[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 77 ชีวิตในอดีต

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 77 ชีวิตในอดีต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เสี่ยวหลิงโม่ จำไว้นะ ทันทีที่รู้สึกว่ามีพลังวิเศษให้กดเอาไว้ ให้อดกลั้น ระวังเข้าล่ะ” กัวไฮว่มองหลิงโม่พลางพูดเบาๆ ตอนนี้เองหลิงโม่เพิ่งจะสัมผัสได้ว่าเรื่องมันชักจะรุนแรงขึ้น จึงพยักหน้าเบาๆ

        เธอไม่ได้ชนะซย่าโหวเทียนนั่น เธอทำได้เพียงควบคุมกาลและพลังวิเศษง่ายๆ อื่นๆ อีกนิดหน่อย จากศักยภาพของเธอแล้ว ขั้นสุดที่จะทำได้ก็คือจัดการผู้มีพลังวิเศษที่อยู่ในช่วงก่อนเซียนเทียน และแน่นอนว่าซย่าโหวเทียนเก่งกว่าเธอมาก

        “พลังวิเศษแบ่งออกเป็นหลายประเภท บางคนมีพลังวิเศษเสริม บางคนมีพลังวิเศษโจมตี พวกนี้คือสิ่งที่สวรรค์ประทานให้พวกเธอ ทำให้พวกเธอไม่เหมือนกับคนธรรมดา” หนานกงหลิงโม่ยังจำคำพูดที่ชายชราท่านหนึ่งสอนหลังจากที่เธอไปลงทะเบียนผู้มีพลังวิเศษได้

        “ผู้มีพลังวิเศษจัดการคนธรรมดาน่ะง่าย แต่ถ้าเจอกับผู้บำเพ็ญเพียรเข้า ทันทีที่ผู้บำเพ็ญถึงขั้นเขตแดนเซียนเทียน พลังวิเศษก็ไม่อาจเอาชนะผู้บำเพ็ญได้ ยายหนู เธอเป็นผู้มีพลังวิเศษควบคุมกาล ต่อไปถ้าเธอเจอกับผู้บำเพ็ญช่วงก่อนเซียนเทียน เธอสามารถจู่โจมเอาชนะตอนเขาเผลอได้ แต่ถ้าเจอกับยอดฝีมือช่วงระหว่างเซียนเทียนหรือช่วงหลังเซียนเทียน ทางที่ดีก็เตรียมเผ่นดีกว่า” ชายชราพูดยิ้มๆ

        “มีอีกอย่างที่เธอต้องพึงจำไว้ให้ดี ระหว่างผู้มีพลังวิเศษด้วยกันจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิเศษของอีกฝ่าย ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายกาย อย่าไปหาเรื่องผู้มีพลังวิเศษคนนั้นเด็ดขาด ถ้าไม่สบายกายแปลว่าพลังวิเศษเขาแกร่งกว่าเธอ ส่วนใหญ่แล้วผู้มีพลังวิเศษมักจะตายตอนต่อสู้กันเอง” หนานกงหลิงโม่จำคำของชายชราได้ทุกคำ นับตั้งแต่เธอตื่นรู้ในพลังวิเศษมาถึงปัจจุบัน เธอก็อ่อนน้อมมาตลอด

        “พี่ไฮว่ ฉันสัมผัสพลังวิเศษของซย่าโหวเทียนนั่นไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ ศักยภาพของเขาไม่อ่อนด้อยเลย พี่ต้องระวังให้มากๆ นะ” หนานกงหลิงโม่มองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ

        “เข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ถ้ามันมีพลังวิเศษ ฉันจะทำให้มันเสียใจเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        การแข่งขันรอบที่สองง่ายกว่ารอบแรกไม่น้อย เป็นการตอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่มีใครยอมแพ้กัน หกคนแรกต่างก็ตอบคำถามของตนเองได้อย่างถูกต้อง

        “ขอแสดงความยินดีกับหนานกงหลิงโม่ที่ตอบคำถามได้ถูกทุกข้อด้วยค่ะ” ซย่าโหวเทียนตอบคำถามของตนเองได้อย่างราบลื่น และยังเป็นคำถามข้อสุดท้ายของสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ทั้งสนามเหลือเพียงแค่กัวไฮว่เท่านั้นที่ยังเหลือข้อนึง

        “กัวไฮว่ มองจอใหญ่หน่อยสิ ช่วยบอกชื่อร้อยแปดผู้กล้าในซ้องกั๋งด้วยค่ะ” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ

        “ดาวสวรรค์อันดับหนึ่ง ซ่งเจียง ฉายาฝนทันใจ ดาวสวรรค์อันดับสอง หลู่จุ้นอี้ ฉายากิเลนหยก ดาวสวรรค์อันดับสาม อู๋ย่ง ฉายาเจ้าปัญญา ดาวสวรรค์อันดับสี่ กงซุนเซิ่ง ฉายามังกรต้นม่านเมฆ ดาวสวรรค์อันดับห้า กวนเซิ่ง ฉายาง้าวใหญ่ ดาวสวรรค์อันดับหกหลินชง ฉายาหัวเสือดาว ดาวสวรรค์อันดับเจ็ด ฉินหมิง ฉายาอัสนีคะนอง ดาวสวรรค์อันดับแปด ฮูเหยียนจั๋ว ฉายาแส้คู่…” กัวไฮว่มองกรรมการพลางพูดเสียงดังฟังชัด

        “จบแล้ว ฟู่จงได้ที่หนึ่งแน่ๆ คำถามแบบนี้ไม่ยากสำหรับกัวไฮว่หรอก” นักเรียนโรงเรียนจิ่วจงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเศร้าๆ

        “เหล่าเฉา แกฟังชื่อร้อยแปดผู้กล้าให้ดีนะ ถ้ากัวไฮว่ตอบตรงไหนไม่ถูก แกต้องรีบออกมาเตือนนะ” หลี่สวินอวี้พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ

        “คิดไม่ถึงเลยว่าสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนจะรั้งไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่งไม่ได้” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดยิ้มๆ ด้วยความจนใจ

        “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่ง” ซย่าโหวเทียนพูดเบาๆ สายตาของเขาตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง สถานการณ์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้นแล้ว

        “ท่านพี่ พวกเราจะถูกสัตว์ประหลาดกินจริงๆ หรือ” เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบมองพี่สาวที่อายุมากกว่าตนหนึ่งปีแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “กวนเป่า ชีวิตก็เช่นนี้แหละ ทำอะไรไม่ได้” เด็กสาวมีชื่อว่าอีเชิ่งจิน เด็กชายมีชื่อว่าเฉินกวนเป่า หรือก็คือเด็กสองคนที่ถูกชาวหมู่บ้านเฉินที่แม่น้ำทงเทียนส่งไปบูชายัญที่ศาลเจ้าปีศาจปลา[1]

        “ข้าจะยังตายไม่ได้ ข้าต้องกลับบ้าน ข้าไม่อยากถูกสัตว์ประหลาดกิน” เฉินกวนเป่าตะโกนร้องไห้เสียงดังลั่น ในขณะนั้นเอง ก็มีผู้ชายที่มีหน้าฟ้าฟาด[2] และภิกษุรูปหนึ่งปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของตน คนผู้นั้นก็คือมหาเทพซุนหงอคงในครานั้นนั่นเอง

