[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 102 สาวสวยอันดับหนึ่งของโลก

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 102 สาวสวยอันดับหนึ่งของโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “น้องสี่ ไม้ที่อยู่ข้างนอกนั่นของแกเหรอ” เจี่ยหยวนถามขึ้นพลางถูที่มือ

        “อืม ก็ให้พี่จัดการแล้วพี่จัดการไม่ได้นี่ ผมก็ต้องทำเองสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ดวงตาของเจี่ยหยวนจ้องมองไปที่ไม้อันล้ำค่าที่อยู่ด้านนอกนั่น ดวงตาเขาเป็นประกาย คนที่มีตาก็มองออกทั้งนั้นว่าตาอ้วนนี่คิดจะฮุบวัสดุไม้เหล่านี้

        “อะแฮ่มๆๆ น้องสี่ ดูแกพูดเข้า แต่ว่าเรื่องนี้พี่จัดการไม่ไหวจริงๆ ทั้งหัวซย่าไม่มีไม้การบูรจื่อจินเยอะขนาดนี้หรอก แกไปเอามาจากที่ไหนเหรอ” เจี่ยหยวนถามขึ้นเบาๆ

        “ก็แค่ไม้ไม่กี่ท่อนเอง ถ้าไม่มีอะไร พี่ๆ สองคนกินกันอิ่มแล้วก็ไปเถอะ พี่สองไปติดตามเรื่องตกแต่ง ส่วนเฟอร์นิเจอร์พวกนั้นเดี๋ยวอีกสองวันผมจะส่งไปให้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เหอะๆ น้องสี่ วัสดุก็มีแล้ว เฟอร์นิเจอร์ในแปลนนั่นพี่ก็ทำให้ได้ เอาไม้มาแล้วเดี๋ยวฉันจะให้ช่างไม้ที่ดีที่สุดมาทำเฟอร์นิเจอร์ตามแบบแปลนของแกให้” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “ไม่รบกวนพี่สองแล้วล่ะ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ พี่รีบไปดูเถอะว่าการตกแต่งคลินิกไม่ของผมตอนนี้เป็นยังไงแล้วบ้าง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ ฉันไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ไม้จันทน์จื่อจินนี่แกให้พี่สักท่อนเถอะ ยังไงแกก็ไม่ใช้เยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว ให้พี่สักท่อน แล้วอยากได้อะไรแกว่ามา ถือว่าพี่แลกให้” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

        “พี่สอง พี่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ไม่ช่วยน้องจัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ก็แล้วไปแต่นี่พี่ยังจะมาเอาวัสดุของผมอีก มีพี่แบบนี้ที่ไหนกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เดี๋ยวพี่ช่วยเรื่องบ้านแกเอง ช่วยแกตกแต่ง ช่วยแกวิ่งวุ่น ช่วงนี้ผอมลงไปหลายกิโล แค่ขอท่อนไม้แกก็ทำแบบนี้กับพี่เหรอ ฉันไม่สนล่ะ ที่บ้านฉันขาดเขียงทำกับข้าว เศษชิ้นที่เหลือชิ้นนี้ฉันจะเอาไป” ขณะที่พูดเจี่ยหยวนก็อุ้มไม้การบูรจื่อจินที่อวี้เอ๋อร์ฟันเมื่อสักครู่เดินออกไปนอกประตู

        “พี่สอง พี่ไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันตกลงหรือเปล่า” จู่ๆ อวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “น้องสะใภ้ พี่ก็อุ้มของมาแล้วเนี่ย ให้พี่เถอะนะ พี่สัญญาว่าเลยว่าจะช่วยเธอดูแลเจ้าสี่ ถ้ามันกล้าไปก่อเรื่องที่ใต้หล้าอู่เฉิงอีกละก็ พี่จะบอกเธอคนแรกเลย” เจี่ยหยวนมองอวี้เอ๋อร์พร้อมกับพูดประจบ

        “งั้นฉันก็ขอบคุณพี่สองมากนะคะ พี่เอาไม้ไปเถอะ พี่อยากแกะสลักอะไร ถ้าฉันมีเวลาว่างฉันช่วยพี่ได้นะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        มีดสั้นที่อยู่ในมือเธอไม่ใช่ของธรรมดา คนที่มาจากสำนักลึกลับเดียวกับเจ้าสี่ฝีมือก็ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ทุ่มสุดตัวแกะสลักจนเละก็เป็นแค่ไม้ท่อนหนึ่งอยู่ดี เจี่ยหยวนกลอกตา จากนั้นก็อุ้มท่อนไม้เดินไปตรงหน้าอวี้เอ๋อร์

        “น้องสะใภ้ เธอพูดแบบนี้พี่ก็ไม่เกรงใจแล้วนะ เอาของเธอมาแล้วยังจะให้เธอลงมือแกะสลักอีก แต่ก็ได้ยินเจ้าสี่พูดมานานแล้วเหมือนกันว่าน้องสะใภ้เป็นพวกเก็บซ่อนความจริงใจ ฉะนั้นไม้ท่อนนี้ฉันให้เธอแกะสลักนะ” เจี่ยหยวนพูดพลางส่งไม้จันทน์จื่อจินไปให้อวี้เอ๋อร์

