[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 7 ฝันวัยรุ่นคือฝันร้าย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 7 ฝันวัยรุ่นคือฝันร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      “มีไม่เยอะ แต่ว่าพวกพี่ๆ เอาไปคนละขวดเถอะ ผมเทให้พวกพี่ได้คนละขวด” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่สอง เอาน้ำเต้ามาให้ผมก่อนเถอะ”

      “เจ้าสี่ น้ำเต้านี่ฉันให้แก แล้วก็ทำตามที่แกบอก แกมาเทให้พวกเราคนละขวด” พูดจบ เจี่ยหยวนก็รีบวิ่งออกมาราวกับบิน

      “พี่ใหญ่ พี่สาม พวกพี่รีบไปหาขวดมาเถอะ วันนี้ผมต้องรีบกลับไปเร็วหน่อย นอนให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้ผมจะเข้าเรียนแล้ว ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะ

      เมื่อรอมาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ เจี่ยหยวนก็เป็นคนแรกที่เข้ามาจากข้างนอก เจี่ยหยวนทำเอากัวไฮว่กดดัน น่าจะกดดันเพราะเหยือกเหล้าในมือของเจี่ยหยวน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่า สูงเกือบจะครึ่งตัวคน แต่ยังโชคดีที่เจี่ยหยวนยังแบกมาไหว

      “เจ้าสี่ แกบอกแล้วว่าจะเทให้คนละขวด แต่ฉันหาขวดไม่เจอ งั้นแกก็เทให้เต็มเหยือกเหอะ” เสื้อตัวบนของเจี่ยหยวนเปียกโชก เขาหายใจเหนื่อยหอบ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

      “เจ้าอ้วนอย่ามาขวางทาง” ในขณะที่ทั้งสองคุยกัน หลี่เย่าก็แบกเหยือกเหล้าที่ใหญ่กว่าของเจี่ยหยวนเดินเข้ามา

      “พี่ใหญ่ พี่ก็ซื้อมาจากเหล่าจิ่วล่ะสิท่า ผมเห็นอันนี้แล้วแต่แบกไม่ไหว” เจี่ยหยวนหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะพูดพลางมองไปที่หลี่เย่าที่มีสีแดงก่ำทั่วทั้งหน้า

      “เจ้าสี่ ฉันหาขวดไม่เจองั้นแกก็กรอกให้เต็มเหยือกนี่แล้วกัน” หลี่เย่าพูดเหมือนกับที่เจี่ยหยวนพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

      “ให้ตาย สองคนนี่มันแย่จริงๆ บอกแล้วว่าขวดเหล้า จะเอาเหยือกมาทำไม” หวังเซิงพูดด้วยสีหน้าสบายๆ

      “เจ้าสาม ขวดเหล้าแกล่ะ ขอพวกเราดูหน่อย อย่าทำผิดซ้ำสองอีกล่ะ เหล้าดีแบบนี้ขาดไปหยดเดียวโง่นะเว่ย” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

      “พวกแกเข้าไปในหน่อย เดี๋ยวขวดเหล้าฉันจะมาถึงแล้ว” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ดูสิ มาแล้ว”

      ทั้งสามคนหันหลังกลับไป ก็เห็นชายฉกรรจ์สองคนค่อยๆ แบกขวดเหล้ามายังหน้าฝูงชน

      “เจ้าสาม แกหน้าไม่อายจริงๆ ขวดเหล้าใบนี้เป็นสมบัติของร้านเจิ้นเตี้ยนของเหล่าจิ่ว แกเอามันมาได้ยังไงเนี่ย” เจี่ยหยวนตวาดเสียงดัง

      “หน้าไม่อาย? พี่สองพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ อย่างน้อยของผมก็เป็นขวดเหล้านะ ดีกว่าเหยือกเหล้าของพวกพี่เยอะเลย” หวังเซิงพูดด้วยความภาคภูมิใจ

      “พวกพี่ๆ คาดหวังเกินไปแล้ว พวกพี่คิดว่าเหล้าดีขนาดนั้นผมจะมีเท่าไหร่กันเชียว” กัวไฮว่ลูบริมผีปากแล้วพูดยิ้มๆ