        “เจ้าโง่ เจ้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้หญิง ข้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้ชาย แล้วเดี๋ยวเราไปเจอปีศาจปลากัน” ซุนหงอคงอุ้มเฉินกวนเป่าลงจากแท่นบูชาแล้วพูดยิ้มๆ

        “เจ้าหนู ครั้งนี้ท่านเทพกวนเซิ่งไม่ได้ปกป้องเจ้า หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องชื่อกวนเป่าแล้ว ชื่อว่าเฉินชิ่งหยวนเถอะ แปลว่ายินดีที่เจ้าได้ชีวิตใหม่ ไปกันเถอะ” ซุนหงอคงพูดพลางพาเฉินกวนเป่าออกจากศาลเจ้าปีศาจปลา

        “นะ…นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมในเบื้องลึกจิตใจแกถึงเป็นความฝันแบบนี้ ซุนหงอคง เป็นไปได้ยังไงกัน แกเป็นใครกันแน่” ตอนที่ซย่าโหวเทียนพากัวไฮว่เข้าไปสู่ความฝัน เขาก็ได้เห็นซุนหงอคง ทั้งยังมีตือโป๊ยก่าย คนที่อ่านไซอิ๋วจนคุ้นอย่างซย่าโหวเทียนทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ศาลเจ้าปีศาจปลานี่ ไม่ใช่สถานที่ตรงแม่น้ำเทียนทงที่พระถังซำจั๋งกับศิษย์ทั้งห้าผ่านไปหรอกหรือ

        “ความฝัน พาฉันไปยังความฝันจริงเสียด้วย ทว่าศักยภาพของแกอ่อนด้อยไปหน่อยนะ แม้พลังเซียนของฉันในตอนนี้จะไม่อาจต้านช่วงกาลความฝันทั้งหมดนี้ได้ แต่ก็พอจะจัดการแกได้แล้วกัน” ในเวลาเดียวกันนั่นเอง กัวไฮว่ก็ค่อยๆ เดินออกมา ในมือเขาจูงเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้ เขาคือเฉินกวนเป่า ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเฉินชิ่งหยวน หรือก็คือตนเองในครั้งก่อน

        “ข้ามมิติ…แกข้ามมิติมาจากที่อื่น ในเมื่อข้ามช่วงกาลมาได้ งั้นไซอิ๋วก็เป็นเรื่องจริงสิ เป็นไปได้ยังไงกัน”

        “ไม่อยากดูสถานการณ์ข้างนอกหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดพลางโบกมือ จากนั้นสถานการณ์ในหอประชุมก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตนเอง

        “ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเจ็ด หลี่อวิ๋น ฉายาเสือตาโศก ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบแปด เจียวถิง ฉายาไร้หน้า ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเก้า สือหย่ง ฉายาแม่ทัพโย่ว ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อย ซุนซิน ฉายาวิชัยน้อย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหนึ่ง กู้ต้าเส่า ฉายาแม่นางเสือ ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสอง จางชิง ฉายาลูกบ้านดอน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสาม ซุนเอ้อร์เหนียง ฉายานางแม่มด ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสี่ หวังติ้งลิ่ว ฉายาฟากฟ้าผ่า ดาวสวรรค์อันดับหนี่งร้อยห้า อวี้เป่าซื่อ ฉายาเทพทางอันตราย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหก ไป๋เซิ่ง ฉายาหนูกลางวัน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยเจ็ด ฉือเชียน ฉายาหมัดบนหนังกลอง ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยแปด ต้วนจิ่งจู้ ฉายาสุนัขขนทอง…ร้อยแปดผู้กล้า กรรมการทุกท่าน ไม่ผิดเลยใช่ไหมครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันนี่นา ทำไมถึงยังยืนตอบคำถามอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ” ซย่าโหวเทียนถามขึ้นด้วยความงงงวย

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันจริง แต่แกก็เข้ามาในช่วงกาลของฉันเหมือนกัน แกเล่นตลกกับฉัน ฉันก็เล่นตลกกับแก ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะ

        “แกคือเฉินกวนเป่าที่ซุนหงอคงช่วยไว้เมื่อครั้งนั้นเหรอ” ซย่าโหวเทียนถามซ้ำอีกครั้ง

        “ใช่ ฉันก็คือเด็กชายที่ท่านมหาเทพช่วยเอาไว้ที่หมู่บ้านเฉินเมื่อคราวนั้น ต่อมาก็เป็นเทพแห่งจิตบนสรวงสวรรค์” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ปล่อยฉัน ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ฉันทำผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ” ความมั่นใจของซย่าโหวเทียนถูกทำให้แตกหักไม่เหลือชิ้นดี ในฐานะผู้มีพลังวิเศษ เขาสามารถวางตัวเหนือคนอื่นได้ ถึงขนาดที่ว่ากฎของหัวซย่ายังไม่อาจจัดการอะไรพวกเขาได้ พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ตามใจอยาก แต่ครั้งนี้เขาพลาดไป เขาเจอกับกัวไฮว่ เทพผู้ถูกเนรเทศจากสรวงสวรรค์

        “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเอาทุกอย่างมาบอกแก” กัวไฮว่มองซย่าโหวเทียนแล้วพูดยิ้มๆ “บนโลกใบนี้ รวมนายแล้วก็มีสองคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของฉัน คนคนนั้นมาจากที่เดียวกันกับฉัน แล้วก็แก ฉันไม่ฆ่าแกหรอก แต่ในเมื่อแกมีจิตสังหารฉันก่อน ฉันก็ไม่ปล่อยแกไปแน่”

        “กุศล ใช่ แกฆ่าฉันไม่ได้ เซียนอย่างพวกแกต้องสะสมกุศล สะสมกุศลครบแล้วจึงจะกลับไปยังสวรรค์ได้ จริงไหมล่ะ” ซย่าโหวเทียนตะโกนเสียงดังลั่นราวกับกุมฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้

        “ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม ทำสิ่งไหนย่อมได้สิ่งนั้น” กัวไฮว่พูดเบาๆ “จำไว้นะ ชาติหน้าให้เกิดมาเป็นคนธรรมดา” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนที่เอาแต่มองกัวไฮว่อยู่ตลอด ก็ล้มคะมำไปข้างหลังอย่างรุนแรง จากนั้นทั้งหอประชุมก็โกลาหลขึ้นอีกครั้ง

         

[1] หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าหลิงก่านต้าหวัง

[2] ในที่นี้หมายถึงซุนหงอคง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 77 ชีวิตในอดีต

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 77 ชีวิตในอดีต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เสี่ยวหลิงโม่ จำไว้นะ ทันทีที่รู้สึกว่ามีพลังวิเศษให้กดเอาไว้ ให้อดกลั้น ระวังเข้าล่ะ” กัวไฮว่มองหลิงโม่พลางพูดเบาๆ ตอนนี้เองหลิงโม่เพิ่งจะสัมผัสได้ว่าเรื่องมันชักจะรุนแรงขึ้น จึงพยักหน้าเบาๆ