        “ที่รักอยู่เป็นเพื่อนพี่ๆ สองคนคุยกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปช่วยพี่สองแกะสลักของก่อนนะ” ขณะที่อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาไม้ที่เจี่ยหยวนอุ้มไว้เดินเข้าไปในห้อง

        “เจ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” หลี่เย่าที่อยู่เงียบๆ มาตลอดมองอวี้เอ๋อร์เอาไม้เดินเข้าไปในห้องก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

        “ฮ่าๆ ขายหน้าพวกพี่แล้วล่ะ พูดเรื่องตระกูลกู่กันดีกว่า ถ้ามีเวลาผมไปเยี่ยมพวกมันแน่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ เรื่องของฉันให้ฉันจัดการเองเถอะ ถึงแกจะเป็นศิษย์สำนักสันโดษ แต่ว่าตระกูลกู่แกร่งจนแกจะมาเอาผิดไม่ได้นะ ถึงขนาดที่ว่าตอนนี้ฉันเสียเปรียบยังปริปากพูดไม่ได้เลย ถ้าเป็นไปได้อย่าไปหาเรื่องตระกูลกู่เลยดีกว่า” หลี่เย่าสงบสติอารมณ์ตนเองพูดขึ้นเบาๆ

        “เจ้าสอง อานุภาพตระกูลกู่ที่แกเจอน่าจะเป็นแค่ตระกูลรองที่ใช้นามตระกูลกู่เท่านั้น ตระกูลกู่จริงๆ ทำไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่สนเรื่องเงินด้วย ถ้าอยากจะได้เงินพวกเขาได้มาได้ง่ายๆ ของที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้ให้มากพอที่พวกเขาจะใช้ไปตลอดชีวิต กู่เอ้าคนที่มีเรื่องกับฉันน่ะ ไว้ฉันคิดวิธีจัดการมันเอง” หลี่เย่าพูดต่อ

        “พี่เย่า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นตัวหลักหรือว่าจะตัวรอง ยังไงผมก็จะยุติธุรกิจกับตระกูลกู่พวกนั้น” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “ว่าแต่เจ้าสี่ แกมีเรื่องอะไรกับตระกูลกู่เหรอ เมื่อก่อนฉันได้ยินมู่หรงเฟยพูดแต่ก็ไม่ได้ถามให้ละเอียด”

        “ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรอก แค่จะแย่งผู้หญิงของนายน้อยตระกูลกู่มาน่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่หยวนพี่น่าจะรู้นะว่าหลินซวงเป็นคู่หมั้นของนายน้อยตระกูลกู่”

        “เจ้าสี่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พี่นับถือแกอย่างท่วมท้นไม่ขาดสายเลย ต่อไปพี่จะอยู่กับแกแล้วล่ะ” ครั้งนี้เจี่ยหยวนอึ้งตะลึงไปจริงๆ หลินซวงเป็นลูกสาวสุดที่รักของตระกูลหลิน เขาเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลหลินมานิดหน่อย เรื่องของหลินซวงกับนายน้อยตระกูลกู่เขาเองก็เคยได้ยินมา ไม่คิดเลยว่าน้องสี่ของตนจะล้มเธอได้ สุดยอดไปเลย

        “ให้ตาย ยังคิดว่าแกจะเปลี่ยนไปซะอีก สันดานเดิมไม่เปลี่ยนแม้แต่นิด ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน[1] ใครจะไปสนกันล่ะว่าจะเป็นตระกูลกู่หรือเปล่า” หลี่เย่าพูดด้วยเสียงดัง ไม่พูดเช่นนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ในเมื่อล้มคู่หมั้นของเขาไปแล้ว ช้าเร็วตระกูลกู่ก็ต้องทราบเรื่องอยู่ดี ไม่มีทางที่จะดีกันได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็เตรียมรับศึกไว้ให้ดีเถอะ

        “คุยอะไรกัน คุยกันคึกคักเชียว” เป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง อวี้เอ๋อร์เดินออกมาจากในห้อง “พี่สอง ไม่รู้ว่าพี่ชอบอะไร แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่พี่ชอบแน่ นั่นก็คือคนสวย พี่ดูสิว่าพอใจหรือเปล่า” ขณะที่พูดอวี้เอ๋อร์ก็เอาของออกมาจากด้านหลัง

        “น้องสะใภ้ ไม่สิ อาจารย์อวี้เอ๋อร์ ธะ…เธอแกะสลักเองจริงๆ เหรอ เธอไม่ได้แกะสลักมาก่อนหน้านี้หรอกใช่ไหม” เจี่ยหยวนตะลึงงันกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้า เขาเองรู้จักปรมาจารย์ด้านแกะสลักอยู่ไม่น้อย ในบ้านเขาก็มีของชิ้นงานแกะสลักอยู่ไม่น้อย ทว่าไม่มีชิ้นไหนที่เหมือนกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้านี้ ให้เขารู้สึกราวกับว่ามีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

