[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พวกเราใช้ถ้วยกันเถอะ”ในมือของซูเยี่ยถือถ้วยกระเบื้องที่ไว้ใช้เติมข้าวสองใบจากนั้นก็จัดแจงลงบนโต๊ะ“พี่ไฮว่เติมให้เต็มเติมให้เต็มเลย”

        “เหอะๆเสี่ยวเยี่ยจื่อฉลาดนะฉลาดจริงๆ”กัวไฮว่เติมเหล้าในถ้วยทั้งสองจนเต็มแล้ววางไว้เบื้องหน้าซูเยี่ยถ้วยหนึ่งซูเยี่ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

        “คุณครูหลินชิมสิว่านี่ใช่เหล้าที่หมอนั่นประมูลรึเปล่า”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ“คงไม่ให้เรากินของดีขนาดนั้นหรอกมั้งถ้วยนี่น่าจะประมาณสามเหลี่ยงกว่าๆถ้ายึดตามราคาประมูลน่าจะประมาณสิบห้าล้านหนูไม่กินไม่ได้จริงๆ”

        ครูหลินผงกศีรษะเบาๆหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วจิบไปคำหนึ่ง

        “ไม่ใช่เหล้าในงานประมูลแน่เลย”เมื่อซูเยี่ยเห็นท่าทีที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายของหลินซวงก็พูดขึ้นเบาๆ“พี่ไฮว่เมื่อไหร่พี่จะใจกว้างเอาเหล้าในงานประมูลมาให้เราชิมหน่อยสิถ้าไม่ได้เดี๋ยวฉันให้เงินเอง”

        “กัวไฮว่เหล้านี่เธอเอามาจากไหนครูคิดว่าคงไม่มีเหล้าไหนยิ่งกว่าเหล้าในงานประมูลนั่นแล้วทำไมเหล้านี่ถึงได้อร่อยกว่าขนาดนี้ล่ะเธอให้ครูกินของดีขนาดนี้ต่อไปครูกินอย่างอื่นไม่ได้จะทำไงเธอมันตาบ้าของจริง”หลินซวงพูดเบาๆในดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อล้น

        “แน่นอนว่าของดีก็ต้องเก็บไว้ให้คนของตัวเองสิกินข้าวกินข้าวถ้าพี่หลินอยากกินเหล้ามาหาผมส่วนตัวได้นะหึๆ”กัวไฮว่มองหลินซวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

        “เสี่ยวซีเธอดูตาบ้าของเธอสิไม่รู้ว่าคิดอะไรอีกแล้ว!”ซูเยี่ยพูดแล้วดื่มคำเล็กๆคำหนึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กินเหล้าของตาบ้านี่ในใจก็พลันเต็มไปด้วยความรู้สึกสุขลืมความวุ่นวายทั้งหมดไปได้

        “พ่อหนุ่มพ่อหนุ่มฉันรู้แล้วฉันรู้แล้ว”ชายชราคนเมื่อสักครู่ผลักประตูบุกเข้ามาในหัวสับสนพัลวันพูดขึ้นด้วยเสียงดังลั่น

        “หิวน้ำแทบตายฉันกินน้ำหน่อยนะ”ชายชราหยิบถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ดื่มลงไปทันทีโดยไม่ได้สนใจว่ากัวไฮว่อนุญาตหรือไม่และไม่ได้สนใจว่าข้างในเป็นน้ำหรือเป็นเหล้า

        “นะ…นี่มันอะไรกันอักษรเมื่อกี้ไม่สิที่กินไปเมื่อกี้ไม่สิเด็กๆรบกวนพวกเธอด้วยนะ”ชายชราหมุนกายออกไป“ไม่ใช่ไม่ใช่อย่าพูดให้ฉันซ้ำอีก”

        “ตาปู่บ้าบ้าหรือเปล่าให้หนูช่วยโทรหา120เรียกหมอไหม”ซูเยี่ยมองชายชราแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “พ่อหนุ่มไม่สิเด็กๆฉันชื่อเซวียนจือเฉิงคนอื่นเรียกกันว่าตาบ้าเซวียน”ชายชราพูดเสียงดัง“ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มชื่อว่าอะไรเหรอ”

        “กัวไฮว่”

        “พูดแบบนี้เหนื่อยแย่เลยฉะ…ฉันไปเอาเก้าอี้มาก่อน”ตาบ้าเซวียนพูดแล้ววิ่งออกไปตอนที่กลับมาในมือก็มีม้านั่งแบบเตี้ยหนึ่งตัวและถ้วยกระเบื้องหนึ่งใบ

        “จู้จื่อเอาเมนูจื่อชี่ตงไหลมา”ตาบ้าเซวียนตะโกนเสียงดังไปทางข้างนอก“วันนี้ฉันกินเหล้าพวกเธอไปถ้วยหนึ่งงั้นข้าวมื้อฉันเลี้ยงเอง”

        “คุณปู่เซวียนตำนานคู่หูหนานเจิ้นเป่ยเซวียนเป่ยเซวียนนี่คุณใช่ไหมคะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นยิ้มๆ

        “หนานเจิ้นเป่ยเซวียนอะไรกันฉันแก่ขนาดนี้แล้วการเขียนพู่กันยังไม่พัฒนาไปถึงไหนเลยคนพวกนี้เขาเรียกกันเองทั้งนั้นแหละฉันจะเลิกเขียนแล้วจนถึงตายก็คงเขียนได้ไม่ดีเท่าปรมาจารย์อวี้เฟิงหรอก”ตาบ้าเซวียนถลึงตาพูดขึ้น

        “นายท่านมีอะไรก็บอกมาตรงๆเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆแล้วเติมเหล้าลงในถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้าตาบ้าเซวียน

        “พูดเรื่องเหล้าก่อนค่อยพูดเรื่องอักษร”ตาบ้าเซวียนมองของเหลวอันสุดแสนจะล้ำค่าในถ้วยกระเบื้องแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“น้องไฮว่เธอเปิดราคาเลยไม่รู้ว่าเธอยังมีเหล้านี่อยู่อีกหรือเปล่าขายให้ฉันสักหน่อยได้ไหม”