      “งั้นฉันไม่สนแล้ว แกต้องเทให้พวกเราเต็มนี่เลย ถ้าอยากได้เงิน แกก็ไปเอาที่เจ้าสอง ถ้ามีปัญหากับใคร เดี๋ยวฉันไปจัดการ ไม่ว่ายังไงแกต้องกรอกให้เต็ม แล้วก็อย่าเอาฉี่ม้ามาหลอกพวกเราอีก” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

      “เอาของของพวกพี่ๆ กลับไปบ้านกับผมเถอะ ในเมื่อพี่ๆ อยากกิน งั้นผมก็จะใจกว้างสักครั้ง กรอกให้พวกพี่ๆ ให้เต็มเลย ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางเดินยืดยาดออกไปจากร้านใต้หล้าอู่เฉิง

      “ให้ตายสิ เจ้าสี่มันมีเหล้าดีเยอะขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ถ้ากรอกใส่ขวดพวกเราเต็ม รวมกันทั้งหมดก็หลายกิโลเลยล่ะสิ” หวังเซิงพูดเบิกตาโพล่ง

      “ใช่ จริงๆ แล้วฉันซื้อเหยือกนี่มาแค่ตั้งใจจะทำให้เจ้าสี่มันตกใจเล่น มันมีเหล้าดีเยอะขนาดนี้ แปลกๆ นะ หลายปีมานี้มันก็กินของพรรค์นั้นเหมือนกันกับเรา ในเมื่อมีเหล้าดีขนาดนี้ ทำไมมันกินของอื่นไปได้ล่ะ” เจี่ยหยวนพูดพร้อมส่ายศีรษะใหญ่

      “สงสัยทำไมมากมาย เดี๋ยวฉันไปหาคนมาเอาเหยือกเหล้าไปให้เจ้าสี่ ฉันสภาพแบบนี้แบกไปเองไม่ไหว” พูดจบหลี่เย่าก็ไปหาเฮยหลง สักพักก็พาชายฉกรรจ์มาช่วยกันแบกขวดใหญ่ใบนั้นออกไป

 

      “เสี่ยวเฮย ลุกขึ้นมาเถอะ พวกนั้นไปแล้วเหรอ” ณ ชั้นบนสุดของร้านใต้หล้าอู่เฉิง ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นกับเฮยหลงที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น 

      “ไปหมดแล้วครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันจะทำอะไร ไอ้อ้วนกับหลี่เย่าเอาเหยือกเหล้ามาจากเหล่าจิ่ว หวังเซิงเว่อร์กว่าอีก แบกสมบัติร้านเจิ้นเตี้ยนของเหล่าจิ่วมาเลย” เฮยหลงพูดเสียงค่อย ด้วยท่าทางนบนอบ

      “ฉันเข้าใจแล้ว ไม่มีอะไรแล้วเธอกลับไปเถอะ” เมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดจบ เฮยหลงก็หมุนตัวกลับไปยังประตูใหญ่อย่างระมัดระวัง

      “กัวเทียน คราวก่อนลูกชายแกโชคดีนะ แต่ว่าต่อไปไม่รู้ว่าลูกแกจะยังโชคดีแบบนี้อีกรึเปล่า” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเหี้ยมโหด แก้วน้ำในมือถูกบีบจนแตกละเอียด ทว่าผิวสวยราวหยกขาวกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

      “พี่หลง สุดยอดไปเลย เอาอีก” ดาวเด่นของร้านใต้หล้าอู่เฉิงถูกเปลือยกายอยู่ภายในห้องใต้ดิน เฮยหลงขย่มตัวอยู่บนร่างกายของเธอ ทุกครั้งหลังจากที่เฮยหลงพบผู้หญิงที่ชั้นบนสุดคนนั้น ก็มักจะมาที่ห้องอาบน้ำชั้นใต้ดิน เรื่องที่ผู้หญิงที่น่ากลัวคนนั้นทำให้ผู้จัดการร้านใต้หล้าอู่เฉิงคนก่อนตายยังไง ยังคงอยู่ในสมองของเขาไม่หายไปไหนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน

