแล้วครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดเสียงดัง

        กัวไฮว่ผงกศีรษะเล็กน้อย นักศึกษากลุ่มนี้ไม่เลวเลย และน่าสนใจด้วย

        “พวกเธอรอก่อนนะ เหอโม่ ตามฉันเข้ามา” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหอโม่ ส่วนนักเรียนคนอื่น ๆ ก็มีปฏิกิริยาต่างกันออกไป กัวไฮว่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาเดินตรงเข้าไปในห้อง

        “พวกเธอว่าผอ. เรียกให้รุ่นน้องเหอโม่เข้าไปคนเดียวมีเรื่องอะไรเหรอ ผอ. คงไม่ได้จะทำเรื่องอะไรไม่ดีหรอกนะ” ซูถูจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันพูดขึ้นเบา ๆ

        “เป็นไปได้ยังไงกัน นายไม่เห็นน้องอวี้เอ๋อร์หรือไง ข้าง ๆ ผอ. มีคนสวยแบบนี้ จะไปลงมือกับเหอโม่ได้ยังไงกัน นายคิดอะไรน่ะ” หลี่ว์เฟิงจากคณะแพทย์แผนโบราณพูดขึ้นเบา ๆ

        “นี่ก็ไม่แน่นะ บอสของพวกเธอเนี่ยเป็นตาโรคจิต สาว ๆ ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ไม่งั้นจะโดนเขากินไม่เหลือแม้แต่กระดูก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้ม ๆ ไม่รู้ว่าเธอมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังทุกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ “พี่ซือซือ พี่ซวงซวง แล้วก็พี่ ๆ คนอื่น ๆ พวกพี่ระวังตัวไว้มาก ๆ เลยนะ ไม่งั้นพวกพี่ก็ลองคิดดูสิ ทั้งสองคณะมีคนเยอะซะขนาดนี้ คนที่เรียนเก่งกว่าพี่ก็ไม่น้อย แต่ทำไมเขาถึงเลือกพวกพี่ล่ะ”

        “น้องอวี้เอ๋อร์ เธอพูดจริงเหรอ อย่าบอกนะว่าเธอถูกผอ. บังคับขู่เข็ญมาน่ะ” ซูเฉียนจากคณะแพทย์แผนโบราณมองอวี้เอ๋อร์ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็รักพร้อมกับถามขึ้นเบา ๆ

        “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ตาบ้านั่นมีวิชาแพทย์ใช้ได้เลย เผอิญฉันอยากให้เขาทำยาให้น่ะ นานวันเข้าก็ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่ติดตามเขาเนี่ยแหละ” อวี้เอ่อร์พูดขึ้นอย่างน่าสงสาร

        “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ งั้นพวกเราก็ออกไปจากคลินิกไม่กันเถอะ” ซูเฉียนกัดฟันพูด

        “ผอ. ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ผอ. บอกแล้วนี่ว่าให้พวกเราเป็นหมอที่ดี เขาไม่คนแบบที่พวกเธอพูดกันหรอก” หลี่อวี้พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “อ๊ะ เจ็บจัง!” ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันอยู่นั้น ก็มีเสียงร้องของเหอโม่ดังมาจากในห้อง

        “อดทนไว้ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว เชื่อฉันสิ” เสียงของกัวไฮว่ดังตามมา

        “อ๊ะ! เลือดออก” เหอโม่ร้องเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

        “หลี่อวี้ ตอนนี้นายจะพูดอะไรอีกไหม ไม่ได้การ ฉันต้องไปช่วยรุ่นน้องเหอโม่” ซูถูถูดพลางเตรียมจะพุ่งไปยังในห้อง

        “ซูถู นายจะไปไม่ได้นะ ตอนนี้นายเข้าไปจะทำอะไรได้ ถ้าผอ. เขารักษาให้เหอโม่ล่ะ นายจะไปรบกวนไม่ได้นะ” หลินลั่วซานที่ไม่ยอมพูดจามาตลอดก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับขวางซูถูเอาไว้

        “ใช่ ตอนนี้นายจะเข้าไปไม่ได้นะ ถ้าไปเห็นอะไรที่ไม่สมควรจะเห็นเข้า รุ่นน้องเหอโม่ได้หน้าซีดกันพอดี” ซูถูพูดพึมพำพร้อมกับกำหมัดแน่น