        เธอไม่ได้ชนะซย่าโหวเทียนนั่น เธอทำได้เพียงควบคุมกาลและพลังวิเศษง่ายๆ อื่นๆ อีกนิดหน่อย จากศักยภาพของเธอแล้ว ขั้นสุดที่จะทำได้ก็คือจัดการผู้มีพลังวิเศษที่อยู่ในช่วงก่อนเซียนเทียน และแน่นอนว่าซย่าโหวเทียนเก่งกว่าเธอมาก

        “พลังวิเศษแบ่งออกเป็นหลายประเภท บางคนมีพลังวิเศษเสริม บางคนมีพลังวิเศษโจมตี พวกนี้คือสิ่งที่สวรรค์ประทานให้พวกเธอ ทำให้พวกเธอไม่เหมือนกับคนธรรมดา” หนานกงหลิงโม่ยังจำคำพูดที่ชายชราท่านหนึ่งสอนหลังจากที่เธอไปลงทะเบียนผู้มีพลังวิเศษได้

        “ผู้มีพลังวิเศษจัดการคนธรรมดาน่ะง่าย แต่ถ้าเจอกับผู้บำเพ็ญเพียรเข้า ทันทีที่ผู้บำเพ็ญถึงขั้นเขตแดนเซียนเทียน พลังวิเศษก็ไม่อาจเอาชนะผู้บำเพ็ญได้ ยายหนู เธอเป็นผู้มีพลังวิเศษควบคุมกาล ต่อไปถ้าเธอเจอกับผู้บำเพ็ญช่วงก่อนเซียนเทียน เธอสามารถจู่โจมเอาชนะตอนเขาเผลอได้ แต่ถ้าเจอกับยอดฝีมือช่วงระหว่างเซียนเทียนหรือช่วงหลังเซียนเทียน ทางที่ดีก็เตรียมเผ่นดีกว่า” ชายชราพูดยิ้มๆ

        “มีอีกอย่างที่เธอต้องพึงจำไว้ให้ดี ระหว่างผู้มีพลังวิเศษด้วยกันจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิเศษของอีกฝ่าย ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายกาย อย่าไปหาเรื่องผู้มีพลังวิเศษคนนั้นเด็ดขาด ถ้าไม่สบายกายแปลว่าพลังวิเศษเขาแกร่งกว่าเธอ ส่วนใหญ่แล้วผู้มีพลังวิเศษมักจะตายตอนต่อสู้กันเอง” หนานกงหลิงโม่จำคำของชายชราได้ทุกคำ นับตั้งแต่เธอตื่นรู้ในพลังวิเศษมาถึงปัจจุบัน เธอก็อ่อนน้อมมาตลอด

        “พี่ไฮว่ ฉันสัมผัสพลังวิเศษของซย่าโหวเทียนนั่นไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ ศักยภาพของเขาไม่อ่อนด้อยเลย พี่ต้องระวังให้มากๆ นะ” หนานกงหลิงโม่มองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ

        “เข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ถ้ามันมีพลังวิเศษ ฉันจะทำให้มันเสียใจเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        การแข่งขันรอบที่สองง่ายกว่ารอบแรกไม่น้อย เป็นการตอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่มีใครยอมแพ้กัน หกคนแรกต่างก็ตอบคำถามของตนเองได้อย่างถูกต้อง

        “ขอแสดงความยินดีกับหนานกงหลิงโม่ที่ตอบคำถามได้ถูกทุกข้อด้วยค่ะ” ซย่าโหวเทียนตอบคำถามของตนเองได้อย่างราบลื่น และยังเป็นคำถามข้อสุดท้ายของสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ทั้งสนามเหลือเพียงแค่กัวไฮว่เท่านั้นที่ยังเหลือข้อนึง

        “กัวไฮว่ มองจอใหญ่หน่อยสิ ช่วยบอกชื่อร้อยแปดผู้กล้าในซ้องกั๋งด้วยค่ะ” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ

        “ดาวสวรรค์อันดับหนึ่ง ซ่งเจียง ฉายาฝนทันใจ ดาวสวรรค์อันดับสอง หลู่จุ้นอี้ ฉายากิเลนหยก ดาวสวรรค์อันดับสาม อู๋ย่ง ฉายาเจ้าปัญญา ดาวสวรรค์อันดับสี่ กงซุนเซิ่ง ฉายามังกรต้นม่านเมฆ ดาวสวรรค์อันดับห้า กวนเซิ่ง ฉายาง้าวใหญ่ ดาวสวรรค์อันดับหกหลินชง ฉายาหัวเสือดาว ดาวสวรรค์อันดับเจ็ด ฉินหมิง ฉายาอัสนีคะนอง ดาวสวรรค์อันดับแปด ฮูเหยียนจั๋ว ฉายาแส้คู่…” กัวไฮว่มองกรรมการพลางพูดเสียงดังฟังชัด

        “จบแล้ว ฟู่จงได้ที่หนึ่งแน่ๆ คำถามแบบนี้ไม่ยากสำหรับกัวไฮว่หรอก” นักเรียนโรงเรียนจิ่วจงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเศร้าๆ

        “เหล่าเฉา แกฟังชื่อร้อยแปดผู้กล้าให้ดีนะ ถ้ากัวไฮว่ตอบตรงไหนไม่ถูก แกต้องรีบออกมาเตือนนะ” หลี่สวินอวี้พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ

        “คิดไม่ถึงเลยว่าสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนจะรั้งไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่งไม่ได้” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดยิ้มๆ ด้วยความจนใจ

        “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่ง” ซย่าโหวเทียนพูดเบาๆ สายตาของเขาตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง สถานการณ์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้นแล้ว

        “ท่านพี่ พวกเราจะถูกสัตว์ประหลาดกินจริงๆ หรือ” เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบมองพี่สาวที่อายุมากกว่าตนหนึ่งปีแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “กวนเป่า ชีวิตก็เช่นนี้แหละ ทำอะไรไม่ได้” เด็กสาวมีชื่อว่าอีเชิ่งจิน เด็กชายมีชื่อว่าเฉินกวนเป่า หรือก็คือเด็กสองคนที่ถูกชาวหมู่บ้านเฉินที่แม่น้ำทงเทียนส่งไปบูชายัญที่ศาลเจ้าปีศาจปลา[1]

        “ข้าจะยังตายไม่ได้ ข้าต้องกลับบ้าน ข้าไม่อยากถูกสัตว์ประหลาดกิน” เฉินกวนเป่าตะโกนร้องไห้เสียงดังลั่น ในขณะนั้นเอง ก็มีผู้ชายที่มีหน้าฟ้าฟาด[2] และภิกษุรูปหนึ่งปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของตน คนผู้นั้นก็คือมหาเทพซุนหงอคงในครานั้นนั่นเอง

        “เจ้าโง่ เจ้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้หญิง ข้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้ชาย แล้วเดี๋ยวเราไปเจอปีศาจปลากัน” ซุนหงอคงอุ้มเฉินกวนเป่าลงจากแท่นบูชาแล้วพูดยิ้มๆ