      “พี่หลง เมื่อกี้พี่สุดยอดไปเลย แต่ว่าฉันอยากเอาอีก” หญิงสาวที่หน้าตาน่าหลงใหลนอนประกบอยู่บนร่างกายของเฮยหลงพูดเสียงค่อย

      “นี่เงินล้านนึง ใส่เสื้อผ้า แล้วไสหัวไป” เฮยหลงพูดจบ ก็เริ่มใส่เสื้อผ้าของตนช้าๆ ราวกับไม่เห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในสายตา จากนั้นสิบนาที ทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องใต้ดิน

 

      “วางขวดเหล้าของพวกพี่ลงเถอะ พวกพี่กลับไปก่อนก็ได้ เช้าพรุ่งนี้ค่อยมาลากไปจากที่นี่” กัวไฮว่พูดจบ ก็ไล่พวกหลี่เย่าทั้งสามคนกลับไป

      “เจ้าสี่ อย่าแกล้งพวกเรานะ ไม่งั้นพรุ่งนี้แกสวยแน่” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดัง ก่อนจะมองเหยือกของตัวเอง แล้วเลียริมฝีปากอย่างแรง

      “หนังสือเข้าเรียน เหอะๆ” กัวไฮว่ยิ้มมุมปากเล็กๆ อย่างไม่รู้ตัว “กรอกเหล้าผีนี่ให้พวกเขาก่อนดีกว่า เสียไปตั้งร้อยกิโล เจ็บใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเหล้าที่เหลือจะพอให้ข้ากินร้อยปีนี้รึเปล่า”

      “ช่างเถอะ ไม่ฝึกเซียนแล้ว พลังน้อยนิดในโลกมนุษย์แบบนี้ ต่อให้ฝึกเป็นหมื่นปีเกรงว่าจะไม่อาจถึงช่วงหยวนอิง[1] ได้เลยด้วยซ้ำ อยากจะบินยังเป็นไปไม่ได้เลย ข้าใช้ชีวิตให้สนุกไปดีกว่า” พูดจบ กัวไฮว่ก็ลงมาจากชั้นบนสุด ดิ่งเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็ผลอยหลับไป

 

      “อวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ เจ้าดื่มเหล้าไปตั้งมาก ให้พี่หอมเจ้าหน่อยได้หรือไม่”

      “ท่านเซียน ท่านนี่มันแย่จริงเชียว หอมอย่างเดียวน่าเบื่อเหลือเกิน อกข้ารุ่มร้อนยิ่งนัก ท่านเซียนช่วยอวี้เอ๋อร์ดูสักหน่อย”

      เมื่อเห็นเทพแห่งจิตยื่นมือมายังส่วนบนของอวี้เอ๋อร์ ในขณะที่กำลังจะลูบคลำ เสียงโมโหก็ดังขึ้นข้างหูของตน

      “เจ้าเทพแห่งจิต ดูท่าพาเจ้าไปแดนมนุษย์ออกจะดูถูกเจ้าเกินไปแล้ว ทหาร พาเทพแห่งจิตไปยังประตูสวรรค์ทางทิศใต้ ใช้เก้าสายฟ้าสวรรค์ไหม้ร่างของเขา” เง็กเซียนฮ่องเต้ตะคอกเสียงดัง

      “ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ข้าผิดไปแล้ว!” กัวไฮว่ตะโกนเสียงดัง ตื่นจากความฝัน ทั่วทั้งชุดนอนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้กระทั่งผ้าห่มบนเตียงก็พลอยเปียกชุ่มไปด้วย

      “ฝัน ฝันนี่เอง” กัวไฮว่พูดพึมพำ “ไม่ได้ ในเมื่อถูกเนรเทศลงมาแดนมนุษย์ ข้าต้องใช้วิชาอ่านจิตให้น้อย เพื่อเลี่ยงเง็กเซียนฮ่องเต้จะนำมาเป็นข้ออ้าง ไม่เช่นนั้นข้าจะกลับลำไม่ทัน”