        ทว่าอวี้เอ๋อร์กลับมองกลุ่มคนด้วยใบหน้ายิ้มร้าย “ซวยแล้ว มีเด็กผู้หญิงซวยอีกคนนึงแล้ว ถูกตาบ้านี่วางพิษ ถอนพิษไม่ออกทั้งชีวิตแน่” อวี้เอ๋อร์พูดทอดถอนหายใจ

        “ท่านอาจารย์ สบายมากเลย นี่มันอะไรเหรอ ให้ฉันหน่อย ให้ฉันอีก” เสียงของเหอโม่ดังขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของสาว ๆ ต่างก็แดงเถือกขึ้นมา หนุ่ม ๆ ต่างก็กำหมัดแน่น ส่วนอวี้เอ๋อร์กลับมีสีหน้ายิ้มร้าย

        ภายในห้อง กัวไฮว่ให้เหอโม่ถอดผ้าปิดปากออก พื้นที่ใบหน้าครึ่งขวาของเธอน่าเกลียดเป็นอย่างมาก กัวไฮว่จึงฝังเข็มเข้าไปตรงด้านหลังของใบหน้า จากนั้นก็นั้นก็นำกระบี่เฟยเจี้ยนขนาดเล็กเฉือนเนื้อเน่าออกไป จากนั้นก็ทาผงยาผิวหิมะที่ตนเตรียมเอาไว้นานแล้วไปบนใบหน้าครึ่งขวาของเหอโม่ ความรู้สึกเย็นสบายทำให้เหอโม่อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา

        “กินนี่เข้าไปสิ แล้วเธอจะสบายขึ้น” กัวไฮว่ส่งเม็ดยาผิวหิมะให้เหอโม่อีกครั้ง กับศิษย์คนนี้แล้วกัวไฮว่ใส่ใจมากนัก เหอโม่ทานยาผิวหิมะลงไป ส่วนทางกัวไฮว่ก็ต้มยาสมุนไพรเสร็จแล้วพอดี

        “กลืนเข้าไป อย่าอ้วกออกมา ถ้าอยากให้หายเป็นปลิดทิ้งก็ต้องกลืนให้หมดทุกหยด” กัวไฮว่พูดเสียงดัง เขาใส่สมุนไพรชื่อดังหลายชนิดลงไปในยาถ้วยสุดท้ายนี้ กัวไฮว่ไม่อยากให้เหอโม่สิ้นเปลืองเพียงเพราะความขม

        “นรก นรกจริง ๆ” ซูเฉียนกัดฟันพูดด้วยเสียงดัง “เป็นแบบนี้แล้วยังจะให้พวกเราติดตามเขาอีกเหรอ ฉันล่ะเชื่อเขาเลย ไร้ยางอาย ฉันนึกได้ว่าก่อนที่จะมาในห้องฉันมีคนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา เขาคือกัวไฮว่ สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ”

        “ฉันออกไปรอเธอข้างนอกนะ พักผ่อนสักหน่อย ล้างหน้าแล้วก็ค่อยออกมา” ในขณะนั้นเองกัวไฮว่ก็ออกมาจากในห้อง บนเสื้อผ้าของเขามีเหงื่อเปียกชุ่มไปหมด เขาค่อย ๆ ปิดประตู มองเหล่านักศึกษาที่มองตนเองด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง

        “เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย เป็นอะไรไป ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนะ เมื่อกี้วุ่นวายอยู่ตั้งนานเสื้อเปียกหมดเลย” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “ผอ. คุณเป็นผอ. ของพวกเราจริงๆ หรือเปล่า เหอโม่ล่ะ คุณทำอะไรกับเหอโม่” เซียวเฉียนพูดด้วยเสียงดัง ในตอนนั้นหลี่อวี้เองก็ไม่กล้าไปขวางเซียวเฉียน

        “เธออยู่ในห้อง แต่รอสักพักนึงถึงจะออกมาได้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “อวี้เอ๋อร์ เอาเสื้อผ้าเธอไปให้เหอโม่หน่อยสิ เสื้อผ้าเธอคงใส่ไม่ได้อีกแล้วล่ะ พวกเธอมัวอึ้งอะไรกัน ถือของให้ดี ๆ รออีกสิบนาทีเหอโม่ก็ออกมาแล้วพวกเราก็เตรียมตัวออกไปกัน” อวี้เอ๋อร์บังเอิญวิ่งเข้ามาในห้องพอดิบพอดี