        เมื่อตาบ้าเซวียนพูดจบสาวๆที่อยู่ข้างๆต่างก็มองไปทางตาบ้าเซวียน

        “มองอะไรฉันให้เงินจริงๆแม่หนูหลินเธอน่าจะรู้จักฉันนะถึงปกติฉันจะเป็นบ้าแต่ว่าคำพูดของตาบ้าเซวียนอย่างฉันน่าเชื่อถือมากนะ”ตาบ้าเซวียนมองหลินซวงแล้วพูดขึ้น

        “คุณปู่คะงานประมูลวันนี้กัวไฮว่มอบเหล้าไปแล้วสามจิน”หลินซวงมองตาบ้าเซวียนแล้วพูดเสียงเบา

        “งั้นก็เอาตามราคาประมูลมาเลยเท่าไหร่ฉันก็จะซื้อด้วยสามจิน”ไม่ทันรอให้หลินซวงพูดจบตาบ้าเซวียนก็พูดเสียงดัง

        “คุณปู่คะก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะเหล้าสามจินวันนี้ก็แค่ประมูลในราคาร้อยห้าสิบห้าล้าน”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆๆแม่หนูเธอบอกว่าประมูลเท่าไหร่นะ”ตาบ้าเซวียนเบิกตาโพล่ง

        “พวกเราเป็นมิตรได้ด้วยเหล้านายท่านเลี้ยงข้าวพวกเราพวกเราเอาเหล้ามาแน่นอนว่าถ้าพูดเรื่องเงินเดี๋ยวจะไม่สนุก”กัวไฮว่ยกมือขึ้นมาหยุดซูเยี่ยที่กำลังจะพูดต่อแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ฮ่าๆไอ้น้องฉันชอบนิสัยเธอมากเลยเรามาพูดเรื่องอักษร…มาพูดเรื่องอักษรของเธอดีกว่า”ตาบ้าเซวียนพูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่เธอเขียนเมื่อกี้’ร้านข้าวคนบ้า’อักษรสี่ตัวนี่ฉันดูออกแค่ว่าคนๆนี้มาจากที่ไหนแค่ตวัดแปรงสองครั้งก็กลับมีเสน่ห์ในแบบตระกูลใหญ่ในสมัยราชวงศ์ถังและเมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันอักษรแบบนี้เกรงว่าปรมาจารย์อวี้เฟิงก็ยากที่จะเอื้อมถึง”ตาบ้าเซวียนส่ายศีรษะพลางพูด

        “ไม่ทราบว่าอาจารย์ของน้องไฮว่มาจากที่ไหนเหรอเมื่อกี้ฉันดูภาพพู่กันที่ตัวเองสะสมเอาไว้ใหม่ตั้งหลายภาพเมื่อเทียบระดับของเธอในตอนนี้กับพวกสมัยราชวงศ์ถังแล้วไม่มีจุดไหนที่เทียบไม่ได้เลย”ตาบ้าเซวียนกล่าวขึ้น

        “เทียบกับพวกราชวงศ์ถังหรือฮ่าๆตาแก่นี่บ้าจริงๆหากพวกนั้นไม่ได้ข้าสั่งสอนพวกเขาจะเขียนอักษรแบบนี้ได้อย่างไรกัน”กัวไฮว่คิดในใจ

        “หลายปีนี้เกินคาดนักไม่อาจเผยชื่ออาจารย์ได้นายท่านเซวียนดูอักษรออกด้วยไม่เลวเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่ติดหน้าประตูของปู่ไม่เลวเลยนะแต่ว่าการจะเข้าไปสังคมที่แท้จริงจะมัวมาเปิดร้านอาหารส่วนตัวในโรงเรียนง่ายๆแบบนี้ก็คงไม่ได้หรอกออกไปข้างนอกเถอะถ้าใช้ชีวิตแบบที่ปู่ใช้หกสิบปีก่อนยี่สิบปีที่เหลืออาจจะประสบความสำเร็จก็ได้”

        “พ่อหนุ่มดูแค่อักษรสี่ตัวที่อยู่ด้านนอกก็มองออกแล้วเหรอว่าชีวิตตอนฉันอายุสิบกว่าปีเป็นยังไง”ครั้งนี้ตาบ้าเซวียนถึงกับอึ้งตะลึงไป

        หกสิบปีก่อนตาแก่เซวียนอายุสิบสามปีทั่วทั้งหมู่บ้านอย่าว่าแต่คนที่อ่านหนังสือเขียนหนังสือเป็นเลยคนที่รู้หนังสือก็มีแค่ไม่กี่คนในครานั้นมีคนชุดนักพรตมาจากนอกหมู่บ้านตาบ้าเซวียนเชิญนักพรตแวะดื่มน้ำและนักพรตพักก็อยู่ที่บ้านของตาบ้าเซวียนอยู่สามวันตอนที่จะจากไปได้ทิ้งต้นฉบับตัวเขียนไว้ให้เล่มหนึ่งความสำเร็จของตาบ้าเซวียนส่วนใหญ่ก็มาจากต้นฉบับตัวเขียนเล่มนั้น

        “‘แรกเริ่มไม่พอภายหลังย่อมต้องเผชิญ’เขียนอักษรได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ“กินเสร็จมาดูหน่อยว่าไปพบปรมาจารย์อวี้เฟิงได้หรือไม่อักษรที่เขาเขียนดูน่าสนใจดีนะ”

        “พ่อหนุ่มมีเรื่องจะขอหน่อยไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือไม่”ตาบ้าเซวียนนิ่งอึ้งไปก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา

        “ถ้าจะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะตอนนี้ผมอยากเป็นแค่นักเรียนฟู่จงฮ่าๆวันแบบนี้ช่างสบายดีแท้ถ้าอวี้เอ๋อร์รู้ว่าผมใช้ชีวิตสบายแบบนี้กลัวว่าจะลงมาด้วยล่ะมั้งฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“นายท่านอย่าคิดอะไรไร้สาระกินเหล้ากินเหล้าดื่มวันนี้เมาวันนี้ไม่แน่นะหลังจากกินเหล้าเสร็จคุณอาจจะเข้าใจอักษรมากขึ้นก็ได้”

 

                                                                ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พวกเราใช้ถ้วยกันเถอะ”ในมือของซูเยี่ยถือถ้วยกระเบื้องที่ไว้ใช้เติมข้าวสองใบจากนั้นก็จัดแจงลงบนโต๊ะ“พี่ไฮว่เติมให้เต็มเติมให้เต็มเลย”