        “เจ้าหนู ครั้งนี้ท่านเทพกวนเซิ่งไม่ได้ปกป้องเจ้า หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องชื่อกวนเป่าแล้ว ชื่อว่าเฉินชิ่งหยวนเถอะ แปลว่ายินดีที่เจ้าได้ชีวิตใหม่ ไปกันเถอะ” ซุนหงอคงพูดพลางพาเฉินกวนเป่าออกจากศาลเจ้าปีศาจปลา

        “นะ…นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมในเบื้องลึกจิตใจแกถึงเป็นความฝันแบบนี้ ซุนหงอคง เป็นไปได้ยังไงกัน แกเป็นใครกันแน่” ตอนที่ซย่าโหวเทียนพากัวไฮว่เข้าไปสู่ความฝัน เขาก็ได้เห็นซุนหงอคง ทั้งยังมีตือโป๊ยก่าย คนที่อ่านไซอิ๋วจนคุ้นอย่างซย่าโหวเทียนทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ศาลเจ้าปีศาจปลานี่ ไม่ใช่สถานที่ตรงแม่น้ำเทียนทงที่พระถังซำจั๋งกับศิษย์ทั้งห้าผ่านไปหรอกหรือ

        “ความฝัน พาฉันไปยังความฝันจริงเสียด้วย ทว่าศักยภาพของแกอ่อนด้อยไปหน่อยนะ แม้พลังเซียนของฉันในตอนนี้จะไม่อาจต้านช่วงกาลความฝันทั้งหมดนี้ได้ แต่ก็พอจะจัดการแกได้แล้วกัน” ในเวลาเดียวกันนั่นเอง กัวไฮว่ก็ค่อยๆ เดินออกมา ในมือเขาจูงเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้ เขาคือเฉินกวนเป่า ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเฉินชิ่งหยวน หรือก็คือตนเองในครั้งก่อน

        “ข้ามมิติ…แกข้ามมิติมาจากที่อื่น ในเมื่อข้ามช่วงกาลมาได้ งั้นไซอิ๋วก็เป็นเรื่องจริงสิ เป็นไปได้ยังไงกัน”

        “ไม่อยากดูสถานการณ์ข้างนอกหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดพลางโบกมือ จากนั้นสถานการณ์ในหอประชุมก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตนเอง

        “ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเจ็ด หลี่อวิ๋น ฉายาเสือตาโศก ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบแปด เจียวถิง ฉายาไร้หน้า ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเก้า สือหย่ง ฉายาแม่ทัพโย่ว ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อย ซุนซิน ฉายาวิชัยน้อย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหนึ่ง กู้ต้าเส่า ฉายาแม่นางเสือ ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสอง จางชิง ฉายาลูกบ้านดอน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสาม ซุนเอ้อร์เหนียง ฉายานางแม่มด ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสี่ หวังติ้งลิ่ว ฉายาฟากฟ้าผ่า ดาวสวรรค์อันดับหนี่งร้อยห้า อวี้เป่าซื่อ ฉายาเทพทางอันตราย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหก ไป๋เซิ่ง ฉายาหนูกลางวัน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยเจ็ด ฉือเชียน ฉายาหมัดบนหนังกลอง ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยแปด ต้วนจิ่งจู้ ฉายาสุนัขขนทอง…ร้อยแปดผู้กล้า กรรมการทุกท่าน ไม่ผิดเลยใช่ไหมครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันนี่นา ทำไมถึงยังยืนตอบคำถามอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ” ซย่าโหวเทียนถามขึ้นด้วยความงงงวย

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันจริง แต่แกก็เข้ามาในช่วงกาลของฉันเหมือนกัน แกเล่นตลกกับฉัน ฉันก็เล่นตลกกับแก ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะ

        “แกคือเฉินกวนเป่าที่ซุนหงอคงช่วยไว้เมื่อครั้งนั้นเหรอ” ซย่าโหวเทียนถามซ้ำอีกครั้ง

        “ใช่ ฉันก็คือเด็กชายที่ท่านมหาเทพช่วยเอาไว้ที่หมู่บ้านเฉินเมื่อคราวนั้น ต่อมาก็เป็นเทพแห่งจิตบนสรวงสวรรค์” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ปล่อยฉัน ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ฉันทำผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ” ความมั่นใจของซย่าโหวเทียนถูกทำให้แตกหักไม่เหลือชิ้นดี ในฐานะผู้มีพลังวิเศษ เขาสามารถวางตัวเหนือคนอื่นได้ ถึงขนาดที่ว่ากฎของหัวซย่ายังไม่อาจจัดการอะไรพวกเขาได้ พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ตามใจอยาก แต่ครั้งนี้เขาพลาดไป เขาเจอกับกัวไฮว่ เทพผู้ถูกเนรเทศจากสรวงสวรรค์

        “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเอาทุกอย่างมาบอกแก” กัวไฮว่มองซย่าโหวเทียนแล้วพูดยิ้มๆ “บนโลกใบนี้ รวมนายแล้วก็มีสองคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของฉัน คนคนนั้นมาจากที่เดียวกันกับฉัน แล้วก็แก ฉันไม่ฆ่าแกหรอก แต่ในเมื่อแกมีจิตสังหารฉันก่อน ฉันก็ไม่ปล่อยแกไปแน่”

        “กุศล ใช่ แกฆ่าฉันไม่ได้ เซียนอย่างพวกแกต้องสะสมกุศล สะสมกุศลครบแล้วจึงจะกลับไปยังสวรรค์ได้ จริงไหมล่ะ” ซย่าโหวเทียนตะโกนเสียงดังลั่นราวกับกุมฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้

        “ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม ทำสิ่งไหนย่อมได้สิ่งนั้น” กัวไฮว่พูดเบาๆ “จำไว้นะ ชาติหน้าให้เกิดมาเป็นคนธรรมดา” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนที่เอาแต่มองกัวไฮว่อยู่ตลอด ก็ล้มคะมำไปข้างหลังอย่างรุนแรง จากนั้นทั้งหอประชุมก็โกลาหลขึ้นอีกครั้ง

         

[1] หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าหลิงก่านต้าหวัง

[2] ในที่นี้หมายถึงซุนหงอคง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 77 ชีวิตในอดีต

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 77 ชีวิตในอดีต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เสี่ยวหลิงโม่ จำไว้นะ ทันทีที่รู้สึกว่ามีพลังวิเศษให้กดเอาไว้ ให้อดกลั้น ระวังเข้าล่ะ” กัวไฮว่มองหลิงโม่พลางพูดเบาๆ ตอนนี้เองหลิงโม่เพิ่งจะสัมผัสได้ว่าเรื่องมันชักจะรุนแรงขึ้น จึงพยักหน้าเบาๆ

        เธอไม่ได้ชนะซย่าโหวเทียนนั่น เธอทำได้เพียงควบคุมกาลและพลังวิเศษง่ายๆ อื่นๆ อีกนิดหน่อย จากศักยภาพของเธอแล้ว ขั้นสุดที่จะทำได้ก็คือจัดการผู้มีพลังวิเศษที่อยู่ในช่วงก่อนเซียนเทียน และแน่นอนว่าซย่าโหวเทียนเก่งกว่าเธอมาก