 

      “คุณเย่า คุณหยวน คุณเซิ่ง นายน้อยของเราไปโรงเรียนแล้ว นายน้อยบอกว่าของของพวกคุณอยู่ด้านหลังคฤหาสน์ พวกคุณตามผมมาเถอะ” พ่อบ้านตระกูลกัวนำทั้งสามคนไปยังหลังคฤหาสน์อย่างระมัดระวัง

      “พี่ใหญ่ เราเปิดเหยือกชิมหน่อยเถอะ เจ้าสี่คงไม่ได้ใส่น้ำเปล่าหลอกเราหรอกนะ” เจี่ยหยวนลูบเหยือกของตนแล้วพูดเสียงค่อย

      “นี่พ่อบ้าน เมื่อวานนายน้อยบ้านแกให้พวกแกกรอกน้ำเปล่าลงไปหรือว่าให้พวกแกออกไปซื้อเหล้าอะไรรึเปล่า” หลี่เย่าถลึงตาถามพ่อบ้าน

      “พวกเราตื่นมาแต่เช้า เหยือกสองใบนี้กับขวดใบนี้ก็อยู่หลังคฤหาสน์เราแล้ว นายน้อยกำชับพวกเราไม่ให้ใครแตะ บอกว่ารอให้พวกคุณมาถึงแล้วรีบย้ายออกไป” พ่อบ้านตระกูลกัวพูดเสียงค่อย

 

 

 

 [1] เป็นขั้นตอนหนึ่งในการฝึกเป็นเซียน

 

                                                               ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 7 ฝันวัยรุ่นคือฝันร้าย

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 7 ฝันวัยรุ่นคือฝันร้าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

      “มีไม่เยอะ แต่ว่าพวกพี่ๆ เอาไปคนละขวดเถอะ ผมเทให้พวกพี่ได้คนละขวด” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่สอง เอาน้ำเต้ามาให้ผมก่อนเถอะ”

      “เจ้าสี่ น้ำเต้านี่ฉันให้แก แล้วก็ทำตามที่แกบอก แกมาเทให้พวกเราคนละขวด” พูดจบ เจี่ยหยวนก็รีบวิ่งออกมาราวกับบิน

      “พี่ใหญ่ พี่สาม พวกพี่รีบไปหาขวดมาเถอะ วันนี้ผมต้องรีบกลับไปเร็วหน่อย นอนให้เต็มอิ่ม พรุ่งนี้ผมจะเข้าเรียนแล้ว ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะ

      เมื่อรอมาหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ เจี่ยหยวนก็เป็นคนแรกที่เข้ามาจากข้างนอก เจี่ยหยวนทำเอากัวไฮว่กดดัน น่าจะกดดันเพราะเหยือกเหล้าในมือของเจี่ยหยวน ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเมตรกว่า สูงเกือบจะครึ่งตัวคน แต่ยังโชคดีที่เจี่ยหยวนยังแบกมาไหว

      “เจ้าสี่ แกบอกแล้วว่าจะเทให้คนละขวด แต่ฉันหาขวดไม่เจอ งั้นแกก็เทให้เต็มเหยือกเหอะ” เสื้อตัวบนของเจี่ยหยวนเปียกโชก เขาหายใจเหนื่อยหอบ แล้วพูดขึ้นด้วยเสียงดัง

      “เจ้าอ้วนอย่ามาขวางทาง” ในขณะที่ทั้งสองคุยกัน หลี่เย่าก็แบกเหยือกเหล้าที่ใหญ่กว่าของเจี่ยหยวนเดินเข้ามา

      “พี่ใหญ่ พี่ก็ซื้อมาจากเหล่าจิ่วล่ะสิท่า ผมเห็นอันนี้แล้วแต่แบกไม่ไหว” เจี่ยหยวนหายใจเหนื่อยหอบ ก่อนจะพูดพลางมองไปที่หลี่เย่าที่มีสีแดงก่ำทั่วทั้งหน้า