        “ห้ามไม่เคารพชิ้นงานนี่นะ ไม่งั้นพี่ได้มีเรื่องแน่” อวี้เอ๋อร์พูดอย่างเข้มงวด

        “อวี้เอ๋อร์ที่รัก รูปลักษณ์ที่เธอแกะสลักออกมาไม่ใช่ท่านที่อยู่บนสวรรค์หรอกเหรอ” ไม่เพียงเจี่ยหยวนที่ตกใจอึ้งเท่านั้น กัวไฮว่เองก็ตกใจกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน ถ้าว่าอวี้เอ๋อร์งานล่มเมืองแล้ว สตรีบนงานแกะสลักผู้นั้นงามเกินกว่าที่จะบรรยายได้ งดงาม ไร้ที่ติ

        “ไม่เคารพ? ถึงฉันจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่ว่ามองงานชิ้นนี้แล้วก็รู้สึกแต่จะชื่นชม น้องสะใภ้ เธอแกะสลักคนสวยแบบนี้ออกมาได้ แบบนี้ฉันจะไปมองคนอื่นว่าสวยได้ยังไงกัน ไม่เอาแล้ว ฉันจะเอาของนี่ไปไม่ได้ เก็บไว้ที่พวกเธอเถอะ” เจี่ยหยวนส่ายศีรษะ เขาไม่ได้เอางานแกะสลักนั้นจริงๆ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปยังประตู

        “เจ้าสี่แกจัดการเฟอร์นิเจอร์ ส่วนเรื่องตกแต่งเดี๋ยวฉันดูเอง ในโอ่งเหล้าฉันเหลือเหล้าน้อยเต็มทีแล้ว รอให้แกจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ฉันจะเอาเหล้า ฉันจะเอาเหล้า” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดังสองครั้ง

        “ไม่คิดเลยว่าน้องสะใภ้จะมีฝีมือแบบนี้” หลี่เย่าค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมา “บนโลกมนุษย์จะไปมีผู้หญิงที่สวยแบบนี้ได้ยังไง กลัวว่าจะมีแค่ฉางเอ๋อบนสวรรค์เท่านั้นแหละที่จะสวยแบบนี้” หลี่เย่าพูดทอดถอนหายใจ

        “พะ…พี่รู้ได้ยังไง” อวี้เอ๋อร์กับกัวไฮว่ชะงักไป ทั้งสองถามขึ้นด้วยความตกใจพร้อมๆ กัน

         

[1] อุปมาว่าไม่ว่าจะมีอุบสรรคขวางหนามเช่นไรก็สามารถรับมือได้หมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 102 สาวสวยอันดับหนึ่งของโลก

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 102 สาวสวยอันดับหนึ่งของโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “น้องสี่ ไม้ที่อยู่ข้างนอกนั่นของแกเหรอ” เจี่ยหยวนถามขึ้นพลางถูที่มือ

        “อืม ก็ให้พี่จัดการแล้วพี่จัดการไม่ได้นี่ ผมก็ต้องทำเองสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ดวงตาของเจี่ยหยวนจ้องมองไปที่ไม้อันล้ำค่าที่อยู่ด้านนอกนั่น ดวงตาเขาเป็นประกาย คนที่มีตาก็มองออกทั้งนั้นว่าตาอ้วนนี่คิดจะฮุบวัสดุไม้เหล่านี้

        “อะแฮ่มๆๆ น้องสี่ ดูแกพูดเข้า แต่ว่าเรื่องนี้พี่จัดการไม่ไหวจริงๆ ทั้งหัวซย่าไม่มีไม้การบูรจื่อจินเยอะขนาดนี้หรอก แกไปเอามาจากที่ไหนเหรอ” เจี่ยหยวนถามขึ้นเบาๆ

        “ก็แค่ไม้ไม่กี่ท่อนเอง ถ้าไม่มีอะไร พี่ๆ สองคนกินกันอิ่มแล้วก็ไปเถอะ พี่สองไปติดตามเรื่องตกแต่ง ส่วนเฟอร์นิเจอร์พวกนั้นเดี๋ยวอีกสองวันผมจะส่งไปให้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เหอะๆ น้องสี่ วัสดุก็มีแล้ว เฟอร์นิเจอร์ในแปลนนั่นพี่ก็ทำให้ได้ เอาไม้มาแล้วเดี๋ยวฉันจะให้ช่างไม้ที่ดีที่สุดมาทำเฟอร์นิเจอร์ตามแบบแปลนของแกให้” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “ไม่รบกวนพี่สองแล้วล่ะ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ พี่รีบไปดูเถอะว่าการตกแต่งคลินิกไม่ของผมตอนนี้เป็นยังไงแล้วบ้าง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ ฉันไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ไม้จันทน์จื่อจินนี่แกให้พี่สักท่อนเถอะ ยังไงแกก็ไม่ใช้เยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว ให้พี่สักท่อน แล้วอยากได้อะไรแกว่ามา ถือว่าพี่แลกให้” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