        “เหอะๆเสี่ยวเยี่ยจื่อฉลาดนะฉลาดจริงๆ”กัวไฮว่เติมเหล้าในถ้วยทั้งสองจนเต็มแล้ววางไว้เบื้องหน้าซูเยี่ยถ้วยหนึ่งซูเยี่ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

        “คุณครูหลินชิมสิว่านี่ใช่เหล้าที่หมอนั่นประมูลรึเปล่า”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ“คงไม่ให้เรากินของดีขนาดนั้นหรอกมั้งถ้วยนี่น่าจะประมาณสามเหลี่ยงกว่าๆถ้ายึดตามราคาประมูลน่าจะประมาณสิบห้าล้านหนูไม่กินไม่ได้จริงๆ”

        ครูหลินผงกศีรษะเบาๆหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วจิบไปคำหนึ่ง

        “ไม่ใช่เหล้าในงานประมูลแน่เลย”เมื่อซูเยี่ยเห็นท่าทีที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายของหลินซวงก็พูดขึ้นเบาๆ“พี่ไฮว่เมื่อไหร่พี่จะใจกว้างเอาเหล้าในงานประมูลมาให้เราชิมหน่อยสิถ้าไม่ได้เดี๋ยวฉันให้เงินเอง”

        “กัวไฮว่เหล้านี่เธอเอามาจากไหนครูคิดว่าคงไม่มีเหล้าไหนยิ่งกว่าเหล้าในงานประมูลนั่นแล้วทำไมเหล้านี่ถึงได้อร่อยกว่าขนาดนี้ล่ะเธอให้ครูกินของดีขนาดนี้ต่อไปครูกินอย่างอื่นไม่ได้จะทำไงเธอมันตาบ้าของจริง”หลินซวงพูดเบาๆในดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อล้น

        “แน่นอนว่าของดีก็ต้องเก็บไว้ให้คนของตัวเองสิกินข้าวกินข้าวถ้าพี่หลินอยากกินเหล้ามาหาผมส่วนตัวได้นะหึๆ”กัวไฮว่มองหลินซวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

        “เสี่ยวซีเธอดูตาบ้าของเธอสิไม่รู้ว่าคิดอะไรอีกแล้ว!”ซูเยี่ยพูดแล้วดื่มคำเล็กๆคำหนึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กินเหล้าของตาบ้านี่ในใจก็พลันเต็มไปด้วยความรู้สึกสุขลืมความวุ่นวายทั้งหมดไปได้

        “พ่อหนุ่มพ่อหนุ่มฉันรู้แล้วฉันรู้แล้ว”ชายชราคนเมื่อสักครู่ผลักประตูบุกเข้ามาในหัวสับสนพัลวันพูดขึ้นด้วยเสียงดังลั่น

        “หิวน้ำแทบตายฉันกินน้ำหน่อยนะ”ชายชราหยิบถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ดื่มลงไปทันทีโดยไม่ได้สนใจว่ากัวไฮว่อนุญาตหรือไม่และไม่ได้สนใจว่าข้างในเป็นน้ำหรือเป็นเหล้า

        “นะ…นี่มันอะไรกันอักษรเมื่อกี้ไม่สิที่กินไปเมื่อกี้ไม่สิเด็กๆรบกวนพวกเธอด้วยนะ”ชายชราหมุนกายออกไป“ไม่ใช่ไม่ใช่อย่าพูดให้ฉันซ้ำอีก”

        “ตาปู่บ้าบ้าหรือเปล่าให้หนูช่วยโทรหา120เรียกหมอไหม”ซูเยี่ยมองชายชราแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “พ่อหนุ่มไม่สิเด็กๆฉันชื่อเซวียนจือเฉิงคนอื่นเรียกกันว่าตาบ้าเซวียน”ชายชราพูดเสียงดัง“ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มชื่อว่าอะไรเหรอ”

        “กัวไฮว่”

        “พูดแบบนี้เหนื่อยแย่เลยฉะ…ฉันไปเอาเก้าอี้มาก่อน”ตาบ้าเซวียนพูดแล้ววิ่งออกไปตอนที่กลับมาในมือก็มีม้านั่งแบบเตี้ยหนึ่งตัวและถ้วยกระเบื้องหนึ่งใบ

        “จู้จื่อเอาเมนูจื่อชี่ตงไหลมา”ตาบ้าเซวียนตะโกนเสียงดังไปทางข้างนอก“วันนี้ฉันกินเหล้าพวกเธอไปถ้วยหนึ่งงั้นข้าวมื้อฉันเลี้ยงเอง”

        “คุณปู่เซวียนตำนานคู่หูหนานเจิ้นเป่ยเซวียนเป่ยเซวียนนี่คุณใช่ไหมคะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นยิ้มๆ

        “หนานเจิ้นเป่ยเซวียนอะไรกันฉันแก่ขนาดนี้แล้วการเขียนพู่กันยังไม่พัฒนาไปถึงไหนเลยคนพวกนี้เขาเรียกกันเองทั้งนั้นแหละฉันจะเลิกเขียนแล้วจนถึงตายก็คงเขียนได้ไม่ดีเท่าปรมาจารย์อวี้เฟิงหรอก”ตาบ้าเซวียนถลึงตาพูดขึ้น

        “นายท่านมีอะไรก็บอกมาตรงๆเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆแล้วเติมเหล้าลงในถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้าตาบ้าเซวียน

        “พูดเรื่องเหล้าก่อนค่อยพูดเรื่องอักษร”ตาบ้าเซวียนมองของเหลวอันสุดแสนจะล้ำค่าในถ้วยกระเบื้องแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“น้องไฮว่เธอเปิดราคาเลยไม่รู้ว่าเธอยังมีเหล้านี่อยู่อีกหรือเปล่าขายให้ฉันสักหน่อยได้ไหม”

        เมื่อตาบ้าเซวียนพูดจบสาวๆที่อยู่ข้างๆต่างก็มองไปทางตาบ้าเซวียน

        “มองอะไรฉันให้เงินจริงๆแม่หนูหลินเธอน่าจะรู้จักฉันนะถึงปกติฉันจะเป็นบ้าแต่ว่าคำพูดของตาบ้าเซวียนอย่างฉันน่าเชื่อถือมากนะ”ตาบ้าเซวียนมองหลินซวงแล้วพูดขึ้น