        “พลังวิเศษแบ่งออกเป็นหลายประเภท บางคนมีพลังวิเศษเสริม บางคนมีพลังวิเศษโจมตี พวกนี้คือสิ่งที่สวรรค์ประทานให้พวกเธอ ทำให้พวกเธอไม่เหมือนกับคนธรรมดา” หนานกงหลิงโม่ยังจำคำพูดที่ชายชราท่านหนึ่งสอนหลังจากที่เธอไปลงทะเบียนผู้มีพลังวิเศษได้

        “ผู้มีพลังวิเศษจัดการคนธรรมดาน่ะง่าย แต่ถ้าเจอกับผู้บำเพ็ญเพียรเข้า ทันทีที่ผู้บำเพ็ญถึงขั้นเขตแดนเซียนเทียน พลังวิเศษก็ไม่อาจเอาชนะผู้บำเพ็ญได้ ยายหนู เธอเป็นผู้มีพลังวิเศษควบคุมกาล ต่อไปถ้าเธอเจอกับผู้บำเพ็ญช่วงก่อนเซียนเทียน เธอสามารถจู่โจมเอาชนะตอนเขาเผลอได้ แต่ถ้าเจอกับยอดฝีมือช่วงระหว่างเซียนเทียนหรือช่วงหลังเซียนเทียน ทางที่ดีก็เตรียมเผ่นดีกว่า” ชายชราพูดยิ้มๆ

        “มีอีกอย่างที่เธอต้องพึงจำไว้ให้ดี ระหว่างผู้มีพลังวิเศษด้วยกันจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิเศษของอีกฝ่าย ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายกาย อย่าไปหาเรื่องผู้มีพลังวิเศษคนนั้นเด็ดขาด ถ้าไม่สบายกายแปลว่าพลังวิเศษเขาแกร่งกว่าเธอ ส่วนใหญ่แล้วผู้มีพลังวิเศษมักจะตายตอนต่อสู้กันเอง” หนานกงหลิงโม่จำคำของชายชราได้ทุกคำ นับตั้งแต่เธอตื่นรู้ในพลังวิเศษมาถึงปัจจุบัน เธอก็อ่อนน้อมมาตลอด

        “พี่ไฮว่ ฉันสัมผัสพลังวิเศษของซย่าโหวเทียนนั่นไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ ศักยภาพของเขาไม่อ่อนด้อยเลย พี่ต้องระวังให้มากๆ นะ” หนานกงหลิงโม่มองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ

        “เข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ถ้ามันมีพลังวิเศษ ฉันจะทำให้มันเสียใจเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        การแข่งขันรอบที่สองง่ายกว่ารอบแรกไม่น้อย เป็นการตอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่มีใครยอมแพ้กัน หกคนแรกต่างก็ตอบคำถามของตนเองได้อย่างถูกต้อง

        “ขอแสดงความยินดีกับหนานกงหลิงโม่ที่ตอบคำถามได้ถูกทุกข้อด้วยค่ะ” ซย่าโหวเทียนตอบคำถามของตนเองได้อย่างราบลื่น และยังเป็นคำถามข้อสุดท้ายของสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ทั้งสนามเหลือเพียงแค่กัวไฮว่เท่านั้นที่ยังเหลือข้อนึง

        “กัวไฮว่ มองจอใหญ่หน่อยสิ ช่วยบอกชื่อร้อยแปดผู้กล้าในซ้องกั๋งด้วยค่ะ” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ

        “ดาวสวรรค์อันดับหนึ่ง ซ่งเจียง ฉายาฝนทันใจ ดาวสวรรค์อันดับสอง หลู่จุ้นอี้ ฉายากิเลนหยก ดาวสวรรค์อันดับสาม อู๋ย่ง ฉายาเจ้าปัญญา ดาวสวรรค์อันดับสี่ กงซุนเซิ่ง ฉายามังกรต้นม่านเมฆ ดาวสวรรค์อันดับห้า กวนเซิ่ง ฉายาง้าวใหญ่ ดาวสวรรค์อันดับหกหลินชง ฉายาหัวเสือดาว ดาวสวรรค์อันดับเจ็ด ฉินหมิง ฉายาอัสนีคะนอง ดาวสวรรค์อันดับแปด ฮูเหยียนจั๋ว ฉายาแส้คู่…” กัวไฮว่มองกรรมการพลางพูดเสียงดังฟังชัด

        “จบแล้ว ฟู่จงได้ที่หนึ่งแน่ๆ คำถามแบบนี้ไม่ยากสำหรับกัวไฮว่หรอก” นักเรียนโรงเรียนจิ่วจงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเศร้าๆ

        “เหล่าเฉา แกฟังชื่อร้อยแปดผู้กล้าให้ดีนะ ถ้ากัวไฮว่ตอบตรงไหนไม่ถูก แกต้องรีบออกมาเตือนนะ” หลี่สวินอวี้พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ

        “คิดไม่ถึงเลยว่าสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนจะรั้งไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่งไม่ได้” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดยิ้มๆ ด้วยความจนใจ

        “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่ง” ซย่าโหวเทียนพูดเบาๆ สายตาของเขาตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง สถานการณ์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้นแล้ว

        “ท่านพี่ พวกเราจะถูกสัตว์ประหลาดกินจริงๆ หรือ” เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบมองพี่สาวที่อายุมากกว่าตนหนึ่งปีแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “กวนเป่า ชีวิตก็เช่นนี้แหละ ทำอะไรไม่ได้” เด็กสาวมีชื่อว่าอีเชิ่งจิน เด็กชายมีชื่อว่าเฉินกวนเป่า หรือก็คือเด็กสองคนที่ถูกชาวหมู่บ้านเฉินที่แม่น้ำทงเทียนส่งไปบูชายัญที่ศาลเจ้าปีศาจปลา[1]

        “ข้าจะยังตายไม่ได้ ข้าต้องกลับบ้าน ข้าไม่อยากถูกสัตว์ประหลาดกิน” เฉินกวนเป่าตะโกนร้องไห้เสียงดังลั่น ในขณะนั้นเอง ก็มีผู้ชายที่มีหน้าฟ้าฟาด[2] และภิกษุรูปหนึ่งปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของตน คนผู้นั้นก็คือมหาเทพซุนหงอคงในครานั้นนั่นเอง

        “เจ้าโง่ เจ้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้หญิง ข้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้ชาย แล้วเดี๋ยวเราไปเจอปีศาจปลากัน” ซุนหงอคงอุ้มเฉินกวนเป่าลงจากแท่นบูชาแล้วพูดยิ้มๆ

        “เจ้าหนู ครั้งนี้ท่านเทพกวนเซิ่งไม่ได้ปกป้องเจ้า หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องชื่อกวนเป่าแล้ว ชื่อว่าเฉินชิ่งหยวนเถอะ แปลว่ายินดีที่เจ้าได้ชีวิตใหม่ ไปกันเถอะ” ซุนหงอคงพูดพลางพาเฉินกวนเป่าออกจากศาลเจ้าปีศาจปลา