        “พี่สอง พี่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ไม่ช่วยน้องจัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ก็แล้วไปแต่นี่พี่ยังจะมาเอาวัสดุของผมอีก มีพี่แบบนี้ที่ไหนกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เดี๋ยวพี่ช่วยเรื่องบ้านแกเอง ช่วยแกตกแต่ง ช่วยแกวิ่งวุ่น ช่วงนี้ผอมลงไปหลายกิโล แค่ขอท่อนไม้แกก็ทำแบบนี้กับพี่เหรอ ฉันไม่สนล่ะ ที่บ้านฉันขาดเขียงทำกับข้าว เศษชิ้นที่เหลือชิ้นนี้ฉันจะเอาไป” ขณะที่พูดเจี่ยหยวนก็อุ้มไม้การบูรจื่อจินที่อวี้เอ๋อร์ฟันเมื่อสักครู่เดินออกไปนอกประตู

        “พี่สอง พี่ไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันตกลงหรือเปล่า” จู่ๆ อวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “น้องสะใภ้ พี่ก็อุ้มของมาแล้วเนี่ย ให้พี่เถอะนะ พี่สัญญาว่าเลยว่าจะช่วยเธอดูแลเจ้าสี่ ถ้ามันกล้าไปก่อเรื่องที่ใต้หล้าอู่เฉิงอีกละก็ พี่จะบอกเธอคนแรกเลย” เจี่ยหยวนมองอวี้เอ๋อร์พร้อมกับพูดประจบ

        “งั้นฉันก็ขอบคุณพี่สองมากนะคะ พี่เอาไม้ไปเถอะ พี่อยากแกะสลักอะไร ถ้าฉันมีเวลาว่างฉันช่วยพี่ได้นะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        มีดสั้นที่อยู่ในมือเธอไม่ใช่ของธรรมดา คนที่มาจากสำนักลึกลับเดียวกับเจ้าสี่ฝีมือก็ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ทุ่มสุดตัวแกะสลักจนเละก็เป็นแค่ไม้ท่อนหนึ่งอยู่ดี เจี่ยหยวนกลอกตา จากนั้นก็อุ้มท่อนไม้เดินไปตรงหน้าอวี้เอ๋อร์

        “น้องสะใภ้ เธอพูดแบบนี้พี่ก็ไม่เกรงใจแล้วนะ เอาของเธอมาแล้วยังจะให้เธอลงมือแกะสลักอีก แต่ก็ได้ยินเจ้าสี่พูดมานานแล้วเหมือนกันว่าน้องสะใภ้เป็นพวกเก็บซ่อนความจริงใจ ฉะนั้นไม้ท่อนนี้ฉันให้เธอแกะสลักนะ” เจี่ยหยวนพูดพลางส่งไม้จันทน์จื่อจินไปให้อวี้เอ๋อร์

        “ที่รักอยู่เป็นเพื่อนพี่ๆ สองคนคุยกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปช่วยพี่สองแกะสลักของก่อนนะ” ขณะที่อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาไม้ที่เจี่ยหยวนอุ้มไว้เดินเข้าไปในห้อง

        “เจ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” หลี่เย่าที่อยู่เงียบๆ มาตลอดมองอวี้เอ๋อร์เอาไม้เดินเข้าไปในห้องก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

        “ฮ่าๆ ขายหน้าพวกพี่แล้วล่ะ พูดเรื่องตระกูลกู่กันดีกว่า ถ้ามีเวลาผมไปเยี่ยมพวกมันแน่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ เรื่องของฉันให้ฉันจัดการเองเถอะ ถึงแกจะเป็นศิษย์สำนักสันโดษ แต่ว่าตระกูลกู่แกร่งจนแกจะมาเอาผิดไม่ได้นะ ถึงขนาดที่ว่าตอนนี้ฉันเสียเปรียบยังปริปากพูดไม่ได้เลย ถ้าเป็นไปได้อย่าไปหาเรื่องตระกูลกู่เลยดีกว่า” หลี่เย่าสงบสติอารมณ์ตนเองพูดขึ้นเบาๆ

        “เจ้าสอง อานุภาพตระกูลกู่ที่แกเจอน่าจะเป็นแค่ตระกูลรองที่ใช้นามตระกูลกู่เท่านั้น ตระกูลกู่จริงๆ ทำไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่สนเรื่องเงินด้วย ถ้าอยากจะได้เงินพวกเขาได้มาได้ง่ายๆ ของที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้ให้มากพอที่พวกเขาจะใช้ไปตลอดชีวิต กู่เอ้าคนที่มีเรื่องกับฉันน่ะ ไว้ฉันคิดวิธีจัดการมันเอง” หลี่เย่าพูดต่อ