        “คุณปู่คะงานประมูลวันนี้กัวไฮว่มอบเหล้าไปแล้วสามจิน”หลินซวงมองตาบ้าเซวียนแล้วพูดเสียงเบา

        “งั้นก็เอาตามราคาประมูลมาเลยเท่าไหร่ฉันก็จะซื้อด้วยสามจิน”ไม่ทันรอให้หลินซวงพูดจบตาบ้าเซวียนก็พูดเสียงดัง

        “คุณปู่คะก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะเหล้าสามจินวันนี้ก็แค่ประมูลในราคาร้อยห้าสิบห้าล้าน”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆๆแม่หนูเธอบอกว่าประมูลเท่าไหร่นะ”ตาบ้าเซวียนเบิกตาโพล่ง

        “พวกเราเป็นมิตรได้ด้วยเหล้านายท่านเลี้ยงข้าวพวกเราพวกเราเอาเหล้ามาแน่นอนว่าถ้าพูดเรื่องเงินเดี๋ยวจะไม่สนุก”กัวไฮว่ยกมือขึ้นมาหยุดซูเยี่ยที่กำลังจะพูดต่อแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ฮ่าๆไอ้น้องฉันชอบนิสัยเธอมากเลยเรามาพูดเรื่องอักษร…มาพูดเรื่องอักษรของเธอดีกว่า”ตาบ้าเซวียนพูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่เธอเขียนเมื่อกี้’ร้านข้าวคนบ้า’อักษรสี่ตัวนี่ฉันดูออกแค่ว่าคนๆนี้มาจากที่ไหนแค่ตวัดแปรงสองครั้งก็กลับมีเสน่ห์ในแบบตระกูลใหญ่ในสมัยราชวงศ์ถังและเมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันอักษรแบบนี้เกรงว่าปรมาจารย์อวี้เฟิงก็ยากที่จะเอื้อมถึง”ตาบ้าเซวียนส่ายศีรษะพลางพูด

        “ไม่ทราบว่าอาจารย์ของน้องไฮว่มาจากที่ไหนเหรอเมื่อกี้ฉันดูภาพพู่กันที่ตัวเองสะสมเอาไว้ใหม่ตั้งหลายภาพเมื่อเทียบระดับของเธอในตอนนี้กับพวกสมัยราชวงศ์ถังแล้วไม่มีจุดไหนที่เทียบไม่ได้เลย”ตาบ้าเซวียนกล่าวขึ้น

        “เทียบกับพวกราชวงศ์ถังหรือฮ่าๆตาแก่นี่บ้าจริงๆหากพวกนั้นไม่ได้ข้าสั่งสอนพวกเขาจะเขียนอักษรแบบนี้ได้อย่างไรกัน”กัวไฮว่คิดในใจ

        “หลายปีนี้เกินคาดนักไม่อาจเผยชื่ออาจารย์ได้นายท่านเซวียนดูอักษรออกด้วยไม่เลวเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่ติดหน้าประตูของปู่ไม่เลวเลยนะแต่ว่าการจะเข้าไปสังคมที่แท้จริงจะมัวมาเปิดร้านอาหารส่วนตัวในโรงเรียนง่ายๆแบบนี้ก็คงไม่ได้หรอกออกไปข้างนอกเถอะถ้าใช้ชีวิตแบบที่ปู่ใช้หกสิบปีก่อนยี่สิบปีที่เหลืออาจจะประสบความสำเร็จก็ได้”

        “พ่อหนุ่มดูแค่อักษรสี่ตัวที่อยู่ด้านนอกก็มองออกแล้วเหรอว่าชีวิตตอนฉันอายุสิบกว่าปีเป็นยังไง”ครั้งนี้ตาบ้าเซวียนถึงกับอึ้งตะลึงไป

        หกสิบปีก่อนตาแก่เซวียนอายุสิบสามปีทั่วทั้งหมู่บ้านอย่าว่าแต่คนที่อ่านหนังสือเขียนหนังสือเป็นเลยคนที่รู้หนังสือก็มีแค่ไม่กี่คนในครานั้นมีคนชุดนักพรตมาจากนอกหมู่บ้านตาบ้าเซวียนเชิญนักพรตแวะดื่มน้ำและนักพรตพักก็อยู่ที่บ้านของตาบ้าเซวียนอยู่สามวันตอนที่จะจากไปได้ทิ้งต้นฉบับตัวเขียนไว้ให้เล่มหนึ่งความสำเร็จของตาบ้าเซวียนส่วนใหญ่ก็มาจากต้นฉบับตัวเขียนเล่มนั้น

        “‘แรกเริ่มไม่พอภายหลังย่อมต้องเผชิญ’เขียนอักษรได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ“กินเสร็จมาดูหน่อยว่าไปพบปรมาจารย์อวี้เฟิงได้หรือไม่อักษรที่เขาเขียนดูน่าสนใจดีนะ”

        “พ่อหนุ่มมีเรื่องจะขอหน่อยไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือไม่”ตาบ้าเซวียนนิ่งอึ้งไปก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา

        “ถ้าจะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะตอนนี้ผมอยากเป็นแค่นักเรียนฟู่จงฮ่าๆวันแบบนี้ช่างสบายดีแท้ถ้าอวี้เอ๋อร์รู้ว่าผมใช้ชีวิตสบายแบบนี้กลัวว่าจะลงมาด้วยล่ะมั้งฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“นายท่านอย่าคิดอะไรไร้สาระกินเหล้ากินเหล้าดื่มวันนี้เมาวันนี้ไม่แน่นะหลังจากกินเหล้าเสร็จคุณอาจจะเข้าใจอักษรมากขึ้นก็ได้”

 

                                                                ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พวกเราใช้ถ้วยกันเถอะ”ในมือของซูเยี่ยถือถ้วยกระเบื้องที่ไว้ใช้เติมข้าวสองใบจากนั้นก็จัดแจงลงบนโต๊ะ“พี่ไฮว่เติมให้เต็มเติมให้เต็มเลย”