        “นะ…นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมในเบื้องลึกจิตใจแกถึงเป็นความฝันแบบนี้ ซุนหงอคง เป็นไปได้ยังไงกัน แกเป็นใครกันแน่” ตอนที่ซย่าโหวเทียนพากัวไฮว่เข้าไปสู่ความฝัน เขาก็ได้เห็นซุนหงอคง ทั้งยังมีตือโป๊ยก่าย คนที่อ่านไซอิ๋วจนคุ้นอย่างซย่าโหวเทียนทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ศาลเจ้าปีศาจปลานี่ ไม่ใช่สถานที่ตรงแม่น้ำเทียนทงที่พระถังซำจั๋งกับศิษย์ทั้งห้าผ่านไปหรอกหรือ

        “ความฝัน พาฉันไปยังความฝันจริงเสียด้วย ทว่าศักยภาพของแกอ่อนด้อยไปหน่อยนะ แม้พลังเซียนของฉันในตอนนี้จะไม่อาจต้านช่วงกาลความฝันทั้งหมดนี้ได้ แต่ก็พอจะจัดการแกได้แล้วกัน” ในเวลาเดียวกันนั่นเอง กัวไฮว่ก็ค่อยๆ เดินออกมา ในมือเขาจูงเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้ เขาคือเฉินกวนเป่า ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเฉินชิ่งหยวน หรือก็คือตนเองในครั้งก่อน

        “ข้ามมิติ…แกข้ามมิติมาจากที่อื่น ในเมื่อข้ามช่วงกาลมาได้ งั้นไซอิ๋วก็เป็นเรื่องจริงสิ เป็นไปได้ยังไงกัน”

        “ไม่อยากดูสถานการณ์ข้างนอกหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดพลางโบกมือ จากนั้นสถานการณ์ในหอประชุมก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตนเอง

        “ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเจ็ด หลี่อวิ๋น ฉายาเสือตาโศก ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบแปด เจียวถิง ฉายาไร้หน้า ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเก้า สือหย่ง ฉายาแม่ทัพโย่ว ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อย ซุนซิน ฉายาวิชัยน้อย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหนึ่ง กู้ต้าเส่า ฉายาแม่นางเสือ ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสอง จางชิง ฉายาลูกบ้านดอน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสาม ซุนเอ้อร์เหนียง ฉายานางแม่มด ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสี่ หวังติ้งลิ่ว ฉายาฟากฟ้าผ่า ดาวสวรรค์อันดับหนี่งร้อยห้า อวี้เป่าซื่อ ฉายาเทพทางอันตราย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหก ไป๋เซิ่ง ฉายาหนูกลางวัน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยเจ็ด ฉือเชียน ฉายาหมัดบนหนังกลอง ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยแปด ต้วนจิ่งจู้ ฉายาสุนัขขนทอง…ร้อยแปดผู้กล้า กรรมการทุกท่าน ไม่ผิดเลยใช่ไหมครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันนี่นา ทำไมถึงยังยืนตอบคำถามอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ” ซย่าโหวเทียนถามขึ้นด้วยความงงงวย

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันจริง แต่แกก็เข้ามาในช่วงกาลของฉันเหมือนกัน แกเล่นตลกกับฉัน ฉันก็เล่นตลกกับแก ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะ

        “แกคือเฉินกวนเป่าที่ซุนหงอคงช่วยไว้เมื่อครั้งนั้นเหรอ” ซย่าโหวเทียนถามซ้ำอีกครั้ง

        “ใช่ ฉันก็คือเด็กชายที่ท่านมหาเทพช่วยเอาไว้ที่หมู่บ้านเฉินเมื่อคราวนั้น ต่อมาก็เป็นเทพแห่งจิตบนสรวงสวรรค์” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ปล่อยฉัน ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ฉันทำผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ” ความมั่นใจของซย่าโหวเทียนถูกทำให้แตกหักไม่เหลือชิ้นดี ในฐานะผู้มีพลังวิเศษ เขาสามารถวางตัวเหนือคนอื่นได้ ถึงขนาดที่ว่ากฎของหัวซย่ายังไม่อาจจัดการอะไรพวกเขาได้ พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ตามใจอยาก แต่ครั้งนี้เขาพลาดไป เขาเจอกับกัวไฮว่ เทพผู้ถูกเนรเทศจากสรวงสวรรค์

        “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเอาทุกอย่างมาบอกแก” กัวไฮว่มองซย่าโหวเทียนแล้วพูดยิ้มๆ “บนโลกใบนี้ รวมนายแล้วก็มีสองคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของฉัน คนคนนั้นมาจากที่เดียวกันกับฉัน แล้วก็แก ฉันไม่ฆ่าแกหรอก แต่ในเมื่อแกมีจิตสังหารฉันก่อน ฉันก็ไม่ปล่อยแกไปแน่”

        “กุศล ใช่ แกฆ่าฉันไม่ได้ เซียนอย่างพวกแกต้องสะสมกุศล สะสมกุศลครบแล้วจึงจะกลับไปยังสวรรค์ได้ จริงไหมล่ะ” ซย่าโหวเทียนตะโกนเสียงดังลั่นราวกับกุมฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้

        “ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม ทำสิ่งไหนย่อมได้สิ่งนั้น” กัวไฮว่พูดเบาๆ “จำไว้นะ ชาติหน้าให้เกิดมาเป็นคนธรรมดา” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนที่เอาแต่มองกัวไฮว่อยู่ตลอด ก็ล้มคะมำไปข้างหลังอย่างรุนแรง จากนั้นทั้งหอประชุมก็โกลาหลขึ้นอีกครั้ง

         

[1] หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าหลิงก่านต้าหวัง

[2] ในที่นี้หมายถึงซุนหงอคง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

[นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ 77 ชีวิตในอดีต

Now you are reading [นิยายแปล] ผ่าสวรรค์ราชันอมตะ Chapter 77 ชีวิตในอดีต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

        “เสี่ยวหลิงโม่ จำไว้นะ ทันทีที่รู้สึกว่ามีพลังวิเศษให้กดเอาไว้ ให้อดกลั้น ระวังเข้าล่ะ” กัวไฮว่มองหลิงโม่พลางพูดเบาๆ ตอนนี้เองหลิงโม่เพิ่งจะสัมผัสได้ว่าเรื่องมันชักจะรุนแรงขึ้น จึงพยักหน้าเบาๆ

        เธอไม่ได้ชนะซย่าโหวเทียนนั่น เธอทำได้เพียงควบคุมกาลและพลังวิเศษง่ายๆ อื่นๆ อีกนิดหน่อย จากศักยภาพของเธอแล้ว ขั้นสุดที่จะทำได้ก็คือจัดการผู้มีพลังวิเศษที่อยู่ในช่วงก่อนเซียนเทียน และแน่นอนว่าซย่าโหวเทียนเก่งกว่าเธอมาก