        “พี่เย่า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นตัวหลักหรือว่าจะตัวรอง ยังไงผมก็จะยุติธุรกิจกับตระกูลกู่พวกนั้น” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “ว่าแต่เจ้าสี่ แกมีเรื่องอะไรกับตระกูลกู่เหรอ เมื่อก่อนฉันได้ยินมู่หรงเฟยพูดแต่ก็ไม่ได้ถามให้ละเอียด”

        “ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรอก แค่จะแย่งผู้หญิงของนายน้อยตระกูลกู่มาน่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่หยวนพี่น่าจะรู้นะว่าหลินซวงเป็นคู่หมั้นของนายน้อยตระกูลกู่”

        “เจ้าสี่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พี่นับถือแกอย่างท่วมท้นไม่ขาดสายเลย ต่อไปพี่จะอยู่กับแกแล้วล่ะ” ครั้งนี้เจี่ยหยวนอึ้งตะลึงไปจริงๆ หลินซวงเป็นลูกสาวสุดที่รักของตระกูลหลิน เขาเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลหลินมานิดหน่อย เรื่องของหลินซวงกับนายน้อยตระกูลกู่เขาเองก็เคยได้ยินมา ไม่คิดเลยว่าน้องสี่ของตนจะล้มเธอได้ สุดยอดไปเลย

        “ให้ตาย ยังคิดว่าแกจะเปลี่ยนไปซะอีก สันดานเดิมไม่เปลี่ยนแม้แต่นิด ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน[1] ใครจะไปสนกันล่ะว่าจะเป็นตระกูลกู่หรือเปล่า” หลี่เย่าพูดด้วยเสียงดัง ไม่พูดเช่นนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ในเมื่อล้มคู่หมั้นของเขาไปแล้ว ช้าเร็วตระกูลกู่ก็ต้องทราบเรื่องอยู่ดี ไม่มีทางที่จะดีกันได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็เตรียมรับศึกไว้ให้ดีเถอะ

        “คุยอะไรกัน คุยกันคึกคักเชียว” เป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง อวี้เอ๋อร์เดินออกมาจากในห้อง “พี่สอง ไม่รู้ว่าพี่ชอบอะไร แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่พี่ชอบแน่ นั่นก็คือคนสวย พี่ดูสิว่าพอใจหรือเปล่า” ขณะที่พูดอวี้เอ๋อร์ก็เอาของออกมาจากด้านหลัง

        “น้องสะใภ้ ไม่สิ อาจารย์อวี้เอ๋อร์ ธะ…เธอแกะสลักเองจริงๆ เหรอ เธอไม่ได้แกะสลักมาก่อนหน้านี้หรอกใช่ไหม” เจี่ยหยวนตะลึงงันกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้า เขาเองรู้จักปรมาจารย์ด้านแกะสลักอยู่ไม่น้อย ในบ้านเขาก็มีของชิ้นงานแกะสลักอยู่ไม่น้อย ทว่าไม่มีชิ้นไหนที่เหมือนกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้านี้ ให้เขารู้สึกราวกับว่ามีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

        “ห้ามไม่เคารพชิ้นงานนี่นะ ไม่งั้นพี่ได้มีเรื่องแน่” อวี้เอ๋อร์พูดอย่างเข้มงวด

        “อวี้เอ๋อร์ที่รัก รูปลักษณ์ที่เธอแกะสลักออกมาไม่ใช่ท่านที่อยู่บนสวรรค์หรอกเหรอ” ไม่เพียงเจี่ยหยวนที่ตกใจอึ้งเท่านั้น กัวไฮว่เองก็ตกใจกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน ถ้าว่าอวี้เอ๋อร์งานล่มเมืองแล้ว สตรีบนงานแกะสลักผู้นั้นงามเกินกว่าที่จะบรรยายได้ งดงาม ไร้ที่ติ

        “ไม่เคารพ? ถึงฉันจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่ว่ามองงานชิ้นนี้แล้วก็รู้สึกแต่จะชื่นชม น้องสะใภ้ เธอแกะสลักคนสวยแบบนี้ออกมาได้ แบบนี้ฉันจะไปมองคนอื่นว่าสวยได้ยังไงกัน ไม่เอาแล้ว ฉันจะเอาของนี่ไปไม่ได้ เก็บไว้ที่พวกเธอเถอะ” เจี่ยหยวนส่ายศีรษะ เขาไม่ได้เอางานแกะสลักนั้นจริงๆ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปยังประตู

        “เจ้าสี่แกจัดการเฟอร์นิเจอร์ ส่วนเรื่องตกแต่งเดี๋ยวฉันดูเอง ในโอ่งเหล้าฉันเหลือเหล้าน้อยเต็มทีแล้ว รอให้แกจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ฉันจะเอาเหล้า ฉันจะเอาเหล้า” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดังสองครั้ง