        “เหอะๆเสี่ยวเยี่ยจื่อฉลาดนะฉลาดจริงๆ”กัวไฮว่เติมเหล้าในถ้วยทั้งสองจนเต็มแล้ววางไว้เบื้องหน้าซูเยี่ยถ้วยหนึ่งซูเยี่ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

        “คุณครูหลินชิมสิว่านี่ใช่เหล้าที่หมอนั่นประมูลรึเปล่า”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ“คงไม่ให้เรากินของดีขนาดนั้นหรอกมั้งถ้วยนี่น่าจะประมาณสามเหลี่ยงกว่าๆถ้ายึดตามราคาประมูลน่าจะประมาณสิบห้าล้านหนูไม่กินไม่ได้จริงๆ”

        ครูหลินผงกศีรษะเบาๆหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วจิบไปคำหนึ่ง

        “ไม่ใช่เหล้าในงานประมูลแน่เลย”เมื่อซูเยี่ยเห็นท่าทีที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายของหลินซวงก็พูดขึ้นเบาๆ“พี่ไฮว่เมื่อไหร่พี่จะใจกว้างเอาเหล้าในงานประมูลมาให้เราชิมหน่อยสิถ้าไม่ได้เดี๋ยวฉันให้เงินเอง”

        “กัวไฮว่เหล้านี่เธอเอามาจากไหนครูคิดว่าคงไม่มีเหล้าไหนยิ่งกว่าเหล้าในงานประมูลนั่นแล้วทำไมเหล้านี่ถึงได้อร่อยกว่าขนาดนี้ล่ะเธอให้ครูกินของดีขนาดนี้ต่อไปครูกินอย่างอื่นไม่ได้จะทำไงเธอมันตาบ้าของจริง”หลินซวงพูดเบาๆในดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อล้น

        “แน่นอนว่าของดีก็ต้องเก็บไว้ให้คนของตัวเองสิกินข้าวกินข้าวถ้าพี่หลินอยากกินเหล้ามาหาผมส่วนตัวได้นะหึๆ”กัวไฮว่มองหลินซวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

        “เสี่ยวซีเธอดูตาบ้าของเธอสิไม่รู้ว่าคิดอะไรอีกแล้ว!”ซูเยี่ยพูดแล้วดื่มคำเล็กๆคำหนึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กินเหล้าของตาบ้านี่ในใจก็พลันเต็มไปด้วยความรู้สึกสุขลืมความวุ่นวายทั้งหมดไปได้

        “พ่อหนุ่มพ่อหนุ่มฉันรู้แล้วฉันรู้แล้ว”ชายชราคนเมื่อสักครู่ผลักประตูบุกเข้ามาในหัวสับสนพัลวันพูดขึ้นด้วยเสียงดังลั่น

        “หิวน้ำแทบตายฉันกินน้ำหน่อยนะ”ชายชราหยิบถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ดื่มลงไปทันทีโดยไม่ได้สนใจว่ากัวไฮว่อนุญาตหรือไม่และไม่ได้สนใจว่าข้างในเป็นน้ำหรือเป็นเหล้า

        “นะ…นี่มันอะไรกันอักษรเมื่อกี้ไม่สิที่กินไปเมื่อกี้ไม่สิเด็กๆรบกวนพวกเธอด้วยนะ”ชายชราหมุนกายออกไป“ไม่ใช่ไม่ใช่อย่าพูดให้ฉันซ้ำอีก”

        “ตาปู่บ้าบ้าหรือเปล่าให้หนูช่วยโทรหา120เรียกหมอไหม”ซูเยี่ยมองชายชราแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “พ่อหนุ่มไม่สิเด็กๆฉันชื่อเซวียนจือเฉิงคนอื่นเรียกกันว่าตาบ้าเซวียน”ชายชราพูดเสียงดัง“ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มชื่อว่าอะไรเหรอ”

        “กัวไฮว่”

        “พูดแบบนี้เหนื่อยแย่เลยฉะ…ฉันไปเอาเก้าอี้มาก่อน”ตาบ้าเซวียนพูดแล้ววิ่งออกไปตอนที่กลับมาในมือก็มีม้านั่งแบบเตี้ยหนึ่งตัวและถ้วยกระเบื้องหนึ่งใบ

        “จู้จื่อเอาเมนูจื่อชี่ตงไหลมา”ตาบ้าเซวียนตะโกนเสียงดังไปทางข้างนอก“วันนี้ฉันกินเหล้าพวกเธอไปถ้วยหนึ่งงั้นข้าวมื้อฉันเลี้ยงเอง”

        “คุณปู่เซวียนตำนานคู่หูหนานเจิ้นเป่ยเซวียนเป่ยเซวียนนี่คุณใช่ไหมคะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นยิ้มๆ

        “หนานเจิ้นเป่ยเซวียนอะไรกันฉันแก่ขนาดนี้แล้วการเขียนพู่กันยังไม่พัฒนาไปถึงไหนเลยคนพวกนี้เขาเรียกกันเองทั้งนั้นแหละฉันจะเลิกเขียนแล้วจนถึงตายก็คงเขียนได้ไม่ดีเท่าปรมาจารย์อวี้เฟิงหรอก”ตาบ้าเซวียนถลึงตาพูดขึ้น

        “นายท่านมีอะไรก็บอกมาตรงๆเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆแล้วเติมเหล้าลงในถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้าตาบ้าเซวียน

        “พูดเรื่องเหล้าก่อนค่อยพูดเรื่องอักษร”ตาบ้าเซวียนมองของเหลวอันสุดแสนจะล้ำค่าในถ้วยกระเบื้องแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“น้องไฮว่เธอเปิดราคาเลยไม่รู้ว่าเธอยังมีเหล้านี่อยู่อีกหรือเปล่าขายให้ฉันสักหน่อยได้ไหม”

        เมื่อตาบ้าเซวียนพูดจบสาวๆที่อยู่ข้างๆต่างก็มองไปทางตาบ้าเซวียน

        “มองอะไรฉันให้เงินจริงๆแม่หนูหลินเธอน่าจะรู้จักฉันนะถึงปกติฉันจะเป็นบ้าแต่ว่าคำพูดของตาบ้าเซวียนอย่างฉันน่าเชื่อถือมากนะ”ตาบ้าเซวียนมองหลินซวงแล้วพูดขึ้น