        “คุณจะไปไม่ได้นะ ซูถู แจ้งตำรวจ” เซียวเฉียนพูดเสียงดัง

        ซูถูเตรียมต่อสายโทรหาตำรวจ กัวไฮว่ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเซียวเฉียนและซูถู จึงรู้ได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว แม่มันเถอะ พี่อุตส่าห์ช่วยคนยังจะเป็นเรื่องอีก

        “อย่าแจ้งตำรวจเลย เรื่องภายในคลินิกไม่ก็จัดการกันเองเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “เซียวเฉียน ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ แต่นายรอให้เหอโม่ออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ บางครั้งสิ่งที่นายได้ยินไม่เหมือนกันกับความจริงโดยสิ้นเชิง”

        “ใช่ จะแจ้งตำรวจไม่ได้นะ ถ้าแจ้งตำรวจชีวิตนี้ของเหอโม่ก็คงจะพังทลายลง” หลี่อวี้พูดด้วยเสียงดัง

        “หลี่อวี้ นายพูดอะไรน่ะ ชีวิตฉันคงพังทลายลงอะไรเหรอ” ในขณะที่ทุกคนต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันอยู่นั่นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง เหอโม่สวมใส่ชุดออกกำลังกายเดินออกมาจากในห้อง สิ่งที่ไม่เหมือนกันกับก่อนหน้านั้นก็คือ ครั้งนี้เธอไม่ได้ใส่ผ้าปิดปากกับหมวก

        “ธะ…เธอคือเหอโม่” เซียวเฉียนพูดติดอ่าง นับตั้งแต่เปิดเรียนชั้นปีหนึ่ง ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็รู้ว่าที่คณะแพทย์แผนปัจจุบันมีเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมผ้าปิดปากและมีรูปร่างเอ็กซ์ ๆ แต่ก็มองไม่เห็นใบหน้า ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาเสียที งดงาม เด็กสาวนักกีฬาผู้เพียบพร้อมหน้าตาไม่ด้อยไปกว่าหลิวเย่าซือคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกๆ คน

        “ท่านอาจารย์ ฉันหายแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณนะคะ” เหอโม่เดินไปข้างๆ กัวไฮว่ เธอโค้งให้เขาก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “ไว้วันหลังฉันค่อยสั่งยาให้เธออีก เธอไปเอายามาตามใบสั่งยา พิษที่สำนักผีสามสิบเข็มเหลือทิ้งไว้ให้หายดีหมด แล้ว เธอก็จะหายดีแล้วจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ผอ. เมื่อกี้คุณรักษาให้เหอโม่เหรอ” ซูถูถามขึ้นเบาๆ

        “ถ้าไม่รักษาจะให้ทำอะไรล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ตอนแรกฉันก็บอกพวกเธอแล้วไงว่าถ้าอยากกลายเป็นหมอที่ดีก็ต้องสังเกตให้ดี สิ่งที่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ สิ่งที่ตนเองเห็นกับตาเองก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง อย่ามัวแต่ยืนกันอยู่เลย จุดหมายของเราตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิง เตรียมไปกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 133 เชื่อในสิ่งที่เห็น

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 133 เชื่อในสิ่งที่เห็น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        เป็นเวลาแปดโมงเช้า นักศึกษาทุกคนต่างแต่งตัวกันอย่างเรียบร้อยมารวมตัวกันอยู่ที่คลินิกไม่ ทำเอากัวไฮว่ตกตะลึงไป

        “ผอ. ครับ เมื่อวานบอกว่าวันนี้จะไปตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิงอีก พวกเราเตรียมตัวพร้อมแล้วครับ” เฉินเจี่ยตี้พูดเสียงดัง

        กัวไฮว่ผงกศีรษะเล็กน้อย นักศึกษากลุ่มนี้ไม่เลวเลย และน่าสนใจด้วย

        “พวกเธอรอก่อนนะ เหอโม่ ตามฉันเข้ามา” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ กับเหอโม่ ส่วนนักเรียนคนอื่น ๆ ก็มีปฏิกิริยาต่างกันออกไป กัวไฮว่ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาเดินตรงเข้าไปในห้อง