        “ไม่คิดเลยว่าน้องสะใภ้จะมีฝีมือแบบนี้” หลี่เย่าค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมา “บนโลกมนุษย์จะไปมีผู้หญิงที่สวยแบบนี้ได้ยังไง กลัวว่าจะมีแค่ฉางเอ๋อบนสวรรค์เท่านั้นแหละที่จะสวยแบบนี้” หลี่เย่าพูดทอดถอนหายใจ

        “พะ…พี่รู้ได้ยังไง” อวี้เอ๋อร์กับกัวไฮว่ชะงักไป ทั้งสองถามขึ้นด้วยความตกใจพร้อมๆ กัน

         

[1] อุปมาว่าไม่ว่าจะมีอุบสรรคขวางหนามเช่นไรก็สามารถรับมือได้หมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 102 สาวสวยอันดับหนึ่งของโลก

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 102 สาวสวยอันดับหนึ่งของโลก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “น้องสี่ ไม้ที่อยู่ข้างนอกนั่นของแกเหรอ” เจี่ยหยวนถามขึ้นพลางถูที่มือ

        “อืม ก็ให้พี่จัดการแล้วพี่จัดการไม่ได้นี่ ผมก็ต้องทำเองสิ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ ดวงตาของเจี่ยหยวนจ้องมองไปที่ไม้อันล้ำค่าที่อยู่ด้านนอกนั่น ดวงตาเขาเป็นประกาย คนที่มีตาก็มองออกทั้งนั้นว่าตาอ้วนนี่คิดจะฮุบวัสดุไม้เหล่านี้

        “อะแฮ่มๆๆ น้องสี่ ดูแกพูดเข้า แต่ว่าเรื่องนี้พี่จัดการไม่ไหวจริงๆ ทั้งหัวซย่าไม่มีไม้การบูรจื่อจินเยอะขนาดนี้หรอก แกไปเอามาจากที่ไหนเหรอ” เจี่ยหยวนถามขึ้นเบาๆ

        “ก็แค่ไม้ไม่กี่ท่อนเอง ถ้าไม่มีอะไร พี่ๆ สองคนกินกันอิ่มแล้วก็ไปเถอะ พี่สองไปติดตามเรื่องตกแต่ง ส่วนเฟอร์นิเจอร์พวกนั้นเดี๋ยวอีกสองวันผมจะส่งไปให้” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เหอะๆ น้องสี่ วัสดุก็มีแล้ว เฟอร์นิเจอร์ในแปลนนั่นพี่ก็ทำให้ได้ เอาไม้มาแล้วเดี๋ยวฉันจะให้ช่างไม้ที่ดีที่สุดมาทำเฟอร์นิเจอร์ตามแบบแปลนของแกให้” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ

        “ไม่รบกวนพี่สองแล้วล่ะ เรื่องนี้ผมจัดการเองได้ พี่รีบไปดูเถอะว่าการตกแต่งคลินิกไม่ของผมตอนนี้เป็นยังไงแล้วบ้าง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ ฉันไม่อ้อมค้อมแล้วนะ ไม้จันทน์จื่อจินนี่แกให้พี่สักท่อนเถอะ ยังไงแกก็ไม่ใช้เยอะขนาดนั้นอยู่แล้ว ให้พี่สักท่อน แล้วอยากได้อะไรแกว่ามา ถือว่าพี่แลกให้” เจี่ยหยวนพูดเสียงดัง

        “พี่สอง พี่ทำแบบนี้ไม่ถูกนะ ไม่ช่วยน้องจัดการเรื่องเฟอร์นิเจอร์ก็แล้วไปแต่นี่พี่ยังจะมาเอาวัสดุของผมอีก มีพี่แบบนี้ที่ไหนกัน” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เดี๋ยวพี่ช่วยเรื่องบ้านแกเอง ช่วยแกตกแต่ง ช่วยแกวิ่งวุ่น ช่วงนี้ผอมลงไปหลายกิโล แค่ขอท่อนไม้แกก็ทำแบบนี้กับพี่เหรอ ฉันไม่สนล่ะ ที่บ้านฉันขาดเขียงทำกับข้าว เศษชิ้นที่เหลือชิ้นนี้ฉันจะเอาไป” ขณะที่พูดเจี่ยหยวนก็อุ้มไม้การบูรจื่อจินที่อวี้เอ๋อร์ฟันเมื่อสักครู่เดินออกไปนอกประตู

        “พี่สอง พี่ไม่ถามหน่อยเหรอว่าฉันตกลงหรือเปล่า” จู่ๆ อวี้เอ๋อร์ก็พูดขึ้นยิ้มๆ

        “น้องสะใภ้ พี่ก็อุ้มของมาแล้วเนี่ย ให้พี่เถอะนะ พี่สัญญาว่าเลยว่าจะช่วยเธอดูแลเจ้าสี่ ถ้ามันกล้าไปก่อเรื่องที่ใต้หล้าอู่เฉิงอีกละก็ พี่จะบอกเธอคนแรกเลย” เจี่ยหยวนมองอวี้เอ๋อร์พร้อมกับพูดประจบ