      “เจ้าสี่ ฉันหาขวดไม่เจองั้นแกก็กรอกให้เต็มเหยือกนี่แล้วกัน” หลี่เย่าพูดเหมือนกับที่เจี่ยหยวนพูดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน

      “ให้ตาย สองคนนี่มันแย่จริงๆ บอกแล้วว่าขวดเหล้า จะเอาเหยือกมาทำไม” หวังเซิงพูดด้วยสีหน้าสบายๆ

      “เจ้าสาม ขวดเหล้าแกล่ะ ขอพวกเราดูหน่อย อย่าทำผิดซ้ำสองอีกล่ะ เหล้าดีแบบนี้ขาดไปหยดเดียวโง่นะเว่ย” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

      “พวกแกเข้าไปในหน่อย เดี๋ยวขวดเหล้าฉันจะมาถึงแล้ว” หวังเซิงพูดยิ้มๆ “ดูสิ มาแล้ว”

      ทั้งสามคนหันหลังกลับไป ก็เห็นชายฉกรรจ์สองคนค่อยๆ แบกขวดเหล้ามายังหน้าฝูงชน

      “เจ้าสาม แกหน้าไม่อายจริงๆ ขวดเหล้าใบนี้เป็นสมบัติของร้านเจิ้นเตี้ยนของเหล่าจิ่ว แกเอามันมาได้ยังไงเนี่ย” เจี่ยหยวนตวาดเสียงดัง

      “หน้าไม่อาย? พี่สองพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะ อย่างน้อยของผมก็เป็นขวดเหล้านะ ดีกว่าเหยือกเหล้าของพวกพี่เยอะเลย” หวังเซิงพูดด้วยความภาคภูมิใจ

      “พวกพี่ๆ คาดหวังเกินไปแล้ว พวกพี่คิดว่าเหล้าดีขนาดนั้นผมจะมีเท่าไหร่กันเชียว” กัวไฮว่ลูบริมผีปากแล้วพูดยิ้มๆ

      “งั้นฉันไม่สนแล้ว แกต้องเทให้พวกเราเต็มนี่เลย ถ้าอยากได้เงิน แกก็ไปเอาที่เจ้าสอง ถ้ามีปัญหากับใคร เดี๋ยวฉันไปจัดการ ไม่ว่ายังไงแกต้องกรอกให้เต็ม แล้วก็อย่าเอาฉี่ม้ามาหลอกพวกเราอีก” หลี่เย่าพูดเสียงดัง

      “เอาของของพวกพี่ๆ กลับไปบ้านกับผมเถอะ ในเมื่อพี่ๆ อยากกิน งั้นผมก็จะใจกว้างสักครั้ง กรอกให้พวกพี่ๆ ให้เต็มเลย ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางเดินยืดยาดออกไปจากร้านใต้หล้าอู่เฉิง

      “ให้ตายสิ เจ้าสี่มันมีเหล้าดีเยอะขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย ถ้ากรอกใส่ขวดพวกเราเต็ม รวมกันทั้งหมดก็หลายกิโลเลยล่ะสิ” หวังเซิงพูดเบิกตาโพล่ง

      “ใช่ จริงๆ แล้วฉันซื้อเหยือกนี่มาแค่ตั้งใจจะทำให้เจ้าสี่มันตกใจเล่น มันมีเหล้าดีเยอะขนาดนี้ แปลกๆ นะ หลายปีมานี้มันก็กินของพรรค์นั้นเหมือนกันกับเรา ในเมื่อมีเหล้าดีขนาดนี้ ทำไมมันกินของอื่นไปได้ล่ะ” เจี่ยหยวนพูดพร้อมส่ายศีรษะใหญ่

      “สงสัยทำไมมากมาย เดี๋ยวฉันไปหาคนมาเอาเหยือกเหล้าไปให้เจ้าสี่ ฉันสภาพแบบนี้แบกไปเองไม่ไหว” พูดจบหลี่เย่าก็ไปหาเฮยหลง สักพักก็พาชายฉกรรจ์มาช่วยกันแบกขวดใหญ่ใบนั้นออกไป