        “พลังวิเศษแบ่งออกเป็นหลายประเภท บางคนมีพลังวิเศษเสริม บางคนมีพลังวิเศษโจมตี พวกนี้คือสิ่งที่สวรรค์ประทานให้พวกเธอ ทำให้พวกเธอไม่เหมือนกับคนธรรมดา” หนานกงหลิงโม่ยังจำคำพูดที่ชายชราท่านหนึ่งสอนหลังจากที่เธอไปลงทะเบียนผู้มีพลังวิเศษได้

        “ผู้มีพลังวิเศษจัดการคนธรรมดาน่ะง่าย แต่ถ้าเจอกับผู้บำเพ็ญเพียรเข้า ทันทีที่ผู้บำเพ็ญถึงขั้นเขตแดนเซียนเทียน พลังวิเศษก็ไม่อาจเอาชนะผู้บำเพ็ญได้ ยายหนู เธอเป็นผู้มีพลังวิเศษควบคุมกาล ต่อไปถ้าเธอเจอกับผู้บำเพ็ญช่วงก่อนเซียนเทียน เธอสามารถจู่โจมเอาชนะตอนเขาเผลอได้ แต่ถ้าเจอกับยอดฝีมือช่วงระหว่างเซียนเทียนหรือช่วงหลังเซียนเทียน ทางที่ดีก็เตรียมเผ่นดีกว่า” ชายชราพูดยิ้มๆ

        “มีอีกอย่างที่เธอต้องพึงจำไว้ให้ดี ระหว่างผู้มีพลังวิเศษด้วยกันจะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิเศษของอีกฝ่าย ถ้าเธอรู้สึกไม่สบายกาย อย่าไปหาเรื่องผู้มีพลังวิเศษคนนั้นเด็ดขาด ถ้าไม่สบายกายแปลว่าพลังวิเศษเขาแกร่งกว่าเธอ ส่วนใหญ่แล้วผู้มีพลังวิเศษมักจะตายตอนต่อสู้กันเอง” หนานกงหลิงโม่จำคำของชายชราได้ทุกคำ นับตั้งแต่เธอตื่นรู้ในพลังวิเศษมาถึงปัจจุบัน เธอก็อ่อนน้อมมาตลอด

        “พี่ไฮว่ ฉันสัมผัสพลังวิเศษของซย่าโหวเทียนนั่นไม่ได้ว่าคืออะไร แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจ ศักยภาพของเขาไม่อ่อนด้อยเลย พี่ต้องระวังให้มากๆ นะ” หนานกงหลิงโม่มองกัวไฮว่พลางพูดเบาๆ

        “เข้าใจแล้ว วางใจเถอะ ถ้ามันมีพลังวิเศษ ฉันจะทำให้มันเสียใจเอง” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        การแข่งขันรอบที่สองง่ายกว่ารอบแรกไม่น้อย เป็นการตอบแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ไม่มีใครยอมแพ้กัน หกคนแรกต่างก็ตอบคำถามของตนเองได้อย่างถูกต้อง

        “ขอแสดงความยินดีกับหนานกงหลิงโม่ที่ตอบคำถามได้ถูกทุกข้อด้วยค่ะ” ซย่าโหวเทียนตอบคำถามของตนเองได้อย่างราบลื่น และยังเป็นคำถามข้อสุดท้ายของสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ทั้งสนามเหลือเพียงแค่กัวไฮว่เท่านั้นที่ยังเหลือข้อนึง

        “กัวไฮว่ มองจอใหญ่หน่อยสิ ช่วยบอกชื่อร้อยแปดผู้กล้าในซ้องกั๋งด้วยค่ะ” หานเฟยเฟยพูดยิ้มๆ

        “ดาวสวรรค์อันดับหนึ่ง ซ่งเจียง ฉายาฝนทันใจ ดาวสวรรค์อันดับสอง หลู่จุ้นอี้ ฉายากิเลนหยก ดาวสวรรค์อันดับสาม อู๋ย่ง ฉายาเจ้าปัญญา ดาวสวรรค์อันดับสี่ กงซุนเซิ่ง ฉายามังกรต้นม่านเมฆ ดาวสวรรค์อันดับห้า กวนเซิ่ง ฉายาง้าวใหญ่ ดาวสวรรค์อันดับหกหลินชง ฉายาหัวเสือดาว ดาวสวรรค์อันดับเจ็ด ฉินหมิง ฉายาอัสนีคะนอง ดาวสวรรค์อันดับแปด ฮูเหยียนจั๋ว ฉายาแส้คู่…” กัวไฮว่มองกรรมการพลางพูดเสียงดังฟังชัด

        “จบแล้ว ฟู่จงได้ที่หนึ่งแน่ๆ คำถามแบบนี้ไม่ยากสำหรับกัวไฮว่หรอก” นักเรียนโรงเรียนจิ่วจงคนหนึ่งพูดขึ้นอย่างเศร้าๆ

        “เหล่าเฉา แกฟังชื่อร้อยแปดผู้กล้าให้ดีนะ ถ้ากัวไฮว่ตอบตรงไหนไม่ถูก แกต้องรีบออกมาเตือนนะ” หลี่สวินอวี้พูดขึ้นด้วยความพึงพอใจ

        “คิดไม่ถึงเลยว่าสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนจะรั้งไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่งไม่ได้” หลินเซี่ยวเซี่ยวพูดยิ้มๆ ด้วยความจนใจ

        “ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ให้ฟู่จงได้ที่หนึ่ง” ซย่าโหวเทียนพูดเบาๆ สายตาของเขาตกไปที่ร่างของกัวไฮว่ กัวไฮว่ชะงักไปครู่หนึ่ง สถานการณ์ทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าพลันเปลี่ยนแปลงไปหมดสิ้นแล้ว

        “ท่านพี่ พวกเราจะถูกสัตว์ประหลาดกินจริงๆ หรือ” เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบมองพี่สาวที่อายุมากกว่าตนหนึ่งปีแล้วถามขึ้นเบาๆ

        “กวนเป่า ชีวิตก็เช่นนี้แหละ ทำอะไรไม่ได้” เด็กสาวมีชื่อว่าอีเชิ่งจิน เด็กชายมีชื่อว่าเฉินกวนเป่า หรือก็คือเด็กสองคนที่ถูกชาวหมู่บ้านเฉินที่แม่น้ำทงเทียนส่งไปบูชายัญที่ศาลเจ้าปีศาจปลา[1]

        “ข้าจะยังตายไม่ได้ ข้าต้องกลับบ้าน ข้าไม่อยากถูกสัตว์ประหลาดกิน” เฉินกวนเป่าตะโกนร้องไห้เสียงดังลั่น ในขณะนั้นเอง ก็มีผู้ชายที่มีหน้าฟ้าฟาด[2] และภิกษุรูปหนึ่งปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของตน คนผู้นั้นก็คือมหาเทพซุนหงอคงในครานั้นนั่นเอง

        “เจ้าโง่ เจ้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้หญิง ข้าเปลี่ยนร่างเป็นเด็กผู้ชาย แล้วเดี๋ยวเราไปเจอปีศาจปลากัน” ซุนหงอคงอุ้มเฉินกวนเป่าลงจากแท่นบูชาแล้วพูดยิ้มๆ