        “งั้นฉันก็ขอบคุณพี่สองมากนะคะ พี่เอาไม้ไปเถอะ พี่อยากแกะสลักอะไร ถ้าฉันมีเวลาว่างฉันช่วยพี่ได้นะ” อวี้เอ๋อร์พูดยิ้มๆ

        มีดสั้นที่อยู่ในมือเธอไม่ใช่ของธรรมดา คนที่มาจากสำนักลึกลับเดียวกับเจ้าสี่ฝีมือก็ย่อมไม่ธรรมดาแน่ ทุ่มสุดตัวแกะสลักจนเละก็เป็นแค่ไม้ท่อนหนึ่งอยู่ดี เจี่ยหยวนกลอกตา จากนั้นก็อุ้มท่อนไม้เดินไปตรงหน้าอวี้เอ๋อร์

        “น้องสะใภ้ เธอพูดแบบนี้พี่ก็ไม่เกรงใจแล้วนะ เอาของเธอมาแล้วยังจะให้เธอลงมือแกะสลักอีก แต่ก็ได้ยินเจ้าสี่พูดมานานแล้วเหมือนกันว่าน้องสะใภ้เป็นพวกเก็บซ่อนความจริงใจ ฉะนั้นไม้ท่อนนี้ฉันให้เธอแกะสลักนะ” เจี่ยหยวนพูดพลางส่งไม้จันทน์จื่อจินไปให้อวี้เอ๋อร์

        “ที่รักอยู่เป็นเพื่อนพี่ๆ สองคนคุยกันเถอะ เดี๋ยวฉันไปช่วยพี่สองแกะสลักของก่อนนะ” ขณะที่อวี้เอ๋อร์พูดพลางเอาไม้ที่เจี่ยหยวนอุ้มไว้เดินเข้าไปในห้อง

        “เจ้าสี่ น้องสะใภ้ไม่ธรรมดาเลยนะเนี่ย” หลี่เย่าที่อยู่เงียบๆ มาตลอดมองอวี้เอ๋อร์เอาไม้เดินเข้าไปในห้องก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา

        “ฮ่าๆ ขายหน้าพวกพี่แล้วล่ะ พูดเรื่องตระกูลกู่กันดีกว่า ถ้ามีเวลาผมไปเยี่ยมพวกมันแน่” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “เจ้าสี่ เรื่องของฉันให้ฉันจัดการเองเถอะ ถึงแกจะเป็นศิษย์สำนักสันโดษ แต่ว่าตระกูลกู่แกร่งจนแกจะมาเอาผิดไม่ได้นะ ถึงขนาดที่ว่าตอนนี้ฉันเสียเปรียบยังปริปากพูดไม่ได้เลย ถ้าเป็นไปได้อย่าไปหาเรื่องตระกูลกู่เลยดีกว่า” หลี่เย่าสงบสติอารมณ์ตนเองพูดขึ้นเบาๆ

        “เจ้าสอง อานุภาพตระกูลกู่ที่แกเจอน่าจะเป็นแค่ตระกูลรองที่ใช้นามตระกูลกู่เท่านั้น ตระกูลกู่จริงๆ ทำไม่ได้หรอก แล้วก็ไม่สนเรื่องเงินด้วย ถ้าอยากจะได้เงินพวกเขาได้มาได้ง่ายๆ ของที่บรรพบุรุษเหลือทิ้งไว้ให้มากพอที่พวกเขาจะใช้ไปตลอดชีวิต กู่เอ้าคนที่มีเรื่องกับฉันน่ะ ไว้ฉันคิดวิธีจัดการมันเอง” หลี่เย่าพูดต่อ

        “พี่เย่า ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นตัวหลักหรือว่าจะตัวรอง ยังไงผมก็จะยุติธุรกิจกับตระกูลกู่พวกนั้น” เจี่ยหยวนพูดยิ้มๆ “ว่าแต่เจ้าสี่ แกมีเรื่องอะไรกับตระกูลกู่เหรอ เมื่อก่อนฉันได้ยินมู่หรงเฟยพูดแต่ก็ไม่ได้ถามให้ละเอียด”

        “ไม่มีเรื่องอะไรร้ายแรงหรอก แค่จะแย่งผู้หญิงของนายน้อยตระกูลกู่มาน่ะ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ “พี่หยวนพี่น่าจะรู้นะว่าหลินซวงเป็นคู่หมั้นของนายน้อยตระกูลกู่”

        “เจ้าสี่ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พี่นับถือแกอย่างท่วมท้นไม่ขาดสายเลย ต่อไปพี่จะอยู่กับแกแล้วล่ะ” ครั้งนี้เจี่ยหยวนอึ้งตะลึงไปจริงๆ หลินซวงเป็นลูกสาวสุดที่รักของตระกูลหลิน เขาเองก็รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของตระกูลหลินมานิดหน่อย เรื่องของหลินซวงกับนายน้อยตระกูลกู่เขาเองก็เคยได้ยินมา ไม่คิดเลยว่าน้องสี่ของตนจะล้มเธอได้ สุดยอดไปเลย