        “พวกเธอว่าผอ. เรียกให้รุ่นน้องเหอโม่เข้าไปคนเดียวมีเรื่องอะไรเหรอ ผอ. คงไม่ได้จะทำเรื่องอะไรไม่ดีหรอกนะ” ซูถูจากคณะแพทย์แผนปัจจุบันพูดขึ้นเบา ๆ

        “เป็นไปได้ยังไงกัน นายไม่เห็นน้องอวี้เอ๋อร์หรือไง ข้าง ๆ ผอ. มีคนสวยแบบนี้ จะไปลงมือกับเหอโม่ได้ยังไงกัน นายคิดอะไรน่ะ” หลี่ว์เฟิงจากคณะแพทย์แผนโบราณพูดขึ้นเบา ๆ

        “นี่ก็ไม่แน่นะ บอสของพวกเธอเนี่ยเป็นตาโรคจิต สาว ๆ ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ ไม่งั้นจะโดนเขากินไม่เหลือแม้แต่กระดูก” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้ม ๆ ไม่รู้ว่าเธอมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังทุกคนตั้งแต่เมื่อไหร่ “พี่ซือซือ พี่ซวงซวง แล้วก็พี่ ๆ คนอื่น ๆ พวกพี่ระวังตัวไว้มาก ๆ เลยนะ ไม่งั้นพวกพี่ก็ลองคิดดูสิ ทั้งสองคณะมีคนเยอะซะขนาดนี้ คนที่เรียนเก่งกว่าพี่ก็ไม่น้อย แต่ทำไมเขาถึงเลือกพวกพี่ล่ะ”

        “น้องอวี้เอ๋อร์ เธอพูดจริงเหรอ อย่าบอกนะว่าเธอถูกผอ. บังคับขู่เข็ญมาน่ะ” ซูเฉียนจากคณะแพทย์แผนโบราณมองอวี้เอ๋อร์ที่ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็รักพร้อมกับถามขึ้นเบา ๆ

        “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก ตาบ้านั่นมีวิชาแพทย์ใช้ได้เลย เผอิญฉันอยากให้เขาทำยาให้น่ะ นานวันเข้าก็ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่ติดตามเขาเนี่ยแหละ” อวี้เอ่อร์พูดขึ้นอย่างน่าสงสาร

        “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ งั้นพวกเราก็ออกไปจากคลินิกไม่กันเถอะ” ซูเฉียนกัดฟันพูด

        “ผอ. ไม่ใช่คนแบบนั้นแน่ ผอ. บอกแล้วนี่ว่าให้พวกเราเป็นหมอที่ดี เขาไม่คนแบบที่พวกเธอพูดกันหรอก” หลี่อวี้พูดขึ้นด้วยเสียงดัง

        “อ๊ะ เจ็บจัง!” ในขณะที่ทุกคนถกเถียงกันอยู่นั้น ก็มีเสียงร้องของเหอโม่ดังมาจากในห้อง

        “อดทนไว้ เดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว เชื่อฉันสิ” เสียงของกัวไฮว่ดังตามมา

        “อ๊ะ! เลือดออก” เหอโม่ร้องเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง

        “หลี่อวี้ ตอนนี้นายจะพูดอะไรอีกไหม ไม่ได้การ ฉันต้องไปช่วยรุ่นน้องเหอโม่” ซูถูถูดพลางเตรียมจะพุ่งไปยังในห้อง

        “ซูถู นายจะไปไม่ได้นะ ตอนนี้นายเข้าไปจะทำอะไรได้ ถ้าผอ. เขารักษาให้เหอโม่ล่ะ นายจะไปรบกวนไม่ได้นะ” หลินลั่วซานที่ไม่ยอมพูดจามาตลอดก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับขวางซูถูเอาไว้

        “ใช่ ตอนนี้นายจะเข้าไปไม่ได้นะ ถ้าไปเห็นอะไรที่ไม่สมควรจะเห็นเข้า รุ่นน้องเหอโม่ได้หน้าซีดกันพอดี” ซูถูพูดพึมพำพร้อมกับกำหมัดแน่น