        “เจ้าหนู ครั้งนี้ท่านเทพกวนเซิ่งไม่ได้ปกป้องเจ้า หลังจากนี้เจ้าไม่ต้องชื่อกวนเป่าแล้ว ชื่อว่าเฉินชิ่งหยวนเถอะ แปลว่ายินดีที่เจ้าได้ชีวิตใหม่ ไปกันเถอะ” ซุนหงอคงพูดพลางพาเฉินกวนเป่าออกจากศาลเจ้าปีศาจปลา

        “นะ…นี่เป็นไปได้ยังไงกัน ทำไมในเบื้องลึกจิตใจแกถึงเป็นความฝันแบบนี้ ซุนหงอคง เป็นไปได้ยังไงกัน แกเป็นใครกันแน่” ตอนที่ซย่าโหวเทียนพากัวไฮว่เข้าไปสู่ความฝัน เขาก็ได้เห็นซุนหงอคง ทั้งยังมีตือโป๊ยก่าย คนที่อ่านไซอิ๋วจนคุ้นอย่างซย่าโหวเทียนทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ศาลเจ้าปีศาจปลานี่ ไม่ใช่สถานที่ตรงแม่น้ำเทียนทงที่พระถังซำจั๋งกับศิษย์ทั้งห้าผ่านไปหรอกหรือ

        “ความฝัน พาฉันไปยังความฝันจริงเสียด้วย ทว่าศักยภาพของแกอ่อนด้อยไปหน่อยนะ แม้พลังเซียนของฉันในตอนนี้จะไม่อาจต้านช่วงกาลความฝันทั้งหมดนี้ได้ แต่ก็พอจะจัดการแกได้แล้วกัน” ในเวลาเดียวกันนั่นเอง กัวไฮว่ก็ค่อยๆ เดินออกมา ในมือเขาจูงเด็กชายคนหนึ่งเอาไว้ เขาคือเฉินกวนเป่า ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเฉินชิ่งหยวน หรือก็คือตนเองในครั้งก่อน

        “ข้ามมิติ…แกข้ามมิติมาจากที่อื่น ในเมื่อข้ามช่วงกาลมาได้ งั้นไซอิ๋วก็เป็นเรื่องจริงสิ เป็นไปได้ยังไงกัน”

        “ไม่อยากดูสถานการณ์ข้างนอกหน่อยเหรอ” กัวไฮว่พูดพลางโบกมือ จากนั้นสถานการณ์ในหอประชุมก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าของตนเอง

        “ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเจ็ด หลี่อวิ๋น ฉายาเสือตาโศก ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบแปด เจียวถิง ฉายาไร้หน้า ดาวสวรรค์อันดับเก้าสิบเก้า สือหย่ง ฉายาแม่ทัพโย่ว ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อย ซุนซิน ฉายาวิชัยน้อย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหนึ่ง กู้ต้าเส่า ฉายาแม่นางเสือ ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสอง จางชิง ฉายาลูกบ้านดอน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสาม ซุนเอ้อร์เหนียง ฉายานางแม่มด ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยสี่ หวังติ้งลิ่ว ฉายาฟากฟ้าผ่า ดาวสวรรค์อันดับหนี่งร้อยห้า อวี้เป่าซื่อ ฉายาเทพทางอันตราย ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยหก ไป๋เซิ่ง ฉายาหนูกลางวัน ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยเจ็ด ฉือเชียน ฉายาหมัดบนหนังกลอง ดาวสวรรค์อันดับหนึ่งร้อยแปด ต้วนจิ่งจู้ ฉายาสุนัขขนทอง…ร้อยแปดผู้กล้า กรรมการทุกท่าน ไม่ผิดเลยใช่ไหมครับ” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันนี่นา ทำไมถึงยังยืนตอบคำถามอยู่ตรงนั้นได้ล่ะ” ซย่าโหวเทียนถามขึ้นด้วยความงงงวย

        “แกเข้าไปในช่วงกาลฝันจริง แต่แกก็เข้ามาในช่วงกาลของฉันเหมือนกัน แกเล่นตลกกับฉัน ฉันก็เล่นตลกกับแก ฮ่าๆ” กัวไฮว่พูดพลางหัวเราะ

        “แกคือเฉินกวนเป่าที่ซุนหงอคงช่วยไว้เมื่อครั้งนั้นเหรอ” ซย่าโหวเทียนถามซ้ำอีกครั้ง

        “ใช่ ฉันก็คือเด็กชายที่ท่านมหาเทพช่วยเอาไว้ที่หมู่บ้านเฉินเมื่อคราวนั้น ต่อมาก็เป็นเทพแห่งจิตบนสรวงสวรรค์” กัวไฮว่พูดยิ้มๆ

        “ปล่อยฉัน ช่วยปล่อยฉันไปเถอะ ฉันทำผิดไปแล้ว ขอร้องล่ะ” ความมั่นใจของซย่าโหวเทียนถูกทำให้แตกหักไม่เหลือชิ้นดี ในฐานะผู้มีพลังวิเศษ เขาสามารถวางตัวเหนือคนอื่นได้ ถึงขนาดที่ว่ากฎของหัวซย่ายังไม่อาจจัดการอะไรพวกเขาได้ พวกเขาสามารถฆ่าคนได้ตามใจอยาก แต่ครั้งนี้เขาพลาดไป เขาเจอกับกัวไฮว่ เทพผู้ถูกเนรเทศจากสรวงสวรรค์

        “รู้ไหมว่าทำไมฉันถึงเอาทุกอย่างมาบอกแก” กัวไฮว่มองซย่าโหวเทียนแล้วพูดยิ้มๆ “บนโลกใบนี้ รวมนายแล้วก็มีสองคนที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของฉัน คนคนนั้นมาจากที่เดียวกันกับฉัน แล้วก็แก ฉันไม่ฆ่าแกหรอก แต่ในเมื่อแกมีจิตสังหารฉันก่อน ฉันก็ไม่ปล่อยแกไปแน่”

        “กุศล ใช่ แกฆ่าฉันไม่ได้ เซียนอย่างพวกแกต้องสะสมกุศล สะสมกุศลครบแล้วจึงจะกลับไปยังสวรรค์ได้ จริงไหมล่ะ” ซย่าโหวเทียนตะโกนเสียงดังลั่นราวกับกุมฟางเส้นสุดท้ายเอาไว้

        “ทุกสิ่งเป็นไปตามกรรม ทำสิ่งไหนย่อมได้สิ่งนั้น” กัวไฮว่พูดเบาๆ “จำไว้นะ ชาติหน้าให้เกิดมาเป็นคนธรรมดา” เมื่อกัวไฮว่พูดจบ ซย่าโหวเทียนจากสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนที่เอาแต่มองกัวไฮว่อยู่ตลอด ก็ล้มคะมำไปข้างหลังอย่างรุนแรง จากนั้นทั้งหอประชุมก็โกลาหลขึ้นอีกครั้ง

         

[1] หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่าหลิงก่านต้าหวัง

[2] ในที่นี้หมายถึงซุนหงอคง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+