        “ให้ตาย ยังคิดว่าแกจะเปลี่ยนไปซะอีก สันดานเดิมไม่เปลี่ยนแม้แต่นิด ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้วทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้าน[1] ใครจะไปสนกันล่ะว่าจะเป็นตระกูลกู่หรือเปล่า” หลี่เย่าพูดด้วยเสียงดัง ไม่พูดเช่นนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว ในเมื่อล้มคู่หมั้นของเขาไปแล้ว ช้าเร็วตระกูลกู่ก็ต้องทราบเรื่องอยู่ดี ไม่มีทางที่จะดีกันได้อยู่แล้ว เช่นนั้นก็เตรียมรับศึกไว้ให้ดีเถอะ

        “คุยอะไรกัน คุยกันคึกคักเชียว” เป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง อวี้เอ๋อร์เดินออกมาจากในห้อง “พี่สอง ไม่รู้ว่าพี่ชอบอะไร แต่ว่ามีอย่างหนึ่งที่พี่ชอบแน่ นั่นก็คือคนสวย พี่ดูสิว่าพอใจหรือเปล่า” ขณะที่พูดอวี้เอ๋อร์ก็เอาของออกมาจากด้านหลัง

        “น้องสะใภ้ ไม่สิ อาจารย์อวี้เอ๋อร์ ธะ…เธอแกะสลักเองจริงๆ เหรอ เธอไม่ได้แกะสลักมาก่อนหน้านี้หรอกใช่ไหม” เจี่ยหยวนตะลึงงันกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้า เขาเองรู้จักปรมาจารย์ด้านแกะสลักอยู่ไม่น้อย ในบ้านเขาก็มีของชิ้นงานแกะสลักอยู่ไม่น้อย ทว่าไม่มีชิ้นไหนที่เหมือนกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้านี้ ให้เขารู้สึกราวกับว่ามีชีวิตอย่างไรอย่างนั้น

        “ห้ามไม่เคารพชิ้นงานนี่นะ ไม่งั้นพี่ได้มีเรื่องแน่” อวี้เอ๋อร์พูดอย่างเข้มงวด

        “อวี้เอ๋อร์ที่รัก รูปลักษณ์ที่เธอแกะสลักออกมาไม่ใช่ท่านที่อยู่บนสวรรค์หรอกเหรอ” ไม่เพียงเจี่ยหยวนที่ตกใจอึ้งเท่านั้น กัวไฮว่เองก็ตกใจกับชิ้นงานแกะสลักที่อยู่ตรงหน้านี้เช่นกัน ถ้าว่าอวี้เอ๋อร์งานล่มเมืองแล้ว สตรีบนงานแกะสลักผู้นั้นงามเกินกว่าที่จะบรรยายได้ งดงาม ไร้ที่ติ

        “ไม่เคารพ? ถึงฉันจะเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่ว่ามองงานชิ้นนี้แล้วก็รู้สึกแต่จะชื่นชม น้องสะใภ้ เธอแกะสลักคนสวยแบบนี้ออกมาได้ แบบนี้ฉันจะไปมองคนอื่นว่าสวยได้ยังไงกัน ไม่เอาแล้ว ฉันจะเอาของนี่ไปไม่ได้ เก็บไว้ที่พวกเธอเถอะ” เจี่ยหยวนส่ายศีรษะ เขาไม่ได้เอางานแกะสลักนั้นจริงๆ จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปยังประตู

        “เจ้าสี่แกจัดการเฟอร์นิเจอร์ ส่วนเรื่องตกแต่งเดี๋ยวฉันดูเอง ในโอ่งเหล้าฉันเหลือเหล้าน้อยเต็มทีแล้ว รอให้แกจัดการเรื่องนี้เสร็จก่อน ฉันจะเอาเหล้า ฉันจะเอาเหล้า” เจี่ยหยวนตะโกนเสียงดังสองครั้ง

        “ไม่คิดเลยว่าน้องสะใภ้จะมีฝีมือแบบนี้” หลี่เย่าค่อยๆ เรียกสติกลับคืนมา “บนโลกมนุษย์จะไปมีผู้หญิงที่สวยแบบนี้ได้ยังไง กลัวว่าจะมีแค่ฉางเอ๋อบนสวรรค์เท่านั้นแหละที่จะสวยแบบนี้” หลี่เย่าพูดทอดถอนหายใจ

        “พะ…พี่รู้ได้ยังไง” อวี้เอ๋อร์กับกัวไฮว่ชะงักไป ทั้งสองถามขึ้นด้วยความตกใจพร้อมๆ กัน

         

[1] อุปมาว่าไม่ว่าจะมีอุบสรรคขวางหนามเช่นไรก็สามารถรับมือได้หมด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+