        “คุณปู่คะงานประมูลวันนี้กัวไฮว่มอบเหล้าไปแล้วสามจิน”หลินซวงมองตาบ้าเซวียนแล้วพูดเสียงเบา

        “งั้นก็เอาตามราคาประมูลมาเลยเท่าไหร่ฉันก็จะซื้อด้วยสามจิน”ไม่ทันรอให้หลินซวงพูดจบตาบ้าเซวียนก็พูดเสียงดัง

        “คุณปู่คะก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะเหล้าสามจินวันนี้ก็แค่ประมูลในราคาร้อยห้าสิบห้าล้าน”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆๆแม่หนูเธอบอกว่าประมูลเท่าไหร่นะ”ตาบ้าเซวียนเบิกตาโพล่ง

        “พวกเราเป็นมิตรได้ด้วยเหล้านายท่านเลี้ยงข้าวพวกเราพวกเราเอาเหล้ามาแน่นอนว่าถ้าพูดเรื่องเงินเดี๋ยวจะไม่สนุก”กัวไฮว่ยกมือขึ้นมาหยุดซูเยี่ยที่กำลังจะพูดต่อแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ฮ่าๆไอ้น้องฉันชอบนิสัยเธอมากเลยเรามาพูดเรื่องอักษร…มาพูดเรื่องอักษรของเธอดีกว่า”ตาบ้าเซวียนพูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่เธอเขียนเมื่อกี้’ร้านข้าวคนบ้า’อักษรสี่ตัวนี่ฉันดูออกแค่ว่าคนๆนี้มาจากที่ไหนแค่ตวัดแปรงสองครั้งก็กลับมีเสน่ห์ในแบบตระกูลใหญ่ในสมัยราชวงศ์ถังและเมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันอักษรแบบนี้เกรงว่าปรมาจารย์อวี้เฟิงก็ยากที่จะเอื้อมถึง”ตาบ้าเซวียนส่ายศีรษะพลางพูด

        “ไม่ทราบว่าอาจารย์ของน้องไฮว่มาจากที่ไหนเหรอเมื่อกี้ฉันดูภาพพู่กันที่ตัวเองสะสมเอาไว้ใหม่ตั้งหลายภาพเมื่อเทียบระดับของเธอในตอนนี้กับพวกสมัยราชวงศ์ถังแล้วไม่มีจุดไหนที่เทียบไม่ได้เลย”ตาบ้าเซวียนกล่าวขึ้น

        “เทียบกับพวกราชวงศ์ถังหรือฮ่าๆตาแก่นี่บ้าจริงๆหากพวกนั้นไม่ได้ข้าสั่งสอนพวกเขาจะเขียนอักษรแบบนี้ได้อย่างไรกัน”กัวไฮว่คิดในใจ

        “หลายปีนี้เกินคาดนักไม่อาจเผยชื่ออาจารย์ได้นายท่านเซวียนดูอักษรออกด้วยไม่เลวเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่ติดหน้าประตูของปู่ไม่เลวเลยนะแต่ว่าการจะเข้าไปสังคมที่แท้จริงจะมัวมาเปิดร้านอาหารส่วนตัวในโรงเรียนง่ายๆแบบนี้ก็คงไม่ได้หรอกออกไปข้างนอกเถอะถ้าใช้ชีวิตแบบที่ปู่ใช้หกสิบปีก่อนยี่สิบปีที่เหลืออาจจะประสบความสำเร็จก็ได้”

        “พ่อหนุ่มดูแค่อักษรสี่ตัวที่อยู่ด้านนอกก็มองออกแล้วเหรอว่าชีวิตตอนฉันอายุสิบกว่าปีเป็นยังไง”ครั้งนี้ตาบ้าเซวียนถึงกับอึ้งตะลึงไป

        หกสิบปีก่อนตาแก่เซวียนอายุสิบสามปีทั่วทั้งหมู่บ้านอย่าว่าแต่คนที่อ่านหนังสือเขียนหนังสือเป็นเลยคนที่รู้หนังสือก็มีแค่ไม่กี่คนในครานั้นมีคนชุดนักพรตมาจากนอกหมู่บ้านตาบ้าเซวียนเชิญนักพรตแวะดื่มน้ำและนักพรตพักก็อยู่ที่บ้านของตาบ้าเซวียนอยู่สามวันตอนที่จะจากไปได้ทิ้งต้นฉบับตัวเขียนไว้ให้เล่มหนึ่งความสำเร็จของตาบ้าเซวียนส่วนใหญ่ก็มาจากต้นฉบับตัวเขียนเล่มนั้น

        “‘แรกเริ่มไม่พอภายหลังย่อมต้องเผชิญ’เขียนอักษรได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ“กินเสร็จมาดูหน่อยว่าไปพบปรมาจารย์อวี้เฟิงได้หรือไม่อักษรที่เขาเขียนดูน่าสนใจดีนะ”

        “พ่อหนุ่มมีเรื่องจะขอหน่อยไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือไม่”ตาบ้าเซวียนนิ่งอึ้งไปก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา

        “ถ้าจะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะตอนนี้ผมอยากเป็นแค่นักเรียนฟู่จงฮ่าๆวันแบบนี้ช่างสบายดีแท้ถ้าอวี้เอ๋อร์รู้ว่าผมใช้ชีวิตสบายแบบนี้กลัวว่าจะลงมาด้วยล่ะมั้งฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“นายท่านอย่าคิดอะไรไร้สาระกินเหล้ากินเหล้าดื่มวันนี้เมาวันนี้ไม่แน่นะหลังจากกินเหล้าเสร็จคุณอาจจะเข้าใจอักษรมากขึ้นก็ได้”

 

                                                                ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 27 จะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “พวกเราใช้ถ้วยกันเถอะ”ในมือของซูเยี่ยถือถ้วยกระเบื้องที่ไว้ใช้เติมข้าวสองใบจากนั้นก็จัดแจงลงบนโต๊ะ“พี่ไฮว่เติมให้เต็มเติมให้เต็มเลย”

        “เหอะๆเสี่ยวเยี่ยจื่อฉลาดนะฉลาดจริงๆ”กัวไฮว่เติมเหล้าในถ้วยทั้งสองจนเต็มแล้ววางไว้เบื้องหน้าซูเยี่ยถ้วยหนึ่งซูเยี่ยยิ้มด้วยความพึงพอใจ