 

      “เสี่ยวเฮย ลุกขึ้นมาเถอะ พวกนั้นไปแล้วเหรอ” ณ ชั้นบนสุดของร้านใต้หล้าอู่เฉิง ผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้นกับเฮยหลงที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น 

      “ไปหมดแล้วครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าพวกมันจะทำอะไร ไอ้อ้วนกับหลี่เย่าเอาเหยือกเหล้ามาจากเหล่าจิ่ว หวังเซิงเว่อร์กว่าอีก แบกสมบัติร้านเจิ้นเตี้ยนของเหล่าจิ่วมาเลย” เฮยหลงพูดเสียงค่อย ด้วยท่าทางนบนอบ

      “ฉันเข้าใจแล้ว ไม่มีอะไรแล้วเธอกลับไปเถอะ” เมื่อผู้หญิงคนนั้นพูดจบ เฮยหลงก็หมุนตัวกลับไปยังประตูใหญ่อย่างระมัดระวัง

      “กัวเทียน คราวก่อนลูกชายแกโชคดีนะ แต่ว่าต่อไปไม่รู้ว่าลูกแกจะยังโชคดีแบบนี้อีกรึเปล่า” ผู้หญิงคนนั้นพูดอย่างเหี้ยมโหด แก้วน้ำในมือถูกบีบจนแตกละเอียด ทว่าผิวสวยราวหยกขาวกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย

 

      “พี่หลง สุดยอดไปเลย เอาอีก” ดาวเด่นของร้านใต้หล้าอู่เฉิงถูกเปลือยกายอยู่ภายในห้องใต้ดิน เฮยหลงขย่มตัวอยู่บนร่างกายของเธอ ทุกครั้งหลังจากที่เฮยหลงพบผู้หญิงที่ชั้นบนสุดคนนั้น ก็มักจะมาที่ห้องอาบน้ำชั้นใต้ดิน เรื่องที่ผู้หญิงที่น่ากลัวคนนั้นทำให้ผู้จัดการร้านใต้หล้าอู่เฉิงคนก่อนตายยังไง ยังคงอยู่ในสมองของเขาไม่หายไปไหนราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน

      “พี่หลง เมื่อกี้พี่สุดยอดไปเลย แต่ว่าฉันอยากเอาอีก” หญิงสาวที่หน้าตาน่าหลงใหลนอนประกบอยู่บนร่างกายของเฮยหลงพูดเสียงค่อย

      “นี่เงินล้านนึง ใส่เสื้อผ้า แล้วไสหัวไป” เฮยหลงพูดจบ ก็เริ่มใส่เสื้อผ้าของตนช้าๆ ราวกับไม่เห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในสายตา จากนั้นสิบนาที ทั้งสองคนก็เดินออกไปจากห้องใต้ดิน

 

      “วางขวดเหล้าของพวกพี่ลงเถอะ พวกพี่กลับไปก่อนก็ได้ เช้าพรุ่งนี้ค่อยมาลากไปจากที่นี่” กัวไฮว่พูดจบ ก็ไล่พวกหลี่เย่าทั้งสามคนกลับไป

      “เจ้าสี่ อย่าแกล้งพวกเรานะ ไม่งั้นพรุ่งนี้แกสวยแน่” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดัง ก่อนจะมองเหยือกของตัวเอง แล้วเลียริมฝีปากอย่างแรง

      “หนังสือเข้าเรียน เหอะๆ” กัวไฮว่ยิ้มมุมปากเล็กๆ อย่างไม่รู้ตัว “กรอกเหล้าผีนี่ให้พวกเขาก่อนดีกว่า เสียไปตั้งร้อยกิโล เจ็บใจจริงๆ ไม่รู้ว่าเหล้าที่เหลือจะพอให้ข้ากินร้อยปีนี้รึเปล่า”