        ทว่าอวี้เอ๋อร์กลับมองกลุ่มคนด้วยใบหน้ายิ้มร้าย “ซวยแล้ว มีเด็กผู้หญิงซวยอีกคนนึงแล้ว ถูกตาบ้านี่วางพิษ ถอนพิษไม่ออกทั้งชีวิตแน่” อวี้เอ๋อร์พูดทอดถอนหายใจ

        “ท่านอาจารย์ สบายมากเลย นี่มันอะไรเหรอ ให้ฉันหน่อย ให้ฉันอีก” เสียงของเหอโม่ดังขึ้นมาอีกครั้ง สีหน้าของสาว ๆ ต่างก็แดงเถือกขึ้นมา หนุ่ม ๆ ต่างก็กำหมัดแน่น ส่วนอวี้เอ๋อร์กลับมีสีหน้ายิ้มร้าย

        ภายในห้อง กัวไฮว่ให้เหอโม่ถอดผ้าปิดปากออก พื้นที่ใบหน้าครึ่งขวาของเธอน่าเกลียดเป็นอย่างมาก กัวไฮว่จึงฝังเข็มเข้าไปตรงด้านหลังของใบหน้า จากนั้นก็นั้นก็นำกระบี่เฟยเจี้ยนขนาดเล็กเฉือนเนื้อเน่าออกไป จากนั้นก็ทาผงยาผิวหิมะที่ตนเตรียมเอาไว้นานแล้วไปบนใบหน้าครึ่งขวาของเหอโม่ ความรู้สึกเย็นสบายทำให้เหอโม่อดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา

        “กินนี่เข้าไปสิ แล้วเธอจะสบายขึ้น” กัวไฮว่ส่งเม็ดยาผิวหิมะให้เหอโม่อีกครั้ง กับศิษย์คนนี้แล้วกัวไฮว่ใส่ใจมากนัก เหอโม่ทานยาผิวหิมะลงไป ส่วนทางกัวไฮว่ก็ต้มยาสมุนไพรเสร็จแล้วพอดี

        “กลืนเข้าไป อย่าอ้วกออกมา ถ้าอยากให้หายเป็นปลิดทิ้งก็ต้องกลืนให้หมดทุกหยด” กัวไฮว่พูดเสียงดัง เขาใส่สมุนไพรชื่อดังหลายชนิดลงไปในยาถ้วยสุดท้ายนี้ กัวไฮว่ไม่อยากให้เหอโม่สิ้นเปลืองเพียงเพราะความขม

        “นรก นรกจริง ๆ” ซูเฉียนกัดฟันพูดด้วยเสียงดัง “เป็นแบบนี้แล้วยังจะให้พวกเราติดตามเขาอีกเหรอ ฉันล่ะเชื่อเขาเลย ไร้ยางอาย ฉันนึกได้ว่าก่อนที่จะมาในห้องฉันมีคนรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเขา เขาคือกัวไฮว่ สี่ตัวอันตรายเมืองอู่เฉิง ตัวอสรพิษ”

        “ฉันออกไปรอเธอข้างนอกนะ พักผ่อนสักหน่อย ล้างหน้าแล้วก็ค่อยออกมา” ในขณะนั้นเองกัวไฮว่ก็ออกมาจากในห้อง บนเสื้อผ้าของเขามีเหงื่อเปียกชุ่มไปหมด เขาค่อย ๆ ปิดประตู มองเหล่านักศึกษาที่มองตนเองด้วยสายตาโกรธเคืองก่อนจะชะงักไปครู่หนึ่ง

        “เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย เป็นอะไรไป ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนะ เมื่อกี้วุ่นวายอยู่ตั้งนานเสื้อเปียกหมดเลย” พูดเสร็จกัวไฮว่ก็หมุนตัวเตรียมจะจากไป

        “ผอ. คุณเป็นผอ. ของพวกเราจริงๆ หรือเปล่า เหอโม่ล่ะ คุณทำอะไรกับเหอโม่” เซียวเฉียนพูดด้วยเสียงดัง ในตอนนั้นหลี่อวี้เองก็ไม่กล้าไปขวางเซียวเฉียน