        “คุณครูหลินชิมสิว่านี่ใช่เหล้าที่หมอนั่นประมูลรึเปล่า”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ“คงไม่ให้เรากินของดีขนาดนั้นหรอกมั้งถ้วยนี่น่าจะประมาณสามเหลี่ยงกว่าๆถ้ายึดตามราคาประมูลน่าจะประมาณสิบห้าล้านหนูไม่กินไม่ได้จริงๆ”

        ครูหลินผงกศีรษะเบาๆหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาแล้วจิบไปคำหนึ่ง

        “ไม่ใช่เหล้าในงานประมูลแน่เลย”เมื่อซูเยี่ยเห็นท่าทีที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมายของหลินซวงก็พูดขึ้นเบาๆ“พี่ไฮว่เมื่อไหร่พี่จะใจกว้างเอาเหล้าในงานประมูลมาให้เราชิมหน่อยสิถ้าไม่ได้เดี๋ยวฉันให้เงินเอง”

        “กัวไฮว่เหล้านี่เธอเอามาจากไหนครูคิดว่าคงไม่มีเหล้าไหนยิ่งกว่าเหล้าในงานประมูลนั่นแล้วทำไมเหล้านี่ถึงได้อร่อยกว่าขนาดนี้ล่ะเธอให้ครูกินของดีขนาดนี้ต่อไปครูกินอย่างอื่นไม่ได้จะทำไงเธอมันตาบ้าของจริง”หลินซวงพูดเบาๆในดวงตาของเธอมีน้ำตาเอ่อล้น

        “แน่นอนว่าของดีก็ต้องเก็บไว้ให้คนของตัวเองสิกินข้าวกินข้าวถ้าพี่หลินอยากกินเหล้ามาหาผมส่วนตัวได้นะหึๆ”กัวไฮว่มองหลินซวงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม

        “เสี่ยวซีเธอดูตาบ้าของเธอสิไม่รู้ว่าคิดอะไรอีกแล้ว!”ซูเยี่ยพูดแล้วดื่มคำเล็กๆคำหนึ่งไม่ว่าเมื่อไหร่ที่กินเหล้าของตาบ้านี่ในใจก็พลันเต็มไปด้วยความรู้สึกสุขลืมความวุ่นวายทั้งหมดไปได้

        “พ่อหนุ่มพ่อหนุ่มฉันรู้แล้วฉันรู้แล้ว”ชายชราคนเมื่อสักครู่ผลักประตูบุกเข้ามาในหัวสับสนพัลวันพูดขึ้นด้วยเสียงดังลั่น

        “หิวน้ำแทบตายฉันกินน้ำหน่อยนะ”ชายชราหยิบถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้ากัวไฮว่ดื่มลงไปทันทีโดยไม่ได้สนใจว่ากัวไฮว่อนุญาตหรือไม่และไม่ได้สนใจว่าข้างในเป็นน้ำหรือเป็นเหล้า

        “นะ…นี่มันอะไรกันอักษรเมื่อกี้ไม่สิที่กินไปเมื่อกี้ไม่สิเด็กๆรบกวนพวกเธอด้วยนะ”ชายชราหมุนกายออกไป“ไม่ใช่ไม่ใช่อย่าพูดให้ฉันซ้ำอีก”

        “ตาปู่บ้าบ้าหรือเปล่าให้หนูช่วยโทรหา120เรียกหมอไหม”ซูเยี่ยมองชายชราแล้วพูดขึ้นเบาๆ

        “พ่อหนุ่มไม่สิเด็กๆฉันชื่อเซวียนจือเฉิงคนอื่นเรียกกันว่าตาบ้าเซวียน”ชายชราพูดเสียงดัง“ไม่ทราบว่าพ่อหนุ่มชื่อว่าอะไรเหรอ”

        “กัวไฮว่”

        “พูดแบบนี้เหนื่อยแย่เลยฉะ…ฉันไปเอาเก้าอี้มาก่อน”ตาบ้าเซวียนพูดแล้ววิ่งออกไปตอนที่กลับมาในมือก็มีม้านั่งแบบเตี้ยหนึ่งตัวและถ้วยกระเบื้องหนึ่งใบ

        “จู้จื่อเอาเมนูจื่อชี่ตงไหลมา”ตาบ้าเซวียนตะโกนเสียงดังไปทางข้างนอก“วันนี้ฉันกินเหล้าพวกเธอไปถ้วยหนึ่งงั้นข้าวมื้อฉันเลี้ยงเอง”

        “คุณปู่เซวียนตำนานคู่หูหนานเจิ้นเป่ยเซวียนเป่ยเซวียนนี่คุณใช่ไหมคะ”มู่หรงเวยเวยถามขึ้นยิ้มๆ

        “หนานเจิ้นเป่ยเซวียนอะไรกันฉันแก่ขนาดนี้แล้วการเขียนพู่กันยังไม่พัฒนาไปถึงไหนเลยคนพวกนี้เขาเรียกกันเองทั้งนั้นแหละฉันจะเลิกเขียนแล้วจนถึงตายก็คงเขียนได้ไม่ดีเท่าปรมาจารย์อวี้เฟิงหรอก”ตาบ้าเซวียนถลึงตาพูดขึ้น

        “นายท่านมีอะไรก็บอกมาตรงๆเถอะ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆแล้วเติมเหล้าลงในถ้วยกระเบื้องที่อยู่ตรงหน้าตาบ้าเซวียน

        “พูดเรื่องเหล้าก่อนค่อยพูดเรื่องอักษร”ตาบ้าเซวียนมองของเหลวอันสุดแสนจะล้ำค่าในถ้วยกระเบื้องแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ“น้องไฮว่เธอเปิดราคาเลยไม่รู้ว่าเธอยังมีเหล้านี่อยู่อีกหรือเปล่าขายให้ฉันสักหน่อยได้ไหม”

        เมื่อตาบ้าเซวียนพูดจบสาวๆที่อยู่ข้างๆต่างก็มองไปทางตาบ้าเซวียน

        “มองอะไรฉันให้เงินจริงๆแม่หนูหลินเธอน่าจะรู้จักฉันนะถึงปกติฉันจะเป็นบ้าแต่ว่าคำพูดของตาบ้าเซวียนอย่างฉันน่าเชื่อถือมากนะ”ตาบ้าเซวียนมองหลินซวงแล้วพูดขึ้น