      “ช่างเถอะ ไม่ฝึกเซียนแล้ว พลังน้อยนิดในโลกมนุษย์แบบนี้ ต่อให้ฝึกเป็นหมื่นปีเกรงว่าจะไม่อาจถึงช่วงหยวนอิง[1] ได้เลยด้วยซ้ำ อยากจะบินยังเป็นไปไม่ได้เลย ข้าใช้ชีวิตให้สนุกไปดีกว่า” พูดจบ กัวไฮว่ก็ลงมาจากชั้นบนสุด ดิ่งเข้าไปยังห้องนอนของตัวเอง จากนั้นก็ผลอยหลับไป

 

      “อวี้เอ๋อร์ อวี้เอ๋อร์ เจ้าดื่มเหล้าไปตั้งมาก ให้พี่หอมเจ้าหน่อยได้หรือไม่”

      “ท่านเซียน ท่านนี่มันแย่จริงเชียว หอมอย่างเดียวน่าเบื่อเหลือเกิน อกข้ารุ่มร้อนยิ่งนัก ท่านเซียนช่วยอวี้เอ๋อร์ดูสักหน่อย”

      เมื่อเห็นเทพแห่งจิตยื่นมือมายังส่วนบนของอวี้เอ๋อร์ ในขณะที่กำลังจะลูบคลำ เสียงโมโหก็ดังขึ้นข้างหูของตน

      “เจ้าเทพแห่งจิต ดูท่าพาเจ้าไปแดนมนุษย์ออกจะดูถูกเจ้าเกินไปแล้ว ทหาร พาเทพแห่งจิตไปยังประตูสวรรค์ทางทิศใต้ ใช้เก้าสายฟ้าสวรรค์ไหม้ร่างของเขา” เง็กเซียนฮ่องเต้ตะคอกเสียงดัง

      “ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ ข้าผิดไปแล้ว!” กัวไฮว่ตะโกนเสียงดัง ตื่นจากความฝัน ทั่วทั้งชุดนอนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แม้กระทั่งผ้าห่มบนเตียงก็พลอยเปียกชุ่มไปด้วย

      “ฝัน ฝันนี่เอง” กัวไฮว่พูดพึมพำ “ไม่ได้ ในเมื่อถูกเนรเทศลงมาแดนมนุษย์ ข้าต้องใช้วิชาอ่านจิตให้น้อย เพื่อเลี่ยงเง็กเซียนฮ่องเต้จะนำมาเป็นข้ออ้าง ไม่เช่นนั้นข้าจะกลับลำไม่ทัน”

 

      “คุณเย่า คุณหยวน คุณเซิ่ง นายน้อยของเราไปโรงเรียนแล้ว นายน้อยบอกว่าของของพวกคุณอยู่ด้านหลังคฤหาสน์ พวกคุณตามผมมาเถอะ” พ่อบ้านตระกูลกัวนำทั้งสามคนไปยังหลังคฤหาสน์อย่างระมัดระวัง

      “พี่ใหญ่ เราเปิดเหยือกชิมหน่อยเถอะ เจ้าสี่คงไม่ได้ใส่น้ำเปล่าหลอกเราหรอกนะ” เจี่ยหยวนลูบเหยือกของตนแล้วพูดเสียงค่อย

      “นี่พ่อบ้าน เมื่อวานนายน้อยบ้านแกให้พวกแกกรอกน้ำเปล่าลงไปหรือว่าให้พวกแกออกไปซื้อเหล้าอะไรรึเปล่า” หลี่เย่าถลึงตาถามพ่อบ้าน

      “พวกเราตื่นมาแต่เช้า เหยือกสองใบนี้กับขวดใบนี้ก็อยู่หลังคฤหาสน์เราแล้ว นายน้อยกำชับพวกเราไม่ให้ใครแตะ บอกว่ารอให้พวกคุณมาถึงแล้วรีบย้ายออกไป” พ่อบ้านตระกูลกัวพูดเสียงค่อย

 

 

 

 [1] เป็นขั้นตอนหนึ่งในการฝึกเป็นเซียน

 

                                                               ————————

                                อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+