        “เธออยู่ในห้อง แต่รอสักพักนึงถึงจะออกมาได้” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “อวี้เอ๋อร์ เอาเสื้อผ้าเธอไปให้เหอโม่หน่อยสิ เสื้อผ้าเธอคงใส่ไม่ได้อีกแล้วล่ะ พวกเธอมัวอึ้งอะไรกัน ถือของให้ดี ๆ รออีกสิบนาทีเหอโม่ก็ออกมาแล้วพวกเราก็เตรียมตัวออกไปกัน” อวี้เอ๋อร์บังเอิญวิ่งเข้ามาในห้องพอดิบพอดี

        “คุณจะไปไม่ได้นะ ซูถู แจ้งตำรวจ” เซียวเฉียนพูดเสียงดัง

        ซูถูเตรียมต่อสายโทรหาตำรวจ กัวไฮว่ได้ใช้วิชาอ่านจิตกับเซียวเฉียนและซูถู จึงรู้ได้ว่าเกิดเรื่องขึ้นแล้ว แม่มันเถอะ พี่อุตส่าห์ช่วยคนยังจะเป็นเรื่องอีก

        “อย่าแจ้งตำรวจเลย เรื่องภายในคลินิกไม่ก็จัดการกันเองเถอะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “เซียวเฉียน ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่ แต่นายรอให้เหอโม่ออกมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ บางครั้งสิ่งที่นายได้ยินไม่เหมือนกันกับความจริงโดยสิ้นเชิง”

        “ใช่ จะแจ้งตำรวจไม่ได้นะ ถ้าแจ้งตำรวจชีวิตนี้ของเหอโม่ก็คงจะพังทลายลง” หลี่อวี้พูดด้วยเสียงดัง

        “หลี่อวี้ นายพูดอะไรน่ะ ชีวิตฉันคงพังทลายลงอะไรเหรอ” ในขณะที่ทุกคนต่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกกันอยู่นั่นเอง ประตูห้องก็ถูกเปิดออกมาอีกครั้ง เหอโม่สวมใส่ชุดออกกำลังกายเดินออกมาจากในห้อง สิ่งที่ไม่เหมือนกันกับก่อนหน้านั้นก็คือ ครั้งนี้เธอไม่ได้ใส่ผ้าปิดปากกับหมวก

        “ธะ…เธอคือเหอโม่” เซียวเฉียนพูดติดอ่าง นับตั้งแต่เปิดเรียนชั้นปีหนึ่ง ทั่วทั้งมหาวิทยาลัยอู่เฉิงก็รู้ว่าที่คณะแพทย์แผนปัจจุบันมีเด็กสาวคนหนึ่งที่สวมผ้าปิดปากและมีรูปร่างเอ็กซ์ ๆ แต่ก็มองไม่เห็นใบหน้า ในที่สุดก็ได้เห็นกับตาเสียที งดงาม เด็กสาวนักกีฬาผู้เพียบพร้อมหน้าตาไม่ด้อยไปกว่าหลิวเย่าซือคนหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกๆ คน

        “ท่านอาจารย์ ฉันหายแล้ว ขอบคุณ ขอบคุณนะคะ” เหอโม่เดินไปข้างๆ กัวไฮว่ เธอโค้งให้เขาก่อนจะพูดขึ้นด้วยความตื่นเต้น

        “ไว้วันหลังฉันค่อยสั่งยาให้เธออีก เธอไปเอายามาตามใบสั่งยา พิษที่สำนักผีสามสิบเข็มเหลือทิ้งไว้ให้หายดีหมด แล้ว เธอก็จะหายดีแล้วจริงๆ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ผอ. เมื่อกี้คุณรักษาให้เหอโม่เหรอ” ซูถูถามขึ้นเบาๆ

        “ถ้าไม่รักษาจะให้ทำอะไรล่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้ม ๆ “ตอนแรกฉันก็บอกพวกเธอแล้วไงว่าถ้าอยากกลายเป็นหมอที่ดีก็ต้องสังเกตให้ดี สิ่งที่ไม่ได้เห็นกับตาตัวเองอาจจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้ สิ่งที่ตนเองเห็นกับตาเองก็อาจจะไม่ใช่เรื่องจริง อย่ามัวแต่ยืนกันอยู่เลย จุดหมายของเราตลาดค้าส่งสมุนไพรซย่าเฟิง เตรียมไปกัน”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+