        “คุณปู่คะงานประมูลวันนี้กัวไฮว่มอบเหล้าไปแล้วสามจิน”หลินซวงมองตาบ้าเซวียนแล้วพูดเสียงเบา

        “งั้นก็เอาตามราคาประมูลมาเลยเท่าไหร่ฉันก็จะซื้อด้วยสามจิน”ไม่ทันรอให้หลินซวงพูดจบตาบ้าเซวียนก็พูดเสียงดัง

        “คุณปู่คะก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะเหล้าสามจินวันนี้ก็แค่ประมูลในราคาร้อยห้าสิบห้าล้าน”ซูเยี่ยพูดยิ้มๆ

        “แค่กๆๆแม่หนูเธอบอกว่าประมูลเท่าไหร่นะ”ตาบ้าเซวียนเบิกตาโพล่ง

        “พวกเราเป็นมิตรได้ด้วยเหล้านายท่านเลี้ยงข้าวพวกเราพวกเราเอาเหล้ามาแน่นอนว่าถ้าพูดเรื่องเงินเดี๋ยวจะไม่สนุก”กัวไฮว่ยกมือขึ้นมาหยุดซูเยี่ยที่กำลังจะพูดต่อแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

        “ฮ่าๆไอ้น้องฉันชอบนิสัยเธอมากเลยเรามาพูดเรื่องอักษร…มาพูดเรื่องอักษรของเธอดีกว่า”ตาบ้าเซวียนพูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่เธอเขียนเมื่อกี้’ร้านข้าวคนบ้า’อักษรสี่ตัวนี่ฉันดูออกแค่ว่าคนๆนี้มาจากที่ไหนแค่ตวัดแปรงสองครั้งก็กลับมีเสน่ห์ในแบบตระกูลใหญ่ในสมัยราชวงศ์ถังและเมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันอักษรแบบนี้เกรงว่าปรมาจารย์อวี้เฟิงก็ยากที่จะเอื้อมถึง”ตาบ้าเซวียนส่ายศีรษะพลางพูด

        “ไม่ทราบว่าอาจารย์ของน้องไฮว่มาจากที่ไหนเหรอเมื่อกี้ฉันดูภาพพู่กันที่ตัวเองสะสมเอาไว้ใหม่ตั้งหลายภาพเมื่อเทียบระดับของเธอในตอนนี้กับพวกสมัยราชวงศ์ถังแล้วไม่มีจุดไหนที่เทียบไม่ได้เลย”ตาบ้าเซวียนกล่าวขึ้น

        “เทียบกับพวกราชวงศ์ถังหรือฮ่าๆตาแก่นี่บ้าจริงๆหากพวกนั้นไม่ได้ข้าสั่งสอนพวกเขาจะเขียนอักษรแบบนี้ได้อย่างไรกัน”กัวไฮว่คิดในใจ

        “หลายปีนี้เกินคาดนักไม่อาจเผยชื่ออาจารย์ได้นายท่านเซวียนดูอักษรออกด้วยไม่เลวเลย”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“อักษรสี่ตัวที่ติดหน้าประตูของปู่ไม่เลวเลยนะแต่ว่าการจะเข้าไปสังคมที่แท้จริงจะมัวมาเปิดร้านอาหารส่วนตัวในโรงเรียนง่ายๆแบบนี้ก็คงไม่ได้หรอกออกไปข้างนอกเถอะถ้าใช้ชีวิตแบบที่ปู่ใช้หกสิบปีก่อนยี่สิบปีที่เหลืออาจจะประสบความสำเร็จก็ได้”

        “พ่อหนุ่มดูแค่อักษรสี่ตัวที่อยู่ด้านนอกก็มองออกแล้วเหรอว่าชีวิตตอนฉันอายุสิบกว่าปีเป็นยังไง”ครั้งนี้ตาบ้าเซวียนถึงกับอึ้งตะลึงไป

        หกสิบปีก่อนตาแก่เซวียนอายุสิบสามปีทั่วทั้งหมู่บ้านอย่าว่าแต่คนที่อ่านหนังสือเขียนหนังสือเป็นเลยคนที่รู้หนังสือก็มีแค่ไม่กี่คนในครานั้นมีคนชุดนักพรตมาจากนอกหมู่บ้านตาบ้าเซวียนเชิญนักพรตแวะดื่มน้ำและนักพรตพักก็อยู่ที่บ้านของตาบ้าเซวียนอยู่สามวันตอนที่จะจากไปได้ทิ้งต้นฉบับตัวเขียนไว้ให้เล่มหนึ่งความสำเร็จของตาบ้าเซวียนส่วนใหญ่ก็มาจากต้นฉบับตัวเขียนเล่มนั้น

        “‘แรกเริ่มไม่พอภายหลังย่อมต้องเผชิญ’เขียนอักษรได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ”กัวไฮว่พูดขึ้นยิ้มๆ“กินเสร็จมาดูหน่อยว่าไปพบปรมาจารย์อวี้เฟิงได้หรือไม่อักษรที่เขาเขียนดูน่าสนใจดีนะ”

        “พ่อหนุ่มมีเรื่องจะขอหน่อยไม่รู้ว่าจะพูดได้หรือไม่”ตาบ้าเซวียนนิ่งอึ้งไปก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเบา

        “ถ้าจะกราบเป็นอาจารย์ก็ช่างเถอะตอนนี้ผมอยากเป็นแค่นักเรียนฟู่จงฮ่าๆวันแบบนี้ช่างสบายดีแท้ถ้าอวี้เอ๋อร์รู้ว่าผมใช้ชีวิตสบายแบบนี้กลัวว่าจะลงมาด้วยล่ะมั้งฮ่าๆ”กัวไฮว่พูดยิ้มๆ“นายท่านอย่าคิดอะไรไร้สาระกินเหล้ากินเหล้าดื่มวันนี้เมาวันนี้ไม่แน่นะหลังจากกินเหล้าเสร็จคุณอาจจะเข้าใจอักษรมากขึ้นก็ได้”

 

                                                                ————————

                                 อ่านเร็วก่อนใคร ไม่พลาดทุกการอัปเดตนิยายได้ที่เว็บ Kawebook ^^

                                                  https://www.kawebook.com/story/6